หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book)
ระบบ
สื บพันธุ์
ชีววิทยา 5 (ว30245) ม.6
จัดทำโดย
1) นางสาว สริตา พิทักสง เลขที่ 7
2) นางสาว อาภาภัทร หาญศรีวัฒนกุล เลขที่ 8
3) นางสาว มณฑิตา สินประเสริฐ เลขที่ 15
4) นางสาว สันธิลา ธรรมเถาว์ เลขที่ 19
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1
นำเสนอ
นางสาว ณัฏฐกันย์ ดอกสันเทียะ
โรงเรียนขามสะแกแสง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา
คำนำ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) รายวิชชีววิทยา 5
(ว30245) หน่วยที่4 เรื่อง ระบบสืบพันธุ์ สำหรับนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่6 ได้จัดทำขึ้นเพื่อให้นักเรียนใช้ประกอบการ
เรียนการสอนในชั่วโมงเรียน และสามารถใช้ศึกษาเพิ่มเติมได้
ตามต้องการ ซึ่งการจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์มีวัตถุประสงค์
เพื่อผลิตสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย ดึงดูดความสนใจของผู้
เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง สามารถ
ศึกษาได้ทั้งในชั่วโมงเรียนและนอกเวลาเรียนโดยไม่จำกัดเวลา
การจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องนี้ คณะผู้จัดทำขอ
ขอบคุณผู้เชี่ยวชาญทุกท่านที่ให้ความช่วยเหลือ และหวังเป็น
อย่างยิ่งว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน
และผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย
คณะผู้จัดทำ
จุดประสงค์
1.สืบค้นข้อมูลแ ละอธิบายโครงสร้าง
และหน้าที่ของอวัยวะสืบพันธุ์เ พศ
ชายและระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
2.อธิบายกระบวนการสร้างสเปิร์ม
กระบวนการสร้างไ ข่และการปฏิสนธิ
ในมนุษย์
การสืบพันธ์ุของมนุษย์
บบสิบพันธุ์ (mproductive system) ของมนุษย์ประกอบด้วยอวัยวะที่ทำหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์
ในเพศชายคืออัณฑะสร้างสเปีร์ม ในเพศหญิงคือรังไข่สร้างเซลล์ไข่ นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างอื่น
ทำหน้าที่ช่วยเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ เช่น ลำเลียงเซลล์สืบพันธุ์ สร้างฮอร์โมนเพศ และเป็นที่ฝังตัว
ของ
เอ็มบริโอ โดยหัวข้อนี้จะกล่าวถึงโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์กระบวนการสร้าง
เซลล์สืบพันธุ์ การปฏิสนธิและการตั้งครรภ์
หน้าที่ของอวัยวะเพศชาย ?
อัณฑะ (Testis) : มี 2 ข้าง ทำหน้าที่สร้างตัวอสุจิ (Sperm) ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย ฮอร์โมนเพศ
ชายที่สำคัญ ได้แก่ เทสโทสเทอโรน (Testosterone)
ถุงอัณฑะ (Scrotum) : ปรับอุณหภูมิของอัณฑะให้ต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกายประมาณ 2-5 ๐C
หลอดสร้างอสุจิ (seminiferous tubules) : เป็นท่อสร้างอสุจิและฮอร์โมนเพศชาย
หลอดเก็บอสุจิ (Epididymis) : เป็นแหล่งพักตัวอสุจิให้เจริญเติบโต
ท่อนำอสุจิ (Vas deferens) : ลำเลียงตัวอสุจิไปเก็บที่ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ
ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ (seminal vesicle) : สร้างอาหารให้กับอสุจิ ได้แก่ น้ำตาลฟรุกโทส และ
Globulin
ต่อมลูกหมาก (prostate gland) : หลั่งสารที่เป็นเบสอ่อนเข้าไปในท่อปัสสาวะ เพื่อให้ตัวอสุจิอยู่ได้
ต่อมคาวเปอร์ (Cowper’s gland) : สร้างเมือกสารล่อเลื่อนออกในขณะที่มีความรู้สึกทางเพศ
เพศชาย
กระบวนการสร้างสเปิร์ม
กระบวนการสร้างสเปิร์ม (spermatogenesis) เกิดขึ้นภายในหลอดสร้างอสุจิในอัณฑะ ดังรูป
โดยเริ่มจากเซลล์ต้นกำเนิดที่จะเจริญเป็นสเปิร์มเรียกว่าสเปอร์มาโทโกเนียม (spermnatogonium)
ซึ่งพบบริเวณผนังหลอดสร้างอสุจิ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นสเปอร์มาโทโกเนียมซึ่งเป็นดิพลอยด์ (2n) จะแบ่งเซลล์
แบบไมโทซิสได้สเปอร์มาโทโกเนียมจำนวนมาก แล้วมีส่วนหนึ่งพัฒนาให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเรียกว่า
สเปอร์มาโทไซต์ระยะแรก (primary spermatocyte) โดยสเปอร์มาโทโกเนียมสามารถแบ่งเซลล์ได้
ตลอดช่วงวัยเจริญพันธุ์ ดังนั้นเพศชายจึงสร้างสเปิร์มได้ตั้งแต่วัยรุ่นจนตลอดชีวิตหากมีร่างกายแข็งแรง
สเปอร์มาโทไซต์ระยะแรกจะมีการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส เมื่อสิ้นสุดระยะไมโอซิส I จะได้เป็น
สเปอร์มาโทไซต์ระยะที่สอง (secondary spermatocyte) ซึ่งเป็นแฮพลอยด์ (1) เมื่อสิ้นสุดระยะ
ไมโอซิส ! จะได้สเปอร์มาทิด (spermatid) ที่เป็นแฮพลอยด์ จำนวน 4 เซลล์ จากนั้นสเปอร์มาทิดมี
การเปลี่ยนสภาพเป็นสเปิร์ม และเคลื่อนเข้าสู่ช่องของหลอดสร้างอสุจิแล้วไปยังหลอดเก็บอสุจิต่อไป
สเปิร์ม
ส่วนหัวของสเปีร์มมีนิวเคลียสที่มีชุดของ
โครโมโซม 1 ชุด มีไซโทพลาซึมน้อย บริเวณปลาย
สุดของ
หัวมีอะโครโซม (acrosome) ซึ่งเป็นถุงที่มีเอนไชม์
สำหรับย่อยเยื่อหุ้มเซลล์ไข่ ส่วนลำตัวมี
ไมโทคอนเดรียช่วยสร้างพลังงานในการเคลื่อนที่
ไปสู่เซลล์ไข่ และส่วนหางเป็นแฟลเจลลัมช่วยใน
การ
ระบบสืบพันธ์ุเพศหญิง
ระบบสืบพันธุ์ภายนอก
แคมใหญ่ เป็นอวัยวะที่มีผิวหนังนูนทั้ง 2 ข้าง บริเวณปากช่องคลอด สามารถขยายและหดตัวได้ เมื่อเข้า
สู่ช่วงวัยเจริญพันธุ์อวัยวะนี้จะมีการปกคลุมด้วยเส้นขน
แคมเล็ก มีลักษณะเป็นผิวหนังอ่อนนุ่มอยู่ระหว่างแคมใหญ่ มีขนาดกว้างไม่เกิน 2 นิ้ว ล้อมรอบช่อง
คลอด
ต่อมบาร์โธลิน อยู่บริเวณข้างช่องคลอด ทำหน้าที่ผลิตสารหล่อลื่นขณะมีเพศสัมพันธ์ และช่วยป้องกัน
ไม่ให้ช่องคลอดแห้ง
คลิตอริส หรือปุ่มกระสัน เป็นตุ่มขนาดเล็กรูปวงรีที่ถูกปกคลุมด้วยแคม หากถูกระตุ้นหรือสัมผัสอาจส่ง
ผลให้เกิดอารมณ์ทางเพศ เนื่องจากบริเวณนี้มีเส้นประสาทที่ไวต่อความรู้สึกจำนวนมาก
ระบบสืบพันธุ์ภายใน
ช่องคลอด เป็นอวัยวะที่เชื่อมกับปากมดลูกและระบบสืบพันธ์ุภายนอก เป็นช่องทางสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ การ
ไหลออกของประจำเดือน และเป็นทางที่ทารกคลอดออกมา
มดลูก เป็นจุดศูนย์กลางการเจริญเติบโตของตัวอ่อน เมื่อไข่ปฏิสนธิกับตัวอสุจิจะฝังตัวอยู่ในผนังมดลูก และ
พัฒนากลายเป็นทารก ขนาดของมดลูกสามารถขยายใหญ่ขึ้นตามขนาดของทารกได้
รังไข่ เป็นอวัยวะที่อยู่ข้างปีกมดลูกทั้ง 2 ข้าง มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และผลิตไข่ออกมา
เมื่อถึงช่วงเวลาการตกไข่
ท่อนำไข่ เป็นท่อเล็ก ๆ ที่เชื่อมติดกับมดลูกส่วนบน ทำหน้าที่เป็นทางผ่านให้ไข่เคลื่อนตัวออกมารอการปฏิสนธิ
จากอสุจิในมดลูก
กระบวนการสร้างเซลล์ไข่
โดยเริ่มจากกลุ่มเซลล์ในรังไข่ที่เรียกว่า ไพรมอร์เดียล เจอร์มเซลล์
(primordial germ cell) มีการแบ่งตัวแบบ mitosis หลายครั้ง จนได้
เซลล์จำนวนมาก เรียกว่า โอโอโกเนียม(oogonium หรือ oogonia) ต่อ
มาเซลล์จะมีการจำลองโครโมโซม และ DNA ขึ้นอีกเท่าตัว ขยายขนาด
ใหญ่ขึ้น และพร้อมที่จะแบ่งเซลล์แบบ meiosis เรียกว่า ไพรมารีโอโอ
ไซต์ (primary oocyte) หรือ โอโอไซต์ขั้นที่ 1 ต่อมาจะแบ่งเซลล์แบบ
meiosis 1 ได้เซกันดารีโอโอไซต์ (secondary oocyte) ซึ่งมีขนาดใหญ่
และโพลาร์บอดีขั้นที่ 1 (first polar body) ซึ่งมีนาดเล็ก และจะมีการแบ่ง
เซลล์แบบ meiosis 2 (เมื่อถูกปฏิสนธิ) เซลล์ขนาดใหญ่ 1 เซลล์ เรียกว่า
โอโอติด (ootid) ซึ่งจะเจริญต่อไปเป็นไข่ (ovum) ส่วนเซลล์ขนาดเล็ก 3
เซลล์ เรียกว่า เซกันดารีโพลาร์บอดี (secondary polar body) ต่อมาจะ
สลายไป
ฮอร์โมนกับระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
การทำงานของระบบสืบพันธุ์เพศหญิงมีการควบคุมด้วยระบบประสาทและฮอร์โมน
ผลายชนิดที่ทำงานสัมพันธ์กัน โดยการตกไข่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงระดับ
ของและการเปลี่ยนแปลงของผนังมดลูกจะฮอร์โมนในเลือด
?!
รูปภาพแสดงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ฟอลลิเคิลในรังไข่
และเอนโดมีเทรียมของมดลูก
เมื่อรังไข่ได้รับการกระตุ้นจาก FSH (follictimulating hormone)และ LH (luteiniziormone) จากต่อมใต้
สมองส่วนหน้าจะทำให้เจริญเพิ่มชั้นของฟอลลิเคิลที่ล้อมรอบโอโอไซในระยะก่อนการตกไข่ เซลล์ของระยะ
แรกฟอลลิเคิลที่ล้อมรอบโอโอไซต์ระยะแรกจะเจริญและสร้างฮอร์โมนอีสโทรเจน เมื่ออีสโทรเจนมีปริมาจะ
กระตุ้นให้มีการหลั่ง LH เพิ่มขึ้นระดับ LH อย่างรวดเร็วจะไปกระตุ้นให้เกิด O การตกไข่ในระยะหลังการตกไข่
ฟอลลิเคิลจเปลี่ยนแปลงไปเป็นคอร์ปัสลูเทียมสร้างและหลั่งโพรเจสเทอโรนและอีสโทรเจน 8ทำงานร่วมกัน
ไปกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ
เอนโดมีเทรียมให้แบ่งเซลล์และหนาขึ้น มีหลอดเลือดฝอยมากขึ้น เพื่อพร้อมรับการฝังตัวของเอ็มบริโอและ
ให้ร่างกายพร้อมในการตั้งครรภ์ ในขณะเดียวกันโพรเจสเทอโรนไปส่งผลให้ลดการหลั่ง LH และ FSHเพื่อไม่
ให้มีการเจริญของฟอลลิเคิลรอบใหม่ถ้ามีการตั้งครรภ์ รกจะทำหน้าที่สร้างฮอร์โมน
hCG (human chorionic gonadotrophin) ไปกระตุ้นให้คอร์ปัสลูเทียมเจริญและสร้างโพรเจสเทอโรนและ
อีสโทรเจนต่อไป แต่ถ้าไม่มีการตั้งครรภ์ คอร์ปัสลูเทียมจะค่อยๆ สลายไป 0ระดับของโพรเจสเทอโรนและอีส
โทรเจนจะลดลง0 จากนั้นเอนโดมีเทรียมส่วนที่
เจริญหนาขึ้นจะสลายและหลุดลอกและถูกขับออกจากมดลูกทางช่องคลอด เรียกว่าประจำ
เดือน(menstruation) โดยการตกไข่และประจำเดือนเกิดขึ้น
เป็นวงจร รอบละประมาณ 28 วัน ทั้งนี้ผู้หญิงแต่ละคนมีสภาพร่างกายที่แตกต่างกันรอบประจำเดือนจึงอาจมี
จำนวนวันที่แตกต่างกัน
การปฏิสนธิและการตั้งครรภ์
หลังจากที่โอโอไซต์ระยะที่สองหลุดออกจากฟอลลิเคิลจะเข้าสู่ท่อนำไข่ทางปลายเปิด
ซึ่งมีลักษณะคล้ายปากแตร โอโอไซต์ระยะที่สองเคลื่อนที่ไปตามท่อนำไข่โดยอาศัยการ
พัดโบกของซิเลียที่เซลล์เยื่อบุผิวของท่อนำไข่ เมื่อมีการผสมพันธุ์สเปิร์ม
จะเคลื่อนจากช่องคลอดไปยังมดลูก แล้วไปตามพ่อนำไข่จนพบโอโอไซต์ระยะที่
สอง เมื่อเกิดการปฏิสนธิระหว่างสเปิมและเซลล์ไข่จะได้เป็นไซโกตที่เป็นดิพลอยด์
จากนั้นไชโกตจะแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสเพื่อเพิ่มจำนวนแล้วเจริญเป็นเอ็มบริโอ
โดยเอ็มบริโอจะเคลื่อนไปฝังตัวที่เอนโดมีเทรียม ดังรูป
สเปิร์มเพียง 1 เซลล์เท่านั้นที่จะเข้าไปผสมกับเซลล์ใ
1 เซลล์ เมื่อสเปีร์มเคลื่อนที่ไปถึงเซลล์ใช่จะเคลื่อนผ่านชั้น
ของเชลล์ฟอลลิเคิลที่หลุดมากับเซลล์ใช่ แล้วปล่อยเอนไซม์
จากอะโครโซมมาย่อยสารในขั้นโซนาเพลลูซิดา (zona
pellucida) ที่หุ้มภายนอกเซลล์ใช่ เมื่อสเบิร์มเซลล์แรกเจาะ
ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์จะปล่อยนิวเคลียสมาปฏิสนธิกับนิวเคลียส
ของเซลล์ไข่ ขณะเดียวกันมีการกระตุ้นให้เซลล์ไข่ปล่อย
เอนไซม์ทำให้ชั้นโซนาเพลลูชิตาแข็งขึ้น ซึ่งจะกั้นไม่ให้
สเปิร์มอื่นมาปฏิสนธิกับเซลล์ใขได้อีก
เทคโนโลยีกับการปฏิสนธิ
และการตั้งครรภ์
นอกจากการปฏิสนธิและการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติแล้ว นักวิทยาศาสตร์
ได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อชวยเหลือคู่สามีภรรยาที่ไม่สามารถมีบุตรได้เอง
ตามธรรมชาติ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากความผิดปกติของลักษณะและจำนวน
ของสเปิร์ม ความสมบูรณ์ของมดลูก เป็นต้น โดยวิธีการแก้ไขภาวะการมี
บุตรยาก มีหลายวิธี เช่น การสร้างทารกในหลอดแก้ว (in vitro
fertilization:; IVF) ซึ่งเป็นการนำเซลล์ไข่ที่เจริญเต็มที่มาผสมกับสเปิร์ม
เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย จากนั้นเลี้ยงเอ็มบริโอในภาวะ
แวดล้อมที่เหมาะสม แล้วนำเอ็มบริโอเข้าสู่มดลูกเพื่อให้ฝั่ งตัวและเจริญ
เติบโตต่อไป โดยอาจให้ฮอร์โมนกระตุ้นให้มีการตกไข่ครั้งละหลาย ๆ
เซลล์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีบุตร
ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์เมื่อมีอายุมากกว่า 35 ปี มีความเสี่ยงสูงขึ้นที่ลูกจะมีมิวเทชันระดับโครโมโซม เช่น
กลุ่มอาการดาวน์ การตรวจโรคทางพันธุกรรมดังกล่าวของลูกในครรภ์จะช่วยให้พ่อแม่สามารถตัดสินใจ
และเตรียมความพร้อมในการเลี้ยงดูลูกต่อไปได้ สามารถทำได้โดยการตรวจด้วยการเจาะน้ำคร่ำซึ่งมี
ความแม่นยำสูงแต่มีความเสี่ยงในการแท้ง ในปัจจุบันจึงได้มีการนำเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอมาใช้ตรวจ
คัดกรอง เพื่อหาความเสี่ยงที่ลูกจะมีมิวเทชันระดับโครโมโซม เช่น NIPT (non-invasive prenatal
testing) ซึ่งตรวจหามิวเทชันจากชิ้นส่วน DNA ของลูกในครรภ์ที่เข้าสู่ระบบหมุนเวียนเลือดของแม่ การ
ตรวจใช้เพียงเลือดของแม่จึงมีความเสี่ยงต่ำ
แบบทดสอบความเข้าใจ
1.ต่อมคาวเปอร์ทำหน้าที่ใด 6.คอร์ปัสลูเทียมเปลี่ยนแปลงมาจาก
โครงสร้างใด
ก.ควบคุมอุณหภูมิใ ห้เหมาะสม ก.เซลล์ไข่
ข.โพลาร์บอดี
ข.สร้างอาหารเลี้ยงสเปิร์ม ค.หลอดเลือดฝอย
ค.สร้างสารหล่อลื่นที่มีสมบัติเป็นเบส ง.ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ง. เพราะเปลี่ยนแปลงมากจากฟอลลิเคิล
ง.ผลิตฮอร์โมนเพศชาย
ตอบ ค. 7.เซลล์ในข้อใดมีโครโมโซมแบบดิพลอยด์
ก.โอโอไซต์ระยะสอง
2.การบวนการสร้างสเปิร์มข องเพศชาย ข.สเปอร์มาทิด
ค.สเปอร์มาโกเนียม
เกิดขึ้นที่ใด ง.ข้อก.และข้อขถูก
ตอบ ค.
ก.ต่อมลูกหมาก
8.ฮอร์โมนช นิดใดทำให้เซลล์ไข่ตกเข้าสู่ท่อ
ข.องคชาต นำไข่
ก.เทสโทสเทอโรน
ค.ต่อมคาวเปอร์ ข.ลูทิไนซิงฮอร์โมน
ค.อีสโทรเจน
ง.อัณฑะ
ง.ฟอลลิเคิลสติมิวเรติงฮอร์โมน
ตอบ ง.
ตอบ ง. 9.ต้องมีสเปิร์มกี่เซลล์จึงจะสามารถเข้าไป
3.เซลล์ใ นข้อใดมีโครโมโซมแบบ ผสมกับเซลล์์ไข่ได้
ก.1เซลล์
แฮพพล อยด์ ข.2เซลล์
ค.3เซล์ขึ้นไป
ก.สเปอร์มาโทโกเนียม ง.4 เซลล์ขึ้นไป
ตอบ ก.
ข.สเปิร์ม
10การปฏิสนธิเ กิดขึ้นที่ใด
ค.สเปอร์มาทิด ก.มดลูก
ข.รังไข่
ง.ข้อข.แ ละข้อก.ถูก ค.ช่องคลอด
ง.ฟิมเบรีย
ตอบ ง.
4.การสร้างเซลล์ไข่เป็นหน้าที่ของข้อ ตอบ ข.
ใด
ก.รังไข่
ข.มดลูก
ค.ปากมดลูก
ง.ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ก.
5.เซลล์ไข่ที่ตกเข้่ าสู่ท่อนำไข่อยู่ใน
ระยะใด
ก.โอโอทิด
ข.โอโอไซต์ระยะที่2
ค.โอวัม
ง.โอโอโกเนียม
ตอบ ข.