1
2
ทกุ ข์คือส่ิงใดกนั แน่
ทำไมเรำจึงต้องกำรพ้นออกจำกสิ่งนี้
คำว่าทกุ ข์ในพระไตรลักษณ์ กับ ว่าทกุ ข์ในอริยสัจ๔
เหมือน หรือ แตกต่างกนั
3
คนมีปัญญา ไม่ตอ้ งเชื่ออะไรงา่ ยๆ พระพุทธเจา้ กเ็ ตือนเรา
แลว้ วา่ อยา่ เพ่งิ เช่ือคนที่พูดเป็นครูบาอาจาร์ย อยา่ เพ่งิ เช่ือตารา อยา่
เพ่ิงเช่ือ คาเล่าขาน อยา่ เพง่ิ เช่ือ แมก้ ระทง่ั ตวั เอง เช่ือ กฟ็ ังหูไวห้ ู
ทาตวั เองเป็น นกั วิทยศาสตร์ ทดลอง ทดสอบ ดว้ ยตวั เราเอง
คาวา่ ทกุ ข์ เป็นภาษาทว่ั ไป แต่เขาโยงไปถึงสองเร่ือง คือ
อริยสจั ๔ เป็นธรรมะหลกั ของพทุ ธศาสนา และก็กฎพระไตรลกั ษณ์
ลกั ษณะสามประการของธรรมชาติ คือ อนิจจงั ทุกขงั อนตั ตา
ศาสนาพทุ ธ ไม่ไดม้ องโลกในแง่ร้าย ไม่ไดม้ องโลกในแงด่ ี
แต่ศาสนาพทุ ธ มองโลกในแง่ความเป็นจริง พระองคต์ รัสรู้วา่ เรามี
ทุกขเ์ ป็นประธาน ต้งั แตว่ นั แรก เกิดออกมากร็ ้องไห้
สญั ชาตญาณ คือ ญาณรู้ ซ่ึงเป็นสญั ญาณในอดีตชาติ
เขาจาไดห้ มายรู้วา่ เกิดทีไร ทกุ ขท์ ุกที พอแก่ตวั มาลุกกโ็ อย นง่ั ก็โอย
พอเจบ็ ป่ วยก็ทุกขล์ าเคญ็ วนั ท่ีจะตาย ถา้ วางไม่ลง ยงั ห่วงลูก ห่วง
หลาน ห่วงทรัพยส์ ินสริงคาร มนั ตายไมล่ ง ก็ทกุ ขอ์ ีก ศาสนา
พทุ ธไมไ่ ดส้ อนใหค้ น เป็นคนดี ศาสนาพทุ ธไมไ่ ดส้ อนใหค้ น เป็น
คนชวั่ เป็น คือ อตั ตา
แต่สอนวา่ อะไรคือทกุ ข์ อะไรคือเหตแุ ห่งทุกข์ อะไรคือ
ความดบั ทุกข์ อะไรคือหนทางไปสู่การพน้ ทุกข์ พดู เร่ืองความสุข มี
เพยี งอยา่ งเดียวเทา่ น้นั คอื นิพพานเป็นสุขอยา่ งยง่ิ
4
ทาไมเราถึงตอ้ งมา เสียเวลาปฎิบตั ิธรรม เพื่ออะไร สิ่งท่ี
พระพทุ ธเจา้ ตรัสรู้คือ อริยสจั ๔ คาถามวา่ มีอยจู่ ริงหรือไม่ อริยสัจ๔
เคา้ แปลไวว้ า่ ความจริงท่ียง่ิ ใหญ่ ส่ีประการ มนั ตอ้ งยอ่ มมีอยจู่ ริงสิ
ไม่อยา่ งน้นั พระพทุ ธเจา้ ไมต่ รัส
ทีน้ีแลว้ มนั คืออะไรกนั แน่? ทกุ ขใ์ นที่น้ีมนั คืออะไร?
ถา้ พ้นื ฐานของความเป็นมนุษย์ ทุกคนทุกข์ เราเกิดมา เราก็
ทุกข์ เพราะตอ้ งแก่ ตอ้ งเจ็บ ตอ้ งตาย พระพุทธเจา้ บอกวา่
ถา้ ทุกขโ์ ดยธรรมชาติ มนั เนื่องดว้ ยกระแสกรรมเก่า เราอยากก็ช่าง
เราไมอ่ ยากก็ช่าง เราไม่อยากเกิดอีก กระแสกรรมยอมม้ยั ! ไม่ยอม
อยากเกิดใหม้ นั ดีข้ึน เราก็เลือกไมไ่ ด้
เราเกิดเพราะกรรม ตายเพราะกรรม ไม่ใช่ยมบาลที่ไหน
พระเจา้ ท่ีไหน มากาหนดชีวิตเรา ทาไมเกิดเป็นชาย ทาไมเกิดเป็น
หญิง ทาไมเกิดมารวย ทาไมเกิดมาจน เพราะกรรมเป็นตวั กาหนด
เนื่องจากกรรมของเรา ที่สร้างมา ทาใหเ้ รามาเกิดอยใู่ นร่างน้ี เรามี
กรรมสองอยา่ ง กรรมชว่ั กบั กรรมดี ถา้ เราไมม่ ีกรรมชว่ั เราก็ไม่
ไดม้ าเกิดอีกแน่นอน แต่ถา้ เราไม่มีกรรมดี เราก็ไมไ่ ดเ้ กิดมาอยใู่ น
ร่างมนุษยผ์ ปู้ ระเสริฐ
ทีน้ีถา้ เราเกิดมาตามกรรม เราก็จะมีทุกขพ์ ้ืนฐาน
คือ ทุกขเ์ พราะ แก่ เจ็บ ตาย ส่วนเคร่ืองมือในการดารงชีวิต
เรามีแค่ส่ีอยา่ ง คือปัจจยั ส่ี มีที่อยอู่ าศยั เคร่ืองนุ่งห่ม ยารักษาโรค
5
และอาหาร แคน่ ้ีเราก็อยแู่ บบมีความสุขตามอตั ภาพ แลว้ เราก็ใชห้ น้ี
กรรมไป แต่ตอนท่ีเราเกิดมา คนท่ีรักเราท่ีสุด เขาต้งั ช่ือที่เขาเรียก
แลว้ เขามีความสุข ลกู บญั ชา เธอช่ือบญั ชา เพราะพอ่ แมช่ อบช่ือน้ี
และแถมศาสนามาดว้ ย พทุ ธนะลูก เพราะพ่อแม่วา่ มนั ดี
ใหเ้ รานบั ถือพุทธ โดยท่ีเราไมร่ ู้วา่ คืออะไร เขารักเรามาก เขา
ห่วงอนาคตเรามาก เขากส็ ่งไปเรียนรู้วิชาสร้างอนาคต เราเลย
กลายเป็นส่ิงที่คนอ่ืน อยากใหเ้ ราเป็น เราไม่เคยรู้เลยวา่ เราเป็นใคร
เรากลายเป็นบญั ชา อนั น้ีคือสิ่งปรุงแต่งแลว้ ทีน้ีเราไปเรียนวชิ า สร้าง
อนาคต เขาก็บอกวา่ เรียนเก่งๆ แลว้ กห็ าเงินเยอะๆ รวยแลว้ จะไดม้ ี
ความสุข ตอนน้ีเราถกู ใส่โปรแกรมเขา้ ไปแลว้ ใส่ความรู้ผดิ
ซ่ึงมนั แฝงดว้ ย โลภ โกรธ หลง ตอนน้ีกส็ นุกแลว้ แทนที่จะ
มาเกิดมารับหน้ีกรรมพ้ืนฐาน เราก็มาสร้างกรรมใหมอ่ ีกแลว้ เร่ิมตน้
จากวา่ เรามาปรุงแต่ง ลูกกินอนั น้ีนะ อร่อย เรากต็ ิดรสชาติมนั
อนั น้ีก็สวยนะ อนั น้ีดีนะ กล่ินแบบน้ี เขาเรียกวา่ หอม เราก็ชอบ
ห๊อมหอม เรากม็ าสร้างเร่ืองกาม อนั ดบั แรก
เราพฒั นากิเลสตวั เองใหไ้ ปติดท่ี กามคุณ๕ รูป รส กล่ิน
เสียง สัมผสั สร้างกาม แลว้ ก็มาสร้างตวั ตน เราเป็นบญั ชา เราเก่ง
เราเหนือกวา่ คนอื่น เราภูมิใจในความเป็นเรา สร้างภพข้ึนมา
กลายเป็นอตั ตาข้ึนมาแลว้ และยงิ่ เรียนมากๆ เรากม็ ีทิฐิ หลงวา่ เราเก่ง
6
กวา่ คนอื่น เราก็กลายเป็น คนมีทิฐิมานะ เห็นมย๊ั ส่ิงเหล่าน้ีมนั เกิด
เพราะ อวิชชา ความรู้ผิด ที่เขาใส่โปรแกรมให้เรามา
กาม-ภพ-ทิฐิ-อวชิ ชา สี่อยา่ งน้ี เรียกวา่ อาสวะกิเลส ส่ีอยา่ งน้ีก็
พฒั นาบ่มเพาะกลายเป็น สงั โยชน์๑๐ ถา้ เรามีทุกขต์ ามธรรมชาติ
เราก็ทุกขไ์ ม่เยอะ เหมือนทาซาน หิวก็กิน งว่ งก็นอน มีแค่ปัจจยั สี่
พ้นื ฐานเท่าน้นั
ทกุ ขใ์ นอริยสัจ๔ เกิดข้ึน กเ็ พราะเหตแุ ห่งทุกข์ คือ ตณั หา
สมทุ ยั น่ีคือตวั ตณั หา กิเลสทาใหเ้ กิดตณั หา ตณั หาทาใหเ้ กิดอุปทาน
อปุ ทานทาใหเ้ กิดทุกข์ เมื่อเกิดตณั หาแลว้ มนั ก็ไปสร้างกรรม หรือวา่
ไปตอ่ สู้ เพื่อจะสนองความโลภของตวั เอง ตณั หาทาใหเ้ กิดความโลภ
มานะทาใหเ้ กิดความโกรธ ทิฐิทาใหเ้ กิดความหลง แลว้ มนั ก็
บม่ เพาะ กลายเป็นสงั โยชน์๑๐
ทีน้ี ทกุ ขโ์ ดยธรรมชาติ ไมพ่ อแลว้ มาเพมิ่ ทุกขใ์ หม่ เพิม่
กรรมใหม่ กรรมเก่าบวกกรรมใหม่ ก็คือผล ทกุ ขใ์ นอริยสัจ๔ เป็น
ทุกขซ์ ่ึงเกิดจากกรรมใหม่ อยา่ งสมมตุ ิวา่ เอาทุเรียนสุกๆ มาต้งั ไว้
ตรงน้ี ทกุ คนตอ้ งกิน อยา่ หนีไปไหน นาย ก เกลียดทุเรียนมาก พอได้
กลิ่นกเ็ หมน็ ม๊ากมาก แต่ถกู ฝืนใหก้ ิน นาย ก ทุกขม์ าก แตน่ าย ข
ชอบทุเรียน เป็นชีวิตจิตใจ มีความสุขมาก ถา้ ความทุกข์ มนั เป็นจริง
มนั ตอ้ งทกุ ขเ์ หมือนกนั หมด ทาไมนาย ก ทุกขม์ าก แตน่ าย ข มี
ความสุข
7
เห็นมย๊ั ทุกขใ์ นอริยสัจ๔ เป็นทุกขซ์ ่ึงตอ้ ง มีเหตุของมนั อยู่
ทกุ คนมีตณั หาที่ต่างกนั ตณั หา มนั เกิดจากกิเลสท่ีเราบ่มเพาะมา
ตามความเคยชินของเรา กินทุเรียนบอ่ ยๆ เราก็ติดทเุ รียน กิเลสเรา
ชอบ พอไดก้ ินทุเรียน ก็เกิดอุปทาน คือ รู้สึกมีความสุข แตถ่ า้ กิเลส
เราบอกทุเรียนเหมน็ ไม่ชอบ เรากบ็ ม่ เพาะกิเลส วา่ เราไม่มีความ
อยากกินทเุ รียน แต่ถา้ ถูกบงั คบั ใหก้ ิน เราก็เกิดทกุ ข์
ความอยากก็ทุกข์ ความไม่อยากก็ทุกข์ ตณั หา วภิ าวะตณั หา
คือ ที่มาของทุกข์ แสดงวา่ ทุกขใ์ นอริยสัจ๔ มนั ไม่ใช่ของจริง
มนั เป็นอปุ ทาน แตไ่ ม่ใช่มนั ไม่เกิด มนั เกิดข้ึนไดจ้ ริง มีอยจู่ ริง แต่
เกิดเนื่องดว้ ยเรา มีอปุ ทาน เพราะเรามีตณั หาที่ตา่ งกนั เราตอ้ ง
ทดลองปฎิบตั ิ เมื่อเขา้ ถึงมนั แลว้ เราจะรู้วา่ ทกุ ขจ์ ริงๆ มนั คืออะไร
พดู ดว้ ยภาษามนั หยาบเกินไป ที่จะอธิบายส่ิงน้นั
อริยสจั ๔ คือ เร่ืองปัจจุบนั วา่ เราทุกข์ เหตุแห่งทุกข์
คือ เราเกิดตณั หา เพราะเรามีกิเลส แลว้ ทาไม เราถึงเกิดมา
เราก็ไลไ่ ป ก็เพราะ กรรมถึงมาเกิด พ่อครูกเ็ อาเรื่องกรรม เป็น
ประธาน เพราะชีวติ เรา ไม่ใช่เร่ืองชาติเดียว มนั มีท่ีมาท่ีไปของมนั อยู่
เพราะเรามีกรรม เราถึงไดม้ าเกิด พอเราเผลอ เรากส็ ร้างกิเลสใหม่
สร้างตณั หาใหม่ สร้างอุปทานใหม่ ก็ไปสร้างกรรมใหม่
ตามหลกั จิตวิทยาน้นั เขาเรียก กฎแห่งกรรมน้ีวา่ กฏแห่งการ
ลงโทษความผดิ โดยธรรมชาติ ภาษาองั กฤษเขาเรียกวา่ Principle of
8
talent หมายถึง กระทาความผดิ ใดๆ ยอ่ มมีผลงานตอบสนอง
ความผดิ น้นั ๆ โดยทางตรง ทางออ้ ม ท่ีเทา่ กนั เสมอไป
กรรม แบ่งเป็นสองลกั ษณะ คือ กรรมดี และ กรรมชวั่
เกิดจากอารณ์ของจิตใจ เป็นมูลเหตุ เมื่อจิตใจถกู แรงรบเร้าดว้ ย
อารมณ์จากภายนอก อนั เป็นกิเลสตณั หา ก็จะเกิดความต้งั ใจ หรือ
จงใจกระทากรรมข้ึนทนั ที กรรมเช่นน้ี จะประทบั ไวใ้ นจิตใจอยู่
ตลอดเวลา เรียกวา่ ประทบั จิตติดวิญญาณ ไม่ใช่ยมบาลเป็นคนมา
จดไว้ จิตเราบนั ทึกไวเ้ อง
เราไปอยใู่ นป่ าคนเดียว ไมต่ อ้ งไปสร้างกรรมกบั ใคร นง่ั
กรรมฐานป๊ึ บ คิดถึง นาย ก มีความพยาบาทเกลียดชงั คนอ่ืนไม่รู้
จิตเราบนั ทึกไวเ้ รียบร้อยแลว้ มนั ประทบั จิตติดวิญญาณ เหมือนเงา
ตามตวั กลายเป็นวิบาก ซ่ึงรอวนั ส่งผลเทา่ น้นั เอง
ก็เริ่มตน้ จากกิเลส ทาใหเ้ ราสร้างกรรม กรรมน้ี กส็ ่งผล
กลายเป็นวิบากกรรม เหมือนพระอรหนั ตเ์ ดินมา อาจจะเหยยี บมด
ตายหลายตวั แตท่ ่านไม่ไดเ้ จตนา แตถ่ า้ เราไปเอามนั มาบ้ี กบ็ นั ทึก
เตม็ ๆ กรรมช้ีเจตนา อนั น้นั กรรมเฉพาะหนา้ กิเลสวบิ ากนี่มนั จึง
หมุนเวยี น ไม่รู้จกั จบสิ้น วิบากกรรมกส็ ่งผลแลว้ เราก็สร้างกิเลส
ใหมอ่ ีก สร้างกรรมใหม่ ก็ส่งผลวิบาก น่ีคือ การเวยี นวา่ ยตายเกิด
พระพุทธเจา้ ถึงบอกวา่ อยา่ ประมาท
9
วฎั สงสารน่ากลวั มาก ทุกขใ์ นอริยสจั ๔ จึงเกิดมาจากตณั หา
กิเลส ทาใหเ้ กิดตณั หา ตณั หา ทาใหเ้ กิดอุปทาน อุปทาน ทาใหเ้ กิด
ทุกข์ ซ่ึงทุกขก์ เ็ กิดมาจาก สร้างกรรมใหมด่ ว้ ยตณั หา แค่ปัจจยั ส่ียงั ไม่
เพียงพอ สนองตณั หาเราได้ เราตอ้ งดิ้นรนขวนขวาย แลว้ กไ็ ปทุกข์
เพอื่ จะสร้างอนาคต เราไมไ่ ดท้ างานเพอื่ ชีวติ
เราเอาชีวิตเรา ไปทุกขเ์ พื่อสร้างอนาคต อนาคตเรา หมายถึง
มีเงินเยอะๆ วนั ท่ีจะตายจากไปยงั ห่วงลกู ห่วงหลาน ห่วงทรัพยส์ ิน
ตายไม่ลงทุกขอ์ ีก วินาทีนน่ั ทุกขม์ าก กรรมสุดทา้ ย เป็นตวั ส่งผล
ใหเ้ ราอยใู่ นร่างที่ดีข้ึน หรือเลวลง
ที่พ่อครูพูดมาท้งั หมด พิสูจนไ์ ด้
“ทา่ นจงมาดูเถิด ปฏิบตั ิเถิด ผใู้ ดเห็นธรรม ผูน้ ้นั เห็นเรา
ตถาคต” อกาลิโก ไม่จากดั กาลเวลา หรือสถานที่
ตราบใดที่มีผคู้ น อยใู่ นหนทางแห่งมรรค ไมล่ ะเวน้ แมน้ พระ
อรหนั ต์ ทุกขท์ ่ีเกิดในอริยสจั ๔ จึงไม่ใช่ของจริง แตเ่ ป็นแค่อปุ ทาน
ของจิต ซ่ึงตอ้ งรับวิบากกรรม
ทุกขใ์ นอริยสัจ๔ กบั ทุกขงั ในพระไตรลกั ษณ์ ต่างกนั อยา่ งไร
ทกุ ขใ์ นอริยสัจ๔ น้นั อยภู่ ายใตก้ ฎพระไตรลกั ษณ์ เช่นเดียวกนั
คาวา่ ทกุ ข์ มนั ก็เป็น ทุกขงั อนิจงั อนตั ตา มนั ไม่เท่ียง ทุกข์
ในอริยสัจ๔ เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เปล่ียนจากทุกขน์ ้นั ใหม้ นั
พน้ ทกุ ข์ หรือเปลี่ยนจากทกุ ข์ ใหม้ นั สุขก็ได้ มนั ไมจ่ ีรังยงั่ ยนื เพราะ
10
มนั อยภู่ ายใตก้ ฎพระไตรลกั ษณ์ มนั เป็น อนิจจงั ทุกขงั อนตั ตา
คือมนั เปลี่ยนแปลงได้ มนั ไม่เที่ยง
ส่วนทกุ ขงั ในกฎพระไตรลกั ษณ์น้นั เปลี่ยนแปลงไมไ่ ด้
มนั เป็นความจริงอยา่ งยงิ่ อีกก่ีลา้ นปี ลา้ นชาติ ใครก็เปลี่ยนแปลง
ไมไ่ ด้ มนั คือกฎเกณฑต์ ามธรรมชาติ มนั คือของจริง
คาวา่ ทุกขงั ในที่น้ี ไม่ไดแ้ ปลวา่ ทกุ ขท์ ่ีตรงขา้ ม กบั ตวั สุข
ทกุ ขงั ในกฎพระไตรลกั ษณ์ คือ ดารงอยไู่ ดย้ าก มนั เกิดข้ึน ต้งั อยู่
สลาย อนั น้ีไมใ่ ช่ทฤษฏี ที่ใครคิดข้ึนมา มนั เป็นความจริง ท่ี
พระพุทธเจา้ ไปตรัสรู้มา
ทกุ ขงั ในกฎพระไตรลกั ษณ์เปล่ียนไมไ่ ด้ แตเ่ ราหนีมนั ได้
เราหนีออกจากวฎั สงสารน้ีได้ กฎพระไตรลกั ษณ์ ก็ไปครอบงาเรา
ไมไ่ ด้ อนั น้ีคือ สจั ธรรม
เหมือนร่างกายมนุษย์ ยอ่ มเปลี่ยนแปลง ไปตามกฎพระไตร
ลกั ษณ์ อยา่ งตวั ฉนั น่ีหา้ มแก่ ฉนั ไมอ่ ยากแก่ แก่แลว้ ทกุ ขม์ าก และ
หา้ มเจ็บดว้ ย ฉนั ไมช่ อบ พอจะตายก็หา้ มตาย กลวั ทรมาน แลว้
ร่างกายมนั ฟังเราม้ยั มนั ไม่ฟังเรา เพราะมนั ไมใ่ ช่ของเรา มนั เป็น
อนตั ตา มนั ไม่ใช่ตวั ตนที่แน่นอน เป็นของชวั่ คราว แลว้ มนั กเ็ ป็น
ทุกขงั ดารงอยไู่ ดย้ าก เปล่ียนแปลง ไปตามสภาพของมนั เพราะมนั
เป็น อนิจจงั มนั ไม่เท่ียง นี่แหละ คือ กฎพระไตรลกั ษณ์ ถา้ เรา
เขา้ ใจส่ิงน้ี เราจะไม่มีตวั ตน เราจะไม่ยดึ มน่ั ถือมนั่
11
บางคร้ังเราอยา่ เช่ือมนั่ ในความรู้เราวา่ เรารู้แลว้ เรากร็ ู้นน่ั
แหละ รู้วิชาท่ีเรียนมา แตเ่ ราไมร่ ู้ ชีวติ เราบริหารชีวติ ตวั เอง ยงั ทกุ ข์
อยกู่ บั การแสวงหาอยู่ ยงั คุยกบั ลกู เมีย คนท่ีเรารักไมร่ ู้เรื่อง เพราะ
เราไม่เคยเรียนวิชาชีวติ ศาสนาพุทธสอนวิชาชีวติ
ชีวิตเราพอตื่นเชา้ ข้ึนมา ลืมตา กเ็ ห็นแปรงสีฟัน ยาสีฟัน
เห็นเส้ือผา้ พ่อแม่พน่ี อ้ ง เห็นสามีภรรยา เห็นบา้ นเห็นช่อง เห็นการ
เห็นงาน เห็นเงิน เห็นทอง พอกลางคืน หลบั ตาลง ไมเ่ ห็นอะไรเลย
เหมือนคนตาบอด ทุกวนั ทกุ วนั ก็เป็นเช่นน้นั
เราไม่เคยเห็นตวั เองเลย เม่ือเราไม่เคยเห็นตวั เอง เราจะไปรู้
วา่ ตวั เอง เป็นใคร….มาจากไหน....เกิดมาทาไม....ตายแลว้ ไปไหน
ไอค้ วามสุขจริงๆ รูปร่างหนา้ ตา มนั เป็นอยา่ งไร
พ่อครูเคยถามเด็กหลายคน วา่ ตวั ความสุข เป็นแบบไหน วาด
ใหด้ ูหน่อย ก็วาดไมไ่ ดส้ ักคน เม่ือคุณไม่รู้วา่ ความสุขเป็นอยา่ งไร
แลว้ คุณคิดวา่ จะไปเจอมนั หรือ มนั เป็นเป้าหมายเล่ือนลอย
ส่วนพระพทุ ธเจา้ บอกวธิ ี วา่ ใหท้ าอยา่ งไร เราหลงสร้าง
กรรมมา ต้งั หลายภพ หลายชาติแลว้ แลว้ จะมาจ่ายหน้ีกรรม ใน
ชาตินึง จะหมดไดอ้ ยา่ งไร
ในแง่ตรรกะ แลว้ ถา้ เราไมท่ าอะไรเลย บางคนบอกวา่ พอ่ ครู
พดู วา่ สัตวโ์ ลก ยอ่ มเป็นไปตามกรรม ก็ปล่อยไปตามกรรมสิ
12
ปฎิบตั ิธรรมทาไม เอะ๊ ! ฟังเหมือน มีเหตผุ ลเหมือนกนั กรรมเก่าบวก
กรรมปัจจุบนั คือผลบุญเก่า บวกบุญปัจจุบนั คือผลเช่นเดียวกนั
เหมือนปลาน้าจืด ถา้ มนั มกั ง่าย ปล่อยใหล้ อยตามกระแสน้า ก็
ไม่ตอ้ งเหนื่อย ท่ีจะตอ้ งวา่ ยทวนกระแส แต่สุดทา้ ย ก็ไหลออกทะเล
ตายหมด ถา้ เราเป็นไปตามกรรม กรรมปัจจุบนั เราเลือกได้ ท่ีเราจะ
ทวนกระแส หรือเปล่า ถา้ เรารู้วา่ ลงทะเล เราตายแน่ เราก็ขยนั ทวน
กระแส นน่ั เป็นทางรอด
ไม่ใช่ ไปโยนใหก้ รรมเก่าฝ่ ายเดียว ทุกคนสร้างมาท้งั หมด
ท้งั กรรมดี กรรมชว่ั ไม่ตอ้ งสงสยั ถา้ เราไม่มีบญุ เยอะๆ เรากไ็ ม่ได้
เกิดมาเป็นมนุษยผ์ ปู้ ระเสริฐ ไมใ่ ช่เทวดาทุกองค์ จะไดม้ าเกิดเป็น
มนุษย์ ไมม่ ีทาง บางทีเสพกรรมดี เกิดมาเป็นสัตวก์ ไ็ ด้ เป็นอะไรกไ็ ด้
ไม่ใช่ตอ้ งมาเป็นมนุษย์ เราไม่ใช่ธรรมดา อยา่ ดูถูกตวั เอง
ส่วนกรรมชว่ั กไ็ ม่ตอ้ งห่วง ทกุ คน ทามาหมดแลว้ แคใ่ หเ้ รา
ยอมรับ ถา้ ยอม
วชิ าแรกท่ีพระพุทธเจา้ ตรัสรู้ คือ บุพเพนิวาสานสุ สติญาณ
ญาณรู้ วา่ ดว้ ยการระลึกชาติ พระองคไ์ ปเห็น สมยั เป็นพระเวชสนั ดร
เป็นอะไรมากมาย ท้งั กรรมดี กรรมชวั่ สร้างมามาก
ทีน้ีพระองคก์ ็ไปตรัสรู้ วชิ าท่ีสอง คือ จตูปปาตญาณ
ญาณรู้วา่ ดว้ ยการเกิดเพราะกรรม ตายเพราะกรรม ไม่ใช่พระเจา้ ที่
ไหน มากาหนดชีวติ เรา กรรมเป็นตวั กาหนด แน่นอนพิสูจนว์ า่ เรา
13
ชาติน้ี เราเกิดมาเป็นร่างมนุษยน์ ้ี กรรมดี เราตอ้ งมากกวา่ กรรมชวั่
แน่นอน ถึงไดม้ าอยู่ ในร่างมนุษยผ์ ปู้ ระเสริฐ พระองคก์ ็รู้วา่ หลง
สร้างกรรม มาต้งั หลายชาติ จะมาใชช้ าติน้ี มนั จะหมดไดอ้ ยา่ งไร
วชิ าที่สามน่ีมีอยแู่ ห่งเดียว ในโลกใบน้ี ในศาสนาเดียว
พระพทุ ธเจา้ ไปพบวิธี ไปเห็นวา่ ตน้ เหตุท่ีเราสร้างกรรม กเ็ นื่องจาก
เรามี อาสวกิเลส พระองคก์ ต็ รัสรู้วิชา วา่ ดว้ ย การกาจดั อาสวกิเลส
คือ วชิ าที่สาม อาสวักขยญาณ ญาณรู้ วา่ ดว้ ยการกาจดั อาสวกิเลส
ก็คือ มรรคมีองคแ์ ปด
และกง็ า่ ยๆ ไมต่ อ้ งใชเ้ ทคโนโลยี ไม่ตอ้ งไปเขา้ คอรส์เรียน
learning by doing เรียนรู้ดว้ ยการปฎิบตั ิจริง เจา้ ชายสิทธตั ถะไมเ่ คย
อา่ นพระไตรปิ ฎกเลย พระองคเ์ ร่ิมจากปฎิบตั ิก่อน ลองผดิ ลองถูกอยู่
หกพรรษา เมื่อตรัสรู้ธรรมเขา้ สู่ปฎิเวธ เอาส่ิงที่พระองคร์ ู้ พระองค์
เห็นมาบอกกล่าว กลายเป็น บนั ทึกปริยตั ิเกิดข้ึนทีหลงั
ส่ิงท่ีพระพุทธเจา้ ตรัสรู้น้นั คือ ความจริงอยา่ งยง่ิ แตส่ ่ิง
ที่พระองคท์ รงสอน เปล่งวาจา เป็นภาษาแลว้ น้นั พระองคบ์ อกวา่
อยา่ เพง่ิ เชื่อตารา แตพ่ ระองคใ์ ชภ้ าษา มาบอกเราวา่ ท่านจงมาดูเถิด
ปฎิบตั ิเถิด ผใู้ ดเห็นธรรม ผนู้ ้นั เห็นเราตถาคต
เมื่อเราเขา้ ถึงธรรมแลว้ เราจะเขา้ ใจ สิ่งท่ีพระพทุ ธเจา้ ตรัสรู้
เพราะส่ิงน้นั พดู ดว้ ยภาษาไม่ได้ ยคุ น้ีความรู้ เราเกิดข้ึนจากองค์
ภาษาท้งั น้นั มนั เป็นแคว่ ิชาการ ไม่ใช่ถกู หรือผดิ มนั เป็นความรู้ซ่ึง
14
เป็นกลางๆ แต่ถา้ เราเขา้ ใจ ความรู้น้นั ผิด เป็นความชว่ั ร้ายอยา่ งยง่ิ
และถา้ เราไปหลงมนั อีก เป็นอวิชชาทนั ที
นกั เรียน เรียนหนงั สือไปท่องจา สอบเสร็จก็ลืมหมด เรา
กย็ งั อุตสาห์ ท่มุ เทไปตลอดชีวติ ลงทนุ ลงแรงไปเรียน เรียนก็ทุกข์
ออกมาทางานกย็ งั ทุกข์ เกษยี ณกย็ งั ทุกข์
แต่พระพทุ ธเจา้ สอนงา่ ยๆ ไม่กลา้ คิด เพราะเราคดิ วา่ เราชวั่
เราคงไม่ชวั่ เท่ากบั องคุลีมาลแน่นอน ทุกคนมีสิทธ์ิ แตก่ รรมกส็ ่วน
กรรม กรรมชว่ั กส็ ่วนกรรมชวั่ เราจะทาบุญไปลา้ งบาปไมไ่ ด้ เรามี
หนา้ ที่อยา่ งเดียว คือ เผน่ หนีออกจากวฏั สงสาร เป็นทางเดียวที่
กระแสกรรม มนั บ้ีไลเ่ ราไม่ได้
เจา้ ชายสิทธตั ถะตรัสรู้ธรรม เป็นพระสมั มาสัมพุทธเจา้ แลว้ ก็
ยงั อยู่ ในร่างเจา้ ชายสิทธตั ถะ ทาหนา้ ที่เผยแพร่พระพทุ ธศาสนา อีก
ส่ีสิบหา้ พรรษา ทีน้ี รู้หรือยงั นิพพานอยตู่ รงไหน สวรรคอ์ ยใู่ นอก
นรกอยใู่ นใจ นิพพานอยใู่ นจิตเรานี่ละ
แมก้ ระทง่ั เป็นพระพทุ ธเจา้ เจา้ แห่งพทุ ธะ กรรมมนั ไม่ได้
หยดุ ยงั โดนเทวทตั เล่นงานเลย แต่กระทบ ไมก่ ระเทือน คือ
พระองคไ์ ปหยดุ กรรมคนอื่นไมไ่ ด้ กรรมที่มนั ฝังอยใู่ นจิตเขา เขาก็
ตอ้ งพยาบาทเรา มนั กระทบ แตจ่ ิตเราไม่โง่ ที่จะไปรับกรรม
จะไปทกุ ขก์ บั มนั นอกจากวนั ไหน เราละสงั ขารแลว้ ไมต่ อ้ งมา
เวยี นวา่ ย ตายเกิด ในสามโลกธาตุน้ี กระแสกรรม มนั ก็ไลบ่ ้ีเราไมไ่ ด้
15
ยกตวั อยา่ ง ทุกคน คงมีประสบการณ์ ชีวติ น้ี เราเกิดมา เจอ
นาย ก ไมเ่ คยรู้จกั กนั เลย ถกู ชะตามากเลย เจอนาย ข หมนั่ ไส้มาก
โดย ไมม่ ีเหตุผลอะไร มนั เป็นวิบากกรรมเก่า เป็นสญั ญาเดิม ถา้ เรา
ไมร่ ีบลา้ งมนั ออก มนั จะแบก ขา้ มภพขา้ มชาติ ความเกลียดชงั
มนั จะกลายเป็นพยาบาท
วธิ ีแกง้ ่ายนิดเดียว คือ อโหสิกรรม อยา่ ไปร้ือฟ้ื นวา่ มึงถูกมึง
ผิด มนั ไม่ไดเ้ กิดข้ึนลอยๆ เหตเุ กิด ผลจึงเกิด เหตุดบั ผลจึงดบั เวร
จึงยอ่ มระงบั ดว้ ยการไมจ่ องเวร วิบากกรรมท้งั ฝ่ายบวก ฝ่ายลบ มนั
มีเงื่อนไขเวลาดว้ ย ถา้ ไมถ่ ึงเวลา มนั กไ็ มส่ ่งผล
พอ่ ครูกเ็ รียบเรียงให้ เร่ิมจากกรรม แตก่ รรมไม่ไดเ้ กิดข้ึน
ลอยๆ กรรมในอดีต มนั เกิดจากเรามีกิเลส ตณั หา อปุ ทาน กส็ ร้าง
กรรม พอเราตาย กรรมน้นั ก็ส่งให้ เรามาเกิด อยใู่ นร่างอยา่ งน้ี
เป็นสตั วเ์ ดรัจฉาน เป็นเปรต อสูรกาย เป็นเทวดาน้นั กรรมเป็น
ตวั กาหนด
พอเกิดมาแลว้ ถา้ กรรมมนั แรง สมมุติวา่ เกิดมาในครอบครัว
ท่ีเป็นโจร ที่เขาพดู วา่ ลูกไมห้ ลน่ ไมไ่ กลตน้ อนั น้ีเป็นทฤษฏีซ่ึง
ใกลเ้ คียง แตว่ า่ ไม่เสมอไป เหมือนแอปเป้ิ ลตน้ น้ี ลกู มนั หลน่ ลงมา
บงั เอิญมีผดู้ ีคนนึง เขาเก็บแอปเป้ิ ลลกู น้ี ไปในสิ่งแวดลอ้ มใหม่ ไป
ปลูกใหม่ มนั กเ็ ปล่ียนแปลงได้ ถา้ มนั มีบุญอยู่
16
กรรมปัจจุบนั น้ี เปล่ียนได้ แตส่ ่วนมาก ถา้ กรรมมนั หนกั แลว้
มนั กต็ อ้ งมาเสวยกรรมตวั น้นั ถา้ เราไม่ทวนกระแสกรรมน้นั เราก็
เป็นไปตามกรรมแน่นอน ก็ จากกรรมทาใหเ้ ราเกิด เกิดแลว้ เราก็
มาปรุงแตง่ กิเลสข้ึนมา กิเลส คือ ความเคยชิน มาติดใจในกาม
มาสร้างภพ สร้างทิฐิมานะ แลว้ กม็ าเรียนรู้อวิชชา ท้งั ส่ีอยา่ งน้ี
กข็ ยายเป็นสิบอยา่ ง เป็นสังโยชน์๑๐ ทาใหเ้ ราเกิดนิวรณ์ตา่ งๆ เพ่อื
ขวางก้นั ทางเดิน การปฏิบตั ิของเรา อนั น้ีคือฝ่ ายท่ีเราสร้างกรรม
พอ่ ครูเคยบรรยาย ฝ่ายท่ีเราสร้างกศุ ล กค็ ือบารมี๑๐ เอาตวั น้ี
ใหม้ นั ชนะสังโยชน๑์ ๐ สังโยชน์๑๐ กห็ มายถึง กิเลสที่ผกู หมู่
สตั วโ์ ลกไวใ้ นภพท้งั สาม ใหเ้ วยี นวา่ ยตายเกิด หรือ ผกู ไวก้ บั กอง
ทกุ ข์ เช่น เกิด แก่ ตาย เวียนตาย เวียนเกิด อยใู่ นภพภูมิต่างๆ
เพราะกิเลสเราน่ีผกู ไว้ ไมใ่ หห้ ลดุ พน้ ไปได้ ส่วน สังโยชน์๑๐ มี
๑.สักกายทิฎฐิ ๒.วิจิกิจฉา ๓.สีลัพพตปรามาส ๔.กามราคะ
๕.ปฎิฆะ ๖.รูปราคะ ๗.อรูปราคะ ๘.มานะ ๙.อทุ ธัจจะ ๑๐.อวิชชา
พวกน้ี ก็ทาใหเ้ ราเกิด ตณั หา มานะ ทิฐิ แลว้ ทาใหเ้ ราเกิดมี
ความโลภ ความโกรธ ความหลง แลว้ โลภ โกรธ หลง ก็ทาให้ เรา
ไปสร้างกรรมใหม่ กรรมใหม่น้นั กส็ ่งผลให้ กลายเป็นวบิ ากกรรม
ทีน้ี ขบวนการขบั เคล่ือน ตอ้ งใชพ้ ลงั ของ ปฎิจจสมปุ บาท คือ
๑.อวิชชา ๒.สังขาร ๓.วิญญาณ ๔.นามรูป ๕.สฬายตนะ ๖.ผสั สะ
17
๗.เวทนา ๘.ตัณหา ๙.อุปำทาน ๑๐.ภพ ๑๑.ชาติ ๑๒.ชรามรณะ
โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนสั สะ อปุ ายาสะ
ก็คือสุดทา้ ย จบอยทู่ ี่ทุกข์ ทีน้ี ธรรมะแยกยอ่ ยแตกแขนง
ออกไปมากมาย ไม่มีแมแ้ ต่หน่ึงสูตร ที่ไม่เช่ือมโยงกนั
อยู่ทวี่ ่า วบิ ากกรรม เราสร้างมาไม่เหมือนกนั จริตเรา ไม่
เหมือนกนั เราต้องพบ ผลกรรมไม่เหมือนกนั เราต้องใช้ธรรมะ
หมายถึง หมายถึงว่า จริตไม่เหมือนกนั ต้องใช้เทคนคิ ทีไ่ ม่
เหมือนกนั น่คี ือ คาว่า นานาจติ ตงั
ทีน้ีก็สุดทา้ ย คือ มนั มีวญิ ญาณ มีสองอยา่ ง
วิญญาณในปฎิจจสมปุ บาท เรียกวา่ ปฎิสนธิวิญญาณ มีหนา้ ที่
เชื่อมต่อวิญญาณอื่นๆ วญิ ญาณน่ีเกิดจากสังขาร และกอ็ วิชชา
มนั ก็เช่ือมโยงไปถึงสิบสองข้นั ตอนในปฏิจจสมุปบาท
ส่วนวิญญาณในขนั ธ์๕ เรียกวา่ วญิ ญาณขนั ธ์ เกิดดบั เกิดดบั
เกิดป๊ ุบก็ดบั เกิดป๊ บุ กด็ บั มนั ทาหนา้ ที่อนั น้ีก็จบ ส่วนจิตจริงๆ ไม่
เกิดไม่ดบั เหมือเรานอนหลบั สนิท เดก็ ร้องไห้ แตเ่ ราไมไ่ ดย้ นิ
ตอนน้นั วญิ ญาณในขนั ธ์๕ มนั ดบั มนั ไมท่ าหนา้ ที่ แต่ถา้ เราต่ืน
อยู่ แลว้ เราไดย้ นิ เสียงด่า เสียง คือ รูป การไดย้ นิ เสียง คือ นาม มนั
เกิด มนั ดบั แต่เราไมเ่ ห็นวา่ มนั ดบั รูปเกิด เวทนาเกิด มนั ลงใจ
ทนั ที สัญญากเ็ กิด ที่เราบนั ทึกไวว้ า่ เราไม่ชอบถูกด่า สังขารเกิด
มนั คิดปรุงแตง่ แลว้ เธอด่าฉนั ฉนั เสียเปรียบไม่ได้ ฉนั ตอ้ งด่าเธอคืน
18
วญิ ญาณในขนั ธ์ เกิดทนั ที พอวญิ ญาณในขนั ธ์ สร้างกรรม
วญิ ญาณ ในปฏิจจสมุปบาท ก็ขบั เคลื่อนวฏั สงสาร ท้งั หมดมนั
เชื่อมโยงกนั แลว้ มนั ไม่ไดแ้ ยก มนั อยดู่ ว้ ยกนั ท้งั หมด ในแงว่ ชิ าการ
เขาแยกเป็นเร่ืองๆใหเ้ ราไดเ้ ห็นชดั แตท่ ี่เราปฏิบตั ิธรรม มนั ไม่ไดแ้ ยก
ไม่ใช่ทีละเร่ือง ทีละอยา่ ง
19
ที่มา : ความทุกข์
บรรยายธรรม โดย พอ่ ครูบญั ชา ต้งั วงษไ์ ชย
ศนู ยพ์ ลาญข่อย 4 เมษายน 2558