แผนการจดั การเรียนรู้มุ่งเนน้ สมรรถนะ หน่วยท่ี 1
วชิ าวทิ ยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชพี เกษตรกรรม รหัสวิชา 2000-1305 ท-ป-น 1-2-2
ช่ือหนว่ ย เซลล์พชื และเซลลส์ ัตว์ เวลา 1 ช่ัวโมง
ชอื่ เรอ่ื ง โครงสรา้ งและองค์ประกอบของเซลล์ ระดบั ช้นั ปวช.
1. สาระสำคัญ
เซลล์ คือ หน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่สำคัญของ
สิ่งมีชีวิต เซลล์ของสิ่งมีชีวิตอาจมีรูปร่างและส่วนประกอบที่แตกต่างกันเพื่อความเหมาะสมกับหน้าท่ี
การทำงาน
2. สมรรถนะประจำหน่วยการเรยี นรู้
2.1 แสดงความรู้เก่ียวกับเซลลพ์ ืชและเซลลส์ ัตว์
2.2 ระบุองค์ประกอบและหน้าทข่ี องเซลลพ์ ชื และเซลลส์ ัตว์
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้
3.1.1 ผู้เรยี นสามารถบอกความแตกต่างระหวา่ งเซลล์พชื และเซลล์สตั วไ์ ด้
3.1.2 ผเู้ รียนสามารถอธิบายหน้าที่ขององค์ประกอบภายในเซลล์พชื และเซลล์สัตว์ได้
3.1.3 ผเู้ รียนสามารถบอกความสำคญั ขององค์ประกอบภายในเซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์ได้
3.2 ด้านทกั ษะ
3.2.1 ผู้เรยี นสามารถเขยี นหนา้ ทขี่ องเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์ได้ถูกต้อง
3.2.2 ผู้เรียนสามารถระบชุ อ่ื ออร์แกเนลล์ภายในเซลล์พชื และเซลล์สตั ว์ได้ถกู ตอ้ ง
3.2.3 ผเู้ รียนสามารถทำการทดลองเพือ่ ตรวจสอบองคป์ ระกอบภายในเซลล์ส่ิงมีชีวิตได้
3.3 ด้านคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ (บูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและนโยบาย
3D)
3.3.1 มวี นิ ยั และมีความรับผิดชอบตอ่ ตนเองและผู้อืน่
3.3.2 ผเู้ รียนดแู ลและรักษาอปุ กรณ์ ไม่ทำลายทรัพยส์ นิ ของวทิ ยาลยั ใหเ้ กิดความเสยี หาย
3.3.3 ให้ความสำคัญของการศกึ ษาเรื่องเซลลพ์ ืชและเซลลส์ ัตว์โดยการใช้เทคโนโลยี AR เพ่ือ
การเรยี นร้ใู นศตวรรษท่ี 21
4. เนือ้ หาสาระการเรียนรู้
เซลล์ คือ หน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่สำคัญของ
สิ่งมีชีวิต เซลล์ของสิ่งมีชีวิตอาจมีรูปร่างและส่วนประกอบที่แตกต่างกันเพื่อความเหมาะสมกับหน้าท่ี
การทำงาน
โครงสร้างพ้ืนฐานและหนา้ ทข่ี องเซลล์
องคป์ ระกอบของเซลล์ หนา้ ท่ี
นิวเครยี ส ควบคุมการทำงานของเซลล์ เปน็ ทอ่ี ยู่ของสารพันธุกรรม
ไรโบโซม สังเคราะห์โปรตีน
ร่างแหเอนโดพลาซึม สร้างโปรตีน และเปน็ ทางสง่ ออกของสารจากนวิ เคลียสไปสู่ไซโทพลาซึม
ผนังเซลล์ ใหค้ วามแขง็ แรงทนทานแก่เซลล์
กอลจิบอดี อดั โปรตนี ใหเ้ ล็กลง
เซนทริโอล ช่วยในการแบง่ เซลล์
ไซโทสเกเลตอน ค้ำจุนและให้ความแข็งแรงแกเ่ ซลล์ ชว่ ยในการเคล่ือนทข่ี องเซลล์
แวคิลโอล แหลง่ สะสมสารต่างๆ
ไลโซโซม มเี อนไซม์ย่อยสิ่งแปลกปลอม
ไมโทคอนเดรีย สรา้ งพลงั งานใหแ้ กเ่ ซลล์ (ATP)
คลอโรพลาสต์ ทำการสังเคราะห์ดว้ ยแสงไดผ้ ลผลิตเป็นแป้งและนำ้ ตาล
เยอื่ หุ้มเซลล์ เป็นส่วนหอ่ ห้มุ เซลล์ ควบคมุ ปรมิ าณของสารทผ่ี ่านเขา้ ออกเซลล์
ไซโทพลาซมึ เป็นท่ีอยู่ของออร์แกเนลลต์ า่ งๆ
เปรียบเทยี บความแตกต่างระหวา่ งเซลล์พืชและเซลลส์ ัตว์
ส่ิงเปรียบเทยี บ เซลล์พืช เซลลส์ ตั ว์
กลม รี
รปู รา่ งเซลล์ เหลี่ยม มมุ ไมม่ ี
ผนังเซลล์ มี มี
มขี นาดเลก็
ไลโซโซม ไม่มี
ไม่มี
แวคิลโอล ขนาดใหญ่เกอื บเต็มเซลล์
คลอโรพลาสต์ มี
หมายเหตุ : ยกเว้นพืชกนิ แมลงสามารถพบไลโซโซมได้
3
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
วธิ กี ารสอน : รปู แบบการสอนแบบ MIAP MODEL
5.1 ขัน้ สนใจปัญหา/จงู ใจผูเ้ รยี น (Motivation) (5 นาที)
5.1.1 ครูผสู้ อนสร้างความสนใจโดยการกล่าวเปิดประเด็นคำถาม ดงั นี้
- ช่วงนี้โรคไวรัส COVID-19 กำลังระบาดหนักในประเทศเรา ถึงแม้จะมีวัคซีนให้กับ
นกั เรยี นแตน่ ักเรียนกต็ ้องระมัดระวงั ใสแ่ มส ลา้ งเจลแอลกอฮอล์ บอ่ ยๆ
- เมื่อพดู ถงึ ไวรัส COVID-19 แล้ว ครูอยากทราบว่านักเรียนคิดว่า ไวรัสชนิดนี้จดั เปน็
เซลล์หรือไม่ (ไม่จัดเป็นเซลล์ เพราะไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง มีโครงสร้างหลักคือ DNA และ
RNA และมีโปรตนี หุ้มสารพันธุกรรมไวเ้ ท่าน้นั และไวรสั จะเจรญิ เตบิ โตภายในเซลลเ์ ทา่ นัน้ )
- แลว้ นกั เรียนจะสามารถทราบไดอ้ ย่างไรวา่ คือเซลลอ์ ะไร (ดูจากองคป์ ระกอบภายใน
เซลล)์
5.1.2 ครูผู้สอนนำแผ่นกระดาษโปรแกรมสื่อการสอน AR รอบรู้เรื่องเซลล์ โดยให้ผู้เรียน
สแกนผ่านคิวอาร์โค้ดเพื่อเข้าสู่บทเรียน ซึ่งผู้เรียนต้องโหลดแอพพลิเคชั่น V-Player ลงในโทรศัพท์
จากนน้ั ครอู ธิบายการทำงานของระบบนใ้ี หผ้ ู้เรยี นเข้าใจ
5.1.3 ครูให้ผเู้ รียนตอบคำถามจากโปรแกรม Quizizz โดยผเู้ รียนสามารถสแกนผ่านคิวอาร์
โคช้ จากแผ่นใบความรู้โปรแกรมสื่อการสอน AR โดยกดเขา้ ส่เู มนู “แบบทดสอบกอ่ นเรียน”
5.2 ขัน้ ใหเ้ นอื้ หา/สนใจขอ้ มูล (Information) (30 นาที)
5.2.1 ครูนำสื่อการสอนเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ โดยเป็นโมเดลจำลองที่ครูสร้างขึ้นมาให้
ผเู้ รยี นได้ศกึ ษาวา่ มีออร์แกเนลล์อะไรบ้างและมหี น้าทีอ่ ย่างไร โดยครูให้ความรู้ ดังนี้
นวิ เครียส ควบคมุ การทำงานของเซลล์ เปน็ ทอ่ี ยขู่ องสารพันธกุ รรม
ไรโบโซม สงั เคราะหโ์ ปรตนี
ร่างแหเอนโดพลาซมึ สร้างโปรตีน และเป็นทางส่งออกของสารจากนวิ เคลียสไปสไู่ ซโทพลาซมึ
ผนงั เซลล์ ใหค้ วามแขง็ แรงทนทานแก่เซลล์
กอลจบิ อดี อดั โปรตนี ให้เล็กลง
เซนทรโิ อล ช่วยในการแบง่ เซลล์
ไซโทสเกเลตอน คำ้ จนุ และใหค้ วามแข็งแรงแกเ่ ซลล์ ชว่ ยในการเคล่อื นท่ขี องเซลล์
แวคลิ โอล แหลง่ สะสมสารตา่ งๆ
ไลโซโซม มีเอนไซม์ย่อยสิ่งแปลกปลอม
ไมโทคอนเดรยี สรา้ งพลงั งานใหแ้ ก่เซลล์ (ATP)
คลอโรพลาสต์ ทำการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ผลผลติ เป็นแป้งและน้ำตาล
เยอ่ื ห้มุ เซลล์ เป็นสว่ นหอ่ หมุ้ เซลล์ ควบคมุ ปรมิ าณของสารท่ผี ่านเขา้ ออกเซลล์
ไซโทพลาซมึ เปน็ ท่ีอยขู่ องออร์แกเนลล์ต่างๆ
4
5.3 ข้นั พยายาม/นำข้อมูลมาทดลองใช้ (Application) (20 นาท)ี
5.3.1 ครูผู้สอนให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน เพื่อทำการศึกษาเซลล์พืชจากใบ
สาหรา่ ยหา่ งกระรอก และเซลลส์ ตั วจ์ ากเย่ือบขุ ้างแก้ม โดยศึกษาผ่านกล้องจุลทรรศนแ์ บบใชแ้ สง
5.3.2 ครูผู้สอนแจกใบกิจกรรมที่ 1.1 เรื่องเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ โดยให้ผู้เรียนศึกษา
ใบกิจกรรม โดยครูเปน็ ผคู้ อยควบคมุ ชนั้ เรยี นและคอยใหค้ ำแนะนำแก่ผ้เู รยี นขณะทำกจิ กรรม
5.3.3 ครูถามคำถามก่อนนกั เรยี นเริ่มทำกจิ กรรมว่า “นกั เรียนคดิ วา่ เราจะสามารถเห็นออร์
แกเนลล์อะไรบ้างในเซลล์สาหรา่ ยห่างกระรอก และเห็นออร์แกเนลล์อะไรบ้างในเซลล์เยื่อบุข้างแก้ม”
(ใหน้ ักเรียนสืบคน้ ดว้ ยตนเอง ครยู ังไมเ่ ฉลย)
5.3.4 ครูมอบหมายใบงานที่ 1.1 เรื่องโครงสร้าง หน้าที่ของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ โดยให้
ผู้เรียนศึกษาจากแผ่นใบความรู้โปรแกรมสื่อการสอน AR โดยกดเข้าสู่เมนู “ใบความรู้ เรื่องเซลล์พืช
เซลล์สัตว์” โดยครูให้ผเู้ รยี นทำในคาบเรียน
5.4 ขนั้ สำเร็จผล/ประเมินผล (Progress) (5 นาที)
5.4.1 ครูผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้จากการศึกษาเซลล์พืชจากใบสาหร่ายห่าง
กระรอก และเซลล์สัตว์จากเยือ่ บขุ า้ งแก้ม โดยศกึ ษาผ่านกล้องจลุ ทรรศนแ์ บบใช้แสง โดยใช้คำถาม ดังนี้
- นักเรียนเห็นอะไรบ้างในเซลล์สาหร่ายห่างกระรอก (คลอโรพลาส เยื่อหุ้มเซลล์ ไซ
โทพลาสซมึ ผนงั เซลล)์
- นักเรียนเห็นอะไรบา้ งในเซลล์เยื่อบขุ า้ งแก้ม (นิวเคลยี ส เย่อื หุ้มเซลล์ ไซโทพลาสซึม)
- นักเรียนสามารถรู้ได้อย่างไรวา่ เซลล์ไหนเปน็ เซลลพ์ ืชหรือเซลล์สัตว์ (ศกึ ษาไดจ้ ากรูปร่าง
เซลล์พืชจะเป็นเหลี่ยม มุม แต่เซลล์สัตว์จะกลม รี ซึ่งในเซลล์สัตว์จะไม่มีคลอโรพลาสต์ และ
ผนงั เซลล)์
5.4.2 ครสู รปุ เน้ือหาเพือ่ ให้ผู้เรยี นเข้าใจตรงกนั โดยใช้สือ่ การสอน “เกมวงลอ้ เซลลห์ รรษา”
โดยครูจะหมุนวงล้อและให้ผู้เรียนแข่งกันตอบชื่อหรือหนา้ ท่ขี องออรแ์ กเนลล์ เม่ือลูกศรของวงล้อหยุดที่
ภาพออร์แกเนลล์ใดครูจะต้ังคำถามและให้ผู้เรียนแข่งกันตอบ ใครที่ตอบคำถามได้ครูจะให้สะสม
สติ๊กเกอร์ โดยสติ๊กเกอร์สามารถนำมาแลกเป็นคะแนนพิเศษได้หลังจบหน่วยการเรียนรู้เรื่องเซลล์พชื
เซลล์สตั ว์ ซึ่งสต๊ิกเกอร์ 1 ดวง เทา่ กบั 0.5 คะแนน
5.4.3 ครูให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนจากโปรแกรม Quizizz โดยผู้เรียนสามารถ
สแกนผ่านคิวอาร์โค้ชจากแผ่นใบความรูโ้ ปรแกรมส่ือการสอน AR โดยกดเข้าสู่เมนู “แบบทดสอบหลงั
เรียน” เพอ่ื ดูคะแนนหลังเรียนว่าผูเ้ รยี นเข้าใจในเนือ้ หามากนอ้ ยเพียงใด
5
6. สื่อการเรียนรู้/แหลง่ การเรียนรู้
6.1 ส่ือส่ิงพิมพ์
6.1.1 ใบความรู้ เร่ือง เซลลพ์ ชื และเซลล์สัตว์
6.1.2 แผ่นกระดาษโปรแกรมสือ่ การสอน AR รอบรเู้ รื่องเซลล์
6.1.3 โมเดลส่อื การสอนเซลลพ์ ืชและเซลลส์ ตั ว์
6.1.4 สือ่ การสอน “เกมวงลอ้ เซลลห์ รรษา”
6.1.5 ภาพเซลล์พืชจากใบสาหร่ายห่างกระรอก
6.1.6 ภาพเซลล์สตั วจ์ ากเย่อื บุขา้ งแกม้
6.1.7 ภาพอุปกรณก์ ารทำกิจกรรม
6.2 สอ่ื โสตทัศน์
6.2.1 โทรศัพท์/ Tablet
6.2.2 กล้องจลุ ทรรศน์
7. เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้
7.1 ใบกิจกรรมที่ 1.1 เรือ่ งเซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์
7.2 ใบงานที่ 1.1 เรื่องโครงสรา้ ง หน้าทข่ี องเซลล์พชื และเซลล์สัตว์
7.3 ค่มู ือการใช้งานโปรแกรมสอื่ การสอน AR รอบรู้เร่อื งเซลล์
8. การบูรณาการ/ความสัมพันธ์กับวชิ าอ่ืน
บูรณาการตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
6
9. การวัดและประเมินผล
9.1 วธิ ีการประเมนิ ผล
9.1.1 กอ่ นเรยี น
9.1.1.1 การถามคำถามในชั้นเรียน
9.1.1.2 การทำแบบทดสอบก่อนเรยี น
9.1.2 ขณะเรียน
9.1.2.1 การตรวจใบกจิ กรรมท่ี 1.1 เร่ืองเซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์
9.1.2.2 การตรวจใบงานท่ี 1.1 เรอื่ งโครงสรา้ ง หนา้ ทข่ี องเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์
9.1.2.3 สังเกตจากการทำงานกลมุ่
9.1.2.4 การถามคำถามในชน้ั เรียน
9.1.3 หลงั เรยี น
9.1.3.1 การทำแบบทดสอบหลงั เรียน
9.1.3.2 การตอบคำถามในช้ันเรยี น
9.1.3.3 สงั เกตจากการทำงานกลมุ่
7
9.2 เครอื่ งมือวดั ผล
9.2.1 คำถามในชั้นเรียน
9.2.2 แบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน
9.2.3 แบบประเมนิ ใบกจิ กรรมท่ี 1.1 เรือ่ งเซลลพ์ ืชและเซลลส์ ตั ว์
9.2.4 แบบประเมนิ ใบงานที่ 1.1 เร่ืองโครงสรา้ ง หน้าทข่ี องเซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์
9.2.5 ส่ือการสอน “เกมวงล้อเซลล์หรรษา”
9.2.6 แบบประเมินพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม
9.2.7 ประเมินคณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
9.3 เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
9.3.1 ตอบคำถามในชนั้ เรียน
9.3.2 คะแนนแบบทดสอบหลงั เรียน ได้ 50% เป็นอย่างตำ่
9.3.3 เกณฑก์ ารประเมนิ ผลความถกู ต้องจากเนือ้ หาสาระในใบกจิ กรรม
ถกู ตอ้ ง 80% ขึ้นไป = ดีมาก ถกู ตอ้ ง 70 - 79% = ดี
ถกู ตอ้ ง 60 - 69% = ปานกลาง ถูกต้องตำ่ กวา่ 60 % = ปรับปรุง
9.3.4 เกณฑก์ ารประเมินผลความถูกต้องจากเน้ือหาสาระในใบงาน
ถกู ตอ้ ง 80% ขึ้นไป = ดีมาก ถูกตอ้ ง 70 - 79% = ดี
ถกู ต้อง 60 - 69% = ปานกลาง ถูกต้องต่ำกวา่ 60% = ปรบั ปรงุ
9.3.5 แบบประเมินพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ไดร้ ะดับคุณภาพดี ขึน้ ไป
9.3.6 ประเมนิ คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
8
แบบประเมินความถกู ต้องของเน้ือหา
ใบกจิ กรรมที่ 1.1 เร่อื งเซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์
สาขาวชิ า.....................................สาขางาน...................................................ระดบั ชน้ั .....................
ลำดบั ท่ี ชอ่ื -สกุล ความถกู ต้องของเน้ือหา (%) รวม ระดับ
กลมุ่ ที่ 100 80 60 40 20 คณุ ภาพ
(ลงชอื่ ) ...................................................................... ผู้ประเมนิ
..................... / ..................... / .....................
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ถูกตอ้ ง 80 % ขึน้ ไป = ดมี าก
ถกู ต้อง 70 – 79 % = ดี
ถกู ตอ้ ง 60 – 69 % = ปานกลาง
ถกู ต้องต่ำกวา่ 60 % = ปรับปรงุ
9
แบบประเมินความถกู ตอ้ งของเนือ้ หา
ใบงานที่ 1.1 เรื่องโครงสรา้ ง หนา้ ท่ขี องเซลล์พืชและเซลลส์ ตั ว์
สาขาวชิ า.....................................สาขางาน...................................................ระดบั ชน้ั .....................
ลำดับท่ี ช่อื -สกลุ ความถูกตอ้ งของเน้ือหา (%) รวม ระดบั
100 80 60 40 20 คุณภาพ
(ลงชอื่ ) ...................................................................... ผู้ประเมิน
..................... / ..................... / .....................
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ถกู ตอ้ ง 80 % ขนึ้ ไป = ดีมาก
ถูกต้อง 70 – 79 % = ดี
ถูกต้อง 60 – 69 % = ปานกลาง
ถูกต้องตำ่ กวา่ 60 % = ปรับปรงุ
10
แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
สาขาวิชา.....................................สาขางาน...................................................ระดับชน้ั .....................
ความ การแสดง การรับฟงั การต้ังใจ ชว่ ยเหลอื
รว่ มมอื ความ ความคดิ เห็น ทำงาน
ที่ ชอ่ื - สกลุ คดิ เหน็ กลุม่ รวม ระดับ
คณุ ภาพ
1234123412 3 4 1 2 3 41 2 3 4
(ลงชอ่ื ) ............................................................................ ผู้ประเมิน
..................... / ..................... / .....................
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ดมี าก = 4
ดี = 3
ปานกลาง = 2
ปรบั ปรงุ = 1
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
15 - 20 ดีมาก
7 - 14 ดี
1 - 6 พอใช้
11
10. บนั ทึกหลังการสอน
สอนวนั ท่ี .......................................ระดับชน้ั ...................สาขาวิชา..........................................................
10.1 ผลการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้
………...………………………………………………………………………………………………………………….………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
10.2 ผลการเรียนรขู้ องนักเรียน นักศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………..……….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
10.3 แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นรู้
………………………...……………………...................................................................................................…..……
………………………………………………………………………………………………………………………........…………...…….
………………………………………………………………………………………………………………………………………...………
ปัญหาอปุ สรรค…………………………..………………………………………………………………………………………..…….
แนวทางการแก้ไข…………………………………………………………………………………………………………………..….
หมายเหตุ……………………………………………………………………………………………………………………………..……
(.............................................................) (................................................................)
ครูผู้สอน หัวหนา้ แผนกวิชา
(...............................................................) (...............................................................)
รองผ้อู ำนวยการฝา่ ยวชิ าการ ผอู้ ำนวยการวิทยาลยั
ใบกิจกรรมท่ี 1.1 เรื่อง เซลล์พชื และเซลล์สตั ว์
กลมุ่ ท่ี…..…ชื่อ…………………………..…………………เลขที่………ระดับชั้น..............สาขา..........................
จุดประสงค์ : ผูเ้ รยี นบอกลักษณะโครงสรา้ งของภายในเซลล์พชื และเซลล์สตั วไ์ ด้
อุปกรณ์การทดลอง
1. กลอ้ งจลุ ทรรศน์แบบใช้แสง 4. แผ่นสไลด์ 7. หลอดหยดสาร
2. เย่อื บุข้างแกม้ 5. แผ่นปิดสไลด์ 8. สารละลายไอโอดนี
3. สาหรา่ ยหางกระรอก 6. ท่คี บี สาร 9. ไม้จม้ิ ฟนั
ข้ันตอนการทดลอง
1. เด็ดใบสาหร่ายห่างกระรอกเฉพาะที่เป็นใบอ่อนเพื่อจะได้เห็นโครงสร้างภายใน
ชัดเจนจำนวน 1 ใบ วางลงไปบนแผ่นสไลด์ หยดน้ำลงบนกระจกสไลด์ 1-2 หยด และปิดด้วยกระจกปิด
สไลด์ทแ่ี ห้งและสะอาด ระวังอยา่ ให้มฟี องอากาศ
2. ต่อมาใช้ไม้จิ้มฟันขูดที่ด้านในของกระพุ้งแก้ม แล้วนำไปแตะลงบนแผ่นสไลด์ หยด
สารละลายไอโอดีน จำนวน 1 หยด แลว้ ปดิ ดว้ ยกระจกปดิ สไลด์
3. เมือ่ เตรียมแผน่ สไลด์ทัง้ สองแผน่ เรยี บร้อยแลว้ ให้ผู้เรียนนำแผน่ สไลด์ไปตรวจดูด้วย
กลอ้ งจลุ ทรรศน์แบบใช้แสงทลี ะแผ่นสไลด์ วาดรูปทส่ี ังเกตเหน็ และบนั ทึกผล
ตารางบันทกึ ผลการทดลอง สว่ นประกอบของเซลล์
เซลล์ ภาพลกั ษณะและรูปรา่ งของเซลล์ ผนงั เซลล์
ไซโทพลาสซึม
เซลลส์ าหรา่ ยหาง คลอโรพลาสต์
กระรอก เย่อื หมุ้ เซลล์
นิวเคลียส
เซลล์เยื่อบขุ ้างแกม้ ผนังเซลล์
ไซโทพลาสซึม
คลอโรพลาสต์
เยอื่ หุ้มเซลล์
นวิ เคลียส
สรปุ ผลการทดลอง
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
คำถามหลังการทดลอง
สงิ่ เปรยี บเทียบ เซลลพ์ ืช เซลล์สตั ว์
รูปร่างเซลล์
ผนังเซลล์
ไลโซโซม
แวคิลโอล
คลอโรพลาสต์
1. นกั เรียนเห็นอะไรบา้ งในเซลลส์ าหรา่ ยหา่ งกระรอก
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. นักเรียนเห็นอะไรบา้ งในเซลล์เยอ่ื บุขา้ งแกม้
...................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
3. เซลล์พืชและเซลล์สัตว์เหมอื นหรอื แตกต่างกนั อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. สว่ นที่อยนู่ อกสดุ ของเซลลพ์ ืช ซึ่งทำหนา้ ที่สร้างความแขง็ แรงให้แก่พืชและมเี ฉพาะเซลล์พชื เท่านัน้
เรยี กวา่ อะไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. นักเรยี นทราบไดอ้ ย่างไรว่าเซลล์ทเี่ ห็นนน้ั เป็นเซลล์พชื หรอื เซลลส์ ัตว์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง โครงสรา้ ง หน้าทขี่ องเซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์
จุดประสงค์ : อธบิ ายโครงสรา้ ง หนา้ ที่ และองค์ประกอบท่สี ำคญั ของเซลล์พชื และเซลล์สตั วไ์ ด้
คำช้แี จง : จงระบุช่ือโครงเสรา้ งและหนา้ ท่ีของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ตามหมายเลขที่ลูกศรช้ีตอ่ ไปนี้
8
1
29
3
4 10
5
6 11
7 12
หมายเลข 1 .....................................หนา้ ท.่ี ........................................................................................................
หมายเลข 2 .....................................หน้าท.ี่ ........................................................................................................
หมายเลข 3 .....................................หน้าท่ี.........................................................................................................
หมายเลข 4 .....................................หน้าท.ี่ ........................................................................................................
หมายเลข 5 .....................................หน้าที่.........................................................................................................
หมายเลข 6 .....................................หนา้ ท.่ี ........................................................................................................
หมายเลข 7 .....................................หน้าท.ี่ ........................................................................................................
หมายเลข 8 .....................................หนา้ ท.่ี ........................................................................................................
หมายเลข 9 .....................................หน้าที่..........................................................................................................
หมายเลข 10 ....................................หน้าท.่ี .......................................................................................................
หมายเลข 11 ....................................หนา้ ท.่ี .......................................................................................................
หมายเลข 12 ....................................หน้าท่ี........................................................................................................
ชือ่ …………………………………………..…………………เลขท…่ี ……ระดับชนั้ ..............สาขา..........................
เฉลยใบกิจกรรมท่ี 1.1 เรอ่ื ง เซลล์พชื และเซลลส์ ตั ว์
กลุ่มที…่ ..…ชอ่ื …………………………..…………………เลขท…ี่ ……ระดบั ชัน้ ..............สาขา..........................
จดุ ประสงค์ : ผูเ้ รยี นบอกลกั ษณะโครงสร้างของภายในเซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ได้
อุปกรณ์การทดลอง
1. กลอ้ งจลุ ทรรศน์แบบใชแ้ สง 4. แผ่นสไลด์ 7. หลอดหยดสาร
2. เย่ือบุข้างแกม้ 5. แผ่นปดิ สไลด์ 8. สารละลายไอโอดีน
3. สาหรา่ ยหางกระรอก 6. ที่คบี สาร 9. ไม้จิม้ ฟัน
ขน้ั ตอนการทดลอง
1. เด็ดใบสาหร่ายห่างกระรอกเฉพาะที่เป็นใบอ่อนเพื่อจะได้เห็นโครงสร้างภายใน
ชัดเจนจำนวน 1 ใบ วางลงไปบนแผ่นสไลด์ หยดน้ำลงบนกระจกสไลด์ 1 หยด และปิดด้วยกระจกปดิ
สไลด์ท่แี หง้ และสะอาด ระวงั อยา่ ใหม้ ีฟองอากาศ
2. ต่อมาใช้ไม้จิ้มฟันที่ด้านในของกระพุ้งแก้ม แล้วนำไปแตะลงบนแผ่นสไลด์ หยด
สารละลายไอโอดีน จำนวน 1 หยด แล้วปดิ ดว้ ยกระจกปิดสไลด์
3. เมือ่ เตรียมแผ่นสไลด์ทัง้ สองแผน่ เรียบรอ้ ยแล้ว ใหผ้ ู้เรยี นนำแผ่นสไลด์ไปตรวจดูด้วย
กลอ้ งจุลทรรศน์แบบใช้แสงทีละแผน่ สไลด์ วาดรปู ที่สงั เกตเห็นและบันทึกผล
ตารางบันทึกผลการทดลอง สว่ นประกอบของเซลล์
เซลล์ ภาพลักษณะและรปู รา่ งของเซลล์
ผนังเซลล์
เซลลส์ าหรา่ ยหาง ไซโทพลาสซมึ
กระรอก คลอโรพลาสต์
เย่อื ห้มุ เซลล์
เซลลเ์ ยอ่ื บขุ ้างแก้ม นิวเคลยี ส
ผนงั เซลล์
ไซโทพลาสซมึ
คลอโรพลาสต์
เยือ่ หุ้มเซลล์
นิวเคลยี ส
สรปุ ผลการทดลอง
จากการศึกษาผ่านกล้องจุลทรรศน์ ทำให้ทราบว่าโครงสร้างภายในของเซลล์สิ่งมีชีวิตนั้นจะ
ประกอบไปด้วยเยื่อหมุ้ เซลล์ ไซโทพลาสซึม นิวเคลียส เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 2 เซลล์ จะเห็นว่าสิ่งท่ี
เซลล์สาหร่ายห่างกระรอก มคี ือ คลอโรพลาสต์ และผนังเซลล์ ซ่งึ เซลลเ์ ย่ือบุขา้ งแกม้ ไมพ่ บสองสง่ิ น้ี
คำถามหลงั การทดลอง
สิง่ เปรยี บเทียบ เซลลพ์ ชื เซลล์สตั ว์
รปู รา่ งเซลล์ เหลี่ยม มุม กลม รี
ผนังเซลล์ มี ไมม่ ี
ไลโซโซม ไม่มี มี
แวคลิ โอล ขนาดใหญ่เกอื บเตม็ เซลล์ มขี นาดเลก็
คลอโรพลาสต์ มี ไม่มี
1. นกั เรียนเห็นอะไรบ้างในเซลล์สาหรา่ ยหา่ งกระรอก
คลอโรพลาสต์ ผนงั เซลล์ ไซโทพลาซมึ และเยอ่ื หุ้มเซลล์ .
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. นักเรียนเห็นอะไรบ้างในเซลล์เยื่อบขุ ้างแก้ม
นิวเคลียส ไซโทพลาซึม และเยอ่ื หุ้มเซลล์ .
................................................................................................................................................................
3. เซลลพ์ ชื และเซลล์สัตวเ์ หมือนหรือแตกต่างกนั อยา่ งไร
แตกตา่ งกันทร่ี ูปร่าง และองค์ประกอบภายในเซลล์ โดยภายในเซลล์สัตว์จะไม่มี คลอโรพลาสต์
และผนงั เซลล์ แต่ในเซลลพ์ ืชมีออแกเนลล์ทงั้ สองชนิดน้ี .
4. ส่วนที่อยนู่ อกสุดของเซลล์พชื ซึ่งทำหน้าท่ีสรา้ งความแข็งแรงใหแ้ กพ่ ืชและมีเฉพาะเซลลพ์ ชื เท่านน้ั
เรียกวา่ อะไร
ผนังเซลล์ .
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. นกั เรยี นทราบได้อย่างไรวา่ เซลลท์ เ่ี หน็ น้ันเปน็ เซลล์พชื หรอื เซลลส์ ตั ว์
ศึกษาได้จากรูปร่าง เซลลพ์ ชื จะเปน็ เหลย่ี ม มุม แต่เซลลส์ ัตวจ์ ะกลม รี ซง่ึ ในเซลล์สตั วจ์ ะไม่มี
คลอโรพลาสต์ และผนังเซลล์ .
เฉลยใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง โครงสรา้ ง หน้าท่ีของเซลล์พชื และเซลล์สตั ว์
จุดประสงค์ : อธบิ ายโครงสรา้ ง หนา้ ที่ และองคป์ ระกอบท่สี ำคญั ของเซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ได้
คำชแี้ จง : จงระบุชอื่ โครงเสรา้ งและหนา้ ท่ีของเซลล์พชื และเซลล์สัตว์ตามหมายเลขท่ีลกู ศรชี้ตอ่ ไปนี้
8
1
29
3
4 10
5
6 11
7 12
หมายเลข 1 ไรโบโซม .หนา้ ที่ สงั เคราะหโ์ ปรตนี .
หมายเลข 2 ไซโทพลาซมึ .หน้าที่ เปน็ ท่ีอยูข่ องออร์แกเนลล์ต่างๆ .
. .หน้าท่ี แหลง่ สะสมสารตา่ งๆ .
หมายเลข 3 แวคลิ โอล
หมายเลข 4 คลอโรพลาสต์ .หนา้ ที่ ทำการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงไดผ้ ลผลติ เป็นแป้งและนำ้ ตาล .
หมายเลข 5 เยอื่ ห้มุ เซลล์ .หนา้ ท่ี เปน็ สว่ นห่อหุ้มเซลล์ ควบคุมปริมาณของสารทผ่ี า่ นเข้าออกเซลล์ .
หมายเลข 6 ผนังเซลล์ .หน้าท่ี ใหค้ วามแขง็ แรงทนทานแกเ่ ซลล์ .
หมายเลข 7 กอลจบิ อดี .หน้าท่ี อัดโปรตีนใหเ้ ลก็ ลง .
หมายเลข 8 เซนทรโิ อล .หนา้ ที่ ชว่ ยในการแบ่งเซลล์ .
หมายเลข 9 นิวเคลยี ส .หน้าที่ ควบคมุ การทำงานของเซลล์ เปน็ ท่ีอยู่ของสารพันธกุ รรม .
หมายเลข 10 รา่ งแหเอนโดพลาซึม.หนา้ ท่ีสรา้ งโปรตนี และเปน็ ทางส่งออกของสารจากนวิ เคลียสไปสูไ่ ซโทพลาซมึ .
หมายเลข 11 ไมโทคอนเดรีย หน้าท่ี สร้างพลังงานให้แก่เซลล์ (ATP) .
.
หมายเลข 12 ไลโซโซม .หน้าที่ มีเอนไซมย์ อ่ ยสิ่งแปลกปลอม .
ชอื่ …………………………………………..…………………เลขท…่ี ……ระดบั ชนั้ ..............สาขา..........................
1. ภาพนี้เปน็ เซลล์ชนิดใด......? แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
เรอื่ ง เซลลพ์ ืชเซลลส์ ัตว์
1. เซลลพ์ ชื
2. เซลล์สัตว์
2. มหี นา้ ที่ทำการสงั เคราะห์ด้วยแสง โดยจะได้ผลผลติ เป็นแปง้ และน้ำตาล
1. นิวเครยี ส 2. ผนงั เซลล์
3. คลอโรพลาสต์ 4. ไมโทคอนเดรีย
3. เซนทริโอล มหี นา้ ท่อี ะไรภายในเซลล์
1. อัดโปรตีนให้เล็กลง 2. ให้ความแขง็ แรงทนทานแกเ่ ซลล์
3. สังเคราะหโ์ ปรตีน 4. ช่วยในการแบง่ เซลล์
4. ผนังเซลลแ์ ละคลอโรพลาสต์ ไมพ่ บในเซลล์ใด
1. เซลล์สาหรา่ ยห่างกระรอก 2. เซลล์เย่อื บุข้างแกม้
3. เซลล์วา่ นกาบหอย 4. เซลล์สาหร่าย
5. เป็นส่วนห่อหุ้มเซลล์ ควบคมุ ปรมิ าณของสารที่ผ่านเข้าออกเซลล์
1. เยื่อหุ้มเซลล์ 2. รา่ งแหเอนโดพลาซมึ
3. แวคลิ โอล 4. ไซโทพลาซมึ
6. สารสเี ขยี วที่อยใู่ นคลอโรพลาสต์เรยี กวา่ ....?
1. แคโรทีน 2. กลโู คส
3. กาเฟอีน 4. คลอโรฟิลล์
7. สารต่างๆ เชน่ น้ำ แร่ธาตุ เม็ดสี และของเสีย จะถกู สะสมไว้ทสี่ ว่ นประกอบใด
1. แวคลิ โอล 2. กอลจบิ อดี
3. ไลโซโซม 4. เซนทริโอล
8. ทำหนา้ ท่กี ำจดั เชือ้ โรคและส่ิงแปลกปลอมท่เี ข้ามาสรู่ ่างกายดว้ ยเอนไซม์ พบในเซลล์สัตว์เทา่ นั้น
1. ไรโบโซม 2. ไลโซโซม
3. รา่ งแหเอนโดพลาสซมึ 4. ไซโทสเกเลตอน
9. รา่ งแหแอนโดพลาซมึ (endoplasmic reticulum) แบง่ ออกเป็นก่ชี นดิ
1. 4 ชนิด 2. 3 ชนิด
3. 2 ชนดิ 4. 1 ชนดิ
10. ออร์แกเนลลช์ นิดใดไม่พบ DNA 2. ไมโทคอนเดรีย
1. นวิ เครยี ส 4. ไรโบโซม
3. คลอโรพลาสต์
1. ภาพนี้เป็นเซลลช์ นิดใด......? แบบทดสอบหลงั เรยี น
เรื่อง เซลลพ์ ชื เซลลส์ ัตว์
1. เซลล์พชื
2. เซลล์สัตว์
2. มีหน้าที่ทำการสังเคราะห์ดว้ ยแสง โดยจะได้ผลผลิตเป็นแป้งและน้ำตาล
1. นวิ เครียส 2. ผนังเซลล์
3. คลอโรพลาสต์ 4. ไมโทคอนเดรยี
3. เซนทริโอล มีหน้าทีอ่ ะไรภายในเซลล์
1. อดั โปรตีนให้เลก็ ลง 2. ให้ความแขง็ แรงทนทานแก่เซลล์
3. สงั เคราะห์โปรตนี 4. ช่วยในการแบ่งเซลล์
4. ผนังเซลล์และคลอโรพลาสต์ ไมพ่ บในเซลล์ใด
1. เซลล์สาหรา่ ยห่างกระรอก 2. เซลลเ์ ย่ือบขุ า้ งแกม้
3. เซลลว์ า่ นกาบหอย 4. เซลล์สาหร่าย
5. เปน็ สว่ นหอ่ หมุ้ เซลล์ ควบคุมปริมาณของสารท่ีผา่ นเขา้ ออกเซลล์
1. เย่อื หมุ้ เซลล์ 2. ร่างแหเอนโดพลาซึม
3. แวคิลโอล 4. ไซโทพลาซึม
6. สารสเี ขยี วที่อยใู่ นคลอโรพลาสต์เรยี กวา่ ....?
1. แคโรทีน 2. กลโู คส
3. กาเฟอีน 4. คลอโรฟิลล์
7. สารต่างๆ เชน่ น้ำ แร่ธาตุ เม็ดสี และของเสีย จะถกู สะสมไว้ทสี่ ว่ นประกอบใด
1. แวคลิ โอล 2. กอลจบิ อดี
3. ไลโซโซม 4. เซนทริโอล
8. ทำหนา้ ท่กี ำจดั เชือ้ โรคและส่ิงแปลกปลอมท่เี ข้ามาสรู่ ่างกายดว้ ยเอนไซม์ พบในเซลล์สัตว์เทา่ นั้น
1. ไรโบโซม 2. ไลโซโซม
3. รา่ งแหเอนโดพลาสซมึ 4. ไซโทสเกเลตอน
9. รา่ งแหแอนโดพลาซมึ (endoplasmic reticulum) แบง่ ออกเป็นก่ชี นดิ
1. 4 ชนิด 2. 3 ชนิด
3. 2 ชนดิ 4. 1 ชนดิ
10. ออร์แกเนลลช์ นิดใดไม่พบ DNA 2. ไมโทคอนเดรีย
1. นวิ เครยี ส 4. ไรโบโซม
3. คลอโรพลาสต์
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรยี น
เรอ่ื ง เซลล์พืชเซลลส์ ตั ว์
1. ภาพนีเ้ ป็นเซลล์ชนดิ ใด......?
1. เซลลพ์ ชื
2. เซลล์สตั ว์
เฉลย 1. เซลลพ์ ืช
2. มีหน้าท่ที ำการสังเคราะหด์ ้วยแสง โดยจะได้ผลผลติ เปน็ แป้งและนำ้ ตาล
1. นวิ เครยี ส 2. ผนังเซลล์
3. คลอโรพลาสต์ 4. ไมโทคอนเดรีย
เฉลย 3. คลอโรพลาสต์
3. เซนทริโอล มหี น้าท่ีอะไรภายในเซลล์ 2. ใหค้ วามแข็งแรงทนทานแก่เซลล์
1. อัดโปรตีนใหเ้ ลก็ ลง 4. ชว่ ยในการแบ่งเซลล์
3. สังเคราะห์โปรตีน
เฉลย 4. ช่วยในการแบง่ เซลล์
4. ผนงั เซลลแ์ ละคลอโรพลาสต์ ไม่พบในเซลล์ใด
1. เซลล์สาหรา่ ยห่างกระรอก 2. เซลลเ์ ย่ือบขุ ้างแก้ม
3. เซลลว์ า่ นกาบหอย 4. เซลล์สาหร่าย
เฉลย 2. เซลลเ์ ย่อื บขุ า้ งแกม้
5. เปน็ สว่ นห่อหุ้มเซลล์ ควบคมุ ปริมาณของสารที่ผ่านเข้าออกเซลล์
1. เย่อื หมุ้ เซลล์ 2. รา่ งแหเอนโดพลาซึม
3. แวคิลโอล 4. ไซโทพลาซึม
เฉลย 1. เยื่อหุ้มเซลล์
6. สารสเี ขยี วทีอ่ ยูใ่ นคลอโรพลาสต์เรียกว่า....?
1. แคโรทีน 2. กลูโคส
3. กาเฟอีน 4. คลอโรฟิลล์
เฉลย 4. คลอโรฟิลล์
7. สารตา่ งๆ เช่น นำ้ แร่ธาตุ เม็ดสี และของเสีย จะถกู สะสมไว้ทสี่ ่วนประกอบใด
1. แวคิลโอล 2. กอลจิบอดี
3. ไลโซโซม 4. เซนทริโอล
เฉลย 1. แวคิลโอล
8. ทำหนา้ ท่ีกำจดั เชอื้ โรคและสงิ่ แปลกปลอมทเี่ ข้ามาสูร่ า่ งกายดว้ ยเอนไซม์ พบในเซลล์สัตว์เท่านัน้
1. ไรโบโซม 2. ไลโซโซม
3. ร่างแหเอนโดพลาสซึม 4. ไซโทสเกเลตอน
เฉลย 2. ไลโซโซม
9. ร่างแหแอนโดพลาซมึ (endoplasmic reticulum) แบ่งออกเป็นกี่ชนิด
1. 4 ชนิด 2. 3 ชนิด
3. 2 ชนดิ 4. 1 ชนิด
เฉลย 3. 2 ชนิด
10. ออร์แกเนลล์ชนดิ ใดไมพ่ บ DNA 2. ไมโทคอนเดรีย
1. นิวเครยี ส 4. ไรโบโซม
3. คลอโรพลาสต์
เฉลย 4. ไรโบโซม
คู่มอื การใช้สื่อการสอน เมื่อกดแทบเมนู ใบความรู้
AR รอบรเู้ ร่ืองเซลล์ จะเข้าสู่หน้า E-book ใบ
ความรู้ สามารถปัดดูใบ
โปรแกรม V-Player ความรู้แต่ละหน้าได้ และ
กดกลับสู่เมนูหลักโดยกด
โหลดโปรแกรม V-Player กดเขา้ โปรแกรม แลว้ สแกน ปุ่มกลับปกติ
ผา่ น QR-Code บนแผ่นกระดาษที่ครแู จกให้ แล้วแถบ
เมนูต่างๆ จะปรากฏบนหน้าจอ ให้ผู้เรียนเลือกแถบ เม่ือกดแทบเมนู YouTube
เมนทู ผ่ี ู้เรียนตอ้ งการศกึ ษา โดยมีรายละเอยี ด ดังน้ี จะเขา้ สหู่ น้า Video สามารถ
กดกลับหน้าหลักด้วยปุ่มบ้าน
เมื่อกดตรงรูปกว้าง จะเข้าสู่หน้าสไลด์ ดา้ นลา่ ง
ภาพสามมิติ โดยมีเนื้อหาบอกชื่อและ
หน้าท่ีของเซลลส์ ตั ว์ และสามารถกดกลับ เมื่อกดแทบเมนู ชื่อเพลงเซลล์
หน้าหลักดว้ ยปมุ่ บ้านดา้ นลา่ ง ดงั ภาพ บางอย่าง จะเขา้ สู่หนา้ Video
เพลง สามารถกดกลับหน้าหลัก
ด้วยปมุ่ บา้ นด้านลา่ ง
เมื่อกดเข้าสู่แทบเมนูชื่อ
แบบทดสอบ จะเข้าสู่
หนา้ โปรแกรม Quizizz
เพื่อเริ่มทำแบบทดสอบ
โดยจะต้องพิมพ์ชื่อผู้ใช้
ก่อนทำแบบทดสอบ
กอ่ นเรียน และหลังเรียน
ตามลำดับ ดงั ภาพ
เม่อื กดตรงต้นไม้ จะเข้าสหู่ น้าสไลด์ภาพสามมิติ โดยมีเน้ือหาบอกช่ือและหน้าท่ี
ของเซลลพ์ ืช และสามารถกดกลับหน้าหลกั ดว้ ยปมุ่ บ้านด้านล่าง ดงั ภาพ