ใบความรู้
เรื่อง เซลลพ์ ชื และเซลล์สตั ว์
เซลล์ (cell) คือ หน่วยเล็กๆ ของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่สำคัญของสิ่งมีชีวติ เซลล์
สิ่งมีชีวิตอาจมีรูปร่างและส่วนประกอบที่แตกต่างกันเพื่อความเหมาะสมกับหน้าที่การทำงาน เซลล์ของ
สิง่ มีชีวติ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนดิ ตามลกั ษณะความซบั ซอ้ นของโครงสรา้ งภายในเซลล์ ดงั น้ี
1. เซลล์โพรคารโิ อต (prokaryotic cell)
เปน็ เซลลท์ ไ่ี ม่มนี ิวเคลียส เน่ืองจากไมม่ เี ยือ่ หุ้มนวิ เคลียส ดังนนั้ สารพันธุกรรมจึงลอยเป็นอิสระใน
ไซโทพลาซมึ มีขนาดเลก็ และพบได้ในสงิ่ มชี ีวติ ชน้ั ตำ่ ไดแ้ ก่ เซลล์ของแบคทีเรยี และสาหรา่ ยสีเขยี วแกมนำ้ เงนิ
2. เซลลย์ คู าริโอต (Eukaryotic cell)
เป็นเซลล์ที่มีนิวเคลียส เนื่องจากมีเยื่อหุ้มนิวเคลียส ดังนั้นสารพันธุกรรมจึงถูกบรรจุอยู่ภายใน
นวิ เคลียส มขี นาดใหญแ่ ละมีความซับซอ้ นกวา่ เซลล์โพรคารโิ อต เนอ่ื งจากมอี อร์แกเนลลห์ ลายชนิดกว่า พบได้
ใน รา ยสี ต์ พชื สาหร่าย และสัตว์ เป็นต้น
ภาพท่ี 1 ความแตกตา่ งของเซลลย์ ูคาริโอตและเซลลโ์ พรคารโิ อต
ทม่ี า : www.greelane.com
หมายเหตุ : ไวรัสเป็นสง่ิ มีชีวิต แตไ่ มจ่ ัดว่าเปน็ เซลล์ พบวา่ โครงสรา้ งของไวรัสจะมโี ครงสรา้ งหลกั ๆ คือ สาร
พันธกุ รรม (DNA และ RNA) และโปรตนี (Protein coat) หมุ้ สารพันธกุ รรมไวเ้ ท่าน้ัน
โครงสร้างของเซลล์ (Call structure)
เซนทริโอล
แวคลิ โอล
นิวเครยี ส
เยือ่ หุ้มเซลล์
ไรโบโซม
ร่างแหเอนโ พลาซม ผนังเซลล์ คลอโรพลาสต์
ไมโทคอนเ รีย
กอล ิบอ ี
ไซโทพลาซม
ไซโทสเกเลตอน
ภาพที่ 2 รปู ร่างและองคป์ ระกอบภายในเซลลข์ องสงิ่ มีชีวติ
เปรียบเทยี บความแตกตา่ งระหว่างเซลล์พชื และเซลล์สัตว์
สง่ิ เปรียบเทยี บ เซลลพ์ ชื เซลล์สตั ว์
รปู ร่างเซลล์ เหลี่ยม มุม กลม รี
ผนังเซลล์ ไม่มี
ไลโซโซม มี
แวคลิ โอล ไม่มี มี
คลอโรพลาสต์ ขนาดใหญ่เกอื บเตม็ เซลล์ มขี นาดเลก็
มี
ไม่มี
หมายเหตุ : ยกเว้นพชื กินแมลงสามารถพบไลโซโซมได้
หนา้ ทแี่ ละองค์ประกอบของเซลล์
1. ผนังเซลล์ (cell wall) ผนังเซลล์ อยู่นอกสุดของเซลล์ ทำหน้าท่ีใหค้ วามแขง็ แรงแก่เซลล์ ปอ้ งกัน
อันตรายต่างๆ ให้แก่เซลล์และช่วยให้เซลล์ยังคงรูปร่างได้ เซลล์มักพบได้ในสิ่งมีชีวิต เช่น เซลล์พืช สาหร่าย
แบคทเี รยี และรา แตไ่ ม่พบในเซลล์สัตว์ และโพโทซัว โดยภายในผนังเซลล์จะมีชอ่ งใหเ้ ซลล์ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน
สามารถส่งสารเคมีระหว่างกันได้ และยอมให้น้ำและสารอาหารผ่านได้ ในเซลล์พืชบางชนิดมีลิกนินเป็น
ส่วนประกอบเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ผนังเซลล์ประกอบด้วยชั้นต่างๆ 3 ชั้น คือ ผนังเชื่อมยึดระหว่างเซลล์
(middle lamella) ผนังเซลลป์ ฐมภูมิ (primary wall) และผนังเซลล์ทุติยภูมิ (secondary wall) ดังรปู
ภาพ ก ผนังเซลลจ์ ากกลอ้ งจลุ ทรรศน์ ภาพ ข ภาพขยายโครงสร้างผนังเซลล์
ภาพท่ี 3 ผนงั เซลล์พืช
ทีม่ า : ภาพ ก : http://www.usoe.k12.ut.us/cells/sciber/cellwall.html
ภาพ ข : http://www.sbahri.com/6.html
2. เยื่อหุ้มเซลล์ (cell membrane) เยื่อหุ้มเซลล์เป็นสว่ นท่หี ่อหมุ้ เซลล์ท่สี ำคัญ พบในเซลล์สิง่ มชี วี ิต
ทุกชนิด ประกอบด้วยสารประกอบหลักคือ ฟอสโฟลิพิด (Phospholipid) เรียงตัวกัน 2 ชั้น และมีโปรตีน
แทรกอยู่ เยื่อหุ้มเซลล์มีคุณสมบัติเป็นเย่ือเลือกผ่าน คือยอมให้สารบางชนิดเทา่ น้ันผา่ นเข้าออกได้ ทำหน้าท่ี
ควบคุมการผ่านเข้าออกเซลล์ของสารต่างๆ
ภาพที่ 4 โครงสร้างของเยอื่ หุม้ เซลล์
ทม่ี า : http://www3.ipst.ac.th/research/mahidol/chapter6_4.html
3. นิวเคลียส (nucleus) นิวเคลียสเป็นแหล่งสะสมพลังงาน
ของเซลล์ทั้งหมด นิวเคลียสสามารถควบคุมกิจกรรมต่างๆ ของเซลล์ได้
ทั้งหมดโดยการทำงานของนิวเคลียสจะมีความสัมพันธ์กับออร์แกเนลล์
ต่างๆ เปน็ สว่ นท่ีทำหนา้ ทคี่ วบคมุ การทำงานและกิจกรรมต่างๆ ของเซลล์
รวมถึงเป็นท่อี ยขู่ องสารพันธุกรรม มอี งคป์ ระกอบ ดังน้ี
ภาพที่ 6 สว่ นประกอบของนิวเคลยี ส
ทีม่ า : https://arnonnontanawong.wordpress.com
3.1 เยื่อหุ้มนิวเคลียส (nuclear membrane)
มีลักษณะเป็นเยื่อหุ้มบางๆ มีสมบัติเป็นเยื่อเลือกผ่าน เรียงตัวกัน 2
ชั้น มีองคป์ ระกอบคลา้ ยกบั เยอื่ หุ้มเซลล์ ทำหนา้ ทห่ี ่อหุ้มนวิ เครียส
ภาพท่ี 7 เยอื่ หุม้ นวิ เคลียส
ท่ีมา : http://www.lucasbrouwers.nl/em_nuclear_envelope3.jpg
3.2 โครมาทิน (chromatin) มลี ักษณะเปน็ เส้นใย
ขนาดเล็ก ยาว สารกันเป็นร่างแห มีส่วนประกอบ คือ DNA และ
โปรตีน เป็นองค์ประกอบเมื่อมีการแบ่งเซลล์ โครมาทินจะขดตัวโดย
การบดิ เปน็ เกลียวสัน้ ลง และหนาขนึ้ มองเหน็ ได้ชัดเจนภายใต้กล้อง
จุลทรรศน์ เรียกวา่ โครโมโซม (chromosome)
ภาพท่ี 8 โครมาทนิ
ท่ีมา : http://bcrc.bio.umass.edu/gbi/gbi.phtml?cid=gbi3889d1b3dc1f2
3.3 นิวคลีโอลัส (nucleolus) อยู่ภายใน
นิวเครียส มีลักษณะเป็นก้อนกลมขนาดใหญ่ ทึบแสง
ประกอบด้วย RNA และโปรตนี ไมม่ ีเยือ่ หุ้ม เป็นแหล่งที่มีการ
สงั เคราะหอ์ งคป์ ระกอบของไรโบโซม
ภาพที่ 9 นิวคลีโอลสั
ทม่ี า: ttp://www.microscopy.fsu.edu/cells/nucleus/nucleolusfigure1.jpg
4. ไซโทพลาซม (cytoplasm) เป็นส่วนที่อยู่ถัดจากเยื่อหุ้มเซลล์เข้ามา ภายในประกอบด้วยไซโทซอล
(cytosol) มลี กั ษณะก่งึ แขง็ กงึ่ เหลวคลา้ ยเจล และเป็นทีอ่ ยูข่ องออรแ์ กเนลล์ตา่ งๆ
5. คลอโรพลาสต์ (chloroplasts) คลอโรพลาสต์ มีผนังเย่ือบางๆ หุ้ม 2 ช้ัน ช้นั นอกเรียบส่วนชั้นในขดพับ
ไปมาซ้อนกันเป็นชั้นๆ มีสารพวกคลอโรฟิลล์ (chlorophyll) บรรจุอยู่ภายในทำให้มองเห็นเป็นสีเขียว ทำ
หน้าทีส่ งั เคราะหด์ ้วยแสง ไดผ้ ลผลติ เป็นแปง้ และนำ้ ตาล จะพบเฉพาะในเซลล์พชื และสาหร่ายเกอื บทุกชนิด
ภาพท่ี 10 คลอโรพลาสต์
ทีม่ า : www.uvm.edu/~inquiryb/webquest/fa06/mvogenbe/
6. แวคิวโอล (vacuole) แวคิวโอล มีลักษณะเป็นถุงมีเยื่อ
หุ้มชั้นเดียวยดื หยุ่นสูง ภายในแวคิวโอจะมีของเหลวบรรจอุ ยู่
เซลล์พืชสว่ นใหญจ่ ะมีแวคิวโอลขนาดใหญ่อยู่ 1 อัน เซลลส์ ัตว์
บางชนิดจะมีแวคิวโอล แต่บางชนิดก็ไม่มีแวคิวโอล เป็นถุง
บรรจุสารต่างๆ ภายในเซลล์ เปรียบเสมือนห้องเก็บของของ
เซลล์ แบง่ ออกเป็น 3 ชนิด คอื ภาพที่ 11 แวคิวโอล (vacuole)
ทีม่ า : http://www.sidthomas.net/SenEssence/Genes/chlinsen.htm
6.1 แซปแวคลิ โอล (sap vacuole) พบในเซลลพ์ ชื ทำหน้าท่บี รรจุสารต่างๆ เชน่ น้ำ แร่ธาตุ เม็ดสี
ของเสยี เป็นต้น
6.2 คอนแทร็กไทล์แวคิลโอล (contractile vacuole) พบในสงิ่ มชี วี ิตเซลล์เดียวจำพวกโพโทซัวน้ำ
จดื ทำหนา้ ท่ีกำจัดน้ำส่วนเกนิ ออกจากรา่ งกาย และของเสียบางอยา่ งออกจากเซลล์ เช่น พารามีเซียม
6.3 ฟู แวคิลโอล (food vacuole) พบในโพรโทซัวและสัตว์ ทำหน้าที่เก็บสะสมอาหารที่เซลลก์ นิ
เขา้ มาเพ่ือรอการยอ่ ยตอ่ ไป
7. ไมโทคอนเ รีย (mitochondria) มีลักษณะเป็นแท่งยาวรีขนาดเล็กมากต้องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์
อเิ ล็กตรอน โครงสรา้ งของไมโทคอนเดรียในแต่ละเซลล์จะมีไมโทคอนเดรียไม่เทา่ กนั ขึ้นอย่กู ับหน้าที่ของเซลล์
มีหน้าที่สร้างพลังงานให้แก่เซลล์ (ส่วนใหญ่อยู่ในรูป ATP) นำไปใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ในเซลล์กล้ามเนื้อและ
เซลล์อื่นๆ ที่เคลื่อนไหวตลอดเวลาจะมีไมโทคอนเดรียเป็นจำนวนมากเปรียบเสมือนโรงงานไฟฟ้าของเซลล์
ประกอบดว้ ย 2 ส่วนคือ
7.1 ช้นั นอก (outer membrane) ทำหน้าที่
เป็นเยอื่ เลือกผ่าน
7.2 ช้นั ใน (inner membrane) ทม่ี บี างส่วน
ยนื่ เขา้ ไปดา้ นในพบั ซอ้ นไปมาเพ่ือเพิ่มพ้ืนท่ีผวิ
ภาพที่ 12 ไมโทคอนเ รีย (mitochondria)
ท่ีมา : http://www.umbc.edu/biosci/imaging/gallery/pages/image11.html
8. กอล ิคอมเพลกซ์ (golgi complex ) หรือ
กอล ิบอ ี (golgi boby) มีลักษณะคล้ายถุง
แบนๆ บางซอ้ นกนั เป็นชั้นๆ และโคง้ เปน็ รูปถว้ ยตื้น
ภายในมีของเหลว ส่วนปลายทั้งสองข้างยื่นพอง
ออกเป็นถุงเล็กๆ ทำหน้าที่รวบรวมสารให้เป็นถุง
เลก็ ๆ (vesicle) เพอ่ื ส่งออกไปภายนอกเซลล์
รปู ท่ี 13 กอล ิคอมเพลก็ ซ์
ท่ีมา : http://www.historyforkids.org/scienceforkids/biology/cells/golgibody.htm
9. ไรโบโซม (ribosome) เป็นออร์แกเนลล์ที่มี
ขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วไปภายในไซโทพลาซึมของ
เซลล์โพรคาริโอตและเซลล์ยูคาริโอต ประกอบด้วย
โปรตีนและกรดไรโบนิวคลีอกิ (RNA) อาจลอยอยู่เป็น
อิสระหรือต่อกันเป็นสายหรือเกาะกับเยื่อหุ้มของ
เอนโดพลาสมิกเรติคูลัม และเยื่อหุ้มนิวเคลียส ทำ
หน้าทส่ี ังเคราะหโ์ ปรตนี ใหแ้ กเ่ ซลล์
ภาพที่ 14 ไรโบโซม (ribosome)
ทีม่ า : http://www.flickr.com/photos/fei_company/3930173128/
10. ไลโซโซม (lysosome) มีลักษณะเป็นถุงกลมขนาดเล็กมีเยื่อหุ้มชั้นเดียวกระจายอยู่ทั่วไปในเซลล์ ทำ
หน้าทก่ี ำจดั เชื้อโรคและส่งิ แปลกปลอมท่เี ข้ามาสรู่ ่างกายดว้ ยเอนไซม์ พบในเซลล์สตั วเ์ ทา่ นน้ั
ภาพที่ 15 ไลโซโซม (lysosome)
ที่มา : https://missbakersbiologyclasswiki.wikispaces.com/5th+Period's+Cell
11. ร่างแหแอนโ พลาซม (endoplasmic reticulum) พบทั่วไปในไซโทพลาซึมมีลักษณะเป็นถุงแบนๆ
เรียก cisternae พับไปมาตอ่ กนั อย่ใู นลักษณะเป็นร่างแห ทำให้ติดตอ่ ถงึ กนั หมดแบง่ ออกเป็น 2 ชนดิ คอื
11.1 เอนโ พลาสมิกเรตคิ ูลัม แบบผิวขรขุ ระ (rough endoplasmic reticulum, RER) เพราะมี
ไรโบโซมเกาะตดิ อยู่ที่ผิวด้านนอก มีหน้าที่ขนส่งโปรตีนที่สังเคราะห์จากไรโบโซมที่ผวิ RER ออกไปนอกเซลล์
ในเซลล์ทสี่ รา้ งโปรตนี ออกนอกเซลลจ์ ะมปี ริมาณของ RER สูง เชน่ ตับออ่ น หรือตอ่ มน้ำลาย
11.2 เอนโ พลาสมิกเรติคูลัม แบบเรียบ (smooth endoplasmic reticulum, SER) ไม่มี
ไรโบโซมเกาะติดอยู่ทผี่ วิ ด้านนอก มีหน้าท่ีเอนโดพลาสมกิ เรตคิ ลู มั แบบเรยี บ ทำหน้าทแี่ ตกตา่ งกันตามชนิดของ
เซลล์ เช่น กำจดั สารพิษ พบมากในเซลล์ตับสงั เคราะหไ์ ขมันประเภทสเตยี รอยด์ ซง่ึ เป็นฮอรโ์ มนหลายชนิด ดูด
ซึมสารอาหารประเภทไขมันในเซลล์เยื่อบุผิวลำไส้เล็ก รับโปรตีนมาจาก RER และทำให้โปรตีนอยู่ในถงุ เล็กๆ
แล้วเคลือ่ นไปยังกอลจคิ อมเพลกซ์
ภาพท่ี 16 รา่ งแหแอนโ พลาซม (endoplasmic reticulum)
ท่มี า : http://library.thinkquest.org/C004535/PF_endoplasmic_reticulum.html
12. เซนทรโิ อล (centriole) เปน็ ออร์แกแนลทีไ่ มม่ เี ยื่อหุ้มพบในเซลล์สัตวท์ กุ ชนิดและเซลล์ของโพรตีสท์บาง
ชนดิ เซนทริโอล มีลกั ษณะเป็นทรงกระบอกสองอนั วางตัวในแนวต้งั ฉากกนั แตล่ ะอนั ประกอบดว้ ยไมโครทูบูล
เรยี งตวั กนั เป็นวงกลม 9 กลุ่มและในแตล่ ะกลุม่ ประกอบด้วยไมโครทูบูล 3 อันตรงกลางไมม่ ไี มโครทบู ูลอยู่ ทำ
หน้าทส่ี รา้ งเสน้ ใยสปินเดิล (spindle fiber) ทีใ่ ชแ้ ยกโครโมโซมออกจากกันขณะท่มี ีการแบง่ เซลล์
ภาพที่ 17 เซนทริโอล (centriole)
ทมี่ า : https://il.mahidol.ac.th/e-media/ap-biology1/Chapter3/linkcell_animal10.html
13. ไซโทสเกเลตอน (cytoskeleton) เปน็ เสน้ ใยโปรตนี ทเ่ี ชื่อมโยงกนั เป็นรา่ งแหเพื่อคำ้ จุนรูปร่างของเซลล์
และเป็นทยี่ ดึ เกาะของออรแ์ กเนลล์ เชน่ ไมโทคอนเดรยี ใหอ้ ยู่ตามตำแหน่งต่างๆ จึงเปรยี บเทียบคลา้ ยกบั โครง
ร่างของเซลล์ และยังทำหน้าท่ีลำเลียงออร์แกเนลลใ์ ห้เคลือ่ นท่ีภายในเซลล์ รวมทั้งการเคลื่อนท่ีของเซลลบ์ าง
ชนิด ไซโทสเกเลตอนใน เซลลพ์ ืชและสตั ว์ แบง่ ไดเ้ ปน็ 3 ชนิด ตามชนิดของหนว่ ยยอ่ ยท่เี ปน็ องค์ประกอบไดแ้ ก่
13.1 ไมโครฟิลาเมนท์ ( microfilment ) หรือแอกทนิ ฟลิ าเมนท์ ( actin filment ) ประกอบด้วย
เส้นใยโปรตีนที่มีขนาด เส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 7 นาโนเมตร เกิดจากโปรตีน แอกทิน ( actin ) ซึ่งมี
รูปร่างกลม ต่อกันเป็นสาย 2 สายพันบิดกัน เป็นเกลียวคล้ายสายสร้อยไขม่ ุก ทำหน้าที่เกี่ยวกบั การเคลื่อนที่
ของเซลล์ เช่น อะมีบา เซลล์เม็ดเลือดขาว เป็นต้น นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ค้ำจุนซึ่งพบในไมโครวิลไล
(microvilli) ซึ่งเป็นส่วนของเซลล์เยื่อบุผิวในลำไส้เล็ก และชว่ ยในการ แบ่งตัวของไซโทพลาซมึ ในกระบวนการ
แบง่ เซลล์
ภาพท่ี 18 ไมโครฟลิ าเมนท์ (microfilment)
ทม่ี า : http://www.thaigoodview.com/library/contest1/science04/70/2/html
13.2 ไมโครทิวบูล (microtubule) เป็นหลอดวงกลมมีขนาดเส้น
ผ่านศนู ย์กลาง 25 นาโนเมตร เกดิ จากโปรตนี ทเี่ รยี กวา่ ทูบูลิน (tubulin) เรียง
ตอ่ กนั เปน็ สาย ไมโครทิวบูลเป็นโครงสร้างของสน้ ใยสปนิ เดิล ซิเลยี เซนทริโอล
แฟลเจลลัม และยังทำหนา้ ทีย่ ดึ และลำเลียงออร์แกเนลลภ์ ายในเซลล์
ภาพท่ี 19 ไมโครทิวบูล (microtubule)
ที่มา : http://www.thaigoodview.com/library/contest1/science04/70/2/html
13.3 อินเทอร์มิเ ียทฟิลาเมนท์ (intermediate filment) เป็นเส้นใยที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
8 - 10 นาโนเมตร ประกอบดว้ ยเส้นใยโปรตนี หนว่ ยย่อยซง่ึ เรียงตวั เป็นสาย ยาว ๆ 4 สาย 8 ชุด พันบดิ กนั เปน็
เกลียว อินเทอร์มิเดียทฟิลาเมนท์จัดเรียงตัวเป็นร่างแห ตามลักษณะรูปร่างของเซลล์ ไซโทสเกเลตอนมีการ
เรียงตัวได้เป็นระเบียบ คงรูปเป็นเส้น หรือท่อตลอดเวลา เช่น ไมโครฟิลาเมนทใ์ นเสน้ ใย กล้ามเนื้อลาย และ
ไมโครทิวบูล ที่เป็นแกนของซิเลีย และแฟลเจลลัม ไซโทสเกเลตอน ในเซลล์ทั่ว ๆ ไป ไมโครฟิลาเมนท์ และ
ไมโครทิวบลู เรยี งตวั ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ และมกี ารสลายตัวและสรา้ งใหมไ่ ด้ตลอดเวลา
ภาพท่ี 20 อนิ เทอรม์ เิ ียทฟิลาเมนท์ (intermediate filment)
ทมี่ า : http://www.thaigoodview.com/library/contest1/science04/70/2/html
สรุปโครงสรา้ งพ้นื ฐานและหนา้ ที่ของเซลล์ หนา้ ท่ี
ควบคุมการทำงานของเซลล์ เปน็ ท่ีอยขู่ องสารพนั ธกุ รรม
องคป์ ระกอบของเซลล์
นิวเครียส สังเคราะหโ์ ปรตนี
ไรโบโซม สรา้ งโปรตีน และเป็นทางสง่ ออกของสารจากนวิ เคลียสไปสไู่ ซโทพลาซึม
ร่างแหเอนโ พลาซม ใหค้ วามแข็งแรงทนทานแกเ่ ซลล์
ผนงั เซลล์ อัดโปรตีนใหเ้ ลก็ ลง
กอล บิ อ ี ชว่ ยในการแบง่ เซลล์
เซนทรโิ อล
ค้ำจนุ และใหค้ วามแขง็ แรงแกเ่ ซลล์ ช่วยในการเคลือ่ นที่ของเซลล์
ไซโทสเกเลตอน แหลง่ สะสมสารต่างๆ
แวคลิ โอล
ไลโซโซม มเี อนไซม์ยอ่ ยส่ิงแปลกปลอม
สรา้ งพลงั งานให้แก่เซลล์ (ATP)
ไมโทคอนเ รีย ทำการสังเคราะห์ดว้ ยแสงไดผ้ ลผลติ เป็นแป้งและนำ้ ตาล
คลอโรพลาสต์ เป็นสว่ นหอ่ หุ้มเซลล์ ควบคมุ ปริมาณของสารทผ่ี า่ นเขา้ ออกเซลล์
เยื่อหุ้มเซลล์ เป็นที่อยู่ของออรแ์ กเนลลต์ ่างๆ
ไซโทพลาซม