The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Ebook เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ล้านนา และความเป็นมาของการฟ้อนเล็บ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-02-08 23:49:35

ประวัติศาสตร์ล้านนา "ฟ้อนเล็บ"

Ebook เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ล้านนา และความเป็นมาของการฟ้อนเล็บ

ประวัติศาสตร์ล้านนา

เสนอ
อาจารย์ ดร.ปานแพร เชาวน์ประยูร อุดมรักษาทรัพย์

เรื่อง ประวัติศาสตร์ล้านนา "ฟ้อนเล็บ"
รายวิชา พท 330 ประวัติศาสตร์ไทยเพื่อการท่องเที่ยว

ภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษาที่ 2564

คณะผู้จัดทำ
6209101308 นางสาวเกษวรินทร์ เขียวมณีย์

6209101310 นางสาวเขมิกา ปูคำ
6209101312 นางสาวจิราลักษณ์ ลุงกอน
6209101327 นางสาวดารารัตน์ กลิ่นขจร
สาขาพัฒนาการท่องเที่ยว คณะพัฒนาการท่องเที่ยว

คำนำ

รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ
รายวิชา พท 330 ประวัติศาสตร์ไทยเพื่อการท่อง
เที่ยว ภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษาที่ 2564 เพื่อให้
ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง ฟ้อนเล็บ และได้ศึกษา
อย่างเข้าใจเพื่อเป็นประโยชน์กับการเรียน

ผู้จัดทำหวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับ
ผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้
อยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัด
ทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ หน้า

เรื่อง 1
2
ประวัติศาสตร์ล้านนา 8
- รายนามกษัตริย์ที่ปกครองเมืองล้านนา 9
10
ประวัติศาสตร์การฟ้อนเล็บ 12
- การแต่งกาย 13
- ท่าฟ้อนเล็บ 14
- ดนตรี 15
- เครื่องดนตรี 16
- โอกาสที่แสดง 17
- ความเป็นเอกลักษณ์
- พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ทางด้านการท่องเที่ยว

บรรณานุกรม

สารบัญรูปภาพ หน้า

เรื่อง 1
5
รูปภาพเมืองล้านนา 5
รูปภาพวัดสวนดอก 6
รูปภาพเมืองเชียงแสน 6
รูปภาพฝาผนังวัดเจ็ดยอด 7
รูปภาพการทำสังคยานาครั้งที่8 7
รูปภาพชินกาลมาลีปกรณ์พระรัตนปัญญาเถระ 7
รูปภาพจามเทวีวงศ์ พระพุทธญาณและพระพุทธพุกาม 8
รูปภาพมังคลัตถทีปนีและเวสสันตรทีปนีพระสิริมังคลาจาร 9
รูปภาพการแสดงฟ้อนเล็บ และอุปกรณ์ 9
รูปภาพการแต่งกาย1 10
รูปภาพการแต่งกาย2 10
รูปภาพจีบส่งหลัง 10
รูปภาพตั้งวง 10
รูปภาพไหว้ 10
รูปภาพบิดบัวบาน 10
รูปภาพกลางอัมพร 11
รูปภาพสอดสูง 11
รูปภาพจีบคู่งอแขน 11
รูปภาพพรหมสี่หน้า 11
รูปภาพกระต่ายต้องแร้ว 11
รูปภาพผาลาเพียงไหล่ 11
รูปภาพสะบัดจีบ 12
รูปภาพสอดสร้อย 13
รูปภาพขบวนกลองยาว1 13
รูปภาพกลองแอว 13
รูปภาพฆ้องอุ้ย 13
รูปภาพฉาบใหญ่ 13
รูปภาพกลองตะหลดปลด 13
รูปภาพฆ้องโหย้ง 14
รูปภาพปี่ แนน้อย/ปี่ แนหลวง 14
รูปภาพการแสดงฟ้อนเล็บ1 15
รูปภาพการแสดงฟ้อนเล็บ2 16
รูปภาพขบวนกลองยาว2
รูปภาพการแสดงที่คุ้มขันโตก

สารบัญตาราง หน้า

เรื่อง 2-4

ตารางรายนามกษัตริย์ที่ปกครองเมืองล้านนา

1
ประวัติศาสตร์ล้านนา

หลังจากที่ยึดครองหริภุญไชยได้ 1. เมืองล้านนา
แล้ว พญามังรายได้แต่งตั้งให้อ้าย
ฟ้าปกครองเมืองหริภุญไชยแทน
ส่วนพระองค์กลับไปสร้างเมืองแห่ง
ใหม่ที่เวียงกุมกาม ใน พ.ศ. 1837
สำหรับสาเหตุที่ทำให้พญามังราย
ไม่ปกครองเมืองหริภุญไชยต่อนั้น
อาจจะเนื่องมาจากสาเหตุที่ว่าเมือง
หริภุญไชยนั้นเป็นเมืองพระธาตุ
เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา
จึงไม่เหมาะที่พญามังรายในฐานะ
กษัตริย์นักรบจะปกครองได้

ช่วงที่ปกครองอยู่ที่เวียงกุมกาม พญามังรายได้แผ่อิทธิพลไป
จนถึงพุกาม พร้อมกับกวาดต้อนผู้คนตลอดจนถึงช่างฝีมือ
ต่างๆจากพุกามมาไว้ที่เวียงกุมกามเป็นจำนวนมาก แต่
เนื่องจากเวียงกุมกามเป็นที่ลุ่ม มีน้ำขัง จึงทำให้ประสบปัญหา
น้ำท่วมทุกปี พญามังรายจึงแก้ไขปัญหาด้วยการหาสถานที่
สร้างเมืองใหม่ ด้วยการเชิญพระสหายร่วมสำนัก คือ พ่อขุน
รามคำแหงเจ้าเมืองสุโขทัยกับพญางำเมืองเจ้าเมืองพะเยา หา
ชัยภูมิในการสร้างเมืองใหม่ที่เชิงดอยสุเทพ ให้ชื่อว่า “ นพบุรี
ศรีนครพิงค์เชียงใหม่ ” โดยสร้างใน พ.ศ. 1839 ให้เป็น
ศูนย์กลางอำนาจของอาณาจักรล้านนา ภายหลังจากที่พญามัง
รายสวรรคตใน พ.ศ.1860 มีกษัตริย์ปกครองต่อมา

2

รายนามกษัตริย์ที่ปกครองเมืองล้านนา

ราชวงศ์มังราย รายนาม ปีที่ครองราชย์

พญามังราย พ.ศ.1839-1860

พญาชัยสงคราม พ.ศ.1860-1860

พญาแสนพู พ.ศ.1861-1862
พญาคำฟู พ.ศ.1867-1870




พ.ศ.1871-1881

พญาผายู พ.ศ.1888-1910

พญากือนา พ.ศ.1910-1931

3

รายนามกษัตริย์ที่ปกครองเมืองล้านนา

ราชวงศ์มังราย รายนาม ปีที่ครองราชย์
พ.ศ. 1931-1943
(ยุคล้านนารุ่งเรือง)

พญาแสนเมืองมา

พญาสามฝั่ งแกน พ.ศ. 1944-1985

พญาติโลกราช พ.ศ. 1985-2030

พระยอดเชียงราย พ.ศ. 2030-2038

พระเมืองแก้ว พ.ศ. 2038-2068

4

รายนามกษัตริย์ที่ปกครองเมืองล้านนา

ราชวงศ์มังราย รายนาม ปีที่ครองราชย์

(ยุคล้านนาเสื่อม)

พระเมืองเกษเกล้า พ.ศ. 2068-2081
พ.ศ. 2086-2088

พระนางจิรประภา พ.ศ. 2088-2089

พระไชยเชษฐาธิราช พ.ศ. 2089-2090



พระเจ้าเมกุฎสุทธิวงศ์ พ.ศ. 2094-2107

พระนางวิสุทธิเทวี พ.ศ 2107-2121

ข้าหลวงพม่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2121

5

กษัตริย์ที่เป็นองค์อุปถัมภ์ใน 2. วัดสวนดอก
พระพุทธศาสนา ตลอดจนกษัตริย์
ที่มีบทบาทและความสำคัญต่อ พญากือนา ทรงส่งราชฑูตไป
อาณาจักรล้านนานับตั้งแต่เริ่ม อาราธนาพระมหาสุมนเถระจาก
สถาปนา จนกระทั่งตกอยู่ภายใต้ สุโขทัยซึ่งเป็นพระภิกษุฝ่ายอรัญญ
อำนาจของพม่า คือ พญาแสนพู วาสี ให้มาสืบพระพุทธศาสนาในเมือง
พญาแสนพูเป็นกษัตริย์ลำดับที่ 3 เชียงใหม่ ราว พ.ศ.1912 เรียกนิกาย
ในราชวงศ์มังราย พระองค์โปรดให้ รามัญวงศ์ หรือนิกายลังกาวงศ์
ท้าวคำฟูโอรสครองเมืองเชียงใหม่ เก่า(ตรงกับสมัยของพระยาลิไท) ให้
ส่วนพระองค์ประทับอยู่ที่เมือง มาจำพรรษาอยู่ที่วัดพระยืน เมือง
เชียงราย และในราว พ.ศ. 1870 ลำพูน แล้วย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัด
ทรงโปรดให้สร้างเมืองเชียงแสนใน
บริเวณเมืองเงินยาง และเสด็จ สวนดอกใน พ.ศ. 1914 ดำรง
ประทับอยู่ที่เชียงแสนตลอด ตำแหน่งเจ้าอาวาสองค์แรกของวัด
พระชนม์ชีพของพระองค์ การสร้าง สวนดอก ซึ่งเป็นสวนดอกไม้ที่พญา
เมืองเชียงแสนของพญาแสนพูนั้น กือนาได้ถวายพร้อมกับสร้างวัดให้
ก็เพื่อป้องกันข้าศึกทางด้านเหนือ เป็นที่พำนักของพระมหาสุมนเถระ
และควบคุมหัวเมืองต่างๆที่อยู่ราย เรียกวัดนี้ว่า “ วัดสวนดอกหรือวัด
ล้อม คือ เมืองเชียงราย, เมืองฝาง, บุปผาราม ” พระมหาสุมนเถระนั้นไม่
เมืองสาด, เมืองเชียงตุง, เมืองเชียง ได้ไปศึกษาพระพุทธศาสนาที่ลังกา
รุ่ง, และเมืองเชียงของ โดยตรง แต่ศึกษาด้วยการไปศึกษาที่
สำนักของพระอุทุมพรมหาสวามีที่
3. เมืองเชียงแสน เมืองพัน บริเวณอาวเมาะตะมะซึ่งตั้ง
อยู่ทางตอนใต้ของพม่า แล้วกลับไป

เผยแพร่พระพุทธศาสนาในเมือง
สุโขทัยช่วงรัชสมัยพระยาลิ
ไท(พ.ศ.1890-1911)

พญาติโลกราชหรือพระเจ้าติโลก 6
ราช ในสมัยของพระองค์พระพุทธ
ศาสนามีความเจริญอย่างมาก 4. ภาพฝาผนังวัดเจ็ดยอด
พระองค์ให้การสนับสนุนพุทธศาสนา
นิกายสีหล ซึ่งภิกษุที่สำคัญในนิกายนี้ ต่อมาได้ทรงโปรดให้ทำการ
และอยู่ร่วมสมัยกับพญาสามฝั่ งแกน สังคายนาพระไตรปิฎกเป็นครั้งที่
พระราชบิดาของพระเจ้าติโลกราชคือ 8 ของโลกที่วัดมหาโพธาราม(วัด
พระญาณคัมภีระ(มหาคัมภีร์) พระ
ญาณคัมภีระและคณะสงฆ์ได้เดินทาง เจ็ดยอด)ในพ.ศ. 2020 เพื่อให้
ไปศึกษาพระพุทธศาสนาที่ลังกา ลดการขัดแย้งของคณะสงฆ์
ตั้งแต่สมัยพญาสามฝั่ งแกนแล้ว หลัง
จากที่ทรงขึ้นครองราชย์ได้ทรง นิกายรามัญวงศ์กับนิกายสีหล
อาราธนาพระมหาเมธังกร ให้มาจำ การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งนี้
พรรษาอยู่ที่วัดป่าแดงหลวง และตั้ง
ให้ดำรงตำแหน่งมหาสวามี(สังฆ ทำให้เกิดพระสงฆ์ที่ทรงความรู้
ราชา) พร้อมทั้งสนับสนุนให้พระสงฆ์ จำนวนมาก เช่น พระธรรมทิน
นิกายพื้นเมืองที่มีมาแต่สมัยพระนาง
จามเทวี และนิกายลังกาวงศ์เก่าหรือ พระสิริมังคลาจารย์ เป็นต้น
รามัญวงศ์ให้บวชใหม่ในนิกายสีหล นิกายสีหลนี้พระภิกษุในเมือง
หรือนิกายลังกาวงศ์ใหม่ให้หมด เชียงใหม่ได้เดินทางไปศึกษาที่
ลังกาตั้งแต่สมัยพญาสามฝั่ งแกน
5. การทำสังคยานาครั้งที่8 แล้ว และกลับมาในสมัยดังกล่าว
แต่เนื่องจากมีวัตรปฏิบัติที่ต่าง
กันมากกับนิกายรามัญวงศ์ จึงได้
รับการต่อต้านตลอดเวลา พญา
สามฝั่ งแกนจึงแก้ปัญหาด้วยการ
ขับไล่พระสงฆ์ในนิกายสีหลนี้ให้
ออกไปจากเมืองเชียงใหม่ ซึ่งพระ
สงฆ์กลุ่มดังกล่าวได้กระจายตัวไป
จำพรรษาอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ
ทั้งหมด โดยเฉพาะในหัวเมือง
เมืองลำปางและเมืองเชียงราย

7

พระเมืองแก้ว เป็นยุคที่พุทธศาสนา
มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก
และเกิดวรรณกรรมภาษาบาลีเนื่อง
ในพุทธศาสนาหลายเรื่อง

6. ชินกาลมาลีปกรณ์
พระรัตนปัญญาเถระ





7. จามเทวีวงศ์ ในชินกาลมาลีปกรณ์เรียก
พระพุทธญาณและพระพุทธพุกาม พระนามของพระเมืองแก้วว่า
“ ติลกปนัดดาธิราช ” ซึ่ง
8. มังคลัตถทีปนีและเวสสันตร เป็นการยกย่องพระเมืองแก้ว
ทีปนี เช่นเดียวกับพระเจ้าติโลกราชว่า
เป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรมและส่ง
พระสิริมังคลาจาร เสริมพระพุทธศาสนาให้มีความ
เจริญรุ่งเรือง นอกจากนั้นในสมัย
ของพระองค์ยังทรงขยายอำนาจ
ไปด้านใต้ ทำให้ต้องทำสงคราม
กับอาณาจักรอยุธยา พระ
เมืองแก้วได้สร้างความมั่นคงให้
กับเมืองเชียงใหม่ด้วยการสร้าง
กำแพงเมืองป้องกันข้าศึกให้มี
ความแข็งแรงใน พ.ศ. 2059

8

ประวัติศาสตร์การฟ้อนเล็บ

9. การแสดงฟ้อนเล็บ และอุปกรณ์

ฟ้อนเล็บ เป็นการฟ้อนชนิดหนึ่งของชาวไทยในภาคเหนือ
ผู้ฟ้อนจะสวมเล็บยาว ลีลาท่ารำของฟ้อนเล็บคล้ายกับฟ้อน
เทียน ต่างกันที่ฟ้อนเทียนมือทั้งสองถือเทียน “ฟ้อนเล็บ”
เป็นการฟ้อนที่เป็นเอกลักษณ์ของ “คนเมือง” ซึ่งหมายถึง
คนในถิ่นล้านนาที่มีเชื้อสายไทยวน และเนื่องจากการ
เป็นการแสดงที่มักปรากฏ ในขบวนแห่ครัวทานของวัดจึง
มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฟ้อนแห่ครัวทาน” ต่อมามีการสวม
เล็บที่ทำด้วยทองเหลืองทั้ง 8 นิ้ว (ยกเว้นนิ้วหัวแม่มือ)
จึงได้ชื่อว่า “ฟ้อนเล็บ”

9

การแต่งกาย

สวมชุดไทยชาวภาคเหนือสมัยโบราณ นุ่งผ้าซิ่นมีเชิงลายขวาง
เสื้อคอกลมแขนยาว และห่มผ้าสไบเฉียงทับ เกล้าผมมวยสูงทัด
ดอกไม้และห้อยอุบะ และสวมเล็บยาวทั้ง 8 นิ้ว เว้นแต่นิ้วหัวแม่

มือ การแต่งกายสมัยก่อน ถ้าเป็นฟ้อนธรรมดาของแต่ละ
หมู่บ้าน การแต่งกายจะเป็น 2 ลักษณะคือ




10. การแต่งกาย1

ใส่ เสื้อคอกลมแขนกระบอก เอวรูด ไม่ห่มผ้า ผ้าซิ่นจะเป็นแบบลายขวาง
ต่อเอวดำตีนดำ (ตีน คือเชิงผ้าของผ้าซิ่น )





11. การแต่งกาย2

ใส่เสื้อคอกลมแขนกระบอก เอวปล่อย ห่มผ้า ใส่สร้อย ผ้าซิ่นให้ใช้ผ้าตีนจก หรือผ้าทอ
(การแต่งกายในข้อนี้ จะใช้แต่งในงานใหญ่และในคุ้มเจ้านาย)การแต่งกายจะเหมือน

กันทั้งหมดหรือเหมือนกันเฉพาะคู่ก็ได้

10

ท่าฟ้อนเล็บ

การฟ้อนชนิดนี้มีมาแต่ดั้งเดิม มักมีการฝึก
ซ้อมเด็กสาวในหมู่บ้านเพื่อแสดงในงานดังกล่าว
เสมอ โดยที่รูปแบบกระบวนและลีลาท่าฟ้อนไม่
ได้กำหนดตายตัว แต่ละครูหรือแต่ละวัดอาจ
แตกต่างกันไป ในสมัยพระราชชายาเจ้าดารา
รัศมี ได้มีการปรับปรุงและประดิษฐ์ท่าฟ้อนให้ดู
อ่อนช้อยงดงามยิ่งขึ้น มีท่าดังนี้




จีบส่งหลัง บิดบัวบาน

ตั้งวง กลางอัมพร

ไหว้
สอดสูง

11

ท่าฟ้อนเล็บ

จีบคู่งอแขน ผาลาเพียงไหล่

พรหมสี่หน้า สะบัดจีบ

กระต่ายต้องแร้ว สอดสร้อย

12

ดนตรี

เครื่องดนตรีที่ใช้ในการฟ้อนเป็นขบวนกลองยาว ซึ่งเป็น
ดนตรีของชาวภาคเหนือ ได้แก่ กลองแอร์ กลองตะโล้ดโป๊ด
ฉาบ ฆ้องโหม่งใหญ่ ฆ้องโหม่งเล็ก ฉิ่ง ปี่ เวลาดนตรีบรรเลง 1
เสียงปี่ ดังไพเราะเยือกเย็นมาก ท่วงทำนองเชื่องช้า เสียงกลอง
จะตีดัง ตะ ตึ่ง นง ตึ่ง ต๊ก ถ่ง อย่างนี้เรื่อยไป ส่วนช่างฟ้อนก็จะ
ฟ้อนช้าๆ ไปตามลีลาของเพลง




24. ขบวนกลองยาว2

สำหรับเพลงที่ใช้บรรเลง ก็แล้วแต่ผู้เป่าแนจะกำหนดอาจ
ใช้เพลงแหย่ง เพลงเชียงแสน เพลงหริภุญชัยหรือลาวเสี่ยง
เทียน แต่ส่วนใหญ่จะใช้เพลงแหย่ง

13

เครื่องดนตรี


เครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบจังหวะในการฟ้อน จะใช้วง

กลอง “ตึ่งโนง” ซึ่งประกอบด้วย

กลองแอว กลองตะหลดปด

ฆ้องอุ้ย ฆ้องโหย้ง

ฉาบใหญ่ ปี่ แนน้อย/ปี่ แนหลวง

14

โอกาสที่แสดง

เดิมจะฟ้อนในงานฉลองสมโภช
เพื่อนำขบวนทานหรือเป็นมหรสพ
ในงานศพ

ปัจจุบันมีการแสดงให้นักท่องเที่ยว
ได้ชม จึงมีปรากฏให้เห็นตามโรงแรม
ห้องอาหารโดยทั่วไป

31. การแสดงฟ้อนเล็บ1

อนึ่งการฟ้อนในลักษณะเดียวกันนี้ ถ้าถอดเล็บออกและขณะที่
ฟ้อนก็ถือเทียนไปด้วย เรียกว่า “ฟ้อนเทียน” การฟ้อนโดยลักษณะ
การนี้มีความเป็นมาว่าในสมัยพระราชชายาเจ้าดารารัศมี มีการ
แสดงถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระ
ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินฯ เชียงใหม่
เมื่อปี พ.ศ.2469 ในงานถวายพระกระยาหารค่ำ ณ พลับพลาที่
ประทับ งานนี้พระราชชายาฯ ทรงให้ช่างฟ้อนเล็บถอดเล็บทอง
เหลืองออก แล้วให้ถือเทียนทั้งสองมือ เวลาออกไปฟ้อนก็จุดเทียน
ให้สว่าง การฟ้อนครั้งนั้นสวยงามเป็นที่ประทับใจ จึงเป็นต้นเหตุว่า
หากมีการฟ้อนชนิดนี้

ถ้าเป็นเวลากลางวัน
ให้สวมเล็บแต่ถ้าเป็น
กลางคืนให้ถือ เทียน
และการที่ฟ้อนเทียนนี่
เองเป็นเหตุให้ใช้เพลง

“ลาวเสี่ยงเทียน”

32. การแสดงฟ้อนเล็บ2

15

ความเป็นเอกลักษณ์

33. ขบวนกลองยาว2



ความเป็นเอกลักษณ์ของฟ้อนเล็บคือ เครื่องดนตรี
และเพลงประกอบการฟ้อน ได้แก่ ภาพรวมทั้งหมด เพราะ
ใครพบเห็นฟ้อนชนิดนี้ที่ไหน ก็ต้องตอบเป็นเสียงเดียวกัน
ว่าเป็นฟ้อนเล็บ ซึ่งเป็นการแสดงที่อ่อนช้อยงดงาม ตาม
แบบฉบับของคนเมืองชาวล้านนาโดยแท้

16

พัฒนาการทางประวัติศาสตร์
ทางด้านการท่องเที่ยว

การฟ้อนเล็บเป็นการแสดงที่หาดูได้ยาก ส่วนใหญ่การ
แสดงฟ้อนเล็บจะพบเห็นได้ในงานประกวดระดับโรงเรียน
ระดับจังหวัด และระดับภาค และจะพบเห็นได้ในงาน
สมโภชตามประเพณี ซึ่งในแหล่งท่องเที่ยวจะพบได้ในการ
แสดงที่ร้านอาหารและการแสดงเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว
ต่างชาติในโรงแรม เช่น ร้านอาหารคุ้มขันโตกที่มีการ
แสดงฟ้อนเล็บและการฟ้อนต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้ชมใน
ขณะรับประทานอาหารไปด้วย

34. การแสดงที่คุ้มขันโตก

แต่ในปัจจุบันนี้การแสดงฟ้อนเล็บจะพบเห็นได้ยาก
กกว่าเดิมเนื่องด้วยจากสถานการณ์หลายๆอย่างที่ไม่
สามารถเกิดการรวมกลุ่มจัดทำการแสดงได้ แต่ก็ยังมีให้
พบเห็นในงานประเพณีเช่น วันลอยกระทง และพบได้ใน
บนสื่อออนไลน์

17

บรรณานุกรม

สำนักงานเทศบาลตำบลสันป่าม่วง.(2562).ฐานข้อมูลภูมิปัญญา
ท้องถิ่น.[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
http://www.sanpamuang.go.th/site/2019/08/17/%E0%B
8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B9%8
9%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%
E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0
%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B
8%B2%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%8
7-5/. (วันที่ค้นข้อมูล : 27 มกราคม 2565).


นัยยรินทร์ ชัยพัชรานนท์.(2557).การแสดงนาฏศิลป์.[ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก :
https://sites.google.com/site/naiyarinnoey/fxn-leb. (วัน
ที่ค้นข้อมูล : 27 มกราคม 2565).


อัณณ์ชญาณ์ ไชยวงศ์.(2564).การแสดงฟ้อนเล็บ.[ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก : https://youtu.be/5PR7iWjDxHQ. (วันที่ค้น
ข้อมูล : 27 มกราคม 2565)


Click to View FlipBook Version