The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงานจัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาเรื่อง สุภาษิตพระร่วง หากมีข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำขอน้อมรับและนำไปปรับปรุงในภายภาคหน้า

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by bm56289, 2022-09-15 00:38:43

โครงงานสุภาษิตพระร่วง

โครงงานจัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาเรื่อง สุภาษิตพระร่วง หากมีข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำขอน้อมรับและนำไปปรับปรุงในภายภาคหน้า

โครงงาน

เรือ่ ง สุภาษิตพระร่วง

กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย

จัดทำโดย

๑. นางสาวกชพร วิชาพูล เลขที่ ๒๔
๒. นางสาวกัสมา กาฬเนตร เลขท่ี ๒๕
๓. นางสาวปวชิ ญาดา ศรีมันตะ เลขที่ ๒๘
๔. นางสาวฐิติรัตน์ ยามประโคน เลขที่ ๒๙
๕. นางสาวลดาดล อนิ ถาเครอื เลขท่ี ๓๐
๖. นางสาววรณัฎฐ์ ถงึ ประชา เลขที่ ๓๑
๗. นางสาวกรกัญญา เหลาผา เลขที่ ๓๓
๘. นางสาวปัณฑติ า เศรษฐมาตย์ เลขท่ี ๓๘

ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๔/๘

รายวชิ าภาษาไทย (ท๓๑๑๐๑)
ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕

โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช
สำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศกึ เขต ๒๙

เก่ียวกบั โครงงาน

โครงงานภาษาไทย

เรื่อง สุภาษิตพระรว่ ง
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย

ผูจ้ ดั ทำ ๑. นางสาวกชพร วิชาพลู เลขที่ ๒๔
ครทู ปี่ รึกษา ๒. นางสาวกัสมา กาฬเนตร เลขที่ ๒๕
๓. นางสาวปวชิ ญาดา ศรมี ันตะ เลขท่ี ๒๘
๔. นางสาวฐติ ริ ตั น์ ยามประโคน เลขท่ี ๒๙
๕. นางสาวลดาดล อนิ ถาเครือ เลขที่ ๓๐
๖. นางสาววรณฎั ฐ์ ถงึ ประชา เลขที่ ๓๑
๗. นางสาวกรกัญญา เหลาผา เลขที่ ๓๓
๘. นางสาวปณั ฑิตา เศรษฐมาตย์ เลขท่ี ๓๘

๑. คุณครูภทั รพร สืบสิงห์
๒. คุณครธู นาภรณ์ ศริ ิกุล

สถานศึกษา โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช
สำนกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต ๒๙

ปีการศึกษา ๒๕๖๕

กิตติกรรมประกาศ

โครงงานภาษาไทย เร่ืองสุภาษติ พระรว่ ง ไดส้ ำเร็จลลุ ว่ งได้ดว้ ยความกรณุ าและความชว่ ยเหลอื
เอาใจใส่อยา่ งดียง่ิ จาก คณุ ครูกรรณิการ์ พลพวก และคณุ ครวู ไิ ลวรรณ เดชผล ผเู้ ป็นที่ปรึกษาโครงงานทไี่ ด้ให้
คำเสนอแนะ แนวคิดต่างๆ มาโดยตลอด จนโครงงานเล่มนี้เสร็จสมบูรณ์ คณะผู้จัดโครงงานได้ตระหนักถึงความ
ตั้งใจและความทมุ่ เทของคุณครูอยา่ งแทจ้ รงิ และขอขอบพระคณุ เปน็ อยา่ งสูงไว้ ณ ทน่ี ี้

ขอขอบพระคุณนกั เรยี นโรงเรยี นเบญ็ จะมะมหาราช ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔/๘ ทกุ ทา่ น ที่ให้
ความรว่ มมอื ในการทำงาน จนทำใหโ้ ครงงานนี้สำเร็จลุล่วงไปไดด้ ว้ ยดี

ขอขอบพระคุณคณะผจู้ ัดทำทุกท่าน ท่ีได้ใหค้ วามรว่ มมือและช้แี นะเสนอแนวคิดในการทำงานร่วมกันเป็น
อย่างดี จนทำให้โครงงานนีส้ ำเร็จลลุ ว่ งไปไดด้ ้วยดี

ทา้ ยสดุ นี้ คณะผจู้ ดั ทำหวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ โครงงานน้ีจะเป็นประโยชน์ตอ่ การศึกษาของผ้ทู ส่ี นใจ
หากผดิ พลาดประการใด คณะผู้จัดทำขออภยั ไว้ ณ ทน่ี ้ี

คณะผู้จดั ทำ

หัวขอ้ โครงงาน : สภุ าษิตพระร่วง

ประเภทของโครงงาน : การรวบรวมขอ้ มลู

ผู้นำเสนอโครงงาน : นางสาวปวิชญาดา ศรมี ันตะ และคณะ

ครทู ป่ี รึกษาโครงงาน : คณุ ครูกรรณกิ าร์ พลพวก
คุณครูวไิ ลวรรณ เดชผล

ปกี ารศกึ ษา : ๒๕๖๕

บทคดั ย่อ

การจัดทำโครงงานเรื่อง สุภาษิตพระร่วง มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาคอื เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสุภาษติ
พระร่วง และเพื่อเสนอขอ้ มูลเก่ียวกับสุภาษติ พระรว่ ง

วธิ ีการศกึ ษา ได้แก่ การสบื คน้ ขอ้ มลู จากอนิ เทอรเ์ นต็ และเว็บไซตต์ า่ งๆ
ผลการศึกษาและจัดทำโครงงานพบว่า
สภุ าษติ พระรว่ งเปน็ การรวบรวมคำสอนของกษตั รยิ ส์ โุ ขทัย “พระร่วง” ทีท่ รงสัง่ สอนประชาชนให้ทำความ
ดี มคี วามประพฤติถกู ต้องเหมาะสม ในวิชาวรรณคดที ว่ั ไป สุภาษติ จัดอยใู่ นประเภทวรรณกรรมคำสอน (didactic
literature) วรรณกรรมประเภทสภุ าษติ เกดิ จากการเก็บสะสมรวบรวมถอ้ ยคำสั่งสอนที่มีคุณค่า
ผู้รวบรวมมักจะไม่จัดหมวดหมู่แยกประเภทว่าสอนเกี่ยวกับอะไร แต่จะนำเรียงร้อยเข้าด้วยกัน โดยยึดสัมผัสที่
สอดคลอ้ งกนั เปน็ หลัก และสุภาษติ พระร่วงถอื ว่าเปน็ วรรณคดคี ำสอนเร่อื งแรกและเปน็ คำสอนทีเ่ กา่ แกท่ ี่สดุ
ผู้แต่งได้แต่งขึ้นเพื่อสั่งสอนประชาชน มุ่งชี้ให้เห็นการปฏิบัติต่อตนเองได้อย่างถูกต้องตามแบบคำสอนต่างๆ ท่ี
ปรากฏไว้ และวรรณคดเี รอ่ื งสภุ าษิตพระร่วง ถือวา่ เป็นแนวทางในการดำเนนิ ชวี ิตได้อย่างแท้จริงในปัจจบุ ัน

สารบญั หนา้

เร่ือง ข
เก่ยี วกบั โครงงาน ค
กติ ติกรรมประกาศ ๑
บทคดั ย่อ ๑
บทท่ี ๑ บทนำ ๑

- ท่ีมาและความสำคัญของโครงงาน ๑
- วตั ถปุ ระสงค์
- ขอบเขตการศกึ ษาคน้ ควา้ ๒-๖
- ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ บั ๗
บทที่ ๒ เอกสารและโครงงานทเ่ี กย่ี วข้อง ๗
บทท่ี ๓ วธิ กี ารจดั ทำโครงงาน ๗
- วสั ดแุ ละอุปกรณ์
- วธิ กี ารจัดทำโครงงาน ๘-๑๒
บทที่ ๔ ผลการศึกษา ๑๓
บทท่ี ๕ สรปุ ผล และขอ้ เสนอแนะ ๑๓
- สรุปผลการศึกษา ๑๓
- ประโยชน์ทไ่ี ด้จากโครงงาน ๑๓
- ขอ้ เสนอแนะ ๑๔
บรรณานุกรม ๑๕
ภาคผนวก



บทที่ ๑
บทนำ

ทมี่ าและความสำคัญ

สุภาษติ พระร่วง เปน็ วรรณคดีเลม่ แรกท่ีแตง่ เปน็ คำประพนั ธ์ประเภทร่ายโบราณ แจบแบบรา่ ยสภุ าพ
คือจบดว้ ยโคลงสองสุภาพ และมโี คลงกระท้ลู งทา้ ยตอนจบอีก ๑ บท บางท่านเรยี กว่า รา่ ยลิลติ เพราะมีร่ายแล้วมี
โคลงตอนจบ ๑ บท เปน็ ภาษิตไทยแท้ ใช้ถอ้ ยคำอยา่ งพื้นๆ ยังไมม่ ภี าษิตต่างประเทศเข้ามาปะปน แสดงให้เห็นว่า
เป็นภาษิตไทยเกา่ แก่ท่ีตดิ ปากคนไทยสืบมา โดยเน้ือเรือ่ งเรม่ิ ตน้ ไดก้ ลา่ วถงึ พระร่วง เจ้ากรุงสุโขทัยทรงม่งุ ประโยชน์
ในกาลภายหน้า จึงได้ทรงบัญญัติสุภาษิตไว้สอนประชาชน โดยมีสาระคำสอนที่กว้างขวาง เป็นสุภาษิต ๑๕๘ บท
ครอบคลุมหลักควรปฏิบตั ิในด้านต่างๆ เช่น การผูกไมตรี การคบคน การวางตัว การหาวิชาความรู้ การรู้จักรักษา
ตวั รอด เป็นต้น

จึงกล่าวได้ว่า สุภาษิตพระร่วงนั้น คือ “หลักธรรมทางพุทธศาสนา” เป็นคำสอนที่ดียิง่ มีใจความลึกซึ้งกนิ
ใจและเป็นคติธรรมที่คนไทยเรายึดถือปฏิบัติและสั่งสอนกันต่อๆมา ต่อมาจึงได้กลายรูปไปตามลักษณะของกวี
นิพนธแ์ บบตา่ งๆ แทรกอยู่ในวรรณคดีไทยในเวลาตอ่ มา ทำให้คณะผจู้ ดั ทำได้ทำการศกึ ษาเกีย่ วกับ
สุภาษิตพระร่วง เพราะภาษาที่มีความลึกซึ้งกินใจ สามารถสื่อถึงคำสอนทางพระพุทธศาสนาได้อย่างชัดเจน
ครอบคลมุ หลักที่ควรปฏบิ ัติในชวี ิตประจำวัน และคณะผูจ้ ัดทำต้องการนำไปเผยแพร่ให้เยาวชนไดศ้ ึกษาและเข้าใจ
ในสภุ าษิตพระร่วง

วัตถปุ ระสงค์

๑. เพอื่ ศึกษาข้อมูลเกย่ี วกบั สภุ าษิตพระรว่ ง
๒. เพอ่ื เสนอข้อมูลเกย่ี วกบั สุภาษิตพระร่วง

ขอบเขตของการศึกษาคน้ คว้า

๑. ขอบเขตดา้ นระยะเวลา วนั ท่ี ๑ กนั ยายน ๒๕๖๕ – วันท่ี ๑๖ กันยายน ๒๕๖๕
๒. ขอบเขตดา้ นการศกึ ษา รวบรวมเนื้อหาจากหนังสอื เรยี นวชิ าภาษาไทย และศึกษาจากอินเตอร์เน็ต

ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะได้รับ

๑. ทำให้ทราบขอ้ มูลเก่ยี วกบั สภุ าษิตพระร่วง
๒. สามารถนำคำสอนจากสุภาษิตพระรว่ งไปปรับใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้อยา่ งเหมาะสม
๔.ได้ทราบถึงความเชื่อในวรรณคดที ่อี ิงจากความเป็นจริงในยุคนั้น
๕.ได้เรียนรเู้ กยี่ วกบั ขอ้ คดิ คำสอน ในวรรณคดเี ร่ืองไตรภูมิพระรว่ ง



บทที่ ๒

เอกสารและโครงงานทเ่ี ก่ียวขอ้ ง

การศึกษาเรอ่ื งการศึกษาเรอ่ื ง สุภาษิตพระรว่ ง ผ้จู ัดทำได้ศึกษาเอกสารทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง ดังน้ี
๑. ความหมายของสุภาษติ
๒. ประวตั ิผู้แต่งและความเป็นมาของสุภาษติ พระรว่ ง
๓. จดุ มงุ่ หมายในการแตง่ และคณุ คา่ และความสำคัญ
๔. ลักษณะคำประพนั ธ์และสุภาษิตพระร่วง

ความหมายของสภุ าษิต

สุภาษติ หรือ ภาษิต หมายถึง ถอ้ ยคำท่กี ล่าวแนะนำ ส่ังสอน เตือนสติ ด้วยหลกั ความจรงิ ส่วนมากเป็นคำ
คล้องจอง มกี ารสืบทอดมาแตโ่ บราณและแต่ละชุมชน กระทั่งแตล่ ะเหล่าอาชีพก็มีสำนวนของใครของมันคล้ายกัน
บ้าง แตกต่างกันไปบ้าง ทั้งนี้เพราะที่มาไม่เหมือนกันแต่โดยความหมายมักเทียบเคียงกันได้ แม้แต่ภาษาต่าง
วฒั นธรรมกย็ ังมสี ว่ นคลา้ ยกนั ในทางอุปมา

๑. ผู้แตง่

ยังไม่มขี อ้ สรปุ แนน่ อนว่า สภุ าษติ พระรว่ งแต่งในสมยั ใด แต่จากการศึกษาของ
ผู้รูท้ างวรรณคดี เช่ือกันว่าเป็นผลงานท่ีแต่งขึ้นในสมัยสุโขทัย แตม่ ีการแตง่ เพ่ิมเติมในสมัยรตั นโกสนิ ทร์ตอนต้น จึง
ปรากฏว่ามีภาษาใหม่ๆ เข้าไปปะปนอยู่ด้วย ท่านผู้รู้ต่างๆ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ พระวรเวทย์
พสิ ิฐ พระสารสาสน์ พลขันธ์ และนายฉนั ทชิ ย์ กระแสสินธุ์ ทา่ นเหล่าน้เี ชอ่ื ว่าแตง่ ในสมยั สุโขทยั โดยอาจแต่งในสมัย
พ่อขนุ รามคำแหงมหาราช และสมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไท

๒. ลกั ษณะการแต่ง

สุภาษิตพระร่วงเป็นวรรณคดีเล่มแรกที่แต่งเป็นคำประพันธ์ประเภทร่ายโบราณ แจบแบบร่ายสุภาพ นั่น
คือจบดว้ ยโคลงสองสุภาพ และมีโคลงกระท้ลู งทา้ ยตอนจบอีก ๑ บท บางท่านเรยี กว่า ร่ายลลิ ิต เพราะมีร่ายแล้วมี
โคลงตอนจบ ๑ บท เป็นภาษิตไทยแท้ ใช้ถ้อยคำอย่างพื้นๆ ยังไม่มีภาษิตต่างประเทศเข้ามาปะปน แสดงว่าเป็น
ภาษิตไทยเกา่ แกท่ ตี่ ดิ ปากคนไทยสบื มา



๓. จุดประสงค์ในการแต่ง

เพื่อสัง่ สอนประชาชน และเพ่ือสรา้ งวัฒนธรรมและอดุ มการณข์ องคนไทย

๔. คุณคา่ และความสำคญั

๑. เป็นปฐมสุภาษิต เป็นคำสอนที่ดีงามพึงปฏิบัติ เป็นภาษิตประจำชาติ เป็นต้นเค้าความคิดและสติ ปัญญา
ของคนไทย เปน็ สิ่งแสดงถงึ อุดมคติและคา่ นยิ มของคนไทย กวีรุน่ หลงั ๆ ได้นำไปกลา่ วอา้ งในวรรณคดีเร่ือง
อ่ืนๆ

๒. เป็นหนงั สอื สัง่ สอนทส่ี อนอยา่ งตรงไปตรงมา ใชค้ ำสอนทง้ั ในเชงิ ห้ามและเชิงแนะโดยตรง ส่วนใหญเ่ ป็นเชงิ
ห้ามด้วยถอ้ ยคำทก่ี ะทัดรดั

หากอ่านสุภาษิตพระร่วงไปทลี ะวรรคดว้ ยความสงั เกตจะทราบทันทีว่า คำสอนทั้งหลายที่เรียกว่าสุภาษิตพระ
ร่วงนั้น คือ “หลักธรรมทางพุทธศาสนา”ซึ่งเป็นคำสอนที่ดียิ่ง มีใจความลึกซึ้งกินใจและเป็นคติธรรมที่คนไทยเรา
ยึดถือปฏิบัตแิ ละสง่ั สอนกนั ตอ่ ๆมา ตอ่ มาก็ได้กลายรปู ไปตามลักษณะของกวนี พิ นธแ์ บบต่างๆ แทรกอยู่ในวรรณคดี
ไทยในเวลาต่อมา ถ้าพิจารณาตามรูปของวลีจะเห็นว่าคล้ายคลึงและใกล้เคียงกับศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง
จึงอาจกล่าวไดว้ า่ สภุ าษิตพระร่วงเดมิ เป็นพระบรมราโชวาท ซงึ่ พ่อนขุนรามคำแหงทรงแสดงส่ังสอนประชาชนชาว
ไทยดงั ท่ีกลา่ วไวใ้ นศิลาจารึกว่า “๑๒๑๔ ศก ปีมะโรง พอ่ ขนุ รามคำแหง เจ้าเมืองศรี สัชนาลยั สุโขทัยนี้ ปลูกไม้ตาล
นี้ได้สิบสี่เข้า จึงให้ช่างฟันขะดารหินตั้งหว่างกลางไม้ตาลนี้ วันเดือนดับ เดือนโอกแปดวัน วันเดือนเต็มเดือนบ้าง
แปดวัน ฝูงปู่ครู เถร มหาเถร ขึ้นนั่งเหนือขะดารหินสวดธรรมแก่อุบาสกฝูงท่วยจำศีล มิใช่วันสวดธรรม พ่อขุน
รามคำแหง เจ้าเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัยขึ้นนั่งเหนือขะดารหิน ให้ฝูงท่วยลูกเจ้าลูกขุน ฝูงท่วยถือบ้านถือเมือง ”
และ “พ่อขนุ รามคำแหงนนั้ หาเปน็ ท้าวเปน็ พระยาแก่ไทยทั้งหลาย หาเป็นครอู าจารยส์ ั่งสอนไทยท้ังหลาย ให้รู้บุญ
รธู้ รรมแท้ ” จากข้อความในศิลาจารกึ น้ี แสดงวา่ พอ่ ขนุ รามคำแหงทรงวาง พระองค์อย่างครูอาจารย์ของประชาชน
และทรงพอพระทยั ในการส่ังสอนประชาชนชาวไทยให้รบู้ ุญรธู้ รรม เมือ่ พระองค์เสดจ็ ขน้ึ ประทบั น่งั เหนือขะดารหิน
ทรงอบรมรัฏฐาภิปาโลบายแต่งตั้งเจ้าบ้านผ่านเมือง และคงจะโปรดพระราชทานพระบรมราโชวาทด้วยคติพจน์
ง่ายๆ ณ ที่นั้นด้วย จึงทำให้คิดว่า พระบรมราโชวาทเหล่านั้นกระมัง ที่ต่อมามีผู้แก้ไขแต่งเติมเพื่อให้เข้าแบบกวี
นิพนธ์แล้วกลายมาเปน็ สภุ าษิตพระร่วง



๑. สภุ าษติ ไทยแท้

สุภาษติ ไทยแท้ เป็นหลักการปฏบิ ตั ิเกย่ี วกบั การดำรงชีวติ ของคนไทยโดยทว่ั ไป เชน่
๑. หลกั การปฏิบตั ิตนโดยทัว่ ไป เช่น

๑. เมื่อน้อยให้เรียนวิชา ใหห้ าสินเมือ่ ใหญ่
๒. เข้าเถื่อนอย่าลมื พร้า
๓. นำ้ เชี่ยวอย่าขวางเรือ
๔. ทซ่ี มุ่ เสอื จงประหยัด จงเร่งระมดั ฟนื ไฟ
๕. ทีข่ วากหนามอยา่ เสยี เกือก ทำรวั้ เรอื กไว้กบั ตน
๖. ชา้ งไล่แลน่ เล่ยี งหลบ สวุ านขบอยา่ ขบตอบ
๗. อย่าตีงใู หแ้ ก่กา อยา่ ตปี ลาหน้าไซ
๒. หลกั การปฏิบตั ิตอ่ ผทู้ ส่ี ูงกวา่ เช่น
๑. คบขุนนางอย่าโหด
๒. อยา่ ขดั แข็งผู้ใหญ่
๓. ผเู้ ฒา่ สัง่ จงจำความ
๔. นอบตนต่อผเู้ ฒ่า
๕. อย่าเลียนครูเตอื นดา่
๖. ครบู าสอนอยา่ โกรธ
๗. จงนบนอบผใู้ หญ่
๓. หลักการปฏบิ ตั ิตอ่ ผเู้ สมอกัน เช่น
๑. อย่าอวดหาญแกเ่ พือ่ น
๒. ทผี่ ดิ ชว่ ยเตอื นตอบ ที่ชอบชว่ ยยกยอ
๓. พรรคพวกพงึ ทำนกุ ปลกุ เอาแรงทั่วตน
๔. อย่าขอของรกั มติ ร
๕. ยอมติ รเมื่อลับหลงั
๔. หลักการปฏิบตั ติ อ่ ผู้ตำ่ กวา่ เช่น
๑. ขา้ คนไพรอ่ ยา่ ไฟฟนุ
๒. ยอข้าเม่ือแลว้ กิจ
๓. คนจนอยา่ ดูถูก



๕. หลกั การปฏิบัติตอ่ ผูท้ ี่ตนรัก เช่น
๑. ทีร่ กั อยา่ ดถู ูก
๒. คนรักอยา่ วางใจ
๓. ลกู เมยี ยงั อยา่ สรรเสรญิ

๒. พุทธศาสนสุภาษติ

สุภาษิตพระร่วงบางตอนแปลจากพุทธศาสนสุภาษิตโดยตรง บางตอนดัดแปลงมาจากศาสนธรรม เช่น
อย่าใฝ่เอาทรัพยท์ ่าน ดัดแปลงมาจาก “อทนิ นาทานา เวรมณ”ี เวน้ จากการลกั ทรพั ย์ ส่วนทแ่ี ปลมาจากพุทธศาสน
สภุ าษติ มีอยูม่ ากดงั น้ี

๑. เอาแตช่ อบเสียผิด
ตํ คณเยยยํ ยทปณณกํ ส่งิ ใดไมผ่ ิดถอื เอาสิง่ นนั้

๒. อยา่ ประกอบกิจเป็นพาล
ปาปานิ ปรวิ ชชเย พึงละเว้นกรรมช่ัวทั้งหลาย

๓. ปลกู ไมตรีอย่ารู้รา้ ง
โลโกปตถมภกิ า เมตตา เมตตาเปน็ เคร่อื งค้ำจุนโลก

๔. สร้างกุศลอย่ารโู้ รย
อภติ ถเรถ กลยาเณ พงึ ขวนขวายในกรรมดี

๕. อย่าโดยคำคนพลอด
นาสมเส อลิกวาทิเน ไม่ควรไว้ใจคนพูดพล่อยๆ

๖. อย่าใฝ่ตนใหเ้ กนิ
อตตานํ นาติวตเตยย บคุ คลไม่ควรลืมตน

๗. ไดส้ ว่ นอย่ามักมาก
ยํ ลทธํ เตน ตุฏฐพพํ ได้ส่งิ ใดพึงพอใจดว้ ยสิ่งนน้ั

๘. อย่าเบยี ดเสียดแกม่ ติ ร
มติ ตทพุ โ๓ หิ ปาปโก ผูป้ ระทุษรา้ ยมติ รเป็นคนเลวแท้

๙. อยา่ มัวเมาเนอื งนจิ
มา ปทาทมนุญเชต อย่ามัวประกอบความประมาท

๑๐.คบคนพาลอย่าพาลผดิ อยา่ ผูกมิตรไมตรี
มาสสุ พาเลน สงคจฉิ อมติ เตเนว สพพทา
อย่าสมาคมกบั คนพาล ซึง่ เป็นดังศตั รูทุกเมื่อ



๑๑.อย่ากอปรจิตริษยา
อรติ โลกนาสกิ า ความรษิ ยาทำให้โลกฉิบหาย

๑๒.อย่ายินคำคนโลภ
นาสมเส อตตตถปญญมหิ ไม่ควรไว้ใจคนเห็นแก่ประโยชนส์ ว่ นตวั

๑๓.อยา่ กริ้วโกรธเนืองนจิ
มา โกธสส วสํ คมิ อย่าลุอำนาจความโกรธ

๑๔.อย่าทำการทีผ่ ิด
อกตํ ทุกกฏํ เสยโย ความช่ัวไมท่ ำเสียดีกว่า

๑๕.คดิ ขวนขวายท่ชี อบ
กตญจ สกุ ตํ เสยโย ความดีนัน่ แลดีกวา่

๑๖.การจะทำอย่าด่วนได้
นสิ มม กรณ เสยโย ใคร่ครวญกอ่ นแล้วจงึ ทำดกี วา่

๑๗.อย่าริกล่าวคำคด
โมสวชเช น นยิ เยถ ไมค่ วรนิยมการกล่าวคำเท็จ

๑๘.คดิ ขา้ งหน้าอยา่ เบา
รกเขยยานาคตํ ภยํ พงึ ปอ้ งกันภัยท่ยี ังมาไม่ถึง

๑๙.เปน็ คนเรยี นความรู้
ปญญาเมว สสุ กิ เขยยย พงึ ศึกษาหาความรใู้ หด้ ี

๒๐.ใจอย่าเบาจงหนัก
จติ ตํ รกเขถ เมธาวี ผูม้ ีปญั ญาพงึ รักษาจิต



บทที่ ๓

วธิ กี ารจัดทำโครงงาน

วิธีการดำเนินงานโครงงาน ในการจัดทำโครงงานภาษาไทย เรื่องสุภาษิตพระร่วง ผู้จัดทำโครงงานมีวิธี
ดำเนนิ งานโครงงาน ตามขนั้ ตอนดังต่อไปนี้

๓.๑ วัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมอื ทีใ่ ช้ในการศึกษา
๑. เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์
๒. อินเตอร์เนต็
๓. โปรแกรม Microsoft Word
๔. เว็บไซตท์ ่ใี ชใ้ นค้นหาขอ้ มูล คือ www.google.com
๕. เว็บไซต์ของเนอื้ หาโครงงาน เร่ือง สุภาษติ พระรว่ งใน E-book

๓.๒ ข้ันตอนการดำเนนิ งาน
๑. ศึกษารูปแบบของโครงงาน และแบง่ หน้าท่ีใหส้ มาชิกกลุ่ม
๒. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง สุภาษิตพระร่วง ว่ามีเนื้อหามากน้อยเพียงใด และต้องศึกษา
คน้ คว้าเพม่ิ เตมิ เพยี งใดจากเว็บไซตต์ ่างๆ และเก็บขอ้ มลู ไวเ้ พอ่ื จดั ทำเนอื้ หาต่อไป
๓. ศกึ ษาด้วยการคน้ หาจากเอกสาร และหนังสือท่เี กี่ยวข้องสุภาษติ พระร่วง เพอ่ื การรวบรวมข้อมูล
๔. ปฏิบัติการจัดทำโครงงานภาษาไทย เรื่อง สุภาษิตพระร่วง นำเนื้อหามาวิเคราะห์ โดยการปฏิบัตงิ านตาม
แบบเสนอโครงรา่ งท่เี สนอไว้แล้ว
๕. เมอื่ ได้เน้ือหาโครงงานทงั้ หมดแล้ว จึงนำมาจดั ทำเปน็ หนงั สืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book)



บทที่ ๔

ผลการศกึ ษา

จากการศึกษาเรื่อง สุภาษติ พระรว่ ง ในการจัดทำโครงงานนผี้ ู้จดั ทำไดข้ ้อมูล ดังนี้

สภุ าษิตพระรว่ ง

สุภาษิตพระร่วง ถือได้ว่าเป็นวรรณคดีคำสอนที่เก่าแก่ที่สุดของไทย เป็นบันทึกคติชีวิต และอุดมการณ์
แหง่ ชวี ติ ซง่ึ ยึดมัน่ ในหลกั ศลี ธรรมเพ่ือให้ประชาชนได้ปฏิบตั ติ ามคำสอนไปในทางทถี่ กู ตอ้ ง

ความเปน็ มา

สภุ าษิตพระรว่ งเป็นการรวบรวมคำสอนของกษตั ริย์สุโขทยั “พระรว่ ง” ทท่ี รงส่ังสอนประชาชนใหท้ ำความ
ดี มคี วามประพฤติถกู ต้องเหมาะสม ในวชิ าวรรณคดที ั่วไป สภุ าษติ จดั อย่ใู นประเภทวรรณกรรมคำสอน (didactic
literature) วรรณกรรมประเภทสภุ าษิตเกดิ จากการเก็บสะสมรวบรวมถอ้ ยคำสง่ั สอนทม่ี ีคุณค่า
ผู้รวบรวมมักจะไม่จัดหมวดหมู่แยกประเภทว่าสอนเกี่ยวกับอะไร แต่จะนำเรียงร้อยเข้าด้วยกัน โดยยึดสัมผัสที่
สอดคล้องกนั เป็นหลัก

สุภาษติ พระรว่ งเรียกอีกช่ือหนึ่งว่า “บญั ญัตพิ ระรว่ ง” พระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลา้ เจ้าอยู่หวั โปรดฯ ให้นำ
ข้อความมาจารึกลงบนแผ่นศิลาแล้วฝังไว้ที่ผนังด้านในหน้าพระเจดีย์เหนือในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
กรุงเทพฯ ส่วนการตีพิมพ์สุภาษิตพระร่วง เริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2379 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระน่ัง
เกลา้ เจ้าอย่หู ัว

จุดมุ่งหมายในการแตง่

สุภาษิตพระร่วงมีจุดมุ่งหมายในการแต่ง เพื่อสั่งสอนประชาชน มุ่งชี้ให้เห็นการปฏิบัติต่อตนเอง และเน้น
ความสำคัญระหวา่ งบุคคลกบั สังคมว่าควรจะเป็นไปในรปู แบบใด



ผแู้ ต่ง

สำหรบั ผ้แู ต่งเร่ืองสุภาษิตพระรว่ งน้ียงั ไม่เป็นท่ีแนช่ ดั วา่ บคุ คลใดเปน็ ผู้แตง่ นกั วชิ าการได้อธบิ ายดังนโ้ี ดย
เหตุทวี่ รรณกรรมประเภท didactic มักจะเกดิ จากการรวบรวม ดงั น้ัน จงึ เป็นการสุดวิสัยทีจ่ ะสบื ค้นวา่ ใครเป็น
ผสู้ ร้างสุภาษิตข้นึ ถึงแม้จะอ้างว่าเป็นสภุ าษติ พระร่วงกค็ งจะมิไดห้ มายความว่า พระเจา้ แผน่ ดินแหง่ สโุ ขทยั ได้ทรง
คดิ แตง่ ขน้ึ แลว้ ทรงนำมาเรยี บเรยี งรอ้ ยกรองเป็นบทประพันธ์ต่อเนอ่ื งกัน อน่งึ ในสมัยปลายสมยั สุโขทัย มีพระเถระ
ทท่ี รงคุณความรทู้ างคติโลกและคตธิ รรมหลายทา่ น เช่น พระมหาสมุ นเถระ และปราชญ์อนื่ ๆ ในราชสำนกั ดงั
ปรากฏในศลิ าจารกึ หลักที่ 3 นครชมุ พระเถระตา่ งๆ น้ีอาจจะเป็นผรู้ วบรวมภาษิตเหลา่ น้ขี ้ึนกอ่ นกไ็ ด้ แตไ่ ม่มี
หลักฐานยนื ยันว่าไดเ้ ขยี นหรือจารึกลงไว้ ณ ท่ใี ด

พระวรเวทย์พสิ ิฐ สันนิษฐานไวใ้ นหนังสือวรรณคดีไทย เป็นใจความว่า สุภาษิตพระร่วงน่าจะเปน็ ของพระ
รว่ งพ่อขนุ รามคำแหง ทง้ั นโี้ ดยอาศยั พิจารณาจากบคุ ลิกลกั ษณะของพ่อขนุ รามคำแหง และพจิ ารณาเปรยี บเทียบ
ถ้อยคำสำนวนสุภาษิตพระร่วงกับศลิ าจารึกสุโขทยั หลกั ท่ี 1 ในดา้ นบุคลิดน้นั ปรากฏว่า พ่อขนุ รามคำแหงไดเ้ สดจ็
ประทับบนแท่นมนงั คศลิ าอาสน์ สง่ั สอนพลเมอื งในวันท่มี ิใช่วนั ธรรมสวนะ ในด้านสำนวนโวหารปรากฏว่า สำนวน
โวหารวนสภุ าษติ พระรว่ งคล้ายคลงึ กบั สำนวนโวหารในศลิ าจาลกึ สุโขทยั หลักท่ี 1 ของพอ่ ขุนรามคำแหง กลา่ วคือ
เป็นกลอนสัน้ และกินความมาก ในด้านถ้อยคำในสุภาษิตพระรว่ งเป็นคำไทยพน้ื ๆ แบบเดียวกับศลิ าจาลกึ สโุ ขทัย
หลกั ที่ 1 ดว้ ยเหตดุ งั กลา่ วมานเ้ี อง พระวรเวทย์พสิ ฐิ จึงสนั นิฐานว่า สภุ าษิตพระรว่ งจงึ น่าจะแต่งข้ึนในสมัยพอ่ ขนุ
รามคำแหง หรือมิฉะน้ัน ก็คงเป็นบทพระราชนิพนธข์ องพ่อขนุ รามคำแหง

พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หัว ทรงสนั นิฐานเกี่ยวกบั ผ้แู ตง่ ไว้วา่ “ ขา้ พเจา้ อยากจะเดาต่อไปว่า
สภุ าษิตพระรว่ งน้ันได้เรม่ิ เกบ็ รวบรวมขึ้นในสมัยพระเจ้ารามคำแหงน้ีเหมือนกัน แตค่ งจะไม่ใชเ่ ปน็ ของคนคนเดียว
แตง่ คงจะได้แต่งกันหลายคนและไมใ่ ช่แลว้ เสรจ็ ในคราวเดียว แต่งเพม่ิ เติมกันหลายยคุ จึงมขี ้อความซ้ำกันอยู่บา้ ง
หากสำนวนผิดกันเทา่ นน้ั ”

นายฉนั ทิชย์ กระแสสนิ ธ์ุ สันนษิ ฐานไวใ้ นหนงั สือกวีโวหารโบราณคดี เปน็ ใจความว่า สุภาษิตพระร่วง
น่าจะแตง่ ขน้ึ ในสมยั พระยาลิไท เพราะเปน็ ระยะเวลาท่ีกรุงสุโขทัยเจรญิ รงุ่ เรอื งถงึ ขดี สุด บา้ นเมอื งไม่มศี ัตรู กอปร
ทง้ั พระยาลไิ ททรงเชยี่ วชาญในทางพุทธศาสนา และยงั ทรงพระราชนพิ นธเ์ รื่อง ไตรภูมิพระร่วง ข้ึนด้วย จงึ ไม่
เป็น การเหลอื วิสัยทท่ี รงพระราชนพิ นธ์สุภาษติ พระร่วงข้นึ อีก

ตามทไี่ ดย้ กความเหน็ และข้อสันนิษฐานตา่ งๆ มาแสดงข้างต้น กพ็ อจะสรปุ ความเหน็ เหล่านั้นในเร่ืองคน
แตง่ และสมัยทีแ่ ตง่ ได้ ดงั นี้ ความคดิ เก่ียวกับผู้แต่งสุภาษติ พระร่วงมหี ลายอยา่ ง บา้ งกว็ ่าผแู้ ต่งคอื พ่อขุนรามคำแหง
บ้างกว็ า่ พระยาลิไท และบา้ งกว็ ่ามผี ู้แตง่ หลายคน ส่วนสมัยทีแ่ ต่งน้นั บางความเห็นกว็ า่ แต่งในสมยั พอ่ ขนุ

๑๐

รามคำแหง และบทพระราชนิพนธ์ของพระองคท์ า่ น หรือแตง่ ในสมยั พ่อขุนรามคำแหง โดยทอ่ี าจจะไมใ่ ช่บทพระ
ราชนพิ นธ์ บ้างกว็ ่ารวบรวมข้ึนในสมัยพ่อขุนรามคำแหงและมผี รู้ วบรวมหลายคน บา้ งกว็ ่าพระยาลิไททรงพระราช
นพิ นธ์ข้ึนในสมยั ของพระองค์เอง นอกจากความเห็นต่างๆ เหล่าน้แี ลว้ ยงั มอี ีกความเหน็ หน่งึ ที่ว่า คนในยคุ หลงั แต่ง
สภุ าษิตพระรว่ งขึ้นและขอยืมชื่อ “พระร่วง” มาใส่เพ่อื ใหด้ ูศกั ดส์ิ ทิ ธิ์และน่าเชอื่ ถือ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มหี ลกั ฐานท่ี
แนช่ ัดที่จะบอกไดว้ า่ ใครเป็นผแู้ ตง่ สุภาษิตพระรว่ ง และแต่งขนึ้ ในสมยั ใด กล่าวโดยสรปุ คอื ยังหาข้อยตุ ิ ที่แน่นอน
ไม่ได้

ลักษณะคำประพนั ธ์

สภุ าษติ พระร่วงแต่งเป็นร่ายสุภาพ จบลงดว้ ยโคลงสองสุภาพ

เนือ้ ความ

สุภาษติ พระรว่ งเปน็ คติธรรมที่คนไทยเรายึดถือปฏิบตั ิสบื มาจนถึงปัจจบุ นั ด้วยถือว่าเป็นหลักคำสอนของ
พระร่วงเจ้า ท่ีทรงขอใหป้ ระชาชนประพฤตปิ ฏบิ ตั ิมที ง้ั หมด 156 บท

การลำดับเรื่อง

สทิ ธา พินจิ ภูวดล ไดก้ ลา่ วถึงการลำดบั เรอื่ งของสุภาษิตพระร่วงไว้ดงั นี้

สภุ าษติ พระรว่ งเรมิ่ ต้นดว้ ยการบอกจุดมุ่งหมายของแตง่ ทำนองพูดเป็นไปในแบบท่วี ่า ผู้รวบรวมสภุ าษติ กล่าวถึง
พระร่วงซ่ึงทรงเปน็ เจ้าของภาษติ ว่าทรงมีความมุง่ หมายอยา่ งไร ในการทรงพระราชนพิ นธ์สุภาษิตพระรว่ งขึ้น ร่าย
ที่ขน้ึ ตน้ คือ

ปางสมเด็จพระร่วงเจา้ เผ้าแผนภพสุโขทัย

มลกั เห็นในอนาคต จงึ เผยพจนประภาษ

เปน็ อนสุ าสนกถา สอนคณานรชน

วธราดลพงึ เพียร เรียนอำรุงผดุงอาตม์

ต่อจากน้ีเป็นข้อความท่ีเป็นสภุ าษติ สั่งสอนไปโดยตลอด และลงท้ายว่า

๑๑

เปน็ ผูป้ ราชญพ์ ึงสดับ ตรบั ตรติ รองปฏิบตั ิ

โดยอรรถอันถอ่ งถ้วน แถลงเลศเหตุเลือกลว้ น

เลศิ อา้ งทางธรรม

ลงท้ายด้วยการยกย่องผู้ที่ยดึ หลักในการประพฤติปฏบิ ัตติ ัวจากสภุ าษติ พระรว่ ง ท้งั นี้ เพือ่ เปน็ การเชิญ
ชวนใหป้ ระชาชนทั้งหลายสนใจ และใชว้ ิจารณญาณตัดสินหลักคำสอนจนเห็นว่าดีแน่แทแ้ กใ่ จแลว้ จงึ ยึดถือปฏบิ ตั ิ

ภาษา

ลีลาภาษาในวรรณกรรมนม้ี ีลักษณะหลากหลาย บางคร้งั เปน็ ลลี าแบบเก่าสมัยสโุ ขทยั บางครั้งก็ดูใหมม่ าก
ราวกบั เป็นภาษาสมัยรตั นโกสินทร์ ดงั น้ันจึงน่าเช่อื วา่ คงมีผู้แตง่ ต่อเตมิ จากต้นฉบับเดิมบ้าง ถ้อยคำท่ีใช้เปน็ คำโดด
ส่วนมาก มีศัพทบ์ าลี สนั สกฤต เขมรปนเพียงเลก็ น้อย การแสดงความคดิ ไมย่ ุ่งยากซับซ้อน มกั จะแสดงออกอยา่ ง
ตรงไปตรงมา ดงั น้นั จงึ สอ่ื ความเข้าใจได้ชดั เจน รวดเรว็ ประทบั ใจ จำง่าย นำไปใชเ้ ตือนสตไิ ด้งา่ ย

ให้หาสินเม่อื ใหญ่ อย่าใฝเ่ อาทรัพย์ทา่ น

อยา่ ริอา่ นกอ่ ความ ประพฤติตามบุรพรบอบ

เอาแตช่ อบเสียผดิ อยา่ ประกอบกิจเป็นพาล

ลักษณะเด่นของสุภาษิตพระร่วง

๑. สภุ าษิตพระรว่ งถอื เป็นคำสอนท่เี กา่ แกท่ สี่ ุดของไทย

๒. สุภาษติ พระรว่ งเปน็ วรรณกรรมคำสอนในเรื่องการประพฤติปฏิบตั ติ นในดา้ นต่างๆเชน่ การผกู ไมตรี

การเลือกคบคน การวางตัว การรู้จกั รักษาตัวรอด ที่สามารถนำมาในปัจจบุ นั ได้ ตวั อย่างการเลือกคบคน ตนเป็น
ไทย อยา่ คบทาส คนพาลอยา่ พาลผดิ อยา่ ผูกมิตรไมตรี คนขำอย่ารว่ มรัก อย่าผูกมิตรคนจร ซ่งึ สภุ าษิตพระ
รว่ งหา้ มคบคน ๔ ประเภท คือ ทาส คนพาล คนขำ และคนจร เป็นต้น

๓. สภุ าษิตพระรว่ งมคี วามแตกต่างจากวรรณคดีใสมัยสโุ ขทัยเรอื่ งๆ อ่นื ๆ เพราะมรี ปู แบบเปน็ รอ้ ยกรอง ซึ่งแต่งเปน็ ร่ายสภุ าพ
และจบดว้ ยโคลงสองสภุ าพ เชน่

๑๒

สบสง่ิ สรรพโอวาท ผูเ้ ป็นปราชญพ์ งึ สดบั

ตรบั ตรติ รองปฏบิ ัติ โดยอรรถอันถอ่ งถ้วน

แถลงเลศเหตเุ ลอื กลว้ น เลิศร้างทางธรรม แลนา

๔. สภุ าษติ พระรว่ งเปน็ การใช้ถอ้ ยคำท่ีเขา้ ใจงา่ ยภาษาตรงไปตรงมาและสื่อความหมายไดอ้ ย่างชดั เจน เช่น

ท่มี ีภัยพึงเลย่ี งหลกี ปลีกตนไปโดยดว่ น

เม่อื น้อยให้เรียนวิชา ให้หาสนิ เมอื่ ใหญ่

สภุ าษิตพระร่วงถือว่าเปน็ วรรณคดีคำสอนเร่อื งแรกและเป็นคำสอนที่เก่าแก่ท่สี ุด ผแู้ ต่งไดแ้ ตง่ ขึ้นเพ่อื สั่ง
สอนประชาชน ม่งุ ชใ้ี ห้เห็นการปฏิบัตติ อ่ ตนเองได้อยา่ งถกู ต้องตามแบบคำสอนต่างๆ ทป่ี รากฏไว้ และวรรณคดี
เรื่องสุภาษติ พระรว่ ง ถือว่าเป็นแนวทางในการดำเนนิ ชวี ิตได้อย่างแท้จรงิ ในปจั จุบัน

๑๓

บทท่ี ๕

สรปุ ผลและขอ้ เสนอแนะ

ในการจดั ทำโครงงาน เรอ่ื ง สุภาษิตพระร่วง คณะผ้จู ดั ทำได้ทำการรวบรวมข้อมูลและศึกษาข้อมูล แล้วนำ
ผลทีไ่ ด้มาสรปุ ผลการศึกษาและนำเสนอขอ้ เสนอแนะ ดังนี้

สรปุ ผลการศึกษา
จากการจดั ทำโครงงานพบวา่ การศกึ ษาเรื่องสุภาษิตพระรว่ งโดยจดั ทำเป็นหนังสืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-

book) น้ัน ทำให้ผู้ทสี่ นใจสามารถเข้าถึงและเข้าใจเน้ือหาได้อยา่ งสะดวก โดยผ้จู ดั ทำได้มีการศึกษาเน้ือหาและคัด
กรองส่วนสำคญั ทำใหเ้ ข้าใจเนอ้ื หาได้อย่างชัดเจนและมีความเขา้ ใจเรื่องสภุ าษติ พระรว่ งมากข้นึ ทัง้ ยงั สามารถนำ
สภุ าษติ ที่ได้ทำการศึกษาไปประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจำวันและตามโอกาสทีเ่ หมาะสม

ข้อเสนอแนะ
จากการศึกษา สุภาษิตพระรว่ ง ผูจ้ ัดทำมขี ้อเสนอแนะเกยี่ วกับโครงงาน ดงั น้ี

๑. ควรศึกษาค้นควา้ หาสุภาษติ จากแหลง่ ค้นคว้าอื่นมากกว่าน้ี
๒. ควรมกี ารจัดทำเป็นสอ่ื ตา่ งเผยแพร่ทางเวบ็ ไซต์ในโอกาสต่อไป
๓. ควรนำผลจากการศึกษาเรื่อง สภุ าษติ พระรว่ ง มานำเสนอในรูปแบบต่างๆ เชน่ นิทาน บทละคร

๑๔

บรรณานุกรม

เอกพงษ์ ภูสทัน. (๒๕๕๗). รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน ๕ บท. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://www.slideshare.net/ . (สบื คน้ เม่อื วันท่ี ๓ กนั ยายน ๒๕๖๕).

กลุ่มงานข้อมูลสารสนเทศและการสอื่ สาร สำนักงานจงั หวดั สุโขทยั . (๒๕๔๑). ไตรภมู ิพระร่วง. [ออนไลน]์ .
เข้าถึงได้จาก : http://www.sukhothai.go.th/ . (สบื ค้นเมอื่ วันที่ ๔ กนั ยายน ๒๕๖๕).

ดรุณีสมัย. สุภาษิตพระร่วง. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://online.anyflip.com/ . (สืบค้นเม่ือ
วนั ท่ี ๕ กันยายน ๒๕๖๕).

ความหมายสุภาษิต. (๒๕๕๖). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://guru.sanook.com/2343/. (สืบค้น
เมอื่ วนั ท่ี ๗ กันยายน ๒๕๖๕).

๑๕

ภาคผนวก

การประชุมผา่ น Google meet การสง่ งานตามบททต่ี นเองได้รบั


Click to View FlipBook Version