โครงงานปากกาไวท์บอร์ดจากสีธรรมชาติ ผู้ท ำโครงงำน เด็กหญิง วิมลสิริ สินทรัพย์ เลขที่ 3 ม.3/1 นำงสำว ณิชชำ กลิ่นเลขำ เลขที่ 23 ม.3/1 เด็กหญิง สุชัญญำ ชัยแก้ว เลขที่ 25 ม.3/1 นำงสำว ประภำภรณ์ พันจร เลขที่ 26 ม.3/1 เด็กหญิง พรวดี โวชัย เลขที่ 27 ม.3/1 ครูที่ปรึกษำ คุณครู สุมำมำลย์ ศิลปพิบูลย์ คุณครู พวงประกำ ศรีจันทร์ โรงเรียนแสงอรุณ ส ำนักงำนคณะกรรมกำร กำรศึกษำเอกชน ธนบุรี กรุงเทพฯ
โครงงานปากกาไวท์บอร์ดจากสีธรรมชาติ ผู้ท ำโครงงำน เด็กหญิง วิมลสิริ สินทรัพย์ เลขที่ 3 ม.3/1 นำงสำว ณิชชำ กลิ่นเลขำ เลขที่ 23 ม.3/1 เด็กหญิง สุชัญญำ ชัยแก้ว เลขที่ 25 ม.3/1 นำงสำว ประภำภรณ์ พันจร เลขที่ 26 ม.3/1 เด็กหญิง พรวดี โวชัย เลขที่ 27 ม.3/1 ครูที่ปรึกษำ คุณครู สุมำมำลย์ ศิลปพิบูลย์ คุณครู พวงประกำ ศรีจันทร์ โรงเรียนแสงอรุณ ส ำนักงำนคณะกรรมกำร กำรศึกษำเอกชน ธนบุรี กรุงเทพฯ
ก บทคัดย่อ ในปัจจุบันมีกำรใช้ปำกกำไวท์บอร์ดมีจ ำนวนมำก ซ่ึ งปำกกำไวทบ ์ อร ์ ดมีส่วนผสมของ สำรเคมีที่เป็ นอนัตรำยต่อผิวและกำรหำยใจของร่ำงกำย และยงัมีรำคำที่สูง ดงัน้นักลุ่มผจู้ ดัทำ โครงงำนจึงคิดผลิตปำกกำไวทบ ์ อร ์ ดจำกธรรมชำติ3 ชนิด ไดแ ้ ก่ดอกอญัชนัดอกกระเจี๊ยบ และกำบมะพร ้ ำวเผำ มำทำ เป็ นสำรละลำยโดยสกดัสีจำกน้ำ ร ้ อน สูตรที่1 สำรละลำยดอกอญัชนัผสมกบัเอทิลแอลกอฮอล ์ ที่อตัรำส่วน 10:40 20:40และ30:40 ผลปรำกฏว่ำ ปำกกำไวท ์ บอร ์ ดจำกสำรละลำยดอกอญัชนัที่อตัรำส่วน 30:40 ติด และสีเขม ้ ที่สุด สูตรที่ 2 สำรละลำยดอกกระเจี๊ยบผสมกบัเอทิลแอลกอฮอล ์ ที่อนัตรำส่วน 10:40 20:40และ 30:40 ผลปรำกฏว่ำ ปำกกำไวทบ ์ อร ์ ดจำกสำรละลำยดอกกระเจี๊ยบที่อตัรำส่วน 30:40 ติด และสีเขม ้ ที่สุด สูตรที่3 สำรละลำยกำบมะพร ้ ำวเผำผสมกบัเอทิลแอลกอฮอล ์ ที่อตัรำส่วน 10:40, 20:40 และ 30:40ผลปรำกฏวำ่ ปำกกำไวทบ ์ อร ์ ดจำกกำบมะพร ้ ำวท้งั3อตัรำส่วน ไม่มีกำรติดสี
ข กิตติกรรมประกาศ รำยงำนโครงงำนวิทยำศำสตร ์ปำกกำไวทบ ์ อร ์ ดจำกธรรมชำติสำมำรสำ เร ็ จลุล่วงไดด ้ี โดยได้รับค ำปรึกษำ และค ำแนะน ำจำกคุณครูสุมำมำลย์ ศิลปพิบูลย์ และคุณครูพวงประกำ ศรีจันทร์ และได้รับควำมอนุเครำะห์จำกผู้ปกครอง ที่ให้กำรสนับสนุนในกำรท ำงำนเป็ น อยำ่งดีคณะผจู้ ดัทำ จ ึ งขอกรำบขอบพระคุณมำ ณ โอกำสน้ี คณะผู้จัดท ำ
ค ค าน า รำยงำนน้ีเป็ นส่วนหน่ึ งของวิชำโครงำนวิทยำศำสตร ์ กบัคุณภำพชีวิต จดัทำ เพ ื่อศ ึ กษำ สืบค้นและด ำเนินกำรโดยใช้กระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ด้วยตัวผู้เรียนเอง ปำกกำไวท์บอร์ดจำกธรรมชำติ เป็ นกำรน ำวัสดุธรรมชำติในชีวิตประจ ำวันมำท ำปำกกำ ไวท์บอร์ดเพื่อลดกำรใช้สำรเคมีที่ส่งกลิ่นเหม ็ นและส่งผลอันตรำยต่อร่ำงกำย และ ลดค่ำใชจ ้่ำยที่มีรำคำสูงจำกกำรใชป้ ำกกำไวทบ ์ อร ์ ด กลุ่มของขำ ้ พเจำ ้ หวงัเป็ นอยำ่งยงิ่วำ่ โครงงำน Electronic book โครงงำนวิทยำศำสตร์ เรื่อง ปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีธรรมชำติเล่มน้ีจะอำ นวยควำมสะดวก ประหยดัค่ำใชจ ้่ำยในกำรใช ้ กระดำษ และยงัเป็ นประโยชน ์ในกำรเป็ นตวัอยำ่งต่อผูท ้ี่จะนำ ไปต่อยอดในกำรพฒันำปำกกำ ไวทบ ์ อร ์ ดจำกธรรมชำติต่อไป คณะผู้จัดท ำ
สารบัญ เรื่อง หน้ำ บทคัดย่อ ก กิตติกรรมประกาศ ข ค าน า ค บทที่1 บทน า 1-3 ที่มำและควำมส ำคัญ 1 วัตถุประสงค์ของกำรศึกษำ 1 ขอบเขตของกำรศึกษำ 2 สถำนที่กำรศึกษำ 2 ระยะเวลำที่ศึกษำ 2 สมมติฐำน 2 ตัวแปรที่ต้องศึกษำ 2-3 นิยำมเชิงปฏิบัติกำร 3 บทที่2 เอกสารอ้างอิง 4-21
เรื่อง หน้ำ บทที่3วสัดุอุปกรณ ์ และวธิี ด าเนินการทดลอง 22-25 วัสดุอุปกรณ์และสำรเคมี 22-24 วิธีด ำเนินกำรทดลอง 24-25 บทที่4 บันทึกผลการทดลอง 26 บทที่5 สรุปอภิปรายและข ้ อเสนอแนะ 27-28 ภาคผนวก 29-34 บรรณานุกรม 35
1 บทที่1 บทน า 1.1 ที่มาและความส าคัญ ปำกกำไวท์บอร์ด เป็ นอุปกรณ์เครื่องเขียนที่ใช้กันอย่ำงแพร่หลำย โดยเฉพำะตำมสถำนศึกษำต่ำงๆ เนื่องจำก สำมำรถเขียนและลบออกไดอ้ย่ำงง่ำยดำย แต่ปำกกำไวท์บอร์ดในปัจจุบนัน้ันมีฝุ่นผงหลงัจำกที่ลบออก ทำ ให้เกิด มลพิษและฝุ่นเพิ่มข้ึนอย่ำงรวดเร็ว โดยส่วนผสมของหมึกปำกกำไวท์บอร์ดทั่วไปน้ันมีสำรเคมีที่มีชื่อว่ำ เมทิลแอลกอฮอล์ กับไซลีน ในกำรท ำตัวหมึก ผสมกับ Crystal violetและ Eosin Y ที่เป็นสำรส ำหรับให้เกิดสีน้ำ เงิน และสีแดง ซ่ึงท้งัหมดน้ีทำ ให้มีกลิ่นเหม็น และส่งผลอนัตรำยต่อร่ำงกำยเป็นอย่ำงมำก บำงรำยอำจแพ้ได้เมื่อสัมผัส หมึกปำกกำไวท์บอร์ดโดยตรง และยังเป็ นอันตรำยต่อระบบหำยใจ หำกสูดดมติดต่อกันเป็ นระยะเวลำนำน อีกท้งัเมื่อ เขียนทิ้งไวบ้นกระดำนนำนๆ จะท ำให้ลบออกได้ยำก จำกเหตุผลที่กล่ำวมำ คณะผู้จัดท ำจึงมีควำมคิดที่จะผลิต ปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีธรรมชำติเพื่อแกป้ ัญหำกลิ่น เหมน็และสำรเคมีที่เป็นอนัตรำยต่อร่ำงกำย ดงัน้นัคณะผจู้ดัทำ จึงทำ โครงงำนเรื่องปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีธรรมชำติ เพื่อลดสำรเคมีที่ส่งผลอันตรำยต่อร่ำงกำย โดยใช้ เอทิลแอลกอฮอล์แทน เมทิลแอลกอฮอล์ และใช้ดอกอัญชัน ดอกกระเจี๊ยบ และกำบมะพร้ำวเผำ แทนสำรเคมีที่ให้สีน้ ำเงิน แดง และด ำ และใช้กลีเซอรี นเป็ นตัวเชื่อม เอทิลแอลกอฮอล์ กับสีธรรมชำติเข้ำด้วยกัน 1.2 วัตถุประสงค์ 1.2.1 เพื่อศึกษำหมึกปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีธรรมชำติ 1.2.2 เพื่อเปรียบเทียบปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีธรรมชำติ กับปำกกำไวท์บอร์ดจำกสำรเคมี 1.2.3 เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภำพปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีธรรมชำติ 1.2.4 เพื่อฝึ กฝนทักษะและกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์
2 1.3 ขอบเขตของการศึกษา โครงงำนเรื่องปำกกำไวทบ์อร์ดจำกสีธรรมชำติไดก้ำ หนดขอบเขตของกำรศึกษำ ดงัน้ี ➢ ประชำกร /กลุ่มตัวอย่ำง ที่ใช้ในกำรศึกษำ คือ ดอกอัญชัน ดอกกระเจี๊ยบ กำบมะพร้ำวเผำ และ ปำกกำไวท์บอร์ด ➢ ระยะเวลำที่ท ำกำรศึกษำ 1 ปี กำรศึกษำ 2565 ➢ สถำนที่ที่ใช้ในกำรศึกษำ คือ ห้องปฏิบัติกำรวิทยำศำสตร์ โรงเรียนแสงอรุณ 1.4 สมมติฐาน ถำ้อตัรำส่วนของสีธรรมชำติต่อเอทิลแอลกอฮอลแ์ตกต่ำงกนัดงัน้นักำรติดสีบนกระดำนไวทบ์อร์ด จะแตกต่ำงกัน 1.5 ตัวแปรที่ต้องศึกษา ตัวแปรต้น อัตรำส่วนของสีธรรมชำติกับเอทิลแอลกอฮอล์ ตัวแปรตำม กำรติดของสีไวท์บอร์ด ตัวแปรควบคุม 1. บีกเกอร์ขนำด 250 ml. 2. ด้ำมปำกกำไวท์บอร์ด 3. เครื่องชงั่สำร 4. ปริมำณของสีธรรมชำติ 5. ปริมำณกรีเซอรีน 6. กระดำนไวท์บอร์ด 7. ที่คนสำร
3 8. น้ำ ที่อยบู่ริเวณเดียวกนั 9. อุณหภูมิของน้ำ ตอนเริ่มตน้ 10. เวลำที่ใช้ในกำรสกัดสี 1.6 นิยามเชิงปฏิบัติการ กำรติดสีบนไวท์บอร์ด วัดจำกสเกลระดับควำมเข้มข้นของสีจำก 1-10 ตำมสีที่ก ำหนด
4 บทที่ 2 เอกสารอ้างอิง ในกำรศึกษำโครงงำน เรื่องปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีธรรมชำติ คณะผู้จัดท ำได้ท ำกำร ศึกษำค้นคว้ำแนวควำมคิด ทฤษฎี และผลงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็ นแนวทำงใน กำรทำ โครงงำนคร้ังน้ีโดยมีประเด็นที่เป็นสำระสำ คญั ในกำรศึกษำ ดงัน้ี 2.1 เพื่อศึกษำกำรท ำหมึกปำกกำไวท์บอร์ด และผลกำรใช้งำน 2.2 เพื่อศึกษำสีสกัดธรรมชำติของ ดอกอัญชัน ดอกกระเจี๊ยบ และกำบมะพร้ำวเผำ 2.3 เพื่อศึกษำเอทิลแอลกอฮอล์ที่มีผลต่อสีธรรมชำติ 2.4 เพื่อศึกษำผลงำนวิจัยเรื่องปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีธรรมชำติ 2.5 เพื่อศึกษำกำรท ำหมึกปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีธรรมชำติ 2.1 ศึกษาการท าหมึกปากกาไวท์บอร์ด และผลการใช้งาน กำรท ำหมึกปำกกำไวท์บอร์ดมีกระบวนกำรผลิตที่เรียกว่ำ “หมึกแห้ง” ซึ่งใช้องค์ประกอบ 3 ส่วน ส่วนที่ 1 ส่วนตวัทำ ละลำย ส่วนน้ีจะช่วยหล่อลื่นทำ ใหห้มึกปำกกำเหลวมำกข้ึน โดยใช้ Glycol ether และ Allopathic alcohol น ำมำผสมกัน ให้ท ำปฏิกิริยำที่อุณหภูมิสูงกว่ำ 180องศำเซลเซียล และเนื่องจำกต้องใช้ อุณหภูมิในกำรหลอมเหลวสูง จึงท ำให้หมึกปำกกำเสถียรมำกในอุณหภูมิห้อง
5 ส่วนที่ 2 ตวัเน้ือสีหรือpigment เป็นสิ่งที่ทำ ใหห้มึกปำกกำมีสีสันต่ำงๆ pigment มี 2แบบ ดงัน้ี แบบที่ 1 เป็ นสำรประกอบอนินทรีย์ ซึ่งเป็ นแร่ธำตุมำจำกธรรมชำติ สีที่ได้จะติดทนนำน แม้โดนแสงแดด แต่มีข้อเสียคือ กระบวนกำรท ำใช้เวลำนำนและค่อนข้ำงยุ่งยำก แบบที่ 2 เป็ นสำรประกอบอินทรีย์ มี 6 ส่วนประกอบของคำร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน หมึกปำกกำแบบน้ีสีหมึกจะมีควำมชดักวำ่แบบ อนินทรีย์ ส่วนข้อเสียคือ ถ้ำหมึกโดนแสงแดดบ่อยๆ สีจะซีดจำงลง ส่วนที่ 3 สำรเติมแต่ง เป็ นส่วนที่ท ำให้ปำกกำแต่ละชนิดแตกต่ำงกันเกิดลักษณะเฉพำะ ของปำกกำแต่ละแบบ สำรเคมีที่ใช้ท ำหมึกปำกกำทุกชนิดเป็ นสำรที่อันตรำย ไม่ควรน ำเข้ำปำกหรือสูดดมโดยตรง เพรำะหมึกปำกกำมีสำรไซลีนใช้ทินเนอร์ หรือสำรละลำยในหมึก ถ้ำเข้ำสู่ร่ำงกำยได้ทำงผิวหนังและทำงเดินหำยใจ ส่งผลกบัร่ำงกำยไดห้ลำยระดบัต้งัแต่รู้สึกมึนงง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อำเจียน ระคำยเคืองดวงตำ น้ำ มูกไหล ทำ ลำยเยื่อบุโพรงจมูก ถ้ำสูดไอของสำรไซลีน ปริมำณมำกพอจะเข้ำไปกดระบบประสำทส่วนกลำง ท ำให้ชำ อ่อนเพลีย เบื่ออำหำร
6 ผลกำรใช้งำนของปำกกำไวท์บอร์ด กำรใช้ปำกกำไวท์บอร์ดในห้องเรียนที่มีระบบระบำยอำกำศไม่ดีก็อำจเป็ นอันตรำยต่อสุขภำพได้ เนื่องจำก ในปำกกำไวท์บอร์ดมีสำรเคมีไตรคลอโรเอธิลีน (trichloroethylene) อยู่ด้วย สำรน้ีระเหยได้ง่ำยและมีกลิ่นฉุน หำกสูดดมเป็ นเวลำนำนจะมีผลท ำให้เกิดภำวะกำรสร้ำงเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขำวลดลง จึงป่ วยเป็ นโรคโลหิต จำง นอกจำกน้ียงัให้ไขกระดูกทำ งำนผิดปกติจนอำจเกิดเป็นมะเร็งข้ึนมำเรียกว่ำ มะเร็งไขกระดูก ตำมปกติแลว้ ในระบบมำตรฐำนสำกลก ำหนดให้ในสถำนที่ท ำงำนจะต้องมีไตรคลอโรเอธีลีนไม่เกิน 10 พีพีเอ็ม (ppm) หรือ 10 ส่วน ในหนึ่งล้ำนส่วน ส ำหรับห้องเรียนที่ใช้ปำกกำไวท์บอร์ดก็สำมำรถป้องกันอันตรำยจำกไตรคลอโรเอธีลีนได้ด้วยกำรปรับปรุง ระบบกำรระบำยอำกำศในห้องเรียนให้มีกำรอำกำศหมุนเวียนไดด้ีมำกข้ึน ในกรณีของห้องเรียนปรับอำกำศทุก ๆ 1 ชั่วโมง จะต้องเปิ ดระบำยอำกำศเป็ นเวลำ 10 นำทีเพื่อระบำยไตรคลอโรเอธีลีนออกไป อย่ำงไรก็ตำม ถ้ำหำก ครู นักเรียน หรือสถำนศึกษำ สงสัยว่ำในห้องเรียนที่ใช้ปำกกำไวท์บอร์ดจะมีไตรคลอโรเอธิลีนเกินมำตรฐำนหรือไม่ ท ำได้โดยแจ้งให้เจ้ำหน้ำที่ของส ำนักกองโรคจำกกำรประกอบอำชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค เข้ำไป ตรวจสอบได้ในทุกวันรำชกำร เนื่องจำกกำรใช้ปำกกำไวท์บอร์ดมีควำมเสี่ยงต่ออันตรำยต่อสุขภำพดังกล่ำวแล้ว ทุกท่ำนจึงต้องใช้ปำกกำ ไวท์บอร์ดอย่ำงระมัดระวัง โดยเฉพำะครูที่ใช้ปำกกำไวท์บอร์ดในกำรเรียนกำรสอนต้องให้ควำมระมัดระวังมำก ยิ่งข้ึน นอกจำกจะท ำให้ตนเองเสี่ยงต่ออันตรำยแล้ว ยังท ำให้ผู้เรียนก็มีควำมเสี่ยงต่ออันตรำยได้เช่นกัน จึงขอให้ครูที่ใช้ปำกกำไวท์บอร์ดทุกท่ำนได้จัดห้องเรี ยนให้มีกำรระบำยอำกำศที่ดีเพื่อจักได้ลดปริ มำณของ ไตรคลอโรเอธิลีนให้อยู่ในระดบั ไม่เกินมำตรฐำน ถำ้ทำ ไดเ้ช่นน้ีจะช่วยให้ท้งัครูและนักเรียนมีควำมปลอดภยัจำก กำรใช้ปำกกำไวทบ์อร์ดมำกยงิ่ข้ึน
7 2.2 ศึกษาการสีสกัดธรรมชาติของ ดอกอัญชัน ดอกกระเจี๊ยบ และกาบมะพร้าวเผา 2.2.1 ดอกอัญชัน อัญชัน (Butterfly Pea) จดัเป็นพืชผกัและพืชสมุนไพรประเภทไมเ้ล้ือยที่นิยมนำ มำใชป้ระโยชน์ใน หลำยด้ำน เนื่องจำกประกอบด้วยสำรเคมีที่มีสรรพคุณทำงยำหลำยด้ำน โดยเฉพำะส่วนดอก เช่น ฤทธิ์ ต้ำนเซลล์มะเร็ง ตำ้นสำรอนุมูลอิสระ ตำ้นกำรอกัเสบ ตำ้นเช้ือไวรัส และแบคทีเรียเป็นตน้ – ชื่อวิทยำศำสตร์: Clitoria ternatea Linn. –วงศ์: Leguminosea – ตระกูล: Leguminosae – ตระกูลย่อย:Papilionoideae –ถิ่นกำ เนิด: ประเทศอินเดีย ปำนำมำ และหมู่เกำะโมลุกกะ – ชื่อสำมัญ: Clitoria, Butterfly Pea และ Blue Pea – ชื่อไทยพ้ืนเมือง: ทุกภำคเรียกอญัชนับำงพ้ืนที่เรียกองัจนัแดงชนัและเอ้ืองชนั – ต่ำงประเทศ: สำกลเรียกตำมชื่อสำมัญ ประเทศซูดำน เรียก kordofan pea, ประเทศบรำซิล เรียก cunha (Brazil), ประเทศฟิ ลิปปิ นส์ เรียก pokindang อญัชนัเป็นพืชที่มีตน้กำ เนิดในแถบอเมริกำใต้ปลูกทวั่ ไปในเขตร้อน ลักษณะของดอกอัญชันจะมีสีขำว สีฟ้ำ สีม่วง ส่วนตรงกลำงดอกจะมีสีเหลือง และรูปทรงคล้ำยหอยเชลล์ มีสรรพคุณที่เป็ นเอกลักษณ์เฉพำะตัว เพรำะมีสำร ที่ชื่อว่ำ “แอนโทไซยำนิน” (Anthocyanin) ซ่ึงมีหนำ้ที่ไปช่วยกระตุน้กำรไหลเวียนของโลหิต ทำ ใหเ้ลือดไปเล้ียงส่วน ต่ำง ๆ ไดด้ีมำกข้ึน อญัชนัมีเอกลกัษณ์โดดเด่นอยู่ที่สีสันของดอก สำมำรถออกดอกไดต้ลอดท้งัปีโดยทวั่ ไปจะเป็นสีน้ำ เงินเขม้ เมื่อค้นัน้ำ ออกมำจะไดเ้ป็นสีฟ้ำ แต่ยงัพบดอกสีขำว ม่วง และฟ้ำ ตำมสำยพนัธุ์กำรออกดอกจะออกเป็นดอกเดี่ยว รูปทรงคล้ำยกับฝำหอยเชลล์ อยู่กันเป็ นคู่ตำมซอกใบ มีกลีบดอก 5กลีบ เมื่อดอกบำนสมบูรณ์เต็มที่แล้วจะมีควำมยำว
8 ต้งัแต่2 - 4 เซนติเมตร ปลำยดอกเวำ้เป็นแอ่ง ตรงกลำงดอกเป็นสีเหลือง มีท้งัแบบดอกซ้อนและดอกลำ โดยที่ดอก ซอ้นจะมีกลีบดอกที่ขนำดเท่ำกนัแต่หำกเป็นดอกช้นัเดียวกลีบช้นันอกจะใหญ่กวำ่กลีบช้นั 2.2.2 ดอกกระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบแดง (Roselle) เป็ นพืชล้มลุกอำยุปี เดียว นิยมปลูกส ำหรับน ำดอกมำใช้ประโยชน์หลัก ไดแ้ก่นำ ดอกมำตม้เป็นน้ำ กระเจี๊ยบ ส่วนอื่นๆรองลงมำ ไดแ้ก่ใบ และยอดอ่อนนำ มำปรุงอำหำร สีของดอกใชเ้ป็นสี ผสมอำหำร และเครื่องดื่ม เป็ นต้น -ชื่อวิทยำศำสตร์: Hibiscus sabdariffa Linn. -วงศ์: Malvaceae -ชื่อสำมัญ: Roselle, Rosella,Jamaica Sorrel, Red Sorrel กระเจี๊ยบแดง มีถิ่นกำ เนิดในประเทศซูดำน และแถบประทศในทวีปแอฟริกำ พบบนัทึกกำรปลูกในไทยคร้ัง แรกเมื่อปี พ.ศ. 2510 โดยกรมประชำสงเครำะห์ได้น ำกระเจี๊ยบแดงพันธุ์ซูดำนเข้ำมำปลูกที่นิคมสร้ำงตัวเอง อ.พระพุทธบำท จ.สระบุรี (เกษม, 2545)(1) มีชื่ออื่นๆ เช่น กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบแดง กระเจี๊ยบเปร้ียว (ภำคกลำง และ ทวั่ ไป), ส้มเก็งเค็ง, ผักเก็งเค็ง, ส้มปู, ส้มพอเหมำะ, ส้มตะเลงเครง (ภำคเหนือ) ลักษณะทำงพฤกษศำสตร์ 1. ล ำต้น และรำกกระเจี๊ยบแดง มีลักษณะล ำต้นเป็ นทรงพุ่ม สูงประมำณ 1-2.5 เมตร ขนำดล ำต้นประมำณ 1-2 ซม. แตกกิ่งกำ้นต้งัแต่โคนตน้ตน้อ่อนมีสีเขียวเมื่อแก่ลำ ตน้และกิ่งมีสีแดงม่วงเปลือกลำ ตน้บำงเรียบ สำมำรถลอกเป็น เส้นได้
9 2. ใบกระเจี๊ยบแดง เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลบัตำมควำมสูงของกิ่ง มีลกัษณะคลำ้ยปลำยหอกยำวประมำณ 7 -13 ซม. มีขนปกคลุมท้งัด้ำนบนด้ำนล่ำง ปลำยใบแหลม โคนใบมน ส่วนปลำยเวำ้ลึกคลำ้ยนิ้วมือ 3 นิ้ว หรือเป็น 5 แฉก ระยะห่ำงระหว่ำงแฉก 0.5 - 3 ซม. ลึกประมำณ 3 - 8 ซม. มีเส้นใบ 3 - 5 เส้น เส้นใบด้ำนล่ำงนูนเด่น มีต่อมบริเวณ โคนเส้นกลำงใบ 1 ต่อม มีหูใบเป็ นเส้นเรียวยำว 0.8 -1.5 ซม. ใบที่มีอำยุน้อย และใบใกล้ดอกจะมีขนำดเล็กรูปไข่ ใบกระเจี๊ยบแดงบำงพันธุ์จะไม่มีแฉก มีลักษณะโคนใบมน และเรียวยำวจนถึงปลำย มีก้ำนใบมีแดงม่วง เหมือนสีของกิ่ง เส้นใบดำ้นล่ำงนูนชดั 3. ดอกกระเจี๊ยบแดงออกเป็นดอกเดี่ยว ดอกแทงออกตำมซอกใบต้งัแต่โคนกิ่งถึงปลำยกิ่ง ดอกมีกำ้นดอกส้ัน สีแดง ม่วง ดอกมีกลีบเล้ียง ประมำณ 5กลีบ หุ้มดอกบนสุด มีขนำดใหญ่ มีลักษณะอวบหนำ มีสีแดงเข้มหุ้มดอก และ กลีบรองดอก ที่เป็ นกลีบด้ำนล่ำงสุด มีขนำดเล็ก 8 - 12กลีบ มีสีแดงเขม้กลีบท้งั 2 ชนิดน้ีจะติดอยู่กบัดอกจนถึงติด ผลและผลแก่ไม่มีร่วง ดอกเมื่อบำนจะมีกลีบดอกสีเหลืองหรือสีชมพูอ่อนหรือสีขำวแกมชมพู บริเวณกลำงดอกมี สีเขม้ ส่วนของดอกมีสีจำงลง เมื่อดอกแก่กลีบดอกจะร่วง ทำ ใหก้ลีบรองดอกและกลีบเล้ียงเจริญข้ึนมำหุม้ 4. ผลกระเจี๊ยบแดงเจริญจำกดอก ถูกหุ้มอยู่ดำ้นในกลีบเล้ียง ลกัษณะเป็นรูปไข่ กลมรี ยำวประมำณ 2.5 ซม. มีจงอย ส้ันๆ มีขนสีเหลืองปกคลุม
10 2.2.3 กำบมะพร้ำว มะพร้ำวเป็นไมย้นืตน้เป็นพืชใบเล้ียงเดี่ยวใบเป็นใบประกอบ อยบู่ริเวณยอด ดอกเป็นดอกช่อ ขนำดใหญ่ สีขำวนวล ผลค่อนข้ำงกลม เปลือกเป็ นเส้นใย -ชื่อไทย : มะพร้ำว -ชื่อพ้ืนเมืองอื่นๆ : หมำกอุ๋น หมำกอูน ดุง คอส่ำ -ชื่ออังกฤษ : Coconut -ชื่อวิทยำศำสตร์ : Cocos nucifera Linn. -วงศ์:Palmae - ส่วนที่ใช้เตรียมสี:กำบมะพร้ำวที่ได้จำกผล - สำรส ำคัญ : สีด ำที่เกิดจำกถ่ำนกำบมะพร้ำว เป็ นสีของถ่ำย(carbon) ประโยชน์ - สีด ำจำกถ่ำนกำบมะพร้ำว ใช้แต่งสีอำหำรบำงชนิด เช่น ขนมเปี ยกปูน - เน้ือในเมล็ดท้งัอ่อนและแก่ใชเ้ป็นอำหำร เน้ือมะพร้ำวแก่ให้น้ำ มนัมะพร้ำว น้ำ มะพร้ำวอ่อนใชเ้ป็นเครื่องดื่มบำ รุง ร่ำงกำย วิธีเตรียมสีด ำจำกกำบมะพร้ำว น ำกำบมะพร้ำวที่เป็นเส้นใยสีน้ ำตำลมำเผำไฟจนเป็นถ่ำนแดง รีบเอำน้ ำดับ จะได้ถ่ำนสีดำ น ำมำบดให้ ละเอียด เติมน้ำ กรองเอำกำกออก จะ ไดน้ ้ำ สีดำ ๆ ใชแ้ต่งสีขนมตำมตอ้งกำร นิยมใชผ้ สมในกำรกวนขนมเปียกปูน จะไดข้นมเปียกปูนสีดำ กำบมะพร้ำว คือ เปลือกมะพร้ำวที่ปั่นเอำใยออก หรือ ปั่นให้ใยละเอียด เป็นขุยๆละเอียด ประมำณเม็ดทรำย แห้งสนิท (ไม่ไช่เปลือกสับ) เป็ นเศษเหลือของโรงงำนท ำเส้นใยมะพร้ำวซึ่งได้ทุบกำบมะพร้ำว เพื่อนำ เส้นใยไปทำ เบำะนงั่เศษเหลือเหล่ำน้ีเป็นผง ๆ มีคุณสมบตัิเบำอุม้น้ำ ไดด้ีและเก็บควำมช้ืนไวไ้ดน้ำน
11 เมื่อจะใชต้อ้งพรมน้ำ ใหข้ยุมะพร้ำวมีควำมช้ืนพอเหมำะ ไม่แฉะและไม่แหง้เกินไป เหมำะสำ หรับกำรควนั่ตอนกิ่งไม้ เพื่อเพำะช ำต้นไม้ ประโยชน์ของกำบมะพร้ำว น ำเส้นใยไปถักทอส ำหรับใช้รองรับภำชนะกันแรงกดทับ ส่วนขุย (ผงที่แยกจำกเส้นใย) ใช้ท ำปุ๋ ย และเป็ น ส่วนผสมส ำหรับเพำะพันธุ์พืช - เน้ือในเมลด็ท้งัอ่อนและแก่ใชเ้ป็นอำหำร เน้ือมะพร้ำวแก่ใหน้ ้ำ มนัมะพร้ำว น้ำ มะพร้ำวอ่อนใชเ้ป็นเครื่องดื่ม บ ำรุงร่ำงกำย วิธีเตรียมสีด ำจำกกำบมะพร้ำว น ำกำบมะพร้ำวที่เป็นเส้นใยสีน้ ำตำลมำเผำไฟจนเป็นถ่ำนแดง รีบเอำน้ ำดับ จะได้ถ่ำนสีดำ น ำมำบดให้ ละเอียด เติมน้ำ กรองเอำกำกออก จะ ไดน้ ้ำ สีดำ ๆ ใชแ้ต่งสีขนมตำมตอ้งกำร นิยมใชผ้ สมในกำรกวนขนมเปียกปูน จะได้ขนมเปี ยกปูนสีด ำ กำรสกดัวิกฤตยงิ่ยวด ของเหลววิกฤตยิ่งยวด (SF) เป็ นของเหลวที่อยู่เหนืออุณหภูมิวิกฤต (Tc) และแรงดัน (Pc) ระหว่ำงแก๊สและ ของเหลว ของเหลววิกฤตยิ่งยวดมีแรงแทรกซึมที่แข็งแกร่งคลำ้ยกบัก๊ำซ และมีควำมหนำแน่นและควำมสำมำรถใน กำรละลำยมำกคล้ำยกับของเหลวและมีลักษณะเป็ นตัวท ำละลำยที่ดี ซึ่งท ำให้เป็ นสำรสกัดที่ดี กำรสกัดของเหลว วิกฤตยิ่งยวด (SFE) คือกำรใช้คุณสมบัติกำรละลำยที่แข็งแกร่งของของเหลววิกฤตยงิ่ยวด ส่วนผสมที่มีประสิทธิภำพ ต่ำงๆ ที่สกดัจำกผลิตภณัฑ์จำกพืชและสัตว์จำกน้ันผ่ำนกระบวนกำรบีบอดัของกำรปลดปล่อยกำรศึกษำแสดงให้ เห็นว่ำอตัรำกำรชะลำ้งและเม็ดสีธรรมชำติคือ หลำยคร้ังของวิธีกำรทวั่ ไปในกำรสกดัผลิตภณัฑ์มีควำมบริสุทธ์ิสูง มีตัวท ำละลำยตกค้ำงน้อยกว่ำ ไม่มีผลข้ำงเคียงที่เป็ นพิษ ฯลฯ ตำมรำยงำนสิทธิบัตร แอสตำแซนธินถูกสกัดจำก เปลือกกุง้ดว้ยคำร์บอนไดออกไซดท์ ี่วิกฤตยงิ่ยวดดว้ยควำมเขม้ขน้2% กำรสกัดด้วยไมโครเวฟ กำรสกัดด้วยไมโครเวฟเป็ นวิธีที่ท ำให้ตัวอย่ำงและตัวท ำละลำยอินทรีย์ถูกท ำให้ร้อนด้วยไมโครเวฟใน ภำชนะปิ ด และแยกส่วนประกอบที่จะวัดออกจำกเมทริกซ์ของตัวอย่ำง มีวิวัฒนำกำรมำจำกกำรรวมกันของตัวอย่ำง
12 กรดไนเตรตในภำชนะปิ ด และกำรสกัดสำรประกอบอินทรีย์ในของเหลวและของแข็ง สำมำรถสกัดส่วนประกอบ ตวัอย่ำงที่หลำกหลำยไดใ้นเวลำอนัส้ัน กำรสกดัดว้ยไมโครเวฟโดยใช้ตวัทำ ละลำยน้อยและควำมสำมำรถในกำร ท ำซ้ ำที่ดีจะเอำชนะข้อบกพร่องของกำรสกัดวิกฤตยิ่งยวด และกำรสกัดด้วยตัวท ำละลำยด้วยต้นทุนที่ต ่ำและ ควำมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดลอ้ม เทคนิคกำรกลนั่ระดบัโมเลกุล กำรกลนั่ดว้ยโมเลกุลเป็นเทคโนโลยีกำรแยกของเหลวและของเหลวแบบพิเศษ โดยอิงตำมควำมแตกต่ำง ของเส้นทำงอิสระเฉลี่ยของกำรเคลื่อนที่ของโมเลกุลของสำรต่ำงๆ ในสุญญำกำศสูง และสำมำรถแยกออกได้ ที่อุณหภูมิต่ำ กว่ำจุดเดือดของสำรในสภำวะปกติมำก ควำมดนั. เทคโนโลยีมีลกัษณะเฉพำะของอุณหภูมิกำรกลนั่ต่ำ ควำมดนัต่ำ ระดบักำรแยกสูง เวลำทำ ควำมร้อนส้ันและอื่น ๆ สำมำรถลดตน้ทุนกำรแยกวสัดุจุดเดือดสูง ปกป้อง คุณภำพของวัสดุที่ไวต่อควำมร้อนได้ดีเยี่ยม และรักษำอย่ำงแท้จริง ลักษณะธรรมชำติที่บริสุทธิ์ ผลกำรวิจัยพบว่ำ แคโรทีนอยด์ที่สกดัจำกน้ำ มนัส้มหวำนดีแวก็ซ์โดยกำรกลนั่ระดบั โมเลกุลในข้นัตอนเดียวไม่มีตวัทำ ละลำยอินทรีย์ มีควำมบริสุทธิ์ สูงและมีค่ำสีสูง 2.3 ศึกษาเอทิลแอลกอฮอล์ที่มีผลต่อสีธรรมชาติ เอทำนอล (อังกฤษ: ethanol) หรื อ เอทิลแอลกอฮอล์ (อังกฤษ: ethyl alcohol) (สูตรเคมี C2H5OH) เป็ น แอลกอฮอล์ชนิดหน่ึงซ่ึงเกิดจำกกำรนำ เอำพืชมำหมกัเพื่อเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำ ตำล จำกน้ันจึงเปลี่ยนจำกน้ำ ตำลเป็น แอลกอฮอล์ โดยใช้เอนไซม์หรื อกรดบำงชนิดช่วยย่อย เมื่อท ำให้เป็ นแอลกอฮอล์บริ สุทธิ์ 95% โดยกำรกลั่น ส่วนใหญ่ผลิตจำกพืช สองประเภทคือ พืชประเภทน้ำ ตำล เช่นออ้ย บีทรูท และพืชจำ พวกแป้งเช่น มนัสำ ปะหลงัขำ้ว ข้ำวโพด เป็ นต้น อุตสำหกรรมเอทำนอล บรำซิลเป็ นผู้ผลิตเอทำนอลอันดับหนึ่งในโลก ข้อมูลปี พ.ศ. 2551 ประเทศไทยมีโรงงำนเอทำนอล 11แห่ง ก ำลังกำรผลิตรวม 1.75ล้ำนลิตรต่อวัน ขณะที่ควำมต้องกำรใช้ในประเทศมีเพียง 800,000ลิตรต่อวัน
13 เอทำนอลเป็นเช้ือเพลิงที่สะอำดและเผำไหมไ้ด้สมบูรณ์ช่วยลดกำรเกิดมลพิษในอำกำศและเป็นผลดีต่อ สภำวะแวดล้อมและมีฐำนวัตถุดิบมำจำกพืชซึ่งสำมำรถดูดซับปริมำณ ก๊ำซคำร์บอนไดออกไซค์ในบรรยำกำศได้ เอทำนอลเป็ นพลังงำนหมุนเวียน (Renewable Energy) ผลิตได้จำกวัตถุดิบทำงกำรเกษตรซึ่งแบ่งได้เป็ น 3 ประภท ไดแ้ก่ 1. วตัถุดิบประเภทน้ำ ตำลไดแ้ก่น้ำ ออ้ย น้ำ ตำลจำกบีท และกำกน้ำ ตำลซ่ึงยีสต์สำมำรถย่อยสลำยวัตถุดิบ ประเภทน้ีไดเ้ลยทนัทีโดยไม่ตอ้งผำ่นกำรยอ่ยเพื่อเป็นน้ำ ตำล (Pretreatment) 2.วตัถุดิบประเภทแป้ง ไดแ้ก่มนัสำ ปะหลงัธญัพืชและมนัฝรั่งในกำรผลิตจะตอ้งยอ่ยแป้งในวตัถุดิบให้เป็น น้ำ ตำลกลูโคสซ่ึงเป็นน้ำ ตำลโมเลกุลเดียวเสียก่อนยสีตจ์ึงจะเปลี่ยนน้ำ ตำลเป็นเอทำนอลได้ 3. วัตถุดิบประเภทที่เป็ นผลพลอยได้จำกอุตสำหกรรมเกษตร เช่น กำกอ้อย ฟำงข้ำวซังข้ำวโพด และของเสีย จำกอุตสำหกรรม เยื่อกระดำษ ฯลฯ เอทำนอลมีค่ำออกเทนสูงนำ ไปผสมกบัน้ำ มนัเบนซินเรียกว่ำน้ำ มนัแก๊สโซฮอล์ได้ถำ้ผสมกบัน้ำ มนัดีเซล เรียกว่ำน้ ำมนัดีโซฮอล์ใช้เป็นเช้ือเพลิงได้นอกจำกน้ียงัสำมำรถใช้เอทนอลบริสุทธ์ิเป็นเช้ือเพลิงได้โดยตรงโดย ไม่ตอ้งผสมกบัน้ำ มนัไดอ้ีกดว้ย ปัจจุบนัไทยมีโรงงำนเอทำนอล 27แห่ง ก ำลังกำรผลิตรวม 6.125ล้ำนลิตร ปริมำณของเอทิลแอลกอฮอล์ที่ปริมำณ 240 มิลลิลิตรต่อสีธรรมชำติที่ปริมำณ 100กรัม มีสีที่ชัดเจนเมื่อเขียน ลงกระดำนไวท์บอร์ด แต่ก็ข้ึนอยกู่บัสีของสีจำกธรรมชำติที่มีควำมเขม้ขน้ของสีแตกต่ำงกนัออกไปในต่ละพืชพรรณ จุดเดือดของเอทิลแอลกอฮอลล์อยู่ที่: 78.4 °C, 352 K, 173 °F
14 2.4 ศึกษาผลงานวิจัยเรื่องปากกาไวท์บอร์ดจากสีธรรมชาติ โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง หมึกไวท์บอร์ดจากธรรมชาติ (Whiteboard From Natural) โดย นำงสำวนฤมล เกรัมย์ เลขที่ 20 นำงสำวพิมพ์วิมล ตำทอง เลขที่ 23 นำงสำวอำทิติยำ ชะรอยรัมย์ เลขที่ 32 ช้นัมธัยมศึกษำปีที่4/1 โรงเรียนภัทรบพิตร สำ นกังำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำมธัยมศึกษำบุรีรัมยเ์ขต 32 ปี กำรศึกษำ 2/2558 บทคัดย่อ หมึกปำกกำไวท์บอร์ดที่ใช้ในปัจจุบัน มีสำรเคมีที่อันตรำยต่อระบบหำยใจผู้จัดท ำจังสนใจท ำโครงงำน เรื่อง หมึกปำกกำไวท์บอร์ดจำกดอกอัญชัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษำสมบัติของสำรสกัดจำกดอกอัญชันในกำรท ำหมึก ปำกไวท์บอร์ด และ ตอนที่ 2ศึกษำและเปรียบเทียบสมบัติของสำรสกัดจำกดอกอัญชันและหมึกไวท์บอร์ด และ เปรียบเทียบประสิทธิภำพกำรเขียนกระดำนไวทบ์อร์ดของน้ำ หมึก สีของสำรสกดัจำกดอกอญัชนัมีควำมเขม้ขน้นอ้ย กว่ำกำรเขียนด้วยไวท์บอร์ด แต่สำมำรถยึดติดได้ มีควำมคงทน และไม่เกิดตะกอนหลังกำรลบด้วยแปรงลบกระดำน ที่ชุ่มน้ำ จำกกำรศึกษำคร้ังน้ีพบวำ่สำรสกดัจำกดอกอญัชนัเป็นสำรละลำยที่มีข้วัมีคุณสมบตัิในกำรละลำยน้ำ จงัตอ้ง ลบดว้ยแปรงลบกระดำนที่ชุ่มน้ำ
15 บทที่ 1 บทน า ที่มาและความส าคัญ เนื่องจำกกำรที่คณะผู้จัดท ำโครงงำนได้สังเกตกำรใช้หมึกไวน์บอร์ดในกำรเขียนกระดำน ท ำให้เห็นว่ำ กำรใชห้มึกไวน์บอร์ดน้ัน มีสำรเคมีที่มีอนัตรำยเยอะมำก ซ่ึงเมื่อซึมเขำ้สู่ผิวหนังจะเป็นอนัตรำยต่อผิวหนงัและเมื่อ สูดดมยงัเป็นอันตรำยต่อระบบหำยใจ อีกท้ังยงัมีรำคำแพงและเมื่อเช็ดทำ ควำมสะอำดยงัมีเศษผงเหลืออยู่ด้วย คณะผู้จัดท ำโครงงำนจึงมีควำมคิดที่จะหำสี่จำกธรรมชำติที่เข้มข้นพอส ำหรับกำรท ำหมึกไวน์บอร์ดซึ่งที่คัดเลือกมำ คือดอกอัญชันที่มีขำยตำมท้องตลำดทั่วไป รำคำถูก หำง่ำยเหมำะแก่กำรน ำมำใช้ต่อยอดให้เกิดประโยชน์ ซ่ึงโดยทวั่ ไปไม่มีกำรต่อยอดในกำรใชส้ำรสกดัจำกธรรมชำติให้เกิดประโยชน์เช่นน้ีคณะผูจ้ดัทำ จึงมีควำมคิดที่จะ น ำมำท ำผลิตภัณฑ์ให้เกิดประโยชน์ เพื่อทดแทนสำรเคมีที่มีอันตรำย วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1. เพื่อศึกษำสมบัติของสำรสกัดจำกอัญชันในกำรท ำหมึกปำกกำไวท์บอร์ด 2. เพื่อเปรียบเทียบน้ำ หมึกจำกสำรสกดัอญัชนัและหมึกไวทบ์อร์ดในปัจจุบนั สมมติฐานของโครงงาน 1. น้ำ ดอกอญัชนัมีควำมเขม้ขน้มำกพอสำ หรับกำรนำ มำทำ หมึกไวทบ์อร์ด 2. เมื่อน้ำ ดอกอญัชนัถูกทดลองโดยกำรหยดกรดและเบสจะแปรสภำพสีไปตำมกำรทดลอง
16 ตัวแปรในการศึกษาโครงงานนี้ ตวัแปรตน้: ดอกอญัชนักรดจำกน้ำ มะนำวเบสจำกน้ำ ข้ีเถำ้ ตัวแปรตำม : สีสกัดจำกดอกอัญชันสีที่แปรเปลี่ยนตำมกรด-เบส ตวัแปรควบคุม : ปริมำณน้ำ ที่ใชใ้นกำรตม้ สำรอุณหภูมิระยะในกำรตม้ สำร ขอบเขตของการศึกษาโครงงานนี้ วตัถุดิบที่ใชใ้นกำรทำ น้ำ หมึกคือ ดอกอัญชัน 50 กรัม น้ำ สะอำด 80 มิลลิลิตร ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เพื่อศึกษำทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ และท ำให้เกิดควำมสำมัคคีในหมู่คณะ 2. น ำวัสดุจำกธรรมชำติมำแปรรูปให้เกิดประโยชน์ 3. เพื่อนำ มำทดแทนสำรเคมีที่ก่อใหเ้กิดอนัตรำยต่อร่ำงกำย
17 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง คณะผู้จัดท ำได้ศึกษำค้นคว้ำเอกสำรทฤษฎี และงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง ซ่ึงไดน้ำ เสนอตำมลำ ดบัหวัขอ้ดงัน้ี 1) สำรกันบูด 2) อัญชัน 3) ปำกกำเคมีส ำหรับไวท์บอร์ด โลหะและพัสดุผิวมัน 4) งำนวิจัยที่เกี่ยวข้อ บทที่ 3 วิธีการด าเนินการ แบ่งกำรทดลองเป็ น 2 ตอน คือ 1.กำรสกัดสำรจำกดอกอัญชัน 2. ทดสอบอินดิเคเตอร์ดว้ยน้ำ มะนำวและน้ำ ข้ีเถำ้ ตอนที่ 1 สำรสกัดจำกดอกอัญชัน วัสดุอุปกรณ์ 1. น้ำ สะอำด 2. บีกเกอร์ขนำดกลำง
18 3. บีกเกอร์ขนำดใหญ่ 4. ดอกอัญชัน 5. Hot Plate 6.ผ้ำขำวบำง ตอนที่ 2กำรทดสอบอินดิเคเตอร์ดว้ยน้ำ มะนำวและน้ำ ข้ีเถำ้ 1. นำ น้ำ มะนำวมำหยดลงบนดอกอญัชนัน้ำ อญัชนัจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง 2. นำ น้ำ ข้ีเถำ้มำหยดลงบนน้ำ อญัชนัน้ำ อญัชนัจะมีสีเจือจำลง บทที่ 4 ผลการทดลอง ตอนที่ 1วิธีสกัดสี จำกกำรสกดัสีน้ำ อญัชนัพบว่ำสีของสำรสกัดจำกดอกอญัชันมีควำมเขม้เทียบเท่ำกับกำรเขียนดว้ยปำกกำ ไวทบ์อร์ดสำมำรถยดึติดไดด้ีมีควำมคงทน และไม่เกิดตะกอนหลงักำรลบดว้ยแปรงลบกระดำนที่ชุ่มน้ำ ตอนที่ 2 กำรทดสอบ กำรทดสอบอินดิเคเตอร์ดว้ย น้ำ มะนำวและน้ำ ข้ีเถำ้ - น้ำ ดอกอญั ชัน มีคุณสมบัติเป็ นอินดิเคเตอร์ เมื่อทดสอบจะได้ผล ดงัน้ี เมื่อน ำมำตรวจสอบสมบัติพบว่ำสำรสกัดจำกดอกอัญชันมี pH = 7.4
19 บทที่ 5 สรุปผลการทดลอง จำกผลกำรทดลอง พบว่ำ สำรสกดัที่ไดจ้ำกดอกอญัชนัมีควำมเขม้ขนัเทียบน้อยกว่ำหมึกไวท์บอร์ดทวั่ ไป เมื่อน ำมำตรวจสอบสมบัติ พบว่ำ สำรสกัดจำกดอกอัญชันมี pH=7.4 และเปรียบเทียบประสิทธิภำพกำรเขียนกระดำน ไวทบ์อร์ดของน้ำ หมึก สีของตวัอกัษรที่เขียนจำกสำรสกดัจำกดอกอญัชนัมีควำมเข้มข้นน้อยกว่ำกำรเขียนด้วยหมึก ไวท์บอร์ด แต่สำมำรถยึดติดได้มีควำมคงทน และไม่เกิดตะกอนหลงักำรลบด้วยแปรงลบกระดำนที่ชุ่มน้ ำ จำก กำรศึกษำคร้ังน้ีพบว่ำ สำรสกัดจำกดอกอญัชนัเป็นสำรละลำยที่มีข้วัมีคุณสมบตัิในกำรละลำยน้ำ จึงตอ้งลบดว้ย แปลงลบกระดำนที่ชุ่มน้ำ ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน 1.ไดรู้้ขอ้มูลเกี่ยวกบัสมบตัิของสำรสกดัจำกอญัชนั ในกำรทำ น้ำ หมึกปำกกำไวทบ์อร์ด 2.ไดรู้้ถึงควำมแตกต่ำงระหว่ำงน้ำ หมึกจำกสำรสกดัอญัชนักบัหมึกไวทบ์อร์ดในปัจจุบนั 3. ได้ฝึ กทักษะในกำรสกัดสีจำกธรรมชำติ และใช้อุปกรณ์ทำงวิทยำศำสตร์ต่ำงๆ 4.ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับกำรสกัดสี และพืชที่ให้สีในธรรมชำติ 5.ได้ฝึ กกำรวิเครำะห์และสังเกต 6. สำมำรถนำ ขอ้มูลที่ไดจ้ำกโครงงำนไปใชเ้ป็นประโยชน์แก่ผทู้ี่สนใจในน้ำ หมึกจำกธรรมชำติได้
20 ข้อเสนอแนะ โครงงำนน้ีสำมำรถนำ ไปต่อยอดเป็นแนวทำงกำรสกดัสีธรรมชำติอื่นๆ เช่น สีเหลืองจำกขมิ้น สีแดงจำกครั่ง และสีม่วงจำกผักปลัง เป็ นต้น 2.5 ศึกษำเอทิลแอลกอฮอล์ที่มีผลต่อสีธรรมชำติ ปริมำณของเอทิลแอลกอฮอล์ที่ปริมำณ 240 มิลลิลิตรต่อสีธรรมชำติที่ปริมำณ 100กรัม มีสีที่ชัดเจนมื่อเขียน ลงกระดำนไวทบ์อร์ด แต่ก็ข้ึนอยกู่บัสีของสีจำกธรรมชำติที่มีควำมเขม้ขนของสีแตกต่ำงกันออกไปในต่ละพืชพรรณ ้ บรรณานุกรม ร.ศ.ดร.วีณำ เชิดบุญชำติ,อัญชัน,ศำลำสมุนไพร เข้ำถึงได้จำก http://th.wikipedia.org/wiki/ ฐำนข้อมูลพันธุ์ไม้ที่ใช้ในงำนภูมิสถำปัตยกรรม,ศูนย์ควำมรู้ด้ำนเกษตร ส ำนักหอสมุด มหำวิทยำลัยเกษตรศำสตร์ http://agkc.lip.ku.ac.th/plantwebsite/webpage/vines/ นิตยสำรหมอชำวบ้ำน เล่มที่:347 มีนำคม 2008 นักเขียนหมอชำวบ้ำน : รศ.ดร. สุธำทิพ ภมร http://www.doctor.or.th/artail/1187
21 2.5 ศึกษาการท าหมึกปากกาไวท์บอร์ดจากสีธรรมชาติ ทำ น้ำ หมึกไวทบ์อร์ดจำกธรรมชำติไดด้ว้ยกำรสกดัดว้ยแอลกอฮอล์โดยนำ พืช มำสกดักบัเอทิลแอลกอฮอล์ ตำมอตัรำส่วนที่กำ หนด นำ พืชต่ำงๆมำทำ เป็นชิ้นเลก็ๆ แบ่งเป็ น 2 ส่วน น ำส่วนที่1 มำใส่บีกเกอร์จำกน้นั ใส่แอลกอฮอลล์งไป ทิ้งไว้24 ชวโมง ั่จำกน้นักรองดว้ยผำ้ขำวบำงแลว้นำ พืชอีกส่วนที่เหลือของแต่ละชนิดมำใส่สำรที่กรองได้ของแต่ละชนิด ทิ้งไว้อีก 24 ชั่วโมงจำกน้ันกรอง และ น ำเอทิลแอลกอฮอล์กับสีธรรมชำติเชื่อมเข้ำด้วยกรีเซอรีน จะได้อัตรำส่วนผสมที่เข้มข้นที่สุดแล้วน ำใส่ด้ำมปำกกำ ไวท์บอร์ด ก็จะได้ปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีธรรมชำติ
22 บทที่3 วิธีการด าเนินการทดลอง วิธีด ำเนินกำรทดลองโครงงำน เรื่อง ปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีธรรมชำติแบ่งเป็ น 2ข้นัตอนดงัต่อไปน้ี 3.1 วัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือพเิศษ 3.1.1 วัสดุอุปกรณ์ 1. หลอดหยด 1 อัน 2. บีกเกอร์ ขนำด 250 ml. 3 ใบ 3.กระดำษ A4 สีขำว 1 แผ่น 4. พู่กันเบอร์ 9 1 ด้ำม 5. หม้อหำงขนำด 18 cm. 1 หม้อ 6. เครื่องชงั่ 1 เครื่อง 7. กระบอกตวงขนำด 100 ml. 1 อัน 8. เตำแก๊สดิจิตอล 1 เครื่อง 9. แท่งแก้วคนสำร 3 แท่ง 10. ช้อนตักสำร 3 คัน 11. ชุดกระดำษกรองสำร 3 ชุด 12. ปำกกำไวท์บอร์ดที่ไม่ได้ใช้แล้ว 3 ด้ำม (สีแดง, สีน้ำ เงิน, สีดำ ) 13. กำตม้น้ำ 1 ใบ 14. สเกลระดบัสีที่ทำ ข้ึนท้งั 3 สี 3 แผ่น 15. ภำชนะ (ชำม) 1 ใบ 16. คีมคีบ 1 อัน 17. กระดำษไวท์บอร์ด 1 อัน
23 สีแดง สีน้ำ เงิน สีด ำ
24 3.2 สารเคมี ชื่อสำรเคมี 1. ดอกอัญชันแห้ง 60 g. 2. ดอกกระเจี๊ยบแห้ง 60 g. 3. กำบมะพร้ำวเผำ 60 g. 4. เอทิลแอลกอฮอล์ 360 ml. 5.กลีเซอรีน 45 g. 6. น้ำ 460 ml. 3.3 ขั้นตอนการทดลอง 3.3.1 สูตรปำกกำสีธรรมชำติ 1. เตรียมบีกเกอร์ชนำด 250 ml. จ ำนวน 3 ใบ 2. ชงั่ดอกอญัชนัแหง้ดว้ยเครื่องชงั่ 60 g. ใส่ลงในชำม 3. นำ ดอกอญัชนัแห้งบดมำชงั่ดว้ยเครื่องชงั่โดยชงั่ 10 g. ใส่ลงในบีกเกอร์ใบที่1, ชงั่ 20 g. ใส่ลงใน บีกเกอร์ ใบที่2และ ชงั่ 30 g. ใส่ลงในบีกเกอร์ ใบที่ 3 ตำมล ำดับ 4. ตวงน้ำ 360 ml.ดว้ยกระบอกตวงใส่ลงในกำตม้น้ำ จำกน้นัตม้น้ำ ใหเ้ดือด 5. ใช้กระบอกตวง ตวงน้ำ ตม้เดือด โดยตวงคร้ังละ 40 ml. ท้งัหมด 3คร้ัง ใส่ลงไปในบีกเกอร์ที่มี สำรดอกอัญชัน จำกน้นั ใช้ช้อนคนใหเ้มด็สีของดอกอญัชนัออกมำ ท้งั 3 บีกเกอร์ ตำมล ำดับ 6. น ำพู่กันขนำดเบอร์ 9จุ่มสีแลว้ทำลงในกระดำษสีขำว ท้งั 3 บีกเกอร์จำกน้นั เทียบสีกับสเกลที่ ก ำหนดไว้ เพื่อหำสีที่เข้มที่สุด จำกสเกลที่ก ำหนดไว้ บันทึกผลกำรทดลอง 7. ใช้กระบอกตวง ตวงปริมำณเอทิลแอลกอฮอลล์โดยตวงคร้ังละ 40 ml. ท้งัหมด 3คร้ัง ใส่ลงใน บีกเกอร์ที่มีสำรดอกอญัชนับดท้งั 3 ใบ ตำมล ำดับ
25 8. คนเอทิลแอลกอฮอลล์กับเม็ดสี ดอกอัญชัน เพื่อให้เม็ดสี ของดอกอัญชันออกมำผสมกับ เอทิลแอลกอฮอลล์แลว้ต้งัพกัไว้2 นำที ท้งั 3 ใบ ตำมล ำดับ 9. น ำชุดกระดำษกรอง 3 ชุด มำกรองสำรที่อยู่ในบีกเกอร์ที่ต้ังพักไว้ให้ได้สีของดอกอัญชัน ท้งั 3 ใบ ตำมล ำดับ 10. ใชเ้ครื่องชงั่ชงั่กลีเซอรีน โดยชงั่คร้ังละ5 g. ท้งัหมด 3คร้ัง ใส่ลงในบีกเกอร์ที่มีสำรละลำย อยทู่้งั 3 ใบ ตำมล ำดับ 11. นำ หมอ้หำงใส่น้ำ ปริมำณ 100 ml. ตม้จนเดือด จำกน้นั ปิดไฟ 12. น ำคีมคีบบีกเกอร์ไปตุ่นในหม้อหำงแล้วคนสำรให้เข้ำกันกันด้วยแท่งแก้วคนสำร ท้ัง 3 ใบ ตำมล ำดับ แล้วน ำออกมำพักให้เย็น 13. นำ หลอดหยดดูดสีท้งั3 สำร ที่เขม้ที่สุดใส่ลงในปำกกำไวทบ์อร์ดที่ไม่ใชแ้ลว้ 14. ทดสอบกำรติดของสีท้งั3 สีกบักระดำนไวทบ์อร์ด จำกน้นับนัทึกผลกำรทดลองกำรติดสีของ ปำกกำไวท์บอร์ดบนกระดำนไวท์บอร์ด จำกน้นับนัทึกผลกำรทดลอง 15. ทำ ซ้ำ ต้งัแต่1-14โดยเปลี่ยนสำรเป็ นดอกกระเจี๊ยบ และกำบมะพร้ำวเผำ
26 บทที่ 4 บันทึกผลการทดลอง ตอนที่ 1 ผลกำรทดลองหำควำมเข้มข้นของสีจำกระดับสเกลที่ก ำหนดของอัญชัน ดอกกระเจี๊ยบ และกำบมะพร้ำว ท้งั 10 g. 20 g. และ 30 g. ผลปรำกฎว่ำ ควำมเข้มข้นที่ 30 g. ท้งัดอกอญัชนัและ ดอกกระเจี๊ยบ มีควำมเข้มข้นของสีมำกที่สุด ตอนที่ 2 ตำรำงแสดงควำมเข้มข้นระดับสี ชนิดของปากกาไวท์ บอร์ดจากสีธรรมชาติ ระดับความเข้มของสีที่ติดบนไวท์บอร์ด สเกลสี 1. ดอกอัญชัน ชนิดของปากกาไวท์ บอร์ดจากสีธรรมชาติ ระดับความเข้มของสีที่ติดบนไวท์บอร์ด สเกลสี 2. ดอกกระเจี๊ยบ ชนิดของปากกาไวท์ บอร์ดจากสีธรรมชาติ ระดับความเข้มของสีที่ติดบนไวท์บอร์ด สเกลสี 3. กำบมะพร้ำว
27 บทที่ 5 สรุปอภิปรายและข ้ อเสนอแนะ อภิปรำยผลกำรทดลองตอนที่ 1 จำกกำรทดลองหำควำมเข้มข้นของสี 1. ดอกอัญชันแห้ง 2. ดอกกระเจี๊ยบแห้งและ3. กำบมะพร้ำวเผำ อย่ำงละ 3คร้ัง 1. สกดัสีจำกดอกอญัชนัแหง้จำกน้ำ ร้อน พบวำ่ระดบัควำมเขม้ขน้ของดอกอญัชนัที่ให้สีน้ำ เงิน อยทู่ ี่ ระดับ 2ระดับ 8และระดับ 9 ตำมล ำดับสเกลเทียบสี 2. สกดัสีจำกดอกกระเจี๊ยบแหง้จำกน้ำ ร้อน พบวำ่ระดบัควำมเขม้ขน้ของดอกกระเจี๊ยบที่ใหส้ีแดงอยทู่ ี่ ระดับ 2ระดับ 2และ ระดับ 9 ตำมล ำดับสเกลเทียบสี 3. สกัดสีจำกกำบมะพร้ำวเผำจำกน้ำ ร้อน พบวำ่ระดบัควำมเขม้ขน้ของกำบมะพร้ำวที่ใหส้ีดำ อยทู่ ี่ ระดับ 1 ท้งั 3คร้ัง ตำมล ำดับสเกลเทียบสี และจำกกำรทดลองโดยกำรน ำ 1. ดอกอัญชันแห้ง และ 2. ดอกกระเจี๊ยบแห้ง มำป็ นสีธรรมชำติในกำรท ำปำกกำ ไวทบ์อร์ด โดยกำรนำ สีจำกธรรมชำติผสมกบัเอทิลแอลกอฮอลล์และกลีเซอรีน พบวำ่มีกำรติดสีดงัน้ี 1. ปำกกำไวทบ์อร์ดจำกสีน้ำ เงินของดอกอญัชนัที่ติดบนกระดำนไวทบ์อร์ด พบวำ่ สูตรที่ 3 ของดอกอัญชัน ติดดีที่สุด 2. ปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีแดงของดอกกระเจี๊ยบที่ติดบนกระดำนไวท์บอร์ด พบว่ำ สูตรที่ 3 ของดอกกระเจี๊ยบ ติดดีที่สุด สรุปผลกำรทดลอง 1. ปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีของอัญชันที่อัตรำส่วน ดอกอัญชัน 30 g. ต่อ เอทิลแอลกอฮอลล์ 40 ml. สีติดบนกระดำนไวท์บอร์ด และให้สีที่เข้มที่สุด
28 2. ปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีของกระเจี๊ยบที่อัตรำส่วน ดอกกระเจี๊ยบ 30 g. ต่อ เอทิลแอลกอฮอลล์ 40 ml. สีติดบนกระดำนไวท์บอร์ด และให้สีที่เข้มที่สุด ข้อเสนอแนะ : 1.กำรท ำปำกกำไวท์บอร์ดจำกสีธรรมชำติ ไม่ควรน ำกำบมะพร้ำวเผำมำเป็ นสำรละลำยที่ให้สีด ำ ควรใช้ สำรละลำยจำกธรรมชำติอื่นแทน 2. ไม่ควรน ำกลีเซอรีนแบบก้อนมำป็ นตัวกลำงในกำรท ำให้สีติดบนกระดำนไวท์บอร์ด ควรใช้กลีเซอรีน แบบน้ำ แทน
29 ภาคผนวก อุปกรณ ์ 1. ดอกกระเจี๊ยบแห้ง 2. ดอกอัญชันแห้ง 3.กาบมะพร้าวเผา 4. เอทิลแอลกอฮอล์ 5. น ้าเปล่า 6.กลีเซอรีน 7. ช้อน
30 8. เครื่องชั่งสาร 9. เตาไฟฟ้า 10. หม้อหาง 11. ชาม 12.กระดาษกรอง 13.บีกเกอร์ 14. กระบอกตวง 15. สเกลสี 16. คีมคีบ
31 17. แท่งแก้วคนสาร 18. หลอดหยด 19. กระดาษ 20. ปากกาไวท์บอร์ด 21. กาต้มน ้า 22. พู่กนั 23. กระดานไวท์บอร์ด
32 การทดลอง 1. ชั่งสาร10, 20 และ 30 g. 2. น าสารที่ชั่งใส่ลงในภาชนะตามล าดับ 3. ตวงน ้าร้อน 40 ml. 4. เทน ้าร้อนใส่ลงในภาชนะที่มีสารละลายอยู่
33 5. ใช้ช้อนคนให้เม็ดสีออกมา 6. ใช้พู่กนัจุ่มแล้วทาลงบนกระดาษเทียบกบัสเกลสีแล้วบันทึกผล 7. ตวงเอทิลแอลกอฮอล์ 40ml. 8. เทเอทิลแอลกอฮอล์ลงในบีกเกอร์ที่มีสารละลายจากนั้นคนให้เข้ากัน 9. กรองสารบะลายด้วยกระดาษกรอง 10. ชั่งกลีเซอรีนด้วยเครื่องชั่ง 5 g.
34 11. ใส่กลีเซอรีนลงในภาชนะที่มีสารละลาย 12. ตวงน ้าเปล่า 100 ml. 13. เทน ้าเปล่าลงในหม้อ จากนั้นต้มให้ร้อนแล้วปิ ดไฟ 14. ใช้คีมคีบ คีบภาชนะที่มีสารละลายกับกลีแซอรีน ลงในหม้อจากนั้นคนให้กลีเซอรีนละลาย 15. ใช้หลอดหยดดูดสารละลายใส่ลงในปากกาไวท์บอร์ด 16. ทดสอบการติดสีและความเข้มของสีบน กระดานไวท์บอร์ด
35 บรรณานุกรม เอทิลแอลกอฮอล์ https://www.liquor.or.th/mobile/aic/detail/%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0 %B8%AD%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%8C- %E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3 ตัวอย่างโครงงานการท าปากกาไวท์บอร์ดจากธรรมชาติ http://61.19.194.200/is61/file/wb.docx สรรพคุณดอกอัญชัน https://www.sgethai.com/article/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%8 4%E0%B8%B8%E0%B8%93- %E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A %E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2/ สรรพคุณของดอกกระเจี๊ยบ https://pharmacy.su.ac.th/herbmed/herb/text/herb_detail.php?herbID=1 สรรพคุณของกาบมะพร้าว https://www.blockdit.com/posts/60350ae7a0e65a0d1ce0eec4 การท าปากกาไวท์บอร์ด https://penperfect.com/%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0 %B8%A7%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0 %B8%94- %E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2/