The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Phatcharawan Pongkun, 2022-06-11 02:29:53

การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ

การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ

เกบ็ แต้ม 2 คะแนนเต็ม 12 คะแนน

1. ศิรารัตน์ออกแบบเคร่ืองกงั หันลมได้อย่างเหมาะสม ก. ความรู้ ความจา
2. เจนระบุพฤตกิ รรมการกระทาผดิ กฎหมายได้ถูกต้อง ข. ความเข้าใจ
3. ไตรบอกช่ือครูประจาช้ัน 1/1 ได้ถูกต้อง ค. การประยกุ ต์ใช้
4. อญั มณแี ยกแยะลกั ษณะของส่ิงมีชีวติ ได้อย่างถูกต้อง ง. การวเิ คราะห์
5. ปริญญาสาธิตการประกอบพดั ลมได้หลงั จากศึกษา จ. การประเมินค่า
คู่มือ
6. สมัญญาเปรียบเทยี บชนิดของวคั ซีนได้อย่างถูกต้อง ช. การสร้างสรรค์

ทักษะพสิ ัย

• เป็ นการเน้นความสามารถในการปฏบิ ัตขิ องผู้เรียน มุ่งช่วยพฒั นาความสามารถผู้เรียนในด้านการปฏิบัติ การ
กระทาหรือการแสดงออกต่าง ๆ

• เป็ นจุดประสงค์ทเ่ี กย่ี วกบั ทกั ษะในการเคล่ือนไหว และใช้อวยั วะต่างๆของร่างกาย มลี าดบั การพฒั นาทักษะ
ดงั นี้

1. การเลียนแบบ เป็นการทาตามตวั อยา่ งที่ครูให้ หรือดูแบบจากของจริง
2. การทาตามคาบอก เป็นการทาตามคาสั่งของครูโดยไม่มีตวั อยา่ งใหเ้ ห็น
3. การทาอยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม เป็นการทาโดยนกั เรียนอาศยั ความรู้ท่ีเคยทามาก่อนแลว้ เพิ่มเติม ดดั แปลง
ตามที่เห็นสมควร
4. การทาไดถ้ ูกตอ้ งหลายรูปแบบ เป็นการทาในเรื่องท่ีคลา้ ยๆกนั และแยกรูปแบบไดถ้ ูกตอ้ ง
5. การทาไดอ้ ยา่ งเป็นธรรมชาติ เป็นการที่ทาเกิดจากความรู้ ความชานาญ และเสร็จไดใ้ นเวลารวดเร็ว

ตวั ชี้วดั ตัวอย่าง
แสดงได้ถูกลกั ษณะ วา่ ยน้า โยนลูกบอล วงิ่
ปฏิบตั ถิ ูกต้อง เล่ือย เจาะ ตอกตะปู ติดต้งั เครื่องมือ
แสดงได้คล่องแคล่ว เล่นเปี ยโน สีไวโอลิน เตน้ ราถูกจงั หวะ
ทางานได้รวดเร็วถูกต้องและสวยงาม พมิ พด์ ีด เขียนหนงั สือ
ทางานได้คล่องแคล่วและปลอดภยั ขบั รถ ทางานต่างๆ

ผลการเรียนรู้ด้าน ตวั อย่างการเขยี นจุดเชิง ตวั อย่างจุดประสงค์การเรียนรู้และจุด ประสงค์
เชิงพฤตกิ รรม
ทกั ษะพสิ ัย พฤตกิ รรม
จุดประสงค์การเรียนรู้
นกั ศึกษาสามารถ เพ่ือใหน้ กั ศึกษาสามารถประเมินพฒั นาการเดก็
1. สาธิตเกี่ยวกบั ...ได้ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
2. สาธิตการ...ที่ถูกวธิ ีกบั หุ่นได้
3. (กระทา)...อยา่ งถูกวธิ ี จุดเชิงพฤตกิ รรม นกั ศึกษาสามารถ
4. ปฏิบตั ิเก่ียวกบั ...ได้ 1. สาธิตการตรวจวดั และประเมินพฒั นาการเด็ก
5. ทดลองเกี่ยวกบั ...ได้ ในกรณีศึกษาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
6. แกป้ ัญหาเก่ียวกบั ...ได้

จติ พสิ ัย

เป็ นการเน้นความรู้สึก นึกคดิ ทดี่ ภี ายในใจต่อสิ่งใดสิ่งหน่ึงหรือคุณธรรม ในตวั ของผ้เู รียน พฒั นาให้ผู้เรียนเกดิ
ความรู้สึก เจตคติ ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรมทพี่ งึ ประสงค์
เป็ นจุดประสงค์ทเี่ กย่ี วข้องกบั ความรู้สึกทางจิตใจ ซึ่งรวมถงึ ความสนใจ อารมณ์ เจตคติ ค่านิยมและคุณธรรม
กระบวนการที่เกดิ ขนึ้ ภายในเหล่านีจ้ ะเกดิ ตามลาดบั ข้นั ดังต่อไปนี้
1.การรับ คือ การที่นกั เรียนไดร้ ับประสบการณ์จากสิ่งแวดลอ้ ม
2.การตอบสนอง คือ การมีปฏิกิริยา โตต้ อบกบั สิ่งแวดลอ้ มที่รับเขา้ มาดว้ ยความเตม็ ใจ
3.การเห็นคุณคา่ เป็นสิ่งที่เกิดข้ึนภายหลงั จากท่ีรับรู้สิ่งแวดลอ้ มและมีปฏิกิริยาโตต้ อบสังเกตไดจ้ ากพฤติกรรมที่
ยอมรับ
4.การจดั รวบรวม เป็นการคิดพจิ ารณา และรวบรวมค่านิยมใหเ้ ขา้ เป็นระบบคา่ นิยมหรือสร้างมโนทศั น์ของ
คา่ นิยม
5.การพจิ ารณาคุณลกั ษณะจากคา่ นิยม เป็นเร่ืองของความประพฤติ คุณสมบตั ิ และคุณลกั ษะของแต่ละบุคคลท่ี
เป็นผลของความรู้สึก ความคิดและการสร้างคา่ นิยม

ตัวชี้วดั ตวั อย่าง
การรับ
การตอบสนอง สอบถาม ทาตาม ให้ เลือกบรรยาย ช้ี บอกชื่อ ตอบ บอกตาแหน่งที่ต้งั
การเห็นคุณค่า ตอบ ช่วยเหลือ ทาตาม อภิปราย ปฏิบตั ิ เสนอ อ่าน รายงาน เลือก เขียน
ทาใหเ้ สร็จ อธิบาย ทาตาม ริเร่ิม ร่วมใหข้ อ้ เสนอ รายงาน มีส่วนร่วม
การจดั ระเบียบ ศึกษา
การสร้างคุณลกั ษณะ
จดั รวม เปรียบเทียบ ช้ี ผสมผสาน จดั ระเบียบ สมั พนั ธ์ สงั เคราะห์
ตอ้ งการ ต่อตา้ น จดั การ หลีกเล่ียง

ผลการเรียนรู้ด้าน ตวั อย่างการเขยี นจุดเชิงพฤตกิ รรม ตวั อย่างจุดประสงค์การเรียนรู้และจุด
ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
จติ พสิ ัย นกั ศึกษาสามารถ
1. บรรยายประโยชน์ของ...ได้ จุดประสงค์การเรียนรู้
2. บรรยายคุณค่าของ...ได้ เพอ่ื ใหน้ กั ศึกษาตระหนักถึง
3. บรรยายความสาคญั ของ...ได้ ความสาคญั ของ การประเมินและ
4. ปฏิบตั ิตนเก่ียวกบั ...ดว้ ยความเตม็ ใจ การส่งเสริมพฒั นาการเดก็ ตามวยั
5. ปฏิบตั ิตนเกี่ยวกบั ...ดว้ ยความ
รับผดิ ชอบ จุดเชิงพฤตกิ รรม นกั ศึกษา
6. มีความรับผดิ ชอบในการ... 1. สามารถบอกถงึ ความสาคญั ของ
การประเมิน และการส่งเสริม
พฒั นาการเดก็ ตามวยั ได้
2. มีความรับผดิ ชอบในการประเมนิ
และส่งเสริม พฒั นาการเดก็ ที่ไดร้ ับ
มอบหมาย

เกบ็ แต้ม 3 คะแนนเต็ม 15 คะแนน

1. ญาญ่าบรรยายคุณประโยชน์ของการรับประทานผกั ก. พทุ ธิพสิ ัย
ผลไม้ได้

2. ณเดชน์วง่ิ ได้อย่างคล่องแคล่ว ข. ทักษะพสิ ัย

3. สาธิตสาธิตการใช้ไม้คร่ึงวงกลมได้อย่างถูกต้อง ค. จติ พสิ ัย

4. พราวมุกจาแนกสัตว์เลยี้ งลูกด้วยนมได้ถูกต้อง

5. ภณตระหนักถึงความสาคญั ของการฉีดวคั ซีนป้องกนั

โควดิ 19

องค์ประกอบของจุดประสงค์การเรียนรู้เชิงพฤตกิ รรม

• องคป์ ระกอบของจุดประสงคก์ ารเรียนรู้เชิงพฤติกรรม จุดประสงคก์ าร
เรียนรู้เชิงพฤติกรรม ท่ีสมบูรณ์มี 3 องคป์ ระกอบ ดงั น้ี
• 1. พฤติกรรมท่ีคาดหวงั
• 2. สถานการณ์/เง่ือนไขท่ีทาให้เกดิ พฤติกรรม
• 3 เกณฑ์/ระดบั ความสามารถของพฤตกิ รรม
• ถ้าจาเป็ นเขยี นได้ไม่ครบ ส่วนทข่ี าดไม่ได้เลย คือ พฤตกิ รรมท่ี
คาดหวงั

1. กาหนดพฤติกรรมท่ีคาดหวงั วา่ ผเู้ รียนจะแสดงออกหลงั จาก
เกิดการเรียนรู้

- พทุ ธิพสิ ยั
- ทกั ษะพสิ ยั
- จิตพสิ ยั

2. กาหนดสถานการณ์หรือเง่ือนไข

สถานการณ์จะทาใหน้ กั เรียนเกิดพฤติกรรมท่ีคาดหวงั มี 3 ลกั ษณะ
1. สถานการณ์ทเ่ี ป็ นเนื้อหา เช่น อธิบายความสาคญั ของน้าได้ บอกคุณสมบตั ิของ
ก๊าซคลอรีนได้
2. สถานการณ์ทเ่ี ป็ นสิ่งเร้า ใชเ้ ป็นตวั เร้าให้ นกั เรียนเกิดพฤติกรรมต่างๆ เช่น เม่ือ
ให้ตวั อย่างสัตว์เลยี้ ง 10 ชนิด นกั เรียนสามารถบอกไดว้ า่ สตั วช์ นิดใดเป็นสตั ว์
เล้ียงลูกดว้ ยนม
3. สถานการณ์ที่เป็ นเง่ือนไข ใชเ้ ป็นเง่ือนไขของการกระทา หรือพฤติกรรมท่ี
ตอ้ งการแสดงออก ที่ระบุขอ้ หา้ ม และขอ้ ควรกระทา เช่น
-สามารถแบ่งคร่ึงเสน้ ตรงที่กาหนดใหไ้ ดโ้ ดยใชว้ งเวยี น
-สามารถอธิบายลกั ษณะของนกไดโ้ ดยไม่ตอ้ งเปิ ดหนงั สือ

3. กาหนดเกณฑ์
เกณฑ์เป็ นส่วนที่ระบุถึงความสามารถของพฤติกรรมท่ีแสดงออกใน
ข้นั ต่าสุดท่ีครูจะยอมรับไดว้ า่ นกั เรียนเกิดการเรียนรู้จริง
การกาหนดเกณฑข์ องพฤติกรรมที่คาดหวงั สามารถทาได้ 2 แบบดงั น้ี
1. กาหนดเกณฑ์เป็ นปริมาณ คือ การกาหนดจานวนที่ปฏิบตั ิไดถ้ ูกตอ้ ง
2. กาหนดเกณฑ์เป็ นความเร็ว คือ กาหนดเกณฑเ์ ป็ นระยะเวลาที่จะทา
กิจกรรมใดกิจกรรมหน่ึง





เกบ็ แต้ม 5 คะแนนเต็ม 30 คะแนน

• จงพจิ ารณาจุดประสงค์ต่อไปนี้ ว่าเป็ นจุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมทคี่ รบตาม
องค์ประกอบหรือไม่
1. เลือกอุปกรณ์ทางวทิ ยาศาสตร์ได้
2. บอกข้นั ตอนการประดิษฐเ์ คร่ืองแขวนดว้ ยเปลือกหอยไดถ้ ูกตอ้ ง
3. นกั เรียนเขา้ ใจการหาพ้ืนที่สามเหล่ียม
4. คานวณปริมาตรดินถมไดถ้ ูกตอ้ ง
5. เมื่อนาแผนมาใหน้ กั เรียนดู นกั เรียนสามารถบอกช่ือเครื่องหมายในแผนท่ี

ไดอ้ ยา่ งนอ้ ย 5 ช่ือ

เกบ็ แต้ม 5 คะแนนเต็ม 30 คะแนน

• จงพจิ ารณาจุดประสงค์ต่อไปนี้ ว่าเป็ นจุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมท่คี รบตาม
องค์ประกอบหรือไม่

6. สามารถแยกชื่อสตั วท์ ี่เล้ียงไวใ้ ชง้ านไดถ้ ูกตอ้ ง
7. บอกข้นั ตอนการเขียนสมการการสมดุล
8. อธิบายความหมายของการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติได้
9. เมื่อกาหนดโจทยเ์ ลขเศษส่วนให้ 10 ขอ้ นกั เรียนสามารถทาไดถ้ ูกตอ้ งอยา่ งนอ้ ย 8
ขอ้
10. นกั เรียนมีความรู้เกี่ยวกบั ทิศ 4 ทิศ

3. หลกั ฐานการเรียนรู้

• หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ของการจดั การเรียนรู้ สามารถตรวจสอบและใช้เป็ น
หลกั ฐานหน่ึงสาหรับการดาเนินการให้ความมน่ั ใจ ไดว้ ่ามาตรฐานผลการ
เรียนรู้ท่ีคาดหวงั มีการดาเนินการจดั การเรียนการสอนจนบรรลุผลสาเร็จ
เช่น รายงาน โครงงาน ชิ้นงาน ผลการสอบ การบา้ น

4. เนื้อหาวชิ าหรือสาระการเรียนรู้

•เน้ือหาวิชาหรือสาระการเรียนรู้ หมายถึง เน้ือหา (content) ท่ีครู
ตอ้ งการใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้มี 3 ประเภท ไดแ้ ก่

1) ขอ้ เทจ็ จริง ทฤษฎี หรือหลกั การ (พทุ ธิพสิ ยั )
2) การปฏิบตั ิ ทกั ษะ กระบวนการ การกระทา (ทกั ษะพิสยั )
3) เจตคติ ค่านิยม คุณธรรม (จิตพิสัย) เมื่อวิเคราะห์เน้ือหาว่าอยใู่ น
ประเภทใดแลว้ ครูสามารถมองไปถึงวิธีการสอนท่ีเหมาะสม

5. กจิ กรรมการเรียนรู้หรือกจิ กรรมการเรียนการสอน

• การกระทาของครูและผเู้ รียนที่เกิดข้ึนในช้นั เรียนตามข้นั ตอนการสอน ทาใหผ้ เู้ รียน
เกิดการเรียนรู้ สามารถแสดงพฤติกรรมไดต้ ามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ของบทเรียน

• การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนตอ้ งจดั ใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั สูตรซ่ึงในปัจจุบนั มุ่ง
ใหจ้ ดั โดย เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั พฒั นาผเู้ รียนท้งั ทางดา้ นร่างกาย อารมณ์ สังคม และ
สติปัญญา

• ครูผูส้ อนสามารถเลือกจดั กิจกรรมให้เหมาะสมตามข้นั ตอนต่างๆ ของการจดั การ
เรียนรู้เร่ิมต้งั แต่ข้นั เกริ่นนาข้นั ประสบการณ์ ข้นั สะทอ้ นความคิด ข้นั ทฤษฎี ข้นั
นาไปใช้ และข้นั สรุป โดยการสอนข้นั เกริ่นนามีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือเร้าความสนใจและ
เตรียม ความพร้อมแก่ผเู้ รียน

ผู้ทป่ี รับแก้จุดประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ทศิ 4 ทศิ

• Samanya Butrsri • Jiraporn Waisupee
• Tairat Chamnanna • Natthawan Sriphong
• สปุ ราณี สนธิพงษ์ • Nattawut Samakkeemit
• Lalitwadee Bunyaem
• Chanchira Yomchan • Yotsakorn Boonta
• Jennarong Pattanasarn • Mayjaree Yuwaphan
• ปรญิ ญา สทุ ธิวลิ ยั • Sirarat Chusiri
• Pheeranat Sangprajuk
• Chanutporn Panya • Phatcharawan Pongkan
• CHADA JE • Nichanun Ta-Rat
• Nataporn Chumni
• Orawee Karinrak

การให้เหตุผลแบบนริ นัย (Deductive Reasoning)

• การให้เหตุผลแบบนิรนัยเป็ นการนาความรู้พืน้ ฐานซึ่งอาจเป็ นความเช่ือ ข้อตกลง กฎ
หรือบทนิยาม ซึ่งเป็ นส่ิงท่ีรู้มาก่อน และยอมรับว่าเป็ นความจริงเพื่อหาเหตุผล
นาไปสู่ข้อสรุป เป็ นการอ้างเหตุผลที่มีข้อสรุปตามเนื้อหาสาระที่อยู่ภายในขอบเขต
ของข้ออ้างทกี่ าหนด

• หลกั เกณฑ์และวิธีการอา้ งเหตุผลแบบนิรนัย เรียกว่า ตรรกศาสตร์นิรนัย ซ่ึงสิ่งท่ี
สาคญั ในการให้เหตุผลแบบนิรนัย คือ ตรรกบท (Syllogism) ตรรกบทหน่ึง ๆจะ
ประกอบดว้ ยขอ้ ความ 3 ขอ้ ความ โดยท่ี 2 ขอ้ ความแรกเป็ นขอ้ ต้งั และอีกขอ้ ความ
หน่ึงเป็นขอ้ ยตุ ิ

• การสรุปผลจะถูกต้องกต็ ่อเม่ือเป็ นการสรุปได้อย่างสมเหตุสมผล



ตัวอย่างท่ี 1 1

pq

เหตุ 1.สัตว์เลยี้ งทุกตวั เป็นสัตว์ไม่ดุร้าย

p

2. แมวทุกตวั เป็นสัตว์เลยี้ ง

q

ผล แมวทุกตวั เป็นสัตว์ไม่ดุร้าย

ตวั อย่างที่ 2 pถา้ ฟ้าร้องแลว้ ตอ้ งqมีเมฆ
1.
เหตุ

-p 3
2. วนั น้ีที่ชลบุรีฟ้าไม่ร้อง

-q

ผล ชลบุรีไม่มีเมฆ

แบบฝึ กหัดการคดิ หา
เหตุผลแบบมเี งื่อนไข

ศึกษาบทความ

เกบ็ แต้ม 6 คะแนนเต็ม 10 คะแนน

1.การจดั การเรียนรู้แบบโครงงานเป็ นฐาน ก. มุ่งให้ผู้เรียนสร้างผลงาน สร้างผลผลติ

2.การจดั การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็ นฐาน ข. การสร้างความรู้สามารถเกดิ ขึน้ ได้ภายในตัวบุคคล ผู้เรียน
จะได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบตั ิในเร่ืองทต่ี นเองศึกษา

3.การเรียนแบบสืบสอบ ค. วธิ ีการสอนทม่ี ุ่งเน้นให้ผู้เรียนเลือกทาโครงงานตามความ

สนใจของผู้เรียนเองอย่างเป็ นข้นั ตอน

4.การเรียนแบบการวจิ ยั เป็ นฐาน ง. ผู้เรียนสร้างความรู้ใหม่จากการใช้ปัญหาทเี่ กดิ ขึน้ จริงใน
ชีวติ ประจาวนั

5. การเรียนรู้เชิงผลติ ภาพ จ. เน้นการเสาะแสวงหาความรู้ และค้นหาคาตอบด้วยตวั ผู้เรียน
เอง

6. สื่อการเรียนการสอน

สื่อการเรียนการสอนจาแนกไดเ้ ป็น 3 ประเภท คือ
ก. ส่ือท่ีเป็นเคร่ืองมือหรืออปุ กรณ์ ไดแ้ ก่ คอมพิวเตอร์ โปรแกรม ฯลฯ
ข. สื่อท่ีเป็นวสั ดุ ไดแ้ ก่ รูปภาพ แผนท่ี หุ่นจาลอง ใบงาน อปุ กรณ์
ชิ้นงาน ใบความรู้ฯลฯ
ค. สื่อท่ีเป็นเทคนิคหรือวธิ ีการสอนแบบ ต่าง ๆ เช่น เกม บทบาท
สมมติ กรณีตวั อยา่ งฯลฯ

ลกั ษณะสาคญั ของส่ือการเรียนการสอน

มีลกั ษณะสาคญั ดงั น้ี
1. กระตุน้ ความสนใจเกิดความรู้สึกอยากเรียน
2. เขา้ ใจหน่วยการเรียนไดง้ ่ายข้ึน จากนามธรรมเป็นรูปธรรมประหยดั เวลา
และเขา้ ใจตรงกนั
3. สามารถยอ่ ขยายส่ิงท่ีจะเรียนรู้แทนของจริงได้
4. จาไดน้ านกวา่ การฟังอยา่ งเดียว
5. มีส่วนสร้างเสริมความคิดสร้างสรรคข์ องผเู้ รียน

7. การวดั ผลประเมนิ ผล

•การวดั ผลประเมินผลตอ้ งเขียนเครื่องมือวดั ผลประเมินผล วิธีการ
วดั ผลประเมินผลไวใ้ ห้ชดั เจน เช่น โดยใช้ การสังเกต การซักถาม
การสมั ภาษณ์ การตรวจผลงาน (แบบฝึก แบบฝึ กหดั ใบงาน รายงาน)
การทดสอบ การประเมินผลตามสภาพท่ีแทจ้ ริงโดยใช้แฟ้มสะสม
ผลงาน/แฟ้มพฒั นางาน ( Portfolio) และอื่น ๆ ระบุเกณฑ์การวดั ผล
ประเมินผล ท้งั น้ีตอ้ งครอบคลุมจุดประสงคค์ รบถว้ น

สิ่งที่วดั (ตาม เคร่ืองมือทใ่ี ช้วดั วธิ ีการวดั เกณฑ์ที่ใช้วดั
จุดประสงค์การ

เรียนรู้)

ขอ้ สอบ การตรวจขอ้ สอบ

แบบสงั เกต การสงั เกต

แบบสัมภาษณ์ การสมั ภาษณ์

แบบประเมินพฤติกรรม การประเมินพฤตกรรม

แบบสอบถาม การใหค้ ่าคะแนน

แบบฝึกทกั ษะ การประเมินทกั ษะ

8. กจิ กรรมเสนอแนะ/งานทม่ี อบหมาย

•ใบมอบหมายงาน (เช่นมอบหมายให้ทาแบบฝึ กหัด มอบหมาย
ใหท้ ารายงาน มอบหมายใหส้ ืบคน้ ขอ้ มูลทาง IT)
•ควรเขียนกิจกรรมเสนอแนะ เพราะจะทาใหเ้ ห็นวา่ ยงั มีแนวทาง
เรี ยนรู้ได้อีกหลากหลาย งานท่ีมอบหมาย แล้วแต่ความ
เหมาะสมของแผนน้นั ๆ

9. บันทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้

•ผลการจดั การเรียนรู้ (ขอ้ ดี ขอ้ ดอ้ ย)
•ปัญหาและอปุ สรรค
•แนวทางแกไ้ ข
•ขอ้ เสนอแนะ (ถา้ มี)

นับแต้มกนั

*10 +25 -
- - 50 /5
*6 - -

ปฏบิ ัตกิ าร


Click to View FlipBook Version