42 0 - 10 คะแนน มีพัฒนาการด้านการพูดเป็นประโยค อยู่ในระดับ ควร ปรับปรุง 10.3 แบบวัดพัฒนาการด้านการพูดเป็นเรื่องราวจำนวน 10 ข้อ ข้อละ 3 คะแนน คะแนนเต็ม 30 คะแนน เกณฑ์ประเมินระดับพัฒนาการด้านการพูดเป็นเรื่องราว 21 - 30 คะแนน มีพัฒนาการด้านการพูดเป็นเรื่องราวอยู่ในระดับ ดี 11 - 20 คะแนน มีพัฒนาการด้านการพูดเป็นเรื่องราวอยู่ในระดับ ปานกลาง 0- 10 คะแนน มีพัฒนาการด้านการพูดเป็นเรื่องราวอยู่ในระดับ ควรปรับปรุง 10.4 แบบวัดรวมพัฒนาการด้านการพูดทุกด้าน คะแนนเต็ม 90 คะแนน เกณฑ์ ประเมินระดับรวมพัฒนาการด้านการพูดทุกด้าน 72 - 90 คะแนน มีพัฒนาการด้านการพูดเป็นเรื่องราวอยู่ในระดับดี 36 - 71 คะแนน มีพัฒนาการด้านการพูดเป็นเรื่องราวอยู่ในระดับปานกลาง 0 - 35 คะแนน มีพัฒนาการด้านการพูดเป็นเรื่องราวอยู่ในระดับควรปรับปรุง จากการสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือของแบบวัดความสามารถทางการพูดขั้นตอนแสดงในภาพที่ 3 ดังนี้ 2.2.1 ศึกษาเอกสาร ตำรา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแบบวัดความสามารถทางการพูด พูลสุข ส่งเสริม (2551) ณภัทรสร จรจรัญ (2551) วราภรณ์ รักวิจัย (2535) เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแบบ วัดความสามารถทางการพูด 2.2.2 สร้างแบบวัดความสามารถทางการพูด ประกอบไปด้วย ตอนที่ 1 แบบวัดความสามารถด้านการรู้ คำศัพท์จำนวน 10 ข้อ (ข้อละ 3 คะแนน) ตอนที่ 2 แบบวัดความสามารถด้านการพูดเป็นประโยค จำนวน 10 ข้อ (ข้อละ 3 คะแนน) และตอนที่ 3 แบบวัดความสามารถด้านการพูดเป็นเรื่องราวจำนวน 10 ข้อ (ข้อละ 3 คะแนน)
43 2.2.5 นำแบบวัดความสามารถทางการพูดที่ผ่านการปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ไปทดลองใช้(Try our) กับเด็กอนุบาลชั้นปีที่ 2 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างจำนวน 10 คน โดยผู้วิจัยทำการสังเกต และบันทึกการ สังเกตแบบวัดความสามารถทางการพูด เพื่อศึกษาความชัดเจน และหาคุณภาพของแบบวัด ความสามารถทางการพูด 2.2.6 นำแบบวัดความสามารถทางการพูดที่ผ่านการทดลองใช้ มาตรวจให้คะแนนตามกฎเกณฑ์การให้ คะแนน 2.2.7 วิเคราะห์รายข้อ เพื่อหาค่าอำนาจจำแนก (r) โดยหาค่าความสัมพันธ์รายข้อกับ คะแนนรวมข้ออื่นๆ ที่เหลือ คัดเลือกข้อสอบที่มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 20 ขึ้นไปได้จำนวน 35 ข้อ 2.2.8 นำแบบวัดที่คัดเลือกไว้ในข้อ 2.2.7 มาวิเคราะห์หาค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ 2.2.3 นำแบบวัดความสามารถทางการพูด และคู่มือดำเนินการวัดที่สร้างขึ้น เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญด้าน การศึกษาปฐมวัย เพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงตามข้อคำถาม และให้สอดคล้องทางพฤติกรรมจำนวน 3 ท่าน 2.2.4 หาค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแบบวัดความสามารถทางการพูด โดยนำแบบวัดความสามารถ ทางการพูดไปให้ผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน พิจารณาลงความเห็นและให้คะแนน
44 ภาพที่ 3 ขั้นตอนการสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือของแบบวัดความสามารถทางการพูด 4. การเก็บรวบรวมข้อมูล การทดลองครั้งนี้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 เป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที รวม 24 ครั้ง โดยมีลำดับขั้นตอนดังนี้ 1. สร้างความคุ้นเคยกับเด็กที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในห้องเรียน เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ 2. ทำการทดสอบเด็กกลุ่มตัวอย่าง ด้วยแบบวัดความสามารถทางการพูด เป็นการทดสอบก่อน การทดลอง (Pretest) 3. ดำเนินการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ดังตารางที่ 2 สัปดาห์ที่ วันที่ทำการทดลอง ชื่อเรื่อง สื่อที่ใช้ 1 จันทร์ อังคาร พุธ เจี๊ยบเห็นแก่ตัว หุ่นจากไม้ไอติม หุ่นจากถุงกระดาษ หุ่นจากแก้วน้ำพลาสติก 2 จันทร์ อังคาร พุธ เมืองของเล่น หุ่นจากถุงกระดาษ หุ่นจากแก้วน้ำพลาสติก หุ่นจากไม้ไอติม 3 จันทร์ อังคาร พุธ แตงโมยักษ์ หุ่นจากแก้วน้ำพลาสติก หุ่นจากไม้ไอติม หุ่นจากถุงกระดาษ 4 จันทร์ อังคาร พุธ สมชายรักพ่อแม่ หุ่นจากไม้ไอติม หุ่นจากถุงกระดาษ หุ่นจากแก้วน้ำพลาสติก 5 จันทร์ อังคาร นาราชอบไปโรงเรียน หุ่นจากถุงกระดาษ หุ่นจากแก้วน้ำพลาสติก 2.2.9 จัดทำเป็นแบบวัดความสามารถทางการพูดฉบับสมบูรณ์ และจัดทำคู่มือแบบวัด ความสามารถ 2.2.10 จัดทำเกณฑ์การประเมินผล
45 พุธ หุ่นจากไม้ไอติม 6 จันทร์ อังคาร พุธ ลูกหมูสามตัว หุ่นจากแก้วน้ำพลาสติก หุ่นจากไม้ไอติม หุ่นจากถุงกระดาษ 7 จันทร์ อังคาร พุธ กุ๋งกิ๋งรักน้อง หุ่นจากไม้ไอติม หุ่นจากถุงกระดาษ หุ่นจากแก้วน้ำพลาสติก 8 จันทร์ อังคาร พุธ หญิงชราผู้ใจดี หุ่นจากถุงกระดาษ หุ่นจากแก้วน้ำพลาสติก หุ่นจากไม้ไอติม ตารางที่ 2 การจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น 4. เมื่อครบ 8 สัปดาห์แล้วทำการทดสอบการพูดหลังการทดลอง (Posttest) ด้วย แบบวัดความสามารถทางการพูด ฉบับเดียวกันกับที่ใช้ทดสอบก่อนการทดลอง 5. นำข้อมูลที่ได้จากการทดสอบในข้อ 1 และ 4 มาวิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติ 5. การวิเคราะห์ข้อมูล หลังจากการทดลองเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ได้สิ้นสุดและเด็กได้รับการทดสอบหลังการทดลอง (Posttest) และผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้จากการทดลองไปวิเคราะห์ด้วยสถิติดังนี้ 6. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1.สถิติพื้นฐาน ได้แก่ 1.1 คะแนนเฉลี่ยใช้สูตร X แทน เป็นค่าเฉลี่ยคะแนน ∑X แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด N แทน จำนวนนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง 1.2 ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน n X X =
46 S แทน ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ∑ײ แทน ผลรวมของกำลังสองของคะแนนนักเรียนต่ละคนใน กลุ่มตัวอย่าง (∑X )² แทน กําลังสองของผลรวมของคะแนนนักเรียนแต่ละคน ในกลุ่มตัวอย่าง N แทน จำนวนนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง 2. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์คุณภาพของเครื่องมือ 1.1 หาค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแบบวัดความสามารถทางการพูด เรียกว่าดัชนี ความสอดคล้อง (IOC : Index of Item Objective Congruence) เป็นความสอดคล้องระหว่าง ข้อสอบกับจุดประสงค์ มีสูตรในการคำนวณ ดังนี้ (บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์. 2526 : 89) เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับจุดประสงค์ R แทน ผลรวมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทุกคน N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด 1.2 หาค่าอำนาจจำแนกของแบบวัดรายข้อ โดยใช้การวิเคราะห์สหสัมพันธ์รายข้อกับ คะแนนข้ออื่นๆ ที่เหลือจากสูตร (บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์. 2526: 258) ดังนี้ เมื่อ r item-total แทน ค่าอำนาจจำแนกรายข้อ n(n 1) n X -( X) S 2 2 − =
47 I แทน คะแนนรายข้อ t แทน คะแนนรวมของข้ออื่นๆ ที่เหลือ 1.3 หาค่าความเชื่อมั่นของแบบวัดความสามารถทางการพูด โดยใช้สูตรสัมประสิทธ์ แอลฟาของครอนบัค (บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์. 2526: 291) ดังนี้ เมื่อ rtt แทน ความเชื่อมั่นของแบบวัด k แทน จำนวนข้อของแบบวัดทั้งหมด sI แทน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของแบบวัดรายข้อ st 2 แทน คะแนนความแปรปรวนของแบบวัดทั้งฉบับ 3. สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยจากแบบวัดความสามารถทางการพูด ก่อน และหลังการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่นโดยใช้สถิติ t - test แบบ Dependent Sample (บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์. 2526: 99) โดยใช้สูตร เมื่อ t แทน ค่าสถิติที่ใช้ใน t _ distribition D แทน ค่าความแตกต่างของคะแนน N แทน จำนวนคู่ของคะแนน D แทน ค่าเฉลี่ยของคะแนนความแตกต่าง S แทน ค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของคะแนนดวามแตกต่าง
48 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัด กิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น เพื่อให้การเสนอเป็นไปตามลำดับขั้นตอน ผู้วิจัยจึงได้กำหนด สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและแปลผลความหมายการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้กำหนดสัญลักษณ์ ต่าง ๆ ที่ใช้แทนความหมายดังนี้ N แทน จำนวนนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง X แทน คะแนนเฉลี่ย S.D. แทน ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนน t แทน ค่าสถิติที่ใช้ในการพิจารณา t – distribution การวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ ตอนที่ 1 ผลการเปรียบเทียบความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัด กิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น ทั้ง 3 ด้าน ตอนที่ 2 ผลการเปรียบเทียบความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัยระหว่างก่อนและหลัง การจัดกิจกรรมที่ได้รับโดยใช้กิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่ 1 การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ ตอนที่ 1 ผลการเปรียบทียบความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการจัด กิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น ผู้วิจัยได้นำคะแนนความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการจัดกิจกรรม การเล่านิทานประกอบหุ่น มาหาค่าสถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนน ปรากฏดังตารางที่ 3
49 จากตารางที่ 3 พบว่า คะแนนความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัยก่อนได้รับการจัด กิจกรรมการเล่านิทานพื้นบ้าน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 27.90 และหลังได้รับกิจกรรมการเล่านิทานพื้นบ้าน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 76.50 ตามลำดับ ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบความสามารถทางการพูด ตอนที่ 2 ผลการเปรียบเทียบคะแนนความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัยก่อนและหลัง การจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น ผู้วิจัยได้นำคะแนนความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัยระหว่างก่อนและหลังได้รับการ จัดกิจกรรมการเล่านิทานพื้นบ้าน มาหาค่าสถิติพื้นฐานและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน มาเปรียบเทียบ กันโดยใช้สถิติ (t-test for Dependent Sample) ปรากฏดังตารางที่ 4 ตารางที่ 4 การเปรียบเทียบคะแนนความสามารถทางการพูดก่อนและหลังการจัดกิจกรรมเล่านิทาน ประกอบหุ่น ระยะการจัดกิจกรรม N X S.D. ก่อนการจัดกิจกรรม 10 27.90 3.75 หลังจัดกิจกรรม 10 76.50 8.24 ผู้เรียน คะแนนก่อนเรียน คะแนนหลังเรียน คนที่ 1 24 68 คนที่ 2 25 70 คนที่ 3 25 70 คนที่ 4 25 71 คนที่ 5 25 74 คนที่ 6 27 69 คนที่ 7 30 82 คนที่8 31 87 คนที่ 9 33 87 คนที่ 10 34 87 ค่าเฉลี่ย (X) 27.90 76.50 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 3.75 8.24
50 ผลการวิเคราะห์ตามตาราง 4 เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่านิทานพื้นบ้าน มีคะแนนความสามารถด้านการพูดหลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรม ก่อนการจัด กิจกรรมมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 27.90 และหลังการจัดกิจกรรมมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 76.50 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานก่อนการจัดกิจกรรมเท่ากับ 3.75 และหลังการจัดกิจกรรมเท่ากับ 8.24 อย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
51 บทที่ 5 สรุปผล อภิปราย และข้อเสนอแนะ การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Design) ที่ใช้กลุ่ม ตัวอย่างกลุ่มเดียว ศึกษาเกี่ยวกับความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่า นิทานประกอบหุ่น ซึ่งมีลำดับขั้นตอนของการวิจัยและสรุป ดังนี้ วัตถุประสงค์ของการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาระดับความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการจัดกิจกรรม เล่านิทานประกอบหุ่น 2. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการจัดกิจกรรม เล่านิทานประกอบหุ่น สมมุติฐานในการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้กำหนดสมมติฐานการวิจัย ดังนี้ เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น มีความสามารถทางการพูด สูงขึ้นกว่าก่อนการจัดกิจกรรม วิธีดำเนินการวิจัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชาย – หญิง อายุระหว่าง 4 – 5 ปี ที่กำลัง ศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 72 เทศบาล 8 อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชาย – หญิง อายุระหว่าง 5 – 6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 72 เทศบาล 8 อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานีจำนวน 10 คน จากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
52 ตัวแปรที่ศึกษา 1. ตัวแปรอิสระ ได้แก่ การจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น 2. ตัวแปรตาม ได้แก่ ความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น 2. แบบวัดความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัย การเก็บรวบรวมข้อมูล การทดลองครั้งนี้ ดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ดังนี้ 1. ทำการทดสอบกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ก่อนดำเนินการทดลอง (Pre-test) โดยใช้แบบวัด ความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น แล้วตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์ที่กำหนด 2. ดำเนินการทดลองโดยใช้แผนการสอน โดยกลุ่มตัวอย่างจะได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทาน ประกอบหุ่น ในช่วงกิจกรรมก่อนกลับบ้าน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ๆ ละ 3 วันๆ ละ 30 - 45 นาที ระหว่างเวลา 10:00 น..ถึง 10:30 น. ในวันจันทร์ อังคาร และพุธ รวมทั้งสิ้น 24 ครั้ง 3. หลังเสร็จสิ้นการทดลอง ผู้วิจัยดำเนินการทดสอบหลังการทดลอง (Post-test) กับกลุ่ม ตัวอย่าง โดยใช้แบบวัดความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัย ฉบับเดียวกันกับแบบวัดที่ใช้ก่อน การทดลอง แล้วตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์ที่กำหนด 4. นำคะแนนที่ได้จากการวัดความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัย มาทำการวิเคราะห์ ข้อมูล วิธีดำเนินการทดลอง ได้ดำเนินการทดลองในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ทำการทดลองเป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน จันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา 10:00 น..ถึง 10:30 น. นาทีวันละ 40 นาทีรวม 24 ครั้ง ไปจน ครบ จากนั้นจึงนำข้อมูลที่ได้จากการวัดความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัย ไปทำการวิเคราะห์ ข้อมูลทางสถิติ 1. นำคะแนนที่ได้จากการวัดความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการ ทดลอง มาหาค่าสถิติพื้นฐาน โดยหาค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
53 2. เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัยก่อน และ หลังการทดลอง โดยใช้วิธีการทางสถิติt - test for Dependent Sample สรุปผลการวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายสำคัญ เพื่อศึกษาความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัยที่ได้รับ การจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น ผลการศึกษาพบว่า เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่า นิทานประกอบหุ่น มีความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัยหลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัด กิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 อภิปรายผล การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาระดับความสามารถทางการพูดและเปรียบเทียบ ความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น ซึ่ง สามารถอภิปรายผลการวิจัยได้ดังนี้ เด็กปฐมวัยหลังได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น มี ความสามารถทางการพูดโดยรวมสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่ว่าเด็กปฐมวัยหลังได้รับการจัด กิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น มีความสามารถด้านการพูดสูงขึ้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่ากิจกรรมเล่า นิทานประกอบหุ่น เป็นกิจกรรมที่ฝึกให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริงโดยมีการพูดเลียนแบบบทสนทนาของ ตัวละครตามเนื้อเรื่องและมีการสอดแทรกคำถามจากครู เพื่อให้เด็กได้คิดและตอบคำถามตาม ความรู้สึกของตนเอง นอกจากนั้นการที่ผู้วิจัยนำหุ่นหลายรูปแบบมาใช้เป็นสื่อประกอบ การเล่านิทาน ยังช่วยให้เด็กเกิดความสนใจ และสนุกสนานกับการฟังนิทานมากยิ่งขึ้น เมื่อพิจารณาความสามารถ ทางการพูดเป็นรายด้าน สามารถอภิปรายผลได้ ดังนี้ 1. ความสามารถด้านการรู้คำศัพท์เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทาน ประกอบ หุ่น มีความสามารถด้านการรู้คำศัพท์สูงขึ้นที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า ก่อนการจัดกิจกรรมเด็กส่วนใหญ่ไม่ ค่อยรู้จักคำศัพท์ใหม่ ๆ คำบางคำเด็กยังไม่เคยได้ยิน จึงเชื่อมโยงภาพที่เห็นกับประสบการณ์เดิม แล้ว ตอบตามความเข้าใจของตนเองมีถูกบ้าง ส่วนเด็กที่ตอบถูกหมดทั้งหมดนั้นมีจำนวนน้อย แต่เมื่อผู้วิจัย ได้ทำการทดลอง นำหุ่นมาใช้ประกอบการเล่านิทาน พบว่า เด็กให้ความสนใจ และมีความ กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้คำศัพท์มากขึ้น มีความมั่นใจ ในการตอบคำถามมากขึ้น สามารถจดจำ คำศัพท์ใหม่ ๆ และนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง จึงส่งผลให้หลังการจัด กิจกรรมมีค่าเฉลี่ยด้านการรู้ คำศัพท์เพิ่มขึ้น 2. ความสามารถด้านการพูดเป็นประโยค เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทาน ประกอบหุ่น มีความสามารถด้านการพูดเป็นประโยคสูงขึ้นที่เป็นเช่นนี้ เพราะขณะจัดกิจกรรมเล่า นิทานประกอบหุ่น เด็กได้พูดบทสนทนาของตัวละครตามครูทำให้เด็กสามารถจับใจความและพูดเป็น
54 ประโยคได้นอกจากนี้เด็กยังมีความกระตือรือร้นที่จะตอบคำถามของครูหากเด็กคนใดตอบสั้นๆ ยังไม่ ชัดเจน ครูก็จะช่วยแก้ไขให้ถูกต้อง จึงส่งผลให้หลังการจัดกิจกรรมมีค่าเฉลี่ยด้านการพูดเป็นประโยค เพิ่มขึ้น 3. ความสามารถด้านการพูดเป็นเรื่องราว เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทาน ประกอบหุ่น มีความสามารถด้านการพูดเป็นเรื่องราวสูงขึ้นที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าก่อนการจัดกิจกรรม เด็กมีความเขินอายไม่ค่อยกล้าพูด กลัวตอบผิดหรือตอบเป็น เพียงประโยคสั้น ๆ ไม่สามารถลำดับ เหตุการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเด็กได้รับการกระตุ้นจากครู ด้วยการป้อนคำถาม ได้รับกำลังใจจาก เพื่อนในการช่วยกันคิดแก้ไขปัญหาตามเนื้อเรื่องของนิทานที่ได้ฟังจึงส่งผลให้หลังการจัดกิจกรรมเด็กมี ความสามารถด้านการพูดเป็นเรื่องราวสูงขึ้นมาก เพราะขณะจัดกิจกรรม เด็กได้พูดบทบาทของตัว ละครตามเนื้อเรื่องที่ครูเล่าได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน เด็กจึงมีความมั่นใจในการตอบคำถาม มากขึ้น และเรียงลำดับเหตุการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การที่ผู้วิจัยเล่านิทานไม่จบเรื่อง ยังเป็น การส่งเสริมให้เด็กได้จินตนาการเรื่องราวต่อไป และเป็นการกระตุ้นให้เด็กรู้จักคิดและพูดออกมาเป็น เรื่องราวได้เอง หลังเล่านิทานจบ แต่ละกลุ่มจะส่งตัวแทนออกมาพูดสรุปเรื่องราวให้เพื่อน ๆ ในห้อง ฟัง โดยมีครูช่วยเสริม และให้การสนับสนุน จึงส่งผลให้หลังการทดลองเด็กมีความสามารถด้านการพูด เป็นเรื่องราวสูงขึ้น และในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยยังใช้วิธีการเล่านิทานไม่จบเรื่อง เพื่อส่งเสริมให้เด็กเกิด จินตนาการว่าตอนต่อไปของนิทานจะเป็นอย่างไร และเป็นการกระตุ้นให้เด็กรู้จักคิดและพูดออกมา เป็นเรื่องราว ดังนั้นเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น จึงมีความสามารถทาง การพูดสูงขึ้น เพราะกิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่นเป็นกิจกรรมที่เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง โดยมี การพูดเลียนแบบบทสนทนาของตัวละครตามเนื้อเรื่อง ซึ่งจะส่งผลให้เด็กมีความสามารถทางการพูด สูงขึ้น ดังนั้นหลังการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น ความสามารถทางการพูดของเด็กจึงสูงขึ้นด้วย เช่นกัน ซึ่งความสามารถทางการพูดดังที่กล่าวมานี้ สอดคล้องกับสมมุติฐานที่ว่าเด็กปฐมวัยหลังได้รับ การจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่นมีความสามารถทางการพูดสูงขึ้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่ากิจกรรม เล่านิทานประกอบหุ่น เป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยได้ฝึกความสามารถทางการพูด ทั้ง ทางด้านกรรู้คำศัพท์ใหม่ๆ จากในนิทานการพูดเป็นประโยค และการพูดเป็นเรื่องราวเลียนแบบตัว ละครในเรื่อง โดยใช้หุ่นเป็นตัวละครประกอบการเล่าเรื่อง เพื่อกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจและอยาก พูด หลังเสร็จกิจกรรมในแต่ละครั้งจะมีการพูดคุย ซักถามเกี่ยวกับนิทานเรื่องที่เด็กๆ ได้ฟังและมีส่วน ร่วมในการเล่า มีการเท้าความ ถึงบทบาทของตัวละคร มีตัวละครทั้งที่เด็กรู้จักหรือเคยพบเห็น และที่ เด็กบางคนไม่รู้จัก เด็กก็จะได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ ไปในตัวด้วย เช่น เด็กบางคนไม่รู้แมงปอ ไม่รู้จัก แมลงวัน เมื่อเห็นภาพเด็กก็จะพูดโดยรวมว่าเป็นแมลงแต่บอกชนิดไม่ได้ หรือบางคนรู้จักลิง แต่ไม่รู้จัก แมงปอ พอเห็นภาพแมงปอเด็กก็จะบอกว่า "ผีเสื้อ" เป็นตัน นอกจากนี้การเปิดโอกาสให้เด็กได้พูด
55 และแสดงท่าทางประกอบตามจินตนาการของตนเอง โดยครูจะตั้งคำถามและสมมติว่าถ้าเด็กเป็นตัว ละครตัวนี้ เด็กจะทำอย่างไร จะพูดอะไรก็มีส่วนช่วยให้เด็กเกิดความมั่นใจ กล้าพูด กล้าแสดงออกมาก ขึ้นด้วย ทั้งยังช่วยเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด และ อารมณ์จากการเล่านิทาน ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ เด็กจึงได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ หลายด้าน ข้อสังเกตที่ได้จากการวิจัย 1. การวิจัยในครั้งนี้ช่วยส่งเสริมความสามารถด้านการพูด ให้เด็กได้ใช้ความคิดอย่างอิสระ รู้จักการแบ่งปันและรอคอย ในการใช้สื่ออุปกรณ์ร่วมกัน 2. ในระยะแรกของการจัดกิจกรรม เด็กจะยังไม่กล้าออกมาพูด หรือแสดงความคิดเห็น เพราะเด็กยังไม่คุ้นชินกับการออกมาพูดหน้าชั้น แต่เมื่อได้รับการกระตุ้นจากครูและได้รับกำลังใจจาก เพื่อน ๆ เด็กก็มีความมั่นใจในตนเอง และกล้าที่จะออกมาพูดหน้าชั้นมากขึ้น ข้อเสนอแนะ จากการศึกษาความสามารถทางการพูดของนักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 72 เทศบาล 8 โดยใช้กิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1.ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้ การวิจัยครั้งนี้เปิดโอกาสให้เด็กเป็นศูนย์กลางในการพูดตามจินตนาการของตนเอง ซึ่งช่วยฝึก ให้เด็กกล้าแสดงออก มีความมั่นใจในตนเอง และมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในขณะทำกิจกรรม ซึ่งใน ระหว่างทำกิจกรรมครูควรปฏิบัติ ดังนี้ 1. ให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการเล่าเรื่อง และกำหนดบทบาทของตัวละครเองว่าถ้าเด็กเป็นตัว ละครตัวนี้เขาจะทำอย่างไร เพื่อที่เด็กจะได้เกิดความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม 2. ในการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่นควรมีการจัดเตรียมสื่ออุปกรณ์ให้พร้อมและ เพียงพอกับจำนวนนักเรียน 3. เมื่อเด็กออกมาเล่านิทานหรือแสดงความคิดเห็น ครูและเพื่อนๆ ควรให้การสนับสนุน และ ชื่นชมเด็ก เพื่อที่เด็กจะได้เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง 2.ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป 1. ควรมีการศึกษาความสามารถทางการพูด การฟัง การอ่านและการเขียนไปพร้อมๆ กัน โดยใช้หุ่นเป็นสื่อประกอบการเล่าเรื่อง ที่มีรูปแบบและสีสันน่าสนใจมาเป็นตัวเร้าให้เด็กกล้าพูด กล้า แสดงออก
56 2. ควรมีการศึกษาและวิจัยการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่นสำหรับเด็กปฐมวัย ที่มีต่อ ตัวแปรตามอื่นๆ เช่น การแบ่งปัน ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความเชื่อมั่นในตนเอง การรอคอย ความมี ระเบียบวินัย ความเข้าใจตนเองและผู้อื่น เป็นต้น
57 รายการอ้างอิง กรมวิชาการ. (2540). คู่มือหลักสูตรก่อนประถมศึกษาพุทธศักราช 2540 (อายุ 3 - 5 ปี). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าวกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2535). ความคิดสร้างสรรค์ หลักการทฤษฎีการเรียนการสอนการประเมินผล. กรุงเทพฯ: กุลยา ตันติผลาชีวะ. (2541, เมษายน). การเล่านิทาน. วารลารการศึกษาปฐมวัย. 2(2): 10- 19. เกริก ยุ้นพันธ์. (2539). การเล่านิทาน. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สุวีริยาลาส์น จินตนา หมู่ผึ้ง. (ม.ป.ป ) นิทานสำหรับเด็ก. กรุงเทพฯ: ต้นอ้อ แกรมมี. จุฑา สุกใส. (2545) ผลการจัดกิจกรรมท่องคำคล้องของแบบมีความหมายที่มีต่อพัฒนาการพูดของ เด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ. ถ่ายเอกสาร. จุฬารัตน์ อินนุพัฒน์. (2543). พัฒนาการทางการพูดของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประบการณ์ การเล่นมุมบล็อก. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร ณภัทรสร จรจรัญ. (2551). ความสามารถด้านการฟังและการพูดของเด็กปฐมวัยที่ใช้คำคล้องจอง ประกอบภาพ. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร ทัศนีย์ อินทรบำรุง. (2539 ). วินัยในตนเองของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่านิทาน ก่อนกลับบ้าน. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. ถ่ายเอกสาร นงเยาว์ คลิกคลาย. (2543) ความสามารถด้านการฟังและพูดของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรม เสริมประสบการณ์โดยใช้เพลงประกอบ. กรุงเทพฯ: ปริญญานิพนธ์ กค.ม. (การศึกษา ปฐมวัย) บัณฑิตวิทยายมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร. นภาภรณ์ อันทะผลา. (2547). ผลของกิจกรรมเล่านิทานที่มีต่อทักษะการพูดนักเรียนชั้นอนุบาลศึกษา ปีที่ 2 โรงเรียนอนุบาลรัชนีบูลเขตวังทองหลางกรุงเทพมหานคร. ปริญญานิพนธ์ กต.ม. (จิตวิทยาการศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.ถ่ายเอกสาร. บุปผา เรืองรอง. (2551). เทคนิคการเล่านิทาน. สถาบันราชภัฎนครตรีธรรมราช. ลืบคันเมือ 17 สิงหาคม 2553, จากhttp://www.guru.google.co.thguru/thread =0764bcd5d668881a. พัชรี วาศวิท. (2537, มกราคม - เมษายน). นิทานกับเด็ก. วารสารคหเศรษฐศาลตร์. 37(1): 59-65. พัชรี สวนแก้ว. (2545), การแนะแนวผู้ปกครองเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ: ภาควิชาโรงเรียนสาธิต
58 คณะครุตาสตร์ สถาบันราชภัฎสวนดุสิต. ศูนย์การพิมพ์ดวงกมล พูดสุข สุขเสริม. (2551 ). ผลของการจัดการเรียนรู้แบบเด็กนักวิจัยที่มีต่อความสามารถทางการพูด ของเด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ. ถ่ายเอกสาร มหาวิทยาลัยพายัพ. (2551). เทคนิคการเล่านิทาน สิบคันเมื่อ 17 สิงหาคม 2553, จาก http://www.courseware.payap.ac.thidocu/th402/2%20information/b6p1.html มานิตา โทชวลิต. (2549). "นิทาน" มหัศจรรย์แห่งการเรียนรู้ของเด็ก. มูลนิธิเด็ก. ลืบดันเมือ 17 สิงหาคม 2553, จาก htp:/lchildthai.org/learningroom/e l03/talereport 01.html ลัดตา นีละมณี. (2522). หน่วยที่ 7 ลือการเล่าเรื่องและนิทนสำหรับเด็กปฐมวัย. ใน เอกตารการสอน ชุดวิชาสื่อการสอนระดับปฐมวัย เล่ม 1. กรุงเทพฯ: ม.ป.พ วรรณี ศิริสุนทร. (2532). เอกสารคำสอนวิชาปร 620 การเล่านิทาน. กรุงเทพย: ภาควิชา บรรณารักษศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน. วิเชียร เกษประทุม. (2548). นิทวนพื้นบ้าน. กรุงเทพฯ: พ.ศ.พัฒนาพิมพ์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(2548 ). ภาษาและความคิดเราคิดด้วยภาษา. กรุงเทพย: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สมใจ บุญอรพีภิญโญ. (2539). นิทานสำหรบคุณหนู. วารสารการศึกษา. กรุงเทพฯ: 20(1): 9 - 10. สมฤดี วังจินดา. (2540). ผลของการเล่านิทานประกอบหุ่นมือต่อการรับรู้ความเจ็บปวด พฤติกรรม ความเจ็บปวดจากการฉีตยา และทัศนคติต่อการฉีดยาในเด็กก่อนวัยเรียนอายุ 3 - 6 ปี. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (จิตวิทยาพัฒนาการ). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศรีนครินทร์วิโรฒ. ถ่ายเอกสาร สมศักดิ์ ปริปรุณะ. (2542). นิทาน ความสำคัญและประโยชน์. สถาบันราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง. 2 47 -64. สืบคันเมือ 17 สิงหาคม 2553, จาก Itp:/hww.archs bsruactyvpof fleslb meyun44.po สมาพร สามเตี้ย. (2545). พัฒนาการทางการพูดของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการ จัดกิจกรรมโดยการเล่นเกมทางภาษา. ปริญญานิพนธ์ กต.ม. (การศึกษาปฐมวัย), กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2540) ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการคิด กรุงเทพย: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สุภาวดี ศรีวรรธนะ. (2542). พัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัยและวิธีการส่งเสริม. นครสวรรค์ เจ.กรุ๊ป แอดเวอร์ไทซึ่งอินทนนท์การพิมพ์. อลิตา เพ็ชรรัตน์. (2539), การพัฒนาความสามารถในการจับใจความของเด็กวัยอนุบาลโดยการใช้ เทคนิคการเล่านิทานแบบเล่าเรื่องซ้ำ. วิทยานิพนธ์ ตต.ม. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์
59 มหาวิทยาลัย. ถ่ายเอกสาร. อุบล เวียงสมุทร. (2540). ความพร้อมทางภาษาของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการพูดเล่าเรื่อง ประกอบหุ่นมือโดยใช้ภาษากลางควบคู่กับภาษาถิ่นและเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประลบ การณ์เล่าเรื่องประกอบหุ่นมือโดยใช้ภาษากลาง. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร. Blood, R.W. (1996). What's in a Name ? The Role of Name Witing i Chidren Listeracy AcquisitionVirginia: University of Virginia. Bloom, L. (1978). Reading in Language Development. New York: John Wiley & Sons. Britsch, S. (1992). The Development of 'Story' Within the Culture of Preschool. Ann Arbor U.S.A.: UMI. Carroll, J.B. (1964). Language and Thought. New Jersey: Prentice-Hall. Christie, F. (1991). Teaching Writing in the Junior School : Establishing Some Directions Australian Journal of Reading. 14(2): 145 - 150 Cooper, P.J.; Collins, R.; & Saxby, M. (1992). The Power of Story. Melbourne: Dale, P.S. (1987)- Language Learning Early Encychopedia of Education 5. Davies, B. (1989). Frogs and Snails and Feminist Tales. Sydney: Allen & Unwin. Hilda, L.J. (2001). Eary Education Curriculum A Child Connection to the World. New York Division of Intemational Thomson. Holdaway, D. (1979). The Foundation of Literacy. New Hamchia: Heinemann. Holliday, M.A.K. (1977). Exploration Hal in the Function of Lounge. New York: El rdvier. Louise Phillips.(1999).The Role of Story Telling in Early Literacy Development. J.(2003). Earty Childhood Experience in Language Art. Canada: Thom Leaming. Seidel Debbie. (2002). Enhancing The Kindergarten Language Experience Using Storytelling. Props. Retrieved April 22, 2007, from http://www.fcps.edu/DeerParkES/Teacher Suvannathat, C. et al. (1985). Handbook of Asian Child Development and Chid Read Practices. Bangkok: Behavioral Science Research Insttute, Srinakharinwirot University Prasammit. MacMillan. Vokellen, V. Christic, J.J. & Enz, B. (2002). Helping Young Children Leam Language and Listeracy. Boston: Allyn and Bacom.
60 ภาคผนวก
61 ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจเครื่องมือ
62 รายช ื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจเคร ื่องม ื อ 1. นายชูกิจ ผลทิพย์ ผู้อ านวยการ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 72 (เทศบาล8) ส านักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี 2. นางสาวมัทนา ศรีสุข ช านาญการพิเศษ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 72 (เทศบาล8) ส านักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี 3. อาจารย์กัลยกร ภักดี อาจารย์ประจ าสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
63 ภาคผนวก ข - คู่มือการใช้แผนการจัดประสบการณ์การเล่านิทานประกอบหุ่น - แผนการจัดประสบการณ์การเล่านิทานประกอบหุ่น
64 คู่มือการใช้แผนการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น หลักการและเหตุผล พื้นฐานการเรียนรู้วิชาต่างๆ ต่อไปในอนาคต ความสามารถด้านการใช้ภาษาที่สำคัญอย่าง หนึ่งของการสั่งเสริมความสามารถด้านการใช้ภาษาอย่างถูกวิธีควรเริ่มตั้งแต่วัยอนุบาล เพราะจะเป็น เด็กปฐมวัย คือ ความสามารถทางการพูด โดยเด็กอาจเรียนรู้คำศัพท์ผ่านทางนิทาน เพราะนิทาน คือ โลกแห่งจินตนาการ และเป็นสะพานที่ใช้ถ่ายทอดความรัก ความอบอุ่นจากพ่อและแม่สู่เด็ก ตลอดจน เป็นตัวกระตุ้นเร้าความสนใจใฝ่หาความรู้ของเด็กได้เป็นอย่างดี กิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น เป็นกิจกรรมหนึ่งที่เปิดโอกาสให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการเล่านิทาน ได้แสดงความคิดเห็น เกิด จินตนาการผ่านหุ่นที่ใช้ประกอบการเล่าเรื่องโดยผู้เล่าสามารถนำเอาวัสดุเหลือใช้ใกล้ ๆ ตัว มา ดัดแปลงสร้างสรรค์เป็นตัวละครหุ่น หรือผู้เล่าจัดหาสื่อสำเร็จมาประกอบการเล่า เกิดเป็นการเล่า นิทานโดยใช้อุปกรณ์ประกอบซึ่งในที่นี้จะใช้หุ่นที่แตกต่างกันสามแบบเป็นสื่อประกอบการเล่า การเล่า นิทานโดยมีอุปกรณ์ประกอบจะมีทั้งน้ำเสียงของผู้เล่า ลีลา ท่าทางของผู้เล่าและหุ่นสามรูปแบบ เป็น สื่อประกอบการเล่าโดยครูมีบทบาทในการช่วยเตรียมสื่อ และจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการดำเนิน กิจกรรม โดยเน้นเด็กเป็นศูนย์กลางในการดำเนินกิจกรรม วัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมความสามารถทางการพูด ทั้งในด้านการรู้ดำศัพท์ การพูดเป็นประโยดและการ พูดเป็นเรื่องราว หลักการจัดกิจกรรม 1. จัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น ในช่วงกิจกรรมก่อนกลับบ้าน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์สัปดาห์ละ 3 วัน ได้แก่ วันจันทร์ วันอังคาร และวันพุธ วันละ 30 - 45 นาที 2. เลือกนิทานที่จะนำมาเล่า ให้มีลักษณะเหมาะสำหรับการส่งเสริมความสามารถทางการพูด ของเด็กปฐมวัยโดยแต่ละเรื่องจะมีเนื้อหาใกล้เคียงกับหน่วยการเรียนและเป็นเรื่องใกล้ตัวเด็กมีทั้งหมด 8 เรื่อง 3. ลักษณะของกิจกรรม เด็กจะมีส่วนร่วมในการฟังและเล่านิทานต่อจากครู โดยใช้สื่อที่ครู จัดเตรียมให้ประกอบการเล่า เพื่อช่วยดึงดูดความสนใจ และกระตุ้นให้เด็กอยากพูด ได้แสดงความ คิดเห็นตามจินตนาการของตนเอง
65 วิธีดำเนินกิจกรรม ประกอบไปด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ ขั้นตอนการเล่านิทานประกอบหุ่น ขั้นนำ (ประมาณ 3 - 5 นาที) ครูนำเด็กเข้าสู่กิจกรรมโดยเลือกกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง ดั่งนี้ การท่องดำคล้องจอง การใช้ปริศนาคำทาย และร้องเพลงเพื่อให้เด็กสงบและมีสมาธิเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่กิจกรรม ขั้นดำเนินกิจกรรม (ประมาณ 15 - 20 นาที) เด็กและครูร่วมกันสร้างหรือทบทวนข้อตกลงในการทำกิจกรรม ครูเล่านิทานไม่จบเรื่อง ประกอบหุ่น ได้แก่ หุ่นจากถ้วยกระดาษ หุ่นจากไม่ไอศกรีม และหุ่นจากถุงกระดาษในระหว่างที่เล่า ครูกระตุ้นให้เด็กใช้ภาษาพูด โดยเน้นให้เด็กพูดคำศัพท์จากเนื้อเรื่อง พูดเป็นประโยด และพูดเป็น เรื่องราวจากนั้นแบ่งกลุ่มเด็กออกเป็นกลุ่มละ 5 คน และให้เด็กในแต่ละกลุ่มดำเนินกิจกรรมในกลุ่ม ของตนเองโดยตกลงกันว่า ใดรจะเป็นตัวละครตัวไหน แล้วออกมาพูดบทสนทนาตามครูโดยใช้สื่อที่ครู แจกให้ประกอบการเล่า พูดคุยซักถามกันจนจบเรื่อง ขั้นสรุป (ประมาณ 10 นาที) แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาสรุปเรื่องราวที่ได้ฟัง โดยครูตั้งคำถามให้เด็กได้พูดคุย ซักถาม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ ในชั้นเรียน โดยเด็กในแต่ละกลุ่มจะสลับสับเปลี่ยน หมุนเวียนกันออกมาเป็นตัวแทนเล่าเรื่องในแต่ละวัน กลุ่มละคนจนครบ ครูสรุปกิจกรรม การประเมินผล 1. สังกตความสามารถทางการพูด 3 ด้าน คือ ด้านการรู้คำศัพท์ การพูดประโยด และ การพูดเรื่องราว สังเกตการตอบคำถาม การใช้คำถาม และความสนใจในการทำกิจกรรม 2. วัดความสามารถทางการพูด โดยใช้แบบวัดความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัย ที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น บทบาทครู ในการจัดประสบการณ์การเล่านิทานประกอบหุ่น ครูมีบทบาท ดังนี้ 1. ศึกษาแผนการจัดประสบการณ์การเล่านิทานประกอบหุ่น 2. จัดเตรียมสื่ออุปกรณ์ที่จะใช้ในการเล่านิทานให้เพียงพอต่อความต้องการของเด็ก และ คอยดูแลความเรียบร้อยในระหว่างทำกิจกรรม 3. ครูควรเปิดโอกาสให้เด็กปฏิบัติกิจกรรมอย่างอิสระ และคอยให้ความช่วยเหลือเมื่อเด็ก
66 ต้องการเท่านั้น 4. กระตุ้นให้เด็กใช้สื่ออุปกรณ์ที่ครูจัดเตรียมไว้ให้ 5. สังเกตพฤติกรรมให้เด็กได้ร่วมกิจกรรมทุกคน และให้ความสำคัญกับเด็กทุกคน เท่าเทียมกัน บทบาทเด็ก ครูควรอธิบายขั้นตอนการดำเนินกิจกรรมให้เด็กทราบ ดังต่อไปนี้ 1. ปฏิบัติตามข้อตกลงในการฟังนิทาน และร่วมกิจกรรมเล่านิทาน สนทนาและตอบคำถาม เกี่ยวกับเนื้อเรื่องในนิทาน 2. เด็กเข้าร่วมกิจกรรมเล่านิทานตามกลุ่มของตนเอง โดยใช้อุปกรณ์ที่ครูแจกให้ประกอบ การเล่าเด็กทุกคนมีโอกาสได้พูด ได้แสดงความคิดเห็นตามจินตนาการอย่างอิสระ 3. เมื่อใกล้หมดเวลา เด็กๆ ช่วยกันเก็บอุปกรณ์และสื่อประกอบการเล่านิทานต่างๆ เข้าที่ ให้เรียบร้อย
67 แผนการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น สัปดาห์ที่ 1 ครั้งที่ 1 นิทาน เรื่อง เจี๊ยบลูกลิงเห็นแก่ตัว จุดประสงค์ 1. เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีความสามารถทางการพูดในด้าน 1.1 การรู้คำศัพท์ 1.2 การพูดเป็นประโยค 1.3 การพูดเป็นเรื่องราว 2. เพื่อให้เด็กมีส่วนร่วมในนิทานเรื่องที่ครูเล่า โดยใช้หุ่นเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เด็กอยากพูด และแสดงความคิดเห็น ต่อเติมเนื้อเรื่องตามจินตนาการ 3. เพื่อส่งเสริมให้เด็กเกิดความมั่นใจในตนเอง และกล้าแสดงออก ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม ขั้นนำ ครูพูดคุยกับเด็กเกี่ยวกับเรื่องที่เด็กกำลังจะเรียน โดยดั้งคำถามปลายเปิด ให้เด็กตอบ คำตอบตามความคิดเห็นของเด็ก ขั้นดำเนินกิจกรรม 1. เด็กและครูร่วมกันสร้างหรือทบทวนข้อตกลงในการทำกิจกรรม 1.1 ครูเล่านิทานไม่จบเรื่องให้เด็กฟัง สาธิตการใช้อุปกรณ์ แล้วให้เด็กแบ่งกลุ่มไป ช่วยกันแต่งเรื่องต่อโดยใช้หุ่นที่ครูแจกให้ จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาเล่าที่หน้าชั้น 1.2 เมื่อเสร็จกิจกรรม เด็กๆ ช่วยกันเก็บสื่ออุปกรณ์ประกอบการเล่านิทาน เข้าที่ ให้เรียบร้อย 2. ครูเล่านิทานแบบไม่จบเรื่องให้เด็กฟัง ในระหว่างที่เล่าครูกระตุ้นให้เด็กใช้ภาษาพูด โดยเน้นการพูดคำศัพท์จากเนื้อเรื่อง พูดเป็นประโยค และพูดเป็นเรื่องราว จากนั้นให้เด็กแบ่งกลุ่ม ออกเป็น 3 กลุ่มๆ ละ 4 คน ดำเนินการเล่านิทานต่อจากครู ด้วยการใช้สื่อที่ครูจัดเตรียมให้ประกอบการเล่า โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดคุย ซักถามกันจนจบตอน
68 นิทาน เรื่อง เจี๊ยบลูกลิงเห็นแก่ตัว สื่อที่ใช้ประกอบการ เล่าเรื่อง ครูเริ่มเล่านิทาน ขณะที่ครูเล่า ครูหยิบตัวละครขึ้นมา โดยครูจะให้เด็กเป็นผู้พูด คำศัพท์จากภาพเหล่านั้น จากนั้นแจกอุปกรณ์ให้เด็กแต่ละกลุ่มไปตกลงในกลุ่ม ของตนเองว่าจะเป็นตัวละครใดแล้วส่งตัวแทนออกมาพูดบทสนทนาตามครู หุ่นจากถุงกระดาษ ตอนที่ 1 เจี๊ยบเป็นลูกแมวที่เห็นแก่ตัวมาก มันเก็บของเล่นทั้งหมดไว้เล่นเอง และยังไม่ชอบแบ่งปัน อาหารว่างให้เพื่อน ๆอีกด้วย เจี๊ยบมีลูกบอล อยู่ลูกหนึ่ง มันหวงมาก เพื่อนๆ เคยมาขอยืมลูกบอลเล่น "ไม่มีทาง ลูกบอลของฉันนะ"เจี๊ยบพูด เพื่อนของเจี๊ยบตัวหนึ่งมีที่เล่นซ่อนหา ซึ่งเป็นที่ลับเฉพาะ จึงว่า จะชวนเจี๊ยบไปเล่นซ่อนหาด้วยกัน หลังจากเล่นลูกบอลเสร็จแล้ว "ไม่ไปหรอก" เจี๊ยบพูดอีก มันไม่ ต้องการแบ่งของเล่นให้ใครทั้งนั้น พวกเพื่อน ๆ รู้สึกอ่อนใจที่จะขอยืมลูกบอลของเจี๊ยบมันจึงพากันไป หาเกมเล่นสนุก ๆ โดยไม่ชวนเจี๊ยบไปเล่นด้วย "เจี๊ยบเห็นแก่ตัวเกินไป" พวกเพื่อน ๆ พูดแล้วเดินหนี ปล่อยให้เจี๊ยบอยู่ลำพังเพียงตัวเดียว เจี๊ยบจึงต้องเล่นอยู่ตัวเดียว มันเตะลูกบอลขึ้นไปบนฟ้า พลางพูด ว่า"เล่นตัวเดียวก็สนุกดีออก จะเล่นยังไงก็ได้ เพราะเป็นลูกบอลของเราเอง" "วู้บ" ลูกบอลกระเด้งไปโดน เจ้ากา ตัวใหญ่สีดำ "เฮ้ ดูซิ เจ้าเล่นประสาอะไรกันน่ะ ขนฉัน ร่วงเลยนะ" เจ้ากาพูดด้วยความโกรธ เพราะลูกบอลทำให้ขนของมันร่วงหลุด เจี๊ยบตกใจกลัวมากจึงวิ่ง ไปหลบที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง มันหลบอยู่ที่นั่นสักครู่ ในตอนนี้เองมันคิดได้ว่า ถ้ามีเพื่อนมันก็จะสามารถเล่น ซ่อนหาไปด้วยได้ ว่าแต่จะทำอย่างไรดีนะ เด็ก ๆ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ขั้นสรุป เด็กและครูร่วมกันสรุปเนื้อหาของนิทานว่า มีใคร ทำอะไร ที่ไหน และผลที่เกิดขึ้นเป็น อย่างไร แล้วตั้งคำถามครูซักชวนให้เด็กๆ ติดตามฟังนิทานในวันถัดไป สื่อ / อุปกรณ์ หุ่นจากจานกระดาษ : ประกอบด้วย ลูกลิงน้อยเจี๊ยบ เพื่อนของเจี๊ยบ อาหารว่าง ลูกบอล และของเล่นอื่นๆ เจ้ากาดำ *หมายเหตุ: ผู้วิจัยกำหนดให้ "เจี๊ยบ" ตัวละครเอกของเรื่อง เป็นหุ่นจากจานกระดาษ ตลอด ทั้ง 3 ตอน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการสับสนของเด็ก การประเมินผล สังเกตจากความสามารถทางการพูดทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านการพูดคำศัพท์ การพูดประโยค และการพูดเป็นเรื่องราว สังเกตการตอบคำถาม การใช้คำถาม และความสนใจในการร่วมกิจกรรม
69 แผนการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น สัปดาห์ที่ 1 ครั้งที่ 2 นิทาน เรื่อง เจี๊ยบลูกลิงเห็นแก่ตัว จุดประสงค์ 1. เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีความสามารถทางการพูดในด้าน 1.1 การรู้คำศัพท์ 1.2 การพูดเป็นประโยค 1.3 การพูดเป็นเรื่องราว 2. เพื่อให้เด็กมีส่วนร่วมในนิทานเรื่องที่ครูเล่า โดยใช้หุ่นเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เด็กอยากพูด และแสดงความคิดเห็น ต่อเติมเนื้อเรื่องตามจินตนาการ 3. เพื่อส่งเสริมให้เด็กเกิดความมั่นใจในตนเอง และกล้าแสดงออก ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม ขั้นนำ ครูพูดคุยกับเด็กเกี่ยวกับนิทาน โดยเท้าความจากตอนที่แล้วมา ตั้งคำถามทบทวนตาม เนื้อเรื่อง ให้เด็กตอบคำถามตามความคิดเห็นของเด็ก ขั้นดำเนินกิจกรรม 1. เด็กและครูร่วมกันสร้างหรือทบทวนข้อตกลงในการทำกิจกรรม 1.1 ครูเล่านิทานไม่จบเรื่องให้เด็กฟัง สาธิตการใช้อุปกรณ์ แล้วให้เด็กแบ่งกลุ่มไป ช่วยกันแต่งเรื่องต่อโดยใช้สื่อประกอบการเล่าเรื่องที่ครูแจกให้ จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมา เล่าที่หน้าชั้น 1.2 เมื่อเสร็จกิจกรรม เด็กๆ ช่วยกันเก็บสื่ออุปกรณ์ประกอบการเล่านิทาน เข้าที่ให้ เรียบร้อย 2. ครูเล่านิทานแบบไม่จบเรื่องให้เด็กฟังต่อจากเมื่อวาน ในระหว่างที่เล่าครูกระตุ้นให้ เด็กใช้ภาษาพูด โดยเน้นการพูดคำศัพท์จากเนื้อเรื่อง พูดเป็นประโยค และพูดเป็นเรื่องราว จากนั้น ให้เด็กแบ่งกลุ่ม ออกเป็นกลุ่มละ 4 คน ดำเนินการเล่านิทานต่อจากครู ด้วยการใช้สื่อเป็นหุ่นจากไม้ ไอศครีมที่ครูจัดเตรียมให้ประกอบการเล่าเรื่อง โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดคุย ซักถามกันจนจบตอน
70 นิทาน เรื่อง เจี๊ยบลูกลิงเห็นแก่ตัว สื่อที่ใช้ ประกอบการเล่า เรื่อง ครูเริ่มเล่านิทาน ขณะที่ครูเล่า ครูหยิบตัวละครขึ้นมา โดยครูจะให้เด็กเป็นผู้พูด คำศัพท์จากภาพเหล่านั้น จากนั้นแจกอุปกรณ์ให้เด็กไปเล่าต่อในกลุ่มของตนเองว่า จะดำเนินเรื่องต่อไปอย่างไร ไปเจออะไร โดยยังเล่าไม่จบเรื่อง หุ่นจากไม้ไอศครีม ตอนที่2 เจี๊ยบชอบปืนต้นไม้ แต่มันรู้สึกไม่สนุกเลย ถ้าปีนตันไม้เล่นอยู่ตัวเดียว แล้วอาหารว่างล่ะ เจี๊ยบมีขนมอยู่เยอะแยะ แต่มันไม่อร่อยเลย ถ้าไม่มีเพื่อนๆมาร่วมกินด้วย เจี๊ยบลองมองไปรอบ ๆตัวสัตว์ ตัวอื่น ๆกำลังเล่นกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน แต่เจี๊ยบต้องอยู่ลำพังเพียงตัวเดียว ตอนนี้เจี๊ยบรู้สึกอยากให้ เพื่อนๆมาเล่นด้วย "พวกเขาไปไหนกันหมดนะ" เจ้าเหมียวรู้สึกแปลกใจเจี๊ยบมองหาเพื่อน ๆในป่า แต่มัน ก็ไม่เห็นใครเลย มีเพียงแต่กองทัพมดตัวน้อย ๆ เดินผ่านไปเป็นจำนวนมาก พวกมันคอยช่วยเหลือซึ่งกัน และกัน "มีเพื่อนเยอะก็ดีอย่างนี้นี่เอง" เจี๊ยบคิด มันรู้สึกประหลาดใจว่าเพื่อน ๆหายไปไหนกันหมด "บาง ทีพวกเขาอาจจะอยู่บนหลังคา เพลิดเพลินกับการ ชมวิวทิวทัศน์ก็ได้"ว่าแล้วเจี๊ยบก็กระโดดขึ้นไปดูบนหลังคา ขั้นสรุป เด็กและครูร่วมกันสรุปเนื้อหาของนิทานว่า มีใคร ทำอะไร ที่ไหน และผลที่เกิดขึ้นเป็น อย่างไร แล้วตั้งคำถามให้เด็กตอบตามความคิดเห็นของเด็กเอง สื่อ / อุปกรณ์ หุ่นจากแก้วน้ำพลาสติก : ประกอบด้วย ต้นไม้ อาหารว่าง ฝูงมด *หมายเหตุ: ผู้วิจัยกำหนดให้ "เจี๊ยบ" ตัวละครเอกของเรื่อง เป็นหุ่นจากจานกระดาษ ตลอดทั้ง 3 ตอน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการสับสนของเด็ก การประเมินผล สังเกตจากความสามารถทางการพูดทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านการรู้คำศัพท์ การพูดประโยค และ การพูดเป็นเรื่องราว สังเกตการตอบคำถาม การใช้ดำถาม และความสนใจในการร่วมกิจกรรม
71 แผนการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น สัปดาห์ที่ 1 ครั้งที่ 3 นิทาน เรื่อง เจี๊ยบลูกลิงเห็นแก่ตัว จุดประสงค์ 1. เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีความสามารถทางการพูดในด้าน 1.1 การรู้คำศัพท์ 1.2 การพูดเป็นประโยค 1.3 การพูดเป็นเรื่องราว 2. เพื่อให้เด็กมีส่วนร่วมในนิทานเรื่องที่ครูเล่า โดยใช้หุ่นเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เด็กอยากพูด และแสดงความคิดเห็น ต่อเติมเนื้อเรื่องตามจินตนาการ 3. เพื่อส่งเสริมให้เด็กเกิดความมั่นใจในตนเอง และกล้าแสดงออก ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม ขั้นนำ ครูพูดคุยกับเด็กเกี่ยวกับนิทาน โดยเท้าความจากตอนที่แล้วมา ตั้งคำถามทบทวนตาม เนื้อเรื่อง ให้เด็กตอบคำถามตามความคิดเห็นของเด็ก ขั้นดำเนินกิจกรรม 1. เด็กและครูร่วมกันสร้างหรือทบทวนข้อตกลงในการทำกิจกรรม 1. 1 ครูเล่านิทานไม่จบเรื่องให้เด็กฟัง สาธิตการใช้อุปกรณ์ แล้วให้เด็กแบ่งกลุ่มไป ช่วยกันแต่งเรื่องต่อโดยใช้อุปกรณ์ประกอบสื่อ ที่ครูจัดเตรียมให้จากนั้นให้เด็กแต่ละกลุ่มส่งตัวแทน ออกมาเล่าเรื่องที่หน้าชั้น 1.2 เมื่อเสร็จกิจกรรม เด็ก ๆ ช่วยกันเก็บสื่ออุปกรณ์ประกอบการเล่านิทาน เข้าที่ ให้เรียบร้อย 2. ครูเล่านิทานแบบไม่จบเรื่องให้เด็กฟัง ในระหว่างที่เล่าครูกระตุ้นให้เด็กใช้ภาษาพูด โดยเน้นการพูดคำศัพท์จากเนื้อเรื่อง พูดเป็นประโยค และพูดเป็นเรื่องราว จากนั้นให้เด็กแบ่งกลุ่ม ออกเป็น 3 กลุ่ม ๆ ละ 4 คน ดำเนินการเล่านิทานต่อจากครู ด้วยการใช้สื่อที่ครูจัดเตรียมให้ประกอบการเล่า เรื่องโดยเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดคุย ซักถามกันจนจบตอน
72 นิทาน เรื่อง เจี๊ยบลูกลิงเห็นแก่ตัว สื่อที่ใช้ ประกอบการเล่า เรื่อง ครูเริ่มเล่านิทาน ขณะที่ครูเล่า ครูหยิบตัวละครขึ้นมา โดยครูจะให้เด็กเป็นผู้พูด คำศัพท์จากภาพเหล่านั้น จากนั้นแจกอุปกรณ์ให้เด็กไปเล่าต่อในกลุ่มของตนเองว่า จะดำเนินเรื่องต่อไปอย่างไร ไปเจออะไร โดยยังเล่าไม่จบเรื่อง หุ่นจากแก้ว กระดาษ ตอนที่ 3 เพื่อน ๆ ของเจี๊ยบไม่ได้เล่นกันอยู่บนหลังดา แต่เจี๊ยบกลับพบฝูงแมงปอที่มีดวงตากลมโต "เธอรู้ไหมจ๊ะ ว่าเพื่อนๆ ของฉันไปอยู่ที่ไหนกันหมด" เจี๊ยบถาม "รู้สิจ๊ะ" พวกแมงปอส่งเสียง 'พวกเขาไป อยู่ที่ไหนกันเหรอ" "ไปอยู่ในป่าไง" พวกแมงปอตอบ "แต่ฉันไม่เห็นมีใครอยู่ที่นั่นนี่นา" เจี๊ยบบอกเจ้า เหมียวรีบกลับไปที่ป่าเพื่อตามหาเพื่อน ๆอีกครั้ง บางทีพวกเพื่อนๆ อาจจะหลบอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้ "พวกเธออยู่ที่ไหนกันนะ" เจี๊ยบร้องถาม "อย่าหลบฉันเลย ฉันเหงา อยู่ตัวเดียวแบบนี้ไม่ดีเลย ฉันอยาก เล่นกับพวกเธอด้วย" เด็กๆ เห็นไหมจ๊ะว่าเพื่อนๆของเจี๊ยบไปซ่อนตัวกันอยู่ที่ไหนทันใดนั้นเองพวก เพื่อน ๆ ก็กระโดดลงมาและวิ่งไปรอบ ๆตัวของเจี๊ยบ เจี๊ยบรู้สึกดีใจมาก เจ้าเหมียวบอกเพื่อน ๆว่า "ฉันเสียใจนะที่เห็นแก่ตัวกับพวกเธอ ฉันคงจะสนุกมากๆเลย ถ้าได้เล่นกับ พวกเธออีก" พวกเพื่อน ๆของเจี๊ยบรู้สึกแปลกใจมาก เจี๊ยบจึงชวนเพื่อน ๆว่า "พวกเราไปเล่นลูกบอล กันไหมจ๊ะ" พวกลูกแมวทั้งหมดพากันไปเล่นลูกบอลของเจี๊ยบ พวกมันต่างกระโดดขึ้นลงตามจังหวะที่ ลูกบอลกระเด้ง พวกแมวน้อยพากันส่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน เจี๊ยบแสนจะมีความสุข ตอนนี้ เจี๊ยบมีเพื่อนเล่นแล้ว และมันก็ไม่เป็นลูกแมวที่เห็นแก่ตัวอีกต่อไป ขั้นสรุป เด็กและครูร่วมกันสรุปเนื้อหาของนิทานว่า มีใคร ทำอะไร ที่ไหน และผลที่เกิดขึ้นเป็น อย่างไรแล้วตั้งคำถามให้เด็กตอบตามความคิดเห็นของเด็กครูซักชวนให้เด็กๆ ติดตามฟังนิทานเรื่อง ใหม่ ในสัปดาห์ถัดไป สื่อ / อุปกรณ์ หุ่นจากไม้ไอศกรีม : ประกอบด้วย ภาพเจี๊ยบอยู่บนหลังดา เจี๊ยบคุยกับแมงปอ เจี๊ยบกลับเข้า ไปในป่าเพื่อนของเจี๊ยบซ่อนตัว เจี๊ยบเจอเพื่อน เจี๊ยบเล่นลูกบอลกับเพื่อน * หมายเหตุ: ผู้วิจัยกำหนดให้ "เจี๊ยบ" ตัวละครเอกของเรื่อง เป็นหุ่นจากจานกระดาษ ตลอด ทั้ง 3 ตอน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการสับสนของเด็ก การประเมินผล สังเกตจากความสามารถทางการพูดทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านการรู้ดำศัพท์ การพูดประโยค และ การพูดเป็นเรื่องราว สังเกตการตอบคำถาม การใช้คำถาม และความสนใจในการร่วมกิจกรรม
73 ภาคผนวก ค - คู่มือการใช้แบบวัดความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัย - แบบวัดความสามารถทางการพูดของเด็กปฐมวัย - แบบบันทึกการให้คะแนนความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัย
74 คู่มือการใช้แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัย แบบทดสอบวัดทักษะความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัย เป็นแบบทดสอบเพื่อ ประเมินทักษะความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัย ซึ่งผู้สอนได้กำหนดแนวทางอย่างเจาะจง เพื่อให้การประเมินที่ชัดเจน วิธีการประเมินโดยใช้ภาพเพื่อกระตุ้นให้เด็กแสดงความสามารถด้านการ พูดผ่านแบบทดสอบที่ครูเตรียมไว้ โดยทดสอบเป็นรายบุคคลประกอบด้วย ความสามารถทางการพูด 3 ด้าน ได้แก่ การพูดเป็นคำศัพท์ การพูดเป็นประโยค การพูดเป็นเรื่องราว แต่ละด้านมีข้อคำถาม ด้านละ 10 ข้อ รวมแบบทดสอบชุดนี้ มีจำนวน 30 ข้อ วิธีการดำเนินการทดสอบ การดำเนินการทดสอบแบบทดสอบวัดความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัย ดังนี้ 1. ผู้ดำเนินการทดสอบศึกษาแบบทดสอบและเกณฑ์การให้คะแนน ขั้นตอนในการดำเนินการสอบที่ เข้าใจ และใช้ภาพที่มีรายละเอียดชัดเจน 2. จัดเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ให้พร้อม 3. ผู้ดำเนินสร้างบรรยากาศที่ดี โดยการสนทนาเพื่อให้เด็กผ่อนคลายและสร้างความคุ้นเคยก่อน ดำเนินการทดสอบ 4. ดำเนินการทดสอบเป็นรายบุคคล พร้อมทั้งให้คะแนนตามเกณฑ์การให้คะแนน โดยการใช้เวลาใน การทดสอบข้อละ 1 นาที 5.ให้เด็กคิดและตอบจากการดูภาพในแบบทดสอบจากสิ่งที่เด็กรู้ประสบการณ์เดิมของเด็กเอง และจากจินตนาการของเด็กในการเล่าจากภาพในแบบทดสอบ เกณฑ์การให้คะแนน ใช้เกณฑ์ดังนี้ 1 คะแนน แทน ตอบไม่ได้หรือไม่ตอบแม้มีผู้ชี้แนะ 2 คะแนน แทน ตอบได้โดยมีผู้ชี้แนะ 3 คะแนน แทน ตอบได้ด้วยตนเอง
75 แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการพูดก่อนเรียนและหลังเรียน ของเด็กปฐมวัยได้รับการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น ชุดที่ 1 ความสามารถทางด้านการรู้คำศัพท์ จุดประส งค์ ข้อทดสอบ คะแนน 3 2 1 เพื่อ ประเมิน ทักษะ การพูด เป็นคำ 1.คำชี้แจงให้เด็กดูภาพแล้วพูดเป็นคำจากภาพที่เห็น 2.คำชี้แจงให้เด็กดูภาพแล้วพูดเป็นคำจากภาพที่เห็น 3.คำชี้แจงให้เด็กดูภาพแล้วพูดเป็นคำจากภาพที่เห็น
76 4.คำชี้แจงให้เด็กดูภาพแล้วพูดเป็นคำจากภาพที่เห็น 5.คำชี้แจงให้เด็กดูภาพแล้วพูดเป็นคำจากภาพที่เห็น 6.คำชี้แจงให้เด็กดูภาพแล้วพูดเป็นคำจากภาพที่เห็น 7.คำชี้แจงให้เด็กดูภาพแล้วพูดเป็นคำจากภาพที่เห็น
77 8.คำชี้แจงให้เด็กดูภาพแล้วพูดเป็นคำจากภาพที่เห็น 9.คำชี้แจงให้เด็กดูภาพแล้วพูดเป็นคำจากภาพที่เห็น 10.คำชี้แจงให้เด็กดูภาพแล้วพูดเป็นคำจากภาพที่เห็น
78 ชุดที่ 2 ความสามารถทางด้านการพูดเป็นประโยค จุดประสงค์ ข้อทดสอบ คะแนน 3 2 1 เพื่อประเมินทักษะ การพูดเป็น ประโยค 1.คำชี้แจงให้เด็กพูดเป็นประโยคเกี่ยวกับภาพที่เห็นได้สมบูรณ์ถูกต้อง มากที่สุด 2.คำชี้แจงให้เด็กพูดเป็นประโยคเกี่ยวกับภาพที่เห็นได้สมบูรณ์ถูกต้อง มากที่สุด 3.คำชี้แจงให้เด็กพูดเป็นประโยคเกี่ยวกับภาพที่เห็นได้สมบูรณ์ถูกต้อง มากที่สุด
79 4.คำชี้แจงให้เด็กพูดเป็นประโยคเกี่ยวกับภาพที่เห็นได้สมบูรณ์ถูกต้อง มากที่สุด 5.คำชี้แจงให้เด็กพูดเป็นประโยคเกี่ยวกับภาพที่เห็นได้สมบูรณ์ถูกต้อง มากที่สุด 6.คำชี้แจงให้เด็กพูดเป็นประโยคเกี่ยวกับภาพที่เห็นได้สมบูรณ์ถูกต้อง มากที่สุด 7.คำชี้แจงให้เด็กพูดเป็นประโยคเกี่ยวกับภาพที่เห็นได้สมบูรณ์ถูกต้อง มากที่สุด
80 8.คำชี้แจงให้เด็กพูดเป็นประโยคเกี่ยวกับภาพที่เห็นได้สมบูรณ์ถูกต้อง มากที่สุด 9.คำชี้แจงให้เด็กพูดเป็นประโยคเกี่ยวกับภาพที่เห็นได้สมบูรณ์ถูกต้อง มากที่สุด 10.คำชี้แจงให้เด็กพูดเป็นประโยคเกี่ยวกับภาพที่เห็นได้สมบูรณ์ถูกต้อง มากที่สุด
81 ชุดที่ 3 ความสามารถทางด้านการพูดเป็นเรื่องราว จุดประสงค์ ข้อทดสอบ คะแนน 3 2 1 ทักษะการพูดเล่า เรื่องจากภาพ 1.คำชี้แจงให้เด็กพูดเล่าเรื่องจากภาพให้ครูฟังเป็นประโยคที่สมบูรณ์ให้ ถูกต้อง 2.คำชี้แจงให้เด็กพูดเล่าเรื่องจากภาพให้ครูฟังเป็นประโยคที่สมบูรณ์ให้ ถูกต้อง 3.คำชี้แจงให้เด็กพูดเล่าเรื่องจากภาพให้ครูฟังเป็นประโยคที่สมบูรณ์ให้ ถูกต้อง
82 4.คำชี้แจงให้เด็กพูดเล่าเรื่องจากภาพให้ครูฟังเป็นประโยคที่สมบูรณ์ให้ ถูกต้อง 5.คำชี้แจงให้เด็กพูดเล่าเรื่องจากภาพให้ครูฟังเป็นประโยคที่สมบูรณ์ให้ ถูกต้อง 6.คำชี้แจงให้เด็กพูดเล่าเรื่องจากภาพให้ครูฟังเป็นประโยคที่สมบูรณ์ให้ ถูกต้อง 7.คำชี้แจงให้เด็กพูดเล่าเรื่องจากภาพให้ครูฟังเป็นประโยคที่สมบูรณ์ให้ ถูกต้อง
83 8.คำชี้แจงให้เด็กพูดเล่าเรื่องจากภาพให้ครูฟังเป็นประโยคที่สมบูรณ์ให้ ถูกต้อง 9.คำชี้แจงให้เด็กพูดเล่าเรื่องจากภาพให้ครูฟังเป็นประโยคที่สมบูรณ์ให้ ถูกต้อง 10.คำชี้แจงให้เด็กพูดเล่าเรื่องจากภาพให้ครูฟังเป็นประโยคที่สมบูรณ์ ให้ ถูกต้อง
84 ตารางที่ 5 คะแนนแบบทดสอบวัดความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัย ก่อน-หลัง การจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบหุ่น คะแนน เลขที่ 30 30 30 ก่อน 30 30 30 หลัง 1 9 7 8 24 21 23 24 68 2 8 8 9 25 23 24 23 70 3 8 8 9 25 21 23 26 70 4 9 9 7 25 22 24 25 71 5 8 9 8 25 23 25 26 74 6 9 10 8 27 21 23 25 69 7 12 10 8 30 26 27 29 82 8 11 10 10 31 29 29 29 87 9 12 10 11 33 30 29 28 87 10 13 11 10 34 30 29 28 87
85 ภาคผนวก ง ภาพการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น
86 ภาพการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบหุ่น ผู้วิจัยดำเนินการเล่านิทานเรื่อง เจี๊ยบลูกลิงเห็นแก่ตัว สื่อในการเล่านิทานเรื่องเจี๊ยบลูกลิงเห็นแก่ตัววันที่ 1
87 แบ่งกลุ่มเด็กๆออกเป็น 3 กลุ่ม ในการเล่านิทาน เด็กๆ ช่วยกันเล่านานหน้าชั้นเรียน
88 สื่อในการเล่านิทานเรื่องเจี๊ยบลูกลิงเห็นแก่ตัววันที่ 2 เด็กๆ เล่านิทานวันที่ 2 ตอนที่ 2
89 สื่อในการเล่านิทานเรื่องเจี๊ยบลูกลิงเห็นแก่ตัววันที่ 3 เด็กๆ เล่านิทานวันที่ 3 ตอนที่ 3 ตอนจบ
90 ภาคผนวก จ - ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบทดสอบ วัดความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัย
91 ตารางที่ 6 ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบทดสอบวัดความสามารถด้าน การพูดของเด็กปฐมวัย แบบทดสอบ ความสามารถ ด้านการพูด ข้อที่ประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ IOC คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 ชุดที่ 1 ความสามารถ ทางการรู้คำศัพท์ ข้อที่ 1 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 2 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 3 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 4 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 5 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 6 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 7 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 8 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 9 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 10 +1 +1 +1 3 1.0 ชุดที่ 2 ความสามารถ ทางด้านการพูด เป็นประโยค ข้อที่ 11 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 12 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 13 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 14 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 15 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 16 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 17 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 18 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 19 +1 +1 +1 3 1.0 ข้อที่ 20 +1 +1 +1 3 1.0