The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sarocha Mueangkaew, 2023-07-26 11:57:11

สมัยสุโขทัย

ประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัย

ประวัติศาสตร์ สมัยอาณาจักรสุโขทัย สมาชิก นายวรุฒน์รวี คงศิริวัฒนา เลขที่23 นายวรินทร รัชตพิบูล เลขที่27 นางสาวณัฏฐณิชา เทพจิตร เลขที่30 นางสาวมาริสา สร้องเจริญ เลขที่32 นางสาวสโรชา เมืองแก้ว เลขที่34 นางสาวสุภัชญา สักกุณา เลขที่35


ประวัติศาสตร์ สมัยอาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรสุโขทัย ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าผ่านคาบสมุทรระหว่างอ่าวเมาะตะมะ และที่ราบลุ่มแม่น้ำ โขงตอนกลาง มีอาณาเขตดังนี้ ทิศเหนือ มีเมืองแพร่(ปัจจุบันคือแพร่)เป็นเมืองปลาย แดนด้านเหนือสุด ทิศใต้ มีนครสวรรค์(ปัจจุบันคือนครสวรรค์) เป็นเมืองปลายแดนด้านใต้ ทิศตะวันตก มีเมืองฉอด(ปัจจุบันคือแม่สอด)เป็นเมือง ชายแดนที่จะติดต่อเข้าไปยังอาณาจักรมอญ ทิศตะวันออก มีเมืองสะค้าใกล้แม่น้ำ โขงในเขตภาคอีสาน ตอนเหนือ การแทรกแซงจากอยุธยา หลังจากพ่อขุนรามคำ แหงแล้วเมืองต่างๆเริ่มอ่อนแอลงเมือง ส่ง ผลให้ในรัชกาลพญาเลอไทและรัชกาลพญาไสลือไทต้องส่งกองทัพไป ปราบหลายครั้งแต่มักไม่เป็นผลสำ เร็จและการปรากฏตัวขึ้นของ อาณาจักรอยุธยาทางตอนใต้ซึ่งกระทบกระเทือนเสถียรภาพของสุโขทัย จนในท้ายที่สุดก็ถูกแทรกแทรงจากอยุธยาจนมีฐานะเป็นหัวเมืองของ อยุธยาไปในที่สุด โดยมีพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) เป็นผู้ ปกครองสุโขทัยในฐานะรัฐอิสระพระองค์สุดท้าย โดยขณะนั้น ด้วยการ แทรกแซงของอยุธยา รัฐสุโขทัยจึงถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ เมืองสรวงสองแคว (พิษณุโลก) อันเป็นเมืองเอก มีพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรม ปาล) เป็นผู้ปกครอง เมืองสุโขทัย เมืองรอง มี พระยาราม เป็นผู้ปกครองเมือง เมืองเชลียง (ศรีสัชนาลัย) มี พระยาเชลียง เป็นผู้ปกครองเมือง เมืองชากังราว (กำ แพงเพชร) มี พระยาแสนสอยดาว เป็นผู้ปกครองเมือง


ความเจริญรุ่งเรืองสมัย อาณาจักรสุโขทัย ด้านเศรษฐกิจ สภาพเศรษฐกิจสมัยสุโขทัยเป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ดัง ข้อความปรากฏในหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 "…ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจัก ใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้า ทองค้า " และ "...เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำ มีปลา ในนามีข้าว..." ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมด้วยระบบ เกษตรกรรมแบบยังชีพ และส่งออกเครื่องถ้วยชามสังคโลก ด้านสังคม การใช้ชีวิตของผู้คนในสมัยสุโขทัยมีความอิสระเสรี มีเสรีภาพอย่างมาก เนื่องจากผู้ปกครองรัฐให้อิสระแก่ไพร่ฟ้า และปกครองแบบพ่อกับลูก ดังปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกว่า "…ด้วยเสียงพาทย์ เสียงพิณ เสียง เลื่อน เสียงขับ ใครจักมักเล่น เล่น ใครจักมักหัว หัว ใครจักมักเลื่อน เลื่อน…" ด้านศาสนา ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์จาก นครศรีธรรมราช ในวันพระจะมีภิกษุเทศนาสั่งสอน ณ ลานธรรมในสวน ตาล โดยใช้พระแท่นมนังคศิลาอาสน์ เป็นอาสนะสงฆ์ ในการบรรยาย ธรรมให้ประชาชนฟัง ยังผลให้ประชาชนในยุคนี้นิยมปฏิบัติตนอยู่ในศีล ธรรม มีการถือศีล โอยทานกันเป็นปกติวิสัย ทำ ให้สังคมโดยรวมมีความ สงบสุขร่มเย็น


ความเจริญรุ่งเรืองสมัย อาณาจักรสุโขทัย ด้านการปกครอง อาณาจักรสุโขทัยปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ระยะ 1. แบบปิตุราชาธิปไตย ในระยะแรกสุโขทัยมีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก เรียกพระมหา กษัตริย์ว่า "พ่อขุน"ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อที่จะต้องดูแลคุ้มครองลูกใน สมัยพ่อขุนรามคำ แหงมหาราชโปรดให้สร้างกระดิ่งแขวนไว้ที่หน้า ประตูพระราชวังเมื่อประชาชนมีเรื่องเดือดร้อนก็ให้ไปสั่นกระดิ่งร้อง เรียน 2.แบบธรรมราชา กษัตริย์ผู้ทรงธรรม ในสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ ๑ มีกำ ลังทหารที่ ไม่เข้มแข็ง ประกอบกับอาณาจักรอยุธยาที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ได้แผ่อิทธิพล มากขึ้น พระองค์ทรงเกรงภัยอันตรายจะบังเกิดแก่อาณาจักรสุโขทัย หากใช้กำ ลังทหารเพียงอย่างเดียว พระองค์จึงทรงนำ หลักธรรมมาใช้ ในการปกครอง โดยพระองค์ทรงเป็น แบบอย่างในด้านการปฏิบัติ ธรรม ทำ นุบำ รุงพระพุทธศาสนา


ประวัติศาสตร์ สมัยอาณาจักรสุโขทัย การล่มสลาย การสิ้นสุด พ.ศ. 2127 หลังจากชนะศึกที่แม่น้ำ สะโตงแล้ว พระนเรศวรโปรดให้ เทครัวหัวเมืองเหนือทั้งปวง (เมืองพระพิษณุโลกสองแคว เมือง สุโขทัย เมืองพิชัย เมืองสวรรคโลก เมืองกำ แพงเพชร เมืองพิจิตร และเมืองพระบาง) ลงมาไว้ที่อยุธยา เพื่อเตรียมรับศึกใหญ่ พิษณุโลก และหัวเมืองเหนือทั้งหมดจึงกลายเป็นเมืองร้าง หลังจากเทครัวไป เมืองใต้ จึงสิ้นสุดการแบ่งแยกระหว่างชาวเมืองเหนือ กับชาวเมืองใต้ และถือเป็นการสิ้นสุดของรัฐสุโขทัยโดยสมบูรณ์ เพราะหลังจากนี้ 8 ปี พิษณุโลกได้ถูกฟื้นฟูอีกครั้ง แต่ถือเป็นเมืองเอกในราชอาณาจักร มิใช่ราชธานีฝ่ายเหนือในการฟื้นฟูจึงกลายเป็นการสร้างพระปรางค์ แบบอยุธยาครอบทับลงไปแทน ทั้งหมด


ประวัติศาสตร์ สมัยอาณาจักรสุโขทัย รายชื่อกษัตริย์ •ราชวงศ์ศรีนาวนำ ถุม พ่อขุนศรีนาวนำ ถุม (พ.ศ. 1645 – 1724; 79 พรรษา) พ.ศ. 1700 – 1724 (24 ปี) ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ศรีนาวนำ ถุม ศิลาจารึกวัดศรีชุมระบุว่า เป็นขุนในเมืองเชลียง ผู้เสวยราชสมบัติสองนครคือสุโขทัยและ ศรีสัชนาลัย •ราชวงศ์พระร่วง พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (พ.ศ. 1731 – 1811; 80 พรรษา)พ.ศ. 1781 – 1811 (30 ปี) ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์พระร่วง มีพระนามเดิมว่า พ่อขุนบาง กลางหาว หรือพระนามเต็ม กมรเตงอัญศรีอินทรบดินทราทิตย์ พ่อขุนบานเมือง (สวรรคตราว พ.ศ. 1822) ไม่ปรากฏปีที่ขึ้นครองราชย์พระนาม บาน เมือง ปรากฏในจารึกพ่อขุนรามคำ แหง ส่วนจารึกปู่ขุนจิตขุนจอด เรียกพระองค์แต่ว่า "บาน" พ่อขุนรามคำ แหงมหาราช (พ.ศ. 1790 – 1842; 52 พรรษา) พ.ศ. 1822 – 1842 (20 ปี) มีพระนามเดิมว่า ขุนรามราช หรือพระนามเต็ม พระบาทกมร เตงอัญศรีรามราช พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของไทยที่ได้ รับการยกย่องเป็น "มหาราช" พระยาเลอไทย (พ.ศ. 1805 – 1866; 61 พรรษา)พ.ศ. 1842 – 1866(24 ปี) พระยางั่วนำ ถุม (สวรรคต พ.ศ. 1890)พ.ศ. 1866 – 1890 (24 ปี)หรือพระนามเขียน แบบเก่าว่า งวนำ ถํ ปรากฏในจารึกปู่ขุนจิตขุนจอด (พ.ศ. 1935) พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พ.ศ. 1843 – 1911; 68 พรรษา)พ.ศ. 1890 – 1911(21 ปี) มี พระนามเดิมว่า ฦๅไทย (ลือไทย) ซึ่งภาษาบาลีสะกดว่า ลิเทยฺย (ลิไทย)


ประวัติศาสตร์ สมัยอาณาจักรสุโขทัย พระมหาธรรมราชาที่ 2 (พ.ศ. 1901 – 1952; 51 พรรษา) พ.ศ. 1911 – 1942(31 ปี)ปี หรือ รื พระนาม ลือไทย พระองค์ออกผนวชที่ทุ่ ที่ งทุ่ ชัย ชั พระราชเทวีจึง จึ สำ เร็จ ร็ ราชการแทนและเตรีย รี มจะให้พ ห้ ระรามราชาธิราชขึ้น ขึ้ ครองราชย์ แต่ ในปี พ.ศ. 1943 พญาไสยลือไทยก็ได้ชิง ชิปราบดาภิเษกเป็น ป็ พระมหา ธรรมราชาที่ 3 เสีย สี ก่อน หลังจากนั้น นั้ พระมหาพญาลือไทย ครอง สมณเพศ จนถึงแก่มรณภาพในปี พ.ศ. 1952 พระมหาธรรมราชาที่ 3 (พ.ศ. 1923 – 1962; 39 พรรษา) พ.ศ. 1943 – 1962(19 ปี)ปี หรือ รื พระนาม ไสลือไทย พระมหาธรรมราชาที่ 4 (พ.ศ. 1944 – 1981; 37 พรรษา)พ.ศ. 1962 – 1981(19 ปี)ปี หรือ รื พระนาม บรมปาล


ประวัติศาสตร์ สมัยอาณาจักรสุโขทัย หลักฐานที่หลงเหลืออยู่ •จารึกหลักที่ 1 หรือ จารึกพ่อขุนรามคำ แหง เป็นศิลาจารึกที่บันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สมัย กรุงสุโขทัย ศิลาจารึกนี้ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ (ต่อมาคือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ขณะผนวชอยู่ เป็นผู้ทรงค้นพบเมื่อวันกาบสี ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จ.ศ. 1214 ตรงกับวันศุกร์ที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1834 หรือ พ.ศ. 2376[2] ณ เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย อำ เภอ เมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย มีลักษณะเป็นหลักสี่เหลี่ยม ด้านเท่า ทรงกระโจม สูง 111 เซนติเมตร หนา 35 เซนติเมตร เป็นหินทรายแป้งเนื้อละเอียด[1] มีจารึกทั้ง สี่ด้าน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร


หลักฐานที่หลงเหลืออยู่ • อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นสถานที่อนุรักษ์โบราณสถานของเมืองสุโขทัยไว้ เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และอารยธรรม ตลอด จนพัฒนาให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรม นาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระ เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จ พระราชดำ เนินแทนพระองค์เพื่อทรงประกอบพิธีเปิด อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 ประวัติศาสตร์ สมัยอาณาจักรสุโขทัย


หลักฐานที่หลงเหลืออยู่ • เจดีย์วัดช้างล้อม สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการชนะการทำ สงคราม โดย เฉพาะการกระทำ ยุทธหัตถี ซึ่งเป็นคติจากสถูปรุวันเวลิ ของพระเจ้าทุฏฐคามินีอภัย อยู่ภายในกำ แพงเมือง ศรีสัชนาลัยบนที่ราบเชิงเขาด้านทิศใต้ของเขาพนม เพลิง โบราณสถานที่สำ คัญคือเจดีย์ประธานทรงลังกา ตั้งอยู่ภายในกำ แพงแก้วสี่เหลี่ยมจัตุรัสตั้งอยู่บนฐาน ประทักษิณรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ฐานเจดีย์มีช้างปูนปั้นยืน หันหลังชนผนังเจดีย์อยู่โดยรอบ จำ นวน 39 เชือกและ ช้างที่อยู่ตามมุมเจดีย์ทั้ง 4 ทิศ ตกแต่งเป็นช้างทรง เครื่องมีลวดลายปูนปั้นประดับที่คอ ต้นขา และข้อเท้าส่วนทางด้าน หน้าเจดีย์ประธานมีบันไดขึ้นสู่ ลานประทักษิณเหนือฐาน ประทักษิณมีซุ้มพระพุทธรูป ประทับนั่งปางมารวิชัยผนังซุ้ม มีรูปประติมากรรมรูปต้นโพธิ์ อยู่เบื้องหลังพระพุทธรูปแต่ พระพุทธรูปได้ถูกทำ ลายไปคง เหลือเพียงองค์เดียวทางด้าน ทิศเหนือบริเวณองค์ระฆังขึ้น ไปเป็นบัลลังก์ก้านฉัตรประดับ ด้วยรูปพระสาวกปูนปั้นลีลานูนต่ำ จำ นวน 17 องค์ ประวัติศาสตร์ สมัยอาณาจักรสุโขทัย


หลักฐานที่หลงเหลืออยู่ • ไตรภูมิพระร่วง ไตรภูมิกภาหรือไตรภูมิพระร่วงเป็นวรรณกรรมสุโขทัย เป็นพระราชนิพนธ์ของพระมหาธรรมราชาลิไทสร้างขึ้น เพื่อเทศนาโปรดพระมารดา เป็นการเจริญธรรมความ กตัญญูและเพื่อใช้สั่งสอนประชาชนให้มีคุณธรรมและ ช่วยกันดำ รงพระพุทธศาสนาไว้ให้ยั่งยืนโดยลักษณะการ แต่งแต่งเป็นร้อยแก้ว ประวัติศาสตร์ สมัยอาณาจักรสุโขทัย


หลักฐานที่หลงเหลืออยู่ • ศาลตาผาแดง เป็นแบบปราสาทขอม หลังเดี่ยว ก่อด้วยศิลาแลง ทั้งองค์ ส่วนล่างเป็นฐานบัวลูกฟัก ส่วนเรือนธาตุมีห้อง ยาว ยื่นออกไปจากตัวปราสาททางด้านตะวันออกและ ตะวันตก โดยห้องด้านตะวันออกมีความยาวกว่าด้านตรง ข้าม ส่วนยอดปราสาทพังทลาย กรมศิลปากรได้ดำ เนินการขุดแต่งและบูรณะศาล ตาผาแดง ได้พบชิ้นส่วนประติมากรรมรูปเคารพสลัก จากศิลาลอยตัว จำ นวน ๔ องค์ มีทั้งรูปบุรุษและสตรี สันนิษฐานว่าเป็นรูปเคารพเนื่องในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู อาทิพระศิวะ นางอัปสร และทวารบาล ประดับ ด้วยเครื่องทรงตกแต่งอย่างงดงาม ซึ่งโบราณสถาน แห่งนี้เป็นหลักฐานยืนยันถึง การมีชุมชนที่มีวัฒนธรรม เขมรนับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดูปะปนในแถบนี้แล้ว เมื่อประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ประวัติศาสตร์ สมัยอาณาจักรสุโขทัย


หลักฐานที่หลงเหลืออยู่ • พงศาวดารโยนก พงศาวดารโยนกนี้ พระยาประชากิจกรจักรได้ รวบรวมและเรียบเรียงขึ้น ภายในหนังสือจะมีการแบ่ง เป็นภาค ซึ่งมีทั้งหมด 6 ภาคดังนี้ 1. ชื่อสุวรรณโคมคำ ว่าด้วยขอมสมัย 2.ชื่อโยนก ว่าด้วยไทยสมัย 3.ชื่อหริภุญ ไชย ว่าด้วยจามสมัย 4.ชื่อพิงควงศ์ ว่าด้วยลาวสมัย 5.เมงค์วงศ์ ว่าด้วยรามัญและภุกามสมัย 6.ทิพวงศ์ ว่า ด้วยสยามสมัย พงศาวดารโยนกเป็นผลงานของพระยาประชากิจกร จักร์ (แช่ม บุนนาค) ได้รวบรวมและ เรียบเรียงตำ นาน เมืองโบราณภาคเหนือตีพิมพ์ในหนังสือวชิรญาณ พ.ศ. 2441-2442 เป็นตอนๆ ต่อมาได้เรียบเรียงใหม่แล้ว รวมพิมพ์เป็นเล่มเมื่อ พ.ศ. 2450 และพิมพ์อีกหลาย ครั้ง ประวัติศาสตร์ สมัยอาณาจักรสุโขทัย


Click to View FlipBook Version