หัวใจชายหนุ่ม
ความเป็นมา
หัวใจชายหนุ่ม
หัวใจชายหนุ่มเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เพื่อพระราชทานตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์
ดุสิตสมิตรายเดือน เมื่อ พ.ศ. 2464 ในเรื่องนี้พระองค์ทรงใช้
พระนามแฝงว่า 'รามจิตติ'
ประวัติผู้แต่ง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (1 มกราคม พ.ศ. 2424 – 26
พฤศจิกายน พ.ศ. 2468) เป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์
จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น 2 ค่ำ ปีมะโรง ตรงกับ
วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2424 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 32 ในพระบาท
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสวยราชสมบัติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23
ตุลาคม ปีจอ พุทธศักราช 2453 และเสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่
26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ปีฉลู รวมพระชนมพรรษา 44 พรรษา เสด็จ
ดำรงพราชสมบัติรวม 15 ปี
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระอัจฉริยภาพและทรง
บำเพ็ญพระราชกรณียกิจในหลายสาขา ทั้งด้านการเมืองการปกครอง
การทหาร การศึกษา การสาธารณสุข การต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุด
คือด้านวรรณกรรมและอักษรศาสตร์ ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทร้อยแก้ว
และร้อยกรองไว้นับพันเรื่อง กระทั่งทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญา
เมื่อเสด็จสวรรคตแล้วว่า "สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า" พระองค์เป็นพระ
มหากษัตริย์พระองค์แรกในราชวงศ์จักรีที่ไม่มีวัดประจำรัชกาล แต่ได้ทรง
มีการสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวง หรือวชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน
ขึ้นแทน ด้วยทรงพระราชดำริว่าพระอารามนั้นมีมากแล้ว และการสร้าง
อารามในสมัยก่อนนั้นก็เพื่อบำรุงการศึกษาของเยาวชนของชาติ จึงทรง
พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งแรกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า พระราชดำริให้สร้างโรงเรียนขึ้นแทน
เจ้าอยู่หัวสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2485 ประดิษฐาน ณ
สวนลุมพินี ซึ่งเป็นบริเวณที่ดินส่วนพระองค์ที่พระราชทานไว้เป็น
สมบัติของประชาชน เพื่อจัดงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์แสดงสินค้า
ไทยแก่ชาวโลกเป็นครั้งแรก เพื่อบำรุงเศรษฐกิจและพาณิชยกรรม
ของประเทศ (แต่มิทันได้จัดก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน) และทรงตั้ง
พระราชหฤทัยว่าเมื่อเสร็จงานแล้ว จะพระราชทานเป็นสวน
สาธารณะพักผ่อนหย่อนใจแห่งแรกในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ในวันคล้าย
วันสวรรคตของทุกปี วันที่ 25 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว หรือผู้แทนพระองค์ จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรง
วางพวงมาลา ถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ ณ สวนลุมพินี
แห่งนี้ ในวันนั้นมีหน่วยราชการ หน่วยงานเอกชน นิสิตนักศึกษา
พ่อค้าประชาชนจำนวนมากไปวางพวงมาลาถวายราชสักการะ
และยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศ
ถวาย ณ วชิราวุธวิทยาลัย
ใน พ.ศ. 2524 องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่ง
สหประชาชาติ (UNESCO) ได้ยกย่องพระเกียรติคุณของพระบาท
สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก
ผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม ในฐานะที่ทรงเป็นนักปราชญ์ นัก
ประพันธ์ กวี และนักแต่งบทละครไว้เป็นจำนวนมาก
ลักษณะคำประพันธ์
หัวใจชายหนุ่ม เป็นนวนิยายร้อนแก้วในรูปแบบของจดหมาย โดยมีข้อควรสังเกตสำหรับรูปแบบจดหมายทั้ง ๑๘
ฉบับในเรื่อง ดังนี้
๑) หัวจดหมาย ตั้งแต่ฉบับที่ ๑ วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖- จนถึงฉบับสุดท้าย วันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖-
จะเห็นว่ามีการเว้นเลขท้ายปี พ.ศ. ไว้
๒) คำขึ้นต้นจดหมาย ทั้ง ๑๘ ฉบับ ใช้คำขึ้นต้นเหมือนกันหมด คือ “ถึงพ่อประเสริฐเพื่อนรัก”
๓) คำลงท้าย จะใช้คำว่า “จากเพื่อน....” “แต่เพื่อน...” แล้วตาม ด้วยความรู้สึกของนายประพันธ์
เช่น “แต่เพื่อนที่ใจคอออกจะยุ่งเหยิง” (ฉบับที่ ๑๐) มีเพียง ๙ ฉบับเท่านั้น ที่ไม่มีคำลงท้าย
๔) การลงชื่อ ตั้งแต่ฉบับที่ ๑๔ เป็นต้นไป ใช้บรรดาศักดิ์ที่ได้รับพระราชทาน คือ “บริบาลบรมศักดิ์” โดยตลอด แต่
ฉบับที่ ๑-๑๓ ใช้ชื่อ “ประพันธ์”
๕) ความสั้นยาวของจดหมาย มีเพียงฉบับที่ ๑๔ เท่านั้นที่มีขนาดสั้นที่สุด เพราะเป็นเพียงจดหมายที่แจ้งไปยังเพื่อน
ว่าตนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่ได้ไปศึกษาต่อยังที่สหราช
อาณาจักร และทรงศึกษาอยู่ที่อังกฤษเป็นระยะเวลานานกว่า 9 ปี ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงเข้าใจความแตกต่าง
ของวัฒนธรรมไทยและตะวันตกเป็นอย่างดี นอกจากนี้ในสมัยรัชกาลที่ 5 ประเทศไทยก็มีการเปิดประเทศมาก
ขึ้น ทำให้มีนักเรียนไทยไปศึกษา ณ ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก และเมื่อ ‘นักเรียนนอก’ เหล่านี้กลับมายัง
ประเทศไทยจึงรู้สึกไม่สะดวกไม่สบายกับความ ‘อันศิวิไลซ์’ หรือความไม่เจริญของประเทศไทย สภาพ
แวดล้อมทางสังคมเหล่านี้ทำให้นวนิยายเรื่อง ‘หัวใจชายหนุ่ม’ ถือกำเนิดขึ้น โดยวัตถุประสงค์ในการแต่งมี
ดังนี้
๑. เพื่อสะท้อนให้ผู้อ่านเห็นภาพสังคมไทยในขณะนั้น
๒. เพื่อสะท้อนมุมมองความรู้สึกนึกคิดของคนรุ่นใหม่ (นักเรียนนอก) ที่มีต่อวัฒนธรรมและสังคมไทยใน
ด้านต่าง ๆ
จดหมายฉบับทีี่๑
( ๒๓ กันยายน พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ส่งจดหมายถึงนายประเสริฐ เป็นฉบับแรก เนื้อความในจดหมายกล่าวถึงการเดิน
ทางกลับมายังประเทศไทยจากลอนดอนของนายประพันธ์ นอกจากนั้นยังบรรยายถึงความ
เสียใจที่ไปกลับประเทศไทยและการดูถูกบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง และได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่
เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางกลับภายในเรือโดยสาร คือ ได้พบปะกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ตนเอง
สนใจ แต่ต้องผิดหวังเนื่องจากหล่อนมีหวานใจมารอรับ ที่ท่าเรืออยู่แล้ว
จดหมายฉบับทีี่๔
( ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าถึงการพบปะผู้คนหลังมากมายหลังกลับมา แนวคิดของคุณพ่อของเขาที่ไม่
คิดว่าคนจะได้ดีจากความสามารถของตนเอง และการเข้ารับราชการในพระราชสำนัก ซึ่ง
ตำแหน่งทั้งหมดนั้นเต็มหมดแล้ว คุณพ่อของเขาจึงใช้เส้นสายโดยการพาไปคุยกับเจ้าคุณผู้
สำเร็จราชการมหาดเล็ก แต่ก็ไม่ได้ผล นายประพันธ์จึงขอคุณพ่อของเขาทำอาชีพค้าขาย แต่ก็
ถูกปฎิเสธ เพราะท่านเห็นว่า การค้าขายนั้นไม่มีหนทางที่จะเป็นใหญ่เป็นโตได้ นอกจากนี้ เขายัง
เล่าถึงการโดนจับคลุมถุงชนของตนกับแม่กิมเน้ย ลูกสาวของนายอากรเพ้ง ที่พ่อของนาย
ประพันธ์รับรองว่าเป็นคนดี สมควรแก่เขาทุกประการ แต่ด้วยความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ทำให้
เกิด-งกัน และได้ข้อสรุปว่า จะให้ไปดูตัวกันเสียก่อน และยังได้เล่าถึง การพบปะผู้หญิงคน
หนึ่งที่เขาถูกใจที่โรงภาพยนตร์พัฒนากรอีกด้วย
จดหมายฉบับทีี่๕
( ๑๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าถึงการได้เข้ารับทำงานราชการ ในตำแหน่งราชการในกรมพานิชย์และสถิติ
พยากรณ์ ว่ายังไม่มีอะไรพิเศษนัก และการดูตัวแม่กิมเน้ย เขาบอกว่าหน้าตาของหล่อนนั้น
เหมือนนางซุนฮูหยิน การแต่งกายค่อนข้างพะรุงพะรังเหมือนต้นคริสต์มาส ยังไม่ถูกใจเขาเท่า
ไหร่ นอกจากนั้น เขาได้เล่าถึงผู้หญิงที่เจอที่โรงภาพยนตร์พัฒนากรที่ตนได้ไปสืบมา เธอชื่อ
นางสาวอุไร พรรณโสภณ ลูกสาวของพระพินิฐพัฒนากร หล่อนเป็นผู้หญิงสมัยใหม่แท้ ไม่
กลัวผู้ชาย ซึ่งนางประไพ น้องสาวของตนนั้นก็รู้จักเธอ เขาจึงหวังว่าตนจะได้รู้จักกับนางอุไร
เขาให้ความเห็นว่า ถ้าได้รู้จักกับแม่อุไร จะพอทำให้คิดถึงประเทศอังกฤษได้ และจะทำให้ชีวิต
น่าอยู่มากขึ้น
จดหมายฉบับทีี่๖
( ๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าถึงการพบแม่อุไรในคืนวันที่ ๒ มกราคม จากประไพที่ได้นัดเชิญให้ไปดูการ
แต่งไฟทางลำน้ำให้ และหลังจากนั้น ก็ได้พบปะกันอีกหลายครั้ง เขาชมว่าแม่อุนั้นสวย น่ารัก
น่าพึงพอใจในหลายๆเรื่อง พูดถึงประเพณีที่ในเมืองไทยนั้น พี่น้องจูบกันไม่ได้ แตกต่างกับ
พวกฝรั่ง และได้พูดถึงนางกิมเน้ย ที่หลังจากเขาได้เดินผ่านหน้าร้านคุณภักดีไปกับนางอุไร เธอ
ก็โกรธยกใหญ่ และไม่คุยกับนายประพันธ์อีก
จดหมายฉบับทีี่๙
( ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์เล่าว่า ตนนั้นได้แต่งงานกับแม่อุไรแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤษภาคม หลังจากกลับ
มาจากหัวหิน นายประพันธ์ได้ขอให้คุณพ่อไปขอแต่งงานกับนางอุไร ท่านไม่ค่อยเห็นด้วย ด้วย
สาเหตุที่ว่า เธอเป็นผู้หญิงที่รู้จักกับผู้ชายหลายคน และก็ไกล่เกลี่ยว่า จะให้ดูไปก่อนประมาณ
๑ ปี แต่นายประพันธ์ปฎิเสธการรอคอย คุณพ่อของเขาจึงจัดการขอแม่อุไร และเมื่อแต่งงาน
กันแล้ว จึงได้ไปฮันนีมูนที่หันหิน
จดหมายฉบับทีี่๑๑
( ๒๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์เล่าเกี่ยวกับบ้านใหม่ของเขา ว่าปกติแล้ว บ้านควรจะเป็นสถานที่พักผ่อนอัน
พึงใจ สุขใจเพราะได้เห็นภรรยาของตนเอง แต่ตัวเขากลับไม่ได้เช่นนั้น เขากับนางอุไรกลับจาก
เพชรบุรีในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ด้วยสาเหตุที่ว่า เธอนั้นเบื่อการอยู่หัวเมือง และเมื่อถึง
กรุงเทพ ก็ไม่มีใครไปรับ ทำให้เธอโกรธ แต่ก็บอกว่า หลังขึ้นจากเรือจ้างแล้วค่อยทะเลาะกัน
เพราะการทะเลาะกันต่อหน้าคนแจวเรือดูไม่งดงาม พอมาถึงบ้านใหม่ที่ดูไม่พร้อม สียังทาไม่
แห้ง ของต่างๆก็ยังไม่ได้จัด เกิด-งขึ้นเล็กน้อย และในวันต่อๆมา ก็มีเหตุการณ์ขัดใจขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ว่านายประพันธ์จะทำอะไร นางอุไรก็จะมองว่าผิดเสมอ จนทำให้นายประพันธ์รู้สึกเหมือนไป
โรงเรียนเมื่อกลับบ้าน
จดหมายฉบับทีี่๑๒
( ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์เล่าว่า นางอุไรนั้นแท้งลูกแล้ว เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม และสิ้นรักนายประพันธ์
แล้ว แต่นายประพันธ์ก็ยอมทนอยู่ด้วยรับชะตากรรม หลังจากที่นางอุไรหายเจ็บท้องแล้ว เธอ
ก็ชอบเที่ยวเสมอๆ พอประพันธ์ถาม นางอุไรก็ฉุนเฉียว นานๆเข้า ก็มีห้างและร้านต่างๆ ส่งใบ
ทวงค่าใช้จ่ายมามากขึ้นจนนายประพันธ์เตือน และโดนสวนกลับมาว่า ก่อนจะแต่งงานกับเธอ
ทำไมไม่ดูให้ดีเสียก่อนว่าเธอใช้จ่ายอะไรบ้าง และไม่ยอมเปลี่ยนตัวเอง จนประพันธ์ต้องไปยืม
เงินพ่อมาใช้หนี้ให้แม่อุไร คุณพ่อของนายประพันธ์โกรธ จึงลงแจ้งความในหนังสือพิมพ์ว่าจะ
ไม่ชดใช้หนี้ให้นางอุไร เมื่อแม่อุไรเห็นจึงได้แจ้งความกลับไปว่า เธอไม่ขอรับผิดชอบในเรื่อง
หนี้สิน และไม่ให้นายประพันธ์มีอำนาจในทรัพย์สมบัติของเธออีกต่อไป และไปอยู่บ้านพ่อของ
เธอ หลังจากนั้น คุณหลวงเทพปัญหาก็มาหานายประพันธ์ที่บ้าน คุยเรื่องต่างๆรวมถึงเรื่องแม่
อุไร ที่เที่ยวอยู่กับพระยาตระเวนนคร ด้วยความเป็นห่วงนางอุไร นายประพันธ์จึงส่งจดหมาย
ไปกล่าวเตือน แต่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆกลับมา ต่อมาหลวงเทพก็มาหานายประพันธ์เพื่อบอกว่า แม่
อุไรไปค้างบ้านพระยาตระเวนนครแล้ว เมื่อปรึกษากัน หลวงเทพนั้นรับธุระเรื่องขอหย่าไปพูด
กับนางอุไร เธอตกลง นายประพันธ์จึงกลับมาโสดอีกครั้ง
จดหมายฉบับทีี่๑๓
( ๒๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์เล่าว่า ตนนั้นมีความสุขมากขึ้นมากขึ้นเมื่อเป็นโสด ถึงการที่หย่ากับนางอุไรจะ
ทำให้ถูกบางคนนินทาติโทษ แต่เขาถือว่า การแต่งงานเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีใครมาสุขหรือทุกข์
แทนเขาได้ ส่วนนางอุไรก็อยู่กับพระยาตระเวนที่มีนางบำเรอถึง ๗ นาง และพวกเธอก็ชอบ
แผลงฤทธิ์ในระหว่างที่พระยาตระเวนไม่อยู่บ้าน นางอุไรทนไม่ไหวจึงหนีไปอยู่บ้านพ่อ พระยา
ตระเวนก็ตามไปง้อ และให้นางอุไรอยู่บ้านอีกหลังนึงที่ถนนราชประสงค์ และได้เล่าอีกว่า ตน
ได้เลื่อนตัวแหน่งมาเป็นผู้ช่วยเจ้ากรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่วนทางเสือป่า เขาได้
เข้าไปประจำอยู่ในกรมม้าหลวงตามที่สมปรารถนา และได้เลื่อนยศเป็นนายหมู่เอก
จดหมายฉบับทีี่๑๕
( ๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าถึงงานเฉลิมพระชนมพรรษาของปีนี้ว่าค่อนข้างสนุก พระยาตระเวนก็เห็น
ด้วยเช่นกัน เนื่องจากยังเป็นชายโสดเพราะยังไม่ได้เป็นสามีภรรยากันโดยทางราชการ และใน
ช่วงนั้น พระยาตระเวนก็ได้ควงกับผู้หญิงคนหนึ่งบ่อยๆ เธอชื่อ นางสร้อย แต่นางอุไรก็ทำ
อะไรไม่ได้มาก เพราะถ้าเลิกกับพระยาตระเวนจะได้รับความลำบากและต้องกลับไปง้อพ่อ ซึ่ง
เธอได้อวดดีไว้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งพ่ออีกต่อไป จึงยอมที่จะอยู่นิ่งเฉย นอกจากนี้ ยังได้
พูดถึงสภาพสังคมฝรั่งว่า พวกฝรั่งเห็นว่า การมีภรรยาหลายคนไม่ทำให้ได้รับความเสื่อมเสีย
เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวในบ้าน
จดหมายฉบับทีี่๑๖
( ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับงานที่ตนเองทำอยู่นั้นว่า เป็นสิ่งที่ให้เกิดความเพลิดเพลินและ
มีประโยชน์ ได้พบปะพูดคุยกับผู้อื่น และรู้ความคิดที่กว้างขวางขึ้น เพราะปกติ ต่างคนต่างมี
ราชการไปทำที่ออฟฟิศ พอหมดเวลาก็แยหย้ายกันไป ไม่ได้พบปะพูดคุยกัน พูดถึงสโมสรที่ตั้ง
ใหม่ขึ้นหลายแห่ง ว่าดูไม่ค่อยจะสำเร็จได้เลย ส่วนสโมสรไทยนั้นที่ยั่งยื่นที่สุด คือสามัคยาจาร
ย์สมาคม เป็นของสำหรับจำเพาะข้าราชการกระทรวงเดียว และกระทรวงนั้นก็ยังหนุนหลัง
สมาคมไว้อยู่ และได้พูดถึงการเล่นละครที่ผู้ชายเล่นเป็นตัวผู้ชาย ผู้หญิงเล่นเป็นตัวผู้หญิง ที่ตน
ดูของคณะละครศรีอยุทธยารม ว่าเป็นละครที่แสดงดี ผู้หญิงที่เป็นตัวละครในคณะนี้ก็ยังสาวๆ
อยู่ ถึงจะมีสามีและบุตรแล้วก็ตาม ผู้หญิงที่มีลูกแล้วไม่จำเป็นต้องแก่อย่างที่เขาว่ากัน ผู้ชายที่
เบื่อผู้หญิงที่มีลูกแล้ว ก็ต้องโทษผู้หญิงด้วยเช่นกัน เพราหมายคนมักเข้าใจผิดว่า พอมีลูกก็
ชอบปล่อยตัวให้ทรุดโทรม แต่ถ้าผู้หญิงดูแลตัวเอง ปฎิบัติให้สามีรู้สึกมีความสุข ก็ไม่จำเป็น
ต้องห้ามเขาไปมีคนอื่นเลย เพราะเขาจะรู้สึกว่า มีแค่คนเดียวก็มีความสุขพอแล้ว
จดหมายฉบับทีี่๑๗
( ๓ มีนาคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าว่าตนนั้นได้เลื่อนยศเป็นนายหมู่ใหญ่แล้ว และเมื่อกลับบ้านได้ไม่กี่วัน นาง
อุไรก็ได้มาหาที่บ้าน และขอให้นายประพันธ์ช่วยดูแลตนอีกครั้ง ด้วยเหตุว่า พระยาตระเวน
ต้องการบ้านที่ถนนราชประสงค์ให้นางสร้อย เมียรักของเขาอยู่ เขาจึงขอให้นางอุไรย้ายไปอยู่ที่
อื่น เงินก็ไม่มีใช้สอย ครั้นจะกลับไปอาศัยพ่อก็กลัวจะเสียหน้า เพราะเคยพูดอวดอ้างไว้ นาย
ประพันธ์แนะนำให้นางอุไรกลับไปง้อพ่อของเธอ นางจึงไปง้อและกลับไปอยู่กับพ่อของตน
จดหมายฉบับทีี่๑๘
( ๑๓ เมษายน พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าว่า นางอุไรได้ตกลงแต่งงานกับหลวงพิเศษ ผลพานิชที่เป็นพ่อค้าแล้ว
ประพันธ์จึงคลายกังวล และนายประพันธ์เองก็ได้รักกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชื่อนางสาวศรีสมาน
เป็นลูกสาวเจ้าพระยาพิสิฐเสวก ทั้งสองฝ่ายคุยจนเป็นที่ต้องใจกันแล้ว และนายประพันธ์ก็ได้
ลงท้ายไว้ว่า จะให้นายประเสริฐมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว
คำทับศัพท์ที่ปรากฎ
กรมท่าซ้าย หมายถึง ส่วนราชการในสมัยก่อน สิ้นพูด หมายถึง หมดคำพูดที่จะกล่าว
สังกัดกรมพระคลัง หดหู่ หมายถึง หอเหี่ยวไม่ชื่นบาน
ครึ หมายถึง เก่า ล้าสมัย หมอบราบ หมายถึง ยอมตามโดยไม่ขัดขืน
โช หมายถึง อวดให้ดู หมายว่า หมายถึง คาดว่า
แบชะเล่อร์ ( Bachelor ) หมายถึง ชายโสด หัวนอก หมายถึง คนที่นิยมแบบฝรั่ง
ปอปูลาร์ (Popular) หมายถึงได้รับความนิยม หัวเมือง หมายถึง ต่างจังหวัด
พิสดาร หมายถึง ละเอียดลออ กว้างขวาง อยู่ข้าง หมายถึง ค่อนข้าง
พื้นเสีย หมายถึง โกรธ อินเตอเร้สต์ ( Interest ) หมายถึง ความ
ไพร่ หมายถึง ชาวบ้าน สนใจ
ฟรี หมายถึง เป็นอิสระจากกฎเกณฑ์หรือการ เอดูเคชั่น ( Education ) หมายถึง การศึกษา
ควบคลุม ฮันนี่มูน ( Honeymoon ) หมายถึง การไป
เร็สตอรังต์ ( Restaurant )หมายถึงภัตตาคาร เที่ยวด้วยกันของคู่แต่งงานใหม่
ร้านอาหาร หลวง หมายถึง บรรดาศักดิ์ข้าราชการที่สูง
เรี่ยม หมายถึง สะอาดหมดจด กว่าและต่ำกว่าพระ
ลอยนวล หมายถึง ตามสบาย สัปเปอร์ ( Supper ) หมายถึง อาหารเย็นซึ่ง
เล็กเช่อร์ ( Lecture ) หมายถึง บรรยาย รับประทานตอนหัวค่ำ
ศิวิไลซ์ ( Civilize) หมายถึงเจริญมีอารยธรรม หรืออาหารเบาๆ ที่รับประทานตอน กลางคืน
สำนวนสุภาษิตในเรื่อง
ฉบับที่ ๔
๑. เดินเข้าท้ายครัว โดยทั่วไปหมายความว่า เข้าทางภรรยา ในที่นี้หมายถึงใช้ความรู้จักคุ้นเคยกันเป็น
ส่วนตัวเป็นเครื่องช่วยให้ได้งานทำ
๒. หมอบราบคาบแก้ว ยอมตามโดยไม่ขัดขืน
๓. คลุมถุงชน การแต่งงานที่ผู้ใหญ่จัดการให้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้จักกันหรือไม่ได้รักกันมาก่อน
๔. ลงรอยเป็นท่าประนม ในที่นี้ หมายถึง ยกมือไหว้บ่อยๆ จนมือแทบจะค้างอยู่ในท่านั้น
ฉบับที่ ๖
๑. ทำตัวเป็นหอยจุ๊บแจง หอยจุ๊บแจง เป็นชื่อหอยทะเลกาบเดี่ยว จะอ้าฝาเปิดปากในน้ำนิ่ง แต่เมื่อมี
สิ่งใดมากกระทบ ก็จะปิดฝาซ่อนตัวทันที ในที่นี้หมายถึง ผู้หญิงที่มักเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ขี้อาย ไม่รู้
จักเข้าสังคม
๒. ค้อนเสียสามสี้วง
ฉบับที่ ๙
๑. โรงเรียนฝึกหัดเจ้าชู้ เป็นคำที่คุณพ่อของนายประพันธ์พูดถึงนางอุไรว่า เป็นผู้หญิงที่คุ้นเคยกับผู้ชาย
หลายคน
๒. ชิงสุกก่อนห่าม ทำสิ่งที่ยังไม่สมควรแก่วัย หรือยังไม่ถึงเวลา มักหมายถึง การลักลอบได้เสียกัน
ก่อนแต่งงาน
ฉบับที่ ๙
๑. เมฆทุกก้อนมีซับในเป็นเงิน ( Ever cloud has a silver lining ) เป็นสำนวนอังกฤษ หมายความ
ว่าในอุปสรรค์หรือความทุกข์ก็ยังมีสิ่งดีๆ หรือความสุขแทรกอยู่บ้าง
๒. อุทิศตัวเป็นพรหมจรรย์ ประพฤติตนเหมือนนักบวชโดยเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์
ฉบับที่ ๑๕
๑. ขนมปังครึ่งก้อนยังดีกว่าไม่มีเลย ( Half a loaf is better than none ) เป็นสำนวนอังกฤษ
หมายความว่า แม้จะไม่ได้สิ่งใดอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ถ้าพอมีอยู่บ้างก็ยังดีกว่าไม่มีเลย
ฉบับที่ ๑๗
๑. ขุดอู่ หมายถึง เปลเด็ก มาจากสำนวนว่า ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ผูกอู่ตามใจผู้นอน ซึ่งหมายความ
ว่า ทำตามความพอใจของผู้ที่ได้รับผล โดยตรง “ขุดอู่” ในที่นี้หมายถึง การเลือกคู่ครองด้วยตนเอง
ฉบับที่ ๑๘
๑. เทวดาถอดรูป มีรูปร่างหน้าตาดีราวกับเทวดา
ข้อคิดคติธรรมที่ได้จากเรื่อง
๑. พฤติกรรมของนายประพันธ์เป็นพฤติกรรมที่เลียนแบบพฤติกรรมของปุถุชนที่มีท้งัข้อ ดีและข้อ
เสีย ทั้งความถูกต้องและผิดพลาด เปรียบเสมือนกับมนุษย์ที่สามารถผิดพลาดได้ตลอดเวลา แต่
อยา่ลืมว่า ความผิดพลาดนั้น มาใช้ในการแก้ไขตนเอง และปรับทัศนคติที่ผิดอยู่ให้ดีขึ้น จน
สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นใน สังคมได้อยา่งมีความสุขต่อไป
๒. อยา่หลงวัฒนธรรมตะวันตกจนลืมจิตสำนึกแห่งความเป็นไทยควรเก็บสิ่งที่ดีมาปฏิบตัิแล้ว
เก็บ สิ่งที่ไม่ดีไวเ้ป็นอุทาหรณ์ขณะเดียวกันก็อย่าดูถูกบ้านเกิดเมืองนอนว่าหัวโบราณ เก่าครึ
เพราะ วัฒนธรรมที่ดีงามของไทยนี้แลจึงสามารถจรรโลงประเทศให้อยู่ได้ม้าสืบทุกวันนี้
๓. การแต่งงานของหนุ่มสาวที่มาจากการชอบพอกนัแค่เพียงเปลือกนอก ขาดการรู้จักและเข้าใจ
กัน อยา่งแท้จริงย่อมไม่ยั่งยืนและอับปางลงอย่างง่ายดาย เช่นกรณีของประพันธ์และแม่อุไรที่รัก
เร็วใจเร็ว ทำให้ ความรักนั้นจบลงในเวลาอันสั้น
๔. การใชเ้สรีภาพในทางที่ผิดโดยปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนกระทั่งพลาดพลั้งชิงสุกก่อนห่ามจะต้อง
ประสบชะตากรรมอันเลวร้าย ดังแม่อุไรที่ปล่อยตัวไดเ้สียกบั ประพันธ์ทำให้ไม่เป็นที่พอใจของ
ผู้ใหญ่ของ ทั้งสองฝ่ายนำไปสู่การหย่าร้างกันวันข้างหน้า
๕. คนเราควรดำเนินชีวิตในทางยุติธรรม ดังเช่นประพันธ์เขาไม่ชอบการใชเ้ส้นสายแต่ไม่สามารถ
หางานได้ด้วยตนเอง จึงต้องยอมรับงานที่ผู้ใหญ่ฝากฝังให้แต่ก็ได้ใช้ความสามารถของตนเองทำ
ให้มีความก้าวหน้าในราชการ ไดร้ับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงบริบาลบรมศักดิ์ในที่สุด
คุณค่าที่ได้รับจากเรื่อง
1.คุณค่าด้านวรรณศิลป์ มีการเริ่มต้นเรื่องได้อย่างหลงใหลและน่าติดตาม อีกทั้งการ
ดำเนินเรื่องก็ชวนใหต้ิดตามไปจนจบเรื่อง สำนวนภาษาในการเขียนจดหมายและการ
เลือกใช้คำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ รวมทั้งคำ แสลงมากมาย สอดคล้องกับลักษณะ
ของประพันธ์ผู้ยังอยู่ในวัยหนุ่มและเพิ่งกลับ มาจากต่างประเทศใหม่ๆ นอกจากนั้น
เนื้อความของจดหมายก็เป็นมุมมองหรือทัศนะที่ตรงไปตรงมาเหมือนจดหมายส่วนตัว
ทั่วๆไป กลวธิีที่กล่าว มาทั้งหมดนี้ทำ ให้หัวใจชายหนุ่มมีความสมจริงเป็นอยา่งยิ่ง
และสามารถสื่อแนวคิดที่ต้องการนำเสนอได้ แจ่มแจ้งชัดเจน
2.คุณค่าด้านเนื้อหา มีการสร้างตัวละครไดอ้ยา่งสมจริง แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของ
ปุถุชนที่มีทั้งสิ่งที่ถูกต้องและผิดพลาดและมีทั้งความสมควรและไม่สมควรโดยมี
ลักษณะที่สมจริง สมเหตุสมผลโดยประพันธ์ถือเป็น คนที่มีแนวคิดสมัยใหม่ซึ่งบาง
ครั้งตรงกันข้ามกับความเป็นไทยที่เหมาะสม แต่ยงัสามารถกลับตัวกลับใจมา
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้จึงมีความสมบูรณ์ทั้งตัวละครและเนื้อหาของตัวละครด้วย
3.คุณค่าด้านสังคม บทกวีย่อมสะท้อนสภาพสังคมของกวีตามมุมมองของกวีซึ่ง
สามารถเข้าถึงสังคมไทยในสมัย รัชกาลที่ ๖ ซึ่งแตกต่างกับ สังคมยุค ปัจจุบันอยา่
งมาก ทั้งในด้านของการปกครองที่กล่าวไว้ในเรื่องว่า“ท่านว่าขายของได้ดีอยา่งไรๆ
ก็จะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากขนุนางกรมท่าซ้าย ทั้งกว่าจะไดเ้ป็นหลวงก็อีกหลาย แล้ว
อาจจะเป็นหลวงตั้งแต่อายุ๓๐ เมื่ออายุ ๔๕ จึงได้เป็นพระแล้วก็ยงัเป็นพระจนทุกวัน
นี้และไม่แลเห็นทางที่จะเป็นพระยาด้วย” แสดงใหเ้ห็นว่าบ้านเมืองในอดีตกับ ปัจจุบัน
มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งสภาพ จิตใจคนในสมัยต่างๆ ก็แตกต่างกันไปด้วย ทาง
ที่ดีหากเราสามารถกระทำความดีได้ไม่ว่าจะอยู่ในยุค สมัยใด ก็ตาม ก็ควรหมั่นทำ
ความดีไว้เพราะแม้ตัวได้วายลง แต่ความดีมิได้วายตามไปด้วยอย่างแน่นอน
ตัวละครที่สำคัญในเรื่อง
นายประพันธ์ ประยูรสิริ : หนุ่มไทยดีกรีนักเรียนนอกจากอังกฤษที่เดินทางกลับไทย ต่อ
มาได้เข้ารับราชการในกรมพานิชย์และสถิติพยากรณ์และได้เลื่อนขั้นเป็นหลวงบริบาล
บรมศักดิ์ ประพันธ์เป็นคน ‘หัวนอก’ คือมีความคิดก้าวหน้าอย่างคนหนุ่ม และด้วย
ความที่เพิ่งกลับจากเมืองนอก จดหมายของประพันธ์จะติดการใช้สแลงและคำทับศัพท์
ภาษาอังกฤษอยู่เสมอ ๆ
นายประเสริฐ สุวัฒน์: เพื่อนของนายประพันธ์ที่ยังศึกษาอยู่ที่อังกฤษ
นายประพันธ์ ประยูรสิริ : หนุ่มไทยดีกรีนักเรียนนอกจากอังกฤษที่เดินทางกลับไทย ต่อ
มาได้เข้ารับราชการในกรมพานิชย์และสถิติพยากรณ์และได้เลื่อนขั้นเป็นหลวงบริบาล
บรมศักดิ์ ประพันธ์เป็นคน ‘หัวนอก’ คือมีความคิดก้าวหน้าอย่างคนหนุ่ม และด้วย
ความที่เพิ่งกลับจากเมืองนอก จดหมายของประพันธ์จะติดการใช้สแลงและคำทับศัพท์
ภาษาอังกฤษอยู่เสมอ ๆ
นายประเสริฐ สุวัฒน์: เพื่อนของนายประพันธ์ที่ยังศึกษาอยู่ที่อังกฤษ
อุไร พรรณโสภณ : สาวฮอตประจำเมืองลูกสาวของคุณพระพินิฐพัฒนากร อุไรเป็น
คนสวยและเป็นผู้หญิงอย่างสมัยใหม่ ได้รับการศึกษา อ่านเขียนภาษาไทยและภาษา
อังกฤษได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มมากหน้าหลายตา และขึ้นชื่อ
ว่าเป็น ‘โรงเรียนฝึกหัดเจ้าชู้’
พระยาตระเวนนคร: เสือผู้หญิงและเพลย์บอยประจำเมือง เป็นคนมีฐานะร่ำรวยและ
มีชื่อเสียง พระยาตระเวนนครถือเป็นตัวแทนของความนิยม “มีเมียคราวละมาก ๆ”
เพราะมีเมียอยู่แล้วถึง 7 คนก่อนที่จะมาพบกับอุไร
หลวงพิเศษผลพานิช : พ่อค้าซึ่งมีฐานะดี แม้จะบุคลิกลักษณะไม่ดีนักแต่ก็มีจิตใจที่ดี
และได้แต่งงานกับอุไรในภายหลัง
ศรีสมาน : หญิงสาวผู้เป็นความรักครั้งใหม่ของประพันธ์ ศรีสมานเป็นลูกสาวของ
พระยาพิสิฐเสวก ซึ่งสนิทสนมกับพ่อแม่และครอบครัวประพันธ์อยู่แล้ว การแต่งงาน
ครั้งใหม่ของประพันธ์จึงดูราบรื่นสดใสมาก
บรรณานุกรม
หัวใจชายหนุ่ม.//ตัวละครในเรื่องหัวใจชายหนุ่ม/สืบค้นเมื่อ ๑๒ กรกฎาคม
๒๕๖๕,//จาก https://blog.startdee.com/
หัวใจชายหนุ่ม.//ประวัติความเป็นมา/สืบค้นเมื่อ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕,//จาก
https://shorturl.asia/rVZan
หัวใจชายหนุ่ม.//ข้อคิดและคุณค่าที่ได้จากเรื่อง/สืบค้นเมื่อ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕,//
จากhttp://www.satriwit3.ac.th/files/1110061212443058_12083116162416.pdf
หัวใจชายหนุ่ม.//ข้เนื้อหาเรื่องหัวใจชายหนุ่ม/สืบค้นเมื่อ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕,//
จาก https://www.dek-d.com/board/knowledge/3880176/
ผลงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ๑ ท ๓๑๑๐๑
เสนอ
ครูสุชาติ พิบูลย์วรศักดิ์
จัดทำโดย
นางสาวนันท์นภัส ตั้งภาวนา เลขที่๓๒
นายวงศธร มาถาวร เลขที่๑๒
นางสาวนภสร สิริโชติทวีสุข เลขที่๓๑
นางสาวปวีณ์ลดา อรัญวารี เลขที่ ๒๗
นางสาวรัตนาภรณ์ อมรหัต เลขที่๓๕
นายทัพสาร เปรมศรี เลขที่๑๙
นายวรธน ฤทธิ์ฉ่ำ เลขที่๖
นายวัชรเศรษฐ์ ว่องรัตน์วานิช เลขที่๑๔
นายภัทรชัย ชินวงศ์ เลขที่๑
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/๒