The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน มาตรา ๑๓๘
และ
ความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็น
เจ้าพนักงานมาตรา ๑๔๕

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-09-28 10:13:42

ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน มาตรา ๑๓๘ และ ความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็น เจ้าพนักงานมาตรา ๑๔๕

ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน มาตรา ๑๓๘
และ
ความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็น
เจ้าพนักงานมาตรา ๑๔๕

ความผดิ ฐานต่อสูข้ ดั ขวางเจา้ พนกั งาน มาตรา ๑๓๘
และ

ความผดิ ฐานแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและกระทำการเป็น
เจา้ พนกั งานมาตรา ๑๔๕

จดั ทำโดย
นางสาว นภสร หนูนาค 631081129

นำเสนอ
อ.วริ ัตน์ นาทิพเวทย์

กฎหมายอาญา 2 : ภาคความผดิ ภาคเรียนท่ี1/2564
หลกั สูตรนิติศาสตร์บณั ฑิต สาขา นิติศาสตร์

บทที่1
คำอธิบายเชิงโครงสร้างความรับผดิ ทางอาญา

มาตรา ๑๓๘ ความผดิ ฐานต่อสูข้ ดั ขวางเจา้ พนกั งาน
มาตรา ๑๓๘ ผใู้ ดต่อสูห้ รือขดั ขวางเจา้ พนกั งานหรือผซู้ ่ึงตอ้ งช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมาย
ในการปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ี ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไม่เกินสองหม่ืนบาท
หรือท้งั จำท้งั ปรับ

ถา้ การต่อสูห้ รือขดั ขวางน้นั ไดก้ ระทำโดยใชก้ ำลงั ประทุษร้ายหรือ ข่เู ขญ็ วา่ จะใชก้ ำลงั
ประทุษร้าย ผกู้ ระทำตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินส่ีหม่ืนบาท หรือท้งั จำ
ท้งั ปรับ

โครงสร้างความรับผดิ ทางอาญา

องคป์ ระกอบภายนอกของความผดิ ตามวรรคแรก

1 ผใู้ ด

2 ต่อสูห้ รือขดั ขวาง

3 เจา้ พนกั งานหรือผซู้ ่ึงตอ้ งช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมายในการปฏิบตั ิการตามหนา้ ที่

องคป์ ระกอบภายนอกของความผดิ ตามวรรคสอง

ถา้ การต่อสูห้ รือขดั ขวางน้นั ไดก้ ระทำโดยใชก้ ำลงั ประทุษร้ายหรือ ข่เู ขญ็ วา่ จะใชก้ ำลงั
ประทุษร้าย ผกู้ ระทำตอ้ งระวางโทษสูงข้ึนไปอีก

องคป์ ระกอบภายใน

เจตนาธรรมดา

ต่อสู้ หมายถึง การกระทำใดๆ อนั เป็นการขดั ขืนหรือโตแ้ ยง้ อำนาจของเจา้ พนกั งาน แต่ไม่
ถึงกบั ลงไมล้ งมือกบั เจา้ พนกั งาน แต่ตอ้ งเป็นการกระทำท่ีแสดงออกมา ไม่ใช่น่ิงเฉยๆ อยา่ งน้ี
ไม่ใช่การต่อสู้ เพราะมิไดก้ ระทำการใดๆ อนั เป็นการขดั ขืนอำนาจของตำรวจ ซ่ึงการต่อสูจ้ ะตอ้ ง
ไม่ถึงกบั ทำร้ายหรือใชก้ ำลงั ประทุษร้าย ถา้ มีใชก้ ำลงั ประทุษร้ายกจ็ ะเป็นความผดิ ตามวรรคสอง
ซ่ึงการใชก้ ำลงั ประทุษร้ายคือ การประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจของบุคคล ไม่วา่ จะทำดว้ ยใชแ้ รง
กายภาพหรือดว้ ยวธิ ีอื่นใด และหมายความรวมถึงการกระทำใดๆ ซ่ึงเป็นเหตุใหบ้ ุคคลหน่ึง
บุคคลใดอยใู่ นภาวะท่ีไม่สามารถขดั ขืนได้

ขดั ขวาง หมายถึง การกระทำท่ีก่อใหเ้ กิดอุปสรรคในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของเจา้ พนกั งาน แต่
ไม่ถึงกบั ขดั ขืนไม่ใหบ้ รรลุผลเพียงทำใหก้ ารปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของเจา้ พนกั งานลำบากข้ึน

เจา้ พนกั งาน หมายความวา่ บุคคลซ่ึงกฎหมายบญั ญตั ิวา่ เป็นเจา้ พนกั งานหรือไดร้ ับแต่งต้งั
ตามกฎหมายใหป้ ฏิบตั ิหนา้ ที่ราชการ อาจเป็นประจำหรือคร้ังคราวกไ็ ด้

ผตู้ อ้ งช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมาย หมายถึง ตอ้ งมีกฎหมายบญั ญตั ิใหบ้ ุคคลน้นั ๆ มีหนา้ ท่ี
ตอ้ งช่วยเจา้ พนกั งาน

เจตนา การต่อสูข้ ดั ขวางเจา้ พนกั งานหรือผซู้ ่ึงตอ้ งช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมาย ผกู้ ระทำ
จะตอ้ งมีเจตนา และตอ้ งรู้วา่ ผทู้ ี่ตนต่อสูข้ ดั ขวางน้นั เป็นเจา้ พนกั งานหรือผซู้ ่ึงตอ้ งช่วย
เจา้ พนกั งานตามกฎหมายซ่ึงงหากผกู้ ระทำไม่รู้ขอ้ เทจ็ จริงน้ีกไ็ ม่ถือวา่ มีเจตนา

มาตรา ๑๔๕ ความผดิ ฐานแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งาน

มาตรา ๑๔๕ ผใู้ ดแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งาน และกระทำการเป็นเจา้ พนกั งาน โดยตนเองมิได้
เป็นเจา้ พนกั งานที่มีอำนาจกระทำการน้นั ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไม่เกิน
สองหม่ืนบาท หรือท้งั จำท้งั ปรับ

เจา้ พนกั งานผใู้ ดไดร้ ับคำสงั่ มิใหป้ ฏิบตั ิการตามตำแหน่งหนา้ ที่ต่อไปแลว้ ยงั ฝ่ าฝืนกระทำการ
ใด ๆ ในตำแหน่งหนา้ ที่น้นั ตอ้ งระวางโทษตามท่ีกำหนดไวใ้ นวรรคแรกดุจกนั
โครงสร้างความรับผดิ ทางอาญา
องคป์ ระกอบภายนอกของความผดิ ตามวรรคแรก

1 ผใู้ ด

2 แสดงตนเป็นเจา้ พนกั งาน และกระทำการเป็นเจา้ พนกั งาน

3โดยตนเองมิไดเ้ ป็นเจา้ พนกั งานท่ีมีอำนาจกระทำการน้นั
องคป์ ระกอบภายนอกของความผดิ ตามวรรคสอง

1. เป็นเจา้ พนกั งาน
2. ไดร้ ับคำสง่ั มิใหป้ ฏิบตั ิการตามตำแหน่งหนา้ ที่ต่อไปแลว้
3. ฝ่ าฝืนกระทำการใด ๆ ในตำแหน่งหนา้ ที่น้นั
องคป์ ระกอบภายใน

เจตนาธรรมดา

ซ่ึงความผดิ ฐานแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งานจะเป็นความผดิ ก็
ต่อเมื่อ แสดงตน + กระทำการ เป็นเจา้ พนกั งาน

ขอ้ สงั เกต กรณีจะเป็นความผดิ ตามมาตรา 145 ตอ้ งแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งาน และกระทำการ
เป็นเจา้ พนกั งาน หากแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานแต่ไม่ไดก้ ระทำการเป็นเจา้ พนกั งานกไ็ ม่มีความ
ผดิ ตามมาตรา 145 ซ่ึงการกระทำการเป็นเจา้ พนกั งาน เช่น ขอตรวจคน้ ขอใหแ้ สดงบตั รประจำ
ตวั ประชาชน เป็นตน้

การแสดงตน หมายความรวมถึง มีผแู้ นะนำวา่ เป็นเจา้ พนกั งาน ซ่ึงผทู้ ่ีถกู แนะนำกน็ ิ่งเฉยไม่
ปฏิเสธเป็นการแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานแลว้ เพราะถือวา่ การนิ่งเฉยและมิไดป้ ฏิเสธเท่ากบั
จำเลยตอ้ งการใหผ้ เู้ สียหายเชื่อหรือเขา้ ใจวา่ ตนเป็นเจา้ พนกั งาน
และกระทำการโดยการแต่งกายใหค้ ลา้ ยกบั เจา้ พนกั งานแลว้ กระทำการเป็นเจา้ พนกั งานเช่นการ
แต่งกายเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบขอตรวจคน้ บา้ น ถือวา่ ผดิ ตามาตรา ๑๔๕

ส่วนการอา้ งวา่ “เคยเป็นเจา้ พนกั งาน” ไม่ถือวา่ เป็นการแสดงตนวา่ เป็นเจา้ พนกั งานไม่ผดิ
๑๔๕

ขอ้ สงั เกต มาตรา 145 วรรคสอง
- กรณีถกู สง่ั พกั ราชการ แต่ยงั ไม่ไดป้ ลด/ใหอ้ อกจากราชการ
- กรณีการลาออก/หนีราชการ

บทท่ี 2
คำอธิบายจากบรรทดั ฐานคำพิพากษาศาลฎีกา

มาตรา ๑๓๘ ความผดิ ฐานต่อสูข้ ดั ขวางเจา้ พนกั งาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5980/2540
เจา้ พนกั งานตำรวจ จบั จำเลยที่ 1 ในขอ้ หาลกั ทรัพย์ และควบคุมตวั จำเลยท่ี 1 ไปที่รถ โดยสิบ
ตำรวจโท ศ. กบั นายดาบตำรวจ อ. เดินขนาบขา้ งคลอ้ งแขนจำเลยท่ี 1 ไว้ คนละขา้ ง ระหวา่ งทาง
จำเลยที่ 2 กบั พวกประมาณ 10-15 คน เดินมาแยง่ ตวั จำเลยท่ี 1 โดยจำเลยท่ี 2 เขา้ มาดึงตวั จำเลยท่ี
1 ออกไป และถีบสิบตำรวจโท ศ. กบั นายดาบตำรวจ อ. ส่วนจำเลยที่ 1 ไดพ้ ยายามดิ้นรนเพ่ือให้
พน้ จากการถกู ควบคุมตวั ซ่ึงแมว้ า่ ในการดินรนของจำเลยที่ 1 จะเป็นเหตุใหเ้ ทา้ ของจำเลยท่ี 1
ไปโดนสิบตำรวจโท ศ. กบั นายดาบตำรวจ อ. กต็ าม แต่การกระทำของจำเลยที่ 1 ดงั กล่าวกย็ งั ไม่
ถึงข้นั ท่ีจะเป็นการต่อสูข้ ดั ขวางเจา้ พนกั งาน

จากกรณีดงั กล่าว การที่เจา้ พนกั งานตำรวจ คือเจา้ พนกั งานตามมาตรา138 ไดจ้ บั จำเลยท่ี1ใน
ขอ้ หาลกั ทรัพย์ และควบคุมตวั จำเลยที่ 1 ไปที่รถ โดยสิบตำรวจโท ศ. กบั นายดาบตำรวจ อ. เดิน
ขนาบขา้ งคลอ้ งแขนจำเลยท่ี 1 ไว้ คนละขา้ งน้นั ถือวา่ เป็นการท่ีเจา้ พนกั งานกำลงั ปฏิบตั ิหนา้ ที่
ตามกฎหมายอยซู่ ่ึงการท่ีจำเลยที่2กบั พวกน้นั ไดเ้ ขา้ มาดึงตวั จำเลยที่1และไดถ้ ีบสิบตำรวจโท ศ.
กบั นายดาบตำรวจ อ. ส่วนจำเลยที่ 1 ไดพ้ ยายามดิ้นรนเพ่ือใหพ้ น้ จากการถกู ควบคุมตวั ซ่ึงแมว้ า่
ในการดิ้นรนของจำเลยท่ี 1 จะเป็นเหตุใหเ้ ทา้ ของจำเลยท่ี 1 ไปโดนสิบตำรวจโท ศ. กบั นายดาบ
ตำรวจ อ. กต็ าม แต่การกระทำของจำเลยท่ี 1 ดงั กล่าวกย็ งั ไม่ไดม้ ีการลงไมล้ งมือจึงไม่ถึงข้นั ท่ีจะ
เป็นการทำร้ายร่างกายของเจา้ พนกั งานตามมาตรา 138

ดงั น้นั การกระทำของจำเลยท่ี1จึงไม่มีความผดิ ฐานต่อสูข้ ดั ขวางเจา้ พนกั งานมาตรา138
แต่การกระทำของจำเลยที่2กบั พวกเป็นการใชก้ ำลงั ประทุษร้าย จีงมีความผดิ ตามประมวลกฏ
หมายอาญา มาตรา 138 วรรคทา้ ย

คำอธิบายจากบรรทดั ฐานคำพิพากษาศาลฎีกา

องคป์ ระกอบภายนอกของความผดิ

(1) ผกู้ ระทำ คือ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่2กบั พวก
(2) การกระทำ คือ การต่อสูห้ รือขดั ขวาง ในกรณีคือการที่จำเลยท่ี2กบั พวกน้นั ไดเ้ ขา้ มาดึง

ตวั จำเลยท่ี1และไดถ้ ีบสิบตำรวจโท ศ. กบั นายดาบตำรวจ อ. ส่วนการจำเลยที่ 1 ได้
พยายามดิ้นรนเพื่อใหพ้ น้ จากการถกู ควบคุมตวั
(3) วตั ถุแห่งการกระทำ คือเจา้ พนกั งานหรือผซู้ ่ึงตอ้ งช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมายในการ
ปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ี กค็ ือสิบตำรวจโท ศ. กบั นายดาบตำรวจ อ.

องคป์ ระกอบภายใน

เจตนาธรรมดา การต่อสูข้ ดั ขวางเจา้ พนกั งานหรือผซู้ ่ึงตอ้ งช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมาย
โดยผกู้ ระทำมีเจตนาคือจำเลยท่ี1มีเจตนาในการดิ้นหนีซ่ึงการดิ้นหนีไม่ถือวา่ เป็นการ
ต่อสูห้ รือขดั ขวางและไม่ไดม้ ีเจตนาในการทำร้ายร่างการในการท่ีเทา้ ของจำเลยท่ี1ไป
โดนเจา้ พนกั งานแต่จำเลยที่2 มีเจตนาในการท่ีใชเ้ ทา้ ถีบเจา้ พนกั งานโดยใชก้ ำลงั
ประทุษร้าย จีงมีความผดิ ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 138 วรรคทา้ ย

คำพิพากษาศาลฎีกาท่ี 618/2504

เจา้ พนกั งานมีคำสงั่ ตามอำนาจหนา้ ท่ี ใหจ้ ดั การร้ือร้ัวไซมาน และจา้ งคนใหท้ ำการร้ือ โดยอยใู่ น
ความควบคุมของเจา้ พนกั งานโดยใกลช้ ิด จำเลยทราบแลว้ ยงั ขดั ขืนเขา้ ผลกั คนร้ือเพื่อขดั ขวาง
การร้ือยอ่ มมีความผดิ ฐานขดั ขวางเจา้ พนกั งานในการปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ี

คำอธิบายจากบรรทดั ฐานคำพิพากษาศาลฎีกา

องคป์ ระกอบภายนอกของความผดิ

(1) ผกู้ ระทำ คือ จำเลย
(2) การกระทำ คือ การต่อสูห้ รือขดั ขวาง ในกรณีคือการท่ีจำเลยผลกั คนร้ือถอนเพื่อขดั ขวาง

การร้ือยอ่ มมีความผดิ ฐานขดั ขวางเจา้ พนกั งานในการปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ี

(3) วตั ถุแห่งการกระทำ คือ ผซู้ ่ึงตอ้ งช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมายในการปฏิบตั ิการตาม
หนา้ ที่ ในกรณีน้ีกค็ ือคนท่ีเจา้ พนกั งานไดจ้ า้ งใหท้ ำการร้ือโดยอยใู่ นความควบคุมของ
เจา้ พนกั งานโดยเจา้ พนกั งานมีคำสงั่ ตามอำนาจหนา้ ท่ี ใหจ้ ดั การร้ือร้ัวไซมาน และจา้ งคน
ใหท้ ำการร้ือ

องคป์ ระกอบภายใน

เจตนาธรรมดา คือการท่ีจำเลยทราบแลว้ กย็ งั ขดั ขืนเขา้ ผลกั คนร้ือเพื่อขดั ขวางการร้ือยอ่ ม
มีความผดิ ฐานขดั ขวางเจา้ พนกั งานในการปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ี โดยการท่ีจำเลยทราบ
แลว้ ยงั ไดก้ ระทำโดยการผลกั คนร้ือถอนร้ัวซ่ึงถือเป็นการกระทำโดยมีเจตนา

ซ่ึงการกระทำดงั กล่าวเป็นการต่อสูข้ ดั ขวางผซู้ ่ึงตอ้ งช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมายในการ
ปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ี และการปฏิบตั ิหนา้ ที่น้นั กเ็ ป็นการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยชอบดว้ ยกฎหมาย ตาม
มาตรา138

มาตรา ๑๔๕ ความผดิ ฐานแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2099/2527

จำเลยไม่ไดเ้ ป็นเจา้ พนกั งานตำรวจ แต่แต่งกายดงั ท่ีเจา้ พนกั งานตำรวจนอกเคร่ืองแบบแต่งกนั
ตามปกติ โดยนุ่งกางเกงสีกากี สวมเส้ือคอกลมขาว คาดเขม็ ขดั หนงั ยนื ใหส้ ญั ญาณรถยนต์
บรรทุกที่ผา่ นไปมาใหห้ ยดุ รถเพ่ือตรวจตรงจุดท่ีรถยนตต์ ำรวจทางหลวงจอดอยเู่ ป็นประจำ อนั
ทำใหบ้ ุคคลทว่ั ไปอาจเขา้ ใจไดว้ า่ จำเลยเป็นเจา้ พนกั งานตำรวจ ในการเรียกตรวจรถแต่ละคร้ัง
จำเลยแสดงใหเ้ ป็นที่เขา้ ใจไดว้ า่ ไดร้ ับเงินจากพวกคนขบั รถยนตบ์ รรทุกพฤติการณ์ของจำเลฟัง
ไดว้ า่ จำเลยแสดงตนและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งานตำรวจทางหลวงจำเลยจึงมีความผดิ ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145

คำอธิบายจากบรรทดั ฐานคำพิพากษาศาลฎีกา

องคป์ ระกอบภายนอกของความผดิ

1) ผกู้ ระทำ คือ จำเลย
2) การกระทำ คือ แสดงตนเป็นเจา้ พนกั งาน และกระทำการเป็นเจา้ พนกั งานซ่ึงกค็ ือไม่ได้

เป็นเจา้ พนกั งานตำรวจ แต่แต่งกายดงั ท่ีเจา้ พนกั งานตำรวจนอกเครื่องแบบแต่งกนั ตาม
ปกติ โดยนุ่งกางเกงสีกากี สวมเส้ือคอกลมขาว คาดเขม็ ขดั หนงั ยนื ใหส้ ญั ญาณรถยนต์
บรรทุกท่ีผา่ นไปมาใหห้ ยดุ รถเพื่อตรวจตรงจุดท่ีรถยนตต์ ำรวจทางหลวงจอดอยเู่ ป็น
ประจำอนั ทำใหบ้ ุคคลทว่ั ไปอาจเขา้ ใจไดว้ า่ จำเลยเป็นเจา้ พนกั งานตำรวจ ในการเรียก
ตรวจรถแต่ละคร้ังจำเลยแสดงใหเ้ ป็นท่ีเขา้ ใจไดว้ า่ ไดร้ ับเงินจากพวกคนขบั รถยนต์
บรรทุก
3) วตั ถุแห่งการกระทำ คือ การท่ีจำเลยไม่ไดเ้ ป็นเจา้ พนกั งานท่ีมีอำนาจหนา้ ท่ีกระทำการ
น้นั แต่จำเลยแสดงตนและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งานตำรวจทางหลวง

องคป์ ระกอบภายใน

เจตนาธรรมดา คือ การท่ีจำเลยไม่ไดเ้ ป็นเจา้ พนกั งานท่ีมีอำนาจหนา้ ที่กระทำการน้นั แต่
จำเลยมีเจตนาในการแสดงตนและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งานตำรวจทางหลวงโดยการ
เรียกตรวจรถแต่ละคร้ังจำเลยแสดงใหเ้ ป็นที่เขา้ ใจไดว้ า่ ไดร้ ับเงินจากพวกคนขบั รถยนต์
บรรทุก

คำพิพากษาฎีกาท่ี 5096/2540

คร้ังแรก จำเลยและ ถ. ไปบา้ นผเู้ สียหาย ถ. บอกผเู้ สียหายวา่ จำเลยเป็นเจา้ พนกั งานตำรวจ จำเลย
ไดย้ นิ คำพดู ของ ถ. แต่กน็ ่ิงเฉยและมิไดป้ ฏิเสธเท่ากบั จำเลยตอ้ งการใหผ้ เู้ สียหายเช่ือหรือเขา้ ใจ
ตามที่ ถ. บอก ท้งั จำเลยไดเ้ รียกเงินจำนวน 2,000บาท จากผเู้ สียหายมิฉะน้นั จะจบั ผเู้ สียหาย
พฤติการณ์เช่นน้ีถือไดว้ า่ จำเลยไดแ้ สดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งานแลว้
ส่วนการเรียกรับเงินคร้ังที่สอง แมจ้ ำเลยไม่ไดบ้ อกหรืออา้ งวา่ เป็นเจา้ พนกั งานตำรวจแต่จำเลย

เคยไปหาผเู้ สียหายและมีพฤติการณ์แสดงใหผ้ เู้ สียหายเชื่อวา่ จำเลยเป็นเจา้ พนกั งานตำรวจจริง
ท้งั ผเู้ สียหายเคยใหเ้ งินแก่จำเลยเพ่ือมิใหถ้ กู จบั มาก่อน การที่จำเลยไปเรียกเงินจากผเู้ สียหายอีก
โดยข่วู า่ หากไม่ใหจ้ ะจบั ผเู้ สียหาย จนผเู้ สียหายยอมใหเ้ งินจำนวน 2,000 บาท แก่จำเลยเช่นน้ี ถือ
ไดว้ า่ จำเลยไดแ้ สดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งานโดยจำเลยมิไดเ้ ป็น
เจา้ พนกั งานท่ีมีอำนาจกระทำการน้นั และมีความผดิ ฐานกรรโชกทรัพยผ์ เู้ สียหายตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145 และ 337

องคป์ ระกอบภายนอกของความผดิ

1) ผกู้ ระทำ คือ จำเลย
2) การกระทำ คือ แสดงตนเป็นเจา้ พนกั งาน และกระทำการเป็นเจา้ พนกั งานซ่ึงกค็ ือการที่ถ.

บอกผเู้ สียหายวา่ จำเลยเป็นเจา้ พนกั งานตำรวจ ซ่ึงเมื่อจำเลยไดย้ นิ คำพดู ของ ถ. แลว้ แต่ก็
น่ิงเฉยและมิไดป้ ฏิเสธเท่ากบั จำเลยตอ้ งการใหผ้ เู้ สียหายเช่ือหรือเขา้ ใจตามท่ี ถ. บอกอีก
ท้งั จำเลยไดเ้ รียกเงินจำนวน 2,000บาท จากผเู้ สียหายมิฉะน้นั จะจบั ผเู้ สียหาย พฤติการณ์
เช่นน้ีถือไดว้ า่ จำเลยไดแ้ สดงตนเป็นเจา้ พนกั งาน อีกท้งั จำเลยไดม้ ีการเรียกรับเงินเป็น
คร้ังที่สองอีก แมจ้ ำเลยไม่ไดบ้ อกหรืออา้ งวา่ เป็นเจา้ พนกั งานตำรวจแต่จำเลยเคยไปหา
ผเู้ สียหายและมีพฤติการณ์แสดงใหผ้ เู้ สียหายเชื่อวา่ จำเลยเป็นเจา้ พนกั งานตำรวจจริงถือ
ไดว้ า่ จำเลยไดแ้ สดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งานโดยจำเลยมิได้
เป็นเจา้ พนกั งานท่ีมีอำนาจกระทำการน้นั
3) วตั ถุแห่งการกระทำ คือ การท่ีจำเลยไม่ไดเ้ ป็นเจา้ พนกั งานที่มีอำนาจหนา้ ท่ีกระทำการ
น้นั แต่จำเลยแสดงตนและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งานอีกท้งั จำเลยไดม้ ีการข่กู รรโชก
ทรัพยผ์ เู้ สียหายอีกดว้ ย

องคป์ ระกอบภายใน

เจตนาธรรมดา คือ การที่จำเลยไม่ไดเ้ ป็นเจา้ พนกั งานที่มีอำนาจหนา้ ที่กระทำการน้นั แต่
จำเลยมีเจตนาในการแสดงตนและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งานตำรวจคือการที่ไม่ได้
ปฏิเสธวา่ ตนไม่ไดเ้ ป็นเจา้ พนกั งานพราะตอ้ งการใหผ้ เู้ สียหายเชื่อวา่ ตนเป็นเจา้ หนา้ ที่
ตำรวจโดยมีการเรียกรับเงินและข่กู รรโชคทรัพยอ์ ีกดว้ ย

บทท่ี 3

สรุปเน้ือหา

มาตรา ๑๓๘ ความผดิ ฐานต่อสูข้ ดั ขวางเจา้ พนกั งาน
มาตรา ๑๓๘ ผใู้ ดต่อสูห้ รือขดั ขวางเจา้ พนกั งานหรือผซู้ ่ึงตอ้ งช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมาย

ในการปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ี ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือท้งั จำท้งั ปรับ

ถา้ การต่อสูห้ รือขดั ขวางน้นั ไดก้ ระทำโดยใชก้ ำลงั ประทุษร้ายหรือ ข่เู ขญ็ วา่ จะใชก้ ำลงั
ประทุษร้าย ผกู้ ระทำตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หม่ืนบาท หรือท้งั จำ
ท้งั ปรับ

สรุป มาตรา ๑๓๘ ความผดิ ฐานต่อสูข้ ดั ขวางเจา้ พนกั งานน้นั เป็นการท่ีผกู้ ระทำความผดิ กค็ ือผู้
ใดไดม้ ีการกระทำความผดิ เกิดข้ึนซ่ึงการกระทำในมาตราน้ีกค็ ือการท่ีไดต้ ่อสูข้ ดั ขวาง
เจา้ พนกั งานหรือผตู้ อ้ งช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมายในการปฏิบตั ิตามหนา้ ท่ี ซ่ึงการต่อสูน้ ้นั
เป็นการกระทำโดยขดั ขืนในอำนาจของเจา้ พนกั งานแต่ไม่ถึงกบั การลงไมล้ งมือทำร้ายร่างกาย
แต่จะตอ้ งมีการกระทำเกิดข้ึนไม่ใช่การนิ่งเฉยส่วนการขดั ขวางกค็ ือการก่อใหเ้ กิดอุปสรรคใน
การปฏิบตั ิงานของพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี แต่ถา้ ไดม้ ีการใชก้ ำลงั ในการทำร้ายร่างกายโดยใชก้ ำลงั
ประทุษร้ายผกู้ ระทำความผดิ จะตอ้ งรับโทษหนกั ข้ึน ตามมาตรา ๑๓๘ วรรคทา้ ย

ขอ้ เสนอแนะ คิดวา่ มาตราน้ีควรจะระบุลกั ษณะของการกระทำที่จะถือวา่ เป็นการต่อสูข้ ดั ขวาง
หรือแมแ้ ต่การใชก้ ำลงั ประทุษร้ายใหช้ ดั เจนกวา่ น้ี เพ่ือที่จะใหท้ ราบถึงวา่ ลกั ษณะของการกระทำ
ใดบา้ งท่ีจะจดั เป็นการต่อสูห้ รือขดั ขวาง หรือลกั ษณะใดบา้ งที่จะถือวา่ เป็นการใชก้ ำลงั
ประทุษร้ายท่ีผกู้ ระทำความผดิ จะตอ้ งรับโทษหนกั ข้ึน เพื่อประโยชนข์ องผทู้ ่ีเขา้ มาศึกษาเกี่ยวกบั
มาตราน้ี

มาตรา ๑๔๕ ความผดิ ฐานแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งาน

มาตรา ๑๔๕ ผใู้ ดแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งาน และกระทำการเป็นเจา้ พนกั งาน โดยตนเองมิได้
เป็นเจา้ พนกั งานที่มีอำนาจกระทำการน้นั ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไม่เกิน
สองหมื่นบาท หรือท้งั จำท้งั ปรับ

เจา้ พนกั งานผใู้ ดไดร้ ับคำสงั่ มิใหป้ ฏิบตั ิการตามตำแหน่งหนา้ ท่ีต่อไปแลว้ ยงั ฝ่ าฝืนกระทำการ
ใด ๆ ในตำแหน่งหนา้ ท่ีน้นั ตอ้ งระวางโทษตามท่ีกำหนดไวใ้ นวรรคแรกดุจกนั

สรุป มาตรา ๑๔๕ ความผดิ ฐานแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและกระทำการเป็น
เจา้ พนกั งานน้นั วรรคแรกไดร้ ะบุไวเ้ กี่ยวกบั การที่ผกู้ ระทำกค็ ือผใู้ ดไดม้ ีการกระทำกค็ ือ
การแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและกระทำการเป็นเจา้ าพนกั งานซ่ึงบุคคลน้นั จะตอ้ งท้งั มี
การแสดงตนและการกระทำการร่วมดว้ ยกนั การแสดงตนวา่ เป็นเจา้ พนกั งานอยา่ งเดียว
ไม่ถือวา่ เป็นความผดิ จะตอ้ งมีการกระทำการร่วมดว้ ยถือถือวา่ เป็นการกระทำครบ
องคป์ ระกอบจึงจะมีความผดิ โดยการแสดงตนและกระทำการน้นั ตนไม่ไดเ้ ป็น
เจา้ พนกั งานท่ีมีหนา้ ที่และอำนาจในการกระทำการ

ส่วนความผดิ ตามวรรคสองน้นั ผกู้ ระทำคือผทู้ ี่เป็นเจา้ พนกั งานแต่ไดร้ ับคำสง่ั ไม่ให้
ปฏิบตั ิการตามตำแหน่งหนา้ ท่ีต่อไปแลว้ และผกู้ ระทำกค็ ือเจา้ พนกั งานไดม้ ีการกระทำซ่ึง
การกระทำน้นั เป็นการกระทำท่ีฝ่ าฝืนคำสง่ั ซ่ึงเป็นคำสง่ั ไม่ใหก้ ระทำการใด ๆ ใน
ตำแหน่งหนา้ ท่ีน้นั แลว้ ซ่ึงหากเจา้ พนกั งานฝ่ าฝืนคำสงั่ ตอ้ งตอ้ งรับโทษตามที่ไดบ้ ญั ญตั ิ
ไวใ้ นวรรคแรกเช่นเดียวกนั

บรรณานุกรม

จิตติ ติงศภทั ิย.์ (2523).คำอธิบายประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ตอนที่ 1 (พิมพค์ ร้ังที่ 4 ).
กรุงเทพมหานคร. บพิธการพิมพ.์

เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ, และทวเี กียรติ มีนะกนิษฐ.(2540 ).รวมหมายเหตุทา้ ยคำพิพากษา
ศาลฎีกากฎหมายอาญาของศาสตร์ตราจารยจ์ ิตติ ติงศภทั ิย.์ กรุงเทพมหานคร .มหาวทิ ยาลยั
ธรรมศาสตร์.

ดิศรณ์ ลิขิตวทิ ยาวฒุ .(2559).กฎหมายอาญาเก่ียวกบั เจา้ พนกั งาน : ประมวลกฎหมายอาญา.สืบ
คน้ 24 กนั ยายน 2564,จาก
http://www.oap.go.th/images/documents/offices/baea/kmgroup/24-25-06-64/03-24-25-06.pdf

นาวนิ ขำแป้ น.(2564)ต่อสูห้ รือขดั ขวางเจา้ พนกั งานหรือผซู้ ่ึงตอ้ งช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมาย
ในการปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ี.สืบคน้ 23 กนั ยายน 2564, จาก
https://www.keybookme.com/law/official-fighting/


Click to View FlipBook Version