The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 2 ระบบเครือข่ายและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Orathai Suwanmanee, 2020-07-29 04:06:39

บทที่ 2 ระบบเครือข่ายและเทคโนโลยีสารสนเทศ

บทที่ 2 ระบบเครือข่ายและเทคโนโลยีสารสนเทศ

บทที่ 2
ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ
เนอ้ื หาสาระ (Content)
การที่ระบบเครอื ข่ายมบี ทบาทและความสำคญั เพ่มิ ขน้ึ เพราะไมโครคอมพวิ เตอรไ์ ดร้ บั การใชง้ าน
อยา่ งแพร่หลาย จงึ เกิดความต้องการทจี่ ะเช่ือมตอ่ คอมพวิ เตอรเ์ หล่าน้ันเพือ่ เพมิ่ ขีดความสามารถของระบบให้
สูงข้ึน เพิ่มการใชง้ านด้านต่าง ๆ และลดต้นทุนระบบโดยรวมลง มกี ารแบ่งใชง้ านอุปกรณ์และข้อมูลต่าง ๆ
ตลอดจนสามารถทำงานร่วมกันได้
สงิ่ สำคญั ที่ทำใหร้ ะบบขอ้ มูลมขี ดี ความสามารถเพิ่มขน้ึ คอื การโอนยา้ ยขอ้ มมูลระหวา่ งกนั และการ
เชือ่ มตอ่ หรือการสื่อสาร การโอนย้ายขอ้ มลู หมายถึง การนำข้อมลู มาแบง่ กันใชง้ าน หรือการนำข้อมูลไปใช้
ประมวลผลในลกั ษณะแบง่ กันใชท้ รัพยากร เช่น แบง่ กันใชซ้ พี ยี ู แบ่งกนั ใช้ฮาร์ดดิสก์ แบ่งกนั ใช้โปรแกรมและ
แบง่ กันใช้อปุ กรณ์อน่ื ๆ ทมี่ ีราคาแพงหรอื ไม่สามารถจัดหาให้ทกุ คนได้ การเชอ่ื มต่อคอมพวิ เตอรเ์ ป็นเครอื ข่าย
จงึ เปน็ การเพ่มิ ประสิทธิภาพการใช้งานให้กวา้ งขวางและมากขน้ึ จากเดมิ
การเช่อื มต่อในความหมายของระบบเครือข่ายทอ้ งถ่นิ ไมไ่ ดจ้ ำกดั อยู่ที่การเชอ่ื มตอ่ ระหวา่ งเครือ่ ง
ไมโครคอมพวิ เตอร์ แต่ยงั รวมไปถึงการเช่ือต่ออุปกรณร์ อบขา้ ง เทคโนโลยีทีก่ ้าวหนา้ ทำใหก้ ารทำงานเฉพาะมี
ขอบเขตกวา้ งขวางยิ่งขึ้น มกี ารใชเ้ ครอ่ื งบรกิ ารแฟ้มข้อมูลเป็นทีเ่ ก็บรวบรวมแฟ้มขอ้ มลู ตา่ ง ๆ มีการทำ
ฐานข้อมลู กลาง มีหนว่ ยจัดการประกอบสำหรบั ต่อเข้าในระบบเครอื ข่ายเพอื่ จะทำงานเฉพาะเจาะจงอยา่ งใด
อย่างหน่งึ
2.1 ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ( Computer Network ) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2
เครื่องขึน้ ไปเข้าดว้ ยกันด้วยสายเคเบิล หรอื สอ่ื อ่นื ๆ ทำใหค้ อมพวิ เตอร์สามารถรับสง่ ข้อมูลแก่กนั และกันได้ใน
กรณีที่เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเคร่ืองคอมพิวเตอรห์ ลายๆ เครื่องเข้ากับเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ขนาดใหญท่ ี่เปน็
ศูนย์กลาง เราเรียกคอมพิวเตอร์ที่เปน็ ศูนย์กลางนี้ว่า โฮสต์ (Host) และเรียกคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เข้ามา
เชื่อมต่อว่า ไคลเอนต์ (Client)ระบบเครือข่าย (Network) จะเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเพื่อการ
ติดต่อสื่อสาร เราสามารถส่งข้อมูลภายในอาคาร หรือข้ามระหว่างเมืองไปจนถึงอีกซีกหนึง่ ของโลก ซึ่งข้อมูล
ตา่ ง ๆ อาจเป็นทง้ั ข้อความ รปู ภาพ เสียง ก่อให้เกดิ ความสะดวก รวดเรว็ แก่ผู้ใช้ ซ่ึงความสามารถเหล่าน้ีทำให้
เครือข่ายคอมพวิ เตอร์มีความสำคญั และจำเป็นตอ่ การใชง้ านในแวดวงต่าง ๆ

ที่มา : https://9mza.blogspot.com/2017/06/blog-post.html
รปู ที่ 2.2 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ มีองค์ประกอบที่สำคัญ เพื่อการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ได้แก่ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (File Server) ช่องทางการสื่อสาร (Communication Chanel) สถานีงาน
(Workstation or Terminal) และ อุปกรณใ์ นเครือข่าย (Network Operation System)
1. คอมพิวเตอรแ์ มข่ า่ ย

คอมพวิ เตอร์ แม่ขา่ ย หมายถงึ คอมพวิ เตอร์ ที่ทำหน้าทเ่ี ปน็ ผใู้ หบ้ ริการทรัพยากร (Resources) ต่าง ๆ
ซงึ่ ได้แก่ หน่วยประมวลผล หนว่ ยความจำ หนว่ ยความจำสำรอง ฐานข้อมูล และ โปรแกรมต่าง ๆ เป็นต้น ใน
ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) มักเรียกว่าคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ในระบบเครือข่ายระยะไกล ที่ใช้
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ หรือ มนิ คิ อมพิวเตอรเ์ ป็นศูนยก์ ลางของเครอื ขา่ ย เรานิยมเรยี กวา่
Host Computer และเรยี กเครอื่ งท่ีรอรบั บริการวา่ ลกู ข่ายหรือสถานีงาน
2. ช่องทางการสือ่ สาร

ชอ่ งทางการส่ือสาร หมายถึง สือ่ กลางหรอื เสน้ ทางท่ีใชเ้ ป็นทางผ่าน ในการรับส่งข้อมูล ระหว่างผู้รับ
(Receiver) และผู้ส่งข้อมูล (Transmitter) ปัจจุบันมีช่องทางการสื่อสาร สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย
คอมพิวเตอร์มีหลายประเภทคือ สายโทรศัพท์แบบสายคู่ตีเกลียวไม่มีฉนวนหุ้ม (UTP) สายคู่ตีเกลียว แบบมี
ฉนวนหุ้ม (STP) สายโคแอคเชยี ล สายใยแกว้ นำแสง คล่นื ไมโครเวป และดาวเทยี ม เปน็ ตน้

ที่มา : https://sites.google.com/site/bthreiynrabbkheruxkhay/home-1/thekhnoloyi-
kherux-khay-laen

รปู ที่ 2.3 ช่องทางการสอื่ สารโดยใช้จานดาวเทียม
3. สถานงี าน

สถานี งาน (Workstation or Terminal) หมายถึง อุปกรณ์หรือเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อ
กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เป็นสถานีปลายทางหรือสถานีงาน ที่ได้รับการบริการจากเครื่อง
คอมพวิ เตอรแ์ ม่ข่าย เรียกวา่ เปน็ คอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Workstation) ในระบบเครอื ข่ายระยะใกล้ มักมีหน่วย
ประมวลผล หรือซีพียูของตนเอง ในระบบที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม เป็นศูนย์กลาง เรียกสถานี
ปลายทางว่าเทอร์มนิ อล (Terminal) ประกอบด้วยจอภาพและแปน้ พมิ พ์เท่าน้ัน ไมม่ ีหนว่ ยประมวลกลางของ
ตัวเอง ต้องใช้หน่วยประมวลผลของคอมพิวเตอรศ์ ูนย์กลางหรือ Host

2.1.2 อุปกรณ์ในเครือขา่ ย
1. การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card :NIC) หมายถึง แผงวงจรสำหรับ ใช้ในการ

เช่อื มต่อสายสัญญาณของเครือข่าย ติดตง้ั ไวใ้ นเคร่อื งคอมพิวเตอรท์ ี่เปน็ เครือ่ งแม่ข่าย และเคร่ืองที่เป็นลูกข่าย
หนา้ ท่ีของการด์ น้ีคอื แปลงสญั ญาณจากคอมพวิ เตอรส์ ่งผา่ นไปตามสายสัญญาณ ทำให้คอมพิวเตอร์ในเครือข่าย
แลกเปลีย่ นขอ้ มูลขา่ วสารกันได้

ท่ีมา : https://sites.google.com/site/thswrrsxinthryaem/kard-ni-kar-cheuxm-tx-kherux-khay
รูปที่ 2.4 การ์ดเช่ือมต่อเครือข่าย

2. โมเด็ม ( Modem : Modulator Demodulator) หมายถึง อุปกรณส์ ำหรับการแปลงสัญญาณดิจิตอล
(Digital) จากคอมพิวเตอร์ด้านผู้ส่ง เพื่อส่งไปตามสายสัญญาณข้อมูลแบบอนาล็อก(Analog) เมื่อถึง
คอมพิวเตอร์ดา้ นผู้รับ โมเด็มก็จะทำหน้าที่แปลงสญั ญาณอนาล็อก ให้เป็นดจิ ิตอลนำเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์
เพื่อทำการประมวลผล โดยปกติจะใช้โมเด็มกับระบบเครือข่ายระยะไกล โดยการใชสายโทรศัพท์เป็นส่ือกลาง
เช่น เครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ เป็นตน้

ท่มี า : https://sites.google.com/site/it2558krukor/home/kar-leuxk-chi-hardwaer/kar-
cheuxm-tx-kherux-khay-khnad-lek

รูปที่ 2.5 การใชโ้ มเดม็ ในการติดต่อเครือขา่ ยระยะไกล

3. ฮับ (Hub) คอื อปุ กรณเ์ ช่อื มต่อท่ีใช้เปน็ จุดรวม และ แยกสายสญั ญาณ เพ่อื ใหเ้ กิดความสะดวก ในการ
เชื่อมต่อของเครือข่ายแบบดาว (Star) โดยปกติใช้เป็นจุดรวมการเชือ่ มต่อสายสัญญาณระหวา่ ง File Server
กับ Workstation ต่าง ๆ

ทมี่ า : https://medium.com/@klongthomtechwittaya/
รปู ที่ 2.6 ฮบั ท่ีใชเ้ ปน็ จุดเช่ือมตอ่ และจดุ แยกของสาย

4. ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ จัดการระบบเครือข่ายของ
คอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครือข่าย สามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้
อยา่ งถูกต้อง และมปี ระสทิ ธภิ าพ ทำหน้าท่จี ัดการด้านการรักษาความปลอดภัย ของระบบเครือข่าย และยังมี
หน้าที่ควบคุม การนำโปรแกรมประยุกต์ ด้านการติดต่อสื่อสาร มาทำงานในระบบเครือข่ายอีกด้วย นับว่า
ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย มีความสำคัญต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างยิ่ง ตัวอย่าง ซอฟต์แวร์
ประเภทนี้ได้แก่ ระบบปฏิบัติการ Windows NT , Linux , Novell Netware , Windows XP ,Windows
2000 , Solaris , Unix เป็นตน้

ทม่ี า : https://images.search.yahoo.com/
รปู ท่ี 2.7 ซอฟตแ์ วรร์ ะบบปฏิบัตกิ ารเครือขา่ ย

2.1.3 โครงสร้างเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรเ์ ตอร์ (Topology) จำแนกตามลกั ษณะของการเชื่อต่อดังน้ี
1. โครงสรา้ งเครอื ข่ายคอมพิวเตอรแ์ บบบัส (bus topology)
โครง สร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบบัส จะประกอบด้วย สายส่งข้อมูลหลัก ที่ใช้ส่งข้อมูลภายใน

เครือข่าย เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง จะเชื่อมต่อเข้ากับสายข้อมูลผ่านจุดเชื่อมต่อ เมื่อมีการส่งข้อมูล
ระหว่างเครอื่ ง คอมพวิ เตอรห์ ลายเครื่องพร้อมกัน จะมีสญั ญาณข้อมูลสง่ ไปบนสายเคเบ้ิล และมีการแบ่งเวลา
การใชส้ ายเคเบ้ลิ แต่ละเคร่อื ง ขอ้ ดขี องการเชื่อมตอ่ แบบบัส คอื ใช้ส่อื นำข้อมูลน้อย ช่วยใหป้ ระหยัดค่าใช้จ่าย
และถ้าเคร่ือง คอมพิวเตอรเ์ ครื่องใดเครื่องหน่ึงเสยี ก็จะไม่สง่ ผลต่อการทำงาน ของระบบโดยรวม แต่มีข้อเสีย
คอื การตรวจจดุ ทม่ี ปี ัญหา กระทำไดค้ อ่ นขา้ งยาก และถ้ามีจำนวนเครื่องคอมพวิ เตอร์ ในเครอื ข่ายมากเกินไป
จะมกี ารสง่ ข้อมูลชนกันมากจนเป็นปัญหา

ที่มา : https://images.search.yahoo.com/search/
รูปที่ 2.8 โครงสรา้ งเครือข่ายคอมพิวเตอรแ์ บบบัส

2. โครงสรา้ งเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์แบบวงแหวน (ring topology)
โครงสร้างเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์แบบวงแหวน มีการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยที่แต่ละ

การเชื่อมต่อจะมีลกั ษณะเป็นวงกลม การสง่ ขอ้ มูลภายในเครือข่ายนี้กจ็ ะเป็นวงกลมด้วยเชน่ กัน ทิศทางการส่ง
ข้อมูล จะเป็นทิศทางเดียวกันเสมอ จากเครื่องหนึ่งจนถึงปลายทางในกรณีที่มีเครื่อง คอมพิวเตอร์เครื่องใด
เครื่องหนึ่งขัดข้อง การส่งข้อมูลภายในเครือข่ายชนิดนี้จะไม่สามารถทำงานต่อไปได้ ข้อดี ของโครงสร้าง
เครือข่ายแบบวงแหวนคือ ใช้สายเคเบิ้ลน้อย และถ้าตัดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เสยี ออกจากระบบ ก็จะไมส่ ่งผล
ตอ่ การทำงานของระบบเครอื ขา่ ยนี้ และจะไม่มีการชนกันของขอ้ มลู ท่แี ต่ละเคร่ืองสง่

ทีม่ า : https://images.search.yahoo.com/search/
รูปที่ 2.9 โครงสรา้ งเครือข่ายคอมพิวเตอรแ์ บบวงแหวน

3. โครงสร้างเครือข่ายคอมพวิ เตอร์แบบดาว (star topology)
โครง สร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบดาว ภายในเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะต้องมีจุกศูนย์กลางในการ

ควบคมุ การเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์ หรอื ฮับ (hub) การส่ือสารระหว่างเครอ่ื งคอมพวิ เตอรต์ า่ ง ๆ จะสอ่ื สารผ่าน
ฮับก่อนที่จะส่งข้อมูลไปสู่ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องอื่น ๆ โครงสร้างเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ แบบดาวมี ข้อดี
คอื ถา้ ต้องการเช่อื มต่อคอมพวิ เตอร์เคร่อื งใหม่ กส็ ามารถทำได้ง่าย และไมก่ ระทบตอ่ เคร่อื งคอมพิวเตอร์อื่น ๆ
ในระบบ ส่วนข้อเสีย คือ ค่าใช้จ่ายในการใช้สายเคเบิ้ลจะ ค่อนข้างสูง และเมื่อฮับไม่ทำงาน การสื่อสารของ
คอมพิวเตอร์ท้ังระบบกจ็ ะหยุดตามไปดว้ ย

ทมี่ า : https://images.search.yahoo.com/search/
รูปท่ี 2.10 โครงสรา้ งเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบดาว
4. โครงสร้างเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์แบบเมช (mesh topology)
โครง สร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบเมช มีการทำงานโดยเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะมี
ช่องสัญญาณจำนวนมาก เพื่อที่จะเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆทุกเครื่อง โครงสร้างเครือข่าย
คอมพิวเตอร์นี้เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง จะส่งข้อมูล ได้อิสระไม่ต้องรอการส่งข้อมูลระหว่างเครื่อง
คอมพิวเตอร์เครื่องอ่นื ๆ ทำให้การสง่ ข้อมลู มีความรวดเรว็ แตค่ ่าใชจ้ า่ ย สายเคเบล้ิ กส็ ูงดว้ ยเชน่ กัน

ทม่ี า : https://images.search.yahoo.com/search/
รปู ที่ 2.11 โครงสร้างเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรแ์ บบเมช

5. โครงสรา้ งเครือขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ บบผสม (hybrid topology)
เป็น โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ผสมผสานความสามารถของโครงสร้างเครือข่าย คอมพิวเตอร์

หลาย ๆ แบบรวมกนั ประกอบด้วยเครือข่าย คอมพิวเตอรย์ ่อย ๆ หลายเครือข่ายทมี่ โี ครงสร้างแตกต่างกันมา
เชอื่ มตอ่ กันตามความเหมาะสม ทำใหเ้ กดิ เครอื ขา่ ยที่มปี ระสทิ ธภิ าพสูงในการสอ่ื สารข้อมลู

ท่ีมา : https://images.search.yahoo.com/search/
รปู ท่ี 2.12 โครงสร้างเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบผสม

1.ระบบเครือขา่ ยแบบ LAN หรือระบบเครอื ข่ายเฉพาะบริเวณ โดยปกตแิ ล้วจะเปน็ ระบบเครอื ข่ายส่วนตัว
(Private Network) นัน่ คอื องค์กรทีต่ ้องการใช้งานเครอื ข่าย ทำการสร้าง เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ที่เช่ือมต่อกัน
เปน็ ระบบเครือข่ายในระยะใกล้ ๆ ซึง่ จะชว่ ยให้เกิดประโยชนแ์ ก่องคก์ รและธุรกิจต่าง ๆ มากมาย เช่น

- สามารถแบง่ เบาการประมวลผลไปยังเครือ่ งตา่ ง ๆ เฉลย่ี กันไป
- สามารถแบ่งกันใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องพิมพ์ ซีดีรอมไดร์ฟ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มี
ประสทิ ธภิ าพสูง เป็นตน้
- สามารถแบ่งกันใช้งานซอฟต์แวร์และข้อมูลหรือสารสนเทศต่าง ๆ รวมทั้งทำให้สามารถจัดเก็บข้อมลู
เหลา่ นนั้ ไวเ้ พียงท่ีเดียว
- สามารถวางแผนหรือทำงานรว่ มกันเปน็ กลุ่มได้ แม้จะไมไ่ ด้อยู่ใกลก้ ันกต็ าม
- สามารถใช้ในการติดต่อกัน เช่น ส่งจดหมายทางอิเล็คทรอนิกส์ หรือการส่งเสียงหรือภาพทาง
อิเลค็ ทรอนิกส์ เปน็ ต้น
- ช่วยลดค่าใชจ้ ่ายโดยรวมขององคก์ ร

ทีม่ า : https://images.search.yahoo.com/search/
รูปที่ 2.13 เครือข่ายทอ้ งถิ่น (LAN)

ระบบเครอื ข่ายแบง่ ได้ 2 ประเภท คือ
1.1 เครือขา่ ยไคลเอนต/์ เซิรฟ์ เวอร์ (client/server) คือ การท่ีมเี ครอื่ งผ้ใู หบ้ รกิ าร (server) และเครอื่ ง

ผใู้ ชบ้ รกิ าร (client) เชื่อมตอ่ กนั อยู่ และเครอ่ื งผู้ใช้บรกิ ารไดม้ ีการติดตอ่ ร้องขอบรกิ ารจากเครือ่ งผู้ใหบ้ ริการ
เคร่ืองผูใ้ ห้บรกิ ารก็จะจดั การตามท่ีเคร่อื งผขู้ อใช้บรกิ ารรอ้ งขอ แลว้ สง่ ขอ้ มลู กลับไปให้เครือข่ายแบบ
ไคลเอนต์/เซริ ฟ์ เวอร์ เหมาะกับระบบเครือขา่ ยท่ตี ้องการเชอ่ื มตอ่ กับเครื่องลูกข่ายจำนวนมาก โดยการรองรบั
จำนวนเครอ่ื งลกู ขา่ ย (Client) อาจเป็นหลักสบิ หลักรอ้ ย หรือหลกั พนั เพราะฉะนนั้ เครอื่ งท่จี ะนำมาทำหนา้ ที่
ให้บรกิ ารจะตอ้ งเปน็ เคร่อื งทม่ี ี ประสิทธิภาพสงู เนอื่ งจากถกู ตอ้ งออกแบบมาเพ่อื ทนทานต่อความผิดพลาด
(Fault Tolerance) และตอ้ งคอยใหบ้ รกิ ารทรพั ยากร การให้กับเครือ่ งลูกขา่ ยตลอดเวลาโดยเครื่องท่ีจะนำมา
ทำเปน็ เซริ ฟ์ เวอร์อาจเป็นคอมพวิ เตอร์แบบเมนเฟรม มนิ ิคอมพิวเตอร์ หรอื ไมโครคอมพิวเตอรก์ ไ็ ด้

เครอื ข่ายประเภทน้จี ะมเี คร่อื งศนู ยบ์ รกิ าร ทเ่ี รยี กว่า เครอ่ื งเซิรฟ์ เวอร์ และมเี ครื่องลูกขา่ ยต่าง ๆ
เชื่อมตอ่ โดยเครือขา่ ยหนึ่งอาจมเี ครือ่ งเซริ ฟ์ เวอรม์ ากกวา่ หนง่ึ ตัวเชอื่ มตอ่ ภายในวงแลนเดียวกัน ซง่ึ เซิร์ฟเวอร์
แตล่ ะตัวก็ทำหน้าทร่ี บั ผิดชอบท่ีแตกตา่ งกัน เชน่

1. ไฟลเ์ ซิร์ฟเวอร์ (File Server) คอื เครอ่ื งทใี่ หบ้ รกิ ารแฟ้มข้อมลู ให้แกเ่ ครือ่ งลูกข่าย
2. พรินต์เซิร์ฟเวอร์ (Print Server) คือ เคร่ืองท่บี รกิ ารงานพิมพ์ให้แก่เครอ่ื งลกู ขา่ ย โดยบนั ทึกงาน
พมิ พ์เก็บไวใ้ นรปู แบบของสพูล (Spool) และดำเนินการพิมพง์ านตามลำดบั ควิ
3. ดาต้าเบสเซริ ฟ์ เวอร์ (Database Server) คือ เครอ่ื งทบ่ี รกิ ารฐานข้อมูลให้แกเ่ ครือ่ งลกู ขา่ ย
4. เว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web Server) คือ เครื่องที่จัดเก็บข้อมูลด้านเว็บเพจขององค์กร เพื่อให้ผู้ท่อง
อนิ เตอร์เน็ตสามารถเขา้ ถงึ เวบ็ ขององค์กรได้
5. เมลเซิร์ฟเวอร์ (Maill Server) คือ เครื่องที่จัดเก็บข้อมูลด้านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ
E-mail ที่มีการรบั สง่ ระหว่างกันภายในเครือข่าย

ทีม่ า : https://images.search.yahoo.com/search/
รูปที่ 2.14 เครอื ข่ายไคลเอนต์/เซิร์ฟเวอร์

1.2 เครือข่ายแบบเพียรท์ เู พยี ร์ (Peer-to-Peer Network) เครอื ข่ายประเภทนี้จะไม่มเี ครอ่ื งเซริ ฟ์ เวอร์ และ
ไม่มีการแบง่ ช้ันความสำคัญของคอมพิวเตอร์ท่ีเชือ่ มต่อกนั เขา้ กับเครอื ขา่ ย คอมพิวเตอร์ทกุ เครอื่ งจะมีสิทธิเท่า
เทยี มกันในการจักการใชเ้ ครือขา่ ย ซง่ึ เรยี กวา่ เพยี ร(์ Peer) นัน่ เอง คอมพวิ เตอรแ์ ตล่ ะเครื่องจะทำหนา้ ทเ่ี ป็นท้ัง
ไคลเอนท์และเซิร์ฟเวอรแ์ ล้วแต่การใชง้ านของผใู้ ช้ เครือข่ายประเภทน้ี ไม่จำเปน็ ต้องมผี ู้ดูแลและจัดการระบบ
หน้าที่นี้จะกระจายไปยังผู้ใช้แต่ละคน เนื่องจากผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะเป็นคนกำหนดว่าข้อมูลหรือ
ทรพั ยากรใดบ้างของเครื่องนน้ั ท่ีต้องการแชรก์ ับผ้ใู ช้คนอ่นื ๆ

ทีม่ า : https://images.search.yahoo.com/search/
รูปที่ 2.15 เครอื ข่ายเพยี ร์ทูเพยี ร์

การใช้งานแบบเพียร์ทูเพียร์ บางที่ก็เรียกว่า "เวิร์คกรุ๊ป (Work group)" หรือกลุ่มของคนที่ทำงาน
ร่วมกันเป็นทีม ซึ่งส่วนมากจะมีจำนวนน้อยกว่าสิบคน เครือข่ายประเภทนี้จะเป็นแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อนมาก
เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องทำหน้าที่เป็นทั้งไคลเอนท์และเซิร์ฟเวอร์ ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นที่ต้องมีเครื่อง
เซิรฟ์ เวอรเ์ พราะตอ้ งมีเคร่ืองเซิร์ฟเวอรท์ ม่ี ีราคาแพงทำหน้าทจ่ี ัดการเครือขา่ ย

ระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครือขา่ ยแบบเพยี รท์ ูเพยี ร์นี้ไม่จำเปน็ ต้องเปน็ ซอฟต์แวร์ทีม่ ฟี ังกช์ ัน และระบบ
รกั ษาความปลอดภยั เท่ากับระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครื่องเซริ ฟ์ เวอร์ เช่น ระบบปฏิบัติการท่ีใช้ในคอมพิวเตอร์
ที่อยู่ในเครือข่ายแบบเพียร์ทูเพียร์ อาจจะใช้แค่วินโดวส์ 95/98/Me ในขณะที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์อาจต้องใช้
วินโดวส์เซิรฟ์ เวอร์ 2002/2003 ซึ่งราคาของระบบปฏบิ ัตกิ ารนจี้ ะแพงกว่ากันมาก

เครอื ข่ายแบบเพียร์ทเู พยี รเ์ หมาะสำหรับสภาแวดล้อมดงั ต่อไปน้ี
- มีผู้ใช้เครอื ข่าย 10 คน หรือนอ้ ยกว่า
- มีทรัพยากรเครือข่ายที่ต้องแชร์กันไม่มากนัก เช่น ไฟล์ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น ซึ้งยังไม่จำเป็นต้องมี

เครือ่ งเซิรฟ์ เวอรท์ ่ีทำหน้าทีท่ างด้านน้ีโดยเฉพาะยังไม่มีความจำเปน็ ในการรกั ษาความปลอดภัยของข้อมลู
การขยายตวั ของเครอื ข่ายไมม่ ากนักในอนาคตอนั ใกล้

เมื่อสถานการณ์เปน็ ดังทีว่ ่าน้ี กค็ วรท่ีจะสรา้ งเครือข่ายแบบเพยี ร์ทูเพียร์ เนอ่ื งจากเหมาะสมกว่าท่ีจะสร้าง
เครอื ข่ายแบบไคลเอนท์เซริ ์ฟเวอร์ ซึง่ เป็นเครือข่ายที่ตอ้ งมคี ่าใช้จ่ายสูงกว่ามากถงึ แม้ว่าเครือข่ายแบบเพียร์ทู
เพียร์นี้จะเหมาะกับเครือข่ายขององค์กรขนาดเล็ก แต่ก็ไม่เหมาะสมกบั ทุก ๆ สภาพแวดล้อมเสมอไปสำหรับ
องค์กรที่มีคอมพิวเตอร์และเครอื ข่ายใช้ ควรที่จะมีบุคลากรที่ทำหน้าที่ดแู ลและจัดการระบบ ซึ่งจะทำหน้าที่
ดังตอ่ ไปนี้

- ใหก้ ารช่วยเหลือผู้ใช้เกย่ี วกบั การใชซ้ อฟต์แวร์ต่าง ๆ และการใช้เครอื ข่าย
- ดูแลขอ้ มลู และกำหนดการรกั ษาความปลอดภัยของขอ้ มูล
- สร้างการแชร์ทรพั ยากรต่าง ๆ
- ดูแลรักษาซอฟต์แวร์ เช่น การติดต้ังและอัพเกรตซอฟตแ์ วรต์ า่ ง ๆ รวมท้งั ระบบปฏบิ ตั ิการ
บำรงุ รกั ษาอุปกรณเ์ ครือข่าย และแกป้ ัญหาต่าง ๆ ของเครือข่าย
ในเครือข่ายหนึ่งผู้ใช้ทุกคนสามารถกำหนดการแชร์ทรัพยากรที่มีอยู่ในเครื่องตัวเองได้ ซึ่งทรัพยากร
เหลา่ นจ้ี ะรวมถงึ ไดเร็คทอรที ี่จะแชร์ในฮาร์ดดิสก์ตัวเอง เครอื่ งพมิ พ์ แฟกซ์ เปน็ ตน้ ในสภาพแวดล้อมทว่ั ๆ ไป
ของเครือขา่ ยแบบเพียร์ทูเพียร์ ผู้ใชท้ ่เี ป็นเจ้าของเคร่ืองจะใช้ทรัพยากรส่วนใหญ่ของคอมพวิ เตอร์ตัวเอง ส่วน
ผู้ใช้ทรพั ยากรอ่นื จะใชท้ รัพยากรบางส่วนผ่านทางเครอื ขา่ ย แต่ถา้ เปน็ เครื่องเซริ ฟ์ เวอร์จะใชท้ รัพยากรว่ายใหญ่
เพื่อให้บริการกับผู้ใช้ผ่านทางเครือขา่ ย ซึ่งโดยทั่วไปจะไม่มีคนใช้เครือ่ งเซร์ฟเวอร์ นอกจากผู้ดูแลระบบที่ใช้
เครอ่ื งในการจดั การต่าง ๆ เทา่ น้นั
การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล หมายถึง การทำให้ข้อมูลปลอดจากการนำไปใช้โดยผู้ที่ไม่ได้รับ
อนญุ าตหรือมสี ิทธิ สว่ นวธิ ีการน้นั อาจมหี ลายวิธี เชน่ การควบคมุ การเข้าถงึ ขอ้ มูล หรอื กำหนดรหัสลับในการ
เข้าใช้ข้อมูลที่แชร์ไว้ เป็นต้น ในสภาพแวดล้อมแบบเพียร์ทูเพียร์ ผู้ใช้แต่ละคนต้องกำหนดรหัสลักกับทุก
ทรัพยากรที่แชร์ไว้ ซึ่งวิธีการนีก้ ็ทำให้ไม่สามารถรวมศูนย์ควบคุมเพ่ือการรักษาความปลอดภัย การทำเช่นน้ี
อาจกอ่ ให้เกิดชอ่ งโหว่เ เพราะผใู้ ช้บางคนอาจจะไม่ได้กำหนดระดับความปลอดภัยในเครือ่ งตัวเองเลย ถ้าหาก
ความปลอดภยั ของข้อมูลมีความสำคญั เครือข่ายแบบไคลเอนท์เซิรฟ์ เวอร์จะเหมาะสมกว่า เพราะง่ายต่อการ
รกั ษาความปลอดภัย

เน่ืองจากคอมพิวเตอร์แต่ละเครอ่ื งในเครือข่ายประเภทน้จี ะทำหน้าทเ่ี ปน็ ทงั้ ไคลเอนท์และเซิร์ฟเวอรด์ ังน้ัน
ผู้ใช้แต่ละคนควรที่จะได้รับการฝึกอบรมให้เป็นไดท้ ั้งผู้ใช้และผู้ดูแลระบบในเวลาเดียวกัน ซึ่งอาจจะเป็นการ
ยากเนอ่ื งจากผ้ใู ชแ้ ตล่ ะคนอาจมีงานอืน่ ท่ตี ้องทำ

2. เครือขา่ ยระดับเมือง (Metropolitan Area Network หรือ MAN)
เป็น เครอื ข่ายขนาดกลาง ใช้ภายในเมอื ง หรือจงั หวดั ท่ีใกลเ้ คียงกัน เช่น ระบบเคเบลิ ทวี ีท่ีมีสมาชิกตาม

บา้ นทั่วไปทเ่ี ราดกู ันอยทู่ ุกวันก็จดั เป็นระบบ เครอื ขา่ ยแบบ MAN

ทม่ี า : https://images.search.yahoo.com/search/
รูปท่ี 2.16 เครอื ข่ายระดบั เมอื งหรอื เครอื ขา่ ยแมน

3. เครอื ข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network หรอื WAN)
เปน็ ระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ ใช้ติดต้ังบริเวณกว้าง มสี ถานีหรือจุดเชอื่ มต่อมากมาย มากกว่า 1 แสน

จดุ ใช้สอ่ื กลางหลายชนิด เช่น ระบบคลนื่ วิทยุ ไมโครเวฟ หรอื ดาวเทยี ม

ท่มี า : https://images.search.yahoo.com/search/
รูปท่ี 2.17 เครือข่ายระดับประเทศหรอื เครอื ข่ายแวน

2.1.4 ประเภทของเครือขา่ ยแวน WAN
1. เครอื ข่ายสว่ นตัว (private network) เปน็ การจดั ตั้งระบบเครอื ขา่ ยซ่ึงมีการใชง้ านเฉพาะองคก์ ร เชน่

องคก์ รท่ีมีสาขาอาจทำการสรา้ งระบบเครือข่าย เพ่ือเช่อื มต่อระหว่างสำนักงานใหญก่ ับสาขาทีม่ อี ยู่ เปน็ ตน้
การจัดตั้งระบบเครือข่ายส่วนตัวมีจุดเด่นในเรื่องของการรักษาความลับของข้อมูล สามารถ

ควบคุมดูแลเครือข่ายและขยายเครือข่ายไปยังจุดที่ต้องการ ส่วนข้อเสียคือในกรณีที่ไม่ได้มีการส่งข้อมูล
ต่อเนื่องตลอดเวลา จะเสยี ค่าใช้จ่ายสูงมากเม่อื เทยี บกับการส่งข้อมลู ผา่ นเครือข่ายสาธารณะ และหากมีการส่ง
ข้อมูลระหว่างสาขาต่าง ๆ จะต้องมีการจัดหาช่องทางสื่อสารเชื่อมโยงระหว่างแต่ละสาขาด้วย ซึ่งอาจจะไม่
สามารถจัดช่องทางการสอ่ื สารไปยังพืน้ ทีท่ ี่ต้องการได้

2. เครือข่ายสาธารณะ (PDN: public data network) หรือบางครั้งเรียกว่าเครือข่ายมูลค่าเพิ่ม (VAN:
Value Added Network) เป็นเครือข่าย WAN ที่จะมีองค์กรหนึ่ง (third party) เป็นผู้ทำหน้าที่ในการเดิน
ระบบเครือข่าย และให้เช่าชอ่ งทางการสอ่ื สารให้กับ บริษทั ต่าง ๆ ท่ตี ้องการสร้างระบบเครอื ข่าย ซึ่งบริษัทจะ
ลดค่าใช้จ่ายของตนลงได้ เนื่องจากมีบุคคลอื่นมาช่วยแบ่งปันค่าใช้จ่ายไป ซึ่งจะนิยมใช้กันมาก เนื่องจากมี
ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการจัดตั้งเครือข่ายส่วนตัว สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาในการจัดตั้งเครือข่าย
ใหม่ รวมทั้งมบี ริการให้เลอื กอย่าง หลากหลาย ซึ่งแตกต่างกันไปทั้งในส่วนของราคา ความเร็ว ขอบเขตพื้นท่ี
บรกิ าร และความเหมาะสมกับงานแบบตา่ ง ๆ

ในสหรัฐอเมรกิ ามีการใช้ระบบในรูปแบบนภี้ ายใต้การบรกิ ารของ GE (General Electric) ตัง้ ระบบชือ่
GEIS (GE Information Services Company) สำหรับประเทศไทย เริ่มมีแนวความคิดในการใช้ระบบนี้ใน
เครือข่าย GINET (Government Information Network) โดยทางเนคเทคจะตั้งเครือข่ายเพื่อการบริการ
และให้หนว่ ยงานต่าง ๆ มาเชอ่ื มสญั ญาณเขา้ ทร่ี ะบบน้ี
2.1.5 ความหมายของอินเทอร์เนต็

อินเตอร์เน็ต (Internet) นั้นย่อมาจากคำว่า “International network” หรือ “Inter
Connection network” ซึ่งหมายถงึ เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชอื่ มโยงเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ทั่ว
โลกเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้เกิดการสื่อสาร และการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน โดยอาศัยตัวเชื่อมเครือข่าย
ภายใต้มาตรฐานการเชื่อมโยงเดียวกัน นั่นก็คือ TCP/IP Protocol ซึ่งเป็นข้อกำหนดวิธีการติดต่อสื่อสาร
ระหว่างคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย ซึ่งโปรโตคอลนี้จะช่วยให้คอมพิวเตอร์ที่มีฮาร์ดแวร์ที่แตกต่างกัน
สามารถติดต่อถึงกนั ได้

การท่ีมีระบบอนิ เตอร์เน็ต ทำใหส้ ามารถเคล่ือนย้ายข่าวสารข้อมูลจากท่ีหน่งึ ไปยงั อกี ท่หี นึ่งได้ โดยไม่
จำกัดระยะทาง ส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ ทั้งข้อความตัวหนังสือ ภาพ และ เสียง โดยอาศัยเครือข่าย
โทรคมนาคมเปน็ ตัวเชื่อมตอ่ เครอื ขา่ ยอินเตอร์เน็ตนบั เป็นอภริ ะบบเครอื ข่ายท่ียิ่งใหญม่ าก มีเครื่องคอมพวิ เตอร์
หลายล้านเครื่องทัว่ โลกเชื่อมต่อกับระบบ ทำให้คนในโลกทุกชาติทุกภาษาสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ โดยไม่
ต้องเดินทางไป โลกทั้งโลกเปรียบเสมือนเป็นบ้านหนึ่งที่ทุกคนในบ้านสามารถพูดคุยกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ประหยดั เวลา คา่ ใชจ้ า่ ย แต่เกิดประโยชน์ต่อสงั คมโลกปัจจบุ นั มาก

ประวัติความเปน็ มาของอนิ เตอรเ์ นต็
อินเทอร์เนต็ ซง่ึ เปน็ โครงการของ ARPAnet(Advanced Research Projects Agency Network) ซ่ึง

เป็นหน่วยงานที่สังกัด กระทรวงกลาโหม ของสหรัฐ (U.S.Department of Defense - DoD) ถูกก่อตั้ง เมื่อ
ประมาณ ปคี .ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเร่ือยมา

- ค.ศ.1969(พ.ศ.2512) ARPA ได้รับทุนสนับสนุน จากหลายฝ่าย ซึ่งหนึ่งในผูส้ นบั สนนุ ก็คือ Edward
Kenedy และเปลี่ยนชื่อจาก ARPA เป็น DARPA(Defense Advanced Research Projects Agency) พร้อม
เปลย่ี นแปลงนโยบายบางอยา่ ง และในปคี .ศ.1969(พ.ศ.2512)นเ้ี องท่ไี ดท้ ดลองการเชือ่ มต่อคอมพิวเตอร์คนละ
ชนดิ จาก 4 แห่ง เข้าหากันเปน็ ครงั้ แรก คือ มหาวิทยาลยั แคลฟิ อร์เนยี สถาบันวจิ ัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัย
แคลิฟอร์เนีย และมหาวิทยาลัยยูทาห์ เครือข่ายทดลองประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นในปีค.ศ.1975
(พ.ศ.2518) จึงได้เปลี่ยนจากเครือข่ายทดลอง เป็นเครือข่ายที่ใช้งานจรงิ ซึ่ง DARPA ได้โอนหน้าที่รับผิดชอบ
โดยตรง ให้แก่ หน่วยการสื่อสารของกองทัพสหรัฐ (Defense Communications Agency - ปัจจุบันคือ
Defense Information Systems Agency) แต่ในปัจจุบัน Internet มีคณะทำงานที่รับผิดชอบบริหาร
เครอื ข่ายโดยรวม เชน่ ISOC (Internet Society) ดแู ลวัตถุประสงค์หลัก, IAB (Internet Architecture Board)
พิจารณาอนมุ ัตมิ าตรฐานใหม่ในInternet, IETF (Internet Engineering Task Force) พัฒนามาตรฐานที่ใช้กับ
Internet ซึง่ เปน็ การทำงานโดยอาสาสมัคร ท้ังส้นิ

- ค.ศ.1983(พ.ศ.2526) DARPA ตัดสินใจนำ TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet
Protocal) มาใช้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ ทำให้เป็นมาตรฐานของวิธีการติดต่อ ในระบบเครือข่าย
Internet จนกระทั่งปัจจุบัน จึงสังเกตุได้ว่า ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองที่จะต่อ internet ได้จะต้องเพม่ิ
TCP/IP ลงไปเสมอ เพราะ TCP/IP คอื ขอ้ กำหนดทท่ี ำให้คอมพวิ เตอร์ทัว่ โลก ทกุ platform คุยกนั รูเ้ รอ่ื ง และ
ส่อื สารกนั ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง

- การกำหนดชื่อโดเมน (Domain Name System) มีขึ้นเมื่อ ค.ศ.1986(พ.ศ.2529) เพื่อสร้าง
ฐานข้อมูล แบบกระจาย (Distribution database) อยู่ในแต่ละเครือข่าย และให้ ISP (Internet Service
Provider) ช่วยจดั ทำฐานขอ้ มูลของตนเอง จงึ ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งมฐี านข้อมูลแบบรวมศนู ย์ เหมือนแต่ก่อน เชน่ การ
เรียกเว็บ www.yonok.ac.th จะไปที่ตรวจสอบว่ามีชื่อนี้ หรือไม่ ที่ www.thnic.co.th ซึ่งมีฐานข้อมูล ของ
เว็บท่ีลงทา้ ยดว้ ย th ท้งั หมด เป็นตน้

- DARPA ได้ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลระบบ internet เรื่อยมาจนถึง ค.ศ.1980(พ.ศ.2533) และให้
มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation - NSF) เข้ามาดูแลแทนร่วม กับอีกหลาย
หน่วยงาน

- ในความเปน็ จริง ไม่มใี ครเปน็ เจ้าของ internet และไมม่ ใี ครมสี ทิ ธขิ าดแตเ่ พยี งผ้เู ดียว ในการกำหนด
มาตรฐานใหมต่ ่าง ๆ ผูต้ ิดสินวา่ ส่ิงไหนดี มาตรฐานไหนจะได้รบั การยอมรับ คือ ผใู้ ช้ ทก่ี ระจายอยู่ทัว่ ทุกมมุ โลก
ทีไ่ ดท้ ดลองใชม้ าตรฐานเหลา่ นั้น และจะใชต้ ่อไปหรอื ไม่เท่านัน้ ส่วนมาตรฐานเดิมท่เี ปน็ พืน้ ฐานของระบบ เช่น
TCP/IP หรือ Domain name ก็จะต้องยึดตามนั้นต่อไป เพราะ Internet เป็นระบบกระจายฐานข้อมูล การ
จะเปลี่ยนแปลงระบบพืน้ ฐาน จงึ ไม่ใช่เร่ืองง่ายนกั

- ในปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ไอที (IT)
กำลังไดร้ ับ ความสนใจเปน็ อย่างมาก เพราะเทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology)จะเป็นตวั ทีท่ ำ
ให้ เกิดความรู้ วิธีการประมวลผล การจัดเก็บรวบรวมข้อมูล การเรียกใช้ข้อมูล ตลอดจนการเรียกใช้ข้อมูล
ด้วยวิธีการทางอิเล็คทรอนิคส์ เมื่อเราให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology)
ความจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือในการใช้งานไอที เครื่องมือนั้นกค็ ือเคร่ืองคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ สื่อสาร
โทรคมนาคม อินเตอร์เน็ตนบั ว่าเปน็ เคร่ืองมืออยา่ งหนึง่ ในการประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information
Technology) หรือไอที เพราะเราสามารถที่จะใช้งาน หาข้อมูลข่าวสาร และเข้าถึงข้อมูล ได้ด้วยเวลาอัน
รวดเรว็ อนิ เตอรเ์ น็ตเปรยี บเสมอื นหอ้ งสมุดขนาดใหญ่ท่ีมีขอ้ มูลเรอ่ื งราวต่าง ๆ มากมาย ให้เราคน้ หา ข่าวสาร
ที่ทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นทั่วทุกมมุ โลกเราสามารถที่จะทราบได้ทันที จึงนับได้ว่า อินเตอร์เน็ตนนั้
เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ทั้งใน
ระดับองค์กรและในระดับบคุ คล
2.1.6 องคป์ ระกอบของระบบเครอื ขา่ ยอินเทอร์เนต็

ท่มี า : https://images.search.yahoo.com/search/
รูปที่ 2.18 ระบบเครือข่ายอนิ เตอรเ์ นต็

ระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ มีองค์ประกอบที่สำคัญ เพื่อการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ได้แก่ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (File Server) ช่องทางการสื่อสาร (Communication Chanel) สถานีงาน
(Workstation or Terminal) และ อุปกรณ์ในเครือขา่ ย (Network Operation System)

1. คอมพิวเตอร์แมข่ ่าย
คอมพวิ เตอร์ แมข่ า่ ย หมายถงึ คอมพิวเตอร์ ทีท่ ำหน้าทเี่ ป็นผใู้ ห้บริการทรพั ยากร (Resources) ตา่ ง ๆ

ซ่ึงไดแ้ ก่ หนว่ ยประมวลผล หน่วยความจำ หนว่ ยความจำสำรอง ฐานขอ้ มลู และ โปรแกรมตา่ ง ๆ เป็นต้น ใน
ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) มักเรียกว่าคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ในระบบเครือข่ายระยะไกล ที่ใช้เมนเฟรม
คอมพิวเตอร์ หรือ มินิคอมพวิ เตอรเ์ ป็นศูนย์กลางของเครือข่าย เรานิยมเรียกว่า Host Computer และเรียก
เครือ่ งทีร่ อรบั บรกิ ารวา่ ลกู ขา่ ยหรอื สถานีงาน

ท่มี า : http://parkpamer.blogspot.com/2015/07/blog-post.html
รปู ที่ 2.19 คอมพิวเตอรแ์ มข่ ่าย (Sever)

2.คอมพวิ เตอร์ลกู ข่าย
เครื่องลกู ข่ายเป็นคอมพิวเตอรท์ ่ีเชอื่ มตอ่ เข้าระบบเครอื ข่ายซง่ึ อาจเรียกว่าเวริ ์กสเตชั่นกไ็ ด้โดยมักเป็น

เครื่องของผู้ใช้งานทั่วไปสำหรบั ตดิ ต่อเพื่อขอใช้บรกิ ารจากเซิร์ฟเวอร์ เครื่องลกู ข่ายอาจเป็นคอมพิวเตอรท์ ่ไี ม่
จำเปน็ ต้องมีสมรรถนะสูง ซง่ึ อาจเป็นเครื่องเดสกท์ อปคอมพวิ เตอร์ทัว่ ไปกไ็ ด้

ท่ีมา : https://sites.google.com/site/kuramakiew/2-13-khil-xen-t-client-hrux-kheruxng-luk-khay
รปู ท่ี 2.20 คอมพวิ เตอร์ลูกขา่ ย (Client)

2. ตัวกลางและอุปกรณ์การสื่อสาร (Communication Device) หมายถึงอุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อ
ระหว่าง คอมพิวเตอร์แม่ข่ายหรือส่วนกลางกับคอมพิวเตอร์ลูกข่าย เป็นช่องทางสำหรับการรับ-ส่งข้อมูล
ประกอบดว้ ย

2.1 โมเด็ม (Modem) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนรูปแบบสัญญาณข้อมูลระหว่างอะนาล็อกและ
ดิจิทัล ความเร็วในการส่งผ่านข้อมลู ของโมเดม็ มีหน่วยเป็นบิตต่อนาที (bps) โมเด็มที่มีอัตราความเร็วบิตตอ่
นาทีสงู เช่น 512 mbps จะรบั -ส่งขอ้ มลู ได้ดีกว่าโมเดม็ ขนาด 128 mbps

ท่ีมา : https://www.comsiam.com/computer
รูปท่ี 2.21 โมเดม็ (Modem)

2.2 สายโทรศัพท์ (Telephone) หมายถึง ระบบโทรศัพท์ทั่วไปซึ่งสามารถนำเอาสายสัญญาณเสียบ
เขา้ กบั ช่องสำหรับเสยี บสายเช่อื มตอ่ ของคอมพวิ เตอร์

ท่มี า : https://ployphatthrasuda55.wordpress.com/
รูปท่ี 2.22 สายโทรศัพท์

2.3 สายใยแก้วนำแสง (Optical Fiber) เปน็ สายสญั ญาณอกี ชนิดหน่งึ ท่ีทำจากเส้นใยพิเศษท่ีสามารถ
รบั -ส่งข้อมูลไดด้ กี วา่ สายโทรศัพท์ทว่ั ไป

ทมี่ า : http://www.rnnetwork-trading.com/
รูปท่ี 2.23 สายใยแกว้ นำแสง

2.4 คลื่นวิทยุและดาวเทยี ม (Microwave and Satellite) เป็นระบบการส่ือสารโดยใชค้ ลื่นวิทยุและ
คลนื่ ไมโครเวฟรับ-ส่งสัญญาณแบบไร้สายจากดาวเทยี ม

ทีม่ า : https://patarapor5257.wordpress.com/
รูปที่ 2.24 ดาวเทยี ว

3. มาตรฐานการควบคุมและการส่งผ่านข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ( Control/Internet
Protocal) หมายถงึ มาตรฐานที่ใช้ควบคุมและกำหนดเงื่อนไขในการรับ-ส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ได้แก่

3.1 มาตรฐานทีซพี ี/ไอพี (TCP/IP : Transmission Control Protocal/Internet Protocal) เปน็
โพรโตคอลมาตรฐานสำหรบั รับ-ส่งข้อมูลของเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ นต็

3.2 มาตรฐานเฮชทีทีพี (HTTP : Hypertext transfer protocol) เปน็ มาตรฐานสำหรับการสบื ค้น
ข้อมลู ชนิดไฮเปอร์เท็กซ์ (HTML) กำหนดและควบคมุ วิธีการสอ่ื สาร ผ่านโปรแกรมสำหรับติดตอ่ อนิ เทอร์เน็ต
หรอื เบราว์เซอร์ (Browser) กับเครื่องแมข่ ่ายหรือเว็บเซิรฟ์ เวอร์ (Web Server)

3.3 มาตรฐานเอฟทพี ี (FTP : File Transfer Protocal ) เปน็ มาตรฐานทใี่ ช้ในการควบคุมและ
กำหนดวิธกี าร โอนย้ายแฟ้มข้อมูล
4. โปรแกรมสำหรบั ตดิ ตอ่ อินเทอร์เนต็ (Internet Browser Program) ได้แกโ่ ปรแกรมทใ่ี ชอ้ า่ นขอ้ มูล
ไฮเปอรเ์ ท็กซ์ตามมาตรฐานเฮชทีเอ็มแอล (HTML) หรือเรยี กวา่ เบราวเ์ ซอร์ เช่น Internet Explorer ,
Mozilla Firfox , Netscape Navigator และ Operaเป็นต้น เบราวเ์ ซอร์ทำหนา้ ท่ีอ่านข้อมูลจากเว็บไซตต์ ่าง
ๆ เสมือนอา่ นหนังสือทลี ะหนา้ สามารถแสดงผลไดท้ ัง้ ข้อความ ภาพ เสียง และอ่นื ๆ
5. ผู้ให้บริการอนิ เทอรเ์ น็ตหรือไอเอสพี (ISP : Internet Service Provider) หมายถึงหน่วยงาน หรอื
องคก์ ร ผู้ทีใ่ ห้บริการอนิ เทอรเ์ น็ตแก่บุคคลทั่วไป โดยผูใ้ ห้บรกิ ารแต่ละรายจะเปน็ สมาชิกของเครือข่าย
ระดบั ประเทศน้นั ๆ แล้วเชอ่ื มโยงไปยงั ประเทศต่าง ๆ สำหรับผู้ให้บรกิ ารอินเทอร์เน็ตรายสำคัญหรอื รายใหญ่
ทสี่ ดุ ของไทย คอื การสอ่ื สารแห่งประเทศไทย หรอื กสท.
2.1.7 องค์ประกอบท่ใี ช้ในการเชื่อมตอ่ อินเทอร์เนต็

1.คอมพิวเตอร์ เปน็ อุปกรณ์ที่รบั ข้อมูลต่าง ๆไปจาก อินเตอร์เน็ตสำหรับคอมพิวเตอรท์ ่ีเหมาะสมกับ
การเช่อื มต่ออินเตอร์เน็ต ถา้ เปน็ เครือ่ ง PC ควรจะใชเ้ คร่ืองในระดับ Pentium ทม่ี ีระบบปฏิบตั ิการต้งั แต่
Windows 95 ขึ้นไป แตถ่ า้ เปน็ เครอื่ งแมคอินทอชนน้ั ควรใช้ System 7 ข้ึนไปและควรมหี น่วยความจำ
ตง้ั แต่ 16 MB ขน้ึ ไป
2. โมเด็ม (Modem) เป็นอปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการแปลงสญั ญาณดิจิตอลจากคอมพิวเตอรใ์ ห้เปน็ สญั ญาณอนาล็อก
ผา่ นค่สู ายโทรศัพท์ และจะแปลงสญั ญาณกลบั อีกคร้งั ให้กบั คอมพวิ เตอร์ โมเดม็ ทีเ่ หมาะสำหรบั การใช้งาน
อนิ เตอรเ์ น็ต ควรมีความเร็วตั้งแต่ 33.6 Kbps ขน้ึ ไป
3. โทรศพั ท์ ในการเชอื่ มต่อชอ่ งอินเตอรเ์ นต็ นนั้ จะตอ้ งมีคู่สายโทรศพั ทอ์ ยา่ งน้อย 1 เลขหมาย เพื่อเชอ่ื มตอ่
จากเครือ่ งคอมพิวเตอรข์ องเราไปยงั ผู้ใหบ้ ริการอินเตอรเ์ น็ต
4. ผใู้ ห้บรกิ ารอินเตอร์เน็ต (Internet Service Provider) หรือ ISP คือผู้ท่เี ชอ่ื มต่อสัญญาณอนิ เตอร์เน็ตจาก
ประเทศไทยไปยังเครอื ข่ายอินเตอร์เนต็ ต่างประเทศ

หลักการเลือกผู้ให้บรกิ าร ISP
1. จำนวนคู่สายโทรศพั ทท์ ีม่ ีให้บริการแก่สมาชิก
2. ความเรว็ ของสายสญั ญาณ และขนาดความกว้างของชอ่ งสัญญาณที่ตอ่ ไปยังต่างประเทศ
การพิจารณาเลอื กใช้บรกิ ารกบั ผู้ให้บรกิ ารอินเทอร์เน็ต
(1) ความน่าเช่ือถือ
(2) ประสทิ ธภิ าพของระบบ

(3) หมายเลขโทรศัพท์ เพยี งพอตอ่ จำนวนผู้ใช้บริการ
(4) อตั ราการใช้โมเดม็ อัตราส่วน 4:1 หมายถึง โมเด็ม 1 ตัว ตอ่ สมาชกิ 4 ราย
(5) คา่ บรกิ าร
(6) บริการให้คำปรกึ ษา
(7) คา่ ธรรมเนยี มต่าง ๆ
(8) บริการเสริม เช่น มพี น้ื ทวี่ ่างสำหรบั การสร้าง Homepage และมี E-mail Address ให้ ดว้ ย
หรอื ไม่
2.2 เทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ การศึกษา
พัฒนาองค์ความรู้ต่าง ๆ ก็เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ กฎเกณฑ์ของสิ่งต่าง ๆ และหาทางนำมาประยุกต์ให้เกิด
ประโยชน์ เทคโนโลยจี ึงเปน็ คา้ ทีม่ คี วามหมายกวา้ งไกล เปน็ คำท่เี ราได้พบเห็นและไดย้ ินอย่ตู ลอดมา
ลองนึกดูว่าทรายที่เราเห็นอยู่บนพื้นดิน ตามชายหาด ชายทะเลเป็นสารประกอบของซิลิกอน ทราย
เหล่านั้นมีราคาต่ำและเรามองข้ามไป ครั้งมีบางคนที่เรียนรู้วิธีการแยกสกัดเอาสารซิลิกอนให้บริสุทธิ์ และ
เจือสารบางอย่างให้เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่าสารกึ่งตัวนำ นำมาผลิตเป็นทรานซิสเตอร์ และไอซี (Integrated
Circuit : IC) ไอซนี ้ีเป็นอปุ กรณ์ทรี่ วมวงจรอิเล็กทรอนิกสจ์ ำนวนมากไว้ด้วยกัน ใช้เป็นชิพซ่ึงเปน็ สว่ นสำคัญของ
คอมพิวเตอร์ สารซิลิกอนดังกล่าวเมื่อผา่ นกรรมวิธที างเทคโนโลยีแลว้ จะมีราคาสงู สามารถนำมาขายได้เงินเป็น
จำนวนมาก ดงั นนั้ เทคโนโลยีจึงเป็นหัวใจของการสร้างมูลค่าเพ่ิมให้กับสนิ คา้ และผลติ ภัณฑ์ต่าง ๆ เพราะเรา
นำเอาวัตถุดบิ มาผา่ นเทคนคิ การดำเนินการ จะไดว้ ัตถสุ ำเรจ็ รปู สินค้าเหล่าน้ีจะมมี ลู คา่ เพ่มิ จากวัตถุดิบนั้นมาก
ประเทศใดมีเทคโนโลยีมากมักจะเปน็ ประเทศที่พฒั นาแล้ว เทคโนโลยีจงึ เป็นหาทางท่ีจะช่วยในการพัฒนาให้
สินค้าและบริการมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทุกประเทศจึงให้ความสำคัญของการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามา
ช่วยงานดา้ นต่าง ๆ

ท่ีมา : https://sites.google.com/site/2200405natthawut/e-book/--prayochn-khxng-
thekhnoloyi-sarsnthes

รปู ที่ 2.25 การใช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยีสารสนเทศ

2.3 บทบาทของระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศ (Information System หรอื IS) คือระบบแบบเฉพาะเจาะจงชนดิ หนึ่ง ซ่งึ อาจกลา่ ว

ไดว้ ่าเป็นกลมุ่ ของสว่ นประกอบพ้นื ฐานต่าง ๆ ทที่ ำงานเกย่ี วข้องกนั ในการเกบ็ (นำเข้า), จัดการ (ประมวลผล)
และเผยแพร่(แสดงผล) ข้อมูลและสารสนเทศและสนับสนุนกลไกลของผลสะท้อนกลับ เพื่อให้บรรลุตาม
วัตถปุ ระสงค์
ส่วนประกอบของระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศประกอบด้วย 3 ส่วนหลกั

2.3.1 สว่ นทนี่ ำเขา้ (Inputs) ได้แก่การรวบรวมและการจัดเตรยี มขอ้ มลู ดิบ ส่วนทีน่ ำเข้านส้ี ามารถมี
ได้หลายรปู แบบไมว่ ่าจะเป็นการโทรเขา้ เพอ่ื ขอข้อมูลในระบบสอบถามเบอร์โทรศพั ท์ ข้อมลู ท่ีลูกคา้ กรอกในใบ
สอบถามการให้บริการของร้านค้าฯลฯ ขนึ้ อยู่กับส่วนแสดงผลท่ีต้องการ ส่วนที่นำเข้าน้อี าจเปน็ ขบวนการที่ทำ
ดว้ ยตวั เองหรือเป็นแบบอัตโนมตั ิกไ็ ด้ เชน่ การอ่านขอ้ มูลรายชือ่ สนิ คา้ และรายราคาโดยเครื่องอา่ น บาร์โค้ดของ
ห้างสรรพสินค้า จัดเป็นส่วนทนี่ ำเขา้ แบบอัตโนมตั ิ

2.3.2 การประมวลผล (Processing) เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนและการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปของ
สว่ นแสดงผลทม่ี ีประโยชน์ ตัวอยา่ งของการประมวลผลไดแ้ ก่การคำนวณ การเปรียบเทียบ การเลือกทางเลือก
ในการปฏบิ ัติงานและการเก็บข้อมูลไวใ้ ช้ในอนาคต โดยการประมวลผลสามารถทำได้ด้วยตนเองหรอื สามารถ
ใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยก็ได้ ตัวอย่างเช่น ระบบคิดเงินเดือนพนักงาน สามารถคิดได้จากการนำจำนวน
ชัว่ โมงการทำงานของพนักงานคณู เขา้ กับอัตราค่าจา้ งเพอ่ื ใหไ้ ด้ยอดเงนิ รวมท่ีต้องจ่ายรวม ถา้ ชวั่ โมงการทำงาน
รายสปั ดาห์มากกว่า 40 ช่วั โมงอาจมีการคิดเงนิ ล่วงเวลาให้ โดยเพ่ิมเขา้ ไปกบั เงนิ รวม จากนั้นอาจจะทำการหัก
ภาษีพนักงาน โดยการนำเงินรวมมาคิดภาษีและนำเงินรวมมาลบด้วยภาษีที่คำนวณได้ จะทำให้ได้เงินสุทธิที่
ต้องจ่ายใหก้ ับพนักงาน

2.3.3 ส่วนที่แสดงผล (Outputs) เกยี่ วข้องกับการผลติ สารสนเทศท่ีมปี ระโยชน์ มักจะอยูใ่ นรูปของ
เอกสาร หรือรายงานหรืออาจะเป็นเช็คที่จ่ายให้กับพนักงาน รายงานที่นำเสนอผู้บรหิ ารและสารสนเทศที่ถกู
ผลิตออกมาให้กับผู้ถอื ห้นุ ธนาคาร หรือกลมุ่ อนื่ ๆ โดยส่วนแสดงผลของระบบหนง่ึ อาจใชเ้ ปน็ สว่ นทนี่ ำเข้าเพื่อ
ควบคุมระบบหรืออุปกรณอ์ น่ื ๆ กไ็ ด้ เช่นในขบวนการผลติ เฟอรน์ เิ จอร์ พนักงานขาย ลกู คา้ และ นักออกแบบ
เฟอร์นิเจอร์อาจจะทำการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า โดย
อาจจะใช้ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการออกแบบนี้ด้วย จนกระทั่งได้ต้นแบบที่ตรง
ความต้องการมากท่สี ดุ จึงส่งแบบนนั้ ไปทำการผลติ จะเหน็ ว่าแบบเฟอร์นเิ จอร์ทีไ่ ดจ้ ากการออกแบบแต่ละคร้ัง
จะเป็นส่วนที่ถูกนำไปปรับปรุงการออกแบบในครั้งต่อ ๆ ไป จนกระทั่งได้แบบ สุดท้ายออกมา อาจอยู่ในรูป
ของสิ่งพมิ พ์ที่ออกมาจากเครื่องพิมพ์หรือแสดงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เป็นอุปกรณแ์ สดงผลตัวหน่ึงหรอื
อาจจะอยู่ในรูปของรายงานและเอกสารทเ่ี ขยี นด้วยมอื ก็ได้

ท่มี า : https://sites.google.com/a/nongtad.ac.th/computerkrupoo/home/thekhnoloyi-
sarsnthes-m-4/rabb-sarsnthes

รปู ท่ี 2.26 กระบวนการของระบบสารสนเทศ
2.4 ระบบสารสนเทศทใ่ี ช้คอมพวิ เตอร์

ระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ (Hardware), ซอฟต์แวร์ (Software),
ข้อมูล(Data), บุคคล (People), ขบวนการ (Procedure) และการสื่อสารข้อมูล (Telecommunication) ซ่ึง
ถูกกำหนดขึ้นเพื่อทำการรวบรวม, จัดการ จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ รูปที่ 4 แสดง
สว่ นประกอบของระบบ สารสนเทศทีใ่ ช้คอมพิวเตอร์

2.41 ฮาร์ดแวร์ คืออุปกรณ์ทางกายภาพ ที่ใช้ในการรวบรวม การนำเข้า และการจัดเก็บข้อมูล,
ประมวลผล ข้อมลู ให้เป็นสารสนเทศ และแสดงสารสนเทศทเี่ ป็นผลลพั ธอ์ อกมา

2.4.2 ซอฟต์แวร์ ประกอบดว้ ยกล่มุ ของโปรแกรมที่ใชใ้ นการปฏิบตั ิงานรว่ มกับฮาร์ดแวร์และใช้ในการ
ประมวลผลข้อมูลเปน็ สารสนเทศ

2.4.3 ข้อมูล ในส่วนนี้หมายถึงข้อมูลและสารสนเทศที่ถูกเก็บอยู่ในฐานข้อมูล โดยฐานข้อมูล
(Database) หมายถงึ กลุม่ ของคา่ ความจรงิ และสารสนเทศท่มี คี วามเกีย่ วขอ้ งกนั นนั่ เอง

2.4.4. บุคคล หมายถึงบุคคลทใ่ี ช้งานและปฏิบตั ิงานร่วมกับระบบสารสนเทศ
2.4.5 ขบวนการ หมายถึงกลุ่มของคำสั่งหรือกฎ ที่แนะนำวิธกี ารปฏิบัติงานกบั คอมพวิ เตอร์ในระบบ
สารสนเทศ ซ่งึ อาจไดแ้ ก่การแนะนำการควบคมุ การเข้าใช้งานคอมพวิ เตอร์, วิธีการสำรองสารสนเทศในระบบ
และวิธจี ดั การกับปัญหาทอี่ าจเกดิ ขนึ้ ได้
2.4.6 การสื่อสารข้อมูล หมายถึงการส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์เพือ่ ติดต่อสื่อสาร และช่วยให้องคก์ ร
สามารถเชอ่ื มระบบคอมพิวเตอรเ์ ขา้ กบั ระบบเครอื ข่าย (Network) ท่มี ปี ระสิทธภิ าพได้ โดยเครือขา่ ยใช้ในการ
เชอ่ื มตอ่ คอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณ์คอมพวิ เตอร์ไว้ด้วยกัน อาจจะเป็นภายในอาคารเดียวกนั ในประเทศเดยี วกัน
หรือท่ัวโลก เพ่ือให้สามารถสือ่ สารข้อมูลอเิ ล็กทรอนกิ สไ์ ด้

ที่มา : https://sites.google.com/site/2200405natthawut/e-book/--prayochn-khxng-thekhnoloyi-
sarsnthes

รูปท่ี 2.27 การสื่อสารข้อมลู และระบบสารสนเทศ
2.5 ระบบสารสนเทศเพอื่ การจัดการ
ระบบสารสนเทศเพ่อื การบริหาร (Management Information System) หรือ MIS คอื ระบบทีใ่ ห้สารสนเทศ
ที่ผบู้ ริหารตอ้ งการเพ่อื ให้สามารถทำงานได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ โดยจะรวมทงั้ สารสนเทศภายในและภายนอก
สารสนเทศทเ่ี ก่ยี วพนั กับองค์กรทง้ั ในอดีตและปัจจุบันรวมท้ังส่งิ ที่คาดว่าจะเป็นในอนาคตนอกจากน้ีระบบเอ็ม
ไอเอสจะต้อง ให้สารสนเทศ ในช่วงเวลาที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในการวางแผนการ
ควบคมุ และการปฏิบตั กิ ารขององค์กรไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

2.5.1 ระบบย่อยของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ หรือ MIS คือการเก็บรวบรวมข้อมูลจากทั้ง
ภายในและภายนอกองค์การมาไวอ้ ย่างเป็นระบบ เพอื่ ทำการประมวลผลและจดั รปู แบบขอ้ มูลให้ได้สารสนเทศ
ทีเ่ หมาะสมกลุ่มของระบบสารสนเทศย่อย ๆ ทแ่ี ตกกระจายออกไปรบั ผดิ ชอบในแต่ล่ะหนา้ ท่ีคือระบบบ่อยของ
ระบบสารสนเทศเพ่อื การจดั การ โดยท่ีเราสามารถแบ่งระบบย่อยของระบบสารสนเทศเพอ่ื การจดั การออกตาม
หนา้ ทง่ี านในองค์การไดเ้ ป็น 4 ระบบต่อไปนี้

1. ระบบปฏิบัติการทางธุรกิจหรือที่เรียกว่า TPS หมายถึงระบบสารสนเทศที่ถูกออกแบบ
และพัฒนาข้ึนโดยใช้เครื่องมือทางอิเล็กทรอนกิ ส์ โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์เขา้ มาเปน็ อุปกรณห์ ลัก โดยท่ี TPS
ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานในแต่ละวันขององค์การให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยและเป็นระบบ โดยที่ TPS มี
หนา้ ท่ีหลักอยู่ 3 ประการ คือ

1.1 การทำบญั ชี
1.2 การออกเอกสาร
1.3 การทำรายงานควบคุม

2. ระบบจัดทำรายงานสำหรบั การจดั การหรือที่เรียกว่า MRS หมายถงึ ระบบสารสนเทศท่ีถูก
ออกแบบและพัฒนาขึน้ เพื่อรวบรวม ประมวลผล จัดระบบ และจัดทำรายงานหรือเอกสารสำหรับชว่ ยในการ
ตัดสินใจเกย่ี วกับการบรหิ าร สมควรตอ้ งมีคุณสมบัติดงั ต่อไปน้ี

2.1 สามารถทจ่ี ะสนับสนนุ การตดั สินในท้งั ท่เี ป็นแบบโครงสรา้ งและแบบก่ึงโครงสรา้ ง
2.2 ผลติ เอกสารหรือรายงานตามตารางทกี่ ำหนดและนำเสนอให้ผจู้ ัดการทำการตรวจสอบ
2.3 ถกู ผลิตออกมาในรูปแบบทีค่ งทห่ี รอื ถูกกำหนดไว้
2.4 สารสนเทศที่บรรจุอยู่ในรายงานหรือเอกสารมักจะเป็นสารสนเทศที่เกิดขึ้นในอดีต
มากกว่าท่จี ะสมั พนั ธ์กับอนาคต
2.5 บ่อยครั้งที่รายงานหรือเอกสารจะถูกผลิตในรูปแบบของกระดาษ ซึ่งสรุปข้อมูลที่ผู้ใช้
ตอ้ งการรู้ โดยเฉพาะผูจ้ ดั การท่ียงั ไม่คนุ้ เคยกบั การใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศในการทำงาน
3. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจหรือที่เรียกว่า DSS หมายถึง ระบบที่จัดหาหรือจัดเตรียม
สารสนเทศสำหรับผู้บริหาร เพื่อจะช่วยในการตัดสินใจแก้ปัญหาหรือเลือกโอกาสที่เกิดขึ้น ปกติปัญหาของ
ผู้บริหารจะมลี ักษณะทเี่ ป็นก่ึงโครงสร้างและไมม่ ีโครงสรา้ ง
4. ระบบสารสนเทศสำนักงานหรือทเ่ี รียกวา่ OIS หมายถึง ระบบท่ถี ูกออกแบบและพฒั นาขน้ึ
ให้ชว่ ยการทำงานของสำนักงาน โดยเราสามารถกล่าวอกี นัยหนงึ่ คือ OIS มวี ัตถปุ ระสงค์เพอื่ ท่ีจะอำนวยความ
สะดวกในการติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงานภายในองค์การเดียวกันและระหว่างองค์การ และแลกเปลี่ยน
ข่าวสารซึ่งกันและกันผ่านทางอุปกรณ์การติดต่อสื่อสารต่าง ๆ โดยที่เราสามารถแยกระบบสารสนเทศ
สำนักงานตามหนา้ ทีอ่ อกเปน็ 4 ประเภท ดงั ตอ่ ไปน้ี
4.1 ระบบจัดการเอกสาร มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับการจัดทำ กระจาย และเก็บรักษาเอกสาร
ต่าง ๆ ภายในองคก์ าร จะประกอบดว้ ยเครือ่ งมอื ท่สี ำคญั ดังต่อไปน้ี
- การประมวลคำ
- การผลติ เอกสารหลายชุด
- การออกแบบเอกสาร
- การประมวลรปู ภาพ
- การเก็บรกั ษา
4.2 ระบบควบคุมและส่งผ่านข่าวสาร ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อควบคุมการกระจายและการใช้งาน
ขา่ วสารภายในสำนักงาน ประกอบดว้ ยรปู แบบการส่งผา่ นข่าวสารท่ีสำคัญดังตอ่ ไปน้ี
- โทรสาร หรอื เครื่องFAX
- ไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ หรือ E-Mail
- ไปรษณียเ์ สียง
4.3 ระบบประชุมทางไกล เป็นระบบที่เชื่อมโยงบุคคลตั้งแต่ 2 คน ซึ่งอยู่กันคนละที่ให้
สามารถประชุมหรอื โตต้ อบกนั ได้ ระบบประชุมทางไกลแบง่ ออกได้เปน็ 5 ประเภท ตอ่ ไปนี้
- การประชมุ ทางไกลทใ่ี ชท้ ้งั ภาพและเสียง

- การประชมุ ทางไกลใชเ้ ฉพาะเสยี ง
- การประชุมโดยใชค้ อมพวิ เตอร์
- โทรทศั น์ภายใน
- การปฏิบัตงิ านผ่านระบบสอ่ื สารทางไกล
4.4 ระบบสนับสนุนการดำเนินงานในสำนักงาน ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้พนักงานใน
สำนกั งานเดยี วกนั ใช้เทคโนโลยีท่ีมีอยู่ในสำนักงานให้เกิดประโยชนใ์ นการทำงานร่มกนั อย่างเต็มที่ และช่วยให้
การดำเนินงานเปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ เราสามารถแบง่ ระบบสนับสนุนการดำเนนิ งานในสำนักงานออกได้
เป็นหลายระบบดงั ตอ่ ไปนี้
- ชุดคำสั่งสำหรับกลุ่ม
- ระบบจดั ระเบียบงาน
- คอมพิวเตอรช์ ่วยในการออกแบบ
- การนำเสนอประกอบภาพ
- กระดานขา่ วสารในสำนักงาน
2.5.2 คณุ สมบัติของระบบสารสนเทศเพ่อื การจดั การ
ปัจจุบันองค์การสามารถพัฒนาระบบสารสนเทศด้วยตนเองหรือให้ผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้า
ดำเนินการ โดยการออกแบบและพัฒนา MIS ที่สอดคล้องตามหลักการ ระบบก็จะสามารถอำนวยประโยชน์
ให้กับองค์การได้อยา่ งเตม็ ประสทิ ธิภาพ โดยที่การพัฒนาระบบสารสนเทศต้องคำนึงถึงคุณสมบตั ิที่สำคัญของ
MIS ต่อไปน้ี
1. ความสามารถในการจัดการข้อมูล (Data Manipulation)
ระบบสารสนเทศที่ดีต้องสามารถปรับปรุงแก้ไขและจัดการข้อมูล เพื่อให้เป็นสารสนเทศที่พร้อม
สำหรับนำไปใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ปรกติข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจจะมีการ
เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าสู่ MIS ควรที่จะได้รับการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนารูปแบบ
เพ่อื ใหค้ วามทนั สมยั และเหมาะสมกับการใช้งานอยูเ่ สมอ
2. ความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security)
ระบบสารสนเทศเป็นทรัพยากรที่สำคัญอีกอย่างขององค์การ ถ้าสารสนเทศบางประเภทรั่วไหลออก
ไปสู่ บุคคลภายนอก โดยเฉพาะคแู่ ข่งขนั อาจทำใหเ้ กิดความเสียโอกาสทางการแข่งขัน หรือสรา้ งความเสยี หาย
แก่ธุรกิจ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือการก่อการร้ายต่อระบบ จะมีผล
โดยตรงต่อประสิทธภิ าพและความเปน็ อยขู่ ององค์กร
3. ความยืดหยุน่ (Flexibility)
สภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจหรือสถานการณ์การแข่งขนั ทางการค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้ระบบสารสน เทศที่ดีต้องมีความสามารถในการปรับตัว เพื่อให้สอดคล้องกบั การใช้งานหรอื ปญั หาท่ี
เกิดข้นึ โดยทร่ี ะบบสารสนเทศท่ีถกู สร้างหรอื ถูกพัฒนาข้นึ ตอ้ งสามารถตอบสนองความตอ้ งการของผู้บริหารได้
อยู่เสมอ โดยมอี ายกุ ารใช้งาน การบำรงุ รักษา และคา่ ใชจ้ า่ ยทเี่ หมาะสม

4. ความพอใจของผูใ้ ช้ (User Satisfaction)
ปรกติระบบสารสนเทศ ถูกพฒั นาขึน้ โดยมคี วามมุ่งหวังให้ผใู้ ช้สามารถนำมาประยกุ ต์ในงานหรือเพ่ิม
ประสิทธิภาพในการทำ งาน ระบบสารสนเทศที่ดีจะต้องกระตุ้นหรือโน้มน้าวให้ผู้ใช้หันมาใช้ระบบให้มากขึ้น
โดยการพัฒนาระบบต้องทำการพฒั นาให้ตรงกับความตอ้ งการ และพยายามทำให้ผู้ใช้พอใจกับระบบ เมื่อผู้ใช้
เกิดความไม่พอใจกับระบบ ทำให้ความสำคญั ของระบบลดนอ้ ยลงไป กอ็ าจจะทำใหไ้ มค่ ุ้มคา่ กบั การลงทนุ ได้
2.5.3 ประโยชน์ของระบบสารสนเทศเพือ่ การจัดการ
ปจั จุบันเทคโนโลยีสารสนเทศได้รับความสนใจนำมาใชง้ านในหลายลักษณะและเกือบทกุ ธุรกิจ โดยที่
พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศได้สง่ ผลกระทบในวงกว้างไปทุกวงการทั้งภาคเอกชนและราชการ ระบบ
สารสนเทศช่วยสร้างประโยชน์ตอ่ การดำเนนิ งานขององคก์ รไดด้ งั นี้
1. ช่วยให้ผูใ้ ช้สามารถเข้าถงึ สารสนเทศท่ีต้องการได้อยา่ งรวดเรว็ และทันต่อเหตกุ ารณ์เน่ืองจากข้อมูล
ถกู จัดเก็บและบรหิ ารอย่างเป็นระบบ ทำให้ผบู้ ริหารสามารถเข้าถงึ ข้อมูลได้อยา่ งรวดเร็วในรูปแบบท่ีเหมาะสม
และสามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ทนั ตอ่ ความต้องการ
2. ช่วยในการกำหนดเป้าหมายกลยุทธ์และการวางแผนปฏิบตั กิ าร โดยผู้บริหารสามารถนำข้อมูลที่ได้
จากระบบสารสนเทศมาช่วยในการวางแผนและกำหนดเป้าหมายในการดำเนินงานเนื่องจากสารสนเทศถูก
รวบรวมและจดั การอยา่ งเป็นระบบ ทำให้มีประวตั ิของขอ้ มูลอย่างต่อเนื่อง สามารถที่จะบ่งชี้แนวโน้มของการ
ดำเนนิ งานวา่ น่าจะเปน็ ไปในลักษณะใด
3. ช่วยในการตรวจสอบการดำเนินงาน เมื่อแผนงานถูกนำไปปฏิบัติในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ผู้ควบคุม
จะต้องตรวจสอบผลการดำเนินงานโดยนำข้อมูลบางสว่ นมาประมวลผลเพ่อื ประกอบการประเมิน สารสนเทศท่ี
ไดจ้ ะแสดงใหเ้ หน็ ผลการดำเนินงานวา่ สอดคลอ้ งกับเปา้ หมายทีต่ อ้ งกาเพยี งไร
4. ช่วยในการศึกษาและวิเคราะห์สาเหตูของปัญหา ผู้บริหารสามรถใช้ระบบสารสนเทศประกอบ
การศึกษาและการค้นหาสาเหตุ หรือข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการดำเนินงาน ถ้าการดำเนินงานไม่เป็นไปตาม
แผนท่ีวางไว้ โดยอาจจะเรียกข้อมูลเพ่มิ เตมิ ออกมาจากระบบ เพือ่ ให้ทราบวา่ ความผิดพลาดในการปฏิบัติงาน
เกิดขึน้ จากสาเหตใุ ด หรอื จดั รูปแบบสารสนเทศในการวิเคราะห์ปญั หาใหม่
5. ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้น เพื่อหาวิธีควบคุม ปรับปรุงและแก้ไข
ปญั หา สารสนเทศทไ่ี ด้จากการประมวลผลจะช่วยให้ผู้บริหารวิเคราะห์วา่ การดำเนินงานในแต่ละทางเลือกจะ
ช่วยแก้ไขหรือควบคุมปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ธุรกิจต้องทำอย่างไรเพื่อปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาให้การ
ดำเนินงานเป็นไปตามแผนงานหรือเปา้ หมาย
6. ช่วยลดค่าใช้จา่ ย ระบบสารสนเทศท่ีมีประสิทธิภาพชว่ ยให้ธุรกิจลดเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่ายใน
การทำงานลง เนื่องจากระบบสารสนเทศสามารถรับภาระงานที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ตลอดจนช่วยลด
ขั้นตอนในการทำงาน ส่งผลให้ธุรกิจสามารถลดจำนวนคนและระยะเวลาในการประสานงานให้น้อยลง โดย
ผลงานที่ออกมาอาจเทา่ หรือดกี ว่าเดิม ซ่ึงจะเปน็ การเพ่ิมประสิทธภิ าพและศักยภาพในการแข่งขันของธุรกจิ

2.6 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ
2.6.1 ประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานดา้ นการศึกษา
เทคโนโลยีสารสนเทศที่นำมาใช้สำหรับการเรียนการสอน เป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่าง

สอนด้วยสื่ออุปกรณ์ที่ทันสมัย ห้องเรียนสมัยใหม่ มีอุปกรณ์วิดีโอโปรเจคเตอร์ (Video Projector)มีเครื่อง
คอมพิวเตอร์ มีระบบการอ่านขอ้ มูลอิเล็กทรอนกิ ส์แบบต่าง ๆ รูปแบบของสื่อที่นำมาใช้ในด้านการเรียนการ
สอน ก็มีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำมาใช้ เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน อิเล็กทรอนิกส์บุค
วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ ระบบวิดีโอออนดีมานด์ การสืบค้นข้อมูลในคอมพิวเตอร์ และระบบอินเทอร์เน็ต
เปน็ ต้น

- คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นการนำเอาเทคโนโลยี รวมกับการออกแบบโปรแกรมการสอน มาใช้
ช่วยสอน ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่าบทเรยี น CAI ( Computer - Assisted Instruction ) การจัดโปรแกรมการ
สอน โดยใชค้ อมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน ในปัจจบุ ันมักอยใู่ นรปู ของส่ือประสม (Multimedia) ซงึ่ หมายถงึ นำเสนอได้
ทั้งภาพ ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวฯลฯ โปรแกรมช่วยสอนนี้เหมาะกับการศึกษาด้วยตนเอง และเปิด
โอกาสให้ผเู้ รียนสามารถโตต้ อบ กบั บทเรยี นได้ตลอด จนมผี ลปอ้ นกลับเพื่อใหผ้ เู้ รยี นรู้ บทเรียนไดอ้ ย่างถูกต้อง
และเข้าใจในเน้อื หาวชิ าของบทเรียนนั้น ๆ

- การเรียนการสอนโดยใช้เว็บเป็นหลัก เป็นการจัดการเรียน ที่มีสภาพการเรียนต่างไปจากรูป
แบบเดิม การเรียนการสอนแบบนี้ อาศัยศักยภาพและความสามารถของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการ
นำเอาสือ่ การเรียนการสอน ทีเ่ ป็นเทคโนโลยี มาช่วยสนบั สนุนการเรียนการสอน ใหเ้ กดิ การเรียนรู้ การสืบค้น
ข้อมลู และเชื่อมโยงเครอื ข่าย ทำใหผ้ ูเ้ รียนสามารถเรียนได้ทุกสถานท ่แี ละทุกเวลา การจดั การเรียนการสอน
ลกั ษณะน้ี มชี ือ่ เรียกหลายชอ่ื ได้แก่ การเรียนการสอนผ่านเว็บ (Web-based Instruction) การฝึกอบรมผ่าน
เวบ็ (Web-based Trainning) การเรียนการสอนผ่านเวลิ ด์ ไวด์เว็บ (www-based Instruction) การสอนผ่าน
สือ่ ทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (e-learning)เป็นตน้

- อเิ ล็กทรอนิกส์บคุ คือการเก็บข้อมลู จำนวนมากด้วยซดี รี อม หนง่ึ แผน่ สามารถเกบ็ ขอ้ มูลตัวอักษร
ไดม้ ากถึง 600 ลา้ นตัวอักษร ดงั นนั้ ซีดรี อมหน่งึ แผ่นสามารถเก็บข้อมูลหนังสือ หรือเอกสารได้มากกว่าหนังสือ
หนง่ึ เลม่ และทสี่ ำคญั คือการใชก้ ับคอมพวิ เตอร์ ทำใหส้ ามารถเรียกค้นหาขอ้ มลู ภายในซีดีรอม ได้อย่างรวดเร็ว
โดยใชด้ ัชนี สืบคน้ หรือสารบัญเรือ่ ง ซดี ีรอมจึงเปน็ สือ่ ท่ีมีบทบาทต่อการศึกษาอย่างยิ่ง เพราะในอนาคตหนงั สือ
ต่าง ๆ จะจัดเกบ็ อยู่ในรูปซีดีรอม และเรียกอา่ นด้วยเครื่องคอมพวิ เตอร์ ท่เี รยี กว่าอิเล็กทรอนิกส์บุค ซีดีรอมมี
ขอ้ ดีคอื สามารถจัดเก็บ ข้อมลู ในรูปของมัลติมีเดยี และเม่อื นำซีดรี อมหลายแผ่นใสไ่ ว้ในเคร่ืองอ่านชุดเดียวกัน
ทำใหซ้ ดี ีรอมสามารถขยายการเก็บข้อมลู จำนวนมากยง่ิ ขน้ึ ได้

- วิดโี อเทเลคอนเฟอเรนซ์ หมายถึงการประชุมทางจอภาพ โดยใช้เทคโนโลยกี ารสื่อสารที่ทันสมัย
เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างบุคคล หรือคณะบุคคลที่อยู่ต่างสถานที่ และห่างไกลกันโดยใช้สื่อทางด้าน
มลั ตมิ เี ดีย ท่ใี หท้ ง้ั ภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง เสยี ง และข้อมลู ตวั อักษร ในการประชมุ เวลาเดยี วกัน และเป็นการ
สอื่ สาร 2 ทาง จึงทำให้ ดเู หมอื นวา่ ได้เข้ารว่ มประชุมรว่ มกนั ตามปกติ ดา้ นการศึกษาวดิ ีโอเทคเลคอนเฟอเรนซ์
ทำให้ผเู้ รยี นและผู้สอนสามารถตดิ ตอ่ สื่อสารกันได้ ผา่ นทางจอภาพ โทรทัศน์และเสยี ง นกั เรยี นในหอ้ งเรียน ท่ี

อยูห่ า่ งไกลสามารถเหน็ ภาพและเสยี ง ของผูส้ อนสามารถเหน็ อากับกริ ิยาของ ผ้สู อน เห็นการเคล่ือนไหวและสี
หน้าของผู้สอนในขณะเรียน คุณภาพของภาพและเสียง ขึ้นอยู่กับความเร็วของช่องทางการสื่อสาร ที่ใช้
เชื่อมต่อระหว่างสองฝั่งที่มีการประชุมกัน ได้แก่ จอโทรทัศน์หรือจอคอมพิวเตอร์ ลำโพง ไมโครโฟน กล้อง
อปุ กรณเ์ ขา้ รหสั และถอดรหัส ผ่านเครือขา่ ยการสื่อสารความเรว็ สูงแบบไอเอสดีเอ็น (ISDN)

- ระบบวิดีโอออนดีมานด์ (Video on Demand) เป็นระบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมนำมาใช้
ในหลายประเทศเช่น ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง ทำให้ผู้ชมตาม
บา้ นเรอื นต่าง ๆ สามารถเลอื กรายการวดิ ที ัศน์ ทต่ี นเองตอ้ งการชมได้โดยเลอื กตามรายการ (Menu) และเลอื ก
ชมได้ตลอดเวลา วิดโี อออนดมี านด์ เป็นระบบทม่ี ศี นู ย์กลาง การเกบ็ ข้อมลู วดี ทิ ัศน์ไว้จำนวนมาก โดยจดั เก็บใน
รูปแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ (Video Server) เมื่อผู้ใช้ต้องการเลือกชมรายการใด ก็เลือกได้จากฐานข้อมูลท่ี
ต้องการ ระบบวิดีโอ ออนดีมานด์จึงเป็นระบบที่จะนำมาใช้ ในเรื่องการเรียนการสอนทางไกลได้ โดยไม่มี
ขอ้ จำกัดด้านเวลา ผ้เู รยี นสามารถเลือกเรยี น ในสง่ิ ทต่ี นเองตอ้ งการเรียนหรือสนใจได้

- การสืบค้นข้อมูล (Search Engine) ปัจจุบันได้มีการกล่าวถึงระบบการสืบค้นข้อมูลกันมาก
แมแ้ ต่ในเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ก็มีการประยุกต์ใชไ้ ฮเปอรเ์ ทก็ ซใ์ นการสบื ค้นข้อมูล จนมโี ปรโตคอลชนิดพิเศษท่ี
ใช้กัน คอื World Wide Web หรือเรยี กวา่ www. โดยผูใ้ ช้สามารถเรยี กใช้โปรโตคอล http เพอ่ื เช่ือมโยงเข้า
สู่ระบบไฮเปอร์เท็กซ์ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ไฮเปอร์เท็กซ์มีลักษณะเป็นแบบมัลติมีเดีย เพราะ
สามารถสร้างเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ที่เก็บได้ทั้งภาพ เสียง และตัวอักษร มีระบบการเรียกค้นที่มี
ประสทิ ธภิ าพ โดยใช้โครงสร้างดัชนีแบบลำดบั ชั้นภูมิ โดยทวั่ ไป ไฮเปอร์เทก็ ซจ์ ะเป็นฐานข้อมูลที่มีดัชนีสืบค้น
แบบเดินหน้า ถอยหลัง และบันทึกร่องรอยของการสืบค้นไว้ โปรแกรมที่ใช้ในการสร้างไฮเปอร์เท็กซ์มีเป็น
จำนวนมาก ส่วนโปรแกรมที่มีชื่อเสียงได้แก่ HTML Composer FrontPage Macromedia Dreamweaver
เป็นต้น ปัจจุบันเราใช้วธิ ีการสืบค้นข้อมลู เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประกอบในการทำเอกสารรายงานต่าง ๆ ได้
อย่างสะดวกและรวดเรว็

- อินเทอร์เน็ต คือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายย่อย และเครือข่ายใหญ่
สลับซับซ้อนมากมาย เชื่อมต่อกันมากกว่า 300 ล้านเครื่องในปัจจุบัน โดยใช้ในการติดต่อสื่อสาร ข้อความ
รูปภาพ เสียงและอื่น ๆ โดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่มีผู้ใช้งานกระจายกนั อยู่ทั่วโลก ปัจจุบันได้มี
การนำระบบอินเทอรเ์ น็ต เข้ามาใช้ในวงการศกึ ษากันทว่ั โลก ซ่ึงมปี ระโยชนใ์ นด้านการเรียนการสอนเป็นอย่าง
มาก

2.6.2 ประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานทะเบียนของสถานศึกษา
- งานรับมอบตัว ทำหนา้ ทีต่ รวจสอบหลักฐานที่นกั ศึกษานำมารายงานตัว จากนัน้ ก็จัดเก็บประวัติภูมิ
หลังนักศึกษา เช่น ภูมิลำเนา บิดามารดา ประวัติการศึกษา ทุนการศึกษา ไว้ในแฟ้มเอกสารข้อมูลประวัติ
นักศึกษา
- งานทะเบียนเรียนรายวชิ า ทำหนา้ ที่จัดรายวิชาทตี่ ้องเรยี นให้กับนักศกึ ษา ในแตล่ ะภาคเรยี นทุกช้ันปี
ตามแผนการเรยี นของแตล่ ะแผนก แลว้ จัดเก็บไวใ้ นแฟ้มข้อมูลผลการเรียน

- งานประมวลผลการเรียน ทำหน้าที่นำผลการเรียนจากอาจารย์ผู้สอนมาประมวลในแต่ละภาค
เรียน จากนนั้ ก็จัดเกบ็ ไวใ้ นแฟม้ เอกสารขอ้ มลู ผลการเรยี น และแจง้ ผลการเรียนใหผ้ ทู้ ี่เกย่ี วข้องทราบ

- งานตรวจสอบผู้จบการศึกษา ทำหน้าที่ตรวจสอบรายวิชา และผลการเรียน ที่นักศึกษาเรียน
ตงั้ แต่เริม่ ต้น จนกระทั่งจบหลักสูตร จากแฟม้ เอกสาร ขอ้ มลู ผลการเรยี น ว่าผา่ นเกณฑ์การจบหรือไม่

- งานส่งนักศึกษาฝึกงาน ทำหน้าที่หาข้อมูลจากสถานที่ฝึกงาน ในแต่ละแห่งว่าสามารถรองรับ
จำนวน นักศึกษาที่จะฝึกงานในรายวิชาต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนเท่าใด จากนั้นก็จัดนักศึกษา ออกฝึกงานตาม
รายวชิ า ใหส้ อดคลอ้ งกับจำนวนที่สถานประกอบการตอ้ งการ

2.6.3 ประยุกตใ์ ช้ในหา้ งสรรพสินคา้ และสาขาย่อย
เนื่องจากห้างสรรพสินค้า เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีอยู่หลายสาขาที่จัดจำหน่ายอยู่ทั่วประเทศ
มีซัพพลายเออร์กวา่ พันราย และมีพนักงานอยู่หลายพันคน ดังนั้นข้อมูลที่เกี่ยวขอ้ ง และการตัดสินใจต้องทำ
อย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ ดังนั้นการที่ต้องใช้เทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การใช้เครื่อง
คอมพิวเตอรแ์ ละเครื่องอ่านบารโ์ ค้ดจึงมีความจำเป็นฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศจะเป็นฝ่ายสนบั สนุน ส่ิงสำคัญ
ที่สุดคือ เราต้องให้ความมั่นใจได้ว่า ระบบจะต้องทำงานได้ไม่มีปัญหาขัดข้อง ปัจจุบันระบบการเชื่อมต่อ
ห้างสรรพสนิ ค้าจะเป็นแบบสอง ลกั ษณะคอื ในต่างจังหวัดจะใช้การเชื่อมตอ่ ผ่านดาวเทยี ม ในกรงุ เทพจะใช้การ
เชือ่ มตอ่ แบบออนไลน์ ซ่งึ จะมีการรับส่งขอ้ มูลกันทกุ วนั ในสว่ นของไอที นอกจากจะตอ้ งทำให้ระบบ สามารถ
ทำงานไดต้ ลอดเวลาแล้ว ยังต้องมัน่ ใจดว้ ยว่าขอ้ มูลท่ีรับสง่ กันนั้นมีความถูกต้อง ซง่ึ ในแตล่ ะวันมีข้อมูลมาก ที่
จะต้องผ่านการประมวลผลให้แก่ผู้บรหิ ารเพ่อื ใช้ประกอบการตัดสินใจ ไมว่ ่าจะเปน็ ข้อมูลยอดขายข้อมูลสต็อก
และขอ้ มูลตา่ ง ๆ ท่ี ผู้บรหิ ารตอ้ งการ
2.6.4 ประยุกตใ์ ชใ้ นงานสาธารณสุขและการแพทย์

เทคโนโลยีสารสนเทศไดร้ ับการนำมาใช้ในการพัฒนา ด้านสาธารณสุขอย่างกว้างขวาง และทำให้
งานด้านสาธารณสขุ เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงสาธารณสขุ ได้ปรับระบบการบริหารงาน และนำ
เทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้ในงานตา่ ง ๆ ดงั น้ี

- ดา้ นการลงทะเบียนผู้ปว่ ย ตัง้ แต่เริ่มทำบัตร จ่ายยา เกบ็ เงิน
- การสนบั สนนุ การรักษาพยาบาล โดยการเช่ือมโยงระบบคอมพวิ เตอรข์ องโรงพยาบาลตา่ ง ๆ เข้า
ด้วยกนั สามารถสร้างเครือขา่ ยขอ้ มูลทางการแพทย์ แลกเปลย่ี นขอ้ มลู ของผูป้ ่วย
- สามารถให้คำปรึกษาทางไกล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชำนาญ เทคโนโลยีสารสนเทศ จะช่วยให้แพทย์
สามารถเห็นหน้า หรือท่าทางของผู้ป่วยได้ ช่วยให้ส่งข้อมูลที่เปน็ เอกสาร หรือภาพเพ่ือประกอบการพิจารณา
ของแพทย์ได้
- เทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยในการ ให้ความรแู้ กป่ ระชาชนของแพทย์ หรือหน่วยงานสาธารณสขุ
ต่าง ๆ เป็นไปดว้ ยความสะดวก รวดเร็ว ไดผ้ ลข้นึ โดยสามารถใชส้ ่ือต่าง ๆ เชน่ ภาพน่ิง ภาพเคล่ือนไหวมีเสียง
และอนื่ ๆ เป็นตน้

- เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยใหผ้ บู้ ริหารสามารถกำหนดนโยบาย และตดิ ตามกำกับการดำเนินงาน
ตามนโยบายไดด้ ยี ิ่งขึน้ โดยอาศยั ขอ้ มูลทถ่ี ูกต้องฉบั ไว และขอ้ มูลทจ่ี ำเปน็ ทงั้ น้อี าจใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวเก็บ
ข้อมูลต่าง ๆ ทำใหก้ ารบรหิ ารเป็นไปไดด้ ว้ ยความรวดเรว็ ถูกตอ้ งมากยง่ิ ขน้ึ

- ในด้านการให้ความรหู้ รือการเรียน การสอนทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะดาวเทียม
จะช่วยให้การเรียนการสอนทางไกล ทางด้านการแพทย์และสาธารณะสุขเป็นไปได้มากขึ้นประชาชนสามารถ
เรียนรู้พรอ้ มกันได้ทวั่ ประเทศและ ยงั สามารถโตต้ อบหรือถามคำถามไดด้ ว้ ย

2.6.5ประยุกตใ์ ชใ้ นงานดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กล่มุ นักวทิ ยาสตร์ วศิ วกรทต่ี อ้ งการศกึ ษาพฤตกิ รรมบางอย่างของสงิ่ มชี ีวิต รวมถงึ สิง่ แวดลอ้ มตา่ ง ๆ
เช่นศกึ ษาการกระจายถ่ินท่ีอยขู่ องนก การกระจายของแบคทเี รยี การสร้างอาณาจกั รของมด ผ้ึง ชีวติ ความ
เป็นอยขู่ องสตั วป์ ่าต่าง ๆ การพง่ึ พาอาศัยซ่ึงกนั และกัน ตลอดจนระบบนเิ วศวทิ ยา ความสนใจในการจำลอง
ความเป็นอยู่ของ สง่ิ มีชีวติ ได้มมี านานแล้ว เร่มิ ต้ังแต่ครงั้ จอหน์ พอยเมน ผ้เู ปน็ นกั คณิตศาสตร์ เสนอแนวคิด
การทำใหเ้ คร่ืองจกั รทำงานโดยอัตโนมัติภายใต้โปรแกรม ซง่ึ เป็นรากฐานของเครื่องคอมพวิ เตอร์ จนถึงปัจจุบนั
เกมแหง่ ชวี ิตจึงเกดิ ข้ึน
2.6.6 ประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม
เทคโนโลยขี องการส่ือสารและโทรคมนาคมในปัจจุบันก้าวไกลไปมาก มบี ริการมากมายที่ทันสมัยและ
ตอบรบั กบั การนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธรุ กิจ ตวั อย่างการใชโ้ ทรศัพทใ์ นปัจจบุ ันนีก้ ็มิได้มีไว้เพียงสำหรับ
คุยสนทนาเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่มันสามารถชว่ ยงานได้มากขึน้ โดยอ้างอิงขอ้ มูลและการเปิดให้บริการ
ของบรษิ ัท มีตดิ ต่อสอ่ื สารผ่านดาวเทยี มทง้ั ภาพและเสียง มโี ทรศัพทม์ ือถือรุน่ ตา่ ง ๆ ออกมามากมาย พัฒนาทงั้
หน่วยงานของภาครัฐและเอกชน เช่นเทเลคอม เอเชีย คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้วางแผนการ
ก่อสร้าง และติดตั้งขยายบริการโทรศัพท์พื้นฐาน 2.6 ล้านเลขหมาย ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพและ
ปรมิ ณฑล รวมถึงการซ่อมบำรุงรกั ษาเป็นระยะเวลา 25 ปี และเป็นหน่งึ ในผูใ้ ห้บรกิ ารในปัจจุบัน
2.6.7 ประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานด้านการออกแบบผลิตภณั ฑ์
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการออกแบบ ได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการ
ออกแบบ ( CAD : Computer Aided Design) ออกแบบผลิตภัณฑ์ ออกแบบสินค้า และสามารถใช้
คอมพิวเตอร์ช่วยควบคุมกระบวนการผลิต ( CAM : Computer Aided Manufacturing) เชน่ ควบคมุ อุณหภูมิ
ควบคุมคณุ ภาพของผลติ ภัณฑ์ ลดแรงงาน โดยใช้คอมพวิ เตอรค์ วบคมุ หนุ่ ยนตท์ ำงาน
2.6.8 ประยกุ ตใ์ ชใ้ นสำนกั งานภาครัฐและเอกชน
ปจั จบุ ันได้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเขา้ มาใช้ในหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ มากมาย เช่น
การทำบตั รประจำตัวประชาชน การเกิด การตาย การเสียภาษีอากร การทำใบอนญุ าตขับรถยนต์ การจ่ายค่า
สาธารณูปโภคต่าง ๆ การประมวลผลคะแนนเลือกตั้ง ฯลฯ เป็นต้นงานเหล่านี้ได้มีการนำระบบสำนักงาน
อัตโนมตั ิเข้ามาใช้ เพื่อทำใหไ้ ด้ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็ว และยังตอบสนองกบั การบรหิ ารยุคใหม่ท่ีต้องใช้ขอ้ มลู
เปน็ หลักในการบรหิ ารจัดการ

สรปุ สาระสำคญั
ได้มีการนำคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในหน่วยงานต่าง ๆ เกือบทุกวงการ ท้ัง

ภาครัฐและเอกชนไม่ว่าจะอยู่ในรูปของบุคคลหรือองค์กรใด ๆ ก็ตาม ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี
การศึกษาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในหน่วยงานด้านการศึกษาก็มีความตืน่ ตวั และเปิดทำการเรียนการ
สอนในหลักสูตรดังกล่าว ทั้งในระดับ อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา และเป็นสาขาวิชาที่มีนักศึกษา ให้ความ
สนใจ กันมากเน่อื งจากยังมีตลาดแรงงานรองรบั มากนัน่ เอง


Click to View FlipBook Version