เอกสารประกอบการเรียน
รายวิชาสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม
รหัสวิชา ส32101
ระดับช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 5
นิยามศัพทท์ างภมู ิศาสตร์
โรงเรยี นเตรียมอุดมศกึ ษาพฒั นาการ
สังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามัธยมศึกษาเขต 2
สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพฒั นาการ กลมุ่ สาระการเรียนสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม หน้า 1
นยิ ามศพั ทท์ างภูมิศาสตร์
ศัพทท์ างภูมิศาสตร์ที่ควรทําความเข้าใจเกี่ยวกับภูมิสณั ฐานรูปพรรณของพืน้ ผิวโลก น่านน้าํ
ลักษณะภูมิอากาศ และพืชพรรณธรรมชาติตา่ ง ๆ ซึ่งรวบรวมมาจากพจนานกุ รมศัพทภ์ มู ิศาสตร์
อังกฤษ-ไทย ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน มีดังนี้
คำศพั ท์ ความหมาย
ภเู ขา (mountain) พืน้ ทีท่ ี่มีระดับสูงขนึ้ จากบริเวณรอบ ๆ ตั้งแต่ 600 เมตรข้ึนไป
ภูเขาไฟ (volcano) ภูเขาทีเ่ กิดขนึ้ โดยการประทขุ องหนิ หนดื ร้อนและแรงดนั สงู ใต้เปลอื กโลก แล้วปรากฏตัวเป็นสภาพ
เด่นอยา่ งหนง่ึ ทางภูมิศาสตร์
เนินเขา (hil) พืน้ ที่ทีม่ ีระดบั สูงขนึ้ จากบริเวณรอบ ๆ แตไ่ ม่สงู มากเท่าภเู ขา คือ มีความ ต่างระดับของพนื้ ที่
หุบเขา (valley) ประมาณ 150-600 เมตร
แอ่งภูมิประเทศทีเ่ ป็นแนวยาว สองข้างแอง่ ขนาบด้วยพนื้ แผน่ ดินสงู หรือ เทือกเขา หุบเขาอาจมี
ลกั ษณะกว้างและตื้น หรือแคบและลึก ลาดลงสแู่ อ่งแผน่ ดินหรือทะเล และหุบเขา อาจจะแหง้ ผาก
หรือมีนํา้ ไหลผา่ นลงสทู่ ีต่ ่าํ ก็ได้
สันเขา (ridge) พืน้ ที่สูง ซึ่งมีลักษณะยาวและแอบ มีดา้ นข้างลาดชันมาก
เทือกเขา หรือ ทิวเขา ภเู ขาใหญท่ ี่มีแนวตอ่ เนือ่ งกนั ไปเป็นเทือก และ ในขณะเดียวกันกม็ ีแนวเทือกเขายอ่ ย ๆ วางตัวขนาน
(mountain range) ไปกบั เทอื กใหญ่ด้วย มองดจู ากเครื่องบินจะเห็นเปน็ ทิว ๆ เรียงรายไป
หนา้ ผาสงู ชัน (cliff) หนา้ ผาทีส่ ูงและชันมากจนเกือบต้ังตรง อาจอยรู่ ิมฝงั่ ทะเล หรือ อยใู่ นแผ่นดินกไ็ ด้
หนา้ ผาที่ชันมาก และมีดา้ นหน่งึ ลาดลง หากมอง จากทไ่ี กลมีลักษณะคล้ายมีดอีโต้
ผาต้ัง หรือ ผาชนั
(escarpment, scarp)
โกรกธาร (gorge) หุบผาลึกชันและแคบมาก มีหน้าผาชั้นสองข้าง และมักมีลําธารอยู่ เบื้องลา่ ง
ถ้ำ (cave)
ช่องทีเ่ ปน็ โพรงลึกเข้าไปในแผ่นดิน โดยมากมีอยูต่ ามเขตภเู ขาหนิ ปนู ทีม่ ีนํา้ ใต้ดนิ ไหลผ่านกดั เซาะ
หรือถ้ำที่เกิดตามชายฝง่ั ทะเล
หนิ ย้อย (stalactite) คราบหนิ ปูนทีง่ อกย้อยลงมาจากเพดานถ้ําหนิ ปูน มีลักษณะเป็นท่อน เป็นกรวย หรือเป็นแผน่ และ
ตรงปลายล่างสุดจะมีนํา้ หยดลงสพู่ ืน้ ถ้าํ ด้วย หนิ ย้อยเกิดจากน้ําทีเ่ ป็นกรด เลก็ น้อย ได้ละลายเอา
สารประกอบในหนิ ปนู ออกมา แล้วหยาดหยดจากรอยร้าวในเพดานถ้ํา เมื่อน้าํ ระเหยไป จึงปล่อยให้
สารประกอบที่ละลายมาพอกพูนจับตัวกนั เป็นหนิ แข็ง ในบางถิ่นเรียกหินย้อยว่า นมผา
รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ส32101 ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ กลุ่มสาระการเรียนสงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม หน้า 2
คำศัพท์ ความหมาย
หนิ งอก (stalaganite) คราบหนิ ปนู ทีง่ อกจากพนื้ ถ้ําหนิ ปนู ขึน้ ไปหาเพดานถ้าํ เกิดจากน้ําทีห่ ยด จากเพดานถ้ําหรือจาก
ปลายล่างของหนิ ย้อยนั้นยังมีสารประกอบหนิ ปูนละลายอยใู่ นตัว ดังนั้น เมื่อน้ํานั้น ตกถึงพนื้ ถ้ําจึง
กระเซ็นไปรอบ ๆ รอยหยาด แล้วอายคราบหนิ ปนู ไว้จนสะสมตัวสงู ขึน้ ๆ จากพนื้ ถ้ํา หนิ งอก จึงมัก
มีขนาดใหญแ่ ตม่ ่อตอ้ กว่าหนิ งอก
ช่องเขา (pass) ที่ในเขตภเู ขาซึ่งใชเ้ ปน็ ชอ่ งทางในการติดต่อถึงกัน บางครั้งเรียกช่องเขา ว่า ดา่ น
ฟยอรด์ (fjord) หรือ อ่าวเล็ก ๆ มีลักษณะแคบและยาวเว้าลึกเข้าไปใน ฝงั่ ทะเลระหว่างแผน่ ดินสูงชัน หรือระหว่างหนา้
ฟิออร์ด (fiord) ผาสงู ชนั ตามเชงิ เขา ซึ่งเกิดจากธารน้าํ แข็งไหลเซาะกร่อนเป็น ร่องลึกลงสทู่ ะเล
คาบสมุทร (peninsula) ส่วนของแผ่นดินที่มีนาํ้ ล้อมเกือบรอบ ตามปกติมักต่อเนอ่ื งกับ แผ่นดินใหญ่ซึ่งยื่นออกไปในทะเล
แหลม (cape) ส่วนของแผ่นดินทีย่ ืน่ ออกไปในทะเลและมหาสมุทรโดยปกติแหลมมักมีขนาด เล็กกว่าคาบสมทุ ร
เกาะ (Island) ส่วนของแผน่ ดินที่มีนํา้ ล้อมรอบ และมีขนาดเล็กกว่าทวปี ซึ่งอาจเกิดจาก การกัดเซาะของคลื่นและ
กระแสน้ํา ทําใหแ้ ผ่นดินบางสว่ นถกู ตดั ขาดออกจากแผน่ ดินใหญ่ หรือเกิดจากการ กระทําของภูเขา
ไฟ หรือเกิดจากการดันตัวของเปลือกโลกใหส้ งู ขึน้ พ้นนํา้ และอาจเกิดจากการกอ่ ตัวของ ปะการัง
ในทะเลกไ็ ด้
ทะเลสาบหุบภเู ขาไฟ พืน้ น้าํ ทีม่ ีขนาดเล็กเกิดอยูท่ ี่ปากปล่องหรือหุบภูเขาไฟ
(crater lake)
คอคอด (Isthmus) แผน่ ดินที่กิ่วคอดและมีนํา้ ล้อมรอบอยูส่ องด้าน ตรงที่กิ่วคอดจะเชือ่ ม ตอ่ ระหวา่ งแผน่ ดินใหญ่สอง
แหง่ หรือระหว่างแผน่ ดินใหญก่ ับแหลมก็ได้
แคนยอน (canyon) หุบผาชันเกิดเพราะน้าํ กัดเซาะอยา่ งรวดเรว็ จนเปน็ รอ่ งลึกลงไป เหลอื หนา้ ผาสงู ชนั สองด้าน
แดนทรุ กนั ดาร (badland) ดินแดนในเขตแหง้ แล้งท่ขี รขุ ระ สงู ๆ ตาํ่ ๆ เกิดจากการสึกกรอ่ น ที่ดาํ เนินอยชู่ ้านาน โดยฝนตก
อยา่ งรนุ แรงเปน็ ครั้งคราว ทาํ ใหแ้ ผน่ ดินหรือหนิ ทีอ่ ่อนกว่าผพุ ังลง ส่วนหินที่ แข็งแกรง่ ยงั คงอยู่
ที่ราบ (plain) ภมู ิประเทศที่อาจจะราบเรียบหรือเปน็ ลูกคลื่นกไ็ ด้ โดยปกติมีความสูงตา่ํ ของ พนื้ ทีใ่ นบริเวณนั้นจะ
แตกต่างกนั ไมเ่ กิน 150 เมตร
ที่ราบสูง (plateau) ทีร่ าบบนเขา ทีส่ ูงกว่าระดับผิวโลกโดยรอบต้ังแต่ 300 เมตรข้ึนไป แต่ถ้าที่ราบสงู น้ันมีลักษณะภูมิ
ประเทศเปน็ หนา้ ผากว้างขวางด้านหน่งึ หรือสองด้าน เรียกทร่ี าบสงู น้ันว่า ทีร่ าบสูงรูปโตะ๊
(tableland)
มาบ หรือ แอง่ แผ่นดิน เปลือกโลกทีท่ รดุ ต่ําสู่จดุ ศนู ยก์ ลาง ทาํ ใหบ้ ริเวณนั้นเป็น ทีต่ ่ํากวา่ พืน้ ทีโ่ ดยรอบ ซึ่งอาจจะมีนาํ้ ขงั
(basin) หรือไม่มีนํา้ ขังกไ็ ด้
รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ส32101 ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ กลุ่มสาระการเรียนสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม หน้า 3
คำศัพท์ ความหมาย
ที่ลุ่มน้าํ ขัง หรือ มาบ ที่ลมุ่ ซึ่งมีนาํ้ ซบั รวมกนั อยเู่ กือบไม่มีทางออก ใช้เพาะปลกู และเลีย้ งสัตว์ไม่ได้ แตอ่ าจมีไม้ยืนต้นบาง
(Swamp) ชนิดขนึ้ ได้บ้าง
ที่ลุ่มชืน้ แฉะ (marsh) ทีล่ ุ่มชายฝ่ังหรืออย่ภู ายในแผน่ ดินเข้ามา เปน็ ทีท่ ี่นํา้ ท่วมถึงหรือน้าํ แชข่ ังหาทางออกได้ไม่สะดวก
หากตืน้ เขินก็พอจะมีพืชพรรณขึน้ ปะปนอยู่ในน้ํา และเมือ่ ระบายน้ําออกอาจใช้ ทําการเกษตรได้
หลมุ ยบุ (sinkhole) หลมุ ยบุ บนแผ่นดินทีม่ ีปากเกือบกลม มีเส้นผา่ นศูนย์กลางราว 20-200 เมตร เกิดจากน้ําละลาย
เอาหนิ เกลือ หนิ ยิปซัมหรือหนิ ปนู ที่อยู่ข้างใต้ออกไป ทําใหพ้ นื้ ทีต่ อนบนยุบลงเป็น หลุมใหญ่
ดินดอนสามเหลย่ี ม พนื้ ดินบริเวณปากน้าํ ซึง่ มีรูปรา่ งคล้ายพดั เกิดจากสารตะกอน ของลาํ น้ําที่พอกพนู ทบั ถมกนั ซึง่
(delta) บางแหง่ มีบริเวณกวา้ งขวางมาก และถ้าไม่ล่มุ เกินไปกส็ ามารถใช้ตง้ั บ้านเรือน และทาํ การเกษตรได้
ดินลมหอบ หรือ ดินเลิสส์ ดินละเอียดสีเหลอื งอ่อน ๆ เกิดจากการทับถมของฝนุ่ ทรายทีล่ มพดั พามาจากเขตอืน่
(loess)
ทีร่ าบเศษหนิ ธารน้ําแข็ง ที่ราบทีเ่ กิดจากธารน้ําแข็งละลายแล้ว เศษหนิ กรวดและทรายจะตกตะกอนอยู่
(outwash plain)
หาด (beach) พนื้ ทีร่ ะหว่างแนวนขนึ้ กบั น้ําลง มีลักษณะเป็นแถบยาวไปตามริมฝง่ั เกิดจาก การกระทําของคลืน่
และกระแสน้าํ ในทะเล ทะเลสาบ หรือแม่น้ํา
สันทราย (dune) เป็นที่เกิดขนึ้ ในบริเวณทะเลทราย หรือบริเวณใกล้ฝง่ั ทะเลเน่ืองจากลมพดั พาเอาทราย
ละเอียดมาวางทับถมกันไว้ และเพิม่ ขึน้ เรื่อย ๆ จนเป็นกองโต เปน็ เนินหรือเป็นสนั เตีย้ ๆ โดย มีด้าน
ต้นลมมีลักษณะลาด และด้านปลายลมจะชนั
แป้นหิน (mushroom rock) หนิ เนื้อแขง็ ที่ตงั้ อยู่บนแท่งหนิ มีลักษณะคล้ายเหด็ เกิดจาก การกระทาํ ของน้ําหรือลม กดั เซาะเนื้อ
หนิ ส่วนล่างที่อ่อนใหส้ ึกกร่อน แต่สว่ นบนที่แข็งแกร่งยังคงอยู่ จึงมีรปู รา่ งเปน็ แท่งหรือลาํ มี
ลักษณะเปน็ แป้น
ด้านต้นลม (windward) บริเวณด้านหนา้ ของภเู ขาที่หันเข้ารบั ลมทีพ่ ัดนําความชมุ่ ชนื้ หรือ นําฝนมาตกอย่างเต็มที่ ส่วน
ด้านหลงั ซึ่งอยตู่ รงกนั ขา้ มมีฝนตกน้อยและแหง้ แล้ง
ด้านปลายลม (leeward) ด้านหลังของภเู ขาที่อยูป่ ลายทางทีล่ มพัด ในทิศทางตรงกันขา้ ม กบั ด้านต้นลม
โอเอซิส (casis) บริเวณที่ชมุ่ ชืน้ แถบทะเลทรายที่มีนาํ้ พอทีจ่ ะใหพ้ ืช สัตว์ และมนุษย์อาศัย อยู่ได้ โอเอซิสมีขนาด
ต้ังแต่พืน้ ทีแ่ คบ ๆ ไปจนถึงกว้างใหญเ่ ปน็ ร้อย ๆ ตารางกิโลเมตรกม็ ี ตามปกติโอเอซิส มีระดับน้ําใต้
ดินต้ืน
รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ส32101 ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนเตรียมอดุ มศึกษาพัฒนาการ กลมุ่ สาระการเรียนสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม หน้า 4
คำศัพท์ ความหมาย
ธารวาดี (wadi) เปน็ ภาษา ลาํ ธารแหง้ ในเขตทะเลทราย แตเ่ วลาที่มีฝนตกหนักจะมีนาํ้ ไหลผา่ น เมือ่ ฝนหายน้ําในธารก็จะเหอื ด
อาหรบั หรือ ธารอาร์โรโย แหง้ ไปในไมช่ ้า
(arroyo) ในภาษาสเปน
แม่น้าํ (river) ลําน้ําจืดที่มีขนาดใหญก่ ว่าลําธารและแคว โดยไหลผา่ นชอ่ งทางธรรมชาติลงสู่ ทะเล ทะเลสาบ
หรือแมน่ ้ําสายใหญ่
แคว (tributary) แมน่ ้าํ หรือลาํ ธารสายเลก็ ทีไ่ หลลงสู่แม่น้าํ หรือลําธารสายใหญ่
ลาํ น้าํ สาขา (distributary) ลาํ น้ําที่แยกออกจากแม่น้ําสายกําเนิดไหลลงสู่ทะเล หรือทะเลสาบ โดยลาํ พงั และไม่ไหลไปบรรจบ
กบั แม่น้ําสายกาํ เนิดอีก
แกง่ (rapid) ลําน้าํ ตอนทีไ่ หลแรงเพราะมีหินโผล่ขวางทางน้าํ อยู่ โดยมากพบตอนต้น ๆ ของ ลําธาร
ทางน้าํ โค้งตวดั ลําน้ําที่โค้งไปโค้งมา ดคู ล้ายเชือกทว่ี างขดไวเ้ ป็นหยัก ๆ มัก พบในบริเวณทีธ่ ารน้ําไหลผ่านพืน้ ที่
(meander) ราบ การกดั เซาะในทางลึกมีนอ้ ยกว่าในทางข้าง กล่าวคือ กระแสน้ําที่ ไหลมาปะทะตลิง่ ด้านหน่งึ
จะค่อย ๆ กัดเซาะตลิ่งด้านน้ันใหพ้ ังทลายไปทีละน้อย ๆ ในขณะเดียวกนั ตลิ่ง ด้านทีอ่ ยูต่ รงกนั ขา้ ม
จะเกิดการทบั ถมงอกออกมา นาน ๆ เข้าทางน้ําจึงโอ้งตวดั ไปมามากข้ึน
ทะเลสาบรปู แอก (oxbow วง่ิ หรือทะเลสาบรปู โค้งคล้ายแอกวัว เกิดจากการโค้งตวดั ของธารน้ํา และมีตะกอนดิน กรวด
lake) ทราย มาปิดด้านหัวของลําน้ําน้ัน
ทะเลสาบ (lake) พืน้ น้ําที่ลอ้ มรอบด้วยพนื้ ดิน มกั เกิดในแอ่งแผน่ ดินที่ไมม่ ีทางน้ําไหลออก มีขนาดและความลึกตา่ ง ๆ
กัน ทะเลสาบมีทั้งน้ําจืดและน้าํ เคม็
ทะเลสาบน้ําเค็ม (lagoon) ทะเลสาบที่เกิดขนึ้ ในทะเล โดยการปิดกั้นของปะการัง ซึ่งมัก เป็นรปู วงกลม และมีร่องน้าํ แคบ ๆ ให้
เรือเข้าออกได้ หรืออาจเกิดขึน้ ในแผน่ ดินใหญใ่ กล้ชายฝงั่ ทะเล โดยมี ทางออกเล็ก ๆ เชน่ ทะเลสาบ
น้ําเคม็ ที่สงขลา เปน็ ต้น
น้ําพรุ ้อนก็เซอร์ (geyser) น้าํ ร้อนที่พขุ นึ้ มาโดยกําลังอัดดนั จนทําใหพ้ งุ่ ขึน้ สูงเปน็ ช่วง ๆ ซึ่ง บางแหง่ พุ่งขึน้ สูงกว่า 50 เมตร
น้าํ ตก (waterfall) น้ําในธารทีม่ ีระดับของท้องธารตา่ งกนั ซึ่งบางแหง่ ถ้าท้องธารมีระดับต่าง กนั มาก ทําใหม้ องเหน็
น้ําตกจากทส่ี ูงลงสู่เบือ้ งต่ํา เป็นแนวสขี าวพาดอย่รู ิมหนา้ ผา
เขื่อน (dam) สิง่ กีดขวางกั้นแม่น้ําลาํ ธารตา่ ง ๆ อาจเกิดขึน้ ตามธรรมชาติกไ็ ด้ เช่น ธารหมิ ะ ธารน้ําแข็ง เป็นต้น
หรือเกิดจากการกอ่ สร้างของมนษุ ยเ์ พือ่ เกบ็ กักน้ําไวใ้ ช้ประโยชนใ์ นด้านต่าง ๆ
รายวิชาสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ส32101 ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนเตรียมอดุ มศึกษาพัฒนาการ กลุ่มสาระการเรียนสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม หน้า 5
คำศพั ท์ ความหมาย
อ่างเก็บนาํ้ (reservoir) แหล่งเก็บนํา้ ขนาดใหญ่ เกิดจากการสร้างเขือ่ นกั้นหุบเขา เพื่อเก็บนาํ้ ไวใ้ ช้ในการชลประทาน การ
บรรเทาสาธารณภยั การผลิตไฟฟ้าพลงั น้าํ การคมนาคมทางน้าํ การป้องกนั น้ําเคม็ การใช้นาํ้
อปุ โภคบริโภค การเพาะพนั ธ์สุ ัตวน์ ้ํา และการพกั ผ่อนหยอ่ นใจ
ชอ่ งแคบ (channel) ร่องน้าํ ลึกในที่ต้นื หรือช่องทางผ่านระหว่างโขดหนิ หรือบริเวณย่านน้าํ แขง็ ที่เรือผา่ นไปได้
โดยท่ัวไปมักหมายถึงบริเวณทีม่ ีขนาดกวา้ งกว่า strait
ปากทางเข้า (inlet) ชอ่ งทางน้ําที่แคบและสั้น ซึ่งเวา้ ลึกเข้าไปในฝงั่ ทะเล ทะเลสาบ หรือ แม่น้ํา ทําใหน้ ้ําสว่ นใหญไ่ หล
เข้าถึงขอบฝัง่ ได้ และเกิดเปน็ อ่าวเล็ก ๆ หรือเวง่ิ น้าํ แคบ ๆ ภายในขอบฝงั่ น้ัน
ชะวากทะเล (estuary) ฝ่ังทะเลที่เวา้ เป็นชอ่ งเข้าไปยงั ปากแมน่ ้ํา และน้ําจืดไหลมาปะทะ แล้วผสมกลมกลืนเข้ากบั นํา้ เค็ม
ทะเล (Sea) แหลง่ น้ําเค็มที่มีขนาดเลก็ กวา่ มหาสมุทร ตามปกติจะมีแผ่นดินหรือหม่เู กาะ กั้นเป็นแนว ทาํ ใหม้ ี
ขอบเขตแตกต่างออกไปจากแหล่งน้าํ เค็มสว่ นใหญ่ของโลก เชน่ ทะเลเหนอื ทะเลจีนใต้ ทะเลอันดา
มัน เป็นต้น หรืออาจใช้เรียกแหลง่ น้ําเคม็ ที่ถูกแผ่นดินปิดล้อมอยู่บางสว่ น เช่น ทะเลเมดิเตอร์เร
เนียน ทะเลดํา ทะเลบอลติก เปน็ ต้น หรืออาจใช้เรียกแหลง่ น้าํ เค็มขนาดใหญ่ที่ถกู แผ่นดินปิดล้อมไว้
หมด โดยไมม่ ี ทางติดตอ่ กบั ทะเลหรือมหาสมทุ รอืน่ เลย เช่น ทะเลแคสเปียน ทะเลอารลั ทะเลเดดซี
เปน็ ต้น
อา่ ว คําว่า อา่ ว ใน สว่ นของทะเล หรือมหาสมุทรที่เวา้ ลึกเข้าไปในแผน่ ดิน ซึ่งเกิดจากรอยแยกของเปลือกโลกหรือที่ลุ่ม
ภาษาไทยตรงกับคําใน ต่ํา โดยท่ัวไปส่วนทีล่ กึ เวา้ เข้าไปในแผ่นดินจะมีระยะยาวมากกวา่ ระยะกว้างของปากอ่าว bay คือ
ภาษาองั กฤษหลายคํา คือ สว่ นของทะเลหรือทะเลสาบที่ลาํ้ เข้าไป ในฝัง่ ซึง่ เวา้ โค้งและเปิดกวา้ ง โดยท่ัวไป bay มีขนาดเล็ก
gulf กวา่ gulf สว่ น bight มีลกั ษณะคล้าย bay เกิดจากสว่ นเวา้ โค้งของฝง่ั ระหว่างหัวแหลมที่อย่หู ่างกัน
แตม่ ีความโค้งน้อยกวา่ bay
ไหลท่ วปี (continental พืน้ แผน่ ดินบริเวณใต้นาํ้ ทะเลรอบ ๆ ทวีป ซึ่งมีความลาดเอียง น้อย ๆ แผย่ ื่นออกไปจากชายฝัง่ นับ
shelf) จากแนวน้ําลงตาํ่ สุดลงไปในทะเล ไหล่ทวปี มีความกว้างตา่ ง ๆ กัน คือ ถ้าฝงั่ ทะเลมีลกั ษณะเป็น
ภเู ขา ไหลท่ วปี จะแคบและชัน แต่ถ้าฝั่งทะเลมีลักษณะเป็นทีร่ าบ ไหลท่ วีปจะลาด เอียงและมีพืน้ ที่
กว้างขวางขนึ้
ชายฝัง่ ทะเลยกตัว การยกระดบั ของแผน่ ดินบริเวณชายฝงั่ ใหส้ งู ขึน้ เมื่อเทียบกับระดับของทะเล ทําให้บริเวณซึง่ เดิมอยู่
(emerged coastline) ใต้นาํ้ โผลพ่ ้นนาํ้ ขนึ้ มาเปน็ แผน่ ดิน ลักษณะของชายฝง่ั ทะเลยกตัว จะเห็นได้วา่ มีชายหาดยกตัว
สูงขนึ้ หรือมีทีร่ าบริมฝงั่ ทะเล เชน่ ชายฝ่งั ตะวันออกในภาคใต้ของ ประเทศไทย เป็นต้น
ชายฝั่งจมน้ํา (Submerged แนวชายฝ่ังที่เกิดจากระดบั น้าํ ทะเลสูงขึน้ จนทว่ ม ขอบของผิวพนื้ แผ่นดินเดิม ลกั ษณะชายฝ่งั ชนิดน้ี
coastline) จะชันและมีพืน้ ทีไ่ หล่ทวปี แอบจมลงสู่ทะเลลึก เชน่ ชายฝงั่ ตะวันตกในภาคใต้ของประเทศไทย เป็น
ต้น
รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ส32101 ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนเตรียมอดุ มศึกษาพฒั นาการ กลมุ่ สาระการเรียนสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม หน้า 6
คำศัพท์ ความหมาย
ระดบั ทะเล (sea level) ความสูงของน้ําทะเลในขณะใดขณะหนง่ึ
ระดับทะเลปานกลาง คา่ เฉลีย่ ของระดับน้าํ ทะเล ซึง่ คาํ นวณหาได้จากผล การตรวจระดับน้ําขึน้ และน้ําลงในที่ใดท่หี น่งึ ซึง่
(mean sea level) ได้บันทึกติดต่อกันเปน็ ระยะเวลานาน
รอ่ งลึกบาดาล (submarine รอ่ งลึกของพืน้ ท้องทะเลและมหาสมทุ ร มีลกั ษณะ แคบเปน็ แนวยาว และมีขอบสูงชัน
trench)
พืน้ ราบข้ันบาดาล พืน้ ราบบนพนื้ ท้องสมุทรในบริเวณทีล่ กึ ประมาณ 1,000 วาลงไป
(abyssal plain)
เทือกปะการังใกล้ฝงั่ ทะเล โขดปะการังใต้นาํ้ ทีส่ งู ข้ึนมาเกือบพ้นระดับ น้ําทะเล เกิดขึน้ ในเขตอากาศร้อนทีม่ ีการทับถมของ
(barrier reef) ซากปะการงั เป็นแนวยาวใกล้ชายฝง่ั ทีม่ ีชือ่ เสียง ได้แก่ เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ซึ่ง
มีลกั ษณะเปน็ แนวยาวเกือบขนานกบั ชายฝ่งั ทางด้านตะวันออก เฉียงเหนอื ของทวปี ออสเตรเลีย
คลืน่ มหาสมทุ ร, (ocean การแกว่งกวดั อนุภาคของน้ําในแหล่งน้าํ อันกว้างใหญ่ การ แกว่งกวดั อนภุ าคของน้ําจะมีลักษณะ
wave) เป็นวงกลมลงไปในทางดิ่ง เมื่อคลื่นผ่านไป ทุกอนุภาคของน้าํ จะเคลือ่ นตัว ไปข้างหนา้ เล็กน้อยตาม
ยอดคลืน่ และจะวกกลับมาถึงจุดเดิมที่ท้องคลืน่ การแกวง่ กวดั ของน้ํา เกิดขึน้ จาก การเสียดสีของ
ลมที่พัดผา่ นไปบนผิวพืน้ หนา้ น้ํา ขนาดของคลืน่ ขึน้ อยู่กบั ความเรว็ และระยะเวลาที่ลมพัด รวม ทั้ง
ความยาวของพนื้ น้ําที่เกิดคลืน่ คลื่นทําใหเ้ กิดการตกตะกอนทับถมขึน้ และคลื่นทีว่ ิง่ เข้าหาฝั่งใน
ทิศทางที่ เป็นมมุ เฉียงกบั ขอบฝัง่ นั้น เมื่อสลายตัวลงแล้วจะทําใหเ้ กิดการพดั พาและตกตะกอนไป
ตามแนวชายฝง่ั
คลืน่ แผน่ ดินไหว (seismic คลื่นในทะเลที่มีชว่ งคลื่น ยาวประมาณ 80-200 กิโลเมตร เกิดจากการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว
wave) หรือซึนามิ แผน่ ดินถลม่ หรือภูเขาไฟระเบิด ที่พืน้ ท้องสมุทร และอาจเคลือ่ นข้ามมหาสมุทรได้เป็นพนั ๆ
(tsunami) กิโลเมตรโดยไมผ่ ิดสังเกต เพราะยอดคลื่นสูง เพียงประมาณ 30 เซนติเมตร และเคลื่อนตวั ด้วย
ความเรว็ ประมาณ 600-1,000 กิโลเมตรตอ่ ชั่วโมง ยอด คลื่นจะทวีความสูงขึน้ มื่อถึงชายฝั่ง และ
อาจถล่มชายฝ่งั ในทีส่ งู จากระดับน้าํ ทะเล 20-30 เมตรได้
กระแสน้าํ มหาสมทุ ร การหมนุ เวยี นของมวลนํา้ ในมหาสมุทรตามทิศทาง ระยะเวลา และฤดกู าลที่แนน่ อน ซึ่งมีสาเหตุมา
(ocean current) จากแรงลมทีพ่ ดั ความแตกต่างของอณุ หภมู ิของน้าํ ความ หนาแน่นหรือความเค็มของน้าํ และน้ํา
ขนึ้ น้ําลง
ภูเขาน้ําแข็ง (iceberg) ก้อนน้ําแข็งมหมึ าทีแ่ ตกจากธารน้าํ แขง็ แถบขั้วโลก แล้วลอ่ งลอย ไปในทะเล พบมากในมหาสมุทร
อาร์กติก ตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกและย่านแอนตาร์กติกา
รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ส32101 ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนเตรียมอดุ มศึกษาพฒั นาการ กลุ่มสาระการเรียนสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม หน้า 7
คำศพั ท์ ความหมาย
โทรโพสเฟียร์ ชั้นบรรยากาศของผิวโลกไปจนถึงช้ันโทรโพฟอส ซึง่ มคี วาม สงู ขึน้ ไปประมาณ 10-20 กิโลเมตร
(troposphere) จากผิวโลก บรรยากาศช้ันน้มี ีการลดอณุ หภูมิตามระยะความสูง และ การถ่ายเทอากาศมีทั้งแนวตง้ั
และแนวนอน เปน็ ชั้นบรรยากาศทีม่ ีไอน้ําและปรากฏการณ์ทีท่ าํ ใหเ้ กิดลมฟ้า อากาศขึน้
สเตรโตสเฟียร์ บรรยากาศช้ันที่อย่ถู ัดจากชั้นโทรโพสเฟียรข์ ึน้ ไป ในความสงู ประมาณ 10-50 กิโลเมตรจาก
(Stratosphere) พนื้ ผิวโลก เป็นช้ันบรรยากาศที่ไมม่ ีเมฆ ไมม่ ีพายุ และไม่มีฝ่นุ
เมโซสเฟียร์ บรรยากาศชั้นที่อย่ถู ดั จากช้ันสเตรโตสเฟียรข์ ึน้ ไป ในความ สูง ประมาณ 50-80 กิโลเมตรจาก
(mes05phere) พืน้ ผิวโลก ในบรรยากาศช้ันน้จี ะมีอุณหภูมิลดเรือ่ ย ๆ ตามความสูง
ไอโอโนสเฟียร์ บรรยากาศที่อย่เู หนอื ช้ันเมโซสเฟียรข์ ึน้ ไป ในความสงู ประมาณ 46-120 กิโลเมตรจากผิวโลก
(ionosphere) บรรยากาศช้ันไอโอโนสเฟียร์มีคุณสมบตั ิในการสะท้อนคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า และคลื่นวิทยุใหก้ ลบั มา
ยังพนื้ ผิวโลก นอกจากนี้บรรยากาศช้ันน้ยี งั มีการแผลงไฟฟ้าเกดิ ขึน้ เป็นคร้ังคราวดว้ ย ทาํ ใหเ้ กิดแสง
ออโรรา (aurora) มีลักษณะเป็นแสงสีแดง เขียว และขาว เปน็ รูปวงโค้ง เปน็ เส้น เป็นแผ่น หรือมี
ลักษณะคล้ายมา่ น
อัตราเปลี่ยนอุณหภมู ิตาม การเปลีย่ นอุณหภูมิของ บรรยากาศในช้ันโทรโพสเฟยี ร์ คือ อณุ หภูมิจะลดลง 0.6 องศาเซลเซียส
สูง (temperature lapses ต่อระดบั ความสงู จากพนื้ ดินทกุ ๆ 100 เมตร ดังน้ัน ถ้าตาํ บลใดต้ังอยูใ่ นบริเวณที่สูงหรือภเู ขา แม้
rate) จะอยู่ในเขตร้อนก็มีอากาศอบอนุ่ สบาย
พายุดีเปรสชนั พายุหมุนที่มีกําลงั อ่อน มีความเร็วลมสงู สดุ ใกล้ศนู ยก์ ลาง ไม่เกิน 34 นอต หรือ 63 กิโลเมตรตอ่
(depression) ช่วั โมง
พายุโซนร้อน (tropical พายุดีเปรสชันทีท่ วกี ําลงั แรงขึน้ มีความเร็วรอบศูนย์กลาง ต้ังแต่ 34-64 นอตต่อชั่วโมง (63-118
storm) กิโลเมตรต่อชั่วโมง) พายนุ ีเ้ กิดในเขตร้อน ทาํ ใหฝ้ นตกค่อนข้างหนัก และต่อเน่ืองกนั
พายุหมนุ หรือ พายุ ลมที่พัดและมีกาํ ลงั แรงจัด มีความเร็วลมทีจ่ ุด ศนู ยก์ ลางมากกว่า 64 นอตต่อชัว่ โมง (มากกว่า 118
ไซโคลน (cycione) กิโลเมตรตอ่ ช่ัวโมง) หากพายุหมนุ เกิดทางซีกโลก เหนอื จะมีทิศทางการหมนุ ทวนเข็มนาฬิกา และ
ถ้าเกิดทางซีกโลกใต้จะหมุนตามเขม็ นาฬิกา พายุไซโคลนมีชือ่ เรียกแตกตา่ งกันตามสถานทีท่ ีเ่ กิด
เช่น เกิดในมหาสมทุ รอินเดีย ทะเลอาหรับและอ่าวเบงกอลเรียกว่า ไซโคลน (cyclone) เกิดใน
มหาสมทุ รแปซิฟิกตะวนั ตก เรียกว่า ไต้ฝนุ่ (typhoon) เกิดทางด้านตะวนั ตกเฉียงเหนอื ของ
ออสเตรเลีย เรียกว่า วลิ ลี่-วลิ ลี่ (wily, oilly) เกิดใกล้หมู่เกาะฟิลปิ ปิน เรียกวา่ บาเกียว (baguio)
และเกิดในเขตร้อนอื่น ๆ เรียกว่า เฮอร์ริเคน (hurricane)
พายทุ อร์เนโด หรือ ลมงวง พายุหมนุ ที่เกิดจากการหมุนเวยี นของอากาศ ภายใต้เมฆคิวมูโลนิมบสั ซึ่งเปน็ เมฆฝนชนิดหนึง่ จะ
(tornado) แลเห็นเมฆมีลกั ษณะเปน็ งวงช้างยืน่ ปลายลงมาจาก ฐานเมม เคลือ่ นทีด่ ว้ ยความเร็วประมาณ 32-
64 กิโลเมตรตอ่ ชว่ั โมง และจะสลายตัวไปในไม่ช้า ความ เรว็ ลมทีศ่ ูนยก์ ลางของพายุทอร์เนโด
รายวิชาสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ส32101 ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ กลมุ่ สาระการเรียนสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม หน้า 8
คำศัพท์ ความหมาย
ประมาณ 160-480 กิโลเมตร และมีเส้นผา่ นศูนย์กลางหลายร้อยเมตร ลกั ษณะการหมุนมีทิศทาง
เชน่ เดียวกับพายไุ ซโคลน พายุทอรเ์ นโดมกั เกิดรุนแรงในบริเวณภาคพนื้ ทวปี ของ เขตอบอ่นุ และเกิด
ได้ตลอดปี เมื่อเกิดลมนีข้ ึน้ มัก มีฟ้าคะนองอย่างแรง และมีฝนตกหนกั เกิดขึน้ พร้อมกนั ด้วย แตถ่ ้า
เกิดเหนอื พืน้ น้าํ ลมจะหอบ
ลมค้า (trade winds) ลมทีพ่ ัดจากเขตความกดอากาศสงู ถึงโซนร้อนไปยงั บริเวณความกดอากาศต่ําที่เส้นศนู ย์สตู ร ทาง
ซีกโลกเหนอื ลมจะพัดมาจากทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ส่วนซีกโลกใต้ลมจะพัด มาจากทศิ ตะวนั ออก
เฉียงใต้
ลมฝ่ายตะวนั ตก ลมทีพ่ ดั ออกจากเขตความกดอากาศสูงกึง่ โซนร้อน (Horselattitude) คือประมาณละติจูด 30-35
(westerlies) องศาเหนอื และใต้ ไปทางข้ัวโลกทั้ง 2 ข้าง เป็นลมทีพ่ ัดมาจากทศิ ตะวันตกตลอดปี
ลมมรสมุ (monsoon) ลมประจําฤดกู าล เกิดขึน้ เนอื่ งจากความแตกต่างระหว่างอุณหภมู ิ ของพืน้ ดินและพนื้ น้าํ ทาํ นอง
เดียวกันกบั ลมบกและลมทะเล กลา่ วคือ ในฤดหู นาวอณุ หภูมิของภาคพนื้ ทวปี จะตา่ํ กว่าอุณหภูมิ
ของน้ําในมหาสมทุ รทีอ่ ยใู่ กล้เคียง อุณหภูมิเหนอื พนื้ น้ําทีส่ งู กว่า จึงลอยตวั ขึน้ ส่เู บื้องบน อากาศ
เหนอื ภาคพืน้ ทวปี ซึ่งเยน็ กวา่ จึงไหลเข้ามาแทนที่ ทําใหล้ มพัดออกไปจากทวีปลงสู่ทะเล แตพ่ อถึง
ฤดรู ้อน ความเปลี่ยนแปลงของอุณหภมู ิ และการพดั ของลมระหวา่ งพนื้ ดินและพืน้ น้าํ เปน็ ไปในทาง
กลับกนั
หยาดน้าํ ฟ้า (precipitation) น้ําทีต่ กจากฟ้าลงมาส่พู นื้ ดิน ไม่วา่ จะมีภาวะเป็นน้ําหรือน้ําแขง็ เชน่ ฝนละออง ฝนธรรมดา หมิ ะ
ลูกเหบ็ เป็นต้น
รายวิชาสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ส32101 ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5