The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เทคนิคการจัดการสมัยใหม่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BANG Studio, 2020-09-02 22:35:01

เทคนิคการจัดการสมัยใหม่

เทคนิคการจัดการสมัยใหม่

เทคนิคการจดั การสมยั ใหม่

(Modern Management Techniques)

Crucial Management Tools

Pay-for-performance

Strategic planning Customer segmentation Cycle

time reduction Real option

analysis Knowledge management Mission &

vision statements

Merger integration teams Shareholder value
analysis Total quality management

Customer satisfaction measures One-to-one
marketing Key Performance Indicator

Six sigma

Benchmarking

Core competencies Outsourcing Reengineering
Supply chain integration

Activity-based management Scenario planning
Growth strategies

Strategic alliances Customer relationship
management Market disruption analysis
Corporate venturing Balanced scorecard : BSC

เทคนิคการจดั การสมยั ใหมแ่ บ่งได้ 5
เทคนิค

1.การจดั การคณุ ภาพโดยรวม (TQM)
2.การบรหิ ารอยา่ งสมดลุ (BSC)
3.การเปรยี บเทยี บ (Benchmarking)
4.การบรหิ ารซกิ ซ ์ซกิ มา่

1.การจดั การคุณภาพโดยรวม (TQM)

(Total Quality Management) คอื

กระบวนการทเี่ กยี่ วกบั การทากจิ กรรมทุกอย่าง
ทที่ า

ใหส้ นิ คา้ หรอื บรกิ ารใหม้ คี ณุ ภาพทดี่ ี
โดยพนกั งาน

ทุกแผนกทางานอยา่ งมคี ณุ ภาพ

TQM
เป็ นเครอื่ งมอื อย่างหนึ่งทจี่ ะชว่ ยใหอ้ งคก์ ารสาม

ารถบรรลุ
ถงึ คณุ ภาพทเี่ หนือกว่าคูแ่ ข่งขนั ได้

และสามารถตอบสนอง
ความตอ้ งการของลูกคา้ อยา่ งตอ่ เนื่อง

และทาใหล้ ูกคา้ เกดิ

ความประทบั ใจในคณุ ภาพในสนิ คา้ หรอื บรกิ าร

หลกั การ 14
ขอ้ ของการสรา้ งคณุ ภาพขนึ้ ในองคก์ าร

มดี งั นี้

1.แน่วแน่ในการปรบั ปรุงสนิ คา้ และบรกิ าร
2.ปฏเิ สธสนิ คา้ และบรกิ ารทไี่ ม่มคี ณุ ภาพ
3.ปรบั ปรุงการผลติ เพอื่ สรา้ งคณุ ภาพตอนเรมิ่ ตน้ กจิ การ
3.ปรบั ปรุงการผลติ เพอื่ สรา้ งคณุ ภาพตอนเรมิ่ ตน้ กจิ การ
5.ปรบั ปรุงการผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารอย่างตอ่ เนื่อง
6.มกี ารอบรมพนักงานในองคก์ ารอย่างสม่าเสมอ

7.ผูบ้ รหิ ารตอ้ งใชภ้ าวะผูน้ าในการควบคมุ คณุ ภาพ
8..ใหม้ กี ารแสดงความคดิ เหน็ ในปัญหาต่างๆทเี่ กดิ ขนึ้

9.พยายามลดความขดั แยง้ ของพนกั งานทุกแผนก

10.ตอ้ งหาระบบและวธิ กี ารในการปรบั ปรุงคุณภาพ
11.ควรเน้นทงั้ จานวนการผลติ กบั คุณภาพสนิ คา้ และบรกิ

าร

12.ขจดั อุปสรรคในการสรา้ งคุณภาพเช่นความลา้ สมยั
(ต่อ) ความเสอื่ มสภาพ(วตั ถดุ บิ )
การสอื่ สารไม่มปี ระสทิ ธภิ าพ

13.ตอ้ งมกี ารอบรมอย่างเขม้ งวดในการปรบั ปรุง QC
14.ตอ้ งรว่ มกนั เปลยี่ นแปลงการปรบั ปรุงคณุ ภาพทงั้ ระบบ

14.ตอ้ งรว่ มกนั เปลยี่ นแปลงการปรบั ปรุง
คณุ ภาพทงั้ ระบบ

Edward Deming

Deming Cycle

1.การวางแผน (Planning)

1.1.การตระหนกั และกาหนดปัญหา
เพอื่ มองปัญหาและ

ประสานงานกนั อยา่ งใกลช้ ดิ
1.2.การเก็บรวมรวบขอ้ มูล เพอื่ วเิ คราะห ์

ตรวจสอบ หาสาเหตุ
เพอื่ ปรบั ปรุง

1.3.การอธบิ ายปัญหา และกาหนดทางเลอื ก
เพอื่ นามา

วเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายขอ้ ดขี อ้ เสยี ในแตล่ ะทางเลอื


1.4.เลอื กวธิ กี ารแกป้ ัญหา
ทาการเลอื กทางเลอื กทจี่ ะใช้

ตดั สนิ ใจ

Deming Cycle

2.การปฏบิ ตั ิ (Do)
คอื ทาตามวธิ กี ารของทางเลอื ก
ทตี่ ดั สนิ ใจเลอื กใชใ้ นการแกป้ ัญหา
3.การตรวจสอบ (Check) คอื ตดิ ตาม
ควบคมุ และประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน
โดยการเปรยี บเทยี บกอ่ น
และหลงั การปฏบิ ตั งิ าน
4.การปรบั ปรุง (Action)
คอื มกี ารกาหนดมาตรฐานจากผลการดา

เนินงานใหม่
เพอื่ ทาเป็ นรายงานเสนอตอ่ ผูบ้ รหิ าร
และกลุ่มอนื่ ๆและใชเ้ ป็ นมาตรฐานในกา
รทางานตอ่ ไป

การเปรยี บเทยี บระหวา่ งการจดั
การคณุ ภาพแบบเดมิ

และการจดั การคณุ ภาพโดยรว
ม(TQM)

การควบคุมคุณภาพแบบเดมิ

1.ทาใหม้ มี าตรฐานตามผูอ้ อกแบบ

2.ตดิ ตาม ตรวจสอบ และควบคมุ ใหเ้ ป็ นมาตรฐาน
3.ยดึ “ราคาถูก ตน้ ทนุ ตา่ ” ในการผลติ เท่านน้ั
4.เป็ นหน้าทขี่ องหน่วยงานควบคมุ คณุ ภาพ

5.ความสูญเสยี ถูกควบคมุ ไมใ่ หไ้ ปถงึ มอื ลูกคา้

การจดั การคณุ ภาพองคร์ วมTQ
M

1.ลูกคา้ เป็ นผูก้ าหนดคณุ ภาพ และความตอ้ งการ
2.ทาการแกไ้ ขปรบั ปรุงและพฒั นาอย่างต่อเนื่อง

3.มงุ่ ลดตน้ ทนุ ขององคก์ ารโดยรวม
4.พนกั งานทกุ คนมสี ว่ นรว่ ม

5.กาจดั ความสูญเสยี ดว้ ยกาวางแผนการทางานใหถ้ ูกตอ้ งตงั้ แต่
เรมิ่ ตน้ ทาใหไ้ ม่ตอ้ งเสยี เวลาแกไ้ ขใหม่

ขน้ั ตอนของการนา TQM
ไปปฏบิ ตั ใิ หเ้ ป็ นรูปธรรมไดด้ งั นีค้ อื

ขน้ั ที่ 1
คดั เลอื กและแตง่ ตง้ั หวั หน้าผูร้ บั ผดิ ชอบ

ขนั้ ที่ 2 วางแผนปฏบิ ตั กิ าร

2.5. พฒั นาและสรา้ งทมี งาน
2.4.ใชค้ วามรูด้ า้ นตา่ งๆทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ก

ารควบคมุ คุณภาพ

2.3.ปลูกฝั งวฒั นธรรม TQM
2.2.จดั ทาคูม่ อื ทมี่ มี าตรฐานในการดาเนิ

นงาน
2.1.สอื่ สาร&สรา้ งความเขา้ ใจเชน่ การฝึ
กอบรม/การสมั มนา/การประชาสมั พนั ธ ์

ขน้ั ตอนของการนา TQM
ไปปฏบิ ตั ใิ หเ้ ป็ นรูปธรรมไดด้ งั นีค้ อื

ขนั้ ที่ 3 ดาเนินการ

คอื นามาปฏบิ ตั โิ ดยใชป้ ระกอบกบั การเปรยี บเทยี บ

การบรหิ ารแบบสมดลุ /เทคนิค Six Signma
ขน้ั ที่ 4 ตดิ ตาม ตรวจสอบ ประเมนิ และแกไ้ ข

ขนั้ ที่ 5 ดาเนินการอย่างตอ่ เนื่อง

2.การบรหิ ารแบบสมดุล (BSC)

Balanced Scorecard คอื
เคา้ โครงหลายมติ ทิ ใี่ ชส้ าหรบั กาหนด

ดาเนินการ
และบรหิ ารจดั การกลยุทธท์ ุกระดบั
โดยมกี ารเชอื่ มโยง “วตั ถปุ ระสงค ์ แผนงาน

โครงการหรอื กจิ กรรม
และการวดั ผลหรอื การประเมนิ กบั กลยุทธ”์

มุมมองของการบรหิ ารแบบสม

ดลุ

มุมมอง(Perspective)
วตั ถปุ ระสงค(์ Objective)

ดา้ นการเงิน
มุง่ เน้นกลยุทธท์ ไี่ ดก้ าหนดขนึ้ มาและการ
นากลยุทธไ์ ปใชใ้ นทางปฏบิ ตั กิ อ่ ใหเ้ กดิ ผลดี
ต่อการดาเนินงานขององคก์ ารหรอื ไม่
ซงึ่ ประกอบดว้ ยวตั ถปุ ระสงคส์ าคญั 3
ประการคอื 1.การเพมิ่ ขนึ้ ของรายได้
2.การลดลงของตน้ ทุน
และ3.การเพมิ่ ขนึ้ ของผลติ ภาพ

ดา้ นลูกคา้
ประกอบดว้ ยวตั ถปุ ระสงคท์ สี่ าคญั 5
ประการคอื 1.สว่ นแบ่งตลาด
2.การรกั ษาลูกคา้ เดมิ
3.การแสวงหาลูกคา้ ใหม่
4.ความพงึ พอใจลูกคา้ 5.กาไรต่อลูกคา้

ดา้ นกระบวนการภายใน
มงุ่ เน้นใหส้ ามารถนาเสนอคณุ ค่าทลี่ ูกคา้ ต้
องการและชว่ ยใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคภ์ ายใต้
มุมมองดา้ นการเงิน
โดยไดน้ าแนวคดิ เกยี่ วกบั หว่ งโซ(่ Value
Chain) ของ Michael E. Porter
ซงึ่ ประกอบดว้ ยกจิ กรรมหลกั
และกจิ กรรมรองดงั นีค้ อื

มุมมองของการบรหิ ารแบบสม

ดลุ

ดา้ นกระบวนการภายใน

1.การไดร้ บั การขนสง่
การจดั เก็บและการแจกจา่ ยวตั ถดุ บิ
2.การเปลยี่ นหรอื แปรรูปวตั ถดุ บิ ออกมาเป็ น

สนิ คา้ 3.การจดั เกบ็ รวบรวม
จดั จาหน่ายสนิ คา้ หรอื บรกิ ารทผี่ ลติ แลว้ ไปยั

งผูบ้ รโิ ภค
1.การจดั หาหรอื จดั ซอื้
2.ชว่ ยในการเพมิ่ คุณคา่ แกส่ นิ คา้
3.การบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล
4.การบรหิ ารจดั การทว่ั ไปในองคก์ าร
การวางแผน การบญั ชแี ละการเงิน

ดา้ นการเรยี นรูแ้ ละการพฒั นา

เน้นพจิ ารณาในการบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคด์ า้ น
การเงิน ลูกคา้ ดา้ นกระบวยการภายใน
ดงั นนั้ วตั ถปุ ระสงคไ์ ดแ้ ก่
1.ดา้ นทรพั ยากรบคุ คล

(ทกั ษะความสามารถ/ทศั นคตแิ ละความพงึ
พอใจ/อตั ราการเขา้ -ออก)
2.วฒั นธรรมและระบบจูงใจ

3.การมรี ะบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ

องคป์ ระกอบย่อยของมุมมองขอ


การบรหิ ารแบบสมดลุ

1.วตั ถปุ ระสงค ์ คอื สงิ่ ทอี่ งคก์ ารมงุ่ หวงั
หรอื ตอ้ งการทจี่ ะบรรลผุ ลในดา้ นตา่ งๆ (การเงิน

ลูกคา้ กระบวนการภายใน
การเรยี นรูแ้ ละพฒั นา)
2.ตวั ชวี้ ดั (KPI)
คอื เป็ นเครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการวดั ว่าองคก์ ารบรรลุ
วตั ถุประสงคใ์ นมมุ มองแตล่ ะดา้ นหรอื ไม่

3.เป้ าหมาย
คอื ตวั เลขทอี่ งคก์ ารตอ้ งการจะบรรลุของดชั นีวั
ดแตล่ ะตวั

4.แผนงาน โครงการ หรอื กจิ กรรม คอื แผนงาน
หรอื กจิ กรรมเบอื้ งตน้ ของมมุ มองแตล่ ะดา้ น
ซงึ่ ยงั ไมใ่ ชเ่ ป็ นแผนปฏบิ ตั กิ ารทมี่ รี ายละเอยี ดใ
นการปฏบิ ตั จิ รงิ ๆ

ตวั ชวี้ ดั (Key Performance Indicators
:KPI)คอื

เครอื่ งมอื ทที่ าใหท้ ราบผลการดาเนินงานใน
ดา้ นตา่ งๆขององคก์ าร

1.สอดคลอ้ งกบั วสิ ยั วทิ ศั นแ์ ละภารกจิ ขององคก์
าร

2.แสดงผลการดาเนินงานทสี่ าคญั ขององคก์ าร
3.สามารถจดั การดาเนินงานทง้ั ทเี่ ป็ นตวั เงินและ

ไมเ่ ป็ นตวั เงิน
4.สามารถตดิ ตามเปลยี่ นแปลงไดต้ ลอดเวลา

5.ตอ้ งเป็ นทเี่ ขา้ ใจของบคุ คลทว่ั ไป

KPIในแตล่ ะมุมมอง 4
ดา้ นของการทาBSC

1.ดา้ นการเงิน เชน่ กาไร/ตน้ ทุน
รายได/้ คา่ ใชจ้ ่าย
2.ดา้ นลูกคา้ เชน่ ความพงึ พอใจ
ส่วนแบง่ ตลาด การรกั ษาลูกคา้ เดมิ
การเพมิ่ ลูกคา้ ใหม่

3.ดา้ นกระบวน เชน่ การผลติ
ทกั ษะพนกั งานคณุ ภาพ การปฏบิ ตั งิ าน
การภายใน

4.ดา้ นการเรยี นรูแ้ ละการเตบิ โตขององคก์ าร
เชน่ ทศั นคตขิ องพนกั งานอตั ราการเขา้ -
ออกของ พนกั งาน(Turnover)

1.กาหนดวสิ ยั ทศั นแ์ ละภารกจิ

2.วเิ คราะหส์ ภาพแวดลอ้ มทง้ั ภายในและภายนอ


และสภาพการแข่งขนั

3.กาหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละกลยทุ ธอ์ งคก์ าร

4.กาหนดมุมมองขององคก์ ารในดา้ นตา่ งๆ

5.พจิ ารณาความสมดลุ ระหวา่ งมุมมองดา้ นตา่ ง


6.กาหนดแผนงานทจี่ ดั ทาและ
7.ตดิ ตามและประเมนิ ผล

กรณีศกึ ษา Balanced Scorecard
(ธนาคารกสกิ รไทย)

ในปี 2544 ธนาคารกสกิ รไทยไดม้ กี ารนา
Balanced Scorecard มาใช้

เพอื่ ชว่ ยใหธ้ นาคารนายุทธศ์ าสตรไ์ ปสูก่
ารปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
และเป็ นในทศิ ทางเดยี วกนั

จงึ ทาใหธ้ นาคารมคี วามพรอ้ มในการจดั
การและการแขง่ ขนั ในตลาดเงินอยา่ งสม

บูรณแ์ บบ
หลงั จากทธี่ นาคารกสกิ รไทยไดน้ า

Balanced Scorecard
ทาใหก้ ารบรหิ ารดา้ นตน้ ทุนมปี ระสทิ ธภิ

าพมากขนึ้
สาขาทไี่ มท่ ากาไรกจ็ ะมกี ารควบสาขา

และไดเ้ ปิ ดโครงการสมคั รใจลาออกกอ่ นเ

กษยี ณ(Early Retirement)
รวมทง้ั มกี ารปลดพนกั งานทขี่ าดประสทิ

ธภิ าพการทางานดว้ ย
เพอื่ ตอ้ งการลดจานวนพนกั งานใหเ้ หลอื
8,000 คน ซงึ่ ปัจจบุ นั ธนาคารมพี นกั งาน

10,369 คน
ลดลงจากชว่ งกอ่ นเกดิ วกิ ฤตทมี่ พี นกั งา

นถงึ 15,000 คน
นอกจากนีป้ ระสทิ ธภิ าพการทางานของ

พนกั งานกสกิ รไทยถอื ไดว้ า่ มคี วามยอดเ
ยยี่ มแหง่ หนึ่ง

กลา่ วคอื พนกั งานสามารถทางานรายได้

ใหก้ บั ธนาคาร 4.12 ลา้ นบาทตอ่ คน

หรอื ทากาไรสุทธไิ ด้ 0.45

ลา้ นบาทตอ่ คน
จะเหน็ ไดว้ า่ ธนาคารกสกิ รไทยได้

กรณีศกึ ษา Balanced Scorecard
(ธนาคารกสกิ รไทย)

ใหค้ วามสาคญั กบั การพฒั นาระบบการบ
รหิ ารงานในรูปแบบใหมอ่ ยูเ่ สมอทาใหเ้ ป็
นธนาคารเอกชนทเี่ ปี่ ยมดว้ ยคุณภาพจน

ไดร้ บั รางวลั ธนาคารแหง่ ปี 2545
จากวารสารการเงินธนาคาร

และเป็ นธนาคารทไี่ ดม้ กี ารจดั การทดี่ ที สี่ ุ
ดในประเทศไทยในรอบ 10

ปี ทนี่ ิตยสารเอเชยี มนั นี่ไดม้ กี ารสารวจล่
าสุดอกี ดว้ ย

นอกจากนีย้ งั มอี งคก์ ารในประเทศไทย
ทมี่ กี ารนา Balanced Scorecard

มาใชเ้ พอื่ เป็ นแนวทางในการประเมนิ ผล
ในการทางาน

และชว่ ยในการนากลยุทธส์ ง่ ผ่านไปถงึ บุ
คลากรในองคก์ ารอกี เชน่ บรษิ ทั เงินทุน

ทสิ โก้ จากดั ธนาคารกสกิ รไทย
บรษิ ทั ปูนซเิ มนตไ์ ทย จากดั บรษิ ทั
แอดแวนซ ์อนิ โฟ เซอรว์ สิ จากดั

และเซเวน่ อเี ลฟเวน เป็ นตน้
คาถาม:

ทาไมผูบ้ รหิ ารระดบั สูงจงึ ตอ้ งการนาการ
บรหิ ารแบบสมดลุ (Balance Scorecard

:BSC)
มาใชใ้ นองคก์ ารแทนการบรหิ ารแบบเดิ



คาถาม:
ทาไมผูบ้ รหิ ารระดบั สูงจงึ ตอ้ งการนาการ
บรหิ ารแบบสมดลุ (Balance Scorecard

:BSC)
มาใชใ้ นองคก์ ารแทนการบรหิ ารแบบเดิ



คาตอบ:

-
ทาใหก้ ารบรหิ ารดา้ นตน้ ทุนมปี ระสทิ ธภิ

าพโดย
1.มกี ารควบสาขาทไี่ มท่ ากาไร

2.ไดเ้ ปิ ดโครงการสมคั รใจลาออกกอ่ นเก
ษยี ณ(Early Retirement)

3.มกี ารปลดพนกั งานทขี่ าดประสทิ ธภิ า
พการทางานดว้ ย

เพอื่ ตอ้ งการลดจานวนพนกั งานใหเ้ หลอื
8,000 คน ซงึ่ ปัจจบุ นั ธนาคารมพี นกั งาน

10,369 คน
ลดลงจากชว่ งกอ่ นเกดิ วกิ ฤตทมี่ พี นกั งา

นถงึ 15,000 คน
นอกจากนีป้ ระสทิ ธภิ าพการทางานของ

4.พนกั งานสามารถทางานรายไดใ้ หก้ บั
ธนาคาร 4.12 ลา้ นบาทตอ่ คน
หรอื ทากาไรสุทธไิ ด้ 0.45
ลา้ นบาทตอ่ คน

จะเหน็ ไดว้ า่ ธนาคารกสกิ รไทยได้

3.การเปรยี บเทยี บ (Benchmarking)

- ประวตั ิ

กระบวนการในการทาเปรยี บเทยี บ

กาหนดวตั ถปุ ระสงค ์ หวั ขอ้
องคก์ ารทจี่ ะเปรยี บเทยี บ

ศกึ ษาความแตกตา่ งระหวา่ งองคก์ าร
มกี ารกาหนดกจิ กรรมทที่ าระยะยาว
วธิ ปี ระเมนิ ผูร้ บั ผดิ ชอบในการปรบั ปรุง
นาผลมาชแี้ จงผูท้ เี่ กยี่ วขอ้ งในสว่ นแตก

ตา่ ง เพอื่ ใหม้ กี ารปรบั ปรุงรว่ มกนั
โดยตงั้ เป้ าหมายและวธิ กี ารทเี่ หมาะสม

ประเภทของ

Benchmarking

1.การเปรยี บเทยี บภายในองคก์ าร

2.การเปรยี บเทยี บกบั คูแ่ ขง่ ขนั
3.การเปรยี บเทยี บในแตล่ ะหน้าที่

4.การเปรยี บเทยี บแบบทว่ั ไป

ประโยชนข์ อง

Benchmarking

1.ลดความผดิ พลาดได้

2.เกดิ ความพงึ พอใจแกล่ ูกคา้

3.ชว่ ยแกป้ ัญหาภายในองคก์ าร

4.ชว่ ยในการปรบั ปรุงและพฒั นา

5.ชว่ ยใหก้ จิ การพฒั นาจนเป็ นผูน้ าได้

4.การบรหิ ารซกิ ซ ์ซกิ มา่

- ประวตั ิ
เกณฑก์ ารวดั เพอื่ ใหท้ ราบถงึ สมรรถนะ
และความผดิ ปกตใิ นกระบวนการผลติ
เมอื่ เทยี บกบั เป้ าหมายทตี่ งั้ ไว้ ถา้ Sigma

มคี า่ สูงหรอื มคี า่ มากขนึ้
จะทาใหค้ ุณภาพการผลติ เขา้ ใกลม้ าตร

ฐานทปี่ ราศจากของเสยี จากการะบวนกา
รผลติ หรอื บรกิ าร

กระบวนการสรา้ ง Six Sigma

1.กาหนดเป้ าหมาย (ลดจานวนของเสยี )

2.การวดั ความสามารถของกระบวนการ(
การเปรยี บเทยี บกอ่ นและหลงั การนา Six

Sigma)

3.การวเิ คราะหห์ าสาเหตุปัญหา
4.การปรบั ปรุงโดยเน้นทตี่ น้ เหตขุ องปัญ

หา
5.การควบคมุ กระบวนการทมี่ ผี ลกระทบ

ประโยชนข์ องการใช้ Six Sigma

1.สรา้ งมาตรฐานดา้ นคณุ ภาพ
เพอื่ ใหเ้ ป็ นทยี่ อมรบั จากลูกคา้ และองคก์ า

รทว่ั ไป

2.สามารถลดอตั ราการสูญเสยี อยา่ งมรี ะ
บบ โดยการประยุกตส์ ถติ มิ าใช้

3.ชว่ ยใหผ้ ูบ้ รหิ ารสามารถวางกลยุทธใ์
นดา้ นคณุ ภาพไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

4.มกี ารพฒั นาบุคลากรดา้ นคุณภาพอย่
างตอ่ เนื่องอยูเ่ สมอ และสามารถปรบั

องคก์ ารใหเ้ ป็ นองคก์ ารแหง่ การเรยี นรู ้

Ex. Six sigma Clip

Six Sigma Interview with Jack
Welsh












Click to View FlipBook Version