The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by arent.no.way.bro, 2023-09-22 23:23:47

งานEbookสามัคคีเภทคำฉันท์

blahblahvblahblahblahblahblah

T H A I L I T E R A T U R E โดย ลูกศิษย์อาจารย์บาสสุดหล่อ หลอกใครไม่หลอก ไปหลอกเด็กดีกว่า


จัดทำโดย นส. จาริสา ยุวชิต 023889 ม.6 เอกฝรั่งเศส นส. ศศินันท์ สมบูรณ์ทวีโชค 023907 ม.6 เอกฝรั่งเศส


ประวัติผู้แต่งสามัคคีเภทคำ ฉันท์ นายชิต บุรทัต บุตรนายชู นางปริก เดิมนามสกุล "ชวางกูร" เป็นผู้มีความสามารถในการแต่งคำ ประพันธ์ร้อยกรอง โดยเฉพาะฉันท์ เป็นกวีที่มีชื่อเสียงในสมัยรัชกาลที่ 6 สมรสกับนางจั่น แต่ไม่มี บุตรธิดา ประวัติ นายชิต บุรทัตเข้าศึกษาเบื้องต้นที่โรงเรียนวัดราชบพิธ และเข้าศึกษาจนจบชั้นมัธยมบริบูรณ์ ที่ โรงเรียนวัดสุทัศน์ เมื่ออายุได้ 15 ปี บิดาจึงให้บวชเป็นสามเณร ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ในเวลานั้นทรงเป็นอุปัชฌา จารย์ บวชได้ไม่นานก็ลาสิกขา นายชิตมีความสนใจการอ่านเขียน และมีความเชี่ยวชาญในภาษาไทย มีความรู้ภาษาบาลี และยัง ฝึกฝนภาษาอังกฤษอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ และเริ่มการประพันธ์เมื่ออายุได้ 18 ปี การประพันธ์ นายชิตกลับมาบวชสามเณรอีกครั้ง ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ในฐานะเป็นศิษย์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้เขียนงานประพันธ์ครั้งแรก โดยใช้นามปากกา "เอกชน" จนเป็นที่รู้จัก กันดีในเวลานั้น ขณะบวชนั้น สามเณรชิตได้รับอาราธนาจากองค์สภานายกหอพระสมุดวชิรญาณ ให้ เข้าร่วมแต่งฉันท์สมโภชพระมหาเศวตฉัตร ในงานพระราชพิธีฉัตรมงคลรัชกาลที่ 6 เมื่อ พ.ศ. 2454 ด้วย ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2458 นายชิต บุรทัต ซึ่งลาสิกขาแล้ว ได้ส่งบทประพันธ์เป็นกาพย์ปลุกใจ ลงตี พิมพ์ในหนังสือพิมพ์สมุทสาร เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทอดพระเนตร ก็พอพระ ราชหฤทัยเป็นอย่างมาก โปรดฯ ให้เจ้าหน้าที่ของภาพถ่ายเจ้าของบทประพันธ์นั้นด้วย ผลงาน นายชิต บุรทัตได้สร้างผลงานร้อยกรองที่มีชื่อเสียงมากมาย โดยเฉพาะ สามัคคีเภทคำ ฉันท์ (พ.ศ. 2457) มีบทร้อยกรองตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ข้อความโฆษณาเป็นร้อยกรอง และท่านยัง มีชื่อเสียงในการแต่งร้อยแก้วซึ่งสามารถอ่านอย่างร้อยกรองไว้ในบทเดียวกัน ขณะที่คำ ฉันท์นั้น ก็ยัง สามารถใช้คำ ง่ายๆ มาลงครุลหุได้อย่างเหมาะสม ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในนักแต่งฉันท์ฝีมือเยี่ยมคน หนึ่งของไทย แม้จนปัจจุบันนี้ สามัคคีเภทคำ ฉันท์ดำ เนินเรื่องโดยอิงประวัติศาสตร์ครั้งพุทธกาล ว่าด้วยการใช้เล่ห์อุบายทำ ลายความ


สามัคคีของเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี กรุงเวสาลี แห่งแคว้นวัชชี เนื้อความนี้มีปรากฏในมหาปรินิพพานสูตร แห่งพระไตรปิฎก และอรรถกถาสุมังคลวิสาสินี โดยเล่าถึงกษัตริย์ในสมัยโบราณ ทรงพระนามว่า พระ เจ้าอชาตศัตรู แห่งแคว้นมคธ ทรงมีอำ มาตย์คนสนิทชื่อ วัสสการพราหมณ์ ทรงมีดำ ริจะปราบแคว้น วัชชี ซึ่งมีกษัตริย์ลิจฉวีครอบครอง แต่แคว้นวัชชีมีความเป็นปึกแผ่นและปกครองกันด้วยความสามัคคี พระเจ้าอชาตศัตรูปรึกษากับวัสสการพราหมณ์เพื่อหาอุบายทำ ลายความสามัคคีของเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี โดยการแสร้งเนรเทศวัสสการพราหมณ์ออกจากแคว้นมคธ เดินทางไปยังเมืองเวสาลี แล้วทำ อุบายจน ได้เข้าเฝ้ากษัตริย์ลิจฉวี และในที่สุดได้เป็นครูสอนภาษาและศิลปวิทยาแก่ราชกุมารทั้งหลาย ครั้นได้ โอกาส ก็ทำ อุบายให้ศิษย์แตกร้าวกัน จากความแตกร้าวของเหล่ากุมาร จึงมีการไปฟ้องร้องบิดาของ ตนซึ่งเป็นกษัตริย์ จึงเกิดการแตกร้าวระหว่างกษัตริย์ไปด้วย จนเกิดการวิวาท และเป็นเหตุให้ความ สามัคคีในหมู่กษัตริย์ลิจฉวีถูกทำ ลายลง เมื่อนั้น พระเจ้าอชาตศัตรูจึงได้กรีธาทัพสู่เมืองเวสาลี สามารถปราบแคว้นวัชชีลงได้อย่างง่ายดาย โดยวัสสการพราหมณ์เป็นผู้มาเปิดประตูเมืองให้แก่พระ เจ้าอชาตศัตรู จุดประสงค์ในการแต่ง โดยมุ่งชี้ความสำ คัญของการรวมเป็นหมู่คณะ เป็นน้ำ หนึ่งใจเดียวกันเพื่อนรักษาบ้านเมืองให้มีความ มั่นคงเป็นปึกแผ่นมาถึงทุกวันนี้ คำ ประพันธ์ แต่งเป็นบทร้อยกรอง ประกอบด้วย คำ ประพันธ์ประเภทฉันท์ 18 ชนิด กาพย์ 2ชนิด คือ กาพย์ ฉบัง16และ กาพย์สุรางคนางค์28 แผงฉบัง 16 สามัคคีเภทคำ ฉันท์


สุรางคนางค์ 28 เนื้อเรื่อง ในกาลโบราณมีกษัตริย์องค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระเจ้าอชาตศัตรู ทรงครอบครองแคว้นมคธ มี ราชคฤห์เป็นเมืองหลวง พระองค์ทรงมีอำ มาตย์ที่สนิทคนหนึ่งชื่อว่า วัสสการพราหมณ์ เป็นผู้ฉลาด และรอบรู้ศิลปศาสตร์และเป็นที่ปรึกษาราชการทั่วไป พระเจ้าอชาตศัตรูมีพระราชประสงค์จะปราบ แคว้นวัชชีอันมีพวกกษัตริย์ลิจฉวีปกครอง แต่พระองค์ยังลังเลพระทัยเมื่อได้ทรงทราบว่ากษัตริย์ลิจ ฉวีทุก ๆ พระองค์ล้วนแต่ทรงตั้งมั่นอยู่ในธรรมที่เรียกว่า “อปริหานิยธรรม ๗” คือธรรมอันเป็นไป เพื่อเหตุแห่งความเจริญฝ่ายเดียว มีทั้งหมด ๗ ประการ ดังนั้นพระองค์จึงปรึกษาโดยเฉพาะกับวัส สการพราหมณ์ว่าควรจะกระทำ อย่างไรจึงจะหาอุบายทำ ลายเหตุแห่งความพร้อมเพรียงของพวกกษัตริย์ ลิจฉวีได้ เมื่อได้ตกลงนัดแนะกับวัสสการพราหมณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


วันหนึ่งพระเจ้าอชาตศัตรูเสด็จออกว่าราชการ จึงดำ รัสเป็นเชิงหารือกับพวกอำ มาตย์ในเรื่องจะยกทัพ ไปรบกับแคว้นวัชชี มีวัสสการพราหมณ์เพียงผู้เดียวที่กราบทูลเป็นเชิงทักท้วงและขอให้พระองค์ทรง ยับยั้งรอไว้ก่อนเพื่อเห็นแก่มิตรภาพและความสงบ ทั้งทำ นายว่าถ้ารบก็จะพ่ายแพ้ด้วย พระเจ้าอชาตศัตรูได้ทรงฟังวัสสการพราหมณ์กราบทูลเป็นถ้อยคำ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพเช่นนั้น ก็ ทรงแสร้งแสดงพระอาการพิโรธ และมีพระราชโองการสั่งเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ฝ่ายนครบาลพร้อมด้วย ราชบุรุษ ให้นำ ตัววัสสการพราหมณ์ไปลงโทษตามคำ พิพากษาในบทพระอัยการ คือ เฆี่ยน โกนผม ประจาน แล้วขับไล่ไปเสียไม่ให้อยู่ในพระราชอาณาเขต วัสสการพราหมณ์ยอมทนรับราชอาญาด้วย ทุกขเวทนาแสนสาหัสถึงแก่สลบ เมื่อถูกเนรเทศออกจากแคว้นมคธก็เดินทางมุ่งตรงไปเมืองเวสาลีอัน เป็นเมืองหลวงของแคว้นวัชชีและเที่ยวผูกไมตรีกับบรรดาชาวเมือง จนข่าวนี้ทราบไปถึงกษัตริย์ลิจฉวี จึงได้ตีกลองสำ คัญขึ้นเป็นสัญญาณ เชิญกษัตริย์ทั้งปวงมาชุมนุมปรึกษาราชการ เมื่อกษัตริย์ลิจฉวี ประชุมกันแล้วก็ได้ตกลงกันว่าควรให้พราหมณ์ผู้นั้นเข้ามาเพื่อจะได้เห็นท่าทางและฟังความดูก่อนว่าจะ จริงเท็จอย่างไร ภายหลังที่วัสสการพราหมณ์ได้เข้าเฝ้ากษัตริย์ลิจฉวีและกราบทูลข้อความต่าง ๆ ด้วยความฉลาดลึก ซึ้ง ประกอบกับมีรอยถูกโบยฟกช้ำ ให้เห็น กษัตริย์ลิจฉวีทุกพระองค์ต่างก็ทรงหมดความฉงนสนเท่ห์ว่า จะเป็นกลอุบาย จึงทรงตั้งให้เป็นครูสอนศิลปวิทยาแก่บรรดาราชกุมารและกระทำ ราชการในตำ แหน่ง อำ มาตย์ผู้พิจารณาพิพากษาอรรถคดีอีกตำ แหน่งหนึ่งด้วย วัสสการพราหมณ์ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความ เต็มใจและเอาใจใส่ จนเป็นที่ไว้ใจในหมู่กษัตริย์ลิจฉวี เมื่อวัสสการพราหมณ์คาดคะเนว่าพวกกษัตริย์ ลิจฉวีวางใจตนจนหมดความสงสัย วัสสการพราหมณ์จึงได้ดำ เนินอุบายเพื่อทำ ลายความพร้อมเพรียง เป็นอันเดียวกันของกษัตริย์ลิจฉวี โดยการแต่งอุบายลับชวนให้ฉงนสนเท่ห์ต่าง ๆ ขึ้น เป็นเครื่องยั่วยุ ราชกุมารทั้งหลายผู้เป็นศิษย์ให้แตกร้าวกัน และวัสสการพราหมณ์คอยส่งเสริมเหตุแห่งการทะเลาะ วิวาทให้บังเกิดขึ้นในหมู่ราชกุมารอยู่เนืองนิตย์ จนกระทั่งที่สุดราชกุมารทุกพระองค์ก็แตกความสามัคคี กันเป็นเหตุให้วิวาทกันขึ้น ครั้นแล้วต่างองค์ก็นำ ความนั้นขึ้นกราบทูลชนกของตนตามเรื่องที่เป็นมา เมื่อเป็นเช่นนั้นความแตกร้าวก็ลามไปถึงบรรดาชนกผู้ซึ่งเชื่อถ้อยคำ โอรสของตนโดยปราศจากการ ไตร่ตรอง จนกระทั่งเวลาล่วงไปสามปี สามัคคีธรรมในระหว่างพวกกษัตริย์ลิจฉวีก็ถูกทำ ลายสิ้น วัสสการพรา หมณ์เห็นว่ากษัตริย์ลิจฉวีทุกองค์แตกสามัคคีกันแล้ว ก็ให้คนลอบนำ ความไปกราบทูลพระเจ้าอชาตศัตรู พระเจ้าอชาตศัตรูก็กรีธาทัพสู่เมืองเวสาลี พวกชาวเมืองเวสาลีตกใจกลัวภัยอันเกิดแต่ข้าศึก มุขมนตรี จึงได้ตีกลองสำ คัญขึ้นเป็นอาณัติสัญญาณให้ยกทัพมาต่อสู้ แต่เหล่ากษัตริย์ลิจฉวีก็หาไปเข้าร่วมประชุม ไม่ ต่างองค์ทรงเพิกเฉยเสีย แม้แต่ประตูเมืองทุกทิศก็ไม่มีใครสั่งให้ปิด พระเจ้าอชาตศัตรูจึงได้แคว้น วัชชีโดยง่าย ไม่ต้องเปลืองแรงรี้พลเพราะการรบเลย เมื่อจัดการบ้านเมืองราบคาบแล้วพระเจ้าอชาต ศัตรูก็ยกกองทัพเสด็จกลับกรุงราชคฤห์ดังเดิม


คุณค่าของวรรณคดี สะท้อนวัฒนธรรมของคนในสังคม สะท้อนภาพการปกครองโดยระบอบสามัคคีธรรม เน้นโทษของการแตกความสามัคคี ในหมู่คณะ และเน้นถึงหลักธรรม อปริหานิยธรรม 7 ประการ ซึ่งเป็นหลักธรรมที่ส่งผล ให้เกิดความเจริญ ของ หมู่คณะ ปราศจากความเสื่อม ได้แก่ -ไม่เบื่อหน่ายการประชุม เมื่อมีภารกิจก็ประชุมปรึกษาหารือกัน เพื่อช่วยกันคิดหาทางแก้ไขปัญหา -เข้าประชุมพร้อมกัน เลิกประชุมพร้อมกัน ร่วมกันประกอบกิจอันควรกระทำ -มีความสามัคคีกัน ยึดมั่นในจารีตประเพณีอันดีงาม และประพฤติดีปฏิบัติตามสิ่งที่บัญญัติไว้ -แสดงให้เห็นถึงโทษของการแตกความสามัคคีในหมู่คณะถ้าไม่สามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็จะนำ บ้านเมืองไปสู่ความหายนะได้ (ฝ่ายตรงข้ามสามารถใช้จุดอ่อนในเรื่องนี้เพื่อโจมตีได้ง่าย) -เน้นการใช้สติปัญญาไตร่ตรองในการแก้ไขปัญหามากกว่าการใช้กำ ลัง คุณค่าด้านเนื้อหา เรื่องสามัคคีเภทคำ ฉันท์ดำ เนินเรื่องไปตามลำ ดับไม่สับสนทำ ให้ผู้อ่านเข้าใจตลอดทั้งเรื่อง นายชิต บุรทัตเลือกสรรความได้อย่างกระชับไม่เยิ่นเย้อทำ ให้ดำ เนินเรื่องได้รวดเร็ว เช่น ตอนที่วัสสการพรา หมณ์ถูกลงพระราชอาญาแล้วเนรเทศจากแคว้นมคธมีการบทคร่ำ ครวญพอสมควรเท่านั้น นอกจากนี้ วรรณคดีประเภทฉันท์นั้นกวีจะต้องเลือกใช้ฉันท์ให้เหมาะสมกับความ เพราะฉันท์แต่ละชนิดมีลีลาและ ให้อารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปซึ่ง นายชิต บุรทัต ก็เลือกใช้ฉันท์ได้อย่างเหมาะสม เช่น สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ลีลาท่วงทำ นองเคร่งขรึม ใช้ในบทประณามพจน์ วสันตดิลกฉันท์ ลีลาจังหวะสละสลวย ใช้พรรณนาชมบ้านเมือง อิทิสังฉันท์ ลีลากระแทกกระทั้น ใช้ตอนพระเจ้าอชาตศัตรูกริ้ว จิตรปทาฉันท์ ลีลาคึกคัก เร่งเร้า กระชั้น ใช้แสดงความตกใจเมื่อศึกมาประชิด อินทรวิเชียรฉันท์ ลีลาสละสลวย ใช้ตอนวัสสการพราหมณ์ถูกเนรเทศ มาณวกฉันท์ ลีลาเร่งเร้าผาดโผน ใช้ตอนวัสสการพราหมณ์ยุพระกุมาร โตฎกฉันท์ ลีลากระชั้น คึกคัก ใช้ตอนพระเจ้าอชาตศัตรูยกทัพ


คุณค่าด้านวรรณศิลป์ -กวีมีความเชี่ยวชาญในการแต่งคำ ประพันธ์เป็นอย่างมาก และสามารถใช้ฉันทลักษณ์ได้อย่าง งดงามเหมาะสม โดยเลือกฉันท์ชนิดต่าง ๆ มาใช้สลับกันตามความเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง ทำ ให้ เนื้อ เรื่องน่าจดจำ และมีความไพเราะสละสลวย -นิทานสุภาษิตเรื่องสามัคคีเภทคำ ฉันท์มีการประพันธ์ที่ใช้ภาษาเข้าใจง่าย ทำ ให้ผู้อ่านเห็นภาพที่ ผู้ ประพันธ์ต้องการจะสื่อได้อย่างชัดเจน - เป็นวรรณคดีที่ได้รับการยกย่องว่ามีความไพเราะงดงามเป็นที่นิยม เนื่องจากมีการเล่นสัมผัสใน ทั้งสัมผัสอักษรและสัมผัสสระอย่างไพเราะ ข้อสอบทบทวน 1. เรื่องสามัคคีเภทคำ ฉันท์เกี่ยวข้องกับสิ่งใด ก. สารคดี ข. ประวัติศาสตร์ ค. พุทธศาสนา ง. ศาสนาพราหมณ์ ตอบข้อ ค. 2.เหตุใดพระเจ้าอชาตศัตรูจึงกระทำ ปิตุฆาต ก. มีเพื่อนเลวคอยยุยง ข. พระเจ้าพิมพิสารสั่งประหารชีวิต ค. ต้องการทรัพย์สมบัติ ง. ต้องการเป็นคนกล้าหาญ ตอบข้อ ก. 3.คำ ประพันธ์ชนิดใดบังคับใช้คำ ครุทุกพยางค์ ก. วิชชุมมาลา ฉันท์ ข. จิตรปทา ฉันท์ ค. มาณวก ฉันท์ ง. อุปัฏฐิตา ฉันท์ ตอบข้อ ก.


4.บทไหว้ครูนิยมแต่งด้วยฉันท์ชนิดใด ก. วสันตดิลก ฉันท์ ข. อินทรวิเชียร ฉันท์ ค. ภุชงคประยาต ฉันท์ ง. สัททุลวิกกีฬิต ฉันท์ ตอบข้อ ง. 5.ฉันท์ที่เป็นคำ ตอบในข้อ 4 มีลีลาประการใด ก. แพรวพราวดุจเม็ดฝน ข. เป็นประกายแวววับดุจแก้วของพระอินทร์ ค. สง่างามดุจเสือผยอง ง. คึกคัก เร้าใจ ดุจโคบาลใช้ปฏักแทงวัว ตอบข้อ ค.


บรรณานุกรม https://www.gotoknow.org/posts/283759 https://th.wikipedia.org/wiki/สามัคคีเภทคำ ฉันท์ https://th.wikipedia.org/wiki/ชิต_บุรทัต https://www.gotoknow.org/posts/330820 https://www.gotoknow.org/posts/336724 https://poommpw.weebly.com/uploads/6/1/3/1/61314895/รายงาน_สามัคคีเภทคำ ฉันท์.docx http://samakkeepeatchant.blogspot.com/2013/12/blog-post_3427.html https://www.gotoknow.org/posts/334994


Click to View FlipBook Version