The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แหล่งเรียนรู้ สกร.อำเภอบางไทร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กศน. อําเภอบางไทร, 2024-04-17 05:04:26

แหล่งเรียนรู้ สกร.อำเภอบางไทร

แหล่งเรียนรู้ สกร.อำเภอบางไทร

Keywords: แหล่งเรียนรู้ สกร.อำเภอบางไทร

46 วัดอนุกุญชรำรำม ที่ตงั้ ตั้งอยู่เลขที่ 11 หมู่ที่ 3 ตำบลช้างน้อย อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเภทแหล่งเรียนรู้: วัด วัดอนุกุญชรำรำม ประวัติควำมเป็ นมำ/เนื้อหำสำระในแหล่งเรียนรู้ วัดอนุกุญชราราม เดิมชื่อ วัดช้างน้อย ได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดอนุกุญชราราม เมื่อประมาณ พ.ศ.2487 สังกัดสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ตั้งวัด 26 ไร่ 8 ตารางวา มีเสนาสนะดังนี้ อุโบสถ์ ศาลา การเปรียญสร้างเมื่อพ.ศ.2506 หอสวดมนต์ ศาลาธรรมสังเวช หอระฆัง กุฎิ และฌาปนสถาน(เมรุ) ภำพแหล่งเรียนรู้


47 วัดโบสถ์อินทรำรำม ที่ตงั้ ตั้งอยู่เลขที่ 22 บ้านขนมจีน หมู่ที่ 1 ตำบลช้างน้อย อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเภทแหล่งเรียนรู้: วัด หอระฆังวัดโบสถ์อินทรำรำม ประวัติควำมเป็ นมำ/เนื้อหำสำระในแหล่งเรียนรู้ วัดโบสถ์อินทราราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแควน้อย สร้างขึ้นเป็นวัดนับแต่สมัยกรุงศรี อยุธยา ประมาณ พ.ศ. 2145 จากตำนานพื้นบ้านที่เล่าสืบกันมาว่าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งสร้าง อุทิศถวายแด่พระเจ้าอินทราธิราช พระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 41 ไร่ 2 งาน 11 ตารางวา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้วประมาณ พ.ศ. 2150 ผู้รับผิดชอบ : พระอธิการแผน ทีปธมโม เจ้าอาวาสวัดโบสถ์อินทราราม ภำพแหล่งเรียนรู้


48 วัดขุนจ่ำธรรมำรำม ที่ตงั้ ตั้งอยู่เลขที่ 47 หมู่ที่ 4 ตำบลห่อหมก อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเภทแหล่งเรียนรู้: วัด พระประธำนภำยในอุโบสถ์ ประวัติควำมเป็ นมำ/เนื้อหำสำระในแหล่งเรียนรู้ วัดขุนจ่าธรรมราม สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 17 ไร่ เป็นพื้นที่ราบ อาคารเสนาสนะต่างๆ มี อุโบสถลักษณะแบบกรุงศรี อยุธยาตอนปลาย ผสมผสานกับ กรุง รัตนโกสินทร์ สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2342 ชาวบ้านเรียกว่า “วัดขุนจ่า” นับเป็นวัด ที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้วในราว พ.ศ.2347 ที่วัดนี้มีโรงเรียนประถมศึกษาของ ราชการตั้งอยู่ด้วย ขุนจ่าย ชาวบ้านมักเรียกว่า “ขุน จ่า” คงเป็นขุนทหารกล้าในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอน ปลายยุคเสียกรุง ได้ช่วยกอบกู้เอกราชกลับคืนมาได้ โดยร่วมมือกับพระเจ้าตาก เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงห์นาท (บุญ มา) จนถึงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ตำแหน่งที่ “ขุนวัง” เมื่อ ช่วยช่วยชาติ พระมหากษัตริย์ บ้านเมืองสงบเรียบร้อยดีแล้วด้วยจิตใจที่ฝักใฝ่ในทาง พระพุทธศาสนา จึงได้กลับบ้านเกิดสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ในพระพุทธศาสนาในนามไว้ว่า “วัดขุน จ่าธรรมาราม”


49 ประวัติควำมเป็ นมำ/เนื้อหำสำระในแหล่งเรียนรู้(ต่อ) ผู้รับผิดชอบ : พระอธิการประทีป อคคจิตโต เจ้าอาวาสวัดขุนจ่าธรรมาราม ภำพแหล่งเรียนรู้


50 วัดสุนทรำรำม ที่ตงั้ ตั้งอยู่เลขที่ 45 หมู่ที่ 1 ตำบลห่อหมก อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเภทแหล่งเรียนรู้: วัด พระประธำนภำยในอุโบสถ์ ประวัติควำมเป็ นมำ/เนื้อหำสำระในแหล่งเรียนรู้ วัดสุนทรารามสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดประมาณ 15 ไร่ 1 งาน 91 ตารางวา สร้างขึ้นเป็นวัดเมื่อประมาณ พ.ศ.2243 เดิมมีนามว่า วัดห่อหมกสุนทราราม ชาวบ้านมักเรียกกันว่า “วัดห่อหมก”ได้เปลี่ยนเป็นวัดสุนทราราม ในปี พ.ศ.2483 ได้รับ พระราชทานวิสุงคารามครั้งหลัง วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 ผู้รับผิดชอบ : พระมหาสำเริง ธมมเตโร เจ้าอาวาสวัดสุนทราราม ภำพแหล่งเรียนรู้


51 วัดสิงห์สุทธำวำส ที่ตงั้ ตำบลบ้านแป้ง อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเภทแหล่งเรียนรู้: วัด วัดสิงห์สุทธำวำส ประวัติควำมเป็ นมำ/เนื้อหำสำระในแหล่งเรียนรู้ วัดสิงห์สุทธาวาส ชาวบ้านเรียก “วัดสิงห์” สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.๒๑๕๕ ในสมัยอยุธยา เดิมเรียกว่า “วัดตะพังโคลนสุทธาวาส” ต่อมาใน พ.ศ.๒๔๘๓ ได้ เปลี่ยนเป็น “วัดสุทธาวาส” และเป็น “วัดสิงห์สุทธาวาส” ในระยะต่อมา นับว่าเป็นวัดที่ได้รับ พระราชทานวิสุงคามสีมาแล้ว มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๑๕ ไร่ ผู้รับผิดชอบ : พระครูวิจิตรนวกรรม เจ้าอาวาสวัดสิงห์สุทธาวาส ภำพแหล่งเรียนรู้


52 วัดช้ำงใหญ่ ที่ตงั้ ตั้งอยู่เลขที่ 18 หมู่ที่ 3 ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเภทแหล่งเรียนรู้: วัด หลวงพ่อด ำศกัดิ์สิทธิ์ ประวัติควำมเป็ นมำ/เนื้อหำสำระในแหล่งเรียนรู้ วัดช้างใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอบางไทร ติดศูนย์ศิลปาชีพบางไทร 1 กิโลเมตร สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 38 ไร่ 2 งาน 57 ตารางวา วัดช้างใหญ่สร้างขึ้นเป็น วัด นับตั้งแต่ พ.ศ.2319 เดิมเรียกวัดเสาธงหิน “ปัจจุบันมีเสาหินตั้งปรากฏอยู่” ต่อมาได้เปลี่ยน นามวัดใหม่เป็น “วัดช้างเฉย” เนื่องจากมีคลองเพนียดคล้องช้างตั้งอยู่และเกี่ยวกับช้างป่า อาละวาดทำลายบ้านเรือนและทำลายกุฏิสงฆ์หักพัง และเพื่อต้องการให้ช้างอยู่เฉยๆ และสถานที่ วัดนี้เป็นที่ต่อช้างและเลี้ยงช้าง ฝึกช้างป่า และต่อมาได้เปลี่ยนนามวัดใหม่อีกครั้งเป็นวัดช้างใหญ่ ตามที่ชาวบ้านขนานนามว่า “ช้างใหญ่” เพราะเป็นที่อยู่ของช้างป่า หลังจากความดุร้ายของช้าง ป่าที่เคยทำร้ายวัดและชาวบ้านได้จางหายไป ไม่มาทำร้ายวัดและช้างบ้านอีกเลย ต่อจากนั้น ช้างป่าเหล่านั้นได้ช่วยนำท่อนซุงในป่าที่จมอยู่ ช่วยกันลากเอามาให้ทางวัดโดยไม่มีคนบังคับอยู่อยู่ บนหลังช้าง วัดช้างใหญ่ ชาวบ้านเรียกสั้นๆว่า “วัดช้าง” ได้รับพระราชทานวิสุงคามแล้ว ประมาณ พ.ศ.2360 พระประธานในพระอุโบสถวัดช้างใหญ่


53 เดิมพระประธานในพระอุโบสถชื่อ “หลวงพ่อทองศักดิ์สิทธิ์” สร้างยุคสุโขทัย ตอนต้นได้ประดิษฐานอยู่พระอุโบสถหลังเก่า ซึ่งเดิมชื่อ “วัดธงเสาหิน” และหลังจากนั้นมาวัดและ พระอุโบสถ ได้เก่าและชำรุดมาก ไม่สามารถจะบูรณปฏิสังขรณ์ ได้ จึงได้ขยับขยายขึ้นมาสร้างวัดใหม่ทางด้านเหนือ และเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดช้างเฉย” แต่ตั้งชื่ออยู่ไม่ นาน เพราะความดุร้ายของช้างป่า ชาวบ้านจึงลง ความคิดเห็นว่า สมควรเปลี่ยนวัดช้างเฉยเป็น “วัดช้างใหญ่” ในปี พ.ศ.2319 โดยบริเวณพื้นที่ ของวัดช้างใหญ่นี้เคยเป็นทางผ่านและที่พักอาศัยของพ่อค้าคนจีน เวลาเดินทางไปค้าขาย ต่อมา พ่อค้าคนจีนเหล่านั้น ได้ทำมาค้าขายร่ำรวยขึ้น จึง ได้กลับมาสร้างพระตามที่บนบานศาลกล่าวไว้ โดย เรียกนามของพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อทอง” ต่อมาพ่อค้าคนจีนและชาวบ้านได้เกิดจิตศรัทธา โดย ได้ร่วมกันสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ และได้ อัญเชิญ พระประธานหลวงพ่อทองศักดิ์สิทธิ์ในพระ อุโบสถ หลังเก่ามาประดิษฐานในพระอุโบสถหลัง ใหม่ พ่อค้า คนจีนและชาวบ้านเกรงว่า หลวงพ่อ ทองจะเกิดการ สูญหาย จึงได้นำหลวงพ่อทองหลบเข้าไว้ในพระอุโบสถหลังดังกล่าว พระอุโบสถ วัดช้างใหญ่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ.2360 ต่อมา หลวงพ่อทองศักดิ์สิทธิ์ได้ปิด ชื่อเพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุอันตราย จึงเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า “หลวงพ่อดำศักดิ์สิทธิ์” และได้สร้าง เหรียญและรูปหล่อหลวงพ่อดำเป็นรุ่นแรกของวัด ใน พ.ศ.2533 เมื่อประชาชนเข้าไปสักการบูชา เพื่อชมบารมีหลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อจะหยั่งจิตใจให้ผู้เข้าไปสักการะบูชาได้รู้ว่า จะมีความสุขหรือมี ความทุกข์หลวงพ่อจะแสดงสีหน้าให้รู้ ถ้าผู้ใดมีจิตใจที่เบิกบานและผ่องใส หลวงพ่อจะแสดง ใบหน้ายิ้มให้ แต่ถ้าผู้ใดมีจิตใจที่เป็นทุกข์ หลวงพ่อจะมีใบหน้าที่บึ้งตึง ผู้รับผิดชอบ : พระครูวินัยธรรมรรยาท สุภาจาโร เจ้าอาวาสวัดช้างใหญ่


54 วัดสนำมไชย ที่ตงั้ ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลสนามไชย อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเภทแหล่งเรียนรู้: วัด หลวงพ่อด ำศกัดิ์สิทธิ์ ประวัติควำมเป็ นมำ/เนื้อหำสำระในแหล่งเรียนรู้ วัดสนามไชย มีพื้นที่ตั้งวัดรวม 10 ไร่ วัดนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2144 เดิมชาวบ้าน เรียกกันว่า “วัดขี้ไก่” ต่อมาได้เปลี่ยนนามวัดเสียใหม่ให้มีความหมายและพเราะขึ้นเป็น “วัดสนาม ไชย” ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ.2147 ผู้รับผิดชอบ : พระอธิการอภิชาต ขนติโก เจ้าอาวาสวัดสนามไชย ภำพแหล่งเรียนรู้


55 วัดบำงไทร ที่ตงั้ เลขที่ 30 บ้านบางไทร หมู่ที่ 7 ตำบลบางไทร อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเภทของกำรเรียนรู้: วัด หลวงพ่อด ำ ประวัติควำมเป็ นมำ/เนื้อหำสำระในแหล่งเรียนรู้ วัดบางไทร เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ จำนวน ๒๑ ไร่ ๓ งาน ๕๓ ตารางวา ได้รับการประกาศให้เป็นวัดเมื่อ พ.ศ..2400 (จากหนังสือประวัติวัดทั่ว ราชอาณาจักร จัดพิมพ์โดยกรมการศาสนา เล่มที่ ๔ หน้า 184) เป็นวัดที่สร้างมาประมาณ 160 ปี กว่าปี ตั้งอยู่ที่สามแยกแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำแควน้อยบางไทร ตำบลบางไทร อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฝั่งด้านตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำแควน้อย แต่ทราบได้ จากถ้อยคำของท่านผู้ใหญ่ ซึ่งมีอายุยืนอยู่ 90 ปี เล่าให้ฟังว่า แต่เดิมวัดเรียกว่า “วัดใหม่สอง กุมาร” โดยมีพระมหาด้วง ซึ่งมีชาติภูมิอยู่ในถิ่นนี้เป็นผู้สร้าง ท่านเล่าต่อไปว่า พระมหาด้วง ผู้นี้ เป็นนักเทศน์มหาชาติ ผู้เรืองนามอย่างเยี่ยม กัณฑ์ที่ท่านชำนาญละว่าไพเราะจับใจผู้ฟังมากที่สุด คือ กัณฑ์กุมาร ด้วยความเป็นนักเทศน์จนมีชื่อเสียงโด่งดังนี้แหละจึงสามารถรวบรวมจตุปัจจัยที่มี นำมาบูชาธรรม เป็นต้นทุนเดิมเริ่มสร้างเป็นวัดขึ้นได้ การที่มีชื่อกันว่า “วัดใหม่สองกุมาร” นั้น คือ เพ่งถึงมูลเหตุโดยความเป็นนักเทศน์ในกัณฑ์กุมารก็มีเหตุผลน่าฟังได้อยู่ และที่ชื่อเรียกว่า “วัดบาง ไทร” บัดนี้นั้น มาเปลี่ยนใหม่ในสมัย “พระครูวุฒิสารโศภน” เพื่อจะให้เหมาะสมตามพระมหา สมณะนิยม ที่ว่าวัดที่ดีจักต้องมีชื่อตามตำบลที่วัดตั้งอยู่


56 ประวัติควำมเป็ นมำ/เนื้อหำสำระในแหล่งเรียนรู้ (ต่อ) วัดบางไทร มีปูนียวัตถุ มีหลวงพ่อดำ เป็น พระพุทธรูปปางมารวิชัยวัสดุโลหะทองเหลือง ขนาด พระเพลากว้าง ๓๕ นิ้ว ประดิษฐานอยู่ที่อุโบสถ “หลวง พ่อดำ” หล่อขึ้นมาใหม่ในสมัยในสมัย “พระครูฉอ ฐิตา จาโร” เพราะหลวงพ่อดำ องค์เดิมเป็นปูนมีการแตกร้าว จึงหล่อองค์ใหม่ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 ที่มา หนังสือ การสืบค้น ประวัติและรายการปฏิสังขรณ์ วัดบางไทร “พระครูวุฒิสารโศภน” ในงานฉลองวัดบางไทร ตำบลบางไทร อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. 2485 ผู้รับผิดชอบ : พระปลัดบุญะโชติ ปภงกโร เจ้าอาวาสวัดบางไทร ภำพแหล่งเรียนรู้


57 วัดพระคริสตประจักษ์ ที่ตงั้ เลขที่ 3 หมู่ที่ 1 ตำบลไม้ตรา อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเภทของกำรเรียนรู้: โบสถ์ วัดพระคริสต์ประจักษ์ ประวัติควำมเป็ นมำ/เนื้อหำสำระในแหล่งเรียนรู้ คริสตังวัดเกาะใหญ่คือคริสตังญวณที่อพยพมาจากสามเสน เพื่อมาทำมาหากินจับปลาอยู่ ตามริมคลองในจังหวัดอยุธยาเช่นเดียวกับคริสตังที่วัดเจ้าเจ็ด และบ้านปลายนา โดยมีคุณพ่อ ปิแอร์มอริส ยิบาร์ตา เจ้าอาวาสวัดสามเสนมาโปรดศีล และทำมิสซาให้เป็นครั้งคราวตั้งแต่ปีค.ศ. 1850 จนถึงปีค.ศ. 1871 คุณพ่ออาลอยส์อัลฟองส์ด็อนต์เจ้าอาวาสวัดสามเสนองค์ต่อมาได้ส่ง พระสงฆ์ไทยซึ่งเป็นปลัดของท่านมาเยี่ยมเยือนดูแล และโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นระยะๆ และ บันทึกลงในบัญชีของวัดสามเสน โดยเขียนว่า "ในหมู่บ้านชาวประมง..." หรือ "ที่เกาะใหญ่..." ต่อมาพระสังฆราชเวย์ เห็นว่าที่เกาะใหญ่ มีคริสตังจำนวนมากพอสมควรแล้ว และคุณ พ่อด็อนต์ก็ไม่ค่อยมีเวลามาดูแลได้บ่อยๆ จึงตัดสินใจเรียกคุณพ่อ ยอแซฟ พริ้ง เกลแมนเต ซึ่งเป็น พระสงฆ์ไทยทำงานแพร่ธรรมอยู่ที่อุบลฯ กลับ แล้วในปีค.ศ. 1888 ก็ส่งท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่ "คลองเก่า" ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะใหญ่ราว 4-5 กิโลเมตร หลังจากนั้น เมื่อพบทำเลที่ดีกว่า เหมาะ กว่า และอุดมกว่า ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันก็คือ “เกาะใหญ่” อาชีพหลักของชาวเกาะ ใหญ่คือการจับปลา ก่อตั้งโรงสวดที่นี่มีโรงสวดซึ่งมุงด้วยใบจาก สัตบุรุษได้ช่วยกันสร้างเพื่อใช้เป็นสถานที่สวด ภาวนาร่วมกัน และใช้เป็นที่พักของพระสงฆ์ที่มาเยี่ยม โปรดศีลศักดิ์สิทธิ์และถวายบูชามิสซาเป็น


58 ครั้งคราว นานๆ จะมีพระสงฆ์มาเยี่ยมเยือนสักครั้ง ซึ่งเป็นเช่นนี้อยู่หลายปีแต่ไม่ได้ทำให้ความ เชื่อของชาวเกาะใหญ่ลดน้อยลงไปเลย เริ่มสร้างวัดเมื่อคุณพ่อเกลแมนเต มาถึงในปีค.ศ. 1888 คุณพ่อได้เดินสำรวจที่ดินแถบ นั้น และพาบรรดาผู้ใหญ่ไปดูทำเลที่ดีกว่า และอุดมสมบูรณ์มากกว่า ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (ปัจจุบันคือที่ตั้งของวัดเกาะใหญ่) เมื่อทุกคนเห็นดีเห็นชอบด้วย ท่านจึงจัดการสร้างวัดใหม่ที่ แข็งแรง ฝาผนังเป็นไม้ปูพื้นด้วยไม้โดยใช้บรรดาคริสตัง เหล่านั้นเป็นช่างไม้และแรงงาน วัดหลัง นี้อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระยาสามองค์วัดนี้อยู่ได้ถึงปีค.ศ.1957 ต่อมาคุณพ่อได้สร้างโรงเรียน ของวัดขึ้น 2 หลัง สำหรับนักเรียนชายและนักเรียนหญิง โดยใช้เป็นที่สอนคำสอนและสอนวิชาการ ต่างๆ คุณพ่อปกครองดูแลวัดเกาะใหญ่จนถึงปีค.ศ.1900 จึงย้ายไปคุณพ่อก๊าซต็อง ดาวิดปลัดของ คุณพ่อด็อนต์ที่สามเสนได้มาดูแล โปรดศีลศักดิ์สิทธิ์และถวายบูชามิสซาให้กับคริสตังวัดเกาะ ใหญ่จนถึงปีค.ศ.1903 ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะใหญ่จนถึงปีค.ศ.1914 ในปีค.ศ.1911 คุณพ่อด็อนต์ ได้ส่งซิสเตอร์2 รูป จากอารามสามเสนมาอยู่ที่เกาะใหญ่เพื่อ ช่วยเหลืองานของวัดและโรงเรียน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 บรรดามิชชันนารีต้องเดินทางกลับ ประเทศของตน เพื่อรับราชการทหาร ปีค.ศ. 1914-1917 คุณพ่ออันตน โตอัน พระสงฆ์ไทย ซึ่งเป็นปลัดวัดบ้านปลายนา ได้รับ แต่งตั้งให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะใหญ่ด้วย ปีค.ศ. 1917-1926 คุณพ่อยอแซฟ บรัวซาต์กลับจากสงครามแล้ว ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดสามเสนและวัดเกาะใหญ่ คุณพ่อได้ร่วมมือกับคุณพ่ออันตนช่วยกันบูรณะวัดเกาะ ใหญ่โดยขยายให้กว้างและยาวกว่าเดิมเพื่อให้เหมาะกับจำนวนสัตบุรุษที่เพิ่มขึ้น และเปลี่ยน หลังคาเป็นสังกะสีนอกจาก นี้ยังได้บูรณะบ้านพักพระสงฆ์ บ้านพัก ซิสเตอร์สร้างหอระฆังและ สั่งซื้อระฆัง 3 ใบ นอกจากนั้น คุณพ่อเองเคยคิดที่จะสร้างวัดใหม่แต่ต้องย้ายตามวาระเสียก่อน ปีค.ศ. 1926 -1939 คุณพ่ออันตน โตอัน รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะใหญ่ คุณพ่อได้ สร้างโรงเรียนใหม่ให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์และได้ขออนุญาตเปิดเป็น ทางการโดยตั้งชื่อว่า โรงเรียนราษฎร์พระยาสามองค์เปิดสอน ป.1-ป.4 คุณพ่อทำการขยายวัดให้ มีความกว้าง-ยาวมากขึ้น เพื่อเหมาะกับจำนวนคริสต์ศาสนิกชนที่เพิ่มขึ้น และได้เปลี่ยนหลังคา เป็นสังกะสีคุณพ่อปกครองดูแลวัดนี้ถึงปีค.ศ. 1939 จึงได้ย้ายไปเพราะสุขภาพไม่อำนวยในช่วงนี้ ก็มีพระสงฆ์หลายองค์ไปๆ มาๆ อยู่เสมอ ปีค.ศ. 1939-1942 คุณพ่อราฟาแอล บุญมีรักสงบ รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะใหญ่ ปีค.ศ. 1942-1945 คุณพ่อเกลแมนเต แฉล้ม คลังทรัพย์รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะใหญ่


59 ปีค.ศ. 1945-1953 คุณพ่อหลุยส์ สง่า สังขรันตน์ รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะใหญ่ คุณพ่อได้เริ่มปรับปรุงพื้นที่ เพื่อเตรียมสร้างวัดใหม่แต่งานที่หวังไว้นี้ไม่สำเร็จ เพราะคุณพ่อสง่า ได้ ถึงแก่มรณภาพเสียก่อน ในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 1953 สร้างวัดพระคริสตประจักษ์หลังปัจจุบันปีค.ศ.1953-1961 คุณพ่ออัมบรอซิโอ กิ๊น มิลลุกูล (พ่อเตี้ย) รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะใหญ่ คุณพ่อเห็นว่าวัดไม้หลังเก่าทรุดโทรมลงมากแล้ว ท่านจึงขออนุมัติจากพระสังฆราชเพื่อสร้างวัดใหม่ ซึ่งก็คือหลังปัจจุบันนั่นเอง ได้ลงมือก่อสร้างใน เดือนกุมภาพันธ์ค.ศ. 1956 คุณพ่อเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างเอง โดยอาศัยแรงงานจากสัตบุรุษ วัดเกาะใหญ่ ในวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1957 ท่านได้เชิญพระสังฆราชหลุยส์ เคลเมนต์ โชแรง มาทำพิธีเสก เชิญภรรยาของอัครราชทูตเวียดนามมาเป็นผู้เปิดป้าย "วัดพระคริสตประจักษ์" มี พระสงฆ์และสัตบุรุษจากที่ต่างๆมาร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก ต่อมาคุณพ่ออัมบรอซิโอ กิ๊น มิลลุกูล ได้เริ่มเจ็บออดๆ แอดๆ มาจนกระทั่งวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 1958 คุณพ่อก็ได้ถึงแก่มรณภาพที่ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ขณะที่วันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 1958 ก็จะเป็นวันฉลองวัด การจากไปของ คุณพ่อนำความเศร้าสลดมาสู่ชาววัดเกาะใหญ่อย่างมาก งานฉลองวัดในปีนั้น ต้องหลายเป็น งานศพแทน และด้วยความรัก ความอาลัย บรรดาสัตบุรุษวัดเกาะใหญ่ได้นำศพของคุณพ่อกลับมา ทำพิธีปลงศพที่วัดเกาะใหญ่ซึ่งคุณพ่อเป็นผู้สร้าง และศพของคุณพ่อก็ได้ฝังไว้ที่วัดนี้ด้วย ปีค.ศ.1961-1967 คุณพ่อปีแอร์ลาบอรี่ รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะใหญ่ คุณพ่อได้สร้าง บ้านพักพระสงฆ์หลังปัจจุบัน และบ้านพักซิสเตอร์ใหม่ ปีค.ศ. 1967-1973 คุณพ่อยอแซฟ เสวียง ศุระศรางค์ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส คุณพ่อได้ ทาสีบริเวณหน้าวัดเสียใหม่และขยายห้องเรียน โดยดัดแปลงบ้านพักพระสงฆ์เป็นห้องเรียนเพิ่มอีก 4 ห้อง ปีค.ศ. 1973-1979 คุณพ่อยอแซฟ สมศักดิ์ ธิราศักดิ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ได้สร้าง บ้านพัก ซิสเตอร์หลังปัจจุบัน และในปีค.ศ. 1975 ได้ก่อสร้างอาคารเรียนหลังปัจจุบันเป็นอาคาร ไม้2 ชั้น เปิดใช้เป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ค.ศ. 1976 คุณพ่อเกรียงศักดิ์ โกวิทวานิช (ค.ศ. 1976-1979) ซึ่งเป็นปลัดอยู่วัดบ้านแพน มาประจำอยู่ที่วัดเกาะใหญ่นี้ ได้จัดทำถนนรอบๆ หมู่บ้าน ติดตั้งไฟฟ้า และวาดภาพฝาผนังภายในวัด ตกแต่งภายในวัดเสียใหม่ ทำสนามใต้ถุนวัด พร้อมทั้งทำเขื่อนหน้าวัดด้วย ปี ค.ศ. 1979-1981 คุณพ่อเปโตรสานิจ สถะวีระวงส์ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส คุณพ่อ ทำงานสืบต่อจนเสร็จ โดยได้ถมเขื่อนหิน ถมดิน ทำใต้ถุนวัดให้เรียบร้อย จัดทำรั้วรอบโรงเรียน


60 ปรับปรุงการบริหารงานด้านโรงเรียนจนโรงเรียนได้รับการรับรองวิทยฐานะจาก กระทรวงศึกษาธิการ ปี ค.ศ. 1981-1984 คุณพ่อยวงบัปติสตา สำรวย กิจสำเร็จ จำนวนนักเรียนของโรงเรียนได้ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 600 กว่าคน คุณพ่อได้เป็นผู้บริหารโรงเรียนที่ทำหน้าที่เต็ม ปีค.ศ. 1984-1989 คุณพ่อวินเซนต์ เอกพงษ์ พงษ์สูงเนิน ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส คุณพ่อได้ เตรียมการก่อสร้างอาคารเรียน ปีค.ศ. 1989-1994 คุณพ่อเปโตร วิทยา แก้วแหวน ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส คุณพ่อได้เริ่ม ก่อสร้างอาคารเรียนและหอระฆังใหม่ ในปีค.ศ. 1990 คุณพ่อได้จัดทำถนนรอบวัด รวมทั้งได้ จัดการเรื่องที่ดินของวัดให้เรียบร้อย ปีค.ศ. 1994 - 1999 คุณพ่อเรนาตุส ธีรวัฒน์ เสนางค์นารถ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ปีค.ศ. 1994 - 1999 คุณพอแอนโทนีประยุทธ ชลหาญ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ปีค.ศ. 1999 – 2004 คุณพ่อยวง ไพริน เกิดสมุทร ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ปีค.ศ. 2004 – 2009 คุณพ่อฟิโลมิโน สุรพงษ์ ไม้มงคล ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ปีค.ศ. 2009 – 2012 คุณพ่อนิโคลาส ศักดิ์ชัย ทรัพย์อัประไมย ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ปีค.ศ. 2012 - 2018 - เดือนมกราคม ค.ศ. 2017 สมโภชวัดครบ 60 ปี - บูรณะซ่อมแซมวัด โดยได้รับการบริจาค เงินจากทางบ้านและผู้มีใจศรัทธา จนโครงการสำเร็จ ลุล่วงด้วยดี คุณพ่อสุรนันท์กวยมงคล ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ปีค.ศ. 2018-ปัจจุบัน


61 บรรณำนุกรม ขนิษฐา ด้วงชนะ, วิภาดา วรรณวิจิตร, ณธษา ถนอมทรัพย์, วัชราพร วงศ์สมิง, ดาวรัตน์ ปัญญากาญจน, ประเสริฐ ประภากิจ. (2550). เจ้าอาวาสและวัดในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : ประชามติ พระปลัดสมศักดิ์ สมจิตโต. (2563). ประวัติวัดกกแก้วบูรพา. พระธำมรงค์ จารุธมโม. (2560). รายงานประวัติวัดบางไทร. กรุงเทพฯ หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ. วัดพระคริสตประจักษ์ (วัดเกาะใหญ่). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://catholichaab.com/main/index.php/1/church7/6/931- 2015-12-08-03-21-30. สืบค้นเมื่อ 30 สิงหาคม 2564 หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวิชา สค23059 บางไทรศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. หน้า 34 เรื่องเล่าขานตำนานพระเกจิฆราวาส-วัตถุมงคลเครื่องราง" ประชาสัมพันธ์งานบุญ". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/1661293580767888/posts/1675054432725136/ . สืบค้นเมื่อ 27 มิถุนายน 2564


62


Click to View FlipBook Version