รสวรรณคดี สันสกฤต
ไทย
ี
ี
นักเรยนช้นมัธยมศึกษาปท่ ๖/๔
ี
ั
ั
รสวรรณคดีสนสกฤต
คฤงคารส ๗
หาสยรส ๘
กรุณารส ๙
รุทรรส ๑๐
วีรรส ๑๑
ภยานกรส ๑๒
พีภัตสรส ๑๓
อัทภูตรส ๑๔
รสวรรณคดีไทย ศานติรส ๑๕
เสาวรจนีย์ ๒
นารีปราโมทย์ ๓
พิโรธวาทัง ๔
สัลลาปังคพิไสย ๕
รสวรรณคดีไทย
1
๑. เสาวรจนีย์ (บทชมโฉม)
คือการเล่าชมความงามของตัวละครในเรื่อง อาจเป็นตัวละครที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ หรือสัตว์ ซึ่ง
การชมนี้อาจจะเป็นการชมความเก่งกล้าของกษัตริย์ ความงามของปราสาทราชวังหรือความเจริญรุ่งเรืองของ
บ้านเมือง เช่น
บทชมนางเงือก ซึ่งติดตามพ่อแม่มาเพื่อพาพระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทรจากเรื่องพระอภัยมณี
หน่อกษัตริย์ทัศนานางเงือกน้อย ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาทั้งเผ้าผม
ประไพพักตร์ลักษณ์ล้าล้วนขาคม ทั้งเนื้อนมนวลเปล่งออกเต่งทรวง
ขนงเนตรเกศกรอ่อนสะอาด ดังสุรางค์นางนาฏในวังหลวง
พระเพลินพิศคิดหมายเสียดายดวง แล้วหนักหน่วงนึกที่จะหนีไป
(พระอภัยมณี : สุนทรภู่)
2
๒. นารีปราโมทย์ (บทเกี้ยว โอ้โลม)
คือการกล่าวแสดงความรัก ทั้งการเกี้ยวพาราสีกันในระยะแรก ๆ หรือการ
พรรณนาบทโอ้โลมปฏิโลมก่อนจะถึงบทสังวาสนั้นด้วย เช่น
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้นเกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
แม้นเนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้นเป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง
เจ้าเป็นถ้าอาไพขอให้พี่ เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคูสอง
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป
(พระอภัยมณี : สุนทรภู่)
3
๓. พิโรธวาทัง (บทตัดพ้อ)
คือการกล่าวข้อความแสดงอารมณ์ไม่พอใจ ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงเรื่องใหญ่ ตั้งแต่ ไม่
พอใจ โกรธ ตัดพ้อ ประชดประชัน กระทบกระเทียบเปรียบเปรย เสียดสี และด่าว่าอย่างรุนแรง เช่น
ครั้งนี้เสียรักก็ได้รู้ ถึงเสียรู้ก็ได้เชาวน์ที่เฉาฉงน
เป็นชายหมิ่นชายต้องอายคน จ าจนจ าจากอาลัยลาน
(เจ้าพระยาพระคลัง (หน))
บทตัดพ้อที่แสดงทั้งอารมณ์รักและแค้นของ อังคาร กัลยาณพงศ์ จากบทกวี “เสียเจ้า”
จะเจ็บจ าไปถึงปรโลก ฤๅรอยโศกรู้ร้างจางหาย
จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย อย่าหมายว่าจะให้หัวใจ
(อังคาร กัลยาณพงศ) ์
4
๔. สัลลาปังคพิไสย (บทโศก)
คือการกล่าวข้อความแสดงอารมณ์โศกเศร้า อาลัยรัก เช่นบทโศกของนางวันทอง จากเรื่อง
ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนแผนพานางวันทองหนี ซึ่งคร่าครวญอาลัยรักต้นไม้ในบ้านขุนช้าง อันแสดงให้เห็น
ว่านางไม่ต้องการตามขุนแผนไป แต่ที่ต้องไปเพราะขุนแผนร่ายมนต์สะกด ก่อนลาจากไป นางได้ร่าลา
ต้นไม้ก่อน
ล าดวนเอ๋ยจะด่วนไปก่อนแล้ว ทั้งเกดแก้วพิกุลยี่สุ่นสี
จะโรยร้างห่างกลิ่นมาลี จ าปีเอ๋ยกี่ปีจะมาพบ
(พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
สุนทรภู่คร่ าครวญถึงรัชกาลที่ ๒ ซึ่งสวรรคต แล้วเป็นเหตุให้สุนทรภู่ต้องตกระก าล าบาก เพราะไม่เป็น
ที่โปรดปรานของรัชกาลที่ ๓ ต้องระเห็จเตร็ดเตร่ไปอาศัยในที่ต่างๆขณะล่องเรือผ่านพระราชวัง สุนทรภู่
ซึ่งร าลึกความหลังก็คร่าครวญอาลัยถึงอดีตที่เคยรุ่งเรือง
เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์
(สุนทรภู่ : จากนิราศภูเขาทอง)
5
รสวรรณคดี
ั
สนสกฤต
6
ศฤงคารส
(รสแห่งความรัก : บาลีเรียกบทนี้ว่า รติรส)
เป็นการพรรณนาความรักระหว่างหนุ่มสาว ระหว่างสามีภรรยา ระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย บิดามารดากับบุตร ญาต ิ
กับญาติ ฯลฯ สามารถท าให้ผู้อ่านพอใจรัก เห็นคุณค่าของความรัก นึกอยากรักกับเขาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นรักฉันชู้สาว รักหมู่คณะ
รักประเทศชาติ อย่างเช่นเรื่องลิลิตพระลอ ซึ่งเต็มไปด้วยรสรัก
ถึงไปก็ไม่อยู่นาน เยาวมาลย์อย่าโศกเศร้าหมอง
พระจุมพิตชิดเชยปรางทอง กรประคองนฤมลขึ้นบนเพลาฯ
( พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย : อิเหนา )
7
หาสยรส
(รสแห่งความขบขัน : บาลีเรียกรสนี้ว่า หาสะรส)
เป็นการพรรณนาที่ท าให้เกิดความร่าเริง สดชื่น เสนาะ ขบขัน อาจท าให้ผู้อ่าน ผู้ดูยิ้ม
กับหนังสือ ยิ้มกับภาพที่เห็น ถึงกับลืมทุกข์ดับกลุ้มไปชั่วขณะ เช่น เรื่องระเด่นลันได เป็นต้น
ได้ยินแว่วส าเนียงเสียงหมาเห่า คิดว่าวัวเข้าในสวนกล้วย
จึงออกมาเผยแกลอยู่แร่รวย ตวาดด้วยสุรเสียงส าเนียงนาง
พอเหลือบเห็นระเด่นลันได อรไทผินผันหันข้าง
ชม้อยชม้ายชายเนตรดูพลาง น้อยฤๅรูปร่างราวกับกลึง
( พระมหามนตรี (ทรัพย์) : ระเด่นลันได )
8
กรุณารส
(รสแห่งความเมตตากรุณาที่เกิดภายหลังความเศร้าโศก
: บาลีเรียกรสนี้ว่า โสกะรส)
เป็นบทพรรณนาที่ทาให้ผู้อ่านรู้สึกหดหู่ เหี่ยวแห้ง เกิดความเห็นใจ ถึงกับน้ าตาไหล
พลอยเป็นทุกข์ เอาใจช่วยตัวละคร เช่น เห็นใจนางสีดา เห็นใจจรกา และเห็นใจนางวันทอง เป็นต้น
โอ้อาลัยใจหายไม่วายห่วง
ดังศรสักปักซ้ าระก าทรวง เสียดายดวงจันทราพะงางาม
เจ้าคุมแค้นแสนโกรธพิโรธพี่ แต่เดือนยี่จนย่างเข้าเดือนสาม
์
จะหน่อพระสุริยวงศ์ทรงพระนาม จากอารามแรมร้างทางกันดาร
ด้วยเรียมรองมุลิกาเป็นข้าบาท จ านิราศศร้างนุชสุดสงสาร
ตามเสด็จโดยแดนแสนกันดาร นมัสการรอยบาทพระศาสดา
( สุนทรภู่ : นิราศพระบาท )
9
ท้าวก็ทรงแสดงพระองค ธ ปาน
์
รุทรรส/เราทรรส
ประหนึ่งพระราชหทัยลุดาล
(รสแห่งความโกรธเคือง : บาลีเรียกรสนี้ว่า โกธะ)
พิโรธจึงผันพระกายกระทืบพระบาทและอึง
พระศัพทสีหนาทพึงสยองภัย
เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร
บทบรรยายหรือพรรณนาที่ทาให้ผู้ดูผู้อ่านขัดใจ
ทุทาสสุถลฉะนี้ไฉน
ฉุนเฉียว ขัดเคืองบุคคลบางคนในเรื่อง บางทีถึงกับ
ก็มาเป็นศึก บ ถึงและมึงก็ยังมีเห็น
ขว้างหนังสือทิ้ง หรือฉีกตอนนั้นก็มี เช่น โกรธขุนช้าง
จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น
โกรธชูชก
ประการใดอวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ
ขยาดขยันมิทันอะไรก็หมิ่นก ู
( ชิต บูรทัต : สามัคคีเภทค าฉันท์ )
10
วีรรส
(รสแห่งความกล้าหาญ : บาลีเรียกรสนี้ว่า อุตสาหะรส)
บทบรรยายหรือพรรณนาที่ทาให้ผู้อ่าน ผู้ดู ผู้ฟังพอใจผลงานและหน้าที่ ไม่ดูหมิ่นงาน
อยากเป็นใหญ่ อยากร่ารวย อยากมีชื่อเสียง เช่น อยากเก่งกาจแบบสมเด็จพระนเรศวร ชอบความ
มีขัตติมานะของพระมหาอุปราชา จากเรื่องลิลิตตะเลงพ่าย
จะตั้งหน้าอาสาชิงชัย มิได้ย่อท้อถอยหลัง
สู้ตายไม่เสียดายชีวัง กว่าจะสิ้นชีวังของข้านี้ฯ
( พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย : อิเหนา )
11
ภยานกรส
(รสแห่งความกลัว ตื่นเต้นตกใจ : บาลีเรียกรสนี้ว่า อุตสาหะรส)
แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศทั่วประเทศทุกราวป่า
สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังส าเนียง
เป็นบทบรรยายหรือพรรณนาที่ทาให้ผู้อ่าน ผู้ฟัง ผู้ดู
สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ าเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื่องย่องยกย่างลงเหยียบดิน
มองเห็นทุกข์ เห็นโทษ เห็นภัยในบาปกรรมทุจริต
่
ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไมมีเลย
เกิดความสะดุ้งกลัวโรคภัย สัตว์ร้าย ภูตผีปีศาจ บางครั้งต้องหยุด
จึ่งตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอย หรือว่าเจ้าทิ้งขว้างวางจิตไปเกิดอื่น
อ่าน รู้สึกขนลุกซู่เมื่ออ่านเรื่อง ผีต่างๆ
เหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล
(มหาเวสสันดรชาดก)
12
พีภัตสรส
(รสแห่งความชัง ความรังเกียจ : บาลีเรียกรสนี้ว่า ชิคุจฉะรส)
เป็นบทบรรยายหรือพรรณนาที่ทาให้ผู้อ่าน ผู้ดู ผู้ฟังชังน้าหน้าตัวละครบ้างตัว
เพราะจิต(ของตัวละคร) บ้าง เพราะความโหดร้ายของตัวละครบ้าง เช่น เกลียดนางผีเสื้อสมุทร
ในเรื่องพระอภัยมณีที่ฆ่าพ่อเงือก เป็นต้น
ไอ้เจ้าชู้ลอมปอมกระหม่อมบาง ลอยชายลากหางเที่ยวเกี้ยวหมา
ชิชะแป้งจันทร์น้ ามันทา หย่งหน้าสองแคมเหมือนหางเปีย
หมามันจะเกิดชิงหมาเกิด มึงไปตายเสียเถิดอ้ายห้าเบี้ย
หน้าตาเช่นนี้จะมีเมีย อ้ายมะม่วงหมาเลียไม่เจียมใจ
เหมือนแมลงปออวดอิทธิ์ว่าฤทธิ์สุด จะแข่งครุฑข้ามอ่าวทะเลใหญ่
ก้อนเส้าหรือจะเท่าเมรุไกร หิ่งห้อยไพรจะแข่งแสงสุริยง
ชาติชั่วตัวดังนกตะกรุม จะเอื้อมอุ้มอิงอกวิหคหงส์
เขาสิปองเล่นมุจลินท์ลง ตัวพะวงตมกลับทะนงใจ
(สุนทรภู่ : เสภาขุนช้างขุนแผน)
13
อัทภูตรส
(รสแห่งความพิศวงประหลาดใจ : รสนี้ บาลีเรียก วิมหะยะรส)
เป็นบทบรรยายหรือพรรณนาที่ทาให้นึกแปลกใจ เอะใจอย่างหนัก ตื่นเต้นนึกไม่ถึงว่าเป็นไปได ้
เช่นนั้น หรือ อัศจรรย์คาดไม่ถึงในความสามารถ ในความคมคายของคารม ในอุบายหรือในศิลปวิทยาคุณ
แปลกใจในสุปฏิบัติ (ความประพฤติที่ดีงาม)แห่งขันติ เมตตา กตัญญู อันยากยิ่งที่คนธรรมดาจะท าได ้
อินทรชิตบิดเบือนกายิน เหมือนองค์อมรินทร์
ทรงคชเอราวัณ
ช้างนิมิตฤทธิแรงแข็งขัน เผือกผ่องผิวพรรณ
สีสังข์สะอาดโอฬาร์
( บทพากย์เอราวัณ )
14
ศานติรส
(รสแห่งความสงบ : บาลีเรียกรสนี้ว่า สมะรส)
เป็นช่วงการแสดงอุดมคติของเรื่อง เช่น ความสงบสุขในแดนสุขาวดี ในเรื่อง
วาสิฏฐี หรือ รู้สึกสมใจ อิ่มเอมใจ เมื่อกษัตริย์ทั้งหกกลับมาพร้อมหน้ากัน ในเรื่องพระ
มหาเวสสันดรชาดก อันเป็นผลมุ่งหมายทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นผลให้ผู้อ่าน ผู้ดู ผู้ฟัง
เกิดความสุขสงบ ในขณะได้เห็นได้ฟัง ตอนนั้น
มาถึงเนินผาท่าต้นไทร น้ าเปี่ยมสระใสสะอาดนัก
ที่ธารแก่งแรงไหลมาคึกคัก เป็นชะงักชะง่อนผ่าน่าส าราญ
บัวไสวใบบังระบุดอก เผยออกกลิ่านชวยห้วยละหาน
ต้นไม้สูงสะพรั่งบังริมธาร ที่ดอกบานแล้วก็หล่นละอองลง
( สุนทรภู่ : เสภาขุนช้างขุนแผน)
15
จัดท าโดย
นายเตชินทร์ ตันติจิตจารุ เลขที่ ๖
นางสาวชนกพรรณ มะเจียกจร เลขที่ ๒๘
นางสาววราภรณ์ มณีอินทร์ เลขที่ ๓๒
นางสาวศลิษา หงษ์เวียงจันทร์ เลขที่ ๓๓
นางสาวศิวพร บุญรอด เลขที่ ๓๔
16