กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลประเภท
ห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บริษัทมหาชนจำกัดตามพระราชบัญญัติ
บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 การกำกับดูแลให้ธุรกิจที่จดทะเบียนดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามที่กฎหมาย
กำหนด รวมถึงการพัฒนาส่งเสริมธุรกิจให้มีธรรมาภิบาลและมีการบริหารจัดการท่ีเป็นมาตรฐาน มีความ
นา่ เชื่อถอื และสามารถแข่งขันได้
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงได้จัดทำ “คู่มือสิ่งที่ต้องรู้ & ทำ เม่ือเป็นห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัด
บริษัทมหาชนจำกัด” เพื่อเป็นแนวทางสำหรับหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องของห้างหุ้นส่วน
บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด ให้ปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎหมายท่ีอยู่ในความรับผิดชอบของกรมพัฒนา
ธุรกิจการค้า รวมทั้งได้กำหนดกรอบมาตรฐานทางจริยธรรมขององค์กรธุรกิจขึ้น เพื่อให้ธุรกิจได้ นำไปปรับใช้
ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล อันจะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ นอกจากสิ่งที่นิติบุคคลต้องรู้
และปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เพ่ิมเติมความรู้เกี่ยวกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ
ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะช่วยสร้างความเสมอภาคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่ธุรกิจทุกระดับ อันเป็นการเพ่ิม
ศักยภาพในการแข่งขันของธรุ กิจในเวทกี ารคา้ โลกได้อย่างม่นั คงและยัง่ ยืน
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หวังว่าแนวทางการปฏิบัติเม่ือจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัด
บริษัทมหาชนจำกัด ตลอดจนความรู้อื่นๆ ใน “คู่มือสิ่งที่ต้องรู้ & ทำ เมื่อเป็นห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัด
บริษัทมหาชนจำกดั ” ที่ได้จัดทำข้ึนจะเป็นประโยชน์ต่อห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด ตลอดจน
ผู้บริหารหรือผู้ทำการแทนนิติบุคคล และประชาชนท่ัวไป ได้ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปด้วย
ความถกู ต้อง และมธี รรมาภบิ าล เพ่อื ใหธ้ ุรกจิ ดำเนินการไดอ้ ยา่ งมนั่ คงและยั่งยนื ตอ่ ไป
กรมพฒั นาธุรกิจการค้า
มกราคม 2566
2
ความหมายของห้างหุ้นส่วน ........................................................................................... 3
หน้าที่ของห้างหุ้นส่วน ................................................................................................... 5
ความหมายของบริษัทจำกัด ........................................................................................... 11
หน้าที่ของบริษัทจำกัด .................................................................................................. 12
ความหมายของบริษัทมหาชนจำกัด ................................................................................ 21
หน้าที่ของบริษัทมหาชนจำกัด ....................................................................................... . 22
กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ทางเลือกใหม่ SMEs เข้าถึงแหล่งทุน................................... 34
มาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ .......................................................................................... 41
3
ส่งิ ทต่ี ้องรูเ้ มือ่ เปน็ หา้ งหุ้นส่วน
ห้างหุ้นส่วน คือ การที่บคุ คลต้ังแต่ 2 คนขึ้นไป (ผู้เป็นหุ้นส่วน) ตกลงทำกิจการร่วมกัน เพื่อแสวงหา
กำไร และแบ่งผลกำไรจากการดำเนินกิจการนน้ั ซ่ึงผู้เป็นห้นุ ส่วนสามารถลงหุ้นดว้ ย เงนิ ทรพั ย์สนิ หรือแรงงานก็ได้
ถ้าลงหุ้นดว้ ย ทรัพยส์ ิน หรือแรงงาน ต้องตรี าคาเปน็ จำนวนเงิน
หา้ งห้นุ ส่วนมี 2 ประเภท คือ
1. ห้างหุ้นส่วนสามัญ คือ ห้างหุ้นส่วนท่ีมีผู้เปน็ หุ้นส่วนประเภทเดียว คือ หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด
โดยหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันในหนี้สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดโดยไม่จำกัดจำนวน ดังนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วน
ทุกคนจึงมีสิทธใิ นการจัดการกิจการของห้างหุ้นส่วน ห้างหุ้นส่วนสามัญจะจดทะเบียนหรือไม่ก็ได้ ถ้าจดทะเบียน
จะเรยี กวา่ ห้างห้นุ ส่วนสามญั นติ ิบุคคล และมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย
2. ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ ห้างหุ้นส่วนที่มีหุ้นส่วน 2 ประเภท ได้แก่ หุ้นส่วนจำกัดความรับผิด จะมี
คนเดียวหรือหลายคนก็ได้ รับผิดไม่เกินจำนวนเงินที่ตนลงหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด (ไม่มีสิทธเิ ข้าจัดการกิจการของ
ห้างหุ้นส่วน) และหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดจะมีคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ รับผิดร่วมกันในหนี้สินของ
หา้ งหนุ้ ส่วนทัง้ หมด โดยไม่จำกัดจำนวน (มีสิทธิเข้าจัดการกิจการของหา้ งหุ้นสว่ น/เปน็ หนุ้ ส่วนผู้จดั การ)
หุน้ สว่ นผู้จัดการจะตอ้ งเป็นหุน้ ส่วนประเภทไม่จำกัดความรบั ผิดเท่านน้ั
ห้างหุน้ สว่ นจำกัดจะตอ้ งจดทะเบียน ถ้าไมจ่ ดทะเบียนถอื ว่าเปน็ ห้างหนุ้ ส่วนสามญั
เม่ือจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดแล้ว ห้างหุ้นส่วนจะมีสภาพ
เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแยกตา่ งหากจากผู้เป็นหุ้นส่วน และได้รับเลขทะเบียนนิตบิ ุคคล 13 หลัก ซ่ึงจะถูกใช้
เปน็ เลขประจำตัวผู้เสียภาษอี ากรของกรมสรรพากร อีกทง้ั จะไดร้ ับการข้ึนทะเบยี นเปน็ นายจา้ งโดยอัตโนมัติ และ
สามารถใช้เลขทะเบียนนิติบุคคล 13 หลัก ดำเนินการขึ้นทะเบียนลูกจ้าง/ผู้ประกันตน เมื่อมีการจ้างลูกจ้าง
ภายใน 30 วัน นับต้งั แต่วนั เร่มิ จา้ งงาน ได้ทสี่ ำนกั งานประกนั สังคม
4
นอกจากน้ี ห้างหุ้นส่วนสามารถจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไปพร้อมกับการจดทะเบียนจัดต้ัง
โดยแนบ “คำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิมผ่านกรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทาง
www.dbd.go.th มาพร้อมกับแบบคำขอจดทะเบียนจัดตั้ง ถือเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิม
ต้งั แตว่ นั เดือนปที ไี่ ด้รับจดทะเบียนจดั ตั้งเปน็ นิตบิ ุคคล
สำหรับชื่อห้างหุ้นส่วน ถ้าจะนำช่ือไปใช้ในดวงตรา ป้ายชื่อ จดหมาย หรือเอกสารอย่างอ่ืนที่ใช้ใน
ธุรกิจของห้างหุ้นส่วน ต้องมีคำว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” หรือ “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” ประกอบช่ือ ถ้าใช้
เป็นอักษรต่างประเทศต้องใช้คำท่ีมีความหมายว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” คือ “Registered Ordinary
Partnership” หรือ “หา้ งหนุ้ สว่ นจำกัด” คอื “Limited Partnership” ประกอบชื่อ
ตอ้ งมที ี่ตงั้ สำนักงานซึง่ ถือเป็นภูมิลำเนาของห้างหนุ้ สว่ นทสี่ ามารถตดิ ต่อได้
5
จัดทำบัญชี
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด เป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี โดยจะให้หุ้นส่วน
ผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นๆ เป็นผู้ดำเนินการแทน ซึ่งหน้าที่และ
ความรับผิดชอบของผู้มหี นา้ ที่จดั ทำบญั ชีตามพระราชบัญญตั กิ ารบญั ชี พ.ศ. 2543 มดี ังน้ี
1. จัดทำบัญชีรายวัน บัญชีแยกประเภท บัญชีสินค้า และบัญชีประเภทอื่นตามความจำเป็นแก่
การทำบัญชี โดยเร่ิมต้งั แต่วนั ทีจ่ ดทะเบยี นเป็นหา้ งห้นุ สว่ น
2. ต้องจัดใหม้ ผี ทู้ ำบัญชีทม่ี ีคณุ สมบตั ิครบถว้ นตามกฎหมาย เพื่อเป็นผรู้ บั ผดิ ชอบในการจดั ทำบัญชี
ของห้างหุ้นส่วน ซึ่งอาจเป็นพนักงาน ผู้รับจ้างทำบัญชีอิสระ หรือสำนักงานบริการรับทำบัญชี ซึ่งเป็นผู้ที่จบ
ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบัญชีหรือเทียบเท่าเป็นผู้ทำบัญชี ยกเว้น ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือ ห้าง
หุ้นส่วนจำกัด ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวมไม่เกิน 30 ล้านบ าท และมีรายได้รวมไม่
เกิน 30 ล้านบาท สามารถให้ผู้ท่ีจบไม่ต่ำกว่าอนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง (ปวส.) ทางการบัญชี
หรือเทียบเท่าเปน็ ผู้ทำบัญชีก็ได้ ซ่ึงห้างหุ้นส่วนจะต้องควบคุมดแู ลผู้ทำบัญชีให้จัดทำบัญชใี ห้ตรงต่อความเป็นจริง
และเปน็ ไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงนิ
6
3. ต้องส่งมอบเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี ได้แก่ บันทึก หนังสือ หรือเอกสารใดๆ ที่ใช้
เป็นหลักฐานในการลงรายการในบัญชี ให้แก่ผู้ทำบัญชีให้ครบถ้วนถูกต้อง เพื่อให้บัญชีท่ีจัดทำขึ้นสามารถ
แสดงผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงและ
ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงนิ
4. ต้องปิดบญั ชคี รั้งแรกภายใน 12 เดือน นับแตว่ นั เร่ิมทำบญั ชี และปดิ บัญชีทกุ รอบ 12 เดือน นับ
แต่วันปิดบัญชีครั้งก่อน เว้นแต่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนรอบปีบัญชีจากสารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีแล้ว
อาจปดิ บญั ชีก่อนครบรอบ 12 เดือนกไ็ ด้
5. จัดทำงบการเงิน ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุน หมายเหตุประกอบงบ
การเงนิ และงบการเงนิ เปรียบเทียบกับปีก่อน
และต้องจดั ให้มผี ู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและแสดงความเห็น
7
เว้นแต่ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท
มีสินทรัพย์รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีรายได้รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท ไม่ต้องมีผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
ตรวจสอบและแสดงความเหน็ ในงบการเงิน
อย่างไรก็ตาม ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภงด. 50) ต่อกรมสรรพากร
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ีมีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวมไม่เกิน
30 ล้านบาท และมีรายได้รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท ยังคงต้องย่ืนแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภงด. 50)
พร้อมรายงานการตรวจสอบและรบั รองบัญชีของผ้สู อบบัญชรี บั อนุญาต หรอื ผู้สอบบญั ชภี าษีอากรด้วย
6. เมื่อผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและแสดงความเห็นในงบการเงินแล้ว ให้นำส่งงบการเงิน
ผา่ นทางระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (DBD e-Filing) ตอ่ กรมพัฒนาธรุ กจิ การค้า ภายในห้าเดอื นนับแต่วนั ปิดบัญชี
7. ต้องเก็บรักษาบัญชีและเอกสารท่ีต้องใช้ประกอบการลงบัญชีไว้ท่ีสำนักงานแห่งใหญ่ หรือ
สถานท่ีที่ใชผ้ ลิตหรือเก็บสินค้าเปน็ ประจำ หรือสถานท่ีท่ีใชเ้ ป็นที่ทำงานประจำ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่
วันปิดบัญชี เว้นแต่ จะได้รับอนุญาตจากสารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีให้เก็บรักษาบัญชีและเอกสาร
ประกอบการลงบัญชไี ว้ ณ สถานท่ีอนื่ แต่ถ้าบญั ชีหรอื เอกสารประกอบการลงบัญชีสูญหายหรือเสยี หาย ตอ้ งแจ้ง
สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชี ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบถึงการสูญหายหรือเสียหาย โดยทั้งหมดน้ี
ใหย้ ื่นเร่อื งผ่านระบบงานการอนุญาต (DBD e-Permit)
เม่ือห้างหุ้นส่วนจะเปลี่ยนแปลงรายการทางทะเบียนไม่ว่าจะเปน็ เรื่อง ชือ่ ของห้างหุ้นส่วน ตวั ผู้เป็น
หุ้นส่วน หุ้นส่วนผู้จัดการ ข้อจำกัดอำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการ ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และ/หรือสำนักงานสาขา
วัตถุประสงค์ ตราของห้างหุ้นส่วน รายการอ่ืนๆ ที่เห็นสมควรจะให้ประชาชนทราบ ผู้เป็นหุ้นส่วนจะต้องตกลง
ให้ความยินยอมด้วยกันทุกคน แล้วให้หุ้นส่วนผู้จัดการย่ืนขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมรายการท่ีเปล่ียนแปลงนั้น
ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบรษิ ทั
8
การเปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนผู้จัดการ ต้องไปย่ืนจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับจากวันที่มีการ
เปล่ียนแปลง
เมื่อมีความประสงค์จะเลิกห้างหุ้นส่วน ให้ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนทำข้อตกลงเลิกห้างหุ้นส่วนร่วมกัน
เพื่อกำหนดวันท่ีต้องการเลิกห้างหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญชี เพ่ือทำหน้าท่ีชำระสะสางทรัพย์สินและหน้ีสินของ
ห้างหุน้ สว่ น จากนนั้ ผู้ชำระบญั ชมี หี นา้ ทด่ี ำเนินการ ดังน้ี
1. จดั ทำคำขอไปย่นื จดทะเบียนเลกิ หา้ งหนุ้ สว่ นภายใน 14 วนั นับแต่วันทีเ่ ลิก
และต้องลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่าห้างหุ้นส่วนเลิกกัน พร้อมกับส่งจดหมายลงทะเบียน
ไปรษณยี แ์ จง้ ไปยังเจ้าหนท้ี ุกคน
9
2. จัดทำงบการเงินส่งให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบและรับรองความถูกต้อง แล้วเรียกประชุมผู้เป็น
หุ้นสว่ นเพือ่ รบั รองให้ผชู้ ำระบญั ชีเป็นผู้ชำระบัญชตี ่อไป หรอื จะแต่งตงั้ ผู้ชำระบัญชีใหม่ และอนมุ ัติงบการเงนิ
3. ถา้ มีการเปลยี่ นตัวผูช้ ำระบัญชีใหม่ หรือแก้ไขอำนาจผชู้ ำระบญั ชี หรอื แก้ไขทตี่ ง้ั สำนักงานของผู้
ชำระบัญชี ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนเปล่ียนแปลงด้วย การจดทะเบียนเปลี่ยนตัวผู้ชำระบัญชี หรือแก้ไขอำนาจ
ผชู้ ำระบญั ชี ต้องไปจดทะเบียนภายใน 14 วนั นับจากวันท่ไี ด้มีการเปล่ยี นตัวหรอื วนั ลงมติ
4. จัดทำรายงานการชำระบัญชียื่นต่อนายทะเบียนทุก 3 เดือน นับแต่วันเลิกห้างจนกว่าจะเสร็จ
การชำระบัญชี เพื่อแสดงความเป็นไปของบัญชีที่ชำระอยู่ และรายงานนี้ตอ้ งเปิดเผยให้ผู้เปน็ หุ้นส่วนและเจ้าหน้ี
สามารถตรวจดไู ดโ้ ดยไม่เก็บคา่ ธรรมเนียมดว้ ย
10
แต่หากการชำระบัญชีต้องใช้เวลานานกว่าหนึ่งปี ผู้ชำระบัญชีต้องเรียกประชุมผู้เป็นหุ้นส่วน
ในเวลาทุกสิ้นปีนับแต่วันที่เริ่มทำการชำระบัญชีและทำรายงานต่อที่ประชุมว่าได้จัดการไปอย่างไร พร้อมทั้ง
บอกใหท้ ราบความเป็นไปของบญั ชีโดยละเอียด
5. เม่ือผู้ชำระบัญชีได้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนเสร็จสิ้นแล้ว ต้องทำรายงานสรุปการดำเนินการ
ชำระบัญชีต้ังแต่ต้น แล้วเรียกประชุมใหญ่เพ่ือเสนอรายงานและชี้แจงกิจการต่อท่ีประชุม เมื่อท่ีประชุมได้อนุมัติ
รายงานนั้นแล้วให้จัดทำคำขอไปยื่นจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ประชุมอนุมัติ
รายงาน ซึ่งเม่ือได้จดทะเบียนแล้วถือว่าการชำระบัญชีส้ินสุดลง และห้างหุ้นส่วนน้ันย่อมส้ินสภาพความเป็น
นติ บิ ุคคล
11
สิ่งทีต่ อ้ งรู้เม่ือเป็นบริษัทจำกัด
บริษัทจำกัด คือ การท่ีบุคคลต้ังแต่ 2 คนข้ึนไปร่วมกันทำกิจการโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อแสวงหา
กำไรจากการดำเนินกิจการน้ันมาแบ่งปันกัน (มาตรา 1097) โดยบริษัทจำกัด จะแบ่งทุนออกเป็นหุ้น มีมูลค่าหุ้น
ละเท่าๆ กัน ผู้ลงทุนในบริษัท เรียกว่า “ผู้ถือหุ้น” โดยผู้ถือหุ้นรับผิดไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่า
ของหุ้นท่ีตนถือ ถ้าการจดทะเบียนบริษัทมิได้ทำภายใน 3 ปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนหนังสือ
บริคณห์สนธิ ให้หนังสือบริคณห์สนธิสิ้นผล (มาตรา 1099) เมื่อจดทะเบียนบริษัทจำกัดแล้ว จะมีสภาพเป็น
นิติบุคคลตามกฎหมายแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้น และได้รับเลขทะเบียนนิติบุคคล 13 หลัก ซึ่งจะถูกใช้เป็นเลข
ประจำตัวผู้เสยี ภาษอี ากรของกรมสรรพากร อกี ท้ังจะไดร้ บั การขึ้นทะเบียนเปน็ นายจ้างโดยอตั โนมัติ และสามารถ
ใชเ้ ลขทะเบียนนิติบุคคล 13 หลกั ดำเนินการขึ้นทะเบยี นลกู จา้ ง/ผปู้ ระกันตน เมอ่ื มีการจ้างลูกจ้างภายใน 30 วัน
นบั ต้ังแตว่ ันเรม่ิ จ้างงาน ได้ท่สี ำนกั งานประกันสงั คม
12
นอกจากนี้ บริษัทสามารถจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไปพร้อมกับการจดทะเบียนจัดต้ัง โดยแนบ
“คำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิมผ่านกรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทาง www.dbd.go.th
มาพร้อมกับแบบคำขอจดทะเบยี นจดั ตัง้ ถือเป็นผูป้ ระกอบการจดทะเบียนภาษีมลู ค่าเพ่ิม ต้ังแต่วันเดือนปที ไ่ี ด้รับ
จดทะเบียนจดั ตั้งเปน็ นิตบิ คุ คล
สำหรับชื่อบริษัท ถ้าจะนำช่ือไปใช้ในดวงตรา ป้ายช่ือ หนังสือ จดหมาย หรือเอกสารอย่างอื่น
เก่ียวกับธรุ กิจของบริษัทตอ้ งใชค้ ำว่า “บริษัท” ไวห้ น้าชอื่ และ “จำกัด” ไว้ทา้ ยชอื่ ด้วย ถา้ เป็นอักษรตา่ งประเทศ
ต้องใช้คำซ่ึงมีความหมายว่า “บริษัทจำกัด” ประกอบช่ือ เช่น “Company Limited” หรือ “Co., Ltd.” หรือ
“Limited” หรอื “Ltd.” ประกอบชอื่ เป็นต้น
การที่บริษัทมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายทำให้มีสิทธิ หน้าที่รับผิดชอบที่จะต้องปฏิบัติ
ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ได้แก่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับ
หา้ งหุ้นสว่ นจดทะเบยี น ห้างหุ้นสว่ นจำกดั บริษัทจำกดั สมาคม และมูลนธิ ิ พ.ศ. 2499 พระราชบญั ญัตกิ ารบญั ชี
พ.ศ. 2543 รวมทั้งต้องปฏิบัตใิ ห้ถกู ต้องตามมาตรฐานการรายงานทางการเงนิ ดงั น้ี
1. ต้องมีที่ตั้งสำนักงานซ่ึงถือเป็นภูมิลำเนาของบริษัทท่ีสามารถติดต่อได้ หากมีการย้ายที่ต้ัง
สำนกั งานจากที่จดทะเบยี นไว้ กต็ อ้ งย่ืนคำขอจดทะเบยี นย้ายทต่ี ้ังสำนักงานตอ่ นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท
13
2. จดั ทำสมุดทะเบียนผถู้ อื ห้นุ ให้จดั ทำตง้ั แตว่ นั ทไ่ี ดจ้ ดทะเบยี นเป็นบริษัทจำกดั เพอื่ บันทึกขอ้ มลู
ของผู้ถือหุ้น จำนวนหุ้น และการเข้า-ออกจากการเป็นผู้ถือหุ้น รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับการโอนหุ้นและการ
เปล่ียนแปลงรายการตา่ งๆ และตอ้ งเก็บรักษาไวท้ ่ีสำนักงานของบริษัท สมุดทะเบยี นผู้ถือห้นุ ต้องเปดิ ให้ผู้ถือหุ้นดูได้
ในระหวา่ งเวลาทำการไมน่ อ้ ยกวา่ วันละ 2 ชัว่ โมง โดยไม่เกบ็ ค่าธรรมเนียม
นอกจากนี้ยังต้องจัดทำใบหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกคนไว้เป็นหลักฐานเพ่ือแสดงการเป็นเจ้าของหุ้น
และจะเก็บค่าธรรมเนียมก็ได้แต่ต้องไม่เกินสิบบาท โดยรายละเอียดในใบหุ้นต้องมีชื่อบริษัท หมายเลขหุ้น
มูลค่าของหุ้น ชำระค่าหุ้นแล้วหุ้นละเท่าใด มีชื่อของผู้ถือหุ้นหรือคำว่าใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือ และให้กรรมการ
อยา่ งนอ้ ย 1 คน ลงลายมอื ชือ่ และประทับตราของบริษัทถ้ามีด้วย
3. หลังจากนั้นภายใน 6 เดือน นับจากวันท่ีได้จดทะเบียนเป็นบริษัท จะต้องจัดให้มีการประชุม
สามัญผู้ถือหุ้นข้ึนเป็นครั้งแรก และต่อจากนั้นในทุกๆรอบระยะเวลา 12 เดือนก็ต้องจัดประชุมแบบนี้อีกอย่าง
น้อยหนึง่ คร้ัง การประชุมที่นอกเหนือจากนีเ้ รียกวา่ การประชมุ วสิ ามัญผถู้ ือหุ้น
14
สำหรับวิธีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัททุกคร้ัง จะต้องส่งหนงั สอื นดั ประชุมทางไปรษณยี ต์ อบรบั ไปยังผู้
ถือหุ้นทุกคนล่วงหน้าก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน เว้นแต่นัดประชุมเพื่อพิจารณาเร่อื งที่จะต้องลงมติพิเศษ
ใหก้ ระทำการดงั กล่าวข้างต้นก่อนวันประชุมไมน่ อ้ ยกวา่ 14 วนั (มาตรา 1175) โดยข้อความในหนงั สือนัดประชุม
ต้องระบุสถานท่ี วนั เวลา และเรื่องที่จะพจิ ารณากัน กับข้อความทจ่ี ะนำเสนอให้ลงมติพเิ ศษ ซึ่งเร่ืองที่กฎหมาย
กำหนดให้ต้องมีการลงมติพิเศษ คือ การเพิ่มทุน การลดทุน การแก้ไขข้อบังคับ การควบบริษัท การแก้ไข
หนังสือบริคณห์สนธิ การเลกิ บริษัท และการแปรสภาพเปน็ บรษิ ัทมหาชนจำกดั
ท้ังน้ี ก่อนจะทำการนัดประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท จะต้องนัดประชมุ คณะกรรมการเพื่อให้มีมติ
เรียกประชมุ วิสามัญผถู้ ือห้นุ ดว้ ย
และทุกครั้งที่มีการประชุมต้องทำการจดบันทึกรายงานการประชุม มติของที่ประชุมไว้ในสมุด
ใหถ้ ูกต้อง ทง้ั ต้องเก็บรกั ษาสมุดจดบันทึกรายงานการประชุมไว้ ณ สำนกั งานของบรษิ ัท
4. ต้องส่งสำเนาบัญชีรายช่ือผู้ถือหุ้นที่ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นในเวลาที่ประชุมสามัญ ไปยังนายทะเบียน
หุน้ ส่วนบริษทั อยา่ งน้อยปีละครง้ั แตไ่ ม่ใหช้ ้ากวา่ 14 วนั นับแต่วนั ประชมุ สามัญผู้ถอื หุ้น
15
5. ต้องรีบนัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นทันที เม่ือบริษัทขาดทุนถึงคร่ึงหนึ่งของทุนจดทะเบียนเพอื่
แจ้งใหผ้ ู้ถอื ห้นุ ทราบ หรอื ภายใน 30 วัน เม่อื มีผูถ้ อื หุ้นซึง่ มีห้นุ รวมกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 รอ้ งขอให้เรยี กประชมุ
6. ต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีหนึ่งคนหรือหลายคนมาตรวจสอบงบการเงิน แล้วต้องนำงบการเงินท่ี
ได้รับการตรวจสอบเสนอในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพ่ืออนุมัติภายในส่ีเดือนนับแต่วันท่ีปิดบัญชี โดยต้องส่งสำเนา
งบการเงินให้ผู้ถือหุ้นดูล่วงหน้าก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่า 3 วัน และมีสำเนางบการเงินเปิดเผยไว้ในสำนักงาน
ของบริษัท
7.การจ่ายเงินปันผลให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่หรือ
กรรมการลงมติ แล้วแต่กรณี
16
จัดทำบัญชี
บริษัทจำกัด เป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี โดยจะให้กรรมการบริษัทเป็นผู้ดำเนินการแทน ซึ่งหน้าที่
และความรับผิดชอบของผู้มหี น้าท่จี ดั ทำบญั ชตี ามพระราชบัญญตั ิการบัญชี พ.ศ. 2543 มดี งั นี้
1. จัดทำบัญชีรายวัน บัญชีแยกประเภท บัญชีสินค้า และบัญชีประเภทอื่นตามความจำเป็นแก่
การทำบญั ชี โดยเร่ิมต้ังแตว่ ันทจี่ ดทะเบียนเปน็ บรษิ ัท
2. จัดใหม้ ผี ทู้ ำบญั ชีทม่ี คี ณุ สมบัตคิ รบถ้วนตามกฎหมาย เพ่อื เปน็ ผูร้ ับผดิ ชอบในการจดั ทำบญั ชีของ
บริษัท ซึ่งอาจเปน็ พนกั งานของบริษัท ผู้รบั จ้างทำบญั ชีอิสระ หรือสำนักงานรบั จา้ งทำบัญชกี ไ็ ด้ ซึ่งเป็นผทู้ ่ีจบไม่ต่ำกวา่
ปริญญาตรีทางการบัญชีหรือเทียบเท่าเป็นผู้ทำบัญชีให้ ยกเว้นบริษัทจำกัดที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท
มสี ินทรัพย์รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีรายได้รวมไม่เกิน 30 ลา้ นบาท สามารถให้ผู้ท่ีจบไม่ต่ำกวา่ อนุปริญญา หรือ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง (ปวส.) ทางการบญั ชีหรอื เทยี บเทา่ เปน็ ผทู้ ำบญั ชีกไ็ ด้ ซึ่งบริษัทจะต้องควบคุมดูแล
ผู้ทำบัญชีให้จัดทำบัญชีให้ตรงต่อความเป็นจริงและเป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงนิ
3. ต้องส่งมอบเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี ได้แก่ บันทึก หนังสือ หรือเอกสารใดๆ ที่ใช้
เป็นหลักฐานในการลงรายการในบัญชี ให้กับผู้ทำบัญชีให้ครบถ้วนถูกต้อง เพ่ือให้บัญชีท่ีจัดทำข้ึนสามารถ
แสดงผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินท่ีเป็นอยู่ตามความเป็นจริงและตาม
มาตรฐานการรายงานทางการเงนิ
17
4. ต้องปิดบัญชีครั้งแรกภายใน 12 เดือน นับแต่วันเริ่มทำบัญชีและให้ปิดบัญชีทุกรอบ 12 เดือน
นับแต่วันปิดบัญชีคร้ังก่อน เว้นแตไ่ ด้รับอนุญาตจากสารวตั รใหญ่บัญชหี รือสารวัตรบัญชีให้เปล่ียนรอบปบี ัญชีแล้ว
อาจปดิ บญั ชกี ่อนครบรอบ 12 เดอื นได้
5. จัดทำงบการเงิน ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุน งบแสดงการเปลี่ยนแปลง
ในสว่ นของเจ้าของ หมายเหตปุ ระกอบงบการเงิน และงบการเงนิ เปรยี บเทยี บกับปีก่อน
โดยงบการเงินต้องไดร้ ับการตรวจสอบและแสดงความเห็นจากผสู้ อบบัญชีรับอนุญาต
6. จัดส่งงบการเงินท่ีได้รับอนุมัติจากท่ีประชุมใหญ่ ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing)
ไปยังกรมพัฒนาธุรกจิ การค้า ภายในหนงึ่ เดือนนับแตว่ นั ทง่ี บการเงนิ ไดร้ ับอนุมตั จิ ากท่ีประชุมใหญ่
18
7. เก็บรักษาบัญชีและเอกสารท่ีต้องใช้ประกอบการลงบญั ชีไว้ ณ สถานที่ทำการ หรือสถานท่ีท่ีใช้
ผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจำ หรือสถานที่ที่ใช้เป็นที่ทำงานประจำ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันปิดบัญชี
เวน้ แตจ่ ะไดร้ บั อนุญาตจากสารวตั รใหญ่บัญชีหรือสารวตั รบญั ชใี ห้เก็บไว้ ณ สถานทอ่ี ืน่ ได้ แตถ่ ้าบัญชหี รือเอกสาร
ประกอบการลงบญั ชสี ูญหายหรอื เสียหาย บริษัทต้องแจ้งสารวัตรใหญ่บัญชี หรอื สารวตั รบัญชภี ายใน 15 วนั นับแต่
วนั ทท่ี ราบหรอื ควรทราบ โดยทงั้ หมดน้ี ใหย้ ่ืนเรื่องผ่านระบบงานการอนุญาต (DBD e-Permit)
เมื่อบริษัทจำกัดต้องการจะเปลี่ยนแปลงรายการทางทะเบียนของบริษัท กรรมการผู้มีอำนาจ
กระทำการแทนบริษัทเป็นผู้ยื่นขอจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลง โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจจะต้องได้รับ
มติของที่ประชุม คณะกรรมการหรือผู้ถือหุ้น แต่หากเป็นรายการที่มีความสำคัญจะต้องให้ผู้ถือหุ้นมีมติพิเศษ
ให้เปลี่ยนแปลง เช่น การเพิ่มทุน การลดทุน การแก้ไขข้อบังคับ การแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ การควบบริษัท
การเลิกบริษทั และการแปรสภาพเป็นบรษิ ทั มหาชนจำกดั
การเปลี่ยนแปลงบางรายการท่ีกฎหมายกำหนดระยะเวลาในการย่ืนจดทะเบียนไว้ ซึ่งต้องไป
ดำเนินการภายในกำหนด ไดแ้ ก่
1. การเปล่ียนแปลงทุนของบริษัท (เพ่ิมทุน/ลดทุน) ต้องไปยื่นจดทะเบียนมติพิเศษให้เพิ่มทุนหรือ
ให้ลดทนุ ภายใน 14 วัน นบั จากวนั ท่ีลงมติ
2. การเปล่ยี นแปลงข้อบังคบั ของบรษิ ทั ต้องไปยื่นจดทะเบยี นภายใน 14 วนั นบั จากวันทีล่ งมติ
3. การเปลี่ยนแปลงกรรมการเข้า/ออก ต้องไปยื่นจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับจากวันที่มี
การเปลีย่ นแปลง
4. การควบรวมบริษัท ต้องไปยื่นจดทะเบียนมติพิเศษให้ควบรวมบริษัทเข้ากันภายใน 14 วัน นับ
จากวันท่มี ีมติ และยื่นจดทะเบียนควบบรษิ ัทภายใน 14 วัน นับจากวันทีค่ วบเขา้ กนั (ประชมุ ควบรวมบรษิ ัท)
19
เมื่อมีความประสงค์จะเลิกบริษัท ให้จัดประชุมผู้ถือหุ้นมีมติพิเศษให้เลิกบริษัทและตั้งผู้ชำระบัญชี
เพื่อทำหนา้ ท่ีชำระสะสางทรัพย์สินและหนส้ี นิ ของบริษัท จากน้นั ผูช้ ำระบัญชมี ีหน้าทดี่ ำเนนิ การ ดังนี้
1. จัดทำคำขอไปยื่นจดทะเบียนเลิกบริษัทภายใน 14 วัน นับแต่วันที่เลิกกัน
และต้องลงโฆษณาในหนงั สือพิมพ์วา่ บริษทั เลกิ กนั พรอ้ มกบั ส่งจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์แจง้ ไปยงั
เจา้ หนี้ทกุ คน
2. จัดทำงบการเงินส่งให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบและรับรองความถูกต้อง แล้วเรียกประชุมผู้ถือหุ้น
เพอ่ื รบั รองให้ผชู้ ำระบญั ชีเปน็ ผชู้ ำระบญั ชีตอ่ ไปหรอื จะแตง่ ต้งั ผชู้ ำระบญั ชใี หมแ่ ละอนุมัติงบการเงิน
3. ถ้ามีการเปลี่ยนตัวผู้ชำระบัญชีใหม่หรือแก้ไขอำนาจผู้ชำระบัญชี หรือแก้ไขท่ีตั้งสำนักงานของ
ผู้ชำระบัญชี ต้องย่ืนคำขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงด้วย การจดทะเบียนเปลี่ยนตัวผู้ชำระบัญชีหรือแก้ไขอำนาจ
ผ้ชู ำระบัญชี ตอ้ งไปจดทะเบยี นภายใน 14 วัน นบั จากวนั ท่ีได้มีการเปลยี่ นตัว หรือวนั ลงมติ
20
4. จัดทำรายงานการชำระบัญชียื่นต่อนายทะเบียนทุก 3 เดือน เพื่อแสดงความเป็นไปของบัญชีที่
ชำระอยู่ และรายงานน้ีตอ้ งเปดิ เผยให้ผู้ถือหนุ้ และเจา้ หนี้สามารถตรวจดูไดโ้ ดยไมเ่ กบ็ ค่าธรรมเนยี มดว้ ย
แต่หากการชำระบัญชีต้องใช้เวลานานกว่าหน่ึงปี ผู้ชำระบัญชีต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นในเวลา
ทกุ สิน้ ปีนบั แตว่ นั ท่เี รม่ิ ทำการชำระบัญชแี ละทำรายงานต่อท่ีประชมุ ว่าได้จดั การไปอยา่ งไร พรอ้ มท้งั บอกให้ทราบ
ความเปน็ ไปของบัญชโี ดยละเอยี ด
5. เมื่อผู้ชำระบัญชีได้ชำระบัญชีของบริษัทเสร็จสิ้นแล้ว ต้องทำรายงานสรุปการดำเนินการชำระ
บัญชีตั้งแต่ต้น แล้วเรียกประชุมใหญ่เพ่ือเสนอรายงานและชี้แจงกิจการต่อที่ประชุม เม่ือที่ประชุมได้อนุมัติ
รายงานน้ันแล้ว ให้จัดทำคำขอไปยื่นจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ประชุมอนุมัติ
รายงาน ซึง่ เมอื่ ไดจ้ ดทะเบียนแล้วถอื ว่าการชำระบัญชีส้นิ สุดลง และบรษิ ัทนน้ั ย่อมสิ้นสภาพความเป็นนิติบุคคล
21
สง่ิ ทตี่ ้องรเู้ มอ่ื เป็นบริษทั มหาชนจำกัด
บริษัทมหาชนจำกัด คือ บริษัทประเภทซึ่งตั้งขึ้นด้วยประสงค์ที่จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชน
โดยผู้ถือหุ้นมีความรับผิดจำกัดไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นท่ีต้องชำระ และบริษัทดังกล่าวได้ระบุความประสงค์
เช่นน้ันไวใ้ นหนังสือบรคิ ณหส์ นธิ
ลกั ษณะโครงสร้างของบรษิ ัทมหาชนจำกดั มีดงั นี้
1. จำนวนผู้ถือหนุ้ ตง้ั แต่ 15 คนขนึ้ ไป
2. ไมก่ ำหนดจำนวนทนุ จดทะเบียนขั้นตำ่
3. หุ้นของบริษทั แตล่ ะหุน้ จะตอ้ งมมี ลู คา่ เท่ากนั และต้องชำระคา่ หุ้นคร้ังเดียวเตม็ มลู ค่าห้นุ
4. จำนวนกรรมการของบริษัทมีไม่น้อยกว่า 5 คน และกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งต้องมีที่อยู่
ในประเทศไทย
เมื่อจดทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัดแล้ว จะมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแยกต่างหาก
จากผู้ถือหุ้น และได้รับเลขทะเบียนนิติบุคคล 13 หลัก ซึ่งจะถูกใช้เป็นเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของ
กรมสรรพากรดว้ ย
22
สำหรบั ชอื่ บริษัท ตอ้ งใช้คำวา่ “บริษทั ” ไวห้ นา้ ชื่อ และ “จำกัด” (มหาชน) ไว้ท้ายช่ือดว้ ย หรอื ใช้
อักษรย่อว่า “บมจ.” แทน ถ้าเป็นอักษรต่างประเทศต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งออกเสียงตรงหรือ มี
ความหมายตรงกบั ชื่อภาษาไทย โดยมีคำว่า “Public Company Limited” ตอ่ ท้ายช่อื
การที่บริษัทมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายทำให้มีสิทธิ หน้าที่รับผิดชอบที่จะต้องปฏิบัติ
ให้ถกู ตอ้ งตามกฎหมาย ไดแ้ ก่ พระราชบญั ญัตบิ ริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543
รวมทั้งต้องปฏิบัติใหถ้ กู ตอ้ งตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ดังนี้
1. ต้องมีที่ต้ังสำนักงานซ่ึงถือเป็นภูมิลำเนาของบริษัทที่สามารถติดต่อได้ หากมีการย้ายที่ต้ัง
สำนักงานจากที่จดทะเบยี นไว้ กต็ อ้ งยืน่ คำขอจดทะเบียนยา้ ยท่ีต้งั สำนักงานต่อนายทะเบยี นบรษิ ทั มหาชนจำกดั
23
2. แสดงช่ือ ที่ตั้งสำนักงาน และเลขทะเบียนบริษัทไว้ในจดหมาย ประกาศ ใบแจ้งความ ใบส่งของ
และใบเสร็จรับเงิน
3. แสดงชื่อบรษิ ทั ไว้ในดวงตรา (ถา้ ม)ี
4. ต้องมีป้ายช่ือไว้หน้าสำนักงานใหญ่ และสำนักงานสาขา (ถ้ามี) ภายใน 14 วัน นับแต่วันจดทะเบียน
บรษิ ัท และไมใ่ หม้ ีปา้ ยชอ่ื ดังกลา่ วในกรณที ไ่ี มใ่ ช้สถานท่ีนัน้ เป็นสำนกั งานใหญ่หรอื สำนักงานสาขา ภายใน 14 วัน
นบั แต่วันทไี่ มใ่ ช้สถานทีน่ ้นั เป็นสำนกั งานใหญห่ รอื สำนกั งานสาขาแลว้
24
5. จัดทำใบหุ้น มอบให้แก่ผู้ถือหุ้นไว้เป็นหลักฐานภายใน 2 เดือน นับแต่วันที่ได้รับจดทะเบียน
เป็นบรษิ ัทมหาชนจำกัด หรอื นับแตว่ ันท่ไี ดร้ ับเงินค่าหุ้นครบและไดจ้ ดทะเบียนเพ่ิมทนุ แล้ว
รายละเอียดในใบหุ้นต้องมีช่ือบริษัท เลขทะเบียนบริษัท วันท่ีจดทะเบียนบริษัท เลขท่ีใบหุ้น
ชนิดของหุ้น มูลค่าหุ้น จำนวนหุ้น ชื่อของผู้ถือหุ้น วันท่ีออกใบหุ้น และมีกรรมการหรือบุคคลท่ีได้รับมอบหมาย
ให้เป็นนายทะเบียนหุ้นลงลายมือช่อื หรือพิมพไ์ วอ้ ย่างนอ้ ย 1 คน
6. จัดทำทะเบียนผู้ถือหุ้น และเก็บรักษาไว้ ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัท หรือเก็บไว้ที่บุคคลอ่ืน
ท่ีไดแ้ จ้งไว้ใหน้ ายทะเบยี นทราบ
หากทะเบียนผู้ถือหุ้นสูญหาย ลบเลือน หรือชำรุด ให้แจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 14 วนั นับแต่
วันที่ทราบหรือควรทราบถึงการสูญหาย ลบเลือน หรือชำรุดนน้ั และจัดทำหรือซ่อมแซมทะเบียนผู้ถือหนุ้ ให้เสร็จ
ภายใน 1 เดอื นนบั แต่วันทแ่ี จง้
รายละเอียดในทะเบียนผถู้ อื ห้นุ ต้องมชี ื่อ สัญชาติ ท่อี ยู่ของผู้ถือห้นุ ชนิดของห้นุ เลขท่ีใบหุน้
มลู ค่าหุ้น จำนวนหุ้น วนั ทลี่ งทะเบยี นเปน็ หรือขาดจากการเป็นผู้ถอื หุ้น
25
7. จัดทำทะเบียนกรรมการ รายงานการประชุมคณะกรรมการ และรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น
และเกบ็ รกั ษาไว้ ณ สำนักงานใหญข่ องบรษิ ทั หรอื เกบ็ ไว้ท่บี คุ คลอ่นื ที่ไดแ้ จง้ ไวใ้ หน้ ายทะเบยี นทราบแล้ว
รายละเอียดในทะเบียนกรรมการต้องมีชื่อ วันเดือนปีเกิด สัญชาติ และที่อยู่ของกรรมการ
ชนดิ ของหุ้น เลขท่ใี บหนุ้ มลู คา่ หุ้น จำนวนห้นุ ที่กรรมการแตล่ ะคนถอื วันท่ีเป็นหรอื ขาดจากการเป็นกรรมการ
สำหรับรายงานการประชุมคณะกรรมการ และรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ต้องจัดทำให้เสร็จ
ภายใน 14 วนั นับแตว่ นั ประชมุ
8. จัดทำงบการเงิน และให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบและแสดงความเห็นในงบการเงิน แล้วนำงบ
การเงนิ ทไี่ ดร้ บั การตรวจสอบเสนอในที่ประชมุ ผถู้ ือหุน้ เพื่อพิจารณาอนมุ ัติภายในสเี่ ดอื นนบั แตว่ ันทีป่ ดิ บัญชี
26
9. ต้องส่งรายงานประจำปีของคณะกรรมการ งบการเงินที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบ และแสดง
ความเห็นแลว้ ให้ผู้ถือหนุ้ พร้อมหนงั สอื นัดประชุมสามญั ประจำปี
10. ต้องโฆษณาทางหนังสอื พิมพ์ เก่ยี วกับเอกสารดังต่อไปนี้
10.1 หนังสือนัดประชุมตั้งบริษัท ต้องโฆษณาคำบอกกล่าวนัดประชุมไม่น้อยกว่า 3 วัน
ก่อนวันประชุม กำหนดเวลาติดตอ่ กันไม่น้อยกวา่ 3 วนั
10.2 หนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น ต้องโฆษณาคำบอกกล่าวนัดประชุมไม่น้อยกว่า 3 วัน กอ่ น
วนั ประชมุ กำหนดเวลาติดตอ่ กันไมน่ อ้ ยกวา่ 3 วนั
10.3 การจ่ายเงินปันผล ต้องโฆษณาคำบอกกล่าวการจ่ายเงินปันผลในหนังสือพิมพ์ด้วย
กำหนดเวลาติดตอ่ กันไม่น้อยกวา่ 3 วนั
10.4 งบดุลที่ผู้ถือหุ้นอนุมตั ิ ตอ้ งโฆษณาให้ประชาชนทราบอย่างนอ้ ย 1 วัน
27
10.5 การเพิ่มทุนและลดทุนภายหลังได้รับจดทะเบียนแล้ว ต้องโฆษณาอย่างน้อยหน่ึงฉบับ
ภายใน 14 วนั นับแต่วันทีไ่ ดจ้ ดทะเบยี นเพม่ิ ทุนหรือลดทนุ กำหนดเวลาติดต่อกนั ไมน่ ้อยกว่า 3 วนั
จัดทำบญั ชี
บริษัทมหาชนจำกัด เป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี โดยจะให้กรรมการบริษัทเป็นผู้ดำเนินการแทน
ซง่ึ หนา้ ท่ีและความรบั ผดิ ชอบของผูม้ หี นา้ ที่จดั ทำบัญชตี ามพระราชบัญญตั ิการบญั ชี พ.ศ. 2543 มดี ังนี้
1. จัดทำบัญชีรายวัน บัญชีแยกประเภท บัญชีสินค้า และบัญชีประเภทอื่นตามความจำเป็นแก่
การทำบัญชี โดยเริ่มตงั้ แต่วนั ทีจ่ ดทะเบียนเป็นบรษิ ทั
2. จัดใหม้ ผี ู้ทำบญั ชที มี่ คี ณุ สมบตั คิ รบถว้ นตามกฎหมาย เพ่ือเป็นผ้รู บั ผดิ ชอบในการจัดทำบญั ชีของ
บรษิ ัท ซึ่งอาจเปน็ พนักงานของบรษิ ัท ผู้รบั จ้างทำบัญชอี สิ ระ หรือสำนักงานรับจ้างทำบญั ชกี ไ็ ด้ ซ่งึ เป็นผูท้ ่ีจบไม่ต่ำ
กว่าปริญญาตรีทางการบัญชีหรือเทียบเท่าเป็นผู้ทำบญั ชีให้ ซ่ึงบริษัทจะต้องควบคุมดแู ลผู้ทำบัญชีให้จัดทำบญั ชี
ใหต้ รงต่อความเป็นจรงิ และเป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงนิ
28
3. ต้องสง่ มอบเอกสารทตี่ ้องใช้ประกอบการลงบัญชี ได้แก่ บนั ทึก หนงั สือ หรือเอกสารใดๆ ทใี่ ช้
เป็นหลักฐานในการลงรายการในบัญชี ให้แก่ผู้ทำบัญชีให้ครบถ้วนถูกต้อง เพื่อให้บัญชีที่จัดทำขึ้นสามารถ
แสดงผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงและตาม
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน
4. ต้องปดิ บัญชคี รง้ั แรกภายใน 12 เดือน นับแต่วันเรมิ่ ทำบัญชแี ละใหป้ ดิ บญั ชีทกุ รอบ 12 เดอื น นับ
แต่วันปิดบัญชีครั้งก่อน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากสารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีให้เปลี่ยนรอบปีบัญชีแล้ว
อาจปิดบัญชกี อ่ นครบรอบ 12 เดือนได้
5. จัดทำงบการเงิน ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ งบแสดง
การเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น งบกระแสเงินสด หมายเหตุประกอบงบการเงิน และงบการเงิน
เปรียบเทียบกับปีก่อน
โดยงบการเงนิ ต้องได้รบั การตรวจสอบและแสดงความเห็นจากผสู้ อบบัญชรี ับอนญุ าต
29
6. จัดส่งงบการเงินที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing)
ไปยงั กรมพฒั นาธุรกิจการค้าภายในหนึง่ เดือนนับแตว่ ันท่ีงบการเงินได้รับอนุมตั ิจากท่ปี ระชมุ ใหญ่
7. เก็บรักษาบญั ชีและเอกสารท่ีต้องใช้ประกอบการลงบัญชีไว้ ณ สถานท่ีทำการ หรือสถานท่ีทใี่ ช้
ผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจำ หรือสถานท่ีท่ีใช้เป็นที่ทำงานประจำ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันปิดบัญชี
เวน้ แตจ่ ะได้รบั อนุญาตจากสารวตั รใหญบ่ ญั ชหี รือสารวัตรบัญชีใหเ้ กบ็ ไว้ ณ สถานที่อ่ืนได้ แตถ่ า้ บัญชีหรือเอกสาร
ประกอบการลงบญั ชสี ูญหายหรือเสียหาย บริษัทตอ้ งแจง้ สารวตั รใหญบ่ ญั ชี หรอื สารวัตรบญั ชภี ายใน 15 วัน นับแต่
วันทที่ ราบหรอื ควรทราบ โดยทงั้ หมดน้ี ให้ย่นื เรอ่ื งผ่านระบบงานการอนุญาต (DBD e-Permit)
เม่ือได้จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนจำกัดตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 แล้ว
หากมีการเปล่ียนแปลงรายการทางทะเบียน กรรมการผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัทอย่างน้อย 1 คน เป็นผู้มายื่น
ขอจดทะเบยี น
การเปลยี่ นแปลงบางรายการกฎหมายกำหนดระยะเวลาในการยื่นจดทะเบยี นไว้ ดงั ต่อไปน้ี
1. การแก้ไขเพ่ิมเติมหนังสือบรคิ ณห์สนธิของบริษัท ไดแ้ ก่ ช่ือบริษัท วัตถุประสงค์ เพิม่ ทุน-ลดทุนจด
ทะเบียน จังหวัดท่ีต้ังสำนักงานใหญ่ และข้อบังคับของบริษัท ต้องไปย่ืนจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแตว่ ันที่ที่
ประชุมผถู้ ือหนุ้ ลงมติ
30
2. การเปลยี่ นแปลงทนุ ชำระแลว้ ต้องไปย่ืนจดทะเบยี นเปล่ียนแปลงทนุ ชำระแลว้ ภายใน 14 วัน
นับแตว่ นั ทไ่ี ดร้ บั ชำระคา่ หนุ้ ครบตามจำนวนท่เี สนอขาย
3. การเปลี่ยนแปลงกรรมการเข้า/ออก การเปล่ียนแปลงจำนวนและชื่อกรรมการ ซ่ึงมีอำนาจลง
ลายมือชื่อผูกพันบริษัทและข้อจำกัดอำนาจของกรรมการ ต้องไปยื่นจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่มี
การเปล่ยี นแปลง
4. การเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานใหญ่ และ/หรือ สำนักงานสาขาของบริษัทมหาชนจำกัด
กรรมการ ตอ้ งไปย่ืนจดทะเบียนภายใน 14 วนั นบั แตว่ ันทมี่ ีการเปลีย่ นแปลง
5. การจัดตั้งสำนกั งานสาขาของบรษิ ทั ใหจ้ ดทะเบยี นสำนักงานสาขากอ่ นดำเนนิ การ
31
6. การยกเลิกสำนักงานสาขาของบริษัท ให้จดทะเบียนยกเลิกสำนักงานสาขาภายใน 14 วัน นับแต่
วนั ท่ีเลกิ สำนกั งานสาขาน้ัน
7. การควบบริษัท ตอ้ งไปขอจดทะเบยี นภายใน 14 วนั นับแต่วันท่เี สรจ็ สิ้นการประชมุ ควบบรษิ ัท
8. การแปรสภาพบรษิ ทั เอกชนเปน็ บรษิ ทั มหาชนจำกดั ตอ้ งไปขอจดทะเบียนภายใน 14 วนั นบั แต่
วันทเี่ สร็จสน้ิ การประชุมแปรสภาพ
32
เมื่อบริษัทมหาชนจำกัดมีความประสงค์จะเลิกบริษัท ให้จัดประชุมผู้ถือหุ้นลงมตดิ ้วยคะแนนเสียง
ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงให้เลิกบริษัท
และตั้งผู้ชำระบัญชี จากนนั้ ผชู้ ำระบัญชมี ีหนา้ ท่ดี ำเนนิ การ ดังน้ี
1. ให้ผู้ชำระบัญชีย่ืนขอจดทะเบียนเป็นผู้ชำระบัญชีและขอจดทะเบียนเลิกบริษัท ภายใน 7 วัน
นบั แต่วันท่มี ีมตติ งั้ ผ้ชู ำระบัญชี
2. ในระหวา่ งชำระบญั ชี ถา้ มีการเปลีย่ นตัวผชู้ ำระบญั ชี ต้องย่นื จดทะเบยี นเปลี่ยนตวั ผู้ชำระบญั ชี
ภายใน 7 วนั นับแตว่ นั ทีผ่ ู้ชำระบัญชีคนใหมไ่ ดร้ ับแต่งต้งั
3. ให้ผู้ชำระบัญชี จัดทำรายงานการชำระบัญชีพร้อมกับบัญชีรับจ่ายเสนอต่อนายทะเบียนทุก
ระยะ 3 เดือน นับแต่วันท่ีได้รับแต่งต้ังจนกว่าการชำระบัญชีจะเสร็จส้ิน และหากการชำระบัญชีไม่อาจทำให้
เสร็จได้ภายใน 1 ปี นับแต่วันจดทะเบียนเลิกบริษัท ให้ผู้ชำระบัญชีเรียกประชุมผู้ถือหุ้นทุกรอบปี ภายใน 4
เดือน นับแต่วันครบรอบปี เพ่ือรายงานผลการชำระบัญชีที่ได้กระทำและจะกระทำต่อไป พร้อมด้วยงบดุล และ
บัญชกี ำไรขาดทนุ ให้ผถู้ อื หนุ้ ทราบ
33
4. เม่ือชำระบัญชีเสร็จแล้ว ผู้ชำระบัญชีต้องจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี ภายใน 14 วัน นับ
แตว่ ันประชมุ อนมุ ตั ิรายงานการชำระบญั ชี
5. ให้ผู้ชำระบัญชีจัดทำรายงานผลการชำระบัญชีพร้อมบัญชีรับจ่ายให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ
ภายใน 4 เดอื น นับแตว่ ันเสรจ็ การชำระบัญชี
34
กฎหมายหลักประกนั ทางธุรกจิ
ทางเลือกใหม่ SMEs เข้าถงึ แหลง่ ทุน
กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ (พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558) เป็นกฎหมาย
ที่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการของการนำทรัพย์สินไปเป็นหลักประกันให้แก่สถาบันการเงินหรือบุคคลอื่น
ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซ่ึงแตกต่างไปจากกฎหมายค้ำประกัน จำนำ และจำนอง ตามประมวลกฎหมาย
แพง่ และพาณชิ ยท์ ีม่ ีอย่เู ดมิ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ปัจจุบันกำหนดให้มีการประกัน 3 ประเภท ได้แก่ ค้ำประกัน
(ประกันด้วยบุคคล) จำนอง (ประกันด้วยอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์พิเศษ) จำนำ (ประกันด้วย
สังหาริมทรัพย์) แต่มีข้อจำกัด คือ ทรัพย์สินที่จำนองได้ จำกัดเฉพาะอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์พิเศษ
บางประเภทเท่านั้น เช่น ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เรือกำป่ัน หรือเรือที่มีระวางต้ังแต่ 6 ตันขึ้นไป เรือกลไฟ หรือเรือ
ยนต์ที่มีระวางตั้งแต่ 5 ตันขึ้นไป แพ สัตว์พาหนะ และสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งกฎหมายได้บัญญัติ
ให้จดทะเบียนจำนองได้ เช่น เครื่องจักรขนาดใหญ่ เป็นต้น ส่วนทรัพย์สินท่ีจำนำได้ คือ สังหาริมทรัพย์ เช่น
รถยนต์ เครอื่ งใช้ไฟฟ้า เครือ่ งประดบั ฯลฯ แต่ต้องมีการส่งมอบทรัพย์สินที่จำนำให้แก่เจ้าหนี้ผู้รับจำนำยึดถือไว้
แต่สัญญาหลักประกันทางธุรกิจสามารถนำทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันได้ โดยไม่
ต้องส่งมอบทรัพย์สิน เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถใช้ทรัพย์สินดังกล่าว ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจ
และชว่ ยลดข้อจำกัดดา้ นค้ำประกัน จำนำ และจำนอง ซ่งึ อาจไม่รองรับธุรกรรมทางธรุ กิจท่ีเปล่ียนแปลงไปในโลก
ปัจจุบนั
35
แหล่งเงินทุนถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการประกอบธุรกิจ การที่กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ
เปิดโอกาสให้นำทรัพย์สินท่ีมีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่แต่เดิมนำมาเป็นหลักประกันไม่ได้หรือไม่เป็นท่ียอมรับ
ของสถาบันการเงนิ เช่น กิจการ สิทธเิ รียกร้อง สินค้าคงคลัง วตั ถุดบิ ที่ใช้ในการผลิตสินค้า อุปกรณ์ในการประกอบ
อาชีพ ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น สามารถนำไปเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้
ย่อมทำให้สถาบันการเงินเกิดความม่ันใจท่ีจะใหส้ ินเชื่อมากขึ้น ภาระต้นทุนทางการเงินของสถาบันการเงนิ น้อยลง
และการที่สินเชื่อมีหลักประกันอยูด่ ้วยย่อมทำให้อัตราดอกเบยี้ ที่สถาบนั การเงนิ เหล่านี้จะคิดจากผู้ประกอบธุรกิจ
ต่ำกวา่ การให้สินเชอื่ โดยไม่มีหลักประกัน โอกาสทผ่ี ้ปู ระกอบธรุ กิจจะเข้าถงึ แหล่งเงนิ ทุนยอ่ มมีมากขน้ึ
ผู้ให้หลักประกัน คือ ผู้ประกอบธุรกิจทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ที่มุ่งหมาย
จะใชท้ รัพย์สินทใ่ี ช้ในการประกอบธุรกิจเป็นหลักประกนั การกูย้ มื เงนิ เพื่อใช้การประกอบธุรกิจ
ผู้รับหลักประกัน คือ สถาบันการเงินหรือบุคคลอ่ืนตามท่ีกำหนดในกฎกระทรวง โดย สถาบันการเงิน
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงนิ ทุนหลักทรัพย์ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ บริษัทประกันชวี ิต บรษิ ัทประกันวนิ าศภยั
และธนาคารหรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตร
และสหกรณ์ (ธกส.) ธนาคารอิสลาม เป็นต้น และกฎกระทรวงได้ประกาศผู้รับหลักประกันอื่นเพิ่มเติม ได้แก่
นิติบุคคลเฉพาะกิจซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ทรัสตีในนามทรัสต์ตาม
กฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพ่ือธุรกรรมในตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนรวม หรือผู้แทนผู้ถือหุ้นตามกฎหมาย
ว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ นิติบุคคลซ่ึงประกอบธุรกิจสัญญาซ้ือขายล่วงหน้าตามกฎหมายว่าด้วย
สัญญาซ้ือขายล่วงหน้า บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ นิติบุคคลซึ่งมี
วัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริง สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเฉพาะกรณีกองทุนพัฒนา
เอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศเฉพาะกรณีการให้สินเช่ือร่วมกับสถาบันการเงิน
นิติบุคคลซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลิสซ่ิง และนิติบุคคลซ่ึงมีวัตถุประสงค์
ในการประกอบธุรกิจให้สินเช่ือ ซ่ึงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบธุรกิจท่ีจะมีผู้รับหลักประกันเพ่ิมขึ้น
และมีโอกาสปลอ่ ยสนิ เชื่อไดง้ า่ ยขึ้น
36
ทรัพย์สินท่สี ามารถนำมาเปน็ หลักประกนั ได้ คอื
(1) กจิ การ หมายถึง ทรพั ยส์ ินทผี่ ู้ให้หลกั ประกนั ใชใ้ นการประกอบธุรกจิ และสิทธิต่าง ๆ ที่เกย่ี วข้องกับ
การประกอบธุรกิจนั้นที่ผู้ให้หลักประกันนำมาใช้เป็นประกันการชำระหนี้ ซึ่งผู้ให้หลักประกันอาจโอนบรรดา
ทรัพย์สนิ และสิทธติ า่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วข้องน้ันให้แก่บุคคลอื่นในลกั ษณะท่ีผ้รู ับโอนสามารถประกอบธุรกิจดังกล่าวต่อไป
ไดท้ ันที เช่น กจิ การรบั เหมาก่อสรา้ ง กจิ การรา้ นอาหาร รา้ นคา้ ต่าง ๆ เปน็ ตน้
(2) สิทธิเรียกร้อง หมายถึง สิทธิที่จะได้รับชำระหนี้และสิทธิอื่นๆ แต่ไม่หมายความรวมถึงสิทธิที่มี
ตราสาร เชน่ บญั ชีเงนิ ฝากธนาคาร ลูกหนก้ี ารค้า สทิ ธใิ นสัญญาเช่าต่าง ๆ เป็นต้น
(3) สังหาริมทรัพย์ที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร สินค้าคงคลัง หรือ
วตั ถุดบิ ทีใ่ ชใ้ นการผลิตสินค้า เปน็ ตน้
(4) อสังหาริมทรัพย์ในกรณีที่ผู้ให้หลักประกันประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง เช่น ที่ดิน
จดั สรร บา้ นจดั สรร คอนโดมิเนียม เปน็ ต้น
(5) ทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ลิขสทิ ธ์ิ สิทธิบตั ร เครื่องหมายการคา้ เปน็ ต้น
(6) ทรัพย์สินอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ได้แก่ ไม้ยืนตน้
การจดทะเบียนสัญญาหลักประกันตอ้ งดำเนนิ การ ดังนี้
(1) ผใู้ ห้หลักประกนั ตกลงทำสัญญาหลักประกันทางธุรกจิ กับผู้รับหลักประกนั
(2) ผู้รับหลักประกันโดยได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้หลักประกันเป็นผู้ดำเนินการ
ขอจดทะเบียนทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ต่อเจา้ พนกั งานทะเบยี น กรมพัฒนาธุรกจิ การคา้
(3) ผู้รบั หลักประกันชำระคา่ ธรรมเนียม
(4) เจ้าพนกั งานทะเบียนรบั จดทะเบยี น
37
การจดทะเบียนอยา่ งน้อยตอ้ งมรี ายการ ดงั ตอ่ ไปนี้
(1) วันเดอื นปี และเวลาที่จดทะเบียน
(2) ชอ่ื และท่ีอยู่ของลูกหนี้และผู้ใหห้ ลักประกนั
(3) ชอ่ื และทอี่ ยขู่ องผ้รู บั หลักประกัน
(4) ช่ือและที่อยู่ของผู้รับใบอนุญาตซ่ึงยินยอมเป็นผู้บังคับหลักประกัน และอัตราหรือจำนวน
ค่าตอบแทนของผู้บังคับหลักประกนั ในกรณที ่ีนำกิจการมาเปน็ หลกั ประกนั
(5) หน้ที ่กี ำหนดให้มีการประกนั การชำระ
(6) รายละเอียดของทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน หากเป็นทรัพย์สินมีทะเบียนให้ระบุประเภท
ของทะเบียน หมายเลขทะเบียน และนายทะเบียนไว้ด้วย หากเป็นสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการ
ประกอบธุรกิจ ใหร้ ะบปุ ระเภท ปริมาณ และมูลค่าของทรัพยส์ ินดังกล่าวไว้ดว้ ย
(7) ข้อความทีแ่ สดงว่าผใู้ ห้หลักประกันตราทรัพยส์ ินทรี่ ะบใุ นรายการจดทะเบียนไว้แก่ผูร้ ับหลักประกนั
เพอ่ื เปน็ ประกันการชำระหนี้
(8) จำนวนเงินสูงสุดทีต่ กลงใช้ทรัพยส์ นิ เป็นประกนั
(9) เหตุบงั คับหลกั ประกนั ตามสัญญาหลกั ประกันทางธรุ กิจ
(10) รายการอืน่ ตามที่เจ้าพนกั งานทะเบียนกำหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา
• ผู้รับหลักประกัน ถือเป็นเจ้าหนี้มีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินท่ีนำมาเป็นหลักประกัน ซึ่งมีสิทธิไดร้ ับ
ชำระหนี้จากทรัพย์สินท่ีเป็นหลักประกันก่อนเจ้าหนี้สามัญ แม้ว่าทรัพย์สินท่ีเป็นหลักประกันจะ
โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้ว ยกเว้น บุคคลภายนอกได้ทรัพย์สินท่ีเป็นหลักประกันไปตาม
ทางการค้าปกติ หรือโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน หรือได้ไปโดยความยินยอมของผู้รับ
หลกั ประกัน
• ผใู้ หห้ ลกั ประกนั หรอื ลกู หน้ี มีสทิ ธิได้รับเงินกู้
38
การจดทะเบียนสิทธินิติกรรมทั่วไป นายทะเบียนมีหน้าที่ต้องตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์
ของรายการจดทะเบยี นตามที่กฎหมายกำหนด (registration) แต่ในการจดทะเบยี นสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ
เป็นการดำเนินการในลักษณะของการ “จดแจ้ง” (Filing) ท่ีผู้มีหน้าท่ีดำเนินการทางทะเบียนจะเปน็ ผู้รับผิดชอบ
ในความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูลท่ีจดทะเบียนนั้นเอง เน่ืองจากโดยสภาพของทรัพย์สินท่ีเป็นหลักประกัน
มีหลายประเภท ทรัพย์สินส่วนใหญ่ไม่มีการจดทะเบียนกรรมสิทธ์ิไวโ้ ดยเฉพาะ อีกท้ังเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในความ
ครอบครองของผู้ให้หลักประกัน ดังนั้น เจ้าพนักงานทะเบียนย่อมไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบความถูกต้องและ
ครบถ้วนก่อนท่ีจะพิจารณารับจดทะเบียนได้ กฎหมายจึงกำหนดให้ผู้มีหน้าที่ดำเนินการทางทะเบียนเป็น
ผูร้ ับผิดชอบในความถูกต้องและครบถว้ นของขอ้ มูลน้ันเอง ทั้งน้ีมีขอ้ พึงระวังวา่ การจดทะเบียนโดยมีเจตนาแสดง
ขอ้ ความอันเปน็ เทจ็ อาจมีผลทำให้บคุ คลนน้ั มีความรบั ผดิ ทางอาญาได้
สญั ญาหลักประกันทางธุรกจิ จะสนิ้ สุด ด้วยเหตดุ งั ต่อไปนี้
(1) เม่ือหน้ีท่ปี ระกันระงบั ส้นิ ไป
(2) ผู้รบั หลักประกนั และผู้ให้หลักประกนั ตกลงกนั เป็นหนังสือใหย้ กเลิกสัญญา
(3) เมื่อมกี ารไถ่ถอนทรัพยส์ ินทีเ่ ป็นหลกั ประกัน
(4) เม่ือมีการบังคับหลักประกันโดยการจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อนำเงินมาชำระหนี้
หรือโดยการบงั คบั ทรพั ย์สนิ ท่เี ป็นหลกั ประกนั หลดุ เป็นสทิ ธแิ ก่ผู้รบั หลกั ประกนั
ผู้ประกอบธรุ กิจจะต้องมีวินัยในการบริหารธุรกิจ และชำระหนี้ตามกำหนด เพราะเมื่อมีการผิดสัญญา
ไมช่ ำระหนภ้ี ายในกำหนด หรือมเี หตุบังคับหลกั ประกันอ่นื ตามท่ีคสู่ ัญญาตกลงกันไวเ้ กิดขน้ึ ลกู หน้ีอาจเลือกเจรจา
ขอผ่อนปรนกับเจ้าหน้ี แต่หากการเจรจาไม่เป็นผล เจ้าหน้ีอาจตัดสินใจบังคับหลักประกันก็ได้ ถ้าผู้ให้หลักประกัน
ยินยอมส่งมอบทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเจ้าหนี้สามารถขายหรือเอาทรัพย์สินหลุดเป็นสิทธิได้ตามหลักเกณฑ์
ท่กี ฎหมายกำหนดไว้ ซ่ึงเป็นการบังคับหลักประกันระหว่างเอกชนดว้ ยกันเอง โดยไม่ตอ้ งนำคดขี ้ึนสู่ศาล เป็นการสร้าง
กระบวนการบังคับหลักประกันที่สะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรมกับคู่สัญญา แต่ถ้าผู้ให้หลักประกันไม่ยินยอม
ส่งมอบทรัพยส์ ินท่เี ป็นหลักประกันเจ้าหนตี้ ้องบังคบั หลักประกนั โดยการฟ้องคดตี ่อศาล
39
วิธีการบังคบั หลกั ประกนั แบ่ง เป็น 3 กรณี
กรณีท่ี 1 การบงั คับหลักประกันท่เี ปน็ ทรพั ยส์ ิน ผรู้ บั หลกั ประกันอาจบงั คับหลักประกนั ได้ 2 วธิ ี คือ
1.1 โดยให้ทรพั ยส์ นิ ทเ่ี ป็นหลกั ประกันหลดุ เปน็ สิทธิ หรอื
1.2 โดยจำหน่ายทรพั ยส์ ินที่เปน็ หลักประกนั เพื่อนำเงินมาชำระหนี้
กรณีที่ 2 การบังคับหลักประกันในกรณีท่ีทรัพย์สินท่ีเป็นหลักประกันเป็นสิทธิในเงินฝากในสถาบัน
การเงนิ ผรู้ ับหลักประกันอาจนำเงินฝากดังกล่าวหักชำระหน้ีไดท้ นั ทีเมอ่ื มีเหตบุ ังคบั หลกั ประกันตามสญั ญา
กรณีท่ี 3 การบังคับหลักประกันท่ีเป็นกิจการให้ดำเนินการโดยจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน
เพ่ือนำเงินมาชำระหนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยผู้บังคับหลักประกันเป็นผู้ทำการ
ไต่สวนขอ้ เท็จจริง กำหนดวิธกี ารที่เหมาะสมในการจำหน่ายกิจการ และจัดสรรเงนิ ชำระหน้แี กเ่ จา้ หนี้
ผู้บังคับหลักประกัน คือ บุคคลที่ได้รับการแต่งต้ังจากผู้ให้หลักประกันและผู้รับหลักประกัน ในกรณี
ทน่ี ำ “กจิ การ” มาเป็นหลกั ประกนั โดยผู้บังคับหลักประกันจะต้องไดร้ ับอนญุ าตจากกรมพัฒนาธุรกิจการคา้
หน้าทขี่ องผู้บังคบั หลกั ประกัน เชน่
(1) ไต่สวนขอ้ เท็จจริงเก่ยี วกับเหตบุ งั คบั หลักประกนั
(2) ตรวจสอบและประเมนิ ราคากิจการท่เี ปน็ หลกั ประกัน
(3) กำหนดวิธกี ารทเี่ หมาะสมในการจำหน่ายกจิ การท่ีเปน็ หลกั ประกนั
(4) บำรุงรักษา จัดการและดำเนินกจิ การท่เี ป็นหลักประกนั จนกว่าจะจำหน่ายกจิ การทเ่ี ปน็ หลักประกันได้
(5) ดำเนนิ การจำหนา่ ยกจิ การทเ่ี ป็นหลักประกนั และจัดสรรเงินชำระหนีแ้ กเ่ จ้าหน้ี
ผู้บังคบั หลักประกันตอ้ งมีความเปน็ กลางเป็นอสิ ระ และปฏิบตั ิหนา้ ท่อี ย่างรวดเร็ว เปน็ ธรรม เป็นไปตาม
ขอ้ เทจ็ จรงิ ข้อกฎหมาย มฉิ ะนั้น อาจถกู คัดคา้ นตอ่ ศาลได้ หรอื อาจตอ้ งรับผดิ ทางอาญา หากกระทำโดยทุจรติ
40
บทกำหนดโทษ แบ่งออกไดเ้ ปน็ 2 เร่ือง
(1) บทบัญญัติที่ลงโทษผู้กระทำความผิดท่ีเกี่ยวข้องกับสัญญาหลักประกันซึ่งมีหน้าที่กระทำการ
แต่ไมก่ ระทำการ หรอื มหี นา้ ท่ีต้องปฏิบัตแิ ต่ไมป่ ฏบิ ตั ิตามที่กฎหมายกำหนด ซ่ึงมีโทษปรบั สถานเดยี ว
(2) บทบัญญัติที่ลงโทษผู้กระทำความผิดท่ีเกี่ยวข้องกับสัญญาหลักประกันโดยมีเจตนาทุจริต ซึ่งมีโทษ
จำคุก ปรับ หรอื ทั้งจำท้ังปรับ
บทสรุป กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจจะสามารถสร้างความเสมอภาคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
ใหก้ ับผปู้ ระกอบการรายย่อย ชว่ ยขยายโอกาสแก่ผูป้ ระกอบการในการเขา้ ถึงแหล่งเงินทนุ เพิม่ ขีดความสามารถ
ในการแขง่ ขันไดข้ องประเทศ ชว่ ยทำใหป้ ระเทศไทยมคี วามพรอ้ มมากขนึ้ ในการเขา้ สปู่ ระชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
รวมท้ังมผี ลต่อการจดั อันดับความงา่ ยตอ่ การประกอบธรุ กิจของประเทศ (Ease of Doing Business) ของธนาคารโลก
(World Bank)
41
มาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ
มาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ หมายถึง ข้อควรประพฤติปฏบิ ัตขิ ององค์กรธรุ กิจ ซ่ึงมีการบริหารจัดการ
หรอื ดำเนนิ ธรุ กจิ โดยบุคคล หรือคณะบุคคล หรือองคก์ ร ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการนน้ั ๆ
องค์กรธุรกิจจะต้องมีการกำหนดข้อบังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้มีการปฏิบัติอย่างถูกต้อง
ครบถ้วน โดยคำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพ ความยุติธรรม ต่อผู้ถือหุ้น หุ้นส่วน พนักงาน ผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงคู่ค้า
และประชาชน เชน่
1. ผู้บริหารองค์กรธุรกิจจะต้องมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ และข้อบังคับที่
เกี่ยวขอ้ งในการดำเนนิ ธุรกิจ คือ
• มีที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ตรงตามที่จดทะเบียนไว้เพื่อการติดต่อ และเอกสารต่างๆ สามารถ
สง่ ถึงได้ ณ ทน่ี ัน้
• จดั ทำใบหุน้ เพอ่ื มอบใหแ้ ก่ผู้ถอื หุ้น และจดั ทำสมุดทะเบยี นผู้ถือหนุ้ โดยมรี ายการตามที่กฎหมาย
กำหนด
• บัญชีรายช่ือผู้ถือหุ้น ให้ส่งสำเนาไปยังนายทะเบียนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า อย่างน้อยปีละครั้ง
และมใิ ห้ชา้ กว่าวันที่สิบสนี่ ับแตก่ ารประชุมสามัญ
42
• มีการจดบันทึกรายงานการประชมุ และมติของทีป่ ระชุมทุกครั้ง และเก็บรักษาไว้ ณ สำนักงาน
แหง่ ใหญ่เพ่อื ให้ผ้ถู อื หนุ้ ทุกคนขอตรวจดไู ด้
• มีการให้ความสำคัญถึงสิทธิของผู้ถือหุ้นทุกราย ทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่และผู้ถือหุ้นรายย่อย
ที่จะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันและเป็นธรรม ผู้ถือหุ้นทุกคนย่อมมีสิทธิเข้าร่วม
ประชมุ ผู้ถือหุ้นไดต้ ลอดระยะเวลาการประชมุ สิทธิในการท่ีจะนำเรื่องเสนอและออกเสียงลงมติ
ในวาระการประชุม สิทธิที่จะให้มีการแสดงความเห็นและซักถามในท่ีประชุม สิทธิที่จะมอบ
ฉนั ทะใหผ้ ู้อืน่ เขา้ รว่ มประชุมและออกเสียงแทนตนได้ สทิ ธใิ นการไดร้ ับส่วนแบง่ กำไรของกิจการ
• การบอกกล่าวเรียกประชุมผู้ถือหุ้นต้องระบุวัน เวลา และสถานที่ประชุมให้ชัดเจน
พร้อมรายละเอียดระเบียบวาระการประชุม ข้อมูลสำคัญท่ีจำเป็นต่อการพิจารณา ความเห็น
ของคณะกรรมการ รายงานการประชมุ คร้งั ที่ผ่านมา
• หนังสือมอบฉันทะต้องระบุวิธีการมอบฉันทะไว้อย่างชัดเจน ทั้งน้ี ควรจัดส่งพร้อมเอกสาร
ประกอบการประชุมให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้าตามกฎหมาย เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับข้อมูลข่าวสาร
ประกอบการตัดสนิ ใจในการลงมตอิ ย่างเพยี งพอ
2. ผู้บริหารองค์กรธุรกิจต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชีอย่างเคร่งครัด โดยมีการจัดทำบัญชี
และเอกสารประกอบการลงบัญชีที่ถูกต้องครบถ้วน และเก็บรักษาบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ ณ
สถานท่ีทำการ เว้นแต่ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีจะได้รับอนุญาตจากสารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีอนุญาตให้
เก็บไว้ ณ สถานที่อ่ืนได้ และต้องมีการจัดทำงบการเงินเพื่อแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่ถูกต้อง
ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงนิ และยืน่ ต่อหน่วยงานราชการภายในเวลาทก่ี ฎหมายกำหนด
3. ผู้บริหารองค์กรธุรกิจต้องปฏิบัติตามประมวลรัษฎากร โดยมีการยื่นชำระภาษีครบถ้วนตาม
กฎหมาย
4. ผู้บริหารองค์กรธุรกิจต้องไม่ให้ความช่วยเหลือ หรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่
เป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 โดยคน
ตา่ งดา้ วนั้นมไิ ดร้ ับอนญุ าตให้ประกอบธรุ กิจดังกล่าว
5. ผู้บริหารองค์กรธุรกิจต้องไม่ร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของ
ตนแต่ผู้เดียว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใดๆ เพ่ือให้คนต่างด้าว
ประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจ ของคนต่างด้าว
พ.ศ. 2542
43
ผู้บริหารองค์กรธุรกิจจะต้องยึดมั่นในความถูกต้องดีงาม สำนึกในหน้าท่ีของตนเอง มีความซื่อสัตย์
สุจริต โดยมีการส่งเสริมให้ผู้ถือหุ้น หุ้นส่วน พนักงาน พัฒนาตนเองไปพร้อมกัน เพ่ือให้บุคคลเหล่านั้นมีความ
ซ่ือสัตย์ จรงิ ใจ ขยนั อดทน และมีระเบยี บวนิ ัย เชน่
1. มีการจัดทำคู่มือจริยธรรมธุรกิจ โดยมีการกำหนดนโยบายธุรกิจ หรือจรรยาบรรณองค์กร ในการ
ดำเนินธุรกิจเป็นหลักปฏิบัติ เช่น กำหนดให้มีจรรยาบรรณขององค์กร จรรยาบรรณกรรมการ/หุ้นส่วน
และจรรยาบรรณพนกั งานให้ถือปฏิบตั ิ
2. มีการยกย่อง ชมเชย ใหร้ างวลั พนักงานท่ีปฏิบตั งิ านดี โดยมีมาตรการในการจูงใจและสนบั สนนุ การ
เลอื่ นตำแหน่ง หรอื การให้ผลตอบแทนกับพนกั งานท่ีปฏิบัติงานดี
3. มีการพัฒนาความรู้และศักยภาพของพนักงานในองค์กรธุรกิจ โดยมีการฝึกอบรมเพื่อเพ่ิมทักษะ
ความรู้ความสามารถในการปฏิบัตงิ านอยา่ งสม่ำเสมอและต่อเนอื่ ง
ผู้บริหารองค์กรธุรกิจจะต้องมีความโปร่งใสในการประกอบธุรกิจ มีการเปิดเผยข้อมูลอย่าง
ตรงไปตรงมา โดยมกี ระบวนการตรวจสอบความถกู ตอ้ งอย่างชดั เจน เชน่
1. มีการกำหนดข้ันตอนการปฏิบัติงานของพนักงานไว้อย่างชัดเจน โดยจัดทำเป็นคู่มือปฏิบัติงาน
เพ่อื ให้ยึดถอื เป็นแนวทางในการปฏบิ ัตงิ าน
2. มีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานตามหน้าที่และความรับผิดชอบที่ได้รับ
มอบหมาย รวมท้งั กำหนดบทลงโทษกรณีฝ่าฝนื หรือละเลย
3. การทบทวน ปรับปรงุ การปฏิบัติงานภายในองค์กรธรุ กิจ ควรทำสม่ำเสมอ
4. จัดให้มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของธุรกิจผ่านช่องทางที่หลากหลาย เพื่อเผยแพร่ให้ผู้เก่ียวข้อง
ทราบอยา่ งเสมอภาค ทันเวลา
44
ผบู้ ริหารองค์กรธุรกจิ จะตอ้ งมีการเปดิ โอกาสให้ผูถ้ ือหุ้น หุ้นส่วน พนักงาน และผู้มีส่วนไดเ้ สีย มีส่วนร่วม
ในทางการบริหารเกี่ยวกับการตัดสินใจต่างๆ ท่ีจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ผลประโยชน์ หรือวิถีชีวิตความเป็นอยู่
ของผูม้ ีสว่ นไดเ้ สียนั้นๆ เช่น
1. มีการกำหนดช่องทางการรับฟัง การแสดงความคิดเห็น แนะนำ หรือข้อร้องเรียน หลากหลาย
ช่องทาง อาทเิ ชน่ เว็บไซต์ หรือแบบสำรวจความพงึ พอใจ หรอื กลอ่ งรบั ความคิดเหน็
2. มกี ารกำหนดนโยบายหรือเชญิ ชวนให้เข้ามามสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมตา่ งๆ ขององคก์ รธรุ กิจ
ผู้บริหารองค์กรธุรกิจจะต้องตระหนักถึงสิทธิ หน้าที่ ความสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคม
ความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น หุ้นส่วน พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งมีความใส่ใจในปัญหาสาธารณะของ
บา้ นเมอื ง g
1. มีการกำหนดค่าตอบแทน ผลประโยชน์ หรือสิทธิประโยชน์อื่นให้กับพนักงานตามท่ีกฎหมาย
กำหนด โดยออกเปน็ ขอ้ กำหนดไว้อย่างชัดเจน
2. มีการกำหนดนโยบาย หรือข้อปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัยและสุขอนามัยในสถานท่ีทำงานและ
ดูแลรักษาสภาพแวดล้อม
3. มีการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม โดยมีนโยบายส่งเสริม สนับสนุน
ชว่ ยเหลือชุมชนและสังคม ไม่ว่าในด้านการศึกษา ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและกีฬา โดยให้พนักงานมีส่วนร่วม
ในกิจกรรมดงั กล่าว
4. มีการดำเนินธุรกิจโดยรักษาส่ิงแวดล้อม โดยกำหนดเป็นนโยบายถึงการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนหลีกเลี่ยงการกระทำที่จะก่อให้เกิดอันตรายหรือมลภาวะ
ต่อชมุ ชน สงั คม ทรพั ยากรธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม และระบบนิเวศน์
45
ผู้บริหารองค์กรธุรกิจจะต้องมีการบริหารจัดการและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์
สูงสุดแก่องค์กรธุรกิจ ผู้ถือหุ้น หุ้นส่วน พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสีย โดยมีนโยบายเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากร
อย่างมีประสิทธิภาพและใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด อาทิ การนำวัสดุที่ใช้แล้วมาใช้ให้เกิดประโยชน์
การประหยัดพลังงาน การควบคมุ ค่าใชจ้ า่ ยในการดำเนินงาน ตลอดจนรณรงคใ์ ห้พนกั งานในองค์กรธรุ กจิ ร่วมกัน
ใช้ทรพั ยากรอย่างมีประสิทธภิ าพและเกิดประโยชน์สงู สดุ โดยคำนงึ ถงึ ความคุ้มค่า