The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่องวรรณกรรมท้องถิ่นและเพลงพื้นบ้าน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tooktagolf, 2021-03-02 22:46:52

เรื่องวรรณกรรมท้องถิ่นและเพลงพื้นบ้าน

เรื่องวรรณกรรมท้องถิ่นและเพลงพื้นบ้าน

เรือ่ งวรรณกรรมทอ้ งถิน่ และเพลงพนื้ บ้าน

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 6 เรือ่ งวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ และเพลงพนื้ บา้ น
รหัสวิชา ท๒๓๑๐๒ วชิ าภาษาไทย ๖ ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓

โดย ครูวรรณา ปันส่วน
ตาแหน่งครู โรงเรียนสวนกหุ ลาบวทิ ยาลยั รังสิต

คนเหล่านกี้ าลังทาอะไรกันนะ

ความหมายของเพลงพนื้ บ้าน

• เพลงทีก่ ลมุ่ ชนใน ทอ้ งถ่ินตา่ งๆ ประดษิ ฐเ์ นอื้ หา ท่วงทานองและ
ลลี าการรอ้ ง การเลน่ เปน็ แบบแผนตามความ นยิ มและ
สภาพแวดลอ้ มของทอ้ งถิ่นนน้ั ๆ เพ่ือใช้ ร้องเลน่ ในโอกาสตา่ งๆ

• ได้แก่ งานเทศกาล หรือ ประเพณี เชน่ ตรษุ สงกรานต์
อปุ สมบท ทอดกฐนิ และลอยกระทง การทางาน หรือประกอบ
อาชพี เช่น การลงแขกเอาแรงกัน ปลูกบา้ น เก่ียวข้าว นวด
ข้าว เป็นตน้

ความหมายของเพลงพนื้ บา้ น

• เพลงพนื้ บ้าน จงึ เปน็ เพลงทชี่ าวบา้ นรอ้ งเลน่ เพ่อื ความ
สนุกสนานบันเทงิ ใจและเพอ่ื ผ่อนคลายความเหนด็ เหนอื่ ยจาก
การทางาน รวมทง้ั เพอื่ รวมกลมุ่ กนั ประกอบการงานและ
พิธีกรรม

ทีม่ าของเพลงพื้นบา้ น

เพลงพ้ืนบ้าน เป็นร้อยกรองที่นามาจัดจังหวะของคา และใส่
ทานองเพือ่ ขบั รอ้ งในท้องถนิ่ สืบทอดตอ่ กันมาด้วยวิธจี ดจา ท่ีมา
ของ เพลงพื้นบ้าน เกิดจากนิสัยชอบบทกลอน หรือท่ีเรียกว่า
“ความเป็นเจ้าบทเจา้ กลอน” ของคนไทย

ที่มาของเพลงพืน้ บ้าน

• เพลงพนื้ บา้ นของไทยเรานน้ั มมี าชา้ นานแลว้
• ถา่ ยทอดกนั โดยทางมขุ ปาฐะกันมาหลายชวั่ อายคุ น
• มแี บบสมั ผสั คลอ้ งจอง ทว่ งทานองไป ตามภาษาถนิ่ นน้ั ๆ
• มีจงั หวะดนตรที อ้ งถน่ิ (Folk music) เข้ามา จึงเกิดเปน็ ระบา

ชาวบ้าน (Folk dance)
• เพลงพน้ื บา้ นใชร้ อ้ งราในงานบนั เทงิ ต่างๆ มีงานลงแขกเกย่ี วขา้ ว

ตรษุ สงกรานต์ ฯลฯ

พัฒนาการของเพลงพนื้ บา้ น

การสืบหากาเนิดของเพลงพื้นบ้านของไทย ยังไม่สามารถหาท่ียุติได้
เพราะเพลงพน้ื บ้านเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันปากต่อปาก ไม่มีการ
บันทึกเป็นลายลักษณ์ แต่คาดว่าเพลงพื้นบ้านคงเกิดมาคู่กับ
สังคมไทยมาช้านานแลว้ เชน่ เพลงกล่อมเด็กก็คงเกิดข้ึนมา พร้อมๆ
กับการเลีย้ งดูลูกของหญงิ ไทย

พัฒนาการของเพลงพนื้ บ้านในสมัยอยธุ ยา

• มีการกลา่ วถึง “การขับซอ”

• "เพลงร้องเรอื "หรอื “เพลงเรือ” ซ่ึง เป็นเพลงท่ีชายหญิงชาวอยุธยา
รอ้ งเลน่ ในเรอื มี เครอ่ื งดนตรปี ระกอบ

• ในสมัยอยุธยาตอนปลายในรัชกาลพระเจ้าบรมโกศมีการกล่าว
ถึง “เพลงเทพทอง” ว่า เป็นเพลงโต้ตอบท่ีเป็นมหรสพชนิดหนึ่ง
ในงานสมโภชพระพุทธบาท

พัฒนาการของเพลงพนื้ บา้ น
ในสมัยสมัยรัตนโกสนิ ทร์

• มีหลกั ฐานเกย่ี วกบั เพลงพื้นบา้ นมากท่สี ุด

• ตง้ั แตร่ ชั กาลที่ ๑ ถงึ รัชกาลท่ี ๕ เปน็ "ยคุ ทอง" ของเพลงพื้นบ้าน
ที่เป็นเพลงปฏิพากย์

• รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงส่งเสริมเพลง
พืน้ บ้านไดม้ ีการบันทกึ เสียงเพลงพน้ื บา้ นลงบนแผน่ เป็นครง้ั แรก

ประเภทของเพลงพืน้ บา้ น

• เพลงพื้นบ้านโดยทั่วไปนั้น มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด พอจะแยก
ประเภทได้ดังนี้ คือแบ่งตามผู้เล่นได้ ๒ ประเภทใหญ่ ๆ คือ
เพลงเดก็ และ เพลงผูใ้ หญ่

เพลงพนื้ บ้านประเภทเพลงเดก็

๑ .เพลงรอ้ งเลน่ เช่น โยกเยกเอย, ฝนตกแดดออก นกกระจอกเขา้ รงั
๒.เพลงหยอกลอ้ เชน่ ผมจกุ , ผมม้า, ผมเปยี , ผมแกละ
๓.เพลงขู่ ปลอบ เช่น จนั ทรเ์ จา้ ขา, แตช่ ้าแต่ เขาแหย่ ายมา
๔.เพลงประกอบการเลน่ เช่น จา้ จมี้ ะเขือเปราะ, รรี ีข้าวสาร, มอญซอ่ นผา้

เพลงพืน้ บ้านประเภทเพลงผใู้ หญ่

๑. เพลงกลอ่ มเดก็ เช่น กาเหวา่ เอย, พ่อเนอ้ื เยน็
๒. เพลงปฏพิ ากย์ เชน่ เพลงฉอ่ ย, เพลงราวงซ่ึงเพลงปฏพิ ากยน์ ต้ี ่อมา
วิวัฒนาการมาเปน็ เพลงลกู ทงุ่ นน่ั เอง
๓. เพลงประกอบการเลน่ เช่น ราโทน (ต่อมาคอื ราวง), ลูกชว่ ง, มอญซอ่ นผา้
๔. เพลงประกอบพธิ ี เช่น ทาขวญั นาค, แห่นาค, ทาขวญั จกุ , แหน่ างแมว
๕. เพลงเกยี่ วกบั อาชพี เต้นการาเคยี ว
๖. เพลงแขง่ ขนั สว่ นใหญค่ อื ปฏพิ ากย์

เพลงพนื้ บ้าน

• เพลงผู้ใหญ่ นอกจากจะใหค้ วามสนุกสนานบันเทิงใจแลว้ ยงั สะทอ้ น
ให้เห็นถึงความสามัคคีร่วมใจกันทาส่ิงต่าง ๆ ของสังคมไทย สภาพ
วถิ ีชีวิต วฒั นธรรมประเพณตี ่าง ๆ

• เพลงกลอ่ มเด็ก จะเห็นความรักความผูกพันในครอบครัว ธรรมชาติ
ส่ิงแวดล้อม ตานาน นิทาน ประวัติศาสตร์ ตลอดจนจินตนาการ
ความรู้สกึ นึกคิดของมนุษย์

ลักษณะของเพลงพืน้ บา้ น

• สว่ นมากเปน็ การเกย้ี วพาราสี หรือการซกั ถามโตต้ อบกัน ความเด่นของเพลง
พื้นบ้านอยู่ที่ความไพเราะ คารมหรือถ้อยคาง่ายๆ แต่มีความหมายกินใจ
ใช้ไหวพริบปฏภิ าณในการรอ้ งโตต้ อบกัน

• เครื่องดนตรี ท่ใี ช้เป็นเพยี งเครื่องประกอบจงั หวะ เชน่ ฉงิ่ กรบั กลอง หรือ
เคร่อื งดนตรี ท่ปี ระดษิ ฐข์ นึ้ เองบางทกี ็ไมม่ เี ลยใชก้ ารปรบมือประกอบจงั หวะสง่ิ
สาคัญในการร้องเพลงชาวบ้านอีกอย่างก็คือ ลูกคู่ที่ร้องรับ ร้องกระทุ้ง หรือ
รอ้ งสอดเพลง ซ่งึ จะช่วยทาให้เกิดความสนกุ สนานครึกครื้นยิง่ ขน้ึ

คุณค่าของเพลงพืน้ บ้าน

• เพลงพื้นบ้านมีคุณค่าท่ีสาคัญคือ ให้ความบันเทิงสนุกสนาน มีน้าใจ
สามัคคี ในการทางานช่วยเหลือกัน สะท้อนวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต
การแตง่ กาย ฯลฯ และเปน็ การปลูกฝัง ฝึกเดก็ ให้ครบองคส์ ี่ คือ

• ๑. สง่ เสรมิ ให้เด็กมกี าลังกายแขง็ แรง
• ๒. ส่งเสริมให้เด็กมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ไหวพริบปฏิภาณดีในการ

แกป้ ัญหา
• ๓. สง่ เสริมใหเ้ ด็กมจี ิตใจงาม มีคณุ ธรรมประจาใจ
• ๔. รู้จกั ปฏิบตั ติ นต่อสว่ นรวมในสงั คม

เรื่องเพลงพนื้ บา้ นจังหวัดปทุมธานี

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 เรือ่ งวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ และเพลงพนื้ บา้ น
รหัสวชิ า ท๒๓๑๐๒ วชิ าภาษาไทย ๖ ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓

โดย ครูวรรณา ปันส่วน
ตาแหนง่ ครู โรงเรียนสวนกหุ ลาบวทิ ยาลยั รังสติ

เปดิ ตานานลาภาขา้ วสาร

• “ลาภา” → เที่ยวขอไปทวั่

• เป็นการลงเรือบอกบุญขอรับบริจาคข้าวสาร และ
ส่ิงของต่างๆ ไปทาบุญทอดกฐิน หรือทอดผ้าป่า
ตามศรทั ธา

ประวัตปิ ระเพณีลาภาข้าวสาร

• เจ้าสัวสุ่น และบุตรสาวชื่อ น้อยระนาด พา
ครอบครัวหนีพม่ามาถึง “วัดแจ้ง” ตาบลสามโคก
จังหวัดปทมุ ธานี

• น้อยระนาด ต่อมาได้รับการแต่งต้ังเป็น “เจ้าจอมมารดา”
ในรัชกาลท่ี ๒ มพี ระราชโอรสนามวา่ “พระเจ้าชายกลาง”

ประวัตปิ ระเพณีลาภาข้าวสาร

• พระเจ้าชายกลาง ได้รับแต่งตั้งเป็นกรมพระเทเวศร์
วชั รนิ ทร์ ทรงเปน็ ต้นตระกูลวชั รวี งศ์

• ทรงมีบตุ รชาย ๑ องค์ ช่อื พระวรวงศเ์ ธอพระองค์เจ้าวัชรีวงศ์
(พระองค์เจา้ ขาว) ผูเ้ สดจ็ มาบูรณะวัดแจ้งเปน็ ประจาทกุ ปี

ประวัตปิ ระเพณีลาภาขา้ วสาร

• พระองคเ์ จ้าขาวทรงเป็นผูร้ เิ รมิ่ ใหม้ กี ารลาภาข้าวสารขึน้ ใน
จังหวัดปทมุ ธานี

• ฉะน้ัน ในการร้องเพลงลาภา จะข้ึนต้นด้วยการคารวะ
พระองคท์ า่ น ข้นึ ตน้ วรรคแรกวา่ “เจ้าขาว ลาละลอกเอย”

ประวัตปิ ระเพณีลาภาข้าวสาร

• เมื่อพระองค์เจ้าขาวส้ินพระชนม์ ม.ร.ว.หญิงกระแสร์
วัชรวี งศ์ และหลวงราชพงษ์ภักดี (เลีย่ ม วชั รีวงศ์)
จะนากฐนิ มาทอด และมักจะมีการละเลน่ เชน่ โขน
การฟ้อนราต่างๆ เป็นทส่ี นกุ สนาน

ประวัตปิ ระเพณีลาภาขา้ วสาร

• การลาภาข้าวสารจะทาในเวลากลางคืนเดือนหงาย
ท้องฟ้าสว่าง หญิงชายชวนกันแต่งกาย มีผ้าโพกศีรษะ
ทกุ คนลงเรอื พายเรือรอ้ งเพลงลาภาข้าวสารกัน

• มีฉ่ิง เป็นเคร่ืองดนตรีประกอบ บางทีมีกลองเล็กๆ ด้วย
แมเ่ พลงรอ้ งนา ทุกคนช่วยกันพายเรือ มีลูกคูร่ อ้ งรบั

ประวัตปิ ระเพณีลาภาขา้ วสาร

• จะพายเรือไปตามแม่น้า บทร้องเป็นการบอกจุดประสงค์
ว่ามาขอบริจาคตามศรัทธา จะนาไปทาบุญท่ีไหน
อย่างไร ถอื ว่าเปน็ การบอกบญุ

ประวัตปิ ระเพณีลาภาขา้ วสาร

• ผู้คนก็จะแห่มาร่วมทาบุญ คอยส่งข้าวสาร ปัจจัยต่างๆ
ใหต้ ามท่าเรอื ดว้ ยความศรทั ธา

บทรอ้ งเพลงลาภาขา้ วสาร

เชิญทาบุญวัดแจ้งเอย ได้บุญแรงเชียวนะแม่คุณ เชิญร่วมโมทนาตาม
ศรัทธาทาบญุ (เอ เฮ ลา เฮ ลา สาว เอย)

เทียบทา่ นาวาจอดเอย ประทบั ทอดทหี่ ัวบันได แม่คณุ คนงามเห็นยงั ตามไฟ
(เอ เฮ ลา เฮ ลา สาว เอย)
เจ้าขาวแม่ลาละลอกเอย ลาหอมดอก ดอกเอ๋ยจงกล ทาบุญกับพวกฉันได้ขึ้น
สวรรค์ชน้ั บน (เอ เฮ ลา เฮ ลา สาว เอย)
มีลูกหญิงใหเ้ ปน็ คุณนาย มลี ูกชายใหเ้ ขยี นสมุด ขึ้นชอ่ื ลือเลอื่ งในเมอื งมนุษย์
(เอ เฮ ลา เฮ ลา สาว เอย)

บทร้องเพลงลาภาขา้ วสาร

ทาบุญผ้าป่าแล้วเอย คณะลาพาขอกราบอวยพร ขอให้ท่านมั่งมีเป็น
เศรษฐถี าวร (เอ เฮ ลา เฮ ลา สาว เอย)
ทาบุญกับลูกแล้วเอย ลาลูกแก้วจะขอให้พร ให้อยู่เย็นเป็นสุขอย่ามี
ทกุ ขเ์ ดือดร้อน (เอ เฮ ลา เฮ ลา สาว เอย)
ทาบุญกับลูกแล้วเอย ลาลูกแก้วจะขอกราบลา ขอกุศลผลบุญจง
เก้ือหนนุ ทกุ เวลา (เอ เฮ ลา เฮ ลา สาว เอย)

ใจบุญจรงิ นะแม่คณุ เอย เจ้าพระคุณช่างมเี มตตา ใหท้ รัพยส์ นิ เนืองนองเงินทอง
ไหลมา (เอ เฮ ลา เฮ ลา สาว เอย)


Click to View FlipBook Version