เอกสารประกอบการอบรม หนังสอืคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาคที่สอง การเฉลิมฉลองพระธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจา สวนที่1 ระเบียบการเก่ยีวกับศลีศักดิ์สทิธิ์สวนที่2 ศีลศักดิ์สิทธิ์เจด็ ประการของพระศาสนจักร เฉพาะตอนที่สาม : ศีลมหาสนิท ใชประกอบการอบรมฯ ในวนัเสารที่11 พฤศจกิายน 2023 วิทยากรโดย… บิชอป วีระ อาภรณรัตน ประธานคณะกรรมการคาทอลิกฯ แผนกคริสตศาสนธรรม สภาพระสังฆราชฯ บาทหลวง เชษฐา ไชยเดช และบาทหลวง สมเกียรติ จูรอด อาจารยวิทยาลัยแสงธรรม จัดการอบรมฯ โดย... คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกคริสตศาสนธรรม สภาพระสังฆราชฯ รูปแบบออนไลน ผาน Zoom Meeting และ Facebook Live: Catechesis Cbct
คํานาํ เอกสารประกอบการอบรม “หนงัสือคําสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาคทีÉ Ś การเฉลิมฉลองพระธรรมลํÊาลึกของพระคริสตเจ้า” จัดทาํขÊึนเพืÉอใช้ประกอบการอบรม โครงการจัดอบรมหนังสือคําสอนพระศาสนจักรคาทอลิก Ŝ ภาค ซึÉงจัดโดยคณะกรรมการ คาทอลิกเพืÉอคริสตศาสนธรรม แผนกคริสตศาสนธรรม สภาพระสังฆราชฯ ในวันเสาร์ทีÉ řř และ řŠ พฤศจิกายน พ.ศ.ŚŝŞŞ/ ค.ศ.ŚŘŚś ในรูปแบบออนไลน์ ผ่าน Zoom Meeting และ Facebook Live: Catechesis Cbct เอกสาร ฯ นีÊเป็นการสรุปย่อ “หนงัสือคําสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาคทีÉ Ś การเฉลิมฉลองพระธรรมลํÊาลึกของพระคริสตเจ้า” ส่วนทีÉ ř ระเบียบการเกีÉยวกับ ศีลศกัดÍสิทธิ ิÍและส่วนทีÉ Ś ศีลศกัดÍสิทธิ ิÍเจ็ดประการของพระศาสนจักร เฉพาะตอนทีÉสาม : ศีลมหาสนิท และใชป้ระกอบการอบรมฯ ในวนัเสารท์ ีÉ řř พฤศจิกายน ŚŘŚś เพืÉอสะดวก และง่ายต่อการติดตามขณะทีÉรับการอบรมฯ และเป็นแนวทางในการศึกษาหนังสือคําสอน พระศาสนจักรคาทอลิกภาคทีÉสองฯ ดังกล่าวข้างต้นต่อไป ขอขอบคุณ บาทหลวงเชษฐา ไชยเดช อาจารย์วิทยาลัยแสงธรรม 4 พฤศจิกายน ŚŘŚś
สารบญั คํานาํ สารบญั หนงัสือคําสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาคทีÉสอง : การเฉลิมฉลองพระธรรมลํÊาลึกของพระคริสตเจา้ บทนํา : ทําไมตอ้งมีพธิีกรรม (ccc 1066-1075) 1-2 ส่วนทีÉ ř ระเบียบการเกียÉวกบัศีลศกัดÍสิทธิ ิÍ(ccc 1076) บททีÉ ř ธรรมลํÊาลึกปัสกา ในช่วงเวลาของพระศาสนจักร ตอนทีÉ ř พิธกีรรม – พระราชกิจของพระตรีเอกภาพ และสรุป (ccc 1077-1112) 3-4 ตอนทีÉ Ś พระธรรมลํÊาลึกปัสกาในศีลศกัดÍสิทธิ ิÍของพระศาสนจักร และสรุป (ccc 1113-1134) 5-8 บททีÉ Ś การประกอบพิธีศีลศกัดÍิสิทธิÍ เฉลิมฉลองพระธรรมลํÊาลึกปัสกา ตอนทีÉ ř การประกอบพิธกีรรมของพระศาสนจักร และสรุป (ccc 1135 -1199) 9-11 ตอนทีÉ Ś พิธกีรรมหลากหลาย – พระธรรมลําลึกหนึÊ Éงเดียว และสรุป (ccc 1200 -1209) 11-17 ส่วนทีÉ Ś ศีลศกัดÍิสิทธิÍเจ็ดประการของพระศาสนจักร เฉพาะตอนทีÉ ś : ศีลมหาสนิท ตอนทีÉ ś ศีลมหาสนิท และสรุป (ccc 1322-1419) 18 -37
1 หนงัส ื อคําสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาคทีÉสอง : การเฉลิมฉลองพระธรรมลํÊาล ึ กของพระคริสตเจา้ ส่วนทีÉ ř ระเบียบการเกียÉวกบัศีลศกัด Í สิทธิ ิÍ คุณพ่อเชษฐา ไชยเดช บทนํา (หนังสอืคาํสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ řŘŞŞ-řŘşŝ) ř. ทําไมตอ้งมีพิธีกรรม “กิจการไถ่กู้มนุษยชาติและการถวายเกียรติแด่พระเจ้าอย่างสมบูรณ์นÊี ได้เริÉมต้นในพระราชกิจ น่าพิศวงทีÉพระเจ้าทรงกระทําในหมู่ประชากรแห่งพันธสัญญาเดิม และสําเร็จไปโดยพระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า โดยเฉพาะอาศัยธรรมลาลึกปัสกา คือการ ํÊรับทรมาน การกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดา ผู้ตาย และการเสดจ็สู่สวรรค์อย่างรุ่งโรจน์โดยธรรมลํÊาลึกนีÊ ‘พระองค์สิÊนพระชนม์เพืÉอทาํลายความตาย ของเรา และทรงกลับคืนพระชนมชีพเพืÉอคืนชีวิตแก่เรา’ เพราะพระศาสนจักรทัÊงหมดซึÉงเป็นเครืÉองหมาย และเครืÉองมือน่าพิศวงแห่งความรอดพ้นเกิดจากด้านข้างพระวรกายของพระคริสตเจ้าผู้สÊินพระชนม์บน ไม้กางเขน เพราะเหตุนีÊ พระศาสนจักร โดยเฉพาะในพิธีกรรม จึงเฉลิมฉลองพระธรรมลํÊาลึกปัสกาทีÉ พระคริสตเจ้าทรงใช้เพืÉอทรงบันดาลให้งานความรอดพ้นของเราสาํเรจ็ไป (řŘŞş) พระศาสนจักรประกาศและเฉลิมฉลองพระธรรมลํÊาลึกนีÊของพระคริสตเจ้าในพิธีกรรมของตน เพืÉอบรรดาผู้มีความเชÉือจะได้ดาํเนินชีวิตตามพระพระธรรมลําลึกนีÊ Êและเป็นพยานถึงพระธรรมลําลึกนีÊ Êแก่ โลกด้วย (řŘŞŠ) Ś. คําว่า “Liturgy” (พิธีกรรม) หมายความว่าอยา่งไร “พิธีกรรมจึงเรียกได้อย่างถูกต้องว่าเป็นการปฏิบัติหน้าทีÉสมณะของพระเยซูคริสตเจ้า ในพิธกีรรม มนุษย์ได้รับความศักดิÍสิทธิÍอาศัยเครืÉองหมายทีÉประสาทรับรู้แลเห็นได้และบังเกิดผลตามความหมาย เฉพาะของเครืÉองหมายแต่ละประการ ในพิธีกรรม พระกายทพิย์ของพระเยซูคริสตเจ้า กล่าวคือ พระองค์ ผู้ทรงเป็นศีรษะกับบรรดาคริสตชนผู้เป็นประหนÉึงส่วนต่างๆ ของพระวรกาย เป็นผู้ประกอบคารวกิจ ทางการร่วมกันของพระวรกายทัÊงหมด ดังนัÊน การประกอบพิธีกรรมทุกอย่าง ในฐานะทีÉเป็นกิจการของ พระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นสมณะ และเป็นกิจการของพระศาสนจักรซÉึงเป็ นพระวรกายของพระองค์ จึงเป็น กิจการศักดิÍสิทธิÍอย่างเลอเลิศ ไม่มีกิจการอืÉนใดของพระศาสนจักรทีÉมีประสิทธิภาพเสมอเหมือนได้ ทัÊงใน ความสาํคัญและในคุณภาพ” (สงัฆธรรมนูญว่าด้วยพิธีกรรม ข้อ ş) ś. พิธีกรรมในฐานะทีÉเป็นบอ่เกิดแห่งชีวิต พิธกีรรมเป็นสุดยอดทÉกิจกรรมศักดิ ี ÍสิทธิÍของพระศาสนจักรมุ่งไปถึง ในเวลาเดียวกันกเ็ป็นขุมแห่ง พละกาํลังทÊังหมดของพระศาสนจักรทีÉหลัÉงไหลออกมา โดยทางพิธีกรรมพระคริสตเจ้ายังทรงดาํเนินการ ไถ่กู้ต่อในพระศาสนจักร พร้อมกับพระศาสนจักร และโดยอาศัยพระศาสนจักรของพระองค์
2 Ŝ. การอธิษฐานภาวนาและพิธีกรรม ความแตกต่างระหว่างพิธีกรรม (liturgy) และพิธีการ (ceremony) พิธีกรรมกบักิจศรทัธาต่างกนัอย่างไร? พิธีกรรมเป็ นคําภาวนาทางการของพระศาสนจักร เป็ นการภาวนาสาธารณะ ได้แก่ มิสซา ปีพิธกีรรม ศีลศักดÍิสทิธÍิทาํวัตร การเสกและอวยพร ฯลฯ กิจศรัทธาเป็ นคําภาวนาอันเกิดจากความศรัทธาของแต่ละคน ไม่ใช่คําภาวนาทางการของ พระศาสนจักร เช่น การสวดสายประคาํนพวาร เดินรูป řŜ ภาค ฯลฯ ŝ. การสอนคําสอนและพิธีกรรม “พิธีกรรมกเ็ป็นจุดยอดทÉกีิจกรรมของพระศาสนจักรมุ่งไปหา และในเวลาเดียวกันกเ็ป็นบ่อเกิดทÉี พลังทัÊงหมดของพระศาสนจักรหลัÉงไหลออกมา” พิธีกรรมเป็นทีÉพิเศษเพืÉอสอนคาํสอนแก่ประชากรของ พระเจ้า “โดยธรรมชาติของตน การสอนคาํสอนมีความสัมพันธ์กับการประกอบพิธีกรรมและสิÉงคล้ายศีล ทุกประการ เพราะในศีลศักดิÍสิทธิÍต่างๆ โดยเฉพาะศีลมหาสนิท พระเยซูคริสตเจ้าทรงทาํงานทุกอย่างเพÉือ เปลีÉยนแปลงมนุษย์” (řŘşŜ) การสอนคําสอนในพิธีกรรมพยายามแนะนําคริสตชนให้เข้าใจพระธรรมลํÊาลึกของ พระคริสตเจ้า (กจิกรรมเช่นนÊีเรียกว่า “mystagogia”) โดยเริÉมจากสิงทีÉ Éแลเห็นไดเ้ขา้ไปถึงสิÉงทีÉแลเห็น ไม่ได้ จากเครืÉองหมายเข้าไปถึงความหมาย จาก “ศีลศักดิÍสิทธิÍ” เข้าไปถึง “พระธรรมลํÊาลึก” การสอนคําสอนเช่นนีÊขึÊนอยู่กับความสามารถของผู้สอนคําสอนในท้องถÉินหรือเขตแขวงนัÊน การสอนคาํสอนแบบนÊีซึÉงต้องการรับใช้พระศาสนจักรทัÊงหมดทีÉมีจารีตและวัฒนธรรมต่างๆ จะต้องสอน ความรู้พÊืนฐานทีÉสมาชิกทัÉวพระศาสนจักรจาํเป็นต้องรู้เพÉือเข้าถึงพิธกีรรมในฐานะทÉเป็นพระธรรมลํ ี าลึกและÊ เกีÉยวข้องกับการเฉลิมฉลอง (ตอนทีÉหนึÉง) แล้วจึงสอนเรืÉองศีลศักดิÍสิทธิÍเจด็ ประการและสÉงคล้ายศีลต่างๆ ิ (ตอนทีÉสอง) (řŘşŝ)
3 ส่วนทีÉ I ระเบียบการเกียÉวกบัศีลศกัดÍสิทธิ ิÍ บททีÉ 1 พระธรรมลํÊาลึกปัสกา ในช่วงเวลาของพระศาสนจักร ตอนทีÉ ř พิธีกรรม – พระราชกิจของพระตรีเอกภาพ (หนังสือคาํสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ řŘşş-řřřŚ) พระบิดา ผ่านทางพิธีกรรม พระบิดาทรงทาํ ให้เราเต็มไปด้วยพระพรต่างๆ ของพระองค์ใน พระบุตร (พระวจนาถ) ผู้ทรงรับสภาพมนุษย์ทรงสิÊนพระชนม์ และทรงกลับคืนพระชนมชีพเพืÉอเรา และ พระองค์ประทานพระจิตเจ้าลงในจิตใจเรา ในขณะเดียวกนัพระศาสนจักรถวายพระพรแด่พระบิดาด้วยการ นมัสการ สรรเสริญ ขอบพระคุณ พร้อมทัÊงวอนขอพระองค์ อาศัยพระบารมีของพระบุตร และในความเป็น หนึÉงเดียวกับพระจิตเจ้า (ประมวลคาํสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ ŚŚř) เราจึงเข้าใจได้ว่าพิธีกรรมของคริสตศาสนามีสองมิติ คือ เป็นการตอบสนองด้วยความเชืÉอและ ความรักต่อ “พระพรฝ่ายจิตต่างๆ” ทีÉพระบิดาพอพระทยัประทานให้เรา ในด้านหนÉึง พระศาสนจักรทีÉร่วม เป็ นหนึÉงเดียวกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของตนและเดชะพระจิตเจ้า ถวายพรแด่พระบิดา “สําหรับ ของประทานของพระองค์ทีÉอยู่เหนือคําบรรยายทÊังปวง” (Ś คร š:řŝ) โดยการกราบนมัสการ ถวาย คาํสรรเสริญและขอบพระคุณ ในอีกด้านหนÉึง และตราบจนจบสิÊนแผนการของพระเจ้า พระศาสนจักรไม่ เลิกทีÉจะถวาย “ของถวายทีÉพระบิดาประทานให้พระศาสนจักร” แด่พระองค์ และยังวอนขอพระองค์ให้ทรง ส่งพระจิตเจ้าลงมาเหนือของถวายนีÊเหนือพระศาสนจักร เหนือบรรดาผู้มีความเชÉือและมวลมนุษย์ทัÉวโลก เพืÉอว่าอาศัยการมีส่วนร่วมในการสิÊนพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้า-พระสมณะ และเดชะพระอานุภาพของพระจิตเจ้า การถวายพรแด่พระเจ้านีÊจะได้บังเกิดผลเป็นชีวิต “เพืÉอสรรเสริญ พระสริิรุ่งโรจน์แห่งพระหรรษทานของพระองค์” (อฟ ř:Ş) (řŘŠś) พระเยซูเจ้า (พระบุตร) ในพิธีกรรมของพระศาสนจักร พระคริสตเจ้าทรงให้ความหมายและ ทรงทาํ ให้ธรรมลÊาลึกปัสกาของพระองค์เป็นจริงขึ ํÊนมาในปัจจุบัน โดยประทานพระจิตเจ้าแก่บรรดาอัคร สาวก พระองค์ประทานอาํนาจแก่อัครสาวกและผู้สืบตาํแหน่งจากพวกท่าน ในการทาํ ให้งานแห่งความ รอดพ้นเป็นจริงในปัจจุบันผ่านทางพิธบีูชาขอบพระคุณและศีลศกัดÍิสทิธÍต่างๆ ซึ ิÉงพระองค์เองเพืÉอประทาน พระหรรษทานของพระองค์แก่บรรดาผู้มีความเชืÉอทุกยุคทุกสมัยและทัÉวทัÊงโลก (ประมวลคาํสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ ŚŚŚ) “เพืÉอทาํให้งานยÉิงใหญ่นีÊสาํเรจ็พระคริสตเจ้าประทบัอยู่เสมอในพระศาสนจักร โดยเฉพาะในการ ประกอบพิธีกรรม พระองค์ประทบั ในพิธีบูชามิสซา ทÊงัในตัวของผู้ประกอบพิธีเพราะ “เป็นพระองค์เอง ซึÉงแต่ก่อนนัÊนทรงถวายพระองค์บนไม้กางเขน บัดนีÊ ยังทรงถวายพระองค์อาศัยศาสนบริการของพระสงฆ์” และโดยเฉพาะอย่างยิÉง พระองค์ประทับอยู่ภายใต้รูปปรากฏของศีลมหาสนิท พระองค์ยังประทับอยู่ใน ศีลศักดิÍสิทธิÍต่างๆ ด้วยพระอานุภาพ จนกระทัÉง เมืÉอผู้ใดประกอบพิธีศีลล้างบาป พระคริสตเจ้าเองกท็รง ประกอบพิธีศีลล้างบาปŚř พระองค์ประทบัอยู่ในพระวาจา เพราะเป็นพระองค์ทÉตรัส เมื ีÉออ่านพระคัมภีร์ ในพระศาสนจักร ในทีÉสุด พระองค์ยังประทับอยู่เมÉือพระศาสนจักรอธิษฐานภาวนาและขับร้องเพลงสดุดี เพราะพระองค์ทรงสัญญาว่า “ทีÉใดมีสองหรือสามคนประชุมกนัในนามของเรา เราอยู่ทÉีนัÉนในหมู่พวกเขา” (มธřŠ:ŚŘ)” (řŘŠŠ)
4 “โดยแท้จริงแล้ว พระคริสตเจ้าทรงทาํ ให้พระศาสนจักร เจ้าสาวสุดทÉีรักของพระองค์ มีส่วน ร่วมกับพระองค์เสมอในการประกอบพระราชกจิใหญ่ยÉิงนีÊ ซึÉงถวายพระสริิรุ่งโรจน์แด่พระเจ้าอย่างสมบูรณ์ และบันดาลความศักดิÍสิทธิÍแก่มนุษย์พระศาสนจักรเรียกขานพระคริสตเจ้าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของตน และอาศัยพระองค์ถวายคารวกจิแด่พระบิดานิรันดร” (řŘŠš) “ในพิธีกรรมทีÉประกอบบนแผ่นดินนีÊ เรามีส่วนลิÊมรสล่วงหน้าพิธีกรรมในสวรรค์ซึÉงประกอบอยู่ใน นครเยรูซาเล็มศักดิÍสิทธิÍ ทีÉเรากาํลังเดินทางมุ่งหน้าไปหา ในนครเยรูซาเล็มนÊี พระคริสตเจ้าประทับ ณ เบืÊองขวาของพระเจ้า ทรงเป็นศาสนบริกรในสถานศักดิÍสิทธิÍทีÉสุด และกระโจมแท้จริง เราขับร้องเพลง สรรเสริญพระสิริรุ่งโรจนข์องพระเจ้า พร้อมกับพลโยธาในกองทพัสวรรค์เมÉือระลึกถึงบรรดาผู้ศักดÍิสิทธิÍทีÉ เราหวังจะมีส่วนร่วมความสุขพร้อมกับท่าน เรากําลังรอคอยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จนกว่าพระองค์ผู้ทรงเป็นชีวิตของเรา จะทรงสําแดงพระองค์แล้วเราก็จะปรากฏพร้อมกับพระองค์ ในพระสิริรุ่งโรจน์ด้วย” (řŘšŘ) พระจิต ในพิธีกรรมศักดิÍสิทธิÍเราพบความร่วมมืออนัเกิดผล อย่างใกล้ชิดทÉีสุด ระหว่างพระจิตเจ้า และพระศาสนจักร พระจิตเจ้าทรงเตรียมพระศาสนจักรให้พบปะกับองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเชิญชวนให้ทีÉ ชุมนุมระลึกถึงพระธรรมลํÊาลึกของพระคริสตเจ้า และทรงทาํ ให้ธรรมลÊาลึกของพระคริสตเจ้าปรากฏอยู่ ํ อย่างแท้จริงเป็นปัจจุบัน ทรงกระทาํ ให้พระศาสนจักรรวมเข้ากับชีวิตและพันธกิจของพระคริสตเจ้า และ ทรงทาํ ให้พระพรแห่งความเป็นหนÉึงเดียวกันเกิดผลในพระศาสนจักร (ประมวลคําสอนพระศาสนจักร คาทอลิก ข้อ ŚŚś) ‘Anamnesis’ (ระลึกถึง) พิธีกรรมของคริสตชนไม่เพียงแต่ระลึกถึงเหตุการณ์ทีÉได้ช่วยเราให้ รอดพ้นเท่านัÊน แต่ยังทาํให้เหตุการณ์เหล่านÊันเป็นปัจจุบันและบังเกดิผลด้วย “Epiklesis” (= การเรียกลงมาเหนือ) เป็นการอธิษฐานภาวนาทีÉพระสงฆ์วอนขอพระบิดาให้ทรง ส่งพระจิตเจ้าผู้ทรงบันดาลความศักดÍิสิทธิÍ เพืÉอให้ของถวายของเรา (ขนมปังและเหล้าองุ่น) กลายเป็น พระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า และบรรดาผู้มีความเชÉือทีÉรับของถวายเหล่านีÊเองได้กลบัเป็นของ ถวายมีชีวิตแด่พระเจ้าด้วย (řřŘŝ) Epiklesis พร้อมกับ Anamnesis จึงเป็ นศูนย์กลางของการประกอบพิธีศีลศักดิÍสิทธิÍแต่ละครัÊง โดยเฉพาะศีลมหาสนิท (řřŘŞ) Epiklesis (คาํวอนขอ) ยังเป็นบทภาวนาเพÉือให้เกิดผลสมบูรณ์เป็นความสนิทสัมพันธ์ของชุมชน กับพระธรรมลํÊาลึกของพระคริสตเจ้า “พระหรรษทานของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ความรักของ พระเจ้า และความสนิทสัมพันธ์ของพระจิตเจ้า” (Ś คร řś:řś) ต้องคงอยู่เสมอไปกับเราและบังเกิดผล นอกเหนือไปจากพิธีบูชาขอบพระคุณ พระศาสนจักรจึงอธิษฐานภาวนาขอพระบิดาให้ทรงส่งพระจิตเจ้า เพืÉอทรงบันดาลให้ชีวิตของบรรดาผู้มีความเชÉือกลับเป็นของถวายทีÉมีชีวิตโดยการเปลีÉยนแปลงทางจิตใจ เป็นภาพของพระคริสตเจ้า มีความสนใจต่อเอกภาพของพระศาสนจักรและมีส่วนร่วมในพันธกิจของ พระศาสนจักรโดยการเป็นพยานและการรับใช้ด้านความรัก (řřŘš)
5 ตอนทีÉ Ś พระธรรมลํÊาลึกปัสกาในศีลศกัดÍิสิทธิÍของพระศาสนจักร (หนังสอืคาํสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ řřřś-řřśŜ) กิจกรรมทัÊงหมดด้านพิธีกรรมของพระศาสจักรเกีÉยวข้องกับพิธีบูชาขอบพระคุณและศีลศักดิÍสิทธิÍ ต่างๆ ในพระศาสนจักรมีศีลศักดิÍสิทธิÍเจด็ ประการ ได้แก่ศีลล้างบาป ศีลกาํลัง ศีลมหาสนิท ศีลอภัยบาป ศีลเจิมคนไข้ ศีลบวช และศีลสมรส ในตอนนีÊกล่าวถึงเรืÉองทัÉวไปทีÉเกีÉยวข้องกบัศีลศกัดÍิสิทธิÍทัÊงเจด็ ประการ ของพระศาสนจักร เรืÉองทีÉเกีÉยวข้องกับการประกอบพิธีร่วมกันของศีลต่างๆจะกล่าวถึงในบททีÉสอง และ เรืÉองทีÉเกีÉยวข้องโดยเฉพาะกบัศีลแต่ละประการจะเป็นเนÊือหาของส่วนทีÉสอง (řřřś) Ś.ř ศีลศกัดÍสิทธิ ิÍของพระคริสตเจ้า “เรายึดมัÉนในคาํสอนของพระคัมภีร์ธรรมประเพณีจากบรรดาอัครสาวก […] และความเห็นพ้อง ต้องกันของบรรดาปิ ตาจารย์” ประกาศว่า “ศีลศักดิÍสิทธิÍของพันธสัญญาใหม่ […] ทุกศีลได้รับการจัดตัÊง ขึÊนโดยพระเยซูคริสตเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (řřřŜ) ปัจจุบันพระคริสตเจ้าทรงแจกจ่ายศีลศักดิÍสิทธิÍต่างๆ โดยอาศัยศาสนบริกรทัÊงหลายของ พระศาสนจักร Ś.Ś ศีลศกัดÍสิทธิ ิÍของพระศาสนจักร พระศาสนจักรซึÉงพระจิตเจ้า “ทรงนาํ ไปส่คูวามจริงทÊงมวล” (ยน ัřŞ:řś) ค่อยๆรู้จักขุมทรัพย์นÊีทีÉ ตนได้รับจากพระคริสตเจ้า และกาํหนด “วิธีการแจกจ่าย” ขุมทรัพย์นÊีเหมือนกับทีÉเคยทาํเกÉียวกับสารบบ พระคัมภีร์และคาํสÉังสอนความเชืÉอเป็นเสมือนผู้จัดการดูแลพระธรรมลาลึกของพระเจ้าอย่างซื ํÊ Éอสัตย์ ดังนีÊ ตลอดช่วงเวลาหลายศตวรรษทีÉผ่านมา พระศาสนจักรจึงได้กาํหนดไว้ในการประกอบพิธีกรรมของตนว่า ศีลศักดิÍสิทธิÍในความหมายเฉพาะของคํานีÊทีÉองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตÊังไว้นัÊนมีจํานวนเจ็ดศีลด้วยกัน (1117) ศีลศักดิÍสิทธิÍเป็ น “ของพระศาสนจักร” ในสองความหมายดังนีÊ คือ เป็ นศีลศักดิÍสิทธิÍ “โดยพระศาสนจักร” และ “เพืÉอพระศาสนจักร” ศีลศักดิÍสิทธิÍมีได้“โดยพระศาสนจักร” กเ็พราะว่า พระศาสนจักรเป็น “ศีลศักดิÍสิทธิÍ” (เครืÉองหมายและเครืÉองมือ) ของการกระทาํของพระคริสตเจ้าผู้ทรง ทํางานโดยพระพันธกิจของพระจิตเจ้าในพระศาสนจักร ศีลศักดิÍสิทธิÍยังมีไว้ “เพืÉอพระศาสนจักร” ก็เพราะว่า “พระศาสนจักรสร้างขึÊนได้โดยศีลศักดิÍสิทธิÍต่างๆ” เพราะศีลศักดิÍสิทธิÍเหล่านีÊแสดงและ ถ่ายทอดพระธรรมลําÊลึกความสัมพันธก์บั พระเจ้าองค์ความรัก พระธรรมลําลึÊกเรืÉองพระเจ้าหนึÉงเดียวใน สามพระบุคคลให้แก่มนุษย์โดยเฉพาะในศีลมหาสนทิ ศาสนบริการของผู้รับศีลบวช หรือ “สมณภาพเพÉือศาสนบริการ” มีไว้เพืÉอรับใช้สมณภาพทีÉมา จากศีลล้างบาป สมณภาพเพืÉอศาสนบริการแสดงว่าพระคริสตเจ้าเองทรงทาํงานในศีลศกัดÍิสิทธิÍต่างๆเดชะ พระจิตเจ้าเพืÉอพระศาสนจักร พันธกิจประทานความรอดพ้นทีÉพระบิดาทรงมอบไว้กับพระบุตรผู้ทรงรับ สภาพมนุษย์นีÊถูกมอบไว้แก่บรรดาอัครสาวกและผ่านต่อไปแก่ผู้สืบตําแหน่งต่อจากท่าน ท่านเหล่านÊีรับ พระจิตของพระเยซูเจ้าเพืÉอปฏิบัติงานในพระนามและพระบุคคลของพระองค์ศาสนบริการของผู้รับ ศีลบวชจึงเป็นพันธะจากศีลศักดิÍสิทธิÍทีÉรวมกิจกรรมทางพิธีกรรมกับสิÉงทีÉบรรดาอัครสาวกเคยพูดและทาํไว้ และผ่านทางท่าน กับสิÉงทีÉพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นบ่อเกิดและรากฐานของศีลศักดÍิสิทธิÍต่างๆ เคยตรัสและ ทรงทาํไว้(řřŚŘ)
6 ศีลศักดิÍสิทธิÍสามประการ คือ ศีลล้างบาป ศีลกาํลัง และศีลบวช นอกจากประทานพระหรรษทาน แล้ว ยังประทานตรา หรือ “เครืÉองหมาย”ทีÉทาํ ให้คริสตชนมีส่วนในสมณภาพของพระคริสตเจ้าและเป็น ส่วนหนึÉงของพระศาสนจักรตามสถานะและบทบาททีÉต่างกัน การมีภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าและ พระศาสนจักรเช่นนีÊเป็นผลงานของพระจิตเจ้าและไม่มีวันจะลบออกได้แต่คงอยู่ตลอดไปในคริสตชนเป็น ความพร้อมเพืÉอจะรับพระหรรษทาน เป็นเสมือนคาํสัญญาและประกันว่าพระเจ้าจะทรงปกป้องเขา และ เป็นเสมือนการเรียกให้เข้ามาร่วมพิธีคารวกจิต่อพระเจ้าและรับใช้พระศาสนจักร เพราะฉะนÊันศีลทัÊงสามนีÊ จึงรับซําÊอกีไม่ได้เลย (řřŚř) Ś.ś ศีลศกัดÍสิทธิ ิÍแห่งความเชืÉอ “ศีลศักดิÍสิทธิÍมีไว้เพืÉอบันดาลความศักดิÍสิทธิÍแก่มนุษย์ เพืÉอเสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้า และเพืÉอถวายคารวกิจแด่พระเจ้า ในฐานะทีÉเป็นเครืÉองหมายยังมีจุดประสงค์เพืÉอให้การสัÉงสอนอบรมด้วย ผู้รับศีลต้องมีความเชÉืออยู่ก่อนแล้ว แต่ถ้อยคาํและจารีตพิธีของศีลศักดิÍสิทธิÍกย็ังหล่อเลÊียง เสริมพลังและ แสดงความเชืÉอให้ปรากฏด้วย เพราะเหตุนีÊศลีศักดÍิสทิธÍจึงได้ชื ิÉอว่า ศีลแห่งความเชืÉอ” (řřŚś) ความเชืÉอของพระศาสนจักรมาก่อนความเชืÉอของผู้มีความเชÉือซึÉงได้รับเชิญให้เข้ามารับความเชืÉอนีÊ เมืÉอพระศาสนจักรประกอบพิธีศีลศักดิÍสิทธิÍกป็ระกาศความเชÉือทีÉได้รับมาจากบรรดาอัครสาวก ดังทีÉมี คาํพังเพยตามคาํกล่าวของ Prosper แห่ง Aquitan (คริสตศตวรรษทีÉ ŝ) ว่า “กฎการอธษิฐานภาวนากค็ือ กฎการเชืÉอ” (“Lex orandi, lex credendi” หรือ “กฎความเชืÉอต้องกําหนดกฎการอธิษฐานภาวนา”) กฎของการอธิษฐานภาวนาเป็ นกฎของความเชืÉอ พระศาสนจักรเชืÉอเหมือนกับทีÉอธิษฐานภาวนา พิธกีรรมเป็นองค์ประกอบของธรรมประเพณีศกัดÍิสทิธÍและทรงชีวิต ิ (řřŚŜ) เพราะเหตุนีÊ จึงไม่มีจารีตพิธีใดๆของศีลศักดิÍสิทธิÍทีÉจะถูกเปลีÉยนแปลงแก้ไขตามอาํเภอใจหรือ ความสะดวกของศาสนบริกรหรือชุมชนได้ อํานาจปกครองสูงสุดของพระศาสนจักรเองก็ไม่อาจ เปลีÉยนแปลงพิธกีรรมได้ตามอาํเภอใจ แต่ต้องเชÉือฟังความเชืÉอและให้ความเคารพทางศาสนาต่อพระธรรม ลําÊลึกของพิธกีรรม (řřŚŝ) นอกจากนัÊน เพราะศีลศักดิÍสิทธิÍแสดงให้ เห็นและพัฒนาความสัมพันธ์ของความเชืÉอใน พระศาสนจักร กฎการอธิษฐานภาวนาจึงเป็ นมาตรการหนึÉงทีÉสําคัญของการเสวนาทีÉต้องการสถาปนา เอกภาพของบรรดาคริสตชนขึÊนใหม่ (řřŚŞ) Ś.Ŝ ศีลศกัดÍสิทธิ ิÍแห่งความรอดพน้ ศีลศักดิÍสิทธิÍทีÉประกอบพิธีอย่างเหมาะสมกับความเชืÉอ ประทานพระหรรษทานทีÉศีลนัÊนหมายถึง (ศีลศักดิÍสิทธิÍ)มีประสิทธิผลเพราะพระเยซูคริสตเจ้าเองทรงทาํงานในศีลเหล่านÊี เป็ นพระองค์ทีÉทรง ประกอบพิธลี้างบาป เป็นพระองค์ทÉทีรงทาํงานในศีลศักดÍิสทิธÍเพื ิÉอประทานพระหรรษทานทีÉศีลนัÊนหมายถึง ให้แก่ผู้รับ พระบิดาทรงฟังคําอธิษฐานภาวนาของพระศาสนจักรของพระบุตรของพระองค์เสมอ ในบท Epiklesis (บทวอนขอพระจิตเจ้า) ของแต่ละศีล พระศาสนจักรแสดงความเชืÉอของตนถึงพระอานุภาพของ พระจิตเจ้า ไฟย่อมเปลีÉยนแปลงทุกสิÉงทีÉตนสัมผัสฉันใด พระจิตเจ้ากท็รงเปลÉียนแปลงสิÉงทีÉยอมอยู่ใต้ พระอานุภาพให้มีชีวิตพระเจ้าด้วยฉันนัÊน (řřŚş) นีÉคือความหมายของคํากล่าวของพระศาสนจักร ทีÉว่า ศีลศกัดÍิสิทธิÍทํางาน ex opere operato (แปลตามตวัอกัษรว่า “จากกิจการทีÉทําเสร็จแลว้”) ซึÉงหมายความว่า “โดยพระอานุภาพของงานไถ่กู้
7 ของพระคริสตเจ้าทีÉสาํเรจ็แล้วครÊังเดียวโดยมีผลตลอดไป” จากความจริงทีÉว่าศีลศักดิÍสิทธิÍประกอบพิธีตาม เจตนาของพระศาสนจักร พระอานุภาพของพระคริสตเจ้าและพระจิตของพระองค์จึงทาํงานในพิธีนÊีและ ผ่านทางพิธีนีÊโดยไม่ขึÊนกับความศักดิÍสิทธิÍส่วนตัวของศาสนบริกร กระนัÊนกด็ีผลของศีลศักดิÍสิทธิÍก็ยัง ขึÊนกบัสภาพจิตใจของผู้รับด้วยเหมือนกัน (řřŚŠ) พระศาสนจักรกล่าวยํÊาว่าศีลศักดิÍสิทธิÍของพันธสัญญาใหม่จําเป็นสาํหรับความรอดพ้นของผู้มี ความเชืÉอในพระคริสตเจ้า “พระหรรษทานของศีลศักดิÍสิทธิÍ” คือพระหรรษทานของพระจิตเจ้าทีÉ พระคริสตเจ้าประทานให้และเป็ นพระหรรษทานเฉพาะของแต่ละศีล พระจิตเจ้าทรงบําบัดรักษาและ เปลีÉยนแปลงผู้ทÉีรับพระองค์โดยบันดาลให้ เขาละม้ายคล้ายกับพระบุตรของพระเจ้า ผลของชีวิต ศีลศักดิÍสิทธิÍกค็ือเพÉือพระจิตเจ้าจะได้ทรงบันดาลให้ผู้มีความเชÉือเป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้า โดยทรง รวมเขาให้มีชีวิตร่วมกับพระบุตรเพียงพระองค์เดียว พระผู้ไถ่ (řřŚš) Ś.ŝ ศีลศกัดÍสิทธิ ิÍแห่งชีวิตนิรนัดร พระศาสนจักรเฉลิมฉลองพระธรรมลําÊลึกขององค์พระผู้เป็นเจ้า “จนกว่าพระองค์จะเสดจ็มา” (ř คร řř:ŚŞ) และ “เพืÉอพระเจ้าจะได้ทรงเป็นทุกสิÉงในทุกคน” (ř คร řŝ:ŚŠ) นบัตÊังแต่สมัยอัครสาวก มาแล้ว พิธีกรรมมุ่งหาจุดหมายสุดท้ายของตนผ่านคําครÉําครวญของพระจิตเจ้าในพระศาสนจักรว่า “มารานาธา” (ř คร řŞ:ŚŚ) ดังนัÊน พิธกีรรมจึงร่วมสว่นพระประสงค์ของพระเยซูเจ้าทÉีว่า “เราปรารถนา อย่างยิÉงจะกินปัสกาครัÊงนีÊร่วมกับท่าน [...] จนกว่าปัสกานีÊจะเป็นความจริงในพระอาณาจักรของพระเจ้า” (ลก ŚŚ:řŝ-řŞ) ในศีลศักดิÍสิทธิÍของพระคริสตเจ้า พระศาสนจักรรับประกนัมรดก มีส่วนชีวิตนิรันดรกบั พระองค์ แล้ว แม้ว่ายังคงรอคอย “ความหวังทีÉให้ความสุข คือการสาํแดงพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ของ พระคริสตเยซูพระเจ้าผู้ยÉิงใหญ่และพระผู้ไถ่ของเรา” (ทต Ś:řś) “และพระจิตเจ้าตรัสพร้อมกับเจ้าสาว ว่า ‘เชิญเสดจ็มาเถิด’ [...] ข้าแต่พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า เชิญเสดจ็มาเถิด” (วว ŚŚ:řş,ŚŘ) (řřśŘ) ชีวิตทีÉเนืÉองมาจากศีลศักดิÍสิทธิÍเป็นทัÊงชีวิตส่วนตัวและส่วนรวมของพระศาสนจักรในเวลาเดียวกนั ในด้านหนึÉงผลนีÊเป็นชีวิตสาํหรับผู้มีความเชÉือแต่ละคนเพืÉอพระเจ้าในพระเยซูคริสตเจ้า และในอีกด้านหนึÉง ยังเป็นการเสริมพระศาสนจักรในความรักและในพันธกิจการเป็นพยานของพระศาสนจักรด้วย (řřśŜ) เนืÊอหาเสริม ศีลศักดิÍสทิธÍ คือ เครื ิÉองหมายศักดิÍสิทธิÍ ทีÉพระเยซูเจ้าตัÊงขึÊน เพืÉอประธานพระหรรษทานแก่มนุษย์ องค์ประกอบสาํคัญของศีลศักดÍิสทิธÍแต่ละประการ ิ คือ 1. ศาสนบริกรผู้ประกอบพิธี(minister) 2. วัตถุหรืออิริยาบถทีÉเป็นเครืÉองหมายของศีลศักดิÍสทิธÍิ (matter) 3. คาํภาวนาสาํคัญทÉทีาํให้เป็นศีลศักดÍิสิทธิÍ (form)
8 ศีลศกัดÍสิทธิ ิÍผูป้ระกอบพธิีปกติMatter Form ř. ศีลล้างบาป พระสงัฆราช พระสงฆ์ สงัฆานุกร นํา (เท หรือ จุ่มลงในนํ Êา Ê ś ครัÊง) * ประเทศไทยใช้เทนําÊ “น... ข้าพเจ้าล้างท่าน เดชะพระนามพระบิดา และพระบุตร และพระจิต” Ś. ศีลกาํลัง พระสงัฆราช การเจิมด้วยนํามันÊ คริสมาทีÉหน้าผากพร้อม ด้วยการปกมือ “จงรับตราประทบัพระพรของ พระจิตเจ้า” ś. ศีลมหาสนิท พระสงัฆราช พระสงฆ์ ปัง และ เหล้าองุ่น บทขอบพระคุณ “รับปังนีÊไปกนิให้ทÉวกัน นี ัÉเป็น กายของเราทีÉจะมอบเพืÉอท่าน” “รับถ้วยนีÊไปดืÉมให้ทัÉวกัน นีÉเป็นถ้วยโลหติของเรา โลหิตแห่งพันธสญัญาใหม่ อนัยืนยง โลหิตซÉึงจะหลัÉงออก เพืÉออภัยบาปสาํหรับท่านและ มนุษย์ทัÊงหลาย จงทาํการนÊี เพืÉอระลึกถึงเราเถิด” Ŝ. ศีลอภัยบาป พระสงัฆราช พระสงฆ์ การสารภาพบาปด้วย ความเป็นทุกข์ถึงบาป และการทาํกจิใช้โทษบาป บทภาวนาอภัยบาปของพระสงฆ์ ŝ. ศีลแต่งงาน คู่สมรส การแสดงความสมัครใจ ของคู่สมรส จับมือขวา ผม (ดิฉัน).. รับคุณ .... เป็น ภรรยา (สามี) และสัญญาว่าจะ ซืÉอสัตย์ต่อคุณ ทัÊงในยามสขุและ ยามทุกข์ทัÊงในเวลาป่ วยไข้และ เวลาสบาย เพืÉอรักและยกย่องให้ เกียรติคุณ ทุกวันตลอดชีวิตของ ผม (ดิฉัน) Ş. ศีลบวช พระสงัฆราช การปกมือ บทภาวนามอบถวายของ พระสังฆราช ş. ศีลเจิมคนไข้ พระสงัฆราช พระสงฆ์ การเจิมด้วยนํามันเจิมÊ คนไข้ทีÉหน้าผาก และมือของผู้ป่วย “อาศัยการเจิมศักดิÍสทิธÍนีิÊ อาศัย พระเมตตาล้นพ้นของพระองค์ ขอพระเจ้าทรงช่วยท่านด้วย พระหรรษทานของพระจิตเจ้า” “ขอพระองค์ทรงช่วยท่านให้ พ้นบาป อีกทัÊงทรงพระกรุณา บรรเทาทุกข์และช่วยให้รอดพ้น”
9 บททีÉ 2 การประกอบพิธีศีลศกัดÍิสิทธิÍเฉลิมฉลองพระธรรมลํÊาลึกปัสกา (หนังสอืคาํสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ řřśŝ-řŚŘš) คาํสอนพÊืนฐานเกีÉยวกบัการประกอบพิธศีีลศักดÍิสทิธÍนีิÊจะตอบคาํถามแรกๆทÉบีรรดาผู้มีความเชÉือ มักจะตัÊงเกีÉยวกบัเรÉืองนีÊ ได้แก่ - ใครประกอบพิธี - ประกอบพิธอีย่างไร - ประกอบพิธเีมÉือไร - ประกอบพิธทีÉไหน ี ตอนทีÉ ř การประกอบพิธีกรรมของพระศาสนจักร ř. ใครประกอบพิธี ผู้ประกอบพิธีกรรมคือ พระคริสตเจ้าทัÊงครบ (Christus Totus) ทัÊงศีรษะและพระกาย ในฐานะ สมณสูงสุดของเรา พระองค์ทรงประกอบพร้อมกับพระกายของพระองค์ ซึÉงได้แก่พระศาสนจักรในสวรรค์ และบนแผ่นดิน ผูป้ระกอบพิธีกรรมในสวรรค์คือ พระนางมารีย์พระมารดาพระเจ้า ทูตสวรรค์ บรรดาอัครสาวก บรรดามรณสักขี และบรรดานักบุญทัÊงหลายในสวรรค์ เมืÉอเราประกอบธรรมลําลึกแห่งการช่วยให้รอดพ้น Ê ในศีลศักดิÍสทิธÍิเรากม็ีส่วนร่วมในพิธกีรรมนิรันดรนÊีด้วย พระศาสนจักรผูป้ระกอบพิธีกรรมศกัดÍิสิทธิÍบนโลกนีÊ ในฐานะประชากรสงฆ์ (แห่งศีลล้างบาป) ซึÉงแต่ละคนกระทาํหน้าทÉีในพิธีกรรมตามบทบาทของกระแสเรียกของตน ในความเป็ นหนึÉงเดียวกับ พระจิตเจ้า ศาสนบริกรทีÉได้รับศีลบวชประกอบพิธีกรรมตามศีลบวชทีÉตนได้รับ เพืÉอรับใช้สมาชิกทุกคน ของพระ ศาสนจักร บรรดาพระสังฆราชและพระสงฆ์ประกอบพิธีกรรมในพระบุคคลของพระคริสตเจ้า ผู้เป็นศีรษะ Ś. ประกอบพิธกีรรมอย่างไร การประกอบพิธีกรรมเป็นการรวมเครืÉองหมายและสัญลักษณ์เข้าด้วยกัน ซึÉงมีความหมายทีÉหยัÉง รากลึกลงในงานการสร้างโลกและในวัฒนธรรมมนุษย์ หลายครัÊงเครืÉองหมายและสัญลักษณ์ในพิธีกรรม มาจากพระคัมภีร์ โดยได้รับการเผยแสดงอย่างสมบูรณ์ในพระบุคคลและในงานของพระเยซูเจ้า เครืÉองหมายต่างๆ ในพิธีกรรมบางอย่างมาจากสิÉงสร้างของพระเจ้า (แสงสว่าง นํา ไฟ ขนมปัง Ê เหล้าองุ่น นามัน ฯลฯ) บางอย่างมาจากชีวิตทางสังคม (การล้าง การเจิม การบิปัง) ํÊ และบางอย่างมาจาก ประวัติศาสตร์แห่งความรอดพ้นในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม (พิธีปัสกา เครืÉองบูชา การปกมือ) เครืÉองหมายทีÉเป็นแก่นสาํคัญของศีลศักดÍิสทิธÍทีิÉพระเยซูเจ้าทรงตัÊงขึÊน จะเปลีÉยนแปลงไม่ได้ กิจกรรมและถอ้ยคําในศีลศกัดÍิสิทธิÍมีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างมาก อันทีÉจริง แม้ว่ากิจการทีÉ เป็นสญัลักษณ์ในตัวเองเป็นภาษาอยู่แล้ว กระนÊันกด็ีกย็ังจาํเป็นทÉจีะต้องใช้คาํพูดของพิธีกรรมด้วย คาํพูด กับการกระทาํของพิธีกรรมแยกจากกนัไม่ได้เพราะเป็นเครÉืองหมายและคาํสÉังสอน ในฐานะทีÉทาํ ให้สÉงซึ ิÉงมี ความหมายถึงเป็นจริง
10 การรอ้งเพลงและดนตรีในพิธีกรรม การร้องเพลงและดนตรีกับพิธกีรรมมีความสัมพันธ์อย่างยÉิง ตัวบทของเพลงศักดิÍสิทธิÍในพิธีกรรมจะต้องสอดคล้องกับข้อคาํสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก ถ้าเป็น ไปได้เนืÊอหาควรมาจากพระคัมภีร์ และตัวบทของพิธีกรรม คุณภาพของดนตรี และการเน้นการมีส่วนร่วม ของผู้ร่วมพิธีกรรม ทําให้พิธีกรรมงดงามและสÉือถึงความงามของพระเยซูเจ้ าได้ อย่างชัดเจน นักบุญออกัสตินสอนว่า “ใครร้องเพลง กเ็ท่ากบัภาวนาเป็นสองเท่า” รูปศกัดÍิสิทธิÍรูปภาพหรือพระรูปของพระเยซูเจ้าเป็นรูปศักดิÍสิทธิÍด้านพิธีกรรมแบบยอดเยีÉยม (par excellence) รูปภาพหรือพระรูปอืÉนๆ ทีÉแทนแม่พระและบรรดานักบุญกห็มายถึงพระคริสตเจ้าผู้ทรง รับพระสิริรุ่งโรจน์ในพวกเขา พวกเขาประกาศพระวรสารเดียวกันทÉีพระคัมภีร์ถ่ายทอดผ่านทางคําพูด ช่วยปลกุเร้าและหล่อเลÊียงความเชืÉอของคริสตชน ś. ประกอบพิธกีรรมเมือไร É พิธีกรรมประกอบตามเทศกาลในพิธีกรรม คือ เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เทศกาล พระคริสตสมภพ เทศกาลมหาพรต เทศกาลปัสกา และเทศกาลธรรมดา ศูนย์กลางของเทศกาลด้านพิธกีรรมคือวันอาทิตย์ซÉึงเป็นรากฐานและจุดศูนย์กลางของปีพิธีกรรม และมีจุดสงูสดุอยู่ทÉกีารฉลองปัสกาประจาํ ปี ในปี พิธีกรรมนัÊนพระศาสนจักรฉลองธรรมลํÊาลึกทัÊงครบของพระคริสตเจ้า ตัÊงแต่การรับสภาพ มนุษย์จนถึงการเสดจ็กลับมาอย่างรุ่งโรจน์อกีครÊัง ตามวันทีÉกาํหนดไว้พระศาสนจักร พระศาสนจักรแสดง ความรักอย่างพิเศษต่อพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเจ้าด้วย พระศาสนจักรระลึกถึงบรรดานักบุญ ผู้ซÉึงมีประสบการณ์ชีวิตเพืÉอพระคริสตเจ้า ได้ทนทุกข์พร้อมกับพระองค์และได้รับสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับ พระองค์ วนัฉลองบงัคบั (กฤษฎีกา 14) มาตรา 1246 # 2อย่างไรกต็าม สภาพระสงัฆราชอาจจะยุบวนั ฉลองบงัคับบางวนัไป หรืออาจจะเลือÉนวนัฉลองบงัคับไปเป็นวนัอาทิตย์ทงนี ัÊ Êตอ้งไดร้บัอนุมตัิจากสนัตะ สาํนกัก่อน เพืÉอให้สอดคล้องกับกฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 1246 # 2 สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่ง ประเทศไทย ประกาศว่า “วันฉลองบังคับตรงวัน คือ ทุกวันอาทิตย์ตลอดปี และวันพระคริสต สมภพ ส่วนวันฉลองบังคับอืÉนๆ ได้แก่วันสมโภชพระคริสตเจ้าสาํแดงองค์สมโภชพระเยซูเจ้า เสด็จขึÊนสวรรค์ สมโภชพระคริสตวรกาย สมโภชแม่พระได้รับเกียรติยกขึÊนสวรรค์ สมโภช นักบุญเปโตรและเปาโล และสมโภชนักบุญทัÊงหลาย ให้เลืÉอนไปฉลองวันอาทติย์ถัดไป วนัฉลองบังคับอืÉนๆ ทีมาตรา É 1246 # 1 ระบุไวใ้หถ้ือเป็นวนัฉลองสาํคัญและไม่บงัคับ ไดแ้ก่วนั สมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเป็นเจา้วนัสมโภชพระนางมารียผ์ ปู้ฏิสนธินิรมล และวนัสมโภชนกับุญ ยอแซฟ ขอ้สงัเกต : วนัสมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเป็นเจา้วนัสมโภชพระนางมารีย์ผปู้ฏิสนธินิรมล และวนัสมโภชนกับุญยอแซฟ ไม่ถกูกําหนดใหเ้ป็นวนัฉลองสําหรบั ประเทศไทย อาจจะฉลองตรงวนัหรือ วนัเสาร์ถดัไปก็ได้ถา้เลือÉนไปวนัอาทิตย์ถดัไปก็จะไปตรงกบัวนัฉลองอืÉนๆ หรือไปตรงกบัวนัอาทิตย์ใน เทศกาลมหาพรต
11 พิธีกรรมทําวตัรซึÉงเป็นบทภาวนาโดยส่วนรวมและสามัญของพระศาสนจักร คือบทภาวนาของ พระคริสตเจ้า พร้อมกับพระศาสนจักรพระกายของพระองค์อาศัยพิธีกรรมทาํวัตร ธรรมลÊําลึกของ พระคริสตเจ้าทีÉเราเฉลิมฉลองในพิธมีิสซาทาํให้ช่วงเวลาทÊงหมดของแต่ละวันศักดิ ั ÍสิทธิÍ Ŝ. ประกอบพิธีกรรมทีÉไหน คารวกิจ “เดชะพระจิตเจ้าและตามความจริง” (ยน 4:24) ในพันธสญัญาใหม่ไม่ผูกติดกบัสถานทÉี ใดโดยเฉพาะ เนืÉองจากพระเยซูเจ้าทรงเป็ นพระวิหารทีÉแท้จริงของพระเจ้า ภายใต้การกระทําของ พระจิตเจ้า บรรดาคริสตชนและพระศาสนจักรทัÊงครบกลายเป็นพระวิหารของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต กระนÊันกด็ี ประชากรของพระเจ้าภายใต้เงืÉอนไขของโลกนีÊจําเป็ นต้องมีสถานทีÉเพืÉอให้ชุมชนสามารถรวมกันเพืÉอ ประกอบพิธกีรรม วดัคือ บา้นของพระเจ้า เป็นสถานทีÉแห่งการภาวนา ซึÉงพระศาสนจักรใช้เป็นทีÉประกอบพิธีบูชา ขอบพระคุณโดยเฉพาะ และเพืÉอกราบนมัสการพระเยซูเจ้าผู้ประทบัอยู่อย่างแท้จริงในศีลมหาสนิทในตู้ศีล สถานทีÉสาํคัญในวัดได้แก่พระแท่น บรรณฐาน ตู้ศีล เก้าอÊีประธาน อ่างล้างบาป และทีÉสารภาพบาป ตอนทีÉ Ś พิธีกรรมหลากหลาย – พระธรรมลํÊาลึกหนึงเดียวÉ ความมัÉงคัÉงทีÉไม่อาจหยัÉงได้ในพระธรรมลํÊาลึกของพระคริสตเจ้า ไม่สามารถแสดงออกโดย ธรรมประเพณีทางพิธีกรรมอันใดอันหนึÉงได้หมด ดังนัÊน นับตัÊงแต่แรกเริÉมแล้วทีÉความมัÉงคัÉงนีÊเราพบใน ประชากรและวัฒนธรรมต่างๆ ถึงการแสดงออกทีÉเป็ นคุณลักษณะจากความหลากหลายและ จากองค์ประกอบทีÉน่าพิศวง เกณฑซ์ึÉงประกนัความเป็นหนึÉงเดียวกนัในความหลากหลายของธรรมประเพณีทางพิธีกรรม (จารีตต่างๆ) คือ ความซืÉอสัตย์ต่อธรรมประเพณีของอัครสาวก คือความสัมพันธ์ในความเชืÉอและใน ศีลศักดิÍสทิธÍต่างๆ ที ิÉได้รับมาจากอคัรสาวก ในพิธกีรรมศักดÍิสทิธÍ โดยเฉพาะอย่างยิ ิÉงในศีลศักดิÍสทิธÍินัÊน มีปัจจัยบางอย่างทีÉไม่อาจเปลีÉยนแปลง ได้ เพราะพระเจ้าได้ทรงสถาปนาไว้เช่นนัÊน พระศาสนจักรกม็ีหน้าทÉีเฝ้ ารักษาไว้อย่างซืÉอสัตย์อย่างไรกด็ี มีองค์ประกอบบางส่วนทีÉยอมรับให้เปลีÉยนแปลงได้ ซึÉงพระศาสนจักรมีอาํนาจและบางครÊังเป็นหน้าทีÉทีÉจะ ประยุกต์ให้เข้ากบัวัฒนธรรมขของประชากรทÉีหลากหลายด้วย เสริมเรืÉองอิริยาบทและกิริยาอาการในพิธีกรรม พิธีกรรมไม่ใช่คําภาวนาในใจ แต่เป็นการแสดงออกทางถ้อยคาํและอิริยาบท กิริยาและอาการ ต่างๆ อากัปกิริยาภายนอกในพิธีกรรมจึงเป็นการแสดงออกให้เห็นว่า มนุษย์เข้าร่วมพิธีกรรมด้วยกาย และใจทัÊงครบ ř. อิริยาบททีÉใชใ้นพิธกีรรม พิธีกรรมไม่ใช่การกระทาํส่วนตัว แต่เป็นการแสดงออกของพระศาสนจักร ดังนÊันอิริยาบทต่างๆ จะต้องแสดงออกด้วยความเคารพ ความเป็นนําหนึÊ Éงใจเดียวกัน และเข้าใจถึงความหมายซึÉงแตกต่างกัน ไปในแต่ละวัฒนธรรม
12 ก) การยืน การยืนเป็นอริิยาบทสาํหรับศาสนบริกรทÉพระแท่นบูชา โดยเฉพาะอย่างยิ ีÉงผู้ทÉเป็นประธาน ี การยืนยังเป็นอิริยาบททัÉวไปของชาวอสิราเอลในขณะภาวนา ผู้ได้รับเลือกสรรจากพระเจ้าบนสวรรค์ต่างยืนขอบพระคุณพระเจ้า ข) การคุกเข่า การคุกเข่าภาวนาเป็นเครืÉองหมายแสดงถึงการกลับใจ เป็นท่าทสีอดคล้องกับท่าทขีองการวิงวอน การใช้โทษบาป การถ่อมตน การคุกเข่าในยุโรปมีลกัษณะเป็นการให้ความเคารพอย่างสงู ค) การนัÉง การนัÉงเป็นอิริยาบทของผู้สÉงสอน ั การนัÉงขณะรับฟังพระวาจาของพระเจ้าเป็นการแสดงออกถึงการรับฟังอย่างตัÊงใจ ง) การก้มศีรษะ มีการเชืÊอเชิญให้สัตบุรุษก้มศีรษะก่อนจะรับพรแบบสง่าจากประธาน จ) การหมอบกราบ ใช้ในพิธขีองผู้ทÉถีวายตัวอย่างเดด็ขาดต่อหน้าพระสังฆราช ซÉึงได้แก่ผู้ทÉจะบวชเป็นสังฆานุกร ี พระสงฆ์ และพระสังฆราช Ś. กิริยาอาการทีÉใชใ้นพิธีกรรม ก) การทาํเครÉืองหมายกางเขน เป็นการแสดงความเชืÉอและการเป็นคริสตชน การยกมืออวยพร วิธกีารอวยพรจะแตกต่างกันบ้างสดุแล้วแต่ท้องทÉีและกาลสมัย คริสตชนมักจะเริÉมต้นทาํกิจการทÉสีาํคัญโดยทาํเครÉืองหมายกางเขน ข) การข้อนอกหรือทุบอก เป็นเครืÉองหมายของความสาํนึกผิด เป็นทุกข์ถึงบาปด้วยความสภุาพถ่อมตน ค) การยกสายตาขึÊนเบืÊองบน พระสงฆ์ทาํกริิยาอาการนÊี เพืÉอบรรยายถึงการกระทาํของพระเยซูเจ้าในบทขอบพระคุณแบบทีÉ ř ง) การกางมือภาวนา ใช้ในกรณีทีÉพระสงฆ์ผู้เป็นประธานกล่าวคาํภาวนาในพิธบีูชาขอบพระคุณ หรือในการอภิเษกในภาคตอนทีÉสาํคัญ ๆ เสริมเรืÉองสถานทีÉศกัดÍสิทธิ ิÍศาสนภณัฑ์และอุปกรณอ์ืÉนๆ ทีÉใชเ้พือการประกอบพิธีกรรมÉ ř. วดั (ecclesia) คาํว่า วัด มีทÉมีาจากคาํภาษากรีก ekklesia ซึÉงหมายถึง หมู่คณะทÉถูกเรียกให้มาชุมนุมกัน วัดเป็น ี สถานทีÉศักดิÍสิทธิÍ เป็นทีÉประทับของพระเจ้า และเป็ นสถานทีÉประกอบพิธีกรรม จึงถูกเรียงร้องให้ต้อง รักษาบรรยากาศทีÉสงบ และใช้วัดเพืÉอกจิกรรมทÉเหมาะสม วัดทุกแห่ง ต้องได้รับการเสกหรืออภิเษกก่อน ี เสมอ โครงสร้างทัÊงภายนอกและภายในวัดต้องถูกออกแบบอย่างรอบคอบ คาํนึงถึงการประกอบพิธกีรรม และทีÉสาํคัญเมÉือได้เข้าไปอยู่ในวัด จะต้องมีบรรยากาศทÉีสมัผัสได้ว่า นÉีคือบ้านพระ
13 Ś. พระแท่น (altar) พระแท่น คือสัญลักษณ์อันเด่นชัดทีÉสุด ทีÉหมายถึง องค์พระเยซูเจ้าทีÉประทับอยู่กับชุมนุม และ ทรงเป็นประธานทีÉแท้จริง ผู้ทรงประกอบพิธีกรรม พระแท่นจึงเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรม เมÉือเริÉมจะ สร้างวัด จะต้องคิดถึงพระแท่นก่อนเป็นอนัดับแรก พระแท่นประจาํวัดของชุมชนจะต้องเป็นพระแท่นทีÉติด อยู่ถาวรกับพืÊน ไม่ใช่พระแท่นทีÉมีล้อเลืÉอน หรือเคลืÉอนทีÉได้ (ทีÉอนุญาตให้ใช้ได้ในวัดน้อย หรือโรงสวด) เป็นสญัลักษณ์ของ “ศิลาทรงชีวิต” (řปต Ś:Ŝ;เทยีบ อฟ Ś:ŚŘ) มีผ้าลนิินสีขาวอย่างน้อย ř ผืน ทีÉได้รับ การเสกแล้วปูแท่นไว้เสมอ จะงดใช้ผ้าปูแท่น เพียงครัÊงเดียว คือ หลังมิสซาวันพฤหัสศักดิÍสทิธÍิ เมืÉอไม่มีพิธีกรรม ให้ใช้ผ้าอีกผืนหนึÉงคลุมแท่นไว้จะเป็นผ้าสเีดียว หรือถ้าจะรักษาธรรมเนียม ดัÊงเดิมทีÉใช้สตีามเทศกาลหรือวันฉลองกไ็ด้บนพระแท่นไม่ควรมีพลาสติกปูทบัผ้าปูแท่น เมืÉอต้องถวายมิสซา นอกวัด สามารถใช้โต๊ะแทนพระแท่นได้ แต่ต้องมีผ้าปู และมีเวลา พอสมควรเพืÉอเตรียมโต๊ะตัวนัÊนสาํหรับใช้ในพิธี ś. บรรณฐาน (Ambo) เป็นทีÉอ่านพระวาจา ควรตัÊงในตําแหน่งทีÉโดดเด่น และมีเพียงบรรณฐานเดียว ก่อนใช้ต้อง ได้รับการเสก มีธรรมเนียมทีÉจะตัÊงบรรณฐานทางด้านซ้าย (เมืÉอเราหันหน้าหาพระแท่น) พิธีกรไม่ควร ใช้บรรณฐานเพืÉอการประกาศ หากไม่เริÉมพิธี ณ ทีÉนัÉงของประธาน กอ็นุญาตให้เรÉิมพิธีทีÉบรรณฐานได้ เคยมีธรรมเนียมตัÊงเทยีนหน้าบรรณฐาน แต่ได้เลิกปฏบิัติกนัแล้ว อาจตัÊงดอกไม้พองาม หรือมีผ้าห้อย (antependium) ทีÉมีลวดลายสอดคล้องกบัทÉใช้ปูบนพระแท่น ี กไ็ด้ Ŝ. ทีÉนังของประธานÉ ประธานทาํหน้าทÉีในนามของพระเยซู ทีÉนัÉงของประธานจึงควรอยู่ในทÉีโดดเด่น ให้ทีÉชุมนุม มองเห็น ทีÉนัÉงนีÊควรสวยงาม แต่ไม่ควรมีลักษณะเป็นเหมือนบัลลังก์ ทีÉนัÉงของประธานควรได้รับการเสก เช่นเดียวกนัเมÉือมีพิธีกรรมทีÉประธานไม่ใช่พระสงฆ์หรือสังฆานุกร (คือเป็นนักบวชหรือฆราวาส) จะไม่ นัÉงทีÉเก้าอีÊของประธาน ให้จัดเตรียมทีÉนัÉงในตาํแหน่งอÉืนทีÉเหมาะสมแทน ข้าง ๆ ทีÉนัÉงของประธาน มีทีÉนัÉง เผืÉอไว้สาํหรับพระสงฆ์ผู้ร่วมฉลองพิธกีรรม รวมทÊงัสงัฆานุกร ŝ. ตูศ้ีล (tabernacle) เมืÉอมีตู้ศีลอยู่ในวัด ตู้ศีลควรตÊังอยู่ในตาํแหน่งทÉเหมาะสม โดดเด่น และมีบริเวณเพียงพอต่อการ ี เฝ้าศีลส่วนตัว หากตู้ศีลอยู่ติดผนัง ควรมีลกัษณะยÉืนออกมาจากผนัง ตู้ศีลควรมีความสวยงาม ทาํจาก วัสดุทีÉทรงคุณคา่จะต้องไม่เป็นวัสดุโปร่งใส ระหว่างประกอบพิธีกรรม จะต้องไม่เปิดตู้ศีลไว้(ยกเว้นใน มิสซาวันพฤหัสศักดิÍสิทธิÍ ซึÉงตู้ศีลจะว่างเปล่า) ภายในตู้ศีลให้ปูผ้ารองถ้วยกาลิกส์ (corporal) ตู้ศีล ต้องปิด ไม่คากุญแจไว้ตลอดเวลา และเกบ็กุญแจไว้ในทÉทีีÉเหมาะสม ข้างตู้ศีล มีตะเกยีง หรือไฟทÉเปิ ดไว้ตลอดเวลา เป็นธรรมเนียมที ีÉไฟหรือตะเกียงนัÊน จะครอบด้วย กระจกสแีดง Ş. กางเขน บนพระแท่น หรือข้างพระแท่น ต้องมีกางเขนทีÉมีรูปพระเยซูถูกตรึงตัÊงไว้เสมอ ทัÊงในมิสซาและ นอกมิสซา (ยกเว้น เมืÉอมีการตัÊงศีลฯ ให้เกบ็กางเขนดังกล่าวนÊี ควรมีกางเขนเดียว หากหลงัพระแท่น
14 มีไม้กางเขนทีÉมีพระเยซูถูกตรึงอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องมีกางเขนอÉืนอีก กางเขนทีÉใช้แห่ เมืÉอมาถึงพระแท่น ผู้ช่วยพิธนีาํ ไปเกบ็ในห้อง sacristy หรือในทีÉทีÉเหมาะสม การมีกางเขนนีÊในพิธีกรรม โดยเฉพาะในพิธีมิสซา ก็เพืÉอเน้นยํÊาว่า พิธีกรรมนีÊเป็นบูชาของ พระเยซู ş. เทียน เทยีนทÉใีช้สาํหรับประกอบพิธีกรรม จะตÊังอยู่บนหรือข้างพระแท่นกไ็ด้จาํนวนของเทยีน ยังถือ เป็นสัญลักษณ์ทีÉแสดงถึงระดับการของฉลอง คือ ř คู่สําหรับมิสซาทÉัวไป Ś คู่สําหรับวันฉลอง ś คู่ สําหรับวันสมโภช และเทียน ş เล่ม สาํหรับมิสซาทÉีพระสังฆราชเป็ นประธาน เทียนสาํหรับประกอบ พิธีกรรม ต้องเป็นเทียนสีขาว ไม่ต้องใช้สีเทียนตามสีของอาภรณ์พระสงฆ์ตาํแหน่งทÉีวางและความสูง ของเทยีนจะต้องไม่บดบังประธาน หรือทาํให้ลาํบากเมÉือต้องเดินรอบพระแท่น มีธรรมเนียมการตัÊงมาลา หรือหรีด ทีÉมีเทยีนสีŜ เล่ม ในช่วงเทศกาลเตรียมรับเสดจ็ฯ จะไม่ตÊัง มาลาหรือหรีดดังกล่าวแทนเทยีนสีขาวบนพระแท่น แต่อนุญาตให้ตัÊงใกล้ ๆ พระแท่นได้ Š. ดอกไม้ การจัดดอกไม้ มอบถวายแด่พระเป็นกิจการทีÉดี และมีความหมาย แต่ควรจัดให้เหมาะสมกับ โอกาส ตามเจตนารมณ์ของพิธีต่าง ๆ ในรอบปี พิธีกรรม ดอกไม้ยังแสดงถึงการเฉลิมฉลอง และบอกถึง ระดับของการฉลองนัÊน ๆ เช่นเดียวกัน อย่างไรกต็าม บริเวณพระแท่น ไม่ควรประดับดอกไม้มากเกิน ควร จนบดบังพระแท่น ตามคาํแนะนาํของพระศาสนจักร จะไม่ใช้ดอกไม้พลาสติกในพิธกีรรมอย่างเดด็ขาด š. ถว้ยกาลิกส ์ ถือเป็นภาชนะศักดิÍสิทธิÍ ทีÉมีความสาํคัญ ทาํจากโลหะ เคลือบสีทอง ต้องเสกก่อนเสมอ ควร หลกีเลÉยงการใช้ถ้วยแก้ว หรือเซรามิก (แตกได้) รวมทั ีÊงถ้วยทีÉทาํจากวัสดุทÉดีูดซบัเหล้าองุ่น หรือเนÊอวัสดุ ื อาจละลายผสมกบัเหล้าองุ่นได้หากถ้วยกาลิกสท์ Éีเคลือบสทีองไว้เรÉิมเก่าแล้ว จาํเป็นต้องเคลอืบใหม่ řŘ. จานรองศีล (patena) ใช้คู่กับถ้วยกาลิกส์และต้องเสกก่อนเช่นเดียวกัน โดยปกติจานรองนÊี จะใช้วางแผ่นศีลแผ่น ใหญ่สาํหรับประธาน กรณีทÉใีช้แผ่นศีลขนาดใหญ่พิเศษ กต็้องจัดหาจานรองทÉมีขนาดใหญ่พอด้วย ี řř. ผอบศีล (ciborium) ภาชนะศักดิÍสิทธิÍทีÉต้องเสกเช่นเดียวกัน ใช้ใส่แผ่นปังแผ่นเล็ก ผอบศีลควรทําจากวัสดุทีÉ ทรงคุณค่าตามท้องถิÉนนัÊน ๆ ไม่ใช้ภาชนะทีÉใช้เพืÉอการอืÉน มาทาํเป็นผอบศีล ผอบศีลมีทÊงที ัÉมีทีÉจับ และ ทีÉมีลักษณะเป็ นเหมือนชาม กรณีทีÉตัÊงศีล โดยใช้ผอบศีลแทนรัศมี ควรเลือกใช้ผอบศีลทีÉมีทีÉจับ (การตัÊงศีลโดยใช้ผอบศีล จะตัÊงเทยีนเพียง Ś คู่ถ้าใช้รัศมีจะตÊงัเทยีน ś คู่) řŚ. ตลบัใส่แผ่นศีล (pyx) ใช้สาํหรับใส่แผ่นศีลเพÉือผู้ป่วย เสกก่อนใช้ ไม่ควรใช้กล่องพลาสติก หรือแม้กล่องโลหะทÉีใช้ เพืÉอกจิการอÉนแทน ื
15 řś. ชุดใส่นํÊาและเหลา้อง่นุ (cruets) ควรทําจากแก้ว หรือคริสตัล โปร่งใส เพืÉอมองเห็นภายในว่าบรรจุอะไร หากเป็ นวัสดุสีทึบ ควรมีเครืÉองหมายทีÉบ่งชีÊว่าสาํหรับใส่เหล้าองุ่นหรือใสน่าํÊ řŜ. ทีÉลา้งมือพระสงฆ์ ควรมีขนาดพอเหมาะ ให้พระสงฆ์สามารถล้างมือได้มีธรรมเนียมสาํหรับพระสังฆราชจะใช้ เหยือกหรือโถนําสวยงาม เพืÊ Éอเทนํา แทนการจุ่มมือÊ řŝ. เตา้กํายาน (incense boat) ใช้ใส่ผงกาํยาน ปกติจะมีลักษณะเข้าชุดกับหม้อไฟ ควรตรวจสอบว่าผงกาํยานไม่เกาะติดเป็น ก้อน มีช้อนเพืÉอใช้ตัก řŞ. หมอ้ไฟ (thurible) ปัจจุบันมีหม้อไฟหลายแบบ ทัÊงเป็นทีÉมีโซ่เส้นเดียว และทีÉมีหลายเส้น แต่ทีÉเหมาะสาํหรับสาํหรับ ใช้ คือมีโซ่ Ŝ เส้น řş. เทียนสําหรบันําขบวนแห่ ควรมีทีÉตัÊงเทียนทีÉสูงพอสมควร และเทียนมีขนาดใหญ่-สูง ให้ดูสวยงามเมืÉออยู่ในขบวนแห่ เคียงข้างกางเขน เทยีนสาํหรับแห่นÊี เมืÉอมาถึงพระแท่น ให้นาํเทียนไปวางบนโต๊ะทÉวางภาชนะศักดิ ี ÍสิทธิÍ (credence) หรือทีÉอืÉนทีÉเหมาะสม บางแห่งวางทีÉหน้าหรือข้างพระแท่น ซึÉงทาํได้ถ้ามีบริเวณเพียงพอ řŠ. ทีÉวางหนงัสือ อาจจะใช้ทีÉวางหนังสือทีÉปรับระดับได้ทาํด้วยไม้หรือโลหะ มีความสวยงาม หรืออาจจะใช้หมอน ทีÉใช้สาํหรับการนÊโีดยเฉพาะกไ็ด้ (บางแห่งมีธรรมเนียมใช้หมอนตามสีของวันฉลอง) โดยปกติสนับสนุน ให้เริÉมพิธีณ ทÉนัีÉงของประธาน หรือทีÉบรรณฐาน ซึÉงถ้าปฏิบัติเช่นว่านีÊ ในภาควจนพิธีกรรม ยังไม่ควรวาง ทีÉวางหนังสือหรือหมอนรองบนพระแท่น ให้ยกมาพร้อมหนังสือ และภาชนะอืÉน ๆ เมืÉอเริÉมภาคบูชา ขอบพระคุณ řš. ผา้รองถว้ยกาลกิส์ (corporal) เป็นผ้าศักดิÍสทิธÍ ที ิÉต้องเสกก่อนใช้ขาดไม่ได้สาํหรับพิธีมิสซา และการตัÊงศีลฯ เป็นผ้าลินินสีขาว รูปทรงสีÉเหลีÉยมจัตุรัส เมืÉอพับแล้วจะแบ่งเป็นเก้าช่อง มีรูปกางเขนปักด้วยด้ายสีแดง ในช่องกลางของ แถวล่างสดุผ้าผืนดีต้องให้ความสาํคัญ ให้สะอาดอยู่เสมอ เพืÉอแสดงออกถึงความเคารพต่อศีลมหาสนิท การซักผ้าผืนนีÊ และผ้าศักดิÍสิทธิÍอืÉน ๆ ควรปฏิบัติตามคาํแนะนาํของพระศาสนจักร ซÉึงมีธรรมเนียมซัก นําแรก ใน Ê sacrarium หรืออาจจะใช้ภาชนะอืÉนแทน และเทนําแรกลงพืÊ Êนดินโดยตรง ในพิธีกรรมหรือ นอกพิธกีรรม เมÉือจะวางผอบศีลหรือถ้วยพระโลหิตบนโตะ๊หรือในทÉพักศีล จะต้องปูผ้าผืนนี ีÊก่อนเสมอ ŚŘ. ผา้เช็ดถว้ยกาลกิส์ (purificator) ถือเป็นผ้าศักดิÍสทิธÍิทีÉต้องเสกก่อนใช้เช่นเดียวกัน เป็นผ้าลินินสขีาว รูปทรงสÉีเหลีÉยมผืนผ้า พับś ตามแนวนอน แล้วพับครึÉง เมืÉอมีพระสงฆ์ช่วยส่งศีลจาํนวนมาก ให้เตรียมผ้านÊีสาํหรับให้พระสงฆ์เชด็มือ ไม่ควรใช้ผ้าผืนนีÊซําโดยไม่ได้ซัก ควรเปลี Ê Éยนผ้าใหม่ทุกครัÊง แม้จะเป็นพระสงฆ์คนเดียวกนัทÉถวายมิสซา ี
16 Śř. แผ่นแข็งปิดถว้ยกาลิกส์ (palla) เป็นผ้าลินินสีขาวรูปทรงสีÉเหลีÉยมจัตุรัส มีแผ่นกระดาษแขง็หรือไม้อยู่ด้านใน ทÉีผืนผ้าปักเป็น ลวดลายทีÉเกีÉยวข้องกับสัญลักษณ์ทางพิธีกรรม ไม่จาํเป็นต้องหุ้มพลาสติก จุดมุ่งหมายของการใช้แผ่น แขง็นÊีกค็ือ ใช้ปิดถ้วยกาลิกส์เพÉือกนั ฝุ่น หรือสÉงแปลกปลอมตกลง ิ ไป ŚŚ. ผา้เช็ดมือพระสงฆ์ ไม่นับรวมเป็ นผ้าศักดิÍสิทธิÍ อย่างไรก็ตามถือเป็นเรืÉองน่าชม ทีÉจะใช้ผ้าลินินสีขาวเช่นเดียวกัน ไม่ควรเป็นสีอืÉน ไม่ควรมีลวดลาย (การล้างมือของพระสงฆ์ เป็นส่วนหนึÉงของพิธกีรรม มีบทภาวนาควบคู่ ไปด้วย) ผ้าผืนนีÊจะพับ Ŝ ตามแนวนอน แล้วพับครึÉง Śś. อลับา (alba) อัลบา แปลว่า สีขาว จึงหมายถึงความบริสุทธิÍ ถือเป็ นอาภรณ์พิธีกรรม ต้องเสกก่อนใช้ โดยทัÉวไปจะใช้พร้อมกบัรัดประคด แต่ถ้าอลับามีรูปทรงทÉใีส่ได้พอดีตัว ไม่ต้องใช้รัดประคดกไ็ด้ ŚŜ. รดัประคด (cincture) เป็นเชือกผ้า ใช้เพืÉอให้ชุดอลับาเข้ารูปทรงสวยงาม โดยทÉวัไปจะใช้รัดประคดสขีาว แต่หากจะใช้ สตีามวันฉลองกไ็ด้ Śŝ. สโตลา (stole, stola) เป็นผืนผ้าห้อยคอ นับเป็นอาภรณ์ศกัดÍิสทิธÍ ที ิÉต้องเสกเช่นเดียวกนั สโตลาทีÉใช้คู่กับกาสุลา จะมีสีทÉีสอดคล้องกัน และไม่มีลวดลาย ส่วนสโตลาทีÉใช้เพืÉอใส่โดยไม่ สวมกาสุลา (อนุญาต เมืÉอมีจาํนวนพระสงฆ์ร่วมสหบูชามิสซาจาํนวนมาก) จะมีลวดลายทÉีสอดคล้องกับ พิธกีรรม ผืนผ้ากว้างและยาวกว่าสโตลาทÉใีสก่บักาสลุา อย่างไรกต็าม ไม่ควรยาวจนเกินพอดี ความหมายประการหนึÉงของสโตลา คืออาํนาจหน้าทÉของศาสนบริกร (ที ีÉได้รับศีลบวช) จึงสังเกต ว่า การสวมสโตลาของพระสงฆ์และสังฆานุกรจึงไม่เหมือนกัน เพราะสังฆานุกรมีอาํนาจหน้าทÉีไม่เท่า พระสงฆ์ ŚŞ. กาสุลา (Casula) เป็นเสืÊอชัÊนนอกทีÉพระสงฆ์สวมทับเสืÊออัลบา สาํหรับถวายบูชามิสซา กาสุลาเป็นอาภรณ์ทีÉสวมเตม็ ตัวด้านบน สวมทางศีรษะเหมือนเสืÊอทีÉทาํจากผ้าขนาดใหญ่และเจาะรูไว้สวมศีรษะ เนÉืองจากเสืÊอหุ้มห่อ ผู้สวมใส่และป้องกันเขาไว้เหมือนบ้านเลก็ๆ หรือเต๊นท์เป็นอาภรณ์ทÉีพระสังฆราชและพระสงฆ์สวมเวลา ประกอบพิธีมิสซา เป็นเครืÉองหมายแสดงว่าผู้ประกอบพิธีทÉสวมกาซูลา ได้ "สวม" พระคริสต์เพื ีÉอกระทาํ การแทนพระองค์ระหว่างถวายบูชา เสืÊอกาสุลา ยังเป็ นสัญลักษณ์แห่งความรักเมตตา ซึÉงครอบคลุมคุณธรรม ทุกอย่าง มีศักดิÍศรี มีเกียรติเหนือสิÉงอืÉนใด เพราะเสืÊอนีÊคลุมทบัเสÊือ และเครืÉองหมายอืÉน ๆ ทุกชิÊนไว้ เสืÊอกาสุลา ไม่เพียงแต่ หมายถึงความรักเมตตาเท่านัÊน ต่อมา ยังหมายถึงคุณธรรมอืÉน ๆ ด้วย เป็ นต้นว่า ความยุติธรรม ความศักดิÍสทิธÍขิองพระสงฆ์ความเป็นผู้มีใจซÉือบริสุทธิÍ พระคุณของ พระจิต ความกล้าหาญในการป้ องกัน ความเชืÉอ โดยเฉพาะอย่างยิÉง การแบกแอก (แอก = ภาระ) อัน “อ่อนนุ่ม และเบา” ของพระคริสตเจ้า เพืÉอติดตามพระองค์ไป นอกนัÊนยังมีความหมายถึง ความเป็นหนึÉงเดียวกันของพระศาสนจักรอกีด้วย
17 Śş. แผ่นปัง (hostia) เป็นปังไร้เชืÊอ (ไม่ผสมสิÉงใด) ทาํจากข้าวสาลีแท้โดยทÉวัไปจะทาํเป็นสองขนาด สาํหรับพระสงฆ์ ขนาดใหญ่ และสําหรับสัตบุรุษจะขนาดเล็ก ปังแผ่นใหญ่ทีÉเตรียมไว้สําหรับพระสงฆ์ผู้เป็นประธาน รวมทัÊงพระสงฆ์ผู้ร่วมทÉอียู่ซ้ายขวา ไม่ควรตัดแบ่งครÉึงไว้ก่อน ถือเป็นหน้าทีÉของประธานทีÉบิพระกาย (ปังทีÉเสกแล้ว) แล้วแบ่งให้พระสงฆ์ท่านอืÉน เป็นธรรมเนียมปฏบิัติทÉจีะให้นักบวชในอาราม เป็นผู้ผลิตแผ่นปัง ในกรณีทีÉปรารถนาจะใช้ปังไร้เชืÊอทีÉมีรูปทรงเป็ นก้อน เพืÉอหักแบ่ง เหมือนในพิธีดัÊงเดิม ต้อง มัÉนใจว่า ปังทีÉจัดทาํนÊันมีคุณสมบัติเหมาะสม การเกบ็แผ่นปังควรเกบ็ในภาชนะทÉรักษาสภาพของแผ่นปังได้ และมีลักษณะที ีÉเหมาะสมด้วย ŚŠ. เหลา้องุ่น (wine, vinum) พระศาสนจักรเรียกร้องอย่างหนักแน่น ให้ใช้เหล้าองุ่นแท้(เทยีบ ลก ŚŚ:řŠ) (ไม่เกิน ŚŘ ดีกรี) ไม่มีอนุญาตให้ใช้เหล้าอืÉน ๆ แทน ควรเกบ็เหล้าอง่นุให้มีสภาพสมบูรณ์ ใช้ภาชนะ หรือขวดทÉเหมาะสม ี สามารถเลือกใช้เหล้าองุ่นแดงหรือเหล้าองุ่นขาวได้เป็นทÉสังเกตว่าเหล้าองุ่นที ีÉผลิตและมีขายทัÉวไป จะ ไม่ใช่เหล้าองุ่นแท้ตามคุณสมบัติทÉีพิธีกรรมเรียกร้อง จึงควรใช้เหล้าองุ่นทÉีพระศาสนจักร หรือ พระสงัฆราชท้องถÉินรับรองแล้วเท่านัÊน หากเหล้าองุ่นเปลÉียนสภาพแล้ว (มีรสเปรีÊยว)ไม่ควรใช้ และถ้ามีตะกอน ควรกรองให้สะอาดก่อน หากมีผู้ป่วยทÉีปรารถนาจะรับศีล แต่รับพระกายไม่ได้จาํเป็นต้องรับพระโลหิต กส็ามารถทาํ ได้ โดยพระสงฆ์นาํพระโลหิตทÉีเสกในมิสซาของวันนัÊน บรรจุในบรรจุภัณฑท์ Éีเหมาะสม และปลอดภัย อย่างไร กต็ามถ้าต้องเกบ็พระโลหิตไว้ในตู้ศลีหรือทÉอืีÉนใด จะต้องมัÉนใจว่า สภาพของพระโลหิตจะยังคงสมบูรณ์ เสริมเรืÉองขอ้พึงใส่ใจในการอภิบาล ความสําคญัของพิธีกรรมในดา้นภายนอก พิธีกรรมเป็นการประกอบของชุมชน จึงจําเป็นต้องมีระเบียบหรือกฎเกณฑ์ภายนอกเพืÉอความ เรียบร้อยถูกต้อง แต่ควรระวังการถือเลยเถิด Ś ทางคือ การถือตรงตามตัวอักษรทุกตอน และการไม่ใส่ ใจปฏบิัติตามกฎระเบียบทÉวางไว้เลย ี เครืÉองหมายแสดงในพิธีกรรมเป็นแต่เพยีงสิÉงชัวคราวÉ เวลาประกอบพิธีกรรมทีÉอาศัยเครืÉองหมายแสดง จะต้องทาํ ให้เรามีความปรารถนาและกระหายทÉี จะได้พบพระผู้เป็นเจ้าในโลกของพระองค์อย่างสมบูรณ์ในขÊันสุดท้ายซึÉงเป็นจุดหมายปลายทางของเรา เครืÉองหมายแสดงเกียวเนืÉอÉงกบัชุมชนแต่ละแห่งและแต่ละสมยั เครืÉองหมายแสดงในพิธีกรรมทีÉเราใช้กันอยู่นัÊนเป็ นเครืÉองหมายประดิษฐ์ทีÉพระเยซูเจ้าและ พระศาสนจักรเลือกขึÊนมาใช้ ดังนัÊนเครืÉองหมายแสดงเองเปลีÉยนไปตามยุคสมัยหรือเปลีÉยนไปตามแต่ละ ท้องทีÉ อิริยาบทและท่าทางภายนอก การร่วมพิธกีรรมจะต้องเป็นการร่วมทÊังใจและกายพร้อมกัน การร่วมพิธีกรรมด้วยจิตใจทีÉเร่าร้อน และจดจ่อ กจ็ะช่วยให้กายแสดงออกด้วยความสงบเสงÉียมสาํรวม และในเวลาเดียวกัน อิริยาบทและ ท่าทางภายนอกทีÉเรียบร้อยเหมาะสม กม็ีอทิธพิลต่อจิตใจของเราด้วยเช่นเดียวกนั
18 ส่วนทีÉ Ś ศีลศกัด Í สิทธิ ิÍเจ็ดประการของพระศาสนจักร เฉพาะตอนทีÉสาม: ศีลมหาสนิท ตอนทีÉ 3 ศีลมหาสนิท (หนังสอืคาํสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ řśŚŚ-řŜřš) ความหมายของลาํดบัพิธีและขนัÊตอนต่างๆ ในพิธีมิสซา (บูชาขอบพระคณุ ) คุณพ่ออนุสรณ์แกว้ขจร ก่อนพิธี พิธกีรรมคริสตชนเป็นพิธกีรรม “ศักดิÍสิทธิÍ” มีจุดมุ่งหมายประการหนÉึงเพืÉอบันดาลความศักดิÍสทิธÍิ ให้แก่ผู้ร่วมพิธกีรรม ด้วยเหตุนÊีจาํเป็นต้องมีการเตรียมอย่างดีทÊงภายนอกและภายใน ั การเตรียมด้านภายนอก คือการเตรียมสถานทีÉ ตลอดจนสิÉงต่าง ๆ ทีÉต้องใช้เพืÉอการฉลอง พิธีกรรม รวมไปถึงการเตรียมเป็นพิเศษของผู้ทาํหน้าทÉีศาสนบริกรด้านต่าง ๆ ทัÊงพระสงฆ์ในฐานะ ผู้เป็นประธานประกอบพิธีกรรม สังฆานุกร ผู้ช่วยพิธีกรรม ผู้อ่านพระคัมภีร์พิธีกร นักขับร้อง นักดนตรี และคนจัดวัด และทีÉไม่อาจลืม คือประชาสตับุรุษทÉวัไป กต็้องมีการเตรียมด้านภายนอกในส่วน ของตนด้วยเช่นเดียวกัน การเตรียมด้านภายใน ภายถึงการเตรียมด้านจิตใจ ทัÊงพระสงฆ์ ศาสนบริกรทุกบทบาท และ ฆราวาสทัÉวไป ล้วนถูกเรียกร้องให้มีการเตรียมจิตใจ เพืÉอให้ตนเองอยู่ในสถานภาพทÉเหมาะสมที ีÉจะเข้ามา ร่วมงานเลีÊยงของพระเยซูเจ้า รับการหล่อเลีÊยงด้วยพระวาจาและศีลมหาสนิท การเตรียมจิตใจร่วมกนัเป็นหมู่คณะ ด้วยการภาวนา เป็นสิÉงน่าชมเชย สะท้อนภาพ คริสตชนใน อดีตทีÉรวมกลุ่มกนัภาวนา ขับร้องเพลงสดุดีรอคอยทีÉจะฉลองพิธมีิสซา เมÉือพระสังฆราชของตน หรือ พระสงฆ์เดินทางมาถึง (ในอดีต ไม่สามารถกาํหนดเวลามิสซาได้ขÊึนอยู่กับการเดินทางของพระสงัฆราช หรือพระสงฆ์) หลังสังคายนาวาติกันทีÉ 2 พระศาสนจักรเน้นการมีสว่นร่วมของประชาสตับุรุษ ความพร้อมของ ทีÉชุมนุมจึงได้รับความสาํคัญ ดังปรากฏ ในคาํอธิบายพิธตีอนเรÉิมต้นว่า “เมืÉอสตับุรุษประชุมพร้อมกันแล้ว พระสงฆ์ผู้ประกอบพิธกีับผู้ช่วย เดินไปยังพระแท่น ระหว่างนÊัน ขับร้อง “เพลงเริÉมพิธี” การชุมนุมกันของประชาสัตบุรุษ เพืÉอร่วมพิธีกรรม มีความหมายและมีความสาํคัญ ดังถ้อยคาํ ของพระเยซูทีÉว่า “ทีÉใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ทÉีนัÉนในหมู่พวกเขา” (มธ 18:20) ในอดีต พระศาสนจักรตะวันออก เรียกพิธีมิสซา หรือพิธีบูชาขอบพระคุณว่า “Synaxis” แปลว่า “การร่วมชุมนุมกัน” ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. ปัจจุบนัแม้จะกาํหนดเวลาของพิธมีิสซาไว้อย่างชัดเจน การใช้เวลาร่วมกนัเพÉือภาวนาเตรียมจิตใจ ยังเป็นสิงทีÉ Éไม่ผิด หรือขัดกบัการใช้เวลาเพÉือการเตรียมพิธกีรรม อย่างไรกต็าม ไม่ควรมุ่งสวดตามสตูรหรือรูปแบบให้จบจนครบเวลา โดย ไม่มีเวลาเงียบ ควรหยุดสวด ก่อนทีÉพิธจีะเรÉิม ทัÊงเพืÉอให้แต่ละคนได้เตรียมจิตใจเป็นการส่วนตัว และเพืÉอการเริÉมต้นพิธี มิสซาจะได้มีความสง่างาม และเด่นชัด 2. บางแห่งใช้ช่วงเวลาของพิธีเริÉม สาํหรับการเตรียมบทเพลงร่วมกัน ขอแนะนําให้เป็นการร่วมร้องเพลงเพÉือสร้าง ความคุ้นเคยกบับทเพลง ไม่ฝึกทกัษะการร้องบทเพลงในช่วงเวลานÊี
19 3. การรับศีลอภัยบาป : เพืÉอจะได้มีสว่นร่วมในพิธมีิสซาอย่างครบถ้วน ควรรับศีลอภัยบาปก่อนพิธมีิสซา อย่างไรก็ ตาม ด้วยเหตุผลเพืÉอการอภิบาล (มีผู้รับศีลอภัยบาปมาก) พระสงฆ์ผ้ไูม่ได้ร่วมประกอบพธิมีิสซา อาจจะยังคงโปรด ศีลอภัยบาป ระหว่างพิธมีิสซาได้ ในสถานทีÉทีÉเหมาะสม และควรหยุดชัÉวขณะ เมืÉอถึงตอนอ่านพระวรสาร และเมืÉอถึง ช่วงเสกศีล 4. การเตรียมเรืÉองอืÉนๆ เช่น เตรียมอ่านบทอ่าน ผ้ถูือของถวาย เตรียมบทเพลง ฯลฯ ควรกระทาํเสรจ็สÊินตัÊงแต่ ในช่วงนีÊ 1. เพลงเริÉมพิธี (เริÉมขบวนแห่) บางครัÊง เมืÉอมีขบวนแห่ จะเรียกว่า “เพลงแห่เข้า” จุดมุ่งหมายของการขับร้องเพลงเริÉมพิธี มีอยู่4 ประการ ด้วยกนัคือ 1. เป็นสญัญาณบอกถึงการเริÉมพิธี 2. รวมใจทีÉชุมนุมให้เป็นหนึÉงเดียวกัน 3. เกริÉนนาํหรือเน้นยาถึงการฉลองธรรมลํÊํ าลึกของวันนัÊ Êนๆ 4. ประกอบขบวนแห่ เนืÊอเพลงและท่วงทาํนองของเพลงเรÉิมพิธีจึงควรสอดคล้องกับจุดมุ่งหมาย 4 ประการ นีÊ ขบวนแห่ และการขับร้องเพลงแห่เข้า (หรือเพลงเริÉมพิธ)ีทาํให้พิธกีรรมมีความสง่างามมากขÊึน รวมทัÊงมีสัญลักษณ์อืÉน ๆ ในขบวนแห่ทีÉล้วนมีความหมาย ไม่ว่าจะเป็นการนาํขบวนด้วยกาํยาน ทÉมีควัน ี พวยพุ่งส่งกลิÉนหอม ผู้ถือกางเขน และเทยีน การแห่พระวรสาร และขบวนแห่ของศาสนบริกรทีÉเรียงลาํดับ ตามลาํดับขÊัน ฯลฯ ขณะขับร้อง ทีÉชุมนุมจะยืนขึÊน แสดงออกถึงการต้อนรับ และเพืÉอให้การแสดงออกดังกล่าวนีÊ แสดง ถึงความพร้อมเพียง และความเป็นหนึÉงเดียวกนัเพลงเรÉิมพิธจีึงควรเป็นเพลงทÉทีุกคนสามารถมีสว่นร่วม ในการขับร้อง มีธรรมเนียมตัÊงแต่ในศตวรรษทีÉ 4 เมืÉอเริÉมขบวนแห่จะขับร้องบทเพลงต้อนรับพระสนัตะปาปา หรือพระสงัฆราช จึงมีการประพันธบ์ทเพลงสาํหรับใช้เพÉือการนีÊ เช่น เพลง Ecce sacerdos Magnus และ เพลง Evviva il papa แม้ปัจจุบัน ธรรมเนียมนีÊกย็ังคงมีอยู่อย่างไรกต็าม ก่อนทีÉขบวนแห่ของ พระสงัฆราช จะมาถึงพระแท่น ควรเริÉมขับร้องเพลงเริÉมพิธีเพÉือเข้าส่กูารฉลองพิธีมิสซา ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. ระยะทางของขบวนแห่ บ่งบอกถึงความสง่า และระดับของการฉลอง เมืÉอมีฉลองใหญ่ ควรมีระยะทางของการแห่ พอสมควร และจัดเตรียมเพลงไว้ให้เหมาะสม จะเป็นการดีหากวนัอาทิตย์เลอืกทีÉจะแห่เข้าส่พูระแท่น ทางประตู ด้านหน้าของวัด ซึÉงแตกต่างจากวันธรรมดา ทีÉแห่จากห้องแต่งตัวพระสงฆ์ 2. ในวันธรรมดา บางโอกาสไม่ขับร้องเพลงเริÉมพิธี สามารถอ่านบท “เพลงเริÉมพิธี” ทีÉมีอยู่ในหนงัสอืบทอ่าน แทนได้ 2. การคํานบัพระแท่น - การถวายกาํยาน พระแท่น เป็นทัÊงศูนย์กลางของวัด และศูนย์กลางของพิธกีรรม เพราะพระแท่น เป็นสญัลักษณ์ หมายถึง องค์พระคริสตเจ้า ผู้ประทบัอยู่กับทÉชุมนุม เมื ีÉอขบวนแห่ของผู้ช่วยพิธีและพระสงฆ์มาถึงทÉีหน้า พระแท่น จะแสดงความเคารพพระแท่นเสมอ
20 การแสดงความเคารพอย่างใกล้ชิด ด้วยการกราบพระแทน่ของประธานนัÊน ประธานทาํในนามของ ประชาสตับุรุษทÊงหมด ด้วยเหตุนี ัÊ ในช่วงเวลาดังกล่าว เมืÉอประธานก้มลงกราบพระแท่น ประชาสตับุรุษ ควรก้มศีรษะของตน แสดงความเคารพพระแท่นไปพร้อม ๆ กนัด้วย (การแสดงความเคารพพระแท่น ด้วยการวางมือทัÊงสองบนพระแท่น แล้วก้มลงจูบ ถือเป็นการ แสดงความเคารพทีÉมีความหมายยิÉง สําหรับโลกตะวันตก สําหรับประเทศไทย เพืÉอให้สอดคล้องกับ วัฒนธรรมไทย ได้เปลีÉยนจากการจูบ มาเป็นการกราบ) ในวันฉลองสาํคัญ (รวมทÊงัทุกวันอาทติย์ถ้าเหน็สมควร) ประธานจะถวายกาํยานรอบพระแท่น มีความหมายว่าเป็นการแสดงความเคารพ นอกจากถวายกาํยานรอบพระแท่นแล้ว เมÉือผ่านกางเขนทีÉมีองค์พระเยซูเจ้าถูกตรึง ประธานจะ ถวายกาํยานแสดงความเคารพกางเขนด้วยเช่นกัน กางเขนทÉมีีองค์พระเยซูเจ้าถูกตรึง ไม่ว่าจะอยู่หลังแท่น หรือเคียงข้างพระแท่น เป็นสญัลักษณ์ทÉีมีความหมายยิÉง ทาํให้เราระลกึถึงบูชาบนไม้กางเขนของพระเยซู ให้ความหมายสาํคัญของพิธีมิสซาว่า ไม่ใช่แค่“งานเลีÊยง” แต่เป็นการถวายชีวิตของพระเยซูเพÉือไถ่บาป เรา ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. เพืÉอให้พระแท่น เป็นเครืÉองหมายหรือสัญลักษณ์ทีÉชัดเจน หมายถึงองค์พระเยซูเจ้าผู้ประทบัท่ามกลางเรา จงึไม่ควร มีหลายสิÉงหลายอย่างมากเกนิไป ทÊงับนพระแทน่ และทีÉหน้าพระแท่น 2. เมืÉอมีการถวายกาํยาน ควรขับร้องเพลงเรÉิมพิธอีย่างต่อเนÉือง ไม่ถวายกาํยานในความเงียบ หรืออย่างน้อย ยงัมี เสยีงดนตรีบรรเลงอยู่ 3. การทําสําคญัมหากางเขน เมืÉอขับร้องเพลงเริÉมพิธจีบแล้ว ประธาน นาํ ประชาสตับุรุษทาํสาํคัญมหากางเขน “เดชะพระนามพระบิดา และพระบุตร และพระจิต” แล้วทุกคน ตอบรับพร้อมกนัว่า “อาแมน” การทาํสาํคัญมหากางเขนนÊี ไม่ใช่เป็นแค่อิริยาบถสาํหรับเรÉิมพิธีหรือเรÉิมการภาวนา แต่มี ความหมายว่า เป็นการแสดงความเชืÉอ 2 ประการด้วยกนัคือ 1. ความรอดของเรา มาจากธรรมลําลึกÊ เรืÉองไม้กางเขน และ 2 เรายังเอ่ยพระนาม “พระตรีเอกภาพ” ระหว่างการทาํสาํคัญมหากางเขน” เหมือนกับทีÉเราได้รับศีลล้างบาปในพระนามของพระตรีเอกภาพ การทาํสาํคัญมหากางเขน จึงเป็นการ ยืนยันการเป็นคริสตชน เป็นประชากรของพระเจ้า และเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร ทีÉมาร่วมเป็นหนึÉง เดียวกนัเพÉือเฉลิมฉลองธรรมลําลึกปัสกาÊ การทาํสาํคัญมหากางเขน เรÉิมทีÉหน้าผาก ตาํแหน่งของความคิด ตามด้วยหน้าอก ตาํแหน่งของ หัวใจ ทีÉแห่งความรู้สึกและความรัก สดุท้าย ทÉไหล่ทั ีÊงสอง ทีÉยึดมือทัÊงสองข้างๆไว้ เป็นทีÉแห่งการลงมือ กระทาํ ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. การทาํสาํคัญมหากางเขน ควรทาํอย่างตÊังใจ และราํพึงถึงความหมายควบคู่ไปด้วย 2. การตอบรับ “อาแมน” ของประชาสตับุรุษมีความสาํคัญเช่นกนัควรตอบรับอย่างพร้อมเพียง และเข้าใจความหมาย
21 4. คําทกัทาย “พระเจา้สถิตกบัท่าน” พระสงฆ์ทกัทายประชาสตับุรุษ ด้วยถ้อยคาํทÉมีความหมายยิ ีÉง ไม่ใช่คาํทกัทายทÉวไป แต่เป็นการ ั ทกัทายพร้อมกบัยืนยันถึงการประทบัอยู่ของพระคริสตเจ้าท่ามกลางทÉีชุมนุม และประชาสัตบุรุษก็ตอบ รับคาํทกัทายนÊีด้วยการยืนยันถึงการประทบัอยู่ของพระเยซูเจ้าเช่นกัน มีคาํทกัทายจากพระสงฆ์อยู่หลายแบบ แต่ล้วนมีความหมายเดียวกนัอิริยาบถประกอบการ กล่าวถ้อยคาํทกัทายนÊี พระสงฆ์ จะแผ่มือทัÊงสองข้าง หาสตับุรุษ (เหมือนการสวมกอดบุคคลในครอบครัว ผู้ใกล้ชิด) เป็นท่าทางทÉให้ความอบอุ่น แสดงถึงการต้อนรับ และการเป็นหนึ ีÉงเดียวกนั ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. คาํทกัทายนÊีมีความหมายเพียงพอแล้ว จึงไม่จาํเป็นต้องมีคาํทกัทายอÉืน ๆ ทีÉเราใช้กันทัว ๆ ไป มากล่าวซํ Éาอีก Ê (เช่น สวัสดี เป็นต้น) 5. คําเกริÉนนํา หลังจากกล่าวคาํทกัทายแล้ว พระสงฆ์ผู้เป็นประธาน (หรือสังฆานุกร หรือศาสนบริกรท่านอืÉน ทีÉได้รับมอบหมาย) จะกล่าวเกริÉนนาํสÊนัๆ ส่กูารฉลองในวันนÊัน ๆ หรือแจ้งเจตจาํนงพิเศษเพÉือการ ร่วมจิตใจเป็นหนึÉงเดียวกันของประชาสตับุรุษ 6. การสารภาพผิด ในพันธสัญญเดิม ได้กล่าวไว้ว่า ใครกต็ามทÉอียู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เขาจะรู้สึกถึงความไม่ เหมาะสมของตนเอง เขาจะก้มศีรษะจดพืÊนดิน ในพันธสญัญาใหม่กเ็ช่นกัน มีข้อความหลายตอนทÉี มุ่งยํÊาให้เราสาํนึกถึงความผิดบกพร่องของเรา “ถา้เราพูดว่าเราไม่มีบาปเรากําลังหลอกตนเอง และ ความจริงไม่อยู่ในเรา พระองค์ทรงซืÉอสัตย์แลงเทียÉงธรรม ถา้เราสารภาพบาป พระองค์จะทรงอภัย บาปของเรา และจะทรงชําระเราใหส้ะอาดจากความอธรรมทังปวงÊ ” (1ยน 1:8-9) การเตรียมจิตใจให้เหมาะสมเพืÉอร่วมพิธีกรรมอย่างดี จึงเป็นสิÉงสมควรยิÉง พิธีมิสซาในอดีต จะ เริÉมต้นด้วยการอ่านพระคัมภีร์ การเตรียมจิตใจเป็นเรืÉองส่วนตัว วัด หรือมหาวิหารเก่า เมืÉอเข้าประตูวัด จะมีห้องเลก็ๆ ทÉเรียกว่า ี Atrium (ห้องแห่งหัวใจ) ไว้ให้ผู้มาร่วมพิธีได้เตรียมจิตใจให้สงบ เพราะ แต่ละคน ต่างมาในสภาพทีÉแตกต่างกัน จําเป็ นต้องขจัดอารมณ์ทีÉวุ่นวาย พ้นจากเสียงอึกทึกจาก ชีวิตประจาํวัน และยกจิตใจขÊึนหาพระเจ้า ปัจจุบันไม่มี atrium หรือ ห้องแห่งหัวใจนีÊแล้ว แล้วช่วงเวลาของการเตรียมจิตใจให้เหมาะสมกับ การฉลองธรรมลําÊลึกถูกกาํหนดไว้ในช่วงเรÉิมพิธนีÊี ประธานจะกล่าวเชิญชวนเราให้สาํนึกถึงความผิดบกพร่องของเรา แล้วทุกคนสวดบทสารภาพผิด พร้อมกัน เป็นการสารภาพผิดกบัพระเจ้า และกับกันและกนัและไม่ใช่แค่การทาํผิดด้วยกาย – วาจา และใจ แต่ยังรวมถึงการละเลยการทาํความดีด้วย ในตอนท้ายของบทสวด นอกเหนือจากวอนขอแม่พระ และบรรดานักบุญแล้ว เรายังขอให้เพืÉอน พีÉน้อง คนข้างซ้าย-ข้างขวา ได้ภาวนาเพืÉอตัวเราด้วย
22 ท่าทขีองการสวดบทสารภาพผิดนÊี จึงเรียกร้องการแสดงออกมาจากใจ การตีอกตัวเอง เป็น เครืÉองหมายภายนอกทีÉยอมรับว่าเรามีข้อบกพร่อง และยังต้องการพระหรรษทานจากพระ ยังต้องกลับใจ และเปลีÉยนแปลงชีวิตให้ดีขึÊนเสมอ เมืÉอสวดบทสารภาพผิดแล้ว ประธานแต่ผู้เดียว จะสวดบทขออภัยบาป บทภาวนานÊี ไม่ใช่บท อภัยบาปบทเดียวกบัทÉพระสงฆ์สวดเมื ีÉอเรารับศีลอภัยบาป เนืÊอหาของบทสวด คือ “ขอพระเจ้าผู้ทรง สรรพานุภาพ ทรงพระกรุณาอภัยบาป และนาํเราไปส่ชูีวิตนิรันดร” ประธานสวดขอพระเจ้าอภัยบาปทุกคน รวมทัÊงตัวท่านเองด้วย แทนการสารภาพผิด บางโอกาส ประธานจะเสกนําเสก และพรมตนเอง ก่อนทีÊ Éจะพรมให้สตับุรุษ ความหมายของการพรมนําÊเสกกค็ือ เพÉือระลึกถึงศีลล้างบาป ขณะทีÉพระสงฆ์พรมนําเสกให้เรา เราจะก้ม Ê ศีรษะรับการพรมนําÊเสก พร้อมกบัทาํสาํคัญมหากางเขน ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. เพืÉอให้การสารภาพผิด เกิดคุณค่าอย่างแท้จริง และทาํให้เราเหมาะสมทีÉจะร่วมฉลองพิธกีรรม ดังคาํทÉพระสงฆ์ ี กล่าวนาํเราควรสวดบทนÊีอย่างตัÊงใจ และทบทวนตนเองอย่างดคีวบคู่ไปด้วย 2. เมืÉอมีพิธกีรรมอÉืน เพิÉมเติมในตอนพิธมีิสซา จะงดการสารภาพผิด 7. บทรําวิงวอน (กีรีเอ) É เป็นบทรํÉาวิงวอนขอพระกรุณาจากพระเจ้า มาจากการรํÉาวอนของชาวกรีก ต่อเทพเจ้าหลาย ๆ องค์แต่สาํหรับคริสตชน จะมุ่งวอนขอพระกรุณาจากองค์พระเยซูผู้ทรงกลับคืนชีพ คําว่า “กีรีเอ” คือการเอ่ยเรียกองค์พระผู้เป็นเจ้า “เอเลอีซอน” คือการร้องขอพระกรุณา เป็นการร้องขอพระกรุณาเช่นเดียวกบัทÉชายตาบอด คนพิการ คนโรคเรื ีÊอน และบรรดาคนบาปทัÊงหลาย ร้องขอพระกรุณาจากพระเยซู จากเรืÉองราวในพระวรสาร ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. บทรํÉาวอน สามารถขับร้อง หรือกล่าวสลับกับประธานกไ็ด้บางครÊังจะรวมอยู่ในการสารภาพผดิทÉประธาน จะก่อสลับ ี กับข้อความสัÊน ๆ เป็น ข้อ ๆ 2. เนืÊอหาทีÉถูกต้องของบทรํÉาวิงวอน จะมีโครงสร้าง กระชับ และชัดเจน ไม่พรรณาเพิÉมเติมอะไร 8. บทพระสิริรุ่งโรจน์ (กลอรีอา) เป็นบทเพลง (Hymn) เก่าแก่ ทีÉใช้ขับร้องเมืÉอมีการฉลอง หรือสมโภช รวมทัÊงทุกวันอาทิตย์ ยกเว้น ในเทศกาลมหาพรต และเทศกาลเตรียมรับเสดจ็ฯ เนืÊอหาของบทเพลงนีÊ แบ่งเป็น 3 ตอน คือ 1. บทเพลงสรรเสริญของชาวสวรรค์ 2. การเทดิพระสริิมงคลของพระเจ้า และ 3. การสรรเสริญองค์พระเยซูคริสต์ ซึÉงบรรยายเนืÊอหาทีÉ เกีÉยวข้องกบัธรรมลาลึก ด้วยเหตุนี ํÊ Êการประพันธบ์ทเพลง “พระสริิรุ่งโรจน” ์ ควรรักษาเนืÊอหาทีÉมีอยู่ใน บทพิธี จะดูมีความหมายกว่า ถ้าเราขับร้องบทเพลงนีÊอย่างไรกต็าม ยังสามารถใช้การกล่าวแทนการ ขับร้องได้ ทัÊงโดยการกล่าวพร้อมกันทัÊงหมด หรือกล่าวสลับกับประธาน
23 9. บทภาวนาของประธาน (บทภาวนาเปิ ด) เมืÉอจบบทพระสิริรุ่งโรจน์ (หรือบทรÉาวิงวอน) ประธานจะกล่าว ํ “ให้เราภาวนา” และเงียบ สกัครู่ก่อนทÉจีะภาวนาต่อไป แม้ประธานจะภาวนาเพียงคนเดียว แต่กภ็าวนาแทนประชาสตับุรุษทุกคน คาํว่า “ให้เราภาวนา” เป็นทัÊงคาํเชิญชวนให้ประชาสตับุรุษร่วมใจเป็นหนÉึงเดียวในคาํภาวนาของประธาน แล้ว ยังเชิญชวนให้ประชาสัตบุรุษนาํคาํภาวนาของตนรวมเข้ากับคาํภาวนาของประธานพร้อม ๆ กนัไปด้วย เนืÊอหาของบทภาวนา ในวันอาทติย์และวันฉลองต่าง ๆ จะบ่งบอกถึงเนÊือหาหรือสาระสาํคญัของ การฉลองในวันนัÊน ๆ ดังทีÉกล่าวแล้วว่า ประธานสวดบทภาวนานีÊ ในนามของทุกคน ประชาสัตบุรุษจึงถูกเรียกร้องให้ ตัÊงจิตอธษิฐานพร้อมกับประธานด้วย ไม่ใช่เป็นเพียงผู้รับฟังคาํภาวนาเท่านÊัน เมืÉอประธานสวดจบแล้ว ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพียงว่า “อาแมน” ซึÉงเป็นทัÊงการแสดงถึง การมีส่วนร่วม และเหน็ชอบกบัคาํภาวนาดังกล่าวแล้ว ยังเป็นการทาํให้คาํภาวนานÊัน เป็นคาํภาวนาของ ตนเองด้วยเข่นกัน น. เยโรม ได้เล่าไว้ว่า ในมหาวิหารทีÉกรุงโรม เสยีงประชาสตับุรุษตอบรับว่า “อาแมน” ดังก้อง กงัวานราวเสียงฟ้าร้อง เป็นเสมือนการร่วม “ลงนาม” เหน็ด้วยกบัคาํภาวนานÊัน อริิยาบถหรือท่าทางประกอบการภาวนาของประธาน กม็ีความหมาย โดยเฉพาะท่าทางการภาวนา แบบโบราณ ทีÉประธานจะยกมือทัÊงสองขึÊน ตัÊงตรง เป็นเหมือนการยอมแพ้ ยอมแพ้ต่อพระเจ้า หวังพึÉง พระเมตตาและความช่วยเหลือจากพระองค์ (สาํหรับประเทศไทย ใช้การพนมมือ เป็นอริิยาบถหรือท่าทาง ประกอบการภาวนา) ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. ระหว่างทีประธานสวดบทภาวนานีÉ Ê ทุกคนควรตัÊงใจฟัง และตัÊงจิตอธษิฐานพร้อม ๆ ไปด้วย 2. โดยความคิดเห็นส่วนตวัแล้ว สาํหรับพิธีกรรมแบบไทย ช่วงเวลาทีÉสวดบทภาวนานีÊประชาสตับุรุษน่าจะพนมมือกัน ทุกคน ภาคทีÉ1 : ภาควจนพิธีกรรม 10. บทอ่าน พิธกีรรมมีความสมัพันธแ์นบแน่นกับพระคัมภรี์อนัหมายถึง พระวาจาของพระเจ้า เพราะโดย การฉลองพิธกีรรม พระวาจาของพระเจ้าจะได้รับการประกาศ รวมทÊังในบทพิธตี่าง ๆ ทÉีพระสงฆ์ หรือ แม้แต่ในบทตอบรับของสตับุรุษ และเนืÊอร้องในบทเพลง กล็้วนมีทÉมา หรือมีข้อความอ้างอิงจากพระคัมภีร์ ี เสมอ อย่างไรกต็าม ช่วงเวลาทÉพีระวาจาของพระเจ้าได้รับการประกาศอย่างเด่นชัด กค็ือ ช่วงการอ่าน บทอ่าน และพระวรสาร ทัÊงการอ่านและการรับฟังบทอ่านในระหว่างการฉลองพิธีกรรม เรียกร้องท่าทีทีÉเหมาะสม ผู้อ่าน จะต้องเป็นผู้ทÉได้เตรียมตัวมาอย่างดี ทั ีÊงเตรียมด้านจิตใจ และเตรียมการอ่านให้ถูกต้อง ชัดเจน น่าฟัง โดยตระหนักดีว่า สิÉงทีÉตนทาํ ไม่ใช่แค่การอ่าน แต่เป็นการประกาศ
24 สาํหรับผู้ฟัง คือประชาสตับุรุษทุกคน กเ็ช่นกัน ต้องรับฟังอย่างตÊังใจ ให้ความเคารพ อริิยาบถ ของผู้ฟังคอืนÉังฟังอย่างตัÊงใจ เสมือนศิษย์ตัÊงใจฟังอาจารย์สอน เนืÊอหาของบทอ่าน จะมาจากทัÊงพันธสญัญาเดิม และพันธสญัญาใหม่ (ยกเว้นพระวรสาร) ทÉมีี ความสัมพันธแ์ละต่อเนÉืองกัน โดยมีพระเยซูเจ้าเป็นผู้ทาํให้สมบูรณ์พระวาจาของพระเจ้าจึงได้รับการ ประกาศจากทีÉเดียวกนัคือ จากบรรณฐาน พิธกีรรมยุคแรก ๆ ตามคาํเล่าของ น. ยุสติน คริสตชนยุคแรก ๆ ให้ความสาํคัญอย่างมากกบั การรับฟังพระวาจาของพระเจ้า พวกเขาให้เวลาเตม็ทÉ กับการอ่านและฟังพระวาจา ี ในปัจจุบัน สาํหรับวันธรรมดา จะมีบทอ่าน 1 บท ต่อด้วยบทเพลงสดุดีสาํหรับวันอาทติย์ วันสมโภช และวันฉลองสาํคัญ จะมีบทอ่าน 2 บท ผู้ทาํหน้าทÉอี่าน คือ ผู้อ่านทÉได้รับการแต่งตั ีÊง หรือ แม้ไม่ได้รับการแต่งตัÊงกส็ามารถอ่านได้เมÉือได้รับการเตรียมตัวมาอย่างดี การกล่าวถ้อยคาํลงท้ายของผู้อ่าน เมÉืออ่านจบแล้วว่า “พระวาจาของพระเจ้า” เป็นสิÉงยืนยันว่า การอ่านบทอ่าน เป็นการ “ประกาศ” คาํกล่าวตอบรับ “ขอขอบพระคุณพระเจ้า” เป็นคาํตอบรับเดียวกนักับพิธอีÉืน ๆ เมืÉอเราต้องการ แสดงความกตัญsูรู้คุณในพระกรุณาของพระเจ้า หรือเพÉือตอบรับนําÊพระทยัของพระองค์ ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. พระวาจาของพระเจ้า ควรได้รับการประกาศอย่างดี และเหมาะสม บรรณฐานจึงควรอยู่ในทีÉทีÉโดดเด่น และเมืÉอใช้ เครืÉองเสยีง กค็วรมีประสิทธภิาพช่วยให้ทีÉชุมนุมรับฟังได้ชัดเจน 2. สาํหรับผู้อ่าน เมÉือเดินขึÊนไปอา่น เมÉอผ่านพระแท่น ต้องแสดงความเคารพพระแท่นก่อนเสมอ ื 3. จะดียิÉง ทีÉผู้อ่านบทอ่านแต่ละบทจะไม่ซําคนเดิม รวมทัÊ Êงผู้อ่านหรือขับร้องบทเพลงสดุดี 11. เพลงสดุดีสลบับทสรอ้ย เพลงสดุดี เป็นส่วนหนึÉงของพระคัมภรี์ทÉมีีรูปแบบเป็นบทประพันธ์เพลงสดุดีทÉใีช้ในพิธมีิสซาจะ ถูกเลือกไว้ให้มีเนืÊอหาเกีÉยวเนืÉองกับบทอ่านและบทพระวรสาร มีคุณลักษณะของบทราํพึง จะเป็นการดียิÉง หากขับเพลงสดุดีเป็นทาํนอง แทนการอ่าน แต่แม้จะอ่าน กค็วรรักษาลักษณะ หรือรูปแบบของการเป็นบทประพันธ์ไว้ (ทัÊงร้อยแก้วและร้องกรอง) บทสร้อยสลบัเพลงสดุดีเป็นบทบาทของทÉชุมนุม ที ีÉตอบรับพระวาจาของพระเจ้า จึงควรขับร้อง อย่างพร้อมเพียง ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. การเลือกบทเพลงอืÉน มาแทนเพลงสดุดีทีÉกาํหนดไว้ยังถือว่าไม่ถูกต้อง 2. บางโอกาสทีÉทาํ ได้สามารถให้ทุกคนร่วมอ่าน หรือขับเพลงสดุดีเป็นทาํนองพร้อม ๆ กนักไ็ด้ 12. อลัเลลูยา “อลัเลลูยา” เป็นคาํภาษาฮีบรูมาจากคาํ 2 คาํคือ “อลัเลลู” และ “ยา” มีความหมายว่า “จงขับร้องสรรเสริญพระเจ้า” ในพิธกีรรมดÊังเดิมของชาวยิวกใ็ช้ถ้อยคาํนÊีบ่อย ๆ อลัเลลูยา มีลักษณะเป็นบทเพลง จึงควรขับร้อง และขับร้องด้วยความชืÉนชมยินดี
25 เทศกาลมหาพรต เป็นช่วงเวลาของการสาํนึกผิด กลับใจ ใช้โทษบาป จึงงดการขับร้อง “อลัเลลูยา” แต่จะแทนด้วยการร้องบทเพลงอืÉน “ขอสรรเสริญเยินยอพระองค์ราชาธริาชผู้ทรงเกียรตินิรันดร” อริิยาบถระหว่างขับร้องอลัเลลูยา จะยืนขÊึนเสมอ เมืÉอมีการแห่พระวรสารอย่างสง่า บทเพลงนีÊ ยังใช้ประกอบการแห่ เพิÉมความสง่างามให้กับการ ประกาศพระวรสาร ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. เพลงทีÉมีเนืÊอหายาวเกินไป แม้จะมีคาํว่าอัลเลลยูา รวมอยู่ด้วย กไ็ม่ควรนาํมาใช้แทน 2. เนืÊอหาสาํคัญประกอบการร้องอลัเลลยูา คือ ข้อความประกาศก่อนพระวรสาร (Acclamation before the Gospel) 13. พระวรสาร ศูนย์กลาง หรือช่วงเวลาทีÉสําคัญทีÉสุดของภาควจนพิธีกรรม คือ การประกาศพระวรสาร โดยพระสงฆ์หรือสงัฆานุกร ในพิธมีิสซาฉลองใหญ่มีการแห่พระวรสารอย่างสง่า นาํหน้าด้วยเทยีนและกาํยาน ทÉจะถวายโดย ี ผู้อ่าน พระวรสารเป็น สาร หรือ ข่าวดีของพระเยซูโดยตรง ในพิธีกรรมจึงให้ความสาํคัญ และให้ทÉี ชุมนุมแสดงความเคารพ ให้เกียรติมากกว่าบทอ่านอืÉน ๆ ผู้อ่านเอง กจ็ะประกาศในนามของพระเยซู หากสังฆานุกรอ่าน กจ็ะไปขอพรจากพระสงฆ์ผู้เป็นประธานก่อน และเมืÉอพระสงฆ์เป็นผู้อ่าน กจ็ะก้ม ศีรษะไปทางพระแท่น ภาวนาเงียบ ๆ วอนขอองค์พระจิตเจ้า ประทบัอยู่ทÉปากของเขา เพื ีÉอจะได้ประกาศ พระวาจาอย่างถูกต้อง ก่อนจะประกาศพระวรสาร พระสงฆ์(หรือสังฆานุกร) จะกล่าวว่า “พระเจ้าสถิตกบัท่าน” ถ้อยคาํ นีÊ ณ เวลานีÊ ทีÉผู้อ่านยืนอยู่ต่อหน้าประชาสตับุรุษ โดยมีพระคัมภีร์ (พระวรสาร) อยู่ระหว่างกลาง ไม่ได้ เป็นถ้อยคาํทกัทาย เหมือนตอนต้นมิสซา เป็นเป็นการ “ประกาศ” ประกาศให้ประชาสตับุรุษทราบว่า เวลานีÊพระเจ้าประทบัอยู่กับเราในพระวาจาทÉที่านกาํลังจะอ่านต่อไป “ขอถวายพระเกยีรติแด่พระองค์พระเจ้าข้า ” คาํกล่าวของทÉชุมนุม เมื ีÉอผู้อ่านพระวรสาร กล่าวเกริÉนนาํทÉมีาของพระวาร เป็นการแสดงความเคารพ เทดิเกยีรติเหมือนการรับเสดจ็กษัตริย์ผู้ ยิÉงใหญ่พร้อมกบัการทาํเครÉืองหมายกางเขน ทีÉหน้าผาก (เราจะคิด ไตร่ตรองพระวาจา) ทีÉปาก (เรา จะประกาศพระวาจา) ทีÉหัวใจ (เราจะรัก และเจริญชีวิตด้วยพระวาจา) ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. ในมิสซาฉลองใหญ่ ทีÉพระสงัฆราชเป็นประธาน มีธรรมเนยีมทีÉพระสงัฆราชจะแสดงความเคารพพระวรสารหลังจาก ประกาศพระวรสารจบแล้ว ในพิธกีรรม ให้ความสาํคัญกบัอริิยาบถของประธานเสมอ ช่วงเวลาดงักล่าวทีÉชุมนุมจงึควรยนื อย่างไรกต็าม ไม่เป็นข้อบังคับว่า ประธาน (พระสงัฆราช) จะต้องเป็นผู้แสดงความเคารพพระวรสาร พระสังฆราช สามารถให้ผู้อ่านเป็นผู้แสดงความเคารพพระวรสาร ณ บรรณฐาน เมÉืออ่านจบแล้ว กไ็ด้ 2. มีการเรียงลาํดับพระวรสารไว้ให้อ่านครบ ทÊัง 4 เล่ม ในรอบ 3 ปี คือ ปี A ใช้พระวรสารนักบุญมทัธวิ ปีB นักบุญมาร์โก ปี C นักบุญลูกา สว่น ในเทศกาลปัสกา จะใช้พระวรสารนักบุญยอห์น
26 3. ระหว่างการประกาศพระวรสารนีÊ ไม่ควรทาํสงอืÉิÉน ๆ เช่นการรับศีลอภัยบาป การจัดเตรียมเพลง เตรียมอ่านบทภาวนา เพืÉอมวลชน ฯลฯ และท่าทขีองประชาสตับุรุษควรเป็นการรับฟังอย่างตัÊงใจ มากกว่าการอ่านตามไป (ยกเว้น กรณีพิเศษ อืÉน ๆ เช่น มีบทพระวรสารภาษาอืÉน เพืÉอผู้ร่วมชาวต่างชาต)ิ 14. บทเทศน์ เป็นหน้าทีÉทีÉสงวนไว้สาํหรับพระสงฆ์และสังฆานุกรทÉได้รับมอบหมายจากประธาน การเทศน์เป็น ี มากกว่าการสอนเรืÉองศีลธรรมทัÉวไป เป็นการหล่อเลีÊยงความเชืÉอคริสตชนด้วยพระวาจาของพระเจ้า การเทศนจ์ ึงต้องมีเนÊอหาที ืÉมีเรืÉองราวจากพระคัมภีร์เป็นพืÊนฐานสาํคัญ เพÉือเชืÉอมโยงให้เข้ากบัธรรมลาลึก ํÊ หรือเนืÊอหาของการฉลองในวันนัÊน รวมไปถึงการประยุกต์ให้สามารถนาํ ไปเป็นแนวทางการเจริญชีวิต เนืÊอหาสาระ หรือรูปแบบการเทศน์ ยังสรุปได้เป็น 5 ลักษณะ ด้วยกัน คือ 1. เป็นการช่วยกระตุ้นเตือน และนาํจิตใจสตัุบุรุษให้มุ่งพัฒนาชีวิตภายใน ให้ยกจิตใจหาพระ ขจัดความกังวล เปิดเนืÊอทีÉของชีวิตให้พระทาํงาน 2. เป็นการอธบิายเรÉืองราวจากพระคัมภีร์ทาํให้สาร หรือสาระ ของบทอ่านและพระวรสาร เป็นทีÉเข้าใจของสตับุรุษ 3. เป็นการอธบิายความหมายของบางลาํดับขัÊนตอนของพิธี โดยเฉพาะเรÉืองสญัลกัษณ์ต่าง ๆ 4. เป็นการสอนแบบดัÊงเดิมของพระศาสนจักร ทีÉเชืÉอมโยงธรรมลําÊลึกให้เข้ากับชีวิตประจาํวัน (การเทศน์แบบ Mystagogy) 5. เป็นการนาํเอาสถานการณ์หรือปัญหาในปัจจุบัน มาเชÉือมโยงกับพระวาจาของพระเจ้า เพืÉอค้นพบแนวทาง และคาํตอบ ทุกวันอาทติย์และวันฉลองบังคับ ถือเป็นหน้าทÉีทีÉพระสงฆ์ผู้ประกอบพิธจีะต้องเทศน์สอนสัตบุรุษ (หรือมอบหมายให้พระสงฆ์ท่านอืÉน หรือสังฆานุกรเทศน์แทนกไ็ด้) สาํหรับวันธรรมดา ไม่ได้เป็นข้อบังคับ แต่เมืÉอมีการถวายมิสซาร่วมกับกลุ่มประชาสตับุรุษ กเ็ชÊือเชิญและสง่เสริมให้มีการเทศน์ด้วยระยะเวลาทÉี เหมาะสม ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. มีระบุไว้ในหนงัสอืพิธมีิสซาว่า หลงับทเทศน์แล้ว มีการเงียบสกัครู่หนÉึง เพืÉอให้ทุกคนได้ราํพงึ ไตร่ตรองสว่นตัว และ ให้พระจิตเจ้าได้ทาํงานในใจของแต่ละคน ทÉมีีสถานการณ์ชีวิตแตกต่างกนัไป ด้วยเหตนุÊี หลังจากเทศน์จบแล้ว ไม่ควร ต่อด้วยบทข้าพเจ้าเชืÉอ หรือลาํดับพิธอีÉนืทนัที 2. การเทศนใ์นพิธมีิสซา มีลักษณะเด่นชัด ในเรÉืองการประกาศพระวาจา ใช้พระวาจาทีÉได้ประกาศเป็น “เสยีง” เป็น “ถ้อยคาํ” นาํมาเป็น “สืÉอ” ทีÉสาํคัญ แตกต่างจากการเทศนน์อกพิธมีิสซา ทÉอาจใช้สื ีÉออืÉน ๆ ประกอบการเทศน์ได้ 15. บทขา้พเจา้เชืÉอ หลังจากได้ฟังพระวาจาของพระเจ้า รับฟังบทเทศน์ และมีเวลาสัÊน ๆ ได้ไตร่ตรอง ราํพึงส่วนตัว แล้ว ประธานและประชาสตับุรุษจะยืนยันความเชÉือ “ของตน” แม้จะประกาศยืนยันร่วมกันเป็นหมู่คณะ ถ้อยคาํ ในบทข้าพเจ้าเชÉือ ยังใช้คาํว่า “ข้าพเจ้า” ไม่ใช่ “ข้าพเจ้าทัÊงหลาย” เน้นการยืนยันความเชืÉอของตนเอง เนืÊอหาของบทข้าพเจ้าเชืÉอ รวมข้อความเชืÉอของพระศาสนจักรคาทอลิกไว้ การไตร่ตรองและคิด ตามไปด้วย จึงทาํให้การประกาศความเชÉือมีความหมาย
27 รูปแบบการประกาศความเชืÉอ สามารถทาํได้2 แบบ ด้วยกนัคือ กล่าวพร้อมกนัทÊังหมด หรือ กล่าวสลับกับประธานกไ็ด้ หากใช้การขับร้อง แทนการกล่าว กจ็ะช่วยให้การประกาศความเชÉือมีความสง่ามากขึÊน ทุกวันอาทติย์วันสมโภช และวันฉลองใหญ่ โอกาสพิเศษ จะสวดบทข้าพเจ้าเชÉือ 16. บทภาวนาเพือมวลชนÉ ภาควจนพิธกีรรมจบลงด้วยบทภาวนาเพÉือมวลชน ทีÉเริÉมต้นด้วยการเกริÉนนาํจากประธานในพิธี และมีผู้แทนกล่าวเนÊอหาของบทภาวนาเป็นข้อ ๆ ที ืÉไม่ยาวเกินไป มีจาํนวนข้อทÉพีอเหมาะ และเรียงลาํดับ อย่างถูกต้อง 1. เพืÉอความต้องการของพระศาสนจักร : เพืÉอผู้นาํพระศาสนจักร 2. เพืÉอผู้ปกครองบ้านเมือง และเพืÉอความรอดพ้นของมนุษย์ทัÉวโลก 3. เพืÉอผู้ต้องทนทุกข์ต่าง ๆ * 4. เพืÉอชุมชนท้องถิÉน 5. เพืÉอผู้ร่วมชุมนุม* เนืÊอหาของบทภาวนาเพืÉอมวลชน ยังไม่ใช่ “คาํภาวนา” เป็นแต่เพียงการกล่าวเจตนา “เพืÉอ…………..” และเมืÉอกล่าวเจตนาครบทุกข้อแล้ว ประธานผู้เดียว จะเป็นผู้แทนประชาสตับุรุษภาวนา สรุป แล้วทุกคนตอบว่า “อาแมน” ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. แม้จะมีบทภาวนาเพืÉอมวลชน ทีÉจัดพิมพ์ไว้ให้แล้ว เมืÉอมีกลุ่มเตรียมพิธีกรรม ควรเตรียมเรÉืองบทภาวนาเพืÉอมวลชน ด้วย โดยปรับเปลีÉยนเนืÊอหาให้สอดคล้องกับสถานการณ์เฉพาะของชุมชนนัÊน ๆ 2. ไม่ควรมีจาํนวนข้อของบทภาวนาเพÉือมวลชนมากเกินไป และเนืÊอหาควรกระชับ 3. ในโอกาสพิเศษ อาจจะมีผู้อา่นบทภาวนาเพÉือมวลชนหลายคน ในกรณนีÊี แต่ละคนควรเตรียมอย่างดี และอยู่ใน ตาํแหน่งทีÉพร้อมจะกล่าวเจตนาของบทภาวนานีÊ อย่างต่อเนืÉอง ไม่ติดขัด ภาคทีÉ 2 : ภาคศีลมหาสนิท (ภาคบูชาขอบพระคุณ) ศีลมหาสนทิเป็นหัวใจของพิธมีิสซาบูชาขอบพระคุณ ก่อนหน้าภาคศีลมหาสนิทนÊี ประชาสตับุรุษ ได้รับการหล่อเลีÊยงด้วยพระวาจา ในภาควจนพิธกีรรม ซÉึงมีจุดมุ่งหมายสาํคัญกเ็พÉือให้ประชาสตับุรุษมี ความพร้อม และเหมาะสมทีÉจะได้ร่วมโตะ๊อาหาร ทÉพีระเยซูเจ้าเอง เป็นผู้เจ้าภาพ และทรงเลÊียงเรา ด้วย “ศีลมหาสนิท” คือด้วยชีวิตของพระองค์เอง ภาคทีÉสองนีÊจึงเกดิขÊึนทีÉ“พระแท่น” ทีÉเป็นเสมือน โตะ๊อาหารของพระเยซเูจ้า ทÉีเราล้วนได้รับเชิญ หนังสือกฎทัÉวไปสาํหรับมิสซาตามจารีตโรมัน ข้อ 72 ได้อธิบายไว้ว่า “ในการเลีÊยงอาหารคํÉาครัÊงสุดท้าย พระคริสตเจ้าได้ทรงตัÊงการถวายบูชาและการเลีÊยงปัสกา เพืÉอให้การถวายบูชาบนไม้กางเขนดาํรงอยู่ต่อไปในพระศาสนจักร พระสงฆ์ซÉึงเป็นผู้แทนพระคริสตเจ้า กระทาํกจิการเดียวกนัทÉอีงค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทาํและทรงมอบหมายให้บรรดาศิษย์กระทาํเพÉือระลึกถึง พระองค์
28 พระคริสตเจ้าทรงหยิบขนมปังและถ้วยเหล้าองุ่น ทรงกล่าวขอบพระคุณพระเจ้า ทรงบิขนมปัง ประทานแก่บรรดาศิษย์ ตรัสว่า “จงรับไปกิน รับไปดืÉมเถิด นีเป็ นกายของเรา นี ÉเÉป็นถว้ยโลหติของ เรา จงทาํการนÊีเพือÉระลึกถึงเราเถดิ” เพราะฉะนัÊน พระศาสนจักรจึงจัดระเบียบการเฉลิมฉลองพิธบีูชา ขอบพระคุณ ให้มีองค์-ประกอบต่างๆ สอดคล้องกับพระวาจาและการกระทาํเหล่านÊีของพระคริสตเจ้า นัÉนคือ 1. มีการเตรียมของถวาย ขนมปัง และเหล้าองุ่นกบันาํÊถูกนาํมายังพระแท่น พระคริสตเจ้าทรง รับสิÉงของเหล่านีÊไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ 2. ในบทภาวนาขอบพระคุณ มีการขอบพระคุณพระเจ้าสาํหรับงานกอบกู้ทÊังหมด ของถวายของ เราถูกเปลีÉยนเป็นพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า 3. เมืÉอมีการบิขนมปังและรับศีลมหาสนิท ผู้มีความเชÉือ แม้มีจํานวนมาก กร็ับพระกายและ พระโลหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากปังเดียวกัน เช่นเดียวกับทÉีบรรดาอัครสาวกได้รับจากพระหัตถ์ของ พระคริสตเจ้า 17. การเตรียมและแห่ของถวาย มิสซาวันธรรมดา ของถวาย และภาชนะศักดิÍสิทธิÍต่าง ๆ จะถูกวางไว้ทีÉโตะ๊ (Credence) ข้าง ทีÉนัÉงของผู้ช่วยพิธีตัÊงแต่ก่อนเริÉมพิธีในวันอาทติย์และวันฉลอง อาจมีการแห่ของถวาย ทÉีขาดไม่ได้ และ เป็นของถวายแท้คือ ปัง และเหล้าองุ่นกับนา ของสองอย่างนี ํÊ Êจะถูกนาํมาวางบนพระแท่น ส่วนของ ถวายอืÉน ๆ จะวาง ณ ทีÉทีÉเหมาะสม เพืÉอมีสว่นร่วมและเลียนแบบการถวายชีวิตของพระเยซูปังและเหล้าองุ่น ควรจะเป็นของถวาย แรกสุด ก่อนทีÉของถวายอืÉนๆ จะตามมา แสดงถึงการเดินตาม หรือปฏบิัติตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า การเตรียมพระแท่น ด้วยการปูผ้าศักดิÍสทิธÍิจัดวางของถวาย ดาํเนินต่อไปโดยพระสงฆ์และ สงัฆานุกร หรือผู้ช่วยพิธเีป็นผู้เตรียม มีบทภาวนาประกอบการจัดเตรียม พระสงฆ์จะเทเหล้างองุ่นใส่ถ้วยกาลิกส์แล้วหยดนาํÊเพียงเลก็น้อยลงในถ้วยกาลกิส์ผสมกับเหล้า อง่นุพร้อมกบัภาวนาเบา ๆ ว่า “ดังนํÉาÊและเหลา้องุ่นทีผÉสมเขา้ดว้ยกนัอันเป็นเครืองหมายศักดิÉ ÍสิทธิÍ นีÊขอพระองค์โปรดใหข้า้พเจา้ทงัÊหลายไดร้่วมในพระเทวภาพของพระคริสตเจา้ผทู้รงถ่อมองค์ลงมารบั สภาพมนุษย์” เมืÉอมีการถวายกาํยาน พระสงฆ์ถวายกาํยานแด่เครÉืองบูชา รอบพระแท่น หลังจากนัÊน ทัÊงพระสงฆ์ ผู้เป็นประธานเอง และประชาสัตบุรุษรับการถวายกาํยาน การถวายกาํยานในเวลานÊี ไม่ได้หมายถึงการ แสดงความเคารพ แต่เป็นดังคาํภาวนา เป็นการเสก ให้ทÊังตัวของพระสงฆ์เอง และประชาสตับุรุษแต่ละ คนเป็นเครืÉองบูชาทีÉเหมาะสมถวายแด่พระเจ้า ดังถ้อยคาํทÉีพระสงฆ์จะกล่าวสรุป เมืÉอเตรียมของถวายครบ แล้วว่า “พีนÉอ้ง จงภาวนาขอใหพ้ระบิดาผูท้รงสรรพานุภาพทรงรบัการถวายบูชาของขา้พเจา้และของท่าน ทังหลายเถิดÊ ” นอกจากนีÊ ก่อนทีÉพระสงฆ์จะกล่าวบททีÉว่านีÊพระสงฆ์กจ็ะล้างมือ เป็นการแสดงความปรารถนา ทีÉจะมีจิตใจบริสุทธิÍ “โปรดชาํระลา้งความผิดและบาปของขา้พเจา้ใหห้มดสÊินไปเถิดพระจา้ขา้”
29 ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. สัญลักษณ์ในพิธีกรรม มีบทบาททําให้พิธีกรรมคงความเป็ นการฉลองธรรมลํÊาลึก จึงไม่จําเป็นต้องมีการอธิบาย ความหมายของสญัลักษณ์ในพิธกีรรม เช่น การแห่ของถวาย ปังและเหล้าองุ่น ไม่จาํเป็นต้องอธบิายความหมายใด ๆ เลย 2. ของถวายบางอย่าง ทีเÉรียกร้องความสนใจมากเกนิควร หรือเป็นทีÉสะดุด ไม่ควรนาํมาเป็นของถวาย 3. ระหว่างทีÉยืนรับการถวายกาํยาน ควรเข้าใจความหมายว่า เป็นดังคาํภาวนาให้ชีวิตของเราเหมาะสม มีค่าคู่ควรกบัการ เป็นของถวายแด่พระเจ้า 4. การเกบ็ถุงทาน ถือเป็นเครÉืองหมายหรือการแสดงออกอย่างหนึÉง ของการถวายและมีสว่นร่วมในการถวายของพระเยซู อย่างไรกต็าม ควรมีการจัดเกบ็อย่างเหมาะสมในระหว่างพิธี 18. บทภาวนาเหนือเครืÉองบูชา เป็นอีกบทภาวนาหนึÉงทีÉพระสงฆ์จะภาวนาในนามของประชาสตับุรุษ ทุกคนควรร่วมใจกบั ประธาน และตอบรับว่า “อาแมน” อย่างตัÊงใจ 19. บทนําขอบพระคุณ และการขบัรอ้งบท “ศกัดÍสิทธิ ิÍ” ประธานจะสวดบทนาํขอบพระคุณ ทÉีเริÉมต้นด้วยการกล่าวบทตอบรับกบั ประชาสตับุรุษ - พระเจ้าสถิตกบัท่าน และสถิตกบัท่านดว้ย - จงสํารวมใจระลึกถงึพระเจ้า เรากําลงัระลึกถึงพระองค์ - ใหเ้ราขอบพระคุณพระเจ้าพรอ้มกนัเถิด เหมาะสมและชอบยิÉงนกั หลังจากนัÊนประธานจะกล่าวบทนาํขอบพระคุณ ซÉึงมีเนืÊอหาเกีÉยวกับการถวายพร ขอบพระคุณ พระเจ้าสาํหรับงานไถ่กู้ทÊังหมด หรือเพราะเหตุผลใดเหตุผลหนึÉงเป็นพิเศษ ซึÉงแตกต่างกันไปตามวัน การฉลอง หรือเทศกาล ท้ายบทนาํขอบพระคุณ ทÉชีุมนุมพร้อมใจกนัขับร้องบทเพลง “ศักดิÍสิทธิÍ” บท “ศักดิÍสิทธิÍ” เป็นบทเพลงของทูตสวรรค์ มีเนืÊอหา 2 ตอน ด้วยกัน ตอนแรกมาจากหนังสอื อสิยาห์ทÉมีีนิมิต เหน็พระเจ้าทรงประทบันÉังบทบัลลงัก์มีเหล่าเทวดาอยู่เคียงข้าง ต่างขับร้อง ศักดÍิสิทธิÍ ศักดิÍสทิธÍ ศักดิ ิÍสิทธิÍ (ดู อสย 6:3) ส่วนตอนทีÉ 2 มาจากข้อความพระวรสารของนักบุญมัทธิว เป็นคาํกล่าวถวายพรแด่พระเยซูของ ฝงูชน เมÉือครัÊงทีÉพระเยซูเสดจ็เข้ากรุงเยรูซาเล็ม (วันอาทติย์ใบลาน) ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. บท “ศักดิÍสทิธÍ”ิ มีลักษณะเป็นบทเพลง จึงควรขับร้อง 2. เพืÉอให้การขับร้องบท “ศักดิÍสทิธÍ”ิ ต่อเนืÉองกบับทนาํขอบพระคุณ ควรขับร้องต่อทนัที ไม่ต้องบอกหน้าหนังสอื 3. การประพันธบ์ท “ศักดิÍสทิธÍ”ิ เป็นบทเพลง ควรคาํนึงถงึเนÊือหาทีÉมาจากพระคัมภีร์ ทีÉแบ่งเป็น 2 ตอน ดังทีÉกล่าวไว้แล้ว 19. บทภาวนาศีลมหาสนิท - บทเสกศีล เป็นช่วงเวลาทีÉสาํคัญยÉิงของพิธมีิสซา ทÉีทุกคนต้องให้ความเคารพ และมีสว่นร่วมอย่างตÊังใจโดย แท้จริง ช่วงเวลานีÊประชาสตับุรุษจะคุกเข่า บทภาวนาทÊงหมดจะเป็นบทบาทของพระสงฆ์ ที ัÉมีทัÊงบท อญัเชิญพระจิต การเล่าเรÉืองการตัÊงศีลมหาสนิทและการเสกศีล การกล่าวบทระลึกถึง บทถวาย บทภาวนา อ้อนวอน (ยกเว้นการกล่าวประกาศธรรมลําลึก ทีÊ Éทุกคนจะกล่าวหรือขับร้องพร้อมกัน) ในตอนท้าย ประธาน พร้อมกับคณะสงฆ์ผู้ร่วมถวายฯ จะพร้อมใจกันกล่าวหรือขับร้องบทยอ พระเกียรติ “อาศัยพระคริสตเจา้พรอ้มกับพระคริสตเจา้และในพระคริสตเจา้…..” ระหว่างนีÊ
30 ทีÉชุมนุมยืนขึÊน และตอบรับในตอนท้ายว่า “อาแมน” ซึÉงหลาย ๆ โอกาส จะขับร้องบท “อาแมน” อย่างสง่า เพราะเป็นการตอบรับ ทีÉมีความหมาย เป็นการมีส่วนร่วมแม้เพียงน้อยนิดแต่มีความสาํคัญยิÉง ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. บทภาวนาศลีมหาสนิท หรือบทเสกศีล เป็นบทเฉพาะพระสงฆ์เท่านÊัน 2. ระหว่างการเสกปังเป็นพระกาย และเหล้าองุ่นเป็นพระโลหิต พระสงฆจ์ะชูแผ่นศีล และชูถ้วยกาลิกส์ให้สตับุรุษได้ เห็น ดงันÊนัท่าทขีองสัตบุรุษคือ มองอย่างตÊังใจ ไม่ก้มหน้า และจะก้มลงกราบหรือไหว้พร้อมกบั ประธาน 3. บทยอพระเกยีรติยงัคงเป็นบทกล่าวหรือบทขับร้องของพระสงฆ์เท่านÊัน ไม่ใช่บททีÉสตับุรุษจะช่วยพระสงฆ์ขับร้อง 4. การสัÉนกระดิÉงระหว่างการเสกศีล มีทีÉมาจากอดีต ทีÉต้องการเตือนสตับุรุษให้ร้วู่าช่วงเวลาสาํคัญมาถึงแล้ว ปัจจุบัน การสัÉนกระดิÉงไม่ใช่ข้อบังคับ แต่สามารถรักษาไว้ได้เช่นกนั 20. บทขา้แต่พระบิดา เริÉมต้นด้วยการกล่าวนาํของพระสงฆ์แล้วทุกคนสวดหรือขับร้องพร้อมกนั “ข้าแต่พระบิดาของ ข้าพเจ้าทัÊงหลาย…….” เป็นทีÉสังเกตว่า ท้ายบทข้าแต่พระบิดา ไม่มีการต่อท้ายว่า “อาแมน” กเ็พราะยังมีบทภาวนา เสริม ทีÉเรียกว่า “EMBOLISM’ เป็นบทภาวนาต่อท้ายขยายความบทข้าแต่พระบิดา ทีÉลงท้ายว่า “แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชัÉวร้ายเทอญ” พระสงฆ์จะภาวนาต่อว่า เป็นความชัÉวร้าย หรือภยันตราย อะไร ก่อนทีÉจะนาํส่กูารกล่าวถึงสนัติสุขทÉพระคริสตเจ้าได้มอบให้เรา (และเราจะมอบให้แก่กันและกัน) ี เวลานัÊน ถึงจะมีการกล่าว “อาแมน” ต่อท้าย นัÉนเอง ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. ก่อนสวดบทข้าแต่พระบิดา มีคาํกล่าวเกรÉินนาํของประธานแล้ว ทุกคนจงึควรเอ่ยคาํว่า “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้า ทัÊงหลาย” พร้อมกนัจรงิๆ ไม่ใช่เป็นการกล่าวนาํของพระสงฆ์หรือของพิธกีร 21. การมอบสนัติสุข การมอบสันติสุข ไม่ได้เป็นการทักทาย และกไ็ม่ใช่การคืนดีเพราะการคืนดีในพิธีมิสซาตาม จารีตโรมัน กระทาํ ไปแล้ว ในตอนเรÉิมพิธีช่วงการสารภาพผิด ความหมายสาํคัญ คือการมอบสันติสุข ทีÉเราได้รับจากองค์พระคริสตเจ้า และเราจะมอบให้แก่กนัและกนั (ดู ยน 14:27) ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. ท่าที หรือการแสดงออกเพืÉอมอบสันติสุข ขึÊนอยู่กับวัฒนธรรมของแต่ละแห่ง บางทีÉแสดงออกด้วยการสวดกอด บางแห่งด้วยการจับมือ สําหรับประเทศไทย แสดงออกด้วยการไหว้ อย่างไรก็ตาม มีความหมายคงเดิม คือการมอบสันติสุขของพระคริสตเจ้า ไม่จําเป็ นต้องมีการมอบสันติสุขอย่างทัÉวถึง หมายความว่าไม่จําเป็นต้องไหว้ ทุกๆ คน สวดกอดทุก ๆ คน จับมือทุก ๆ คน 2. ในบทพิธรีะบุไว้ว่า บางโอกาสอาจจะงดหรือละเว้นการมอบสนัติสขุกไ็ด้ 22. บท “ลูกแกะพระเจา้” ทีÉชุมนุมกล่าวหรือขับร้องบท “ลกูแกะพระเจ้า” ทีÉมีเนืÊอหามาจากพระคัมภรี์เช่นกนั คือจาก คาํกล่าวของยอห์น บัปติสต์ทÉเอ่ยเรียกพระเยซูเจ้าว่า ี “นีÉคือลกูแกะพระเจ้า” (ดู ยน 1:29,36 ทีÉนาํมา กล่าวเป็นบทรํÉาวิงวอน และลงท้ายว่า “โปรดประทานสันติสขุเทอญ”
31 ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. บท “ลูกแกะของพระเจ้า” ไม่จาํเป็นต้องขับร้องเสมอไป อาจจะกล่าวเฉย ๆ กไ็ด้ 2. เมืÉอประพนัธเ์ป็นบทเพลง เพÉอืใช้ขับร้อง ควรคาํนึงถือเนÊือร้องทีÉมีโครงสร้างเป็นบทรํÉาวิงวอน และมีเนืÊอหามาจากพระ คัมภีร์ 3. มีบทเพลงหลายบท ทีÉเคยถูกใช้ในช่วงนีÊ แต่เนืÊออหายังไม่ถูกต้อง 23. การบิแผ่นศีล ระหว่างกล่าวหรือขับร้องบท “ลูกแกะพระเจ้า” ประธานจะบิแผ่นศีล สาํหรับแผ่นศีลใหญ่ ของประธานนัÊน จะแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนหนึÉงสําหรับพระสงฆ์เอง ส่วนหนึÉงสําหรับมอบให้สัตบุรุษ เป็นเครืÉองหมายของการมอบ-แบ่งปัน ส่วนทีÉสาม เป็ นส่วนเล็ก ๆ ทีÉพระสงฆ์จะใส่ลงในถ้วยกาลิกส์ พร้อมกับภาวนาว่า “ขอพระกายและพระโลหิตพระคริสตเจา้ทีรÉวมกนันÊี ทรงบนัดาลใหเ้ราทุกคนผรู้บัศีลนÊีมีชีวิตนิรนัดร” 24. การยกศีลพรอ้มคาํเชÊือเชิญจากพระสงฆ์ และตอบรบัของสตับุรุษ พระสงฆ์จะยกแผ่นศีล ทีÉบิแล้ว เหนือถ้วยกาลิกส์ หรือเหนือจานรอง พร้อมกล่าวถ้อยคําจาก พระคัมภีร์2 ตอนด้วยกัน คือ คาํกล่าวเรียกพระเยซูของยอห์น บัปติสต์ (ดูยน 1:29) กับการกล่าว ความสขุเมÉือได้รับเชิญมาร่วมงานเลีÊยง” (ดู วว 19:9) คาํตอบรับของประชาสัตบุรุษมีทÉมีาจากคาํกล่าวของนายร้อย ทÉเมืองคาเปอร์นาอุม ี “พระเจา้ขา้ขา้พเจา้ไม่สมควรจะรบัเสดจ็มาประทบัอยู่กบัขา้พเจา้ โปรดตรสัเพียงพระวาจาเดียว แลว้จิตใจขา้พเจา้กจ็ะบริสุทธÍิ (เทยีบ มธ 8:8) เป็นคาํกล่าวทÉแีสดงให้เหน็ทÊงัความสภุาพถ่อมตน และความไว้วางใจ 25. การรบัศีล พระสงฆ์รับศีลทัÊงพระกายและพระโลหิต ก่อนทีÉจะไปส่งศลีแก่สัตบุรุษ การตอบรับว่า “อาแมน” เมืÉอพระสงฆ์กล่าวว่า “พระกายพระคริสตเจ้า” มีความสาํคัญ เป็นการยืนยันความเชืÉอ ผู้รับศีลจึงควรมองดูศีลขณะทÉพระสงฆ์กล่าว แล้วตอบรับอย่างตั ีÊงใจ พระศาสนจักรกาํหนดว่า สามารถรับศีลได้ทÊง ั2 แบบ คือ รับด้วยมือ หรือรับด้วยปาก ซึÉงทัÊง 2 แบบ เรียกร้องการแสดงอกด้วยความเคารพ ให้เกียรติศลีมหาสนิท ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. ผู้ทÉรีับศลีควรเตรียมจิตใจให้เหมาะสม คู่ควรกับการออกมารับองค์พระเยซเูจ้า เพÉือจะได้มีชีวิตทีÉสนิทกบัพระอย่าง แท้จริง 2. ระหว่างการรับศีล มีการขับร้องบทเพลง ทีÉเกีÉยวข้องกบัศีลมหาสนิท (แต่ไม่ใช่เพลงนมัสการศีลมหาสนิท) ความ เป็นหนึÉงเดียวกนัทีÉมีพระเป็นศูนย์กลาง ไม่จาํเป็นต้องร้องเพลงยาวตลอดจนถึงบทภาวนาหลงัรบัศีล เพราะหลงัจาก ทุกคนรับศีลแล้ว ควรมีเวลาเงยีบอีกครÊังหนึÉง เพืÉอให้แต่ละคนได้ขอบพระคณุพระเจ้า 3. เมืÉอมีกลุ่มนักขับร้อง นักขับร้องกค็วรรับศีลมรช่วงเวลาเดียวกนันÊี ไม่ควรรับศีลแยกเป็นกลุ่มพิเศษหลังพิธจีบแล้ว 4. สาํหรับวัดทÉอยู่ในเขตเมือง หรือเมื ีÉอฉลองพิเศษ มีพีÉน้องต่างศาสนาร่วมพิธดี้วย การประกาศเรÉืองการรับศีลยงัจาํเป็น แต่ควรประกาศด้วยถ้อยคาํทÉชัดเจน และเหมาะสม ี
32 26. บทภาวนาหลงัรบัศีล หลังจากเงียบสงบสักครู่แล้ว ประธานกล่าวเชิญชวนสัตบุรุษให้ร่วมจิตใจภาวนา ด้วยถ้อยคาํว่า “ให้เราภาวนา” เงียบสักเลก็น้อย แล้วสวดบทภาวนาหลังรับศีลจนจบ ประชาสัตบุรุษกล่าวตอบว่า “อาแมน” ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. เพราะบทภาวนานีÊเป็นบทภาวนาหลงัรับศีล ไม่ใช่บทภาวนาสง่ท้าย จึงควรอยู่ต่อจากการรับศีล 27. การประชาสมัพนัธ์ การประชาสัมพันธ์หรือการประกาศเพืÉอการอภิบาลจะอยู่หลังบทภาวนาหลังรับศีล จะประชาสัมพันธ์ โดยพระสงฆ์หรือผ้ทูÉไีด้รับมอบหมายกไ็ด้ควรหลีกเลÉียงการประชาสัมพันธเ์รÉืองทีÉเกีÉยวข้องกับทางสังคม หรือ กจิการภายนอกมากเกินไป ซÉึงสามารถใช้การประชาสัมพันธใ์นรูปแบบอÉน หรือเวลาอื ืÉนแทน จะเหมาะสมกว่า 28. การอวยพร และกล่าวบทปิ ดพิธี พิธมีิสซาบูชาขอบพระคุณจบด้วยการอวยพรและกล่าวปิดพิธี ในวันสมโภช และฉลองพิเศษ จะมี บทอวยพรอย่างสง่า เมืÉอกล่าวบทปิดพิธแีล้ว ผู้ช่วยพิธีและพระสงฆ์แห่กลับ ระหว่างนÊี ทีÉชุมนุมขับร้องบทเพลงปิ ดพิธี ขอ้สงัเกตและคาํแนะนําบางประการ 1. พิธมีิสซาเป็นพิธกีรรมทีÉสาํคัญและประเสริฐสดุแล้ว เมÉือพิธมีิสซาจบ ไม่จาํเป็นต้องสวดบทภาวนาอÉนืใดร่วมกันอกี หากประสงค์จะภาวนาต่อ ให้เป็นการภาวนาสว่นตัว จะเหมาะสมและถูกต้องมากกว่า พิธีกรรมศีลมหาสนิทนอกพิธีบูชาขอบพระคณุ พิธีกรรมศีลมหาสนิทนอกมิสซา มีเอกสารพระศาสนจักร ś ฉบับของพระศาสนจักรทีÉกล่าวถึงพิธกีรรมศลีมหาสนิทนอกมิสซา คือ พระสมณสาสน์พระธรรมลําลึกแห่งความเชืÊ Éอ (Mysterium fidei) ของพระสนัตะปาปาเปาโลทÉีŞ (ค.ศ. řšŞŝ) เอกสารคาํแนะนาํพระธรรมลาลึกของศีลมหาสนิท ( ํÊ Eucharisticum mysterium) (ค.ศ. řšşŞ) และหนังสอืพิธกีรรมศีลมหาสนทิและการนมัสการศีลมหาสนทินอกพิธมีิสซา (Holy Communion and Worship of the Eucharist outside Mass) (ค.ศ. řšşś) พิธกีรรมศีลมหาสนทินอกมิสซาตัÊงอยู่บนหลักการทางเทววิทยาและพิธกีรรม ดังนีÊ ř. หลกัการทางเทววิทยาและพิธกีรรมของพิธีกรรมศีลมหาสนิทนอกมิสซา 1. มิสซาเป็นศนูย์กลางของชีวิตคริสตชนทÊังของพระศาสนจักรสากลและท้องถิÉน ř.ř ศนูย์กลางของการฉลองอยู่ทÉพระวาจาพระเจ้า บทขอบพระคุณ และศีลมหาสนิท ี ř.Ś พิธีมิสซาเป็นต้นกาํเนิดและเป้าหมายของการนมัสการศีลมหาสนิทนอกมิสซา 2. เหตุผลแรกของพิธกีรรมศีลมหาสนิทนอกมิสซา คือ เพÉือสง่ศีลเสบียง พระศาสนจักรเหน็ ความสาํคัญให้คริสตชนรับศีลเสบียงในเวลาใกล้จะตาย 3. วัตถุประสงค์หรือเหตุผลทีÉสองของพิธกีรรมศีลมหาสนิทนอกมิสซา คือ การส่งศีลผู้ป่วย และ การนมัสการพระเยซูเจ้าผู้ทรงประทบัในศีลมหาสนิท
33 4. การประทบัอยู่อย่างแท้จริงของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทเป็นจุดเชÉือระหว่างมิสซาและ พิธกีรรมศีลมหาสนิทนอกมิสซา (คาทอลกิเชÉือการประทบัอยู่ของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท หลังมิสซา ซึÉงแตกต่างจากพีÉน้องโปรเตสแตนท์สÉิงนีÊเป็นหัวข้อตัÊงแต่หลังสังคายนาแห่ง เตรนท)์ 5. การประทบัอยู่อย่างแท้จริงของพระเยซูเจ้าสามารถพบได้ตÊังแต่ในมิสซา (SC 7) ŝ.ř ในชุมนุมคริสตชน เมืÉอพระศาสนจักรชุมนุมกันเพืÉอสวดภาวนา และขับร้องสรรเสริญ พระเจ้า ŝ.Ś ในศาสนบริกรทีÉประกอบกิจกรรมในพระนามของพระเยซูเจ้า ŝ.ś ในพระวาจา ŝ.Ŝ ในศีลมหาสนทิพระเยซูเจ้าทรงประทบัอยู่อย่างแท้จริง 6. การประทบัอยู่อย่างแท้จริงของพระเยซูเจ้าหลังพิธีมิสซาหมายถึง Ş.ř ศลีมหาสนิทเป็นการระลกึถึงการถวายบูชาของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน คือ การสิÊนพระชนม์ และการกลับคืนชีพของพระองค์เสมอ Ş.Ś ศลีมหาสนิทเป็นศีลศักดÍิสทิธÍแิห่งพระกายและพระโลหิตของพระเยซเูจ้า ทรงเป็นอาหาร เลีÊยงวิญญาณของเรา 7. สรุป ş.ř การฉลองศีลมหาสนิทเป็นศูนย์กลางแห่งชีวิตจิตของพระศาสนจักร ไม่ว่าจะเป็นพิธกีรรม หรือกจิศรัทธา ทÊงที ัÉเป็นแบบสาธารณะ แบบสว่นตัว ş.Ś การประทบัอยู่อย่างแท้จริงของพระเยซูเจ้าในมิสซาส่งผลทÉตีามมาต่อพิธกีรรม ศีลมหาสนิทนอกมิสซา ş.ś พิธกีรรมศีลมหาสนทินอกมิสซาเป็นกิจการการนมัสการพระเจ้าโดยตรง “เอมมานูเอล” พระเจ้าสถิตกับเรา ภายใต้รูปปรากฏของปังและเหล้าองุ่น ş.Ŝ เป้าหมายของพิธกีรรมศีลมหาสนิทนอกมิสซา คือ ř) เป็นหนึÉงเดียวกบัพระทรมานและ การสิÊนพระชนม์ของพระเยซูเจ้า Ś) เป็นการรับศีลมหาสนิททัÊงโดยเครืÉองหมาย และด้วย ความปรารถนาฝ่ ายจิต ดงันÊนัพิธีศีลมหาสนิทนอกมิสซาตอ้งนําคริสตชนไปสู่การถวายมิสซา และเป็นหนึงÉเดียวกบั พระคริสตเจ้าดว้ยการรบัศีลมหาสนิทดว้ยความปรารถนา Ś. รูปแบบของพิธีกรรมศีลมหาสนิทนอกมิสซา ř. การส่งศีลมหาสนิทแก่คนเจ็บป่ วยและคนชรา พระสงฆ์จิตตาภิบาลควรสอดส่องให้คนเจบ็ ป่วยและคนชรา แม้เขาไม่เจบ็หนักหรืออยู่ในอันตราย ใกล้จะตาย ได้มีโอกาสรับศีลมหาสนิทบ่อยๆ แม้ทุกวัน เฉพาะอย่างยิÉงในระหว่างเทศกาลปัสกา คนเจบ็ ป่วยและคนชราเหล่านÊีรับศีลมหาสนิทได้ไม่ว่าเวลาใด คนเจบ็ ป่วยทÉรีับศีลมหาสนิทในรูปปังไม่ได้อนุญาตให้เขารับได้ในรูปเหล้าอง่นุอย่างเดียว
34 ผู้ดูแลคนเจบ็ ป่วยกร็ับศีลมหาสนิทพร้อมกบัคนเจบ็ ป่วยได้ โดยปฏิบัติตามกฎการรับศลีหมาสนิท ตามปกติ เวลาเชิญศีลมหาสนทิจะต้องบรรจุในตลับหรือภาชนะศักดÍิสทิธÍิ ควรเตือนผู้ดูแลหรือผู้อยู่กับคนเจบ็ ป่วย ให้จัดเตรียมห้องนอนคนเจบ็ ป่วยอย่างสมควร มีโต๊ะคลมุ ผ้าสาํหรับวางศีลมหาสนิท ถ้ามีธรรมเนียมใช้นาเสก ต้องจัดหาภาชนะที ํÊ Éใส่นําÊเสก กบัเครÉืองพรมนําเสก Ê หรือกิÉงไม้เลก็ๆ ทÉเีหมาะแก่การพรม ตลอดจนเทยีนบนโตะ๊ด้วย ลําดบัพธิีการส่งศีลมหาสนิทแก่คนเจ็บป่วยและคนชรา - ประธานกล่าวทกัทาย (อาจพรมนาเสก) ํÊ - บทสารภาพบาป - อ่านพระวาจา - บทข้าแต่พระบิดา - ประธานชูศีลและกล่าว “นีÉคือ (พระคริสตเจ้า) ลูกแกะพระเจ้า นีÉคือผู้พลีพระชนม์เพÉือยกบาปของโลก.......” - ส่งศีลมหาสนิท - บทภาวนาส่งท้าย - อวยพรปิ ดพิธี Ś. การเฝ้ าศีลมหาสนิท (Visits to the Blessed Sacrament) มีลกัษณะเป็นการนมัสการส่วนตัว ตู้ศีลควรตÊังในทีÉทีÉสะดวกในการเฝ้าศีลมหาสนิทสว่นตัว อาจจะ แยกออกมาเป็นวัดน้อยในวัด (ไม่จาํเป็นต้องเป็นอาคารทÉแยกออกจากตัววัด) ี ตู้ศีลในวัดน้อยทÉเีกบ็ศีลมหาสนิทควรอยู่บนพระแท่น เพÉือแสดงให้เหน็ความเชÉือโยงระหว่างมิสซา กบัพิธกีรรมศีลมหาสนิทนอกมิสซา ควรจุดตะเกยีง หรือ เทยีนในตะเกียง หรือ อาจจะเป็นตะเกยีงไฟฟ้า กไ็ด้ ś. การตัÊงศีลมหาสนิท (Exposition of the Blessed Sacrament) การตัÊงศีลมหาสนิททัÊงด้วยรัศมีหรือผอบศีล เป็นการประกาศความเชืÉอของคริสตชนต่อการประทบั อยู่อย่างแท้จริงของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท และเชิญชวนเขาให้รับศีลมหาสนิทฝ่ายจิต ซึÉงมีเป้ าหมายคือ การรับศีลมหาสนิทในมิสซา และการประทบัอยู่อย่างแท้จริงของพระองค์เป็นผลมาจากการเสกศีลในมิสซา ดัÊงนัÊน ř) ระหว่างตัÊงศีลในวัด ห้ามถวายมิสซาในวัด Ś) ถ้ามีการตัÊงศีลหลายวัน ควรเกบ็ศลีมหาสนิทเมÉือมีการถวายมิสซา เว้นแต่จะตัÊงศีลในวัดน้อยทีÉ แยกออกจากวัดใหญ่ การแสดงความเคารพต่อศีลมหาสนิทโดยการย่อเข่า (ประเทศไทยใช้การไหว้ หรือกราบ) ตัÊง เทยีน Ŝ หรือ Ş เล่มเมืÉอตัÊงศีลด้วยรัศมีและใช้กาํยาน ตÊังเทยีนอย่างน้อย Ś เล่มเมืÉอตัÊงศีลด้วยผอบศีล และอาจใช้กาํยานกไ็ด้
35 รูปแบบการตัÊงศีลมหาสนิท ś.ř การตัÊงศีลมหาสนิทเป็ นระยะเวลานาน ควรจัดในวัดทีÉมีตู้ศีลเกบ็ศีลมหาสนิทอย่างน้อยปีละครÊัง โดยมีผู้ร่วมพิธจีาํนวนหนÉึง การตัÊงศีล ไม่จาํเป็นต้องต่อเนÉือง เป็นต้น เกบ็ศีลเมÉือมีการถวายมิสซาในวัด แต่ไม่ควรเกบ็ศีลมหาสนิทเกนิŚ ครัÊงต่อ วัน (เทีÉยงวัน และตอนกลางคืน เมืÉอไม่มีคนเฝ้ าศีล) การตัÊงศีลระยะยาวเช่นการตัÊงศีล ŜŘ ชัÉวโมงซึÉงปรากฏทีÉกรุงโรมตอนกลางศตวรรษทีÉ řŞ พระสนัตะปาปาเคลเมนต์ทÉีřř ออกคาํสÉงให้มีมิสซาหลังจากจบการตั ัÊงศีล และต่อด้วยขบวนแห่เหมือนวัน พฤหัสบดีศักดิÍสทิธÍ กฎหมายพระศาสนจักรปี ิřšřş ขอให้แต่ละวัดจัดความศรัทธานีÊปี ละครัÊง (ในศตวรรษทีÉสองมีธรรมเนียมอดอาหารและสวดภาวนา ŜŘ ชัÉวโมงจากบ่ายวันศุกร์ศักดิÍสิทธิÍ ไปจนถึงเช้าวันอาทติย์ปัสกา ธรรมเนียมทÉมีปัจจุบันนี ีÊน่าจะมาจากศตวรรษทีÉ řŞ ทีÉเมืองมิลาน และยังได้ถือ ปฏบิัติโดยนักบุญอนัตน ซักกาเรีย นักบุญฟิลิป เนรีและนักบุญชาร์ล บาโรเมโอ) ś.Ś การตัÊงศีลมหาสนิทช่วงเวลาสัÊน ๆ ควรมีช่วงเวลาในการอ่านพระวาจา บทเพลง บทภาวนา และการราํพึงอย่างเงียบๆ มีการอวยพร ศีลมหาสนทิตอนจบพิธีไม่อนุญาตใหต้Êงศีลมหาสนิทเพื ัÉอการอวยพรเท่านัÊน ถา้ตÊงัศีลมหาสนิทต่อจากมิสซาใหใ้ชศ้ีลมหาสนิททีÉเสกในมิสซา หรืออาจจะตัÊงศีลฯหลังทาํวัตร โดยเฉพาะทาํวัตรเยน็หรืออาจจะทาํวัตรระหว่างตÊังศีลฯ เพืÉอเหน็ความเชÉือมโยงระหว่างมิสซากบัพิธกีรรม แห่งการสรรเสริญ (การทาํวัตร) ซÉงขยายช่วงเวลาแห่งการนมัสการศีลมหาสนิทออกไป ึ ś.ś การตัÊงศีลมหาสนิทตลอด ŚŜ ชัวโมง É เกีÉยวข้องกบัคณะนักบวชและกลุ่มอÉนๆ ซึ ืÉงธรรมนูญของคณะเรียกร้องให้นมัสการศีลมหาสนิท ŚŜ ชัÉวโมง แน่นอนจะเกบ็ศีลเมÉือมีมิสซา แนะนาํ ให้มีการจัดเวรเฝ้าศีล แต่ต้องมีช่วงเวลาทÉสมาชิกทุกคนใน ี คณะมานมัสการศีลมหาสนิทร่วมกัน โดยอ่านพระวาจา ขับร้อง และเงียบเพืÉอไตร่ตรอง เพืÉอทาํให้ชีวิต ฝ่ายจิตของชุมชนมีความเข้มแขง็ ศาสนบริกรตัÊงศีลมหาสนิทปกติ คือ พระสังฆราช พระสงฆ์ สังฆานุกร ศาสนบริกรพิเศษ คือ ผู้ช่วยพิธกีรรมทÉีได้รับการแต่งตัÊง ฆราวาสหรือนักบวชทีÉได้รับการแต่งตัÊง โดยพระสังฆราชท้องถิÉน สวดสายประคาํได้แต่ควรมีบทราํพึงทÉีมีพระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลาง Ŝ. การแห่ศีลมหาสนิท (Eucharistic Processions) การแห่ศีลเป็ นทีÉนิยมในยุคบาโรค หลังสังคายนาแห่งเตร็นท์ จัดโดยเฉพาะในวันสมโภช พระวรกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า การแห่ประกอบด้วยธงตราสัญลักษณ์ วงโยธวาทิต และ การแสดงออกภายนอก พระศาสนจักรทาํสÉิงนีÊเพืÉอยืนยันความเชืÉอในการประทับอยู่อย่างแท้จริงของ พระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท ในเอกสารการนมัสการศีลมหาสนิทนอกพิธีมิสซาให้ความหมายของการแห่ศีลมหาสนิทว่าเป็นการ ทีÉคริสตชนแสดงการเป็นประจักษ์พยานสาธารณะต่อความเชืÉอและความศรัทธาต่อศีลมหาสนิท ř. พระสังฆราชตัดสินใจภายใต้คําแนะนํา ในการจัดขบวนแห่ศีลมหาสนิท เรืÉอง สภาพ เวลา สถานทีÉ และการวางแผน
36 Ś. การแห่ศีลมหาสนิทในวันสมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า และในวันทีÉ เหมาะสมเช่นวันสมโภชพระคริสตกษัตริย์มีความหมายพิเศษสาํหรับการอภิบาลและชีวิตจิตของวัดหรือ สงัฆมณฑล ควรจะมีการแห่เช่นนÊีอย่างต่อเนืÉอง ś. เป็ นการเหมาะสมทีÉขบวนแห่เริÉมหลังมิสซา ใช้ศีลมหาสนิททีÉเสกในมิสซา หรือแห่หลังช่วง ตัÊงศีลมหาสนทิหลังมิสซา Ŝ. ต้องมีทีÉพักศีลมหาสนิทซึÉงอาจจะมีการอวยพรศีลทีÉนัÉนด้วย บทเพลงและบทภาวนาควรแสดง ความเชืÉอของผู้ร่วมพิธีและมีศูนย์กลางอยู่ทÉพระเยซูเจ้า ี ŝ. ขบวนแห่ศีลมหาสนิทไม่ควรกระทาํในวัด ควรเป็นการแสดงความเชÉือแบบสาธารณะ “บนถนน หรือจากวัดหนึÉงไปยังอีกวัดหนึÉง” การแห่ศีลในวันพฤหัสบดีศักดิÍสิทธิÍไม่ใช่ขบวนแห่ในความหมายของการ แห่อย่างสง่า แต่เป็นการอญัเชิญศีลมหาสนิทจากพระแท่นไปยังทÉพักศีลมหาสนิท ี ŝ. งานชุมนุมเคารพศีลมหาสนิท (Eucharistic Congresses) งานชุมนุมเคารพศีลมหาสนทินานาชาติเริÉมเป็นครัÊงแรกทีÉเมืองลีล ประเทศฝรัÉงเศส เมืÉอวันทีÉ Śř มิถุนายน ค.ศ. řŠŠř งานชุมนุมเคารพศีลมหาสนิทเป็นกิจกรรมทีÉแสดงออกเป็นพิเศษถึงการนมัสการต่อ ศีลมหาสนทิงานนÊีอาจจะจัดได้ในระดับสังฆมณฑล ระดับเขต ระดับชาติ หรือระดับโลก การเตรียมงานชุมนุมเคารพศีลมหาสนทิ ประกอบด้วย ř. การสอนคาํสอนเกÉียวกับศีลมหาสนิท โดยเฉพาะอย่างยิÉงในเรืÉองของพระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรง ประทบัอยู่และทาํงานในพระศาสนจักร Ś. การมีสว่นร่วมในพิธกีรรมโดยเน้นทÉการฟังพระวาจาของพระเจ้า จิตตารมณ์แห่งความรัก และ ี ชีวิตหมู่คณะ ś. งานวิจัยเพืÉอหาวิธกีารสนับสนุนการพัฒนามนุษย์และการแบ่งปันสิÉงของทัÊงฝ่ายกายและฝ่ ายจิต อย่างเป็นธรรม เป้าหมายกค็ือโต๊ะแห่งศีลมหาสนิทในพิธีมิสซาจะต้องทาํ ให้เชÊือแป้ งแห่งความรักของ พระวรสารแผ่ขยายไปในสังคม และทําให้สังคมปัจจุบันเติบโตในความรักของพระเจ้า ซึÉงเป็ นการ เสริมสร้างให้เกิดพระอาณาจักรสวรรค์ในอนาคต แนวทางการฉลองงานชุมนุมเคารพศีลมหาสนิทมีดังนีÊ ř. พิธมีิสซา (การฉลองศีลมหาสนิท) เป็นศูนย์กลางทÉีแท้จริงและส่วนทีÉสาํคัญทÉสุดของงานชุมนุมี เคารพศีลมหาสนิท รวมทัÊงกจิกรรมความศรัทธาต่อศีลมหาสนิท และโปรแกรมทีÉเกีÉยวข้องกับการพัฒนา สงัคม Ś. การประชุมกนัในการสอนคาํสอน วจนพิธีกรรม การสมัมนา ในหัวข้อทีÉงานชุมนุมเคารพ ศีลมหาสนทิตÊังขึÊน และหาวิธกีารทÉจีะนาํข้อคิดทÉได้จากกิจกรรมเหล่านี ีÊไปปฏบิัติในชีวิต ś. ควรจัดให้มีเวลาทีÉยาวนานสกัหน่อยในการนมัสการศีลมหาสนิท Ŝ. จัดการแห่ศีลมหาสนิทโดยคาํนึงถึงแนวทางของพระศาสนจักรสากล และประยุกต์ให้เข้ากับ วัฒนธรรมของพระศาสนจักรท้องถิÉน
37 สรุป การฉลองศีลมหาสนิทในพิธีมิสซาเป็ นศูนย์กลางแห่งชีวิตจิตของพระศาสนจักร ไม่ว่าจะเป็ น พิธีกรรมหรือกิจศรัทธา ทัÊงทีÉเป็นแบบสาธารณะ หรือแบบส่วนตัว และความเชืÉอเรืÉองการประทบัอยู่อย่าง แท้จริงของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิททีÉได้รับการเสกในพิธีมิสซาส่งผลทีÉให้เกิดพิธีกรรมศีลมหาสนิทนอก มิสซา อาจกล่าวได้ว่า พระศาสนจักรมีประสบการณ์การประทบัอยู่ของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทนอกพิธี มิสซา โดย ř) ประสบการณ์สว่นบุคคลของผู้ทÉแสดงความศรัทธาโดยเฝ้ าศีลมหาสนิท ี Ś) ประสบการณ์ของหมู่คณะ โดย การตัÊงศีลมหาสนิท การแห่ศีลมหาสนทิและงานชุมนุมเคารพ ศีลมหาสนทิ