๓๙ ปี คณะสังคมศาสตร์ มจร ๔๕
รศ.ดร.ภัทรพล ใจเยน็ ผศ.ดร.ผดุง วรรณทอง อาจารย์สมศักดิ์ สกุ เพ็ง
หัวหน้าภาควิชา
เศรษฐศาสตร์ หวั หนา้ ภาควิชาสงั คมวิทยาฯ หัวหน้าภาควิชานิตศิ าสตร์
กรรมการ
กรรมการ กรรมการ
พระปลดั วรี ะศกั ดิ์ ธีรงกฺ ุโร,ดร.
เลขานุการสำนกั งานคณบดคี ณะสงั คมศาสตร์
กรรมการและเลขานุการ
๔๖ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
ผบู้ รหิ ารคณะสังคมศาสตร์
พระครูปรยิ ตั กิ ิตติธำรง,รศ.ดร. พระอุดมสทิ ธินายก, รศ.ดร. รศ.ดร.เกียรตศิ กั ดิ์ สขุ เหลอื ง
คณบดีคณะสงั คมศาสตร์ รองคณบดีคณะสังคมศาสตร์ รองคณบดีคณะสังคมศาสตร์
ฝา่ ยบรหิ าร ฝา่ ยวิชาการ
พระปลดั วรี ะศกั ด์ิ ธีรงฺกุโร,ดร. ผศ.ดร.รัฐพล เย็นใจมา รศ.ดร.ภทั รพล ใจเย็น
เลขานุการสำนักงานคณบดี หวั หน้าภาควิชารัฐศาสตร์ หวั หนา้ ภาควิชาเศรษฐศาสตร์
คณะสงั คมศาสตร์
ผศ.ดร.ผดงุ วรรณทอง อาจารยส์ มศกั ดิ์ สุกเพ็ง ผศ.ดร.ธติ วิ ุฒิ หม่ันมี
หวั หน้าภาควชิ าสงั คมวทิ ยา หัวหน้าภาควชิ านิติศาสตร์ รองหัวหนา้ ภาควิชารัฐศาสตร์
และมานษุ ยวิทยา
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๔๗
บุคลากรคณะสงั คมศาสตร์
๑. บุคลากรสำนักงานคณบดีคณะสังคมศาสตร์
พระปลัดวีระศกั ด์ิ ธรี งฺกุโร, ดร. พระมหาพสิ ุทธิ์ สิทธฺ เิ มธี นายนเรศ ฤทธิเดช
น.ธ.ฺ เอก, ป.ธ.๖, พธ.บ. (รัฐศาสตร์ เอกการ
พธ.บ. (สังคมวิทยา), พธ.บ. (สงั คมวิทยา) ปกครอง),
พธ.ม. (การพฒั นาสงั คม) นกั จดั การงานทวั่ ไป พธ.ม. (รัฐประศาสนศาสตร)์
พธ.ด. (การพฒั นาสงั คม) นกั จดั การงานทัว่ ไป
เลขานกุ ารสำนกั งานคณบดี
นางลดั ดาวลั ย์ นว่ มบาง นางสาวสุกัญญา แจ้งนคร นางสาวเรวดี จรรยา
บธ.บ. (เทคโนโลยสี ารสนเทศ บธ.บ. (วิทยาการจัดการ) วท.บ. (พฒั นา
ธุรกิจ) นกั จดั การงานทัว่ ไป นกั จดั การงานทว่ั ไป ผลติ ภณั ฑ์อุตสาหกรรม
เกษตร), ศศ.บ. (สารสนเทศ
ศาสตร์) นักจดั การงาน
ท่ัวไป
๔๘ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
๒. บคุ ลากรภาควิชารัฐศาสตร์
พระเมธธี รรมาจารย์, รศ.ดร. พระสุธีวีรบัณฑิต, รศ.ดร. พระอดุ มสทิ ธินายก, รศ.ดร.
(โชว์ ทสฺสนโี ย) (กำพล คณุ งกฺ โร)
(ประสาร จนฺทสาโร) ป.ธ.๗, พธ.บ. ป.ธ.๙, น.บ. (นติ ิศาสตร)์ ,
พธ.บ. (การสอนสังคม (พระพทุ ธศาสนา), พธ.บ. (การจัดการเชงิ พทุ ธ),
ศึกษา), วท.ม. (การจัดการ ศศ.ม. (การบรหิ ารองค์การ), พธ.ม. (การจัดการเชิงพุทธ),
สิง่ แวดลอ้ ม), Ph.D. (Phil.), DODT. พธ.ด. (การจดั การเชงิ พุทธ),
รป.ด. (รัฐประศาสนศาสตร์) (ODT.), DM. (Pub.man)
พระปลดั ระพนิ พทุ ฺธสิ าโร, ผศ.ดร. พระมหาสุนนั ท์ สนุ นฺโท, ผศ.ดร. พระครูวินัยธรเอก ชนิ วํโส, ผศ.ดร.
พธ.บ. (การสอนสังคม), ป.ธ.๔, พธ.บ. (การจดั การ พธ.บ. (การจดั การเชิงพุทธ),
ศศ.ม. (ประวตั ศิ าสตรเ์ อเชยี ), เชงิ พุทธ), พธ.ม. (การจดั การ น.บ. (นิตศิ าสตร์), พธ.ม.
พธ.ด. (พระพทุ ธศาสนา) เชิงพุทธ), พธ.ด. (การจดั การ (การจัดการเชงิ พทุ ธ), พธ.ด.
เชงิ พทุ ธ) (การจดั การเชงิ พทุ ธ)
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๔๙
พระมหากฤษฎา กติ ตฺ โิ สภโณ, พระครูธรรมธรสฐาพร ปภสสฺ โร ศ.ดร.บญุ ทนั ดองไธสง
ผศ.ดร. B.A. (Political Science),
พธ.บ. (การจดั การเชงิ พุทธ), M.A. (Political
ป.ธ.๖, พธ.บ. (การจดั การ น.บ. (นติ ิศาสตร)์ , พธ.ม. Development),
เชิงพุทธ), พธ.ม. (การจัดการ (การจัดการเชงิ พทุ ธ) Ph.D. (Leadership and
เชงิ พทุ ธ), พธ.ด. (การจดั การ Human Behavior with
เชิงพุทธ) Specialization in Urban
Development)
ศ.ดร.จำนงค์ อดิวฒั นสิทธ์ิ รศ.ดร.สรุ พล สยุ ะพรหม รศ.ดร.พรรษา พฤฒยางกูร
พธ.บ. (มานุษยสงเคราะห์
พธ.บ. (สังคมวิทยา), พธ.บ. (สังคมวิทยา), ศาสตร)์ , M.A. (Pol),
Ph.D. (Pol. Sc.)
M.A. (English), M.A. M.A. (Politics.),
(Social Sciences), Ph.D. (Political Science),
Ph.D. (Social Sciences) ปร.ด. (ส่ือสารการเมอื ง)
๕๐ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
รศ.ดร.เตมิ ศักด์ิ ทองอินทร์ รศ.ดร.พิเชฐ ทง่ั โต รศ.ดร.สมาน งามสนทิ
พธ.บ. (การสอนสงั คม พธ.บ. (บริหารการศกึ ษา) B.A. (Government),
ศกึ ษา), M.A. (Pol. Sc.), M.A. (Public M.A. (Communication
Ph.D. (Pol. Sc.) Administration), Arts), พบ.ด. (การบริหาร
Ph.D. (Public การพัฒนา)
Administration)
รศ.ดร.สรุ ินทร์ นิยมางกูร รศ.ดร.ธัชชนันท์ อิศรเดช รศ.ดร.เกียรตศิ ักด์ิ สขุ เหลอื ง
วท.บ. (วทิ ยาศาสตร์ท่ัวไป), พธ.บ. (รฐั ศาสตร)์ , พธ.บ. (การบริหารรฐั กจิ ),
M.A. (Statistics), น.บ. (นติ ิศาสตร์), ศศ.ม. (การจดั การการพัฒนา
Ph.D. (Development M.A. (Political Science), สงั คม),
Administration) น.ม. (นติ ิศาสตร์), รป.ด. (รฐั ประศาสนศาสตร์)
Ph.D. (Political Scince)
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๕๑
รศ.ดร.วัชรนิ ทร์ ชาญศลิ ป์ รศ.ดร.ประณต นันทยิ ะกุล รศ.อนภุ ูมิ โซวเกษม
ร.บ. (รฐั ศาสตร์), ร.บ. (รัฐศาสตร)์ , พธ.บ. (มานษุ ยสงเคราะห์
ร.ม. (รัฐศาสตร์), M.A. ร.ม. (รฐั ศาสตร)์ ศาสตร)์ , M.A. (Pol. Sc.)
(Comparative Politics),
Ph.D. (Comparative
Politics)
ผศ.ดร.รัฐพล เย็นใจมา ผศ.ดร.ธติ วิ ุฒิ หมัน่ มี ผศ.ดร.ยุทธนา ปราณีต
พธ.บ. (รัฐศาสตร์ เอกการ พธ.บ. (สงั คมศกึ ษา), พธ.ม. พธ.บ. (การบริหารรฐั กจิ ),
บรหิ ารรัฐกจิ ), พธ.ม. (รัฐ (ปรัชญา), พธ.ด. (รัฐ ร.บ. (รัฐศาสตร์) M.A.
ประศาสนศาสตร)์ , ประศาสนศาสตร)์ (Political Science),
พธ.ด. (รฐั ประศาสนศาสตร์) Ph.D. (Political Science)
๕๒ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
ผศ.ดร.หฏั ฐกรณ์ แกน่ ท้าว ผศ.ดร.ธวัชชยั สมอเนือ้ ผศ.ดร.เอนก ใยอนิ ทร์
พธ.บ. (เศรษฐศาสตร)์ , พธ.บ. (การสอนสงั คม), พธ.บ. (รัฐศาสตร์ เอก
รป.ม. (นโยบายสาธารณและ รป.ม. (นโยบายสาธารณและ การเมอื งการปกครอง),
การบรหิ ารงานบุคคล), การบรหิ ารงานบุคคล), รป.ม. (รัฐประศาสนศาสตร)์ ,
พธ.ด. (รัฐประศาสนศาสตร์) พธ.ด. (รฐั ประศาสนศาสตร์) พธ.ด. (รฐั ประศาสนศาสตร์)
ผศ.ดร.ประเสรฐิ ธิลาว ผศ.ดร.นพดล ดีไทยสงค์ ผศ.ดร.สรุ ิยา รักษาเมอื ง
พธ.บ. (รฐั ศาสตร์ เอกการ พธ.บ. (ภาษาอังกฤษ), รป.ม. ปธ.๙, วท.บ. (วิทยาการ
บริหารรฐั กิจ ), พธ.ม. (รฐั (นโยบายสาธารณะ), พธ.ด. คอมพวิ เตอร์), พธ.ม. (รฐั
ประศาสนศาสตร)์ , (รฐั ประศาสนศาสตร)์ ประศาสนศาสตร)์ ,
พธ.ด. (รัฐประศาสนศาสตร์) รป.ด. (รัฐประศาสนศาสตร)์
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๕๓
ผศ.ดร.ประสิทธิ์ พทุ ธศาสน์ศรัทธา ผศ.ดร.พงศพ์ ัฒน์ จติ ตานุรกั ษ์ ผศ.ชวชั ชัย ไชยสา
พธ.บ. (มานุษยสงเคราะห์
พธ.บ. (รฐั ศาสตร์ เอกการ ศศ.บ. (ภาษาอังกฤษ), ศศ.ม. ศาสตร์), M.A. (Pol.
บรหิ ารรฐั กจิ ), พธ.ม. (รัฐ (จีนในระบบเศรษฐกจิ โลก), Science)
ประศาสนศาสตร)์ , รอ.ม. (การจดั การภาครัฐ
พธ.ด. (รฐั ประศาสนศาสตร)์ และเอกชน), พธ.ด. (รัฐ
ประศาสนศาสตร์)
ผศ.ดร.อภิญญา ฉัตรชอ่ ฟ้า อ.ดร.บวร ขมชุณศรี อ.ดร.ปนดั ดา รักษาแกว้
ศศ.บ. (การจดั การทว่ั ไป), ศศ.บ. (รัฐศาสตร)์ , รป.ม.
ร.ม. (สอ่ื สารการเมือง), (รฐั ประศาสนศาสตร)์ , ปร.ด. ค.บ. (การสอนวิชาเฉพาะ),
รอ.ม. (การจดั การภาครฐั (สอื่ สารการเมือง), ปร.ด.(รัฐ ร.ม. (ส่อื สารการเมือง),
และเอกชน), ปร.ด. (สอ่ื สาร ประศาสนศาสตร์) ปร.ด. (สอ่ื สารการเมอื ง) ,
การเมอื ง), ปร.ด.(รัฐ ปร.ด.(รฐั ประศาสนศาสตร์)
ประศาสนศาสตร)์
๕๔ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
อ.ดร.กาญจนา ดำจุติ อ.ดร.นกิ ร ศรรี าช อ.ดร.สมบตั ิ นามบรุ ี
ศ.บ. (เศรษฐศาสตรเ์ ชิง ปธ.๙, พธ.ม. (การจดั การเชิง พธ.บ. (ภาษาอังกฤษ), ศศ.ม.
ปริมาณ), ศน.ม. (รัฐศาสตร์ พทุ ธ), พธ.ด. (การจัดการเชงิ (วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์กับ
การปกครอง), พุทธ) การพฒั นาบุคคล),
พธ.ด. (รัฐประศาสนศาสตร)์ ปร.ด. (รัฐประศาสนศาสตร)์
อ.ดร.นริศร ทองธิราช อ.ดร.ทกั ษิณ ประชามอญ อ.ดร.สภุ ทั รชยั สีสะใบ
น.บ. (นติ ิศาสตร์), ศศ.บ. ศศ.บ. (รฐั ศาสตร์), พธ.บ.(การ พธ.บ. (ภาษาองั กฤษ), พธ.ม.
(รัฐศาสตร์), ศศ.ม. (รัฐศาสตร)์ , สอนสังคมศึกษา), (รฐั ประศาสนศาสตร์), ปร.ด.
Ph.D. (Social Science), ปร.ด. ร.ม. (รฐั ศาสตร์), (รัฐประศาสนศาสตร)์
(รัฐศาสตร)์ พธ.ด. (รัฐประศาสนศาสตร์)
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๕๕
อ. ดร.สุมาลี บุญเรอื ง อ. วินยั มีมาก พระปลดั สมนกึ ธรี ปญฺโ , ดร.
บธ.บ. (การเงิน), พธ.บ. (การจัดการเชิงพทุ ธ), พธ.บ. (รฐั ศาสตร์ เอกการ
บธ.ม. (บริหารธรุ กิจ), พธ.ม. (การจดั การเชิงพุทธ) บรหิ ารรฐั กิจ), พธ.ม.
ปร.ด. (รฐั ศาสตร์) (รฐั ประศาสนศาสตร)์ ,
ปร.ด. (รัฐประศาสนศาสตร)์
นักวชิ าการศกึ ษา
พระนุชติ นาคเสโน พระมหาสพุ ฒั น์ นนฺทปญฺโญ, ดร. พระมหาสมชาย ขนตฺ สิ รโณ
พธ.บ. (รฐั ประศาสนศาสตร์), ป.ธ.๓,
รป.ม. (รฐั ประศาสนศาสตร)์ น.ธ.เอก, ป.ธ.๔, ศศ.บ. (สังคมวิทยาและ
นักจดั การงานทั่วไป พธ.บ. (จิตวทิ ยา), มานษุ ยวทิ ยา),
พธ.ม. (รฐั ประศาสนศาสตร์), พธ.บ. (การจัดกการเชิงพทุ ธ),
ปร.ด. (รัฐประศาสนศาสตร์) พธ.ม. (การจัดการเชิงพุทธ)
๕๖ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
ดร.กรกต ชาบณั ฑิต นายพลวัฒน์ สที า นางสาวพชั รี หาลาง
วท.บ. (วิทยาการ ร.บ. (การเมอื งการปกครอง), บธ.บ. (การบัญช)ี ,
คอมพวิ เตอร)์ , รป.ม. (รฐั พธ.ม. (รัฐประศาสนศาสตร)์ บธ.ม. (บรหิ ารธรุ กจิ )
ประศาสนศาสตร)์ , นักวชิ าการศึกษา นักวิชาการการเงนิ และบญั ชี
ปร.ด. (รัฐประศาสนศาสตร)์
นกั วิชาการศกึ ษา
นางสาวกาญจนา บญุ เรือง นางสาวชญานชุ สามญั
ศศ.บ. (ภาษาอังกฤษเพื่อการ บธ.บ. (การตลาด),
สื่อสารสากล), M.P.A. รป.ม. (รฐั ประศาสนศาสตร์)
นกั จัดการงานทว่ั ไป นักวชิ าการศกึ ษา
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๕๗
๓. บุคลากรภาควิชาเศรษฐศาสตร์
รศ.ดร.ภัทรพล ใจเย็น
พธ.บ. (ภาษาอังกฤษ),
M.A. (Economics),
M.A. (Political Science),
Ph.D. (Economics)
ผศ.ดร.เดช ชจู นั อัด พระคมสัน ฐิตเมธโส,ผศ. รศ.ดร.พลวัฒน์ ชมุ สขุ
พธ.บ. (เศรษฐศาสตร)์ , พธ.บ. (เศรษฐศาสตร)์ , พธ.บ. (เศรษฐศาสตร)์ ,
บธ.ม. (บรหิ ารธรุ กิจสำหรบั ศ.ม. (เศรษฐศาสตรธ์ รุ กจิ ) ศ.ม. (เศรษฐศาสตร)์ ,
ผ้บู ริหาร), พธ.ด. (การพฒั นาสังคม)
ปร.ด. (การจดั การ)
๕๘ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
๔. บคุ ลากรภาควิชาสงั คมวทิ ยาและมานษุ ยวิทยา
พระครูปรยิ ัตกิ ติ ติธำรง, รศ.ดร. พระสุธรี ตั นบณั ฑติ , รศ.ดร. พระมหาสุเทพ สุปณฑฺ โิ ต, ผศ.
ป.ธ.๗, พธ.บ. (ปรชั ญา),
ป.ธ.๔, พธ.บ. (สทุ ิตย์ อาภากโร)
(ภาษาอังกฤษ) เกยี รตินยิ ม, ป.ธ.๗, ร.บ. (รฐั ศาสตร)์ , พธ.ม. (พัฒนาชุมชน)
M.A. (Sociology),
Ph.D. (Social Science) พช.ม. (พัฒนาชุมชน), พธ.ด.
(พระพทุ ธศาสนา)
พระมหาชาตชิ าย ปญฺ าวชิโร พระครูปลัดอุดมวฒั น์ รศ.ดร.โกนิฏฐ์ ศรที อง
ป.ธ.๖, ร.บ. (รฐั ศาสตร์), พธ.บ. (การศกึ ษานอก
ป.ธ.๙, พธ.บ. (สังคมวทิ ยา), พธ.ม. (การพัฒนาสังคม) โรงเรยี น),
สส.ม. (สังคมสงเคราะห์ M.A. (Sociology),
ศาสตร)์ Ph.D. (Sociology)
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๕๙
รศ.ดร.วิวฒั น์ หามนตรี ผศ.ดร.ผดงุ วรรณทอง ผศ.ดร.เดชา กปั โก
กศ.บ. (สังคมศกึ ษา), ศศ.ม. พธ.บ. (ภาษาสนั สกฤต), ศน.บ. (สงั คมวิทยา),
(การพัฒนาสังคม), ศศ.ม. (พฒั นาสังคม), M.A. (Sociology),
ปร.ด. (การศกึ ษาเพอื่ การ ปร.ด. (การจดั การ) Ph.D. (Sociology)
พฒั นาทอ้ งถ่นิ )
ผศ.ดร.อุบลวรรณา ภวกานนั ท์ อ. ดร.วสันต์ ลิ่มรัตนภัทรกลุ อ.ดร.สร้อยบญุ ทรายทอง
ค.บ. (ภาษาองั กฤษ), สค.ม.
กศ.บ. (ชวี วิทยา), กศ.ม. ร.บ. (ทฤษฎแี ละเทคนิคทาง (วจิ ัยประชากรและสงั คม),
(จิตวทิ ยาพัฒนาการ), รฐั ศาสตร์), รป.บ. (รัฐ ปร.ด. (สังคมวิทยา)
Ph.D. (Experimental ประศาสนศาสตร)์ ,
Psychology) สส.ม. (สังคมสงเคราะห์
ศาสตร์), ปร.ด. (พฒั นศกึ ษา)
๖๐ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
อ.เดชอุดม แสงบญุ อ.สนธิญาณ รกั ษาภกั ดี อ.ดาวเหนือ บตุ รสีทา
พธ.บ. (ภาษาอังกฤษ), พธ.บ. (สังคมศกึ ษา), สส.ม. พธ.บ. (สงั คมวทิ ยา),
ศศ.บ. (รัฐศาสตร์), (สงั คมสงเคราะห)์ ศศ.ม. (การบรหิ ารการ
นบ. (นิติศาสตร์), พฒั นาสงั คม)
สส.ม. (สังคมสงเคราะห์
ศาสตร)์
อ.จา่ มยุน้ ลุงเฮือง อ.ปริญญา นิกรกุล นางสาวจริ าพร อรรถารส
พธ.บ. (สงั คมวทิ ยา),
พธ.ม. (การพฒั นาสงั คม) ศศ.บ. (รฐั ประศาสนศาสตร์), พธ.บ. (รัฐประศาสนศาสตร์)
ศศ.ม. (รัฐประศาสนศาสตร์) นกั จดั การงานท่ัวไป
๓๙ ปี คณะสังคมศาสตร์ มจร ๖๑
พระมหาวนั เฉลมิ สวุ ทติ ฺตเมธี พระมหาเกียรตพิ งษ์ อภิสทิ โฺ ธ
ป.ธ.๔, พธ.บ. ป.ธ.๔, พธ.บ (รฐั
(เศรษฐศาสตร์), พธ.ม. ประศาสนศาสตร์)
(การพฒั นาสังคม), รป.ม (รัฐประศาสน
นกั จัดการงานทว่ั ไป ศาสตร)์
นกั จัดการงานทวั่ ไป
๖๒ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
๕. บุคลากรภาควิชานิตศิ าสตร์
พระสทิ ธนิ ิตธิ าดา,รศ.ดร. อ.สมศกั ด์ิ สกุ เพ็ง รศ.ดร.โกเมศ ขวัญเมอื ง
(ชลัช โชติทตฺโต) น.บ. (นิติศาสตร์), น.ม. น.บ. (นติ ศิ าสตร์), Doctorat
น.บ. (นติ ิศาสตร)์ , น.ม. (กฎหมายเอกชนและ D’Univeraite
(นิติศาสตร์), น.ด. กฎหมายธรุ กจิ )
(นิติศาสตร์)
ผศ.ดร.ประเสริฐ ลม่ิ ประเสรฐิ ผศ.ร.อ.ดร.ประมาณเลศิ ผศ.ดร.สมบตั ิ อรรถพิมล
อจั ฉรยิ ปญั ญากุล น.บ. (นติ ศิ าสตร์), น.ม.
น.บ. (นติ ศิ าสตร)์ , น.บ.ท. ศศ.บ. (การจดั การทัว่ ไป), (นิตศิ าสตร์), ร.ม.
(เนติบณั ฑติ ไทย), ศศ.ม. น.บ. (นิตศิ าสตร)์ , รป.ม. (รัฐศาสตร์),
(การบริหารงานยุติธรรม), (รัฐประศาสนศาสตร)์ , Ph.D. (Public
ศศ.ม.(รฐั ศาสตร์), น.ม. น.ม. (นิตศิ าสตร)์ , Ph.D. Administration)
(กฎหมายธุรกจิ ), น.ด. (Social Science)
(นิตศิ าสตร)์
๓๙ ปี คณะสังคมศาสตร์ มจร ๖๓
อ.ดร.วรพจน์ ถนอมกลุ อ.ดร.พิทักษพ์ ล ปรีชาชาติ อ.มารุตพงศ์ มาสิงห์
น.บ. (นิติศาสตร์), LL.M. น.บ. (นติ ศิ าสตร์), น.ม. น.บ. (นติ ิศาสตร)์ , น.ม.
(Transnational Business (นิติศาสตร์), Ph.D. (กฎหมายมหาชน)
Practice), (Philosophy)
น.ด. (นติ ิศาสตร์)
นางสาวณกาณฑ์ หริ ัญวัชรปภา
บธ.บ. (การจัดการ)
นักจัดการงานท่ัวไป
๖๔ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
๓๙ ปี คณะสังคมศาสตร์ มจร ๖๕
๓๙ (สามก้าว) ปี ๔ ทศวรรษ พัฒนาการคณะสงั คมศาสตร์
ระยะแรก ระยะก่อต้ังคณะสังคมศาสตร์ (พ.ศ.๒๕๒๖-๒๕๓๙)
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สถาปนาโดยพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ (พ.ศ.๒๓๙๖-๒๔๕๓) นับแต่ พ.ศ.
๒๔๓๐ และเริ่มจัดการเรียนการสอนนับแต่ พ.ศ.๒๔๙๐ ทำให้มีพัฒนาการ
ต่อเนื่องมาในรูปของสถาบันการศึกษาสงฆ์ผลิตบัณฑิตพระสงฆ์สามเณรน้อยให้มี
ความรู้มีการศึกษาตามปณิธานของล้นเกล้ารัชกาลท่ี ๕ ท่ีมุ่งจัดการศึกษา
พระพุทธศาสนาบูรณาการกบั ศาสตรส์ มยั ใหมด่ ังปรากฏข้อมลู ท่วี า่
...ศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาชั้นสูงสำหรับพระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์
..." พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ได้ทรงสถาปนา
มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัยข้ึนเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ซึ่งเป็นถ้อยคำท่ี
ผู้บริหารและบุรพาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ พูดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้
ผู้บริหาร คณาจารย์ และศิษย์ปัจจุบัน
ได้ฟั งอยู่ตลอดเวลาจากพ ระราช
ปณิธานวันสำคัญดังกล่าวจึงเป็นท่ีมา
ของการจัดการศึกษ าสำห รับ ทุ ก
หลักสูตรของมหาวิทยาลัย เป็นเข็มทิศ
ชี้ทางให้แก่การยกร่างหลักสูตรทั้งปวง
ที่จะพึงมีใน มจร ผู้มีหน้าที่ในการ
จัดทำหลักสูตรของ มจร ทุกท่าน จะ
ต ร ะ ห นั ก รู้ แ ล ะ เอ า ใจ ใ ส่ เส ม อ ม า ว่ า
เรียนวิชาการใด ๆ พึงให้ครบตามพระ
ราชปณิธานที่ว่า "ศึกษาพระไตรปิฎก
และวิชาชั้นสูง"
พระราชหัตถเลขาล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ รศ.ดร.สรุ พล สยุ ะพรหม
อดีตหัวหน้าภาควชิ ารฐั ศาสตร์
๖๖ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
พัฒนาการอีกเร่ืองหนึ่งท่ีน่าจดจำ และน่าจะถือว่าเป็นจุดกำเนิดหรือ
พั ฒ น า ก า ร ข อ ง ก า ร ก่ อ ตั้ งค ณ ะ สั ง ค ม ศ า ส ต ร์ ก็ ค ง ไม่ ผิ ด ถ้ า ตี ค ว าม จ า ก บั น ทึ ก
ของ ศ.(พิเศษ)จำนงค์ ทองประเสริฐ (พ.ศ.๒๔๗๕-) ราชบัณฑิต ผู้ท่ีถือว่าเป็นศิษย์
คนแรกของมหาวทิ ยาลยั นับแต่การก่อตั้งดงั บทบนั ทึกท่ีว่า
“ .... ข้ า พ เจ้ านึ ก ถึ ง
เห ตุ ก า ร ณ์ ใน อ ดี ต ก่ อ น ท่ี จ ะ มี
คณะสังคมศาสตร์ นั่นคือ เมื่อ
ข้าพเจ้าได้รับทุน จากมูลนิธิ
อาเซียให้ ไป ศึกษ าต่อระดับ
ปริญญาโทท่ีมหาวิทยาลัยเยล
สหรัฐอเมริกา ในสาขา วิชา
ปรัชญา มีกำหนดเวลา ๒ ปีนั้น
เมือ่ ข้าพเจา้ ได้เขา้ ศึกษาท่ีบัณฑิต
วิทยาลัย (Graduate School)
ข้าพเจ้าสนใจวิชาเอเชียอาคเนย์
ศึ ก ษ า ( South East Asia
Studies) มาก จึงได้ สมัครเรียน
ทั้ งด้ าน ป รัช ญ าแ ล ะ เอ เชี ย
อาคเนย์ศึกษา รวมท้ังหมด ๒๒
ร า ย วิ ช า เ กิ น ก ว่ า ท่ี เ ข า
กำหนดให้เรียนเฉพาะปรัชญา
รายวิชา แม้จะเรียนเกินกำหนด แต่ข้าพเจ้าก็พยายามอย่างสุดความสามารถ
เพราะเวลานั้นปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิตไม่มีใครรับรอง ไม่ว่าจะเป็นคณะสงฆ์
ไทยหรือรัฐบาลก็ตาม แต่เม่ือข้าพเจ้าสามารถเรียนจบ ๒๒ รายวิชา โดยใช้เวลา
เพียงปีครึ่งและได้คะแนนระดับ "เกียรตินิยม" ด้วย เป็นผลทำให้รัฐบาลไทยต้อง
ยอมรับปริญญ า พุทธศาสตรบัณ ฑิตของมหาจุฬาฯ โดยปริยาย เพราะ
มหาวทิ ยาลัยเยล เป็นมหาวทิ ยาลยั ท่ีมชี ่ือเสียงเข้าเรียนยากที่สุดแห่งหนงึ่ ของโลก
เมื่อข้าพเจ้ากลับมาปฏิบัติงานที่มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้รับ
ตำแหน่งเป็นผู้ช่วยอธิการบดี และรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มูลนิธิอาเซียเห็นว่า
ข้าพเจ้าได้ศึกษาวิชาด้านเอเชียอาคเนย์ศึกษามาเป็นอย่างดี จึงเสนอให้มหาจุฬาฯ
๓๙ ปี คณะสังคมศาสตร์ มจร ๖๗
สมัยนั้นเปิด "คณะเอเชียอาคเนย์" ข้ึนเป็นแห่งแรกในประเทศไทยหรืออาจเป็นใน
โลกก็ได้ โดยมูลนิธิอาเซียออกทุนให้ทุกอย่างเป็นเวลา ๓ ปี ซ่ึงในสมัยนั้น มหาจุฬาฯ
ได้เปิดสอนวิชาการต่าง ๆ "เก่ียวกับประเทศในเอเชียอาคเนย์ ไมว่ ่าจะเปน็ ประเทศ
ลาว เขมร พม่า หรือมลายู โดยศึกษาทั้งด้านประวัติศาสตร์และภาษาโดยเฉพาะ
ภาษาพม่าและภาษายาวีน้ัน เราต้องศึกษาด้วย แต่เมื่อข้าพเจ้าได้ลาลิกขาออก
มาแล้ว ทางมหาจุฬาฯ ก็ได้เปลี่ยนชื่อคณะเอเซียอาคเนย์ เป็นคณะมานุษยสง
เคราะห์ศาสตร์ ซ่ึงข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด อาจเป็นเพราะมูลนิธิอาเซีย
เลกิ ใหก้ ารอุปถมั ภ์กเ็ ป็นได้....
ข้าพเจ้ายังคิดอยู่ว่าเวลาน้ีโลกกำลังตื่นตัวเร่ือง"ประชาคมอาเซียน" อยู่
ถ้าคณะเอเซียอาคเนยย์ ังมีอยู่เท่ากับเป็นการเปิดประตูไปสู่ประชาคมอาเซียนอยา่ ง
แน่นอน และปัญหาภาคใต้ ก็อาจไม่รุนแรงอย่างในปัจจุบัน เพราะเราอาจมีพุทธ
ศาสตรบัณฑิต พูดภาษายาวีได้ที่พอจะส่ือสารกบั ประชาชนท่ีพดู ภาษายาวีได้อย่าง
แน่นอน แต่เม่ือมีคณะมานุษยสงเคราะห์ศาสตร์ขึ้นมาแทนและต่อมาคณะมานุษย
สงเคราะห์ศาสตร์ โดยต้ังคณะสังคมศาสตร์และคณะมนุษยศาสตร์ข้ึนมาแทน
ถ้าหากคณะสังคม คงเจตนารมณ์ของการก่อต้ังคณะเอเชียอาคเนย์ได้ก็จะดี โดย
เปิดรายวิชาภาษาต่างประเทศ ในประชาคมอาเซียนข้ึน ซ่ึงจะทำให้โลกยอมรับว่า
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มี "วิสัยทัศน์" อันยาวไกล ซึ่งจะ
สามารถสนองเจตนารมณ์ของการตั้ง "ประชาคมอาเซียน" ได้อย่างแน่นอน อันจะ
มีผลทำให้คณะสังคมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นที่
สนใจและจะได้รับการสนับสนุนจากประชาคมอาเซียนอย่างแน่นอนและ
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็จะได้ช่ือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มี
วสิ ัยทศั น์อันยาวไกลโดยแท้...”
ศ.(พิเศษ) จำนงค์ ทองประเสริฐ
ราชบณั ฑติ พุทธศาสตรบณั ฑิตรูปแรกของ มจร
๖๘ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
จากข้อมูล ศ. (พิเศษ) จำนงค์ ทองประเสริฐ (พ.ศ.๒๔๗๕-) ราชบัณฑิต
อาจตีความส่วนนี้ได้ว่าพัฒนาการหรือแนวคิดในเรื่อง LOOK EAST ของประเทศ
ตะวันตก สง่ ผลเป็นพัฒนาการของการก่อต้ังคณะเอเซียอาคเนย์ และคณะมานุษย
สงเคราะห์ศาสตร์ และพัฒนามาเป็นคณะสังคมศาสตร์ในท่ีสุด ดังนั้นช่วงเวลาน้ี
จึงควรเป็นการบันทึกถึงพัฒนาการต่อเน่ืองของคณะสังคมศาสตร์ได้ด้วยเช่นกัน
รวมท้ังในช่วงเวลานั้นแนวคิดในเร่ืองการเข้ามามีอิทธิพลของชาติตะวันตกในยุค
สงครามเย็น จึงสะท้อนถึงความสำคัญของภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ รวมท้ัง
ท่ีมาของทุนมูลนิธิอาเซียนที่ส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในศาสนาเช่น ศ.
(พิเศษ) จำนงค์ ทองประเสริฐ (พ.ศ.๒๔๗๕- ปัจจุบัน อายุ ๙๓ ปี) ติชนัทฮัน
(Thích Nhất Hạnh,ค.ศ.1926-2022 อายุ ๙๕ ปี ประเทศเวียดนาม) หรือ สมเด็จ
พระมหาโฆษนันทะ (Preah Maha Ghosananda,ค.ศ.1913-2007,อายุ ๙๗ ปี/
ประเทศกัมพูชา) ซึ่งมีนัยยะขอการรุกคืบเข้ามาของชาติตะวันตกในภูมิอาคเอเชีย
ตะวันออกเฉยี งใต้๑
ในส่วนคณะสังคมศาสตร์ มีพัฒนาการต่อเนื่อง กล่าวคือในปีพุทธศักราช
๒๕๑๒ คณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคม ได้ออกคำส่ังมหาเถรสมาคม เร่ือง การศึกษา
ของมหาวิทยาลยั พุทธศักราช ๒๕๑๒ และเร่ืองการศึกษาของคณะสงฆ์ จากคำส่ัง
ท้ั งสอ งฉ บั บ นี้ ส่ งผ ลให้ ม ห าจุฬ าล งก รณ ราช วิท ยาลัย มี ส ถาน ะเป็ น
สถาบันการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยโดยสมบูรณ์ และทำการเปิดสอนคณะเอเชีย
อาคเนย์ ต่อมาเปล่ียนเป็น คณะมานุษยสงเคราะห์ศาสตร์ ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๒๖
คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ได้แยกคณะมานุษยสงเคราะห์ศาสตร์ออกเป็นสอง
คณะ คอื คณะมนุษยศาสตร์ และคณะสังคมศาสตร์
๑Eugene Ford. (2017). Cold War Monks Buddhism and America's Secret
Strategy in Southeast Asia; Imprint: Yale University Press. หนังสือเล่มนี้ให้ข้อมูล
เก่ียวกับการเมืองระหว่างประเทศ ที่นำศาสนาพุทธในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เข้า
มาเป็นส่วนหน่ึงของการมีส่วนร่วมเพื่อเป็นแกนนำทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของ
การเมืองโลกในช่วงยคุ สมัยของสงคามเย็น (Cold War) ซ่ึงเป็นหมุดหมายและพัฒนาการทาง
ประวตั ิศาสตร์หนึ่งทสี่ รา้ งความเปล่ยี นแปลงให้แกร่ ะบอบเศรษฐกิจการเมืองและสังคมภายใน
ภูมิภาคแห่งนด้ี ว้ ยเช่นกัน
๓๙ ปี คณะสังคมศาสตร์ มจร ๖๙
ดงั นั้นตามหลักฐานที่ปรากฏคณะสงั คมศาสตร์ จึงได้ก่อกำเนิดขนึ้ ตง้ั แต่ปี
พุทธศกั ราช ๒๕๒๖ พร้อมกับการปรับปรุงหลกั สตู ร หลกั สตู รเดมิ มีหน่วยกิต ๒๐๐
หน่วย ถูกลดจำนวนลงเหลือหน่วยกิตเพียง ๑๕๐ หน่วยกิต ซ่ึงจำนวนหน่วยกิต
เป็นเช่นเดียวกับสถาบันอุดมศึกษาท่ัวไป ทั้งนี้เพ่ือรองรับ พ.ร.บ. กำหนดวิทย
ฐานะผ้สู ำเร็จวชิ าการทางพระพทุ ธศาสนา
โดยมีผู้บริหารคณาจารย์ท่ีถือว่าเป็นกลไก
สำคัญของการก่อตั้งคณะสังคมศาสตร์ในช่วงเวลาน้ัน
คือ พ ระม ห าสำรวม ปิ ยธมฺโม (น .ธ.เอก ,ป .ธ.
๖,M.A.(Phil.) ซึ่งมีส่วนอย่างสำคัญในการผลักดัน
ขับเคล่ือนจนกระท่ังก่อตั้งคณะสังคมศาสตร์จนสำเร็จ
โดยมีผู้บริหารของคณะสังคมศาสตร์ ซึ่งมีส่วนสำคัญ
ต่อการเร่ิมต้นและพัฒนาการของคณะสังคมศาสตร์ใน
ช่วงแรกจนกระทั่งส่งต่อมากระท่ังปัจจุบัน ตามท่ี พระมหาสำรวม ปิยธมโฺ ม
ปรากฏในแต่ละช่วงเวลา คอื อดตี คณบดีรูปที่ ๔
รูปท่ี ๑ พระมหาวิสุทธิ์ ปญฺ สฺสโร๒ รักษาการคณบดี ๒๐ พ.ค.
๒๕๒๖-๓๐ ก.ย. ๒๕๒๖
รูปท่ี ๒ พระมหาปรีชา ปริญฺ าธโร รักษาการคณบดี ๓๐ ก.ย. ๒๕๒๖
– ๑๙ มี.ค. ๒๕๒๗
รูปที่ ๓ พระมหายิน วรกจิ ฺโจ๓ ดำรงตำแหนง่ คณบดี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๗-
๒๕๓๐
รูปที่ ๔ พระมหาสำรวม ปิยธมฺโม๔ ดำรงตำแหน่งคณบดี ต้ังแต่ พ.ศ.
๒๕๓๐-๒๕๓๕
๒พระครปู ระกาศิตพทุ ธศาสตร/์ มรณภาพแล้ว
๓ พระราชวิริยสนุ ทร เจา้ อาวาสวัดชัยชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร
๔ พระราชวรนายก (สำรวม ปิยธมฺโม,พ.ศ.๒๔๘๔-๒๕๕๔) อดีตเจ้าอาวาสวัดอุดม
ธานี พระอารามหลวง อดตี เจ้าคณะจังหวดั นครนายก
๗๐ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
รูปที่ ๕ พระครูปลัดประสิทธ์ิ ธุรสิทฺโธ,ดร. ดำรงตำแหน่งคณบดี ต้ังแต่
พ.ศ. ๒๕๓๕-๒๕๔๕
รูปที่ ๖ พระครูวิจิตรธรรมโชติ (สามารถ โชติธมฺโม)๕ ดำรงตำแหน่ง
คณบดี ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙
รูปที่ ๗ พระครูปุริมานุรักษ์ (ประสิทธิ์ ธุรสิทฺโธ),รศ.ดร. ดำรงตำแหน่ง
คณบดี ตัง้ แต่ พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๓
รปู ที่ ๘ พระครูปริยตั ิกิตติธำรง (ทองขาว กิตตฺ ิธโร),รศ.ดร. ดำรงตำแหน่ง
คณบดี ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๕๓-ถงึ ปจั จุบนั
ววิ ัฒนาการของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ดำเนินไปโดย
ลำดับจากเดิมมีเพียง คณะเดียว ได้ขยายออกเป็น คณะพุทธศาสตร์,คณะครุ
ศาสตร์,คณะมนุษยศาสตร์,คณะสังคมศาสตร์, และบัณฑิตวิทยาลัย การขยายของ
มหาวิทยาลัย ทำให้มีความจำเป็น ต้องย้ายคณะสังคมศาสตร์ จากวัดมหาธาตุ
ยุวราชรังสฤษฎ์ิ มาอยู่ท่ีอาคารเรียน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรราชวิทยาลัย
ศูนย์วัดศรีสุดาราม เลขท่ี ๒๓ ถนนบางขุนนนท์-ตล่ิงชัน แขวงบางขุนนนท์ เขต
บางกอกน้อย วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๒ และทางคณะไดย้ า้ ยสำนักงานคณบดีคณะ
สังคมศาสตร์ มาปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ณ อาคารเรียนรวม โซนบี มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลง
กรณราชวิทยาลัย ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา เม่อื วันท่ี
๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒ จนถึงปจั จุบัน
อดตี บอกความเป็นมา ส่ปู ระสบการณ์และความทรงจำของคณะสงั คมศาสตร์
จากบันทึกคำบอกเล่าสะท้อนถึงพัฒนาการในอดีต ได้สะท้อนให้เห็นว่า
คณะสังคมศาสตร์ เป็นหน่วยจัดตั้งท่ีมีเป้าหมายเพ่ือเป็นการเช่ือมศาสตร์ทาง
สังคมศาสตร์กับพระพุทธศาสนา ท่ีต้องอาศัยความเข้าใจ อาศัยลักษณะเฉพาะที่
ส่งเสริมให้เห็นว่า (๑) ต้องอาศัยความเข้าใจ (๒) ต้องอาศัยเวลา (๓) อาศัยความ
อดทนด้วยความมุ่งมั่น ซึ่งส่ิงเหล่านี้นัยหนึ่งเหมือนไม่มีทางไป อีกนัยหน่ึงเหมือน
เป็นเครื่องมือเพื่อเช่ือมเวลาหน่ึงไปสู่เวลาหน่ึงดังปรากฏเป็นคณะสังคมศาสตร์
๕ พระครูวิจิตรธรรมโชติ (สามารถ โชติธมฺโม) เจ้าคณะอำเภอทุ่งช้าง-เฉลิมพระ
เกยี รติ จ.นา่ น
๓๙ ปี คณะสังคมศาสตร์ มจร ๗๑
แห่งความทรงจำนี้ ดังบันทึกคำบอกเล่าของอดีตผู้บริหารคณะสังคมอย่างน้อย ๒
ท่านทีท่ ่านบันทึกเลา่ ไว้
“...ผมได้จบการศึกษาในรั้วสีชมพูแห่งน้ี คือ คณะมานุษยสงเคราะห์
ศาสตร์ (อันเป็นที่มาของคณะสังคมศาสตร์ปัจจุบัน) และก็รุ่น ๓๐ ด้วย รุ่นพระ
มหาเถระระดับสูงปจั จุบัน...คือพระเดชพระคุณพระพรหมโมลี (สุชาติ สุชาโต ป.ธ.
๙) วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพ กรรมการสภา มจร ปัจจุบัน ทำหน้าท่ีบริหาร
การคณะสงฆห์ ลายตำแหน่ง มเี จา้ คณะภาค ๕ เปน็ ตน้
ผมเมื่อจบแล้วก็ปฏิบัติศาสนกิจตามระเบียบของมหาวิทยาลัย ๑ ปี
ก็เดินทางไปชุบตัวท่ีเมืองนอกคือประเทศอินเดีย เมื่อจบมาก็มาช่วยงานท่ีวัด
ทำหน้าที่เลขานุการเจ้าคณะเขตพระขโนง พอดีเพื่อนได้ชวนไปช่วยสอนที่บาลี
อบรมศกึ ษา ที่วัดสระเกศฯ สอนไปคร่ึงเทอมหลวงพ่อก็ดึงตัวออกมา แตด่ ้วยเลือด
มจร เต็มอัตรา...พระราชวรนายก (สำรวม ปิยธมฺโม,ป.ธ.๖) อดีตเจ้าคณะจังหวัด
นครนายก ขณะดำรงตำแหน่งคณบดคี ณะสังคมศาสตร์ โทรศพั ท์มาว่า สามารถใช่
ไหม ครับผม มาช่วยงานหน่อย ถามว่าช่วยงานอะไรครับ มาเป็นเลขานุการคณะ
ถามว่ารู้จกั ผมไดอ้ ย่างไร ท่านบอกว่า ดร.พรรษา...(เพื่อนรว่ มรุ่น ขอขอบคุณด้วย)
เลยแจ้งท่านว่ากระผมทำงานเป็นเลขานุการเจา้ คณะเขตอยู่ครับ ท่านว่าผมก็เป็น
รองเจ้าคณะจังหวัด เห็นวา่ ท่านเป็นคนพูดตรง จรงิ และนักเลงด้วย เลยตอบตกลง
ว่าพรุ่งน้ีผมไป เม่ือไปทำงานช่วยงานในคณะในนามเลขานุการ และได้รับความ
ไว้วางใจจากคณะและมหาวิทยาลัยมาตลอด คือเป็นหัวหน้าภาควิชารัฐศาสตร์
รองคณบดี และคณบดี ทีจ่ ะไมเ่ อ่ยไม่ได้กค็ ือท่านอดีตคณบดี คือ ผศ.ดร.พระครปู รุ ิ
มานุรักษ์ (ประสิทธิ์ ธุรสิทฺโธ) ท่านได้ให้โอกาสทำงานร่วมมาในคณะพร้อมกับ
คณาจารย์ทุกท่าน ได้รับความรู้ประสบการณ์ ตลอดถึงกัลยาณมิตร ในคณะและ
มหาวิทยาลยั อยา่ งมากสุดจะบรรยาย....”
พระครูวจิ ิตรธรรมโชติ
เจา้ คณะอำเภอทงุ่ ชา้ ง-เฉลมิ พระเกยี รติ จ.นา่ น
อดตี คณบดคี ณะสงั คมศาสตร์ รปู ที่ ๖
ระหวา่ ง พ.ศ.๒๕๔๕-๒๕๔๙
๗๒ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
จากปฐมบทนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความอดทนของผู้บริหารที่รอเวลา
รอความเติบโต อีกนัยหนึ่งเป็นการแสวงหาผู้ร่วมอุดมการณ์ ผู้เล็งเห็นประโยชน์
ของอนาคตท่ีจะขับเคล่ือนไปสู่เป้าหมายรว่ มกัน เพราะในบันทึกของอดีตผู้บริหาร
ทา่ นเดิมกไ็ ด้สะท้อนวา่ ปัญหาและอุปสรรคมอี ยู่อย่างตอ่ เน่ือง และในความต่อเนอื่ ง
ของปัญหาน้ีได้สะท้อนให้เห็นว่ามีเคร่ืองมือในการแก้ปัญหา พร้อมส่งต่อเป็น
ประสบการณ์ของความทรงจำในอดตี ร่วมกนั กล่าวคือ
“...พระพรหมบัณฑิต ท่านมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ให้
โอกาสคณะสังคมศาสตร์พัฒนาควบคู่ไปกับมหาวิทยาลัย ท่ีว่า
อย่างน้ี เพราะว่าประทับใจในความเด็ดเดี่ยวของท่านท่ีไม่ท้ิง
คณะสังคมศาสตร์ คือช่วงวิกฤติของมหาวิทยาลัย ท่ียังไม่ได้รับ
การรับรองหรือการตีค่าตามกฎหมาย คณะสังคมศาสตร์ก็อาจ
เป็นตัวถ่วง คือภาควิชาท่ีเปิดกลับเหมือนทางโลก ๆ ไป คือ
รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา (เดิม)
ทำให้เป็นท่ีเข้าใจของคนทางโลกว่าเปิดไปทำไม ท่านอธิการบดี
ได้ชแ้ี จงอย่างแจ่มแจง้ จนเปน็ ทย่ี อมรบั ....”
พระครวู ิจติ รธรรมโชติ
เจ้าคณะอำเภอทุง่ ชา้ ง-เฉลิมพระเกยี รติ จ.นา่ น
อดตี คณบดีคณะสงั คมศาสตร์ รปู ท่ี ๖
ระหวา่ ง พ.ศ.๒๕๔๕-๒๕๔๙
นอกเหนือจากการยอมรับสภาพของปัญหาการบริหารภายในที่ต้อง
สะท้อนถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคณะสังคมศาสตร์กับการยอมรบั ในเชิงสังคมในเชิง
ของความเป็นศาสตร์ ระหว่างคณะภายในมหาวิทยาลัย และระหว่างบุคลากร
ภายในองค์กรแล้ว ความสมั พันธ์กบั นิสิตกเ็ ป็นบททดสอบหนึ่งของการก้าวเดินของ
คณะสังคมศาสตร์ด้วยดังสะท้อนออกมาเป็นบันทึกเรื่องเล่าของอดีตผู้บริหารคณะ
สงั คมศาสตร์ท่ีวา่
“...พ.ศ.๒๕๒๘ ภาคเรียนท่ี ๑ เมื่อสอบเสร็จ เจ้าหน้าที่รวบรวมคะแนน
ประกาศผลสอบออกมาปรากฏว่านิสิตรูปหน่ึงชือ่ พระมหาประถม ขนฺติโก อยูช่ ั้นปี
ท่สี อง ภาคเรียนที่หน่ึง สอบไม่ผ่านถูกลบชือ่ ออกจากทะเบียนนิสิต (ความจริงทา่ น
สอบผ่าน แต่เจ้าหน้าท่ีทำคะแนนผิด) ท่านไม่พอใจเกิดการรวมตัวกันขึ้นภายใน
๓๙ ปี คณะสังคมศาสตร์ มจร ๗๓
ห้องทั้งหมดก็ลองเอาทะเบียนมาดูแล้วช่วยกันทำช่วยกันคิดว่าผิดอย่างไร ปรากฏ
ว่าไม่ผิดเจ้าหน้าที่ทำผิดเอง พระมหาประถม ขนฺติโก ท่านทำคะแนนเฉลี่ยสาม
ภาคเรียนได้ ๑.๗๕ ตามระเบียบเขาใช้สำหรับช้ันปีท่ีหนึ่ง สองภาครวมกันแล้วได้
คะแนนเฉลี่ยไม่ถึง ๑.๗๕ ถือว่าสอบตก แต่ท่านมหาประถม ขนฺติโก สอบได้
คะแนนสามภาครวมกันได้คะแนนเฉลี่ยไม่ถึง ๑.๖๕ เม่ือเขาเข้าใจว่าไม่ผิดก็มี
ปฏิกริ ิยาออกมาคัดค้านการกระทำของเจ้าหน้าท่ีเกิดความว่นุ วายภายในห้องเรียน
ท่านเจ้าคุณเมธีสุทธิพงษ์ (ระวัง) รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการก็เข้าไปพูดชี้แจงทำ
ความเข้าใจ นิสิตทั้งหมดไม่ยอมฟัง เมื่อเจ้าคุณเมธีสุทธิพงษ์ออกมา ผมก็เข้าไปใน
ห้องเรียนในฐานะท่ีผมเป็นคณบดีคณะสังคมศาสตร์ก็บอกให้นิสิตทราบว่าท่าน
เขา้ ใจระเบยี บทีอ่ อกใหม่นี้หรอื ไม่ นสิ ติ บอกว่าเข้าใจ ผมคดิ ในใจวา่ เหน็ ถูกของเขา
ก็เลยบอกว่าพรุ่งน้ีจะให้คำตอบว่าใครผิดใครถูก ผมก็ออกจากห้องไปทำงาน
ตามปกติ หมดเวลาทำงานผมออกจากห้องไปลงบันไดชั้นล่างนิสิตประมาณ ๒๐
รูป เข้ามาล้อมกรอบผมบอกว่าถ้าอาจารย์ไม่แก้ปัญหาให้ยุติ มหาจุฬาวุ่นวายแน่
ผมบอกว่าพรุง่ น้ีร้เู ร่ือง เมอ่ื ไปกุฏิผมสรงนำ้ เรียบรอ้ ยก็เอาระเบียบเขาลงไว้ในพทุ ธ
จักร มาอ่านดูก็รู้จุดหมายสำคัญ ก็หยิบกระดาษมาทำตัวอย่างดูก็เข้าใจ จึงหยิบ
โทรศัพท์โทรไปหาอธิการบดีท่ีห้องท่านในคืนวันนั้น บอกว่าระเบียบนี้ยกเลิกได้
ไหม ท่านบอกว่ายกเลิกไม่ได้เพราะผ่านสภาแล้ว ท่านถามว่าทำไม ผมตอบว่า
อาจารย์ประกาศรายช่ือนิสิตรูปหนึ่งให้พ้นสภาพนิสิต ผมตรวจดูแล้วว่าท่านไม่ผิด
ท่านบอกว่าไม่เป็นไรประกาศยกเลิกได้ รุ่งข้ึนวันใหม่ฉันเพลแล้วผมรีบไปหา
อธิการทันทีชี้แจงให้ท่านเข้าใจ เม่ือท่านเข้าใจท่านก็บันทึกข้อความถึงนาย
ทะเบียนให้ประกาศชื่อ พระมหาประถม ขนฺติโก กลับเป็นนิสิตตามเดิม ท่ีเขียน
เรื่องน้ีขึ้นมาเพื่อให้เจ้าหน้าท่ีทุกฝ่ายได้ระมัดระวังอย่าให้เกิดข้ึนอีก เม่ือนิสิตเขา
แน่ใจว่าเขาไม่ผิด เขาจะยอมปฏิบัติตาม ถ้าเขาสงสัยว่าเขาไม่ผิดเขาจะไม่ยอม
เรื่องเลก็ จะกลายเปน็ เรื่องใหญ่ถา้ เขาเคลยี รไ์ ม่ได้เรื่องก็บานปลาย....”
พระราชวิรยิ สุนทร เจ้าอาวาสวัดชยั ชนะสงคราม กทม.
อดีตคณบดคี ณะสังคมศาสตร์ มจร รูปท่ี ๓ ระหวา่ ง
พ.ศ. ๒๕๒๗-๒๕๓๐
๗๔ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
บันทึกเร่ืองเล่าผ่านกาลเวลาสะทอ้ นคณุ คา่ ของข้อมูลทีน่ ่าสนใจตรงท่วี า่
คณะสงั คมผ่านช่วงเวลาและบททดสอบมาพอสมควรใน
เร่ืองคุณภาพ การยอมรับท้ังสมาชิกภายในองค์กรด้วย
กันเองและภายนอก ท้ังในเรื่องของทางเดนิ ในแต่ละกา้ ว
ท่ีมีอุปสรรค ขวากหนามและการยอมรับทั้งในส่วนของ
การยอมรับกันเอง และการยอมรับในวงกว้างต่อการจัด
การศึกษาในอดีตท่ีผ่านมา เพ่ือจะถูกส่งต่อไปสู่ยุคอัน
เป็นพัฒนาการและก้าวย่างต่อไป หากมองว่าเพราะมี
อดีตท่ีผ่านมา จึงมีก้าวย่างต่อไป เพราะมีก้าวย่างจึงส่ง
ตอ่ เปน็ ปจั จบุ นั ซง่ึ ดังปรากฏ พระครูปลัดประสิทธิ์ ธรุ สิทโฺ ธ
อดตี คณบดรี ูปที่ ๕
พฒั นาการของคณะสังคมศาสตร์สง่ ตอ่ สู่การพฒั นา
ในการเริม่ ต้นและต้องมพี ัฒนาการและการส่งต่อ ให้เหน็ ว่าในแต่ละช่วงมี
พัฒนาการและความเป็นมาอย่างไร ซ่ึงสะท้อนให้เห็นผ่านปรากฏการณ์และการ
เกิดขึ้นของเรื่องดังกล่าวด้วย หากกล่าวถึงบุคคลในช่วงเวลาท่ีเป็นยุคของการ
เริ่มต้นไม่ว่าจะเป็นอดีต ผู้บริหารท่ีสืบสานงานต่อ ล้วนมีความสำคัญในฐานะเป็น
ส่วนสำคัญของการเป็นผู้บริหารกิจการของคณะสังคมศาสตร์จนกลายเป็นส่วน
หลัก เรียกว่าต้องมีอุดมคติ อุดมการณ์ ปากท้อง และการใช้ชีวิต
เรียกว่า มีทางไปก็ไม่ไป จะด้วยรักมหาวิทยาลัย รักคณ ะ
สังคมศาสตร์ หรือจะด้วยความจำเป็นของการดำเนินชีวิตในแบบวิถี
ชาวบ้านท่ีต้องกินอยู่ ในกรณีของบุคลากรท่ีเป็นฆราวาส หรือ
การดำเนินชีวิตในฐานะบุคคลที่ต้องขับเคล่ือนเพ่ือไปสู่
ช่องทางของการดำเนินชีวิตเพื่ออนาคตทีดีกว่า ดังนั้นช่วง
ของการสืบสานและส่งต่อ จึงอาจเป็นไปด้วยความ
“ยากลำบาก” แต่อย่างน้อยก็เต็มไปด้วยอุดมการณ์และ
พระครปู รยิ ตั ิกติ ติธำรง,รศ.ดร. ความมุ่งหวงั อยา่ งสำคญั ดว้ ยเช่นกนั
คณบดรี ูปปัจจุบัน
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๗๕
บุคคลเป็นส่วนหนึ่งของการขยับก้าวเวลาหรือคนทำให้มิติของเวลามัน
เช่ือมกัน ซึ่งจะได้นำมาแบ่งปันเพ่ือสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการของคณะ
สังคมศาสตร์ตอ่ การสรา้ งความสำคัญเปน็ ก้าวย่างท่ีน่าทรงจำ
“....อาตมภาพ ได้เข้าศึกษาที่คณะสังคมศาสตร์ เม่ือปี พุทธศักราช
๒๕๒๖ ซ่ึงเปน็ รุ่นที่ ๑ ของคณะสังคมศาสตร์และเป็นพุทธศาสตรบัณฑิตของ มจร
รุ่นท่ี ๓๔ และในขณะน้ัน กิจกรรมของคณะสังคมศาสตร์ ยังไม่เด่นชัด เพราะยัง
เปน็ รุน่ แรก....
การศึกษาในยุคน้ัน ถือได้ว่าการศึกษาที่ มหาจุฬาฯ วดั มหาธาตุน้ัน มีสสี ัน
ในทางที่ดีเพราะมหาวิทยาลัยอ่ืน ๆ ทางโลกเขาไม่อนุญาตให้พระสงฆ์เข้าศึกษา
ถือว่าไม่เปิดกว้างให้กับพระภิกษุสามเณรเลย และในรุ่นแรกท่ีคณะสังคมเปิดรับ
สมัคร ได้มีนิสิตท่ีเข้าศึกษาร่วมรุ่น ในรุ่นแรกนั้น จำนวน ๔๐ รูป ถือว่าคณะนี้ มี
นิสติ น้อย ทำให้มีความผูกพันกันสูง แต่เม่อื เรียนเขา้ จริง ๆ ก็สำเร็จการศึกษาเป็น
พทุ ธศาสตรบัณฑติ ในรุ่นที่ ๑ ของคณะสังคมศาสตร์ เพียง ๑๑ รูปเทา่ นั้น....
ในขณะนั้นไม่มีทางเลือก เพราะอาตมาไม่มีวุฒิทางเปรียญธรรม ทาง
มหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้เรียนเพียงคณะเดียว คือ คณะสังคมศาสตร์
เหมือนวา่ เป็นการบังคับเรา ให้ตอ้ งเลอื กเรยี นคณะสงั คมศาสตรน์ ี้....
พระพรหมสิทธิ อดีตเจา้ อาวาสวัดสระเกศ
อดตี กรรมการมหาเถรสมาคม
ศษิ ย์เก่าคณะสังคมศาสตร์ รุน่ ท่ี ๑
หากตีความระหวา่ งบรรทัด จะพบข้อมูลของช่วงเวลาในหลายๆ ประเด็น
คือ ภายในมหาวิทยาลัยก็ต่อสู้กับความคิดระหว่างมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา
กับการพัฒนาให้เป็นการบูรณาการพระพุทธศาสนา การเกิดข้ึนของคณะสงฆ์
สงั คมในชว่ งเวลานน้ั จงึ เป็นประหนง่ึ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ พระสงฆ์เรียนรฐั ศาสตร์
๗๖ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
จึงถูกตีความว่าไม่ใช่พระพุทธศาสนา ความยากลำบากในการขับเคล่ือนอธิบาย
ความกับการพยายามรักษาอัตลักษณ์ของความเป็นมหาวิทยาลัยพระสงฆ์ เรียกว่า
ภายในกันเอง ก็มีประเด็นของความเห็นต่างกันดังน้ันในข้อมูลของพระพรหมสิทธิ
(ธงชัย) จึงเป็นเคร่ืองบอกได้ประการหน่ึงว่าท่านเป็นผลิตผลของระบบท่ีออกให้
ท่านต้องเรียนคณะสังคมศาสตร์ แต่ท่านก็ยืนยันว่าสิ่งที่เรียนมีประโยชน์ต่อการ
บริหารกิจการคณะสงฆ์หลังศิษย์เหล่านั้นเติบโตสำเร็จการศึกษาแล้วไปเป็นส่วน
หนึ่งของการบรหิ ารได้
เมื่อปี พ.ศ.2526 ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรครั้งสำคัญของ มจร
กล่าวคือ มีการลดจำนวนหน่วยกิตทุกหลักสูตรจากเดิม 200 หน่วยกิต ลงมา
เหลือ 150 หน่วยกิต แล้วประกาศใช้หลักสูตรใหม่ (สมัยน้ัน) ข้ึนมาอีกหลาย
หลักสูตรและมีการแตกแขนงหน่วยงานระดับคณะออกไปอีก คือ คณะมานุษยสง
เคราะห์ศาสตร์ ถูกแบ่งออกมาเป็น ๒ คณะ ได้แก่ คณะมนุษยศาสตร์ และคณะ
สังคมศาสตร์ โดยผู้ที่เป็นประธานคณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตรคร้ังสำคัญน่ันก็
คือ พระครูศรธี รรมปฏภิ าณ (สมภพ ปุญฺ าคโม)....
หลักสูตรใหม่ที่ถือกำเนิดในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ก็คือ หลักสูตรพุทธศาสตร
บัณฑิต (พธ.บ.) สาขาวิชารัฐศาสตร์ สมัยน้ันเรียกว่า วิชาเอกรัฐศาสตร์ แบ่ง
ออกเป็น ๒ สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการเมืองการปกครอง และสาขาวิชาการ
บริหารรัฐกิจ โดยช่วงแรกๆ ส่วนใหญ่จะเปิดสอนสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจและ
ต่อมาจัดสอนสาขาวิชาการเมืองการปกครองควบคู่กันไป นิสิตที่สำเร็จการศึกษา
ตามหลักสูตรนีต้ ้ังแต่ปีการศึกษา ๒๕๒๖ ถึงปกี ารศกึ ษา ๒๕๓๗ รวม ๑๒ รุน่
ท้ังน้ีมีข้อสังเกตว่า สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.)
รับรองคุณวุฒิผู้สำเร็จการศึกษา (ตีค่า) ทางด้านนี้ว่า เป็นปริญญาทางศาสนาหรือ
เทววิทยา
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖ มหาวิทยาลัยได้แต่งต้ังคณะกรรมการพัฒนา
หลักสูตร ๓ คณะ คือ ๑) คณะกรรมการดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรพุทธศาสตร
บัณฑิต ทำหน้าท่ียกร่างหลักสูตรของคณะต่าง ๆ ๒) คณะกรรมการพิจารณา
หลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิตทำหน้าที่ปรับปรุงแก้ไขตรวจสอบคุณภาพและหลัก
วิชาการของร่างหลักสูตรที่คณะกรรมการชุดแรกได้ทำไว้ และ ๓) คณะ
บรรณาธิการหลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต ทำหน้าท่ีตรวจสอบสาระ สำนวนภาษา
และทำรหัสวิชา โดยมีพระเมธีธรรมาภรณ์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) เป็นประธาน
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๗๗
กรรมการทุกคณะ (ผู้เขียน) เพิ่งสำเร็จการศึกษามาใหม่ ได้รับเกียรติให้เป็นท้ัง
คณะกรรมการยกร่าง และคณะบรรณาธิการด้วยจึงได้มีส่วนร่วมโดยตรงในการ
ปรับปรุง หลักสูตรครั้งน้นั
รศ.ดร.สรุ พล สยุ ะพรหม
อดตี หวั หนา้ ภาควิชารัฐศาสตร์
รองอธิการบดีฝา่ ยกจิ การทวั่ ไป
บันทึกเรื่องราวอีกเร่ืองหน่ึงที่เป็นความทรงจำ และน่าสนใจสำหรับความ
เป็นมาในอดีตของคณะสังคมศาสตร์ ซ่ึง รศ.ดร.กิตติทัศน์ ผกาทอง ในฐานะอดีต
ผูบ้ ริหารคณะสังคมศาสตร์ ทีไ่ ด้บนั ทกึ ความทรงจำของชว่ งเวลาในอดตี ไว้ และควร
แก่การนำมาบอกเลา่ ต่อ นับว่าเปน็ ประโยชนแ์ ละมีคณุ ค่าอยา่ งยง่ิ มคี วามวา่
“....คณะสังคมศาสตร์ เกิดข้ึนพร้อมกับคณะมนุษยศาสตร์ พ.ศ.๒๕๒๖
ภายหลังคณะมานุษยสงเคราะห์ศาสตร์ถูกยุบ โดยก่อนหน้าน้ีมหาวิทยาลัยมหา
จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (ช่ือเดิมคือ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรม
ราชปถัมภ์) มีคณะวิชา อยู่ ๓ คณะ คือ คณะพุทธศาสตร์, คณะครุศาสตร์, และ
คณะมานุษยสงเคราะห์ศาสตร์ ซ่ึงมหาวิทยาลยั มีเป้าหมายสำคัญในระยะเร่มิ แรก
คอื ให้พระภิกษุสามเณร และคฤหสั ถ์ ศกึ ษาพระพุทธศาสนาเป็นหลกั และปรชั ญา
เป็นรอง เพ่ือให้พระภิกษุสามเณรซ่ึงเป็นลูกค้าหลักมีองค์ความรู้เก่ียว กับ
พระไตรปิฎกเป็นประการสำคัญแต่เมื่อมีองค์ความรู้ด้านพระพุทธศาสนาหรือ
พระไตรปิฎกแล้ว กลับมีปัญหาดา้ นการถ่ายทอดองค์ความรู้ จึงจำเป็นต้องมี คณะ
ครุศาสตร์ เพ่ิมอีกคณ ะหน่ึง เพ่ือให้พระภิกษุสามเณ รที่มีความรู้ด้าน
พระพุทธศาสนา และพระไตรปิฎกสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้สู่สังคมอย่างมี
ประสิทธภิ าพ ครนั้ พระพุทธศาสนาใน ประเทศไทยมีความเจริญม่ันคงเปน็ ปึกแผ่น
คณะสงฆ์และผู้บริหารมหาวิทยาลัย ได้เล็งเห็น ว่าหากนำพระพุทธศาสนาไป
ประดิษฐาน ณ ต่างแดนจะทำให้พระพุทธศาสนาเจริญแพร่หลายได้มากข้ึน จึง
ดำเนินให้มีการศึกษาภาษาและวัฒนธรรม รวมท้ังเศรษฐกิจและการเมือง เพื่อ
๗๘ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
สามารถสื่อสารกับชาวต่างประเทศให้เข้าใจเก่ียวกับพระพุทธศาสนา คณะมานุษย
สงเคราะห์ศาสตร์ จึงเกิดข้ึนรองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะสังคมศาสตร์และอุป
นายกสมาคมศษิ ยเ์ ก่า มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั
...แม้คณะมานุษยสงเคราะห์ศาสตร์ จะมีวัตถุประสงค์
ในการส่งเสริมและการสนับสนุนให้พระหนุ่มเณรน้อย นำองค์
ความรู้ท่ีได้รับไปช่วยเหลือคนในต่างแดนในรูปของพระธรรมทูต
แต่ทว่าไม่มีความชัดเจนในเร่ืองขององค์ความรู้มากนัก เรียกว่า
"ยังเกาไม่ถูกท่ีคัน" เพราะคณะมานุษยสงเคราะห์ศาสตร์น้ัน
ค่อนข้างกว้าง คือครอบคลุมในหลายแขนงวิชามากจนเกินไป
ผ้บู ริหารยุคบุกเบิกซึ่งเรมิ่ ต้นตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๕ ซึ่งเป็นยุคที่ฝ่าย
บ้านเมืองบริหารราชการแผ่นดินมีความม่ันคงและเสถียรภาพสูง
ยิ่ง ประกอบกับสถานภาพของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ใน
พระบรมราชูปถัมภ์ กำลังมีข่าวดีว่า รัฐบาลจะมี พ.ร.บ.รับรอง
วิทยฐานะผู้สำเร็จการศึกษาพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) และ
เปรียญธรรม ๙ ประโยคเทียบเท่าผู้สำเร็จการศึกษาระดับ
ปริญญาตรี ก็ยิ่งเพ่ิมความคาดหวังมากย่ิงขึ้น ขณะเดียวกันก็มี
กระแสคัดค้านจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมในมหาวิทยาลัยค่อนข้าง
รุนแรง แต่ในที่สดุ ความเป็นมอื อาชีพของ พระมหาสำรวม ปิยธมฺ
โม และพระมหาแสวง ชุตินฺธโร ก็สามารถผลักดันให้คณะสังคม
เกิดขึ้นได้ไม่ยาก แต่เพ่ือให้เกิดบรรยากาศปรองดองเป็นพี่เป็น
น้องไม่ให้ใครเสียหน้า และได้หน้าจนเกินงาม จึงผ่าออกเป็น ๒
ซีก คือ คณะมนุษยศาสตร์ โดยยอมให้คณะมนุษยศาสตร์เป็น
แฝดผู้พ่ี ตามข้อเสนอของผ่ายอนุรักษ์นิยม คณะสังคมศาสตร์จึง
เกิดข้ึนท่ามกลางความขัดแย้งและเห็นต่างของผู้บริหารในยุคนั้น
ซึ่งกลุ่มไม่เห็นด้วยที่จะไม่ให้มีคณะสังคมศาสตร์ ได้แก่พระเมธี
สุทธิพงษ์ (ระวัง วชิร าโณ) รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการเป็น
หัวหน้าทีม ส่วนกลุ่มท่ีเห็นด้วยมี พระมหาวิสุทธิ์ ปุญฺ สฺสโร
รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร เป็นหัวหน้าทีม และฝ่ายที่ไม่ค่อยจะ
แฮปปี้ท่จี ะให้มีคณะสงั คมศาสตร์เกดิ ข้นึ เพราะมกี ารรา่ งหลักสูตร
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๗๙
เก่ียวกับสาขาวิชารัฐศาสตร์ เป็นเป้าหมายหลักของคณะ แม้ใน
ระยะแรกจะมีการหมกเมด็ ด้วยการเปิดสาขาสังคมศาสตรก์ ต็ าม
ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ซึ่งเป็นปีแรกที่มีคณะคมศาสตร์เกิดข้ึนพร้อมกับคณะ
มนุษย์ศาสตร์ มีพระมหาวิสุทธ์ิ ปุญฺ สฺสโร ต่อมาได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์
เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูประกาศิตพุทธศาสตร์ รักษาการในตำแหน่ง
คณบดี ก่อนจะถ่ายโอนให้กับพระมหาปรีชา ปริญฺ าธโร รับช่วงแทน เพื่อประวิง
เวลาไม่ให้พระมหาสำรวม ปิยธมฺโม และพระมหาแสวง ชุตินฺธโร ซึ่งเป็นกลุ่ม
ยุวสงฆ์ได้มีโอกาสเข้ามาดำรงตำแหน่ง กระท่ังในช่วงเวลาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๗ -
๒๕๓๐ พระมหาสำรวม ปิยธมฺโม จึงเข้าดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการคณะ
สังคมศาสตร์ โดยมีพระมหายิน วรกิจฺโจ เล่ือนข้ันไปดำรงตำแหน่งรองอธิการฝ่าย
กิจการนิสิตใน พ.ศ. ๒๕๓๐ พระมหาสำรวม ปิยธมฺโม จึงได้รับความไว้วางใจให้
ดำรงตำแหนง่ คณบดคี ณะสงั คมศาสตร์
ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๐ - ๒๕๓๕ เป็นเวลาท่ีคณะสังคมศาสตร์มีอิทธิพลเรียก
เป็นภาษาชาวบา้ นคือ "กร่าง" เพระเสยี งดังมากกวา่ เพือ่ น โดยมีแมท่ พั จริงเปน็ ผู้นำ
นั่นก็คือ พระมหาสำรวม ปิยธมฺโม (พระครูศรีวรนายก) ซึ่งได้เป็นพลังในการ
ผลักดันให้คณะสังคมศาสตร์เกิดขึ้น และในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ซ่ึงคณะสังคมเกิดขึ้น
แล้วตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๖ มหาวิทยาลัยจึงประกาศแบ่งส่วนงานในมหาวิทยาลัยซึ่ง
รายละเอียดได้ปรากฏในประกาศมหาวิทยาลัยให้เป็นบรรทัดฐานในการบริหาร
จัดการมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ ๕๐/
๒๕๓๐ เรื่อง การแบ่งส่วนงานในมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย ซ่ึงมีท้ังสิน้ ๒๑ ข้อ
และในข้อ ๖ ใหแ้ บ่งส่วนงานในคณะสังคมศาสตร์ ดงั น้ี
(๑) สำนกั งานคณบดี
(๒) ภาควิชาสงั คมวิทยา
(๓) ภาควชิ ารัฐศาสตร์
(๔) ภาควิชาเศรษฐศาสตร์
(๕) ภาควชิ าสงั คมสงเคราะหศ์ าสตร์
ก่อนที่พระมหาสำรวม ปิยธมฺโม ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะสังคมศาสตร์
เม่ือวนั ท่ี ๑๘ ธันวาคม ๒๕๓๐ นั้น ได้เคยรักษาการในตำแหน่งคณบดคี ณะมานษุ ย
สงเคราะห์ศาสตร์ และเม่ือคณ ะมานุษยสงเคราะห์ศาสตร์ เปล่ียนเป็น
คณะมนุษยศาสตร์ ท่านก็ได้รับความไว้วางใจ ให้รักษาการในตำแหน่งคณบดีอีก
๘๐ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
ครั้งหนึ่ง นับว่ายังเกรงกลัวบทบาทอันถึงลูกถึงคนของท่าน ส่วนคณะสังคมศาสตร์
น้ันท่านมหาวิสุทธ์ิ ปุญฺ สฺสโร และพระมหาปรีชา ปริญฺ าธโร ทำหน้าที่
รักษาการในตำแหน่งคณบดีตามลำดับอย่างไรก็ดี คณะสังคมศาสตร์ ได้ประกาศ
รับสมัครนิสิตเข้าศึกษาในปีการศึกษา ๒๕๒๓ และสำเร็จการศึกษาในปี ๒๕๒๙
ซ่ึงเป็นภาคฤดูร้อน (มีการเรียนภาคฤดูร้อนเป็นครั้งแรก และคร้ังสุดท้าย) ใน
หลักสูตรภาคปกติของมหาวิทยาลัย ได้มีนิสิตเข้าเรียนท้ังส้ินจำนวน ๒๙ รูป
คณะมนุษยศาสตร์ มีเพียง ๑๘ รูป คณะครุศาสตร์ ๑๒ รูป และคณะพุทธศาสตร์
๑๓ รูป แสดงให้เห็นว่า คณะสังคมศาสตร์มีนิสิตให้ความสนใจเข้ารับการศึกษา
มากกวา่ จำนวน ๒๙ รปู ซ่ึงเปน็ รนุ่ แรกของคณะสงั คมศาสตร์....”
“....ทีมงานชุดใหม่ในช่วงระยะเวลาต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๓๖ - ๒๕๔๐ จึง
ประกอบด้วย พระปลัดประสิทธ์ิ ธุรสิทฺโธ เป็นคณบดี พระมหาสามารถ โซติธมฺโม
เป็นรองคณบดี พระมหาทองขาว กิตติธโร เป็นผู้ช่วยคณดี พระมหาสุพัฒน์
รตนภทฺโท เป็นหัวหน้าภาควิชารัฐศาสตร์ และนายวงศร อินทรเทพ เป็นหัวหน้า
วชิ าเศรษฐศาสตร์ จนกระท่ัง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะสังคมศาสตร์จึงเรม่ิ พ้ืนจากอาการ
ซบเซาอีกคร้ังหน่ึง เพราะมีอดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และวางแผนลาสิกขาเข้า
มาเสริมทัพ คือ ดร.สุรพล สุยะพรหม และ ดร.พิชัย ผกาทอง อดีตผู้อำนวยการ
กองแผนงาน โดย ดร.สุรพล สุยะพรหม ได้รับการสรรหา ให้เป็นหัวหน้าภาควิชา
รัฐศาสตร์ ดร.พิชัย ผกาทอง ได้รับการสรรหาให้เป็นหัวหน้าภาควิชา
สังคมวิทยาและมานุษยวิทยาและนายวงศร อินทรเทพ ได้รับการ
สรรห าให้ เป็ นหัวห น้าภ าควิชาเศรษ ฐศาสตร์ ภ าควิช า
เศรษฐศาสตร์ได้ดำเนินการเรียนการสอนภายหลังมหาวิทยาลัยมี
สถานภาพ เป็นนิติบุคคล เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๐ ต่อจากภาควิชา
รัฐศาสตร์ ส่วนภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวทิ ยาน้ัน
แม้จะเกิดก่อนภาควิชาเศรษฐศาสตร์ แต่เปิดดำเนินการ
เรียนการสอนในยุคมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วทิ ยาลัย ภายหลงั ภาควิชาเศรษฐศาสตร์
รศ.ดร.กติ ติศักดิ์ ผกาทอง
อดีตรองคณบดีคณะสงั คมศาสตร์
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๘๑
คณะสังคมศาสตร์เร่ิมตกต่ำหรืออ่อนแอเก่ียวกับงานด้านบริหารจัดการ
ภายหลังจากคณะมีบทบาทท่ีเข้มข้นและร้อนแรงในช่วงเวลาตั้งแต่ ๒๕๓๐ -
๒๕๓๕ ท้ังนี้เน่ืองเพราะตั้งแต่ ๒๕๓๕ มีจำนวนนิสิตเข้ารับการศึกษาในภาควิชา
สังคมวิทยาปีการศึกษา ๒๕๓๒ จำนวน ๕๙ รูป และในภาควิชารัฐศาสตร์ เอก
บริหารรัฐกิจ จำนวน ๗๕ รูป ส่วนภาควิชาอื่น ๆ ยังมิได้เปิดดำเนินการ นับตั้งแต่
พ.ศ. ๒๕๓๖ เป็นต้นมา บรรยากาศคณะสังคมศาสตร์ ค่อนข้างซบเซาและเงียบ
เหงาเพราะขุนพลของคณะได้โยกย้ายไปคนละทิศคนละทาง กลา่ วคือ คณบดีคณะ
สังคมศาสตร์ ย้ายไปดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายบริหาร รองคณบดี
(ดร.พระมหาจัด ปญฺ าวโร) ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองแผนงาน
หัวหน้าภาควิชารัฐศาสตร์ (พระมหาพิชัย สุชยฺยานุธมฺโม) ย้ายไปดำรงตำแหน่ง
ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ เลขานุการคณะย้ายไปเป็นฆราวาส
(ลาสิกขา) ดังนั้น ทีมงานชุดใหม่ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๖ - ๒๕๔๐ จึง
ประกอบด้วย พระปลัดประสิทธ์ิ ธุรสิทฺโธ เป็นคณบดี พระมหาสามารถ โชติธมฺโม
เป็นรองคณบดี พระมหาทองขาว กิตฺติธโร เป็นผู้ช่วยคณบดี พระมหาสุพัฒน์
รตนภทโฺ ท เป็นหัวหน้าภาควิชารฐั ศาสตร์....”
หากตีความระหว่างบรรทัดดังข้อความของ รศ.ดร.กิตติทัศน์ ผกาทอง
จะพบประการหนึ่งคือความเสียสละ วสิ ัยทัศน์ และการมองเห็นประโยชน์ จึงได้มี
การขับเคล่ือนและพัฒนาคณะสังคมศาสตร์ แม้อาจจะมีทัศนะคติท่แี ตกต่างไม่เห็น
ด้วยก็ตาม แต่อย่างน้อยได้สะท้อนให้เห็นว่าก้าวย่างท่ีสำคัญของคณะคือความ
เสียสละตอ่ สขู้ องบรรพชนในอดตี ดงั มชี อ่ื ปรากฏในบทบนั ทึกที่ถกู กลา่ วถึง
การศึกษาเป็นฐานของการพฒั นา และในการพัฒนาย่อมสะท้อนให้เห็นว่า
ระหว่างทางของการพัฒนามวี ธิ ีการอย่างไร หรอื แนวปฏิบตั ิอยา่ งไร ซง่ึ อาจสะท้อน
ทัศนะว่าระหว่างทางของคณะสังคมศาสตร์ระหว่าง พ.ศ.๒๕๒๖-๒๕๔๐ มีความ
เป็นมาอยา่ งไร ?
๘๒ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
“....บรรยากาศการเรียนสนุกสนานเป็นกันเอง อยู่กันแบบพี่น้อง
สถานที่เรียนคับแคบ เป็นตึกอาคารเรียนวัดมหาธาตุ เบียดกันเรียน เดินสวนทาง
กัน บางครั้งยังเหยียบเท้ากัน สถานท่ีเราทำกิจกรรมร่วมกัน คือ ลานอโศก เป็น
สถานที่ทมี่ ีชอ่ื เสียงมีความหลังมากกับสถานท่ีนี้ สมัยเรียนมกี ารต้ังกลมุ่ ทำกิจกรรม
การต้ังชมรมเพ่ือเลือกคณะกรรมการนิสิต และชมรมกลอนซึ่งมีการเขียนกลอน
ตดิ บอร์ด บางครั้งก็มีการเขียนด่ากันตามประสา ผู้ใหญ่ผ่านมาก็ยิม้ ๆ จนกระท่งั ปี
๓ ได้รับเลือกต้ังเป็นกลุ่มพลังสังคม ซึ่งผมได้เป็นประธานกรรมการนิสิต และเป็น
บรรณาธิการอำนวยการนิตยสารเสียงธรรม ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของนิสิตส่ือถึง
ผ้บู ริหารมหาวิทยาลยั และสังคม ซ่งึ ต้องต่อสู่ทางความคิดอย่างมากเนือ่ งจากว่าคน
เข้าใจว่า เรียนแล้วต้องสึก ซ่ึงผมว่าเรื่องบวชเรื่องสึกน้ันเป็นเรื่องธรรมดา
เนื่องจากสึกแล้ววิชาการ ก็ยังติดตัวไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งผมต้องต่อสู้เพื่อ
ทำความเข้าใจมาจนสำเร็จ ผมถือว่า มจร น้ันเป็นมหาวิทยาลัยคนจน และเป็นท่ี
พึ่งของคนจน ค่าเทอมของ มจร ถูกมาก และถ้าไม่มี มจร ก็ไม่มี นายกำภู
ภูริภูวดล ในวันน้ี ผมคิดถึงคณะสังคม สถาบัน และบุญคุณของพระพุทธศาสนา
โดยซ่ึงในขณะนั้นวิทยฐานะของพวกเราไม่มีความชัดเจน ราชการยังไม่รับรองวิทย
ฐานะ จบแล้วจะมีงานทำหรือไม่? ยังไม่ทราบจนกระท่ังผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้
หาความชัดเจนในเรื่องวิทยฐานะของนิสิตผู้สำเร็จการศึกษา พวกเราก็ Happy
กับสถาบันแห่งน้ี
ผมไม่เคยจบจากสถาบั น อื่น ผมจบ
ปริญญาตรีคณะสังคมศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ ๒)
สาขาวิชารัฐศาสตร์ เอกวิชาบริหารรัฐกิจ เพียงแห่ง
เดียวเท่าน้ัน พุทธศาสตรบัณฑิตทำให้ผมได้มาอยู่
หน้าจอ TV ไม่ว่าจะรายการข่าวข้นคนข่าว รายการ
จบั เงินชนทอง แม้กระทั่งรายการคุยข่าวมหานคร ท่ี
คล่ืน FM. ๙๕ หรือเป็นศิลปินที่ออกเทป/CD
มาแล้วถึง ๓ อัลบั้ม ทุกสิ่งทุกอย่างกไ็ ดม้ าจากคณะ
สงั คมศาสตร์เท่าน้ัน
กำภู ภรู ภิ ูวดล นกั สอ่ื สารมวลชน
ศษิ ย์เกา่ คณะสงั คมศาสตร์ รุ่น ๓๙
๓๙ ปี คณะสังคมศาสตร์ มจร ๘๓
จากข้อมู ล ส่ วน น้ี ส ะท้ อน ให้ เห็ น พั ฒ น าการ แล ะการก้ าวย่ างของคณ ะ
สังคมศาสตร์ได้เป็นอย่างดี นับเป็นพัฒนาการท่ีน่าสนใจต่อการจัดวางท่ีเหมาะสม
กับช่วงเวลาก่อนที่จะได้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ทำให้การขยับก้าวทั้งหมดเป็น
การจัดวางที่ลงตัวเหมาะสม เพราะคณะสังคมศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่เชื่อมประสาน
ระหว่างสังคมมนุษย์กับมิติทางศาสนา ศาสนากับสังคม จึงส่งผลเป็นพัฒนาการ
ของคณะสังคมในชว่ งต่อมา ท่ีเราจะเห็นปฏิสมั พันธ์ระหวา่ งมหาวทิ ยาลัยท่ีเข้ามามี
บทบาทต่อคณะสงฆ์ในช่วงต่อมา ทั้งในส่วนคณะสงฆ์ระดับผู้นำ ท่ีหลักสูตรหลาย
ส่วนได้กลายเปน็ กลไกการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ศาสนาให้มีความรคู้ วามสามารถ
และเป็นบุคลากรทางศาสนาสืบต่อกระทั่งปัจจุบัน หรือเป็นกลไกในการพัฒนา
ทรัพยากรมนุษยใ์ หก้ บั สงั คม ประเทศชาตแิ ห่งน้ีก็ตาม
พ.ศ.๒๕๒๖ มีการจัดต้ังคณะสังคมศาสตร์และประกาศใช้
หลักสูตร พธ.บ. สาขาวชิ ารฐั ศาสตร์
พ.ศ.๒๕๓๐ มีการจัดต้ังภาควิชารัฐศาสตร์ ในคณ ะ
สงั คมศาสตร์
บั ณ ฑิ ตพุ ท ธศาสตรบั ณ ฑิ ต สาขาวิช า
รัฐศาสตร์ วิชาเอกการเมืองการปกครอง รุ่น
แรก เร่ิมเข้าเรียนเม่ือ ปี พ.ศ.๒๕๒๖ พร้อม
การกอ่ ตัง้ คณะสงั คมศาสตร์
พ.ศ.๒๕๓๘ มีการปรับปรุงหลักสูตร พธ.บ. สาขาวิชา
รัฐศาสตร์ โดยมีวิชาเอก ๑ วิชาเอก คือ
การเมืองการปกครอง การบริหารรัฐกิจ และ
การต่างประเทศ
พ.ศ.๒๕๔๐ มีการตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย มี
สถานะตามกฎหมายว่าด้วย พระราชบัญญัติ
ท ำให้ คณ ะสังคม ศาสตร์มี สถาน ะท าง
กฎ หมายในฐานะ ท่ีเป็นส่วนหนึ่งของ
มหาวิทยาลัย
พ.ศ.๒๕๔๑ ภาควิชารัฐศาสตร์ได้รบั การประกาศเป็นส่วน
งานระดับภาควิชาตาม พ.ร.บ. มจร พ.ศ.
๒๕๔๐ ซึ่งมีการแบ่งส่วนงานน้ีประกาศใน
๘๔ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๕ ตอนพิเศษ
๑๐๐ ง เม่อื วันท่ี ๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๑
ดังน้ันตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานับแต่ก่อต้ังคณะสังคมศาสตร์ แต่เดิมมี
ภาควิชารฐั ศาสตร์ แล้วก็พัฒนาการจดั การศึกษาต่อเนื่องจนกระท่ังปัจจุบัน แต่ใน
ระหว่างน้ันได้มีการจัดตั้งภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ภาควิชา
เศรษฐศาสตร์ และภาควิชานิตศิ าสตร์ ทั้งหมดจงึ นับเป็นย่างก้าวและพัฒนาการส่ง
ตอ่ มาในช่วงสมยั ของอดตี ในแตล่ ะชว่ งเวลา
๓๙ ปี คณะสังคมศาสตร์ มจร ๘๕
ระยะทสี่ อง (ยุคหลงั มี พ.ร.บ. ๒๕๔๐ - ๒๕๔๘)
มีท่ าน จึงมีเรา เท้ าค วาม หาเหตุ เม่ือปี พุ ทธศักราช ๒ ๕ ๐ ๔
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ช่อื เดิม “มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ในพระบรมราชูปถัมภ์” ได้จัดตั้งคณะอาเซียอาคเนย์ เป็นคณะที่ ๓ ถัดจากคณะ
พุทธศาสตร์ และคณะครุศาสตร์ เพ่ือทำหน้าท่ีผลิตบัณฑิตทางด้านสังคมศาสตร์
และมนุษยศาสตร์ โดยลุถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้เปลี่ยนชื่อเป็นคณะมานุษย
สงเคราะหศ์ าสตร์
ปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ คณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคมได้ออกคำส่ังมหาเถร
สมาคม เร่ืองการศึกษาของมหาวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๕๑๒ และเรื่องการศึกษา
ของคณะสงฆ์ส่งผลให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีสถานะเป็น
สถาบันการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยโดยสมบูรณ์และได้ดำเนินการเปิดสอนคณะ
เอเชียอาคเนย์ และเปล่ียนมาเป็นคณะมานุษยสงเคราะห์ศาสตร์ ต่อมาเมื่อปี
พุทธศักราช ๒๕๒๖ คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ได้อนุมัติให้แยกคณะมานุษยสง
เคราะห์ศาสตร์ ออกเป็น ๒ คณะ กล่าวคือ คณะมนุษยศาสตร์และคณะ
สังคมศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์จึงได้ก่อกำเนิดขึ้นต้ังแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๖
เป็นต้นมา พร้อมกับการปรับปรุงหลักสูตรจากหลักสูตรเดิมที่มีหน่วยกิต จำนวน
๒๐๐ หน่วยกิตโดยปรับลดจำนวนหน่วยกิตลงเหลือ ๑๕๐ หน่วยกิต ซึ่งเป็น
จำนวนหนว่ ยกติ เท่ากับมหาวิทยาลัย หรอื สถาบันอุดมศึกษาอ่ืน ๆ ในประเทศไทย
อันน้ีเพ่ือรองรับพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จการศึกษาวิชาการทาง
พระพุทธศาสนา พ.ศ ๒๕๒๗ ซ่ึงได้รับรองผู้สำเรจ็ การศึกษาจากมหาวทิ ยาลัยจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลัย ก็ตามในการบริหารงานของคณะสังคมศาสตร์ได้มีผู้บริหาร
ระดับคณบดีซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของคณะสังคมศาสตร์นับตั้งแต่ก่อต้ังมาซ่ึงมี
คณบดีผู้ท่ีมีอุปการะคุณต่อมหาวิทยาลัย ต่อคณะสังคมศาสตร์อย่างต่อเนื่อง
ตามลำดับดังน้ี ๑) พระมหาวิสุทธ์ิ ปุญฺ ธโร ซ่ึงต่อมาก็คือ พระครูประกาศิตพุทธ
ศาสตร์ ปัจจุบันก็คือพระราชวิริยสุนทร ๒) พระมหาสำรวม ปิยธมฺโม ต่อมาก็คือ
พระราชวรนายก ๓) พระครูปุริมานุรักษ์, รศ.ดร. ๔) พระครูวิจิตรธรรมโชติ และ
๕) พระครูปริยัติกิตติธำรง, รศ.ดร. รปู ปัจจุบัน
๘๖ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
ในวันท่ี ๒๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๐ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ
พลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงลงพระปรามาภิไธยในพระราชบัญญัติ
มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองฉบับ คือ พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหามกุฏราช
วิทยาลัย พ.ศ.๒๕๔๐ และพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย พ.ศ.๒๕๔๐ และพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการ
พระพุทธศาสนา (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๔๐ ต่อมาในวันท่ี ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๐
พระราชบัญญัติท้ังสามฉบับ ได้ถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๔
ตอนที่ ๕๑
หลังจากเทียวไล้เทียวขื่ออยู่เป็นเวลานาน ในท่ีสุดความพยายามท่ีจะให้มี
การตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ก็ประสบ
ความสำเร็จเพราะความพยายามอย่างต่อเน่ืองยาวนานของผู้บริหารมหาวิทยาลัย
ชุดแล้วชุดเล่าและเพราะความร่วมมือที่ได้รับจากทุกฝ่ายท่ีเก่ียวข้อง ดังนั้น การ
ได้มาซึ่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัยจึงนับได้ว่าเป็น
จุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกคร้ังหน่ึงในประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัย และโดยเฉพาะ
อยา่ งยง่ิ คณะสงั คมศาสตร์ ซ่ึงได้รับการขนานนามวา่ “คณะฯ นอ้ งใหม่ไฟแรง”
เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๒ คณะสังคมศาสตร์ ได้ย้ายจากวัดมหาธาตุ
ยุวราชรังสฤษฎ์ิ ท่าพระจันทร์ มาอยู่ท่ีอาคารเรียนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย วัดศรีสุดาราม เลขที่ ๓ ถนนบางขุนนนท์ตลิ่งชัน แขวงบางขุนนนท์
เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ๑๐๗๐๐
ต่อมา เมื่อวันท่ี ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้ย้ายสำนักงานคณบดีคณะ
สังคมศาสตร์ มาปฏิบัติหน้าท่ี ณ อาคารเรียนรวม โซนบี มหาวิทยาลัยมหาจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลัย ตำบลลำไทร อำเภอวงั น้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนถึง
ปจั จบุ ัน
ยุคกบฏ มจร (สบื สาน พฒั นา ต่อยอด)
เขากล่าวหาว่าพวกผม “เป็นกบฏ มจร” พวกผมยอมรับว่า เป็นกบฏ
มจร หากแต่ความหมายของคำวา่ กบฏ ของพวกผมนั้น หมายถึง กล้าคิด กล้าพูด
กล้าทำ นอกกรอบแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมเดิม ๆ ของชาวมหาจุฬาฯ เพ่ือพัฒนา
ไปสคู่ วามเปน็ มหาวิทยาลยั ชัน้ นำของประเทศไทย
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๘๗
หลักสตู รในคณะสังคมศาสตร์ ก่อนมี พ.ร.บ. มจร
หลักสูตรพุทธศักราช ๒๕๓๘ ในส่วนของคณะสังคมศาสตร์ มีสาขาวิชา
ทัง้ ส้ิน ๔ สาขาวชิ า ดังนี้
๑. สาขาวิชารัฐศาสตร์ (Political Science)
๑.๑ วชิ าเอกการเมอื งการปกครอง
๑.๒ วชิ าเอกบริหารรฐั กจิ
๒. สาขาวชิ าสงั คมวิทยาและมานุษยวิทยา (Socio - Anthropology)
๒.๑ สาขาวชิ านเิ ทศศาสตร์ (Communication)
๒.๒ สาขาวชิ าเศรษฐศาสตร์ (Economics)
๒.๓ สาขาวิชาสงั คมสงเคราะห์ศาสตร์ (Social Works)
ก. หลักสูตรสาขาวิชารัฐศาสตร์ (Political Science) มีวัตถุประสงค์
ดงั นี้
๑. เพ่ือผลิตบัณฑิตให้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการปกครอง
และการบริหารตามหลักพทุ ธธรรมและทฤษฎีรัฐศาสตรส์ มัยใหม่
๒. เพื่อผลิตบัณฑิตให้สามารถนำความรู้ในการปกครองและการ
บริหารได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
๓. เพ่ือผลติ บัณฑิตให้สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการเผย
แผ่พระพทุ ธศาสนาเพ่อื แกป้ ญั หาและพัฒนาสงั คม
ข. หลักสูตรของสาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา (Sociology
and- Anthropology มีวัตถปุ ระสงค์ ดังนี้
๑. เพื่อผลิตบัณฑิตให้มีความรู้ความเข้าใจในสังคมวิทยา และ
มานษุ ยวิทยา
๒. เพ่ือผลิตบัณฑิตให้สามารถนำความรู้ด้านสังคมวิทยา และ
มานษุ ยวทิ ยาไปประยกุ ตใ์ ช้ในการแกป้ ัญหา และพฒั นาสงั คม
๓. เพ่ือผลิตบัณฑิตให้อุทิศตน และสามารถนำหลักทางสังคม
วิทยาและมานุษยวทิ ยาไปประยุกตใ์ ช้ในการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา
ค. หลักสูตรของสาขาวิชานิเทศศาสตร์ (Communication) มี
วตั ถปุ ระสงค์ ดังนี้
๑. เพอื่ ผลติ บณั ฑิตให้มคี วามรู้ความสามารถในวิชานิเทศศาสตร์
๘๘ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
๒. เพื่อผลิตบัณฑิตให้สามารถจัดระบบข้อมูล ผลิตสื่อ และ
เลือกใช้นวัตกรรมต่างๆ เพ่ือประโยชน์แก่การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา
๓. เพ่ือผลิตบัณฑิตให้สามารถจัดระบบข้อมูล จำแนกข้อมูล
วเิ คราะหข์ อ้ มูล และประเมินผลการใชส้ ือ่ ตา่ งๆได้
๔. เพ่ือผลิตบัณฑิตให้มีทัศนะที่กว้างไกล มีความเข้าใจ และเห็น
ความสำคญั ถงึ อิทธพิ ลของข่าวสารและรู้เลือกรับข่าวสาร
ง. หลักสูตรของสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ (Economics) มีวัตถุประสงค์
ดังน้ี
๑. เพ่ือผลิตบัณฑิตให้มีความรู้ในทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ และหลัก
เศรษฐศาสตร์แนวพทุ ธ
๒. เพ่ือผลิตบัณ ฑิตให้สามารถนำหลักธรรม และทฤษฎี
เศรษฐศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาริมชุมชนให้มีความมั่นคง ดำรงตนอยู่ใน
ฐานะพุทธศาสนิกชนท่ีดีตามพระธรรม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัม
พทุ ธเจ้า
จ. หลักสูตรของสาขาวิชาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ (Social Works) มี
วตั ถปุ ระสงค์ ดังนี้
๑. เพ่ือผลิตบัณฑิตให้เข้าใจในหลักการสังคมสังเคราะห์ทั้งจาก
หลกั วชิ าสมยั ใหม่และหลกั พระพุทธ
๒. เพ่ือผลิตบัณฑิตให้สามารถจัดการสังคมสงเคราะห์ในสถาบัน
สงฆ์
๓. เพื่อผลิตบัณฑิตให้อุทิศตนและสามารถนำหลักการสังคม
สงเคราะห์ไปประยุกต์ใชใ้ นการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา
หลักสตู รในคณะสังคมศาสตร์ หลังมี พ.ร.บ. มจร
เมื่ อ พ .ศ . ๒ ๕ ๔ ๒ ค ณ ะ ได้ ป รั บ ป รุ งห ลั ก สู ต ร เพื่ อ เส น อ ให้
ทบวงมหาวทิ ยาลัยรับรองหลักสตู ร และในปีดังกล่าว คณะสงั คมศาสตร์ ได้เปดิ ทำ
การสอนทงั้ สนิ้ ๓ สาขาวิชา ที่ได้รบั รองจากทบวง คือ
ก) สว่ นกลาง
๑. สาขาวชิ ารฐั ศาสตร์
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๘๙
๑.๑ วชิ าเอกการเมอื งการปกครอง
๑.๒ วิชาเอกการบรหิ ารรัฐกจิ
๒. สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์
๓. สาขาวชิ าสังคมวทิ ยาและมานษุ ยวิทยา
ข) สว่ นวิทยาเขต
๑. วทิ ยาเขตหนองคาย
- สาขาวิชารฐั ศาสตร์ (การเมืองการปกครอง)
๒. วทิ ยาเขตนครศรธี รรมราช
- สาขาวชิ าสงั คมวิทยาและมานุษยวทิ ยา
๓. วทิ ยาเขตเชยี งใหม่
๑) สาขาวิชาสงั คมวิทยาและมานษุ ยวทิ ยา
๒) สาขาวชิ าสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
คณะสงั คมศาสตร์เร่ิมตกตำ่ หรือออ่ นแอเก่ยี วกบั งานด้านบริหารจดั การ
ภายหลังจากคณะมีบทบาทที่เข้มข้นและร้อนแรงในช่วงเวลาต้ังแต่
๒๕๓๐ - ๒๕๓๕ ท้ังน้ีเน่ืองเพราะตั้งแต่ ๒๕๓๐ - ๒๕๓๕ มีจำนวนนิสิตเข้ารับ
การศึกษาในภาควิชาสังคมวิทยา ปีการศึกษา ๒๕๓๒ จำนวน ๕๙ รูป และใน
ภาควิชารัฐศาสตร์ เอกบรหิ ารรัฐกิจจำนวน ๗๕ รูป ส่วนภาควิชาอื่น ๆ ยงั มิได้เปิด
ดำเนินการ นับต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๓๖ เป็นต้นมา บรรยากาศคณะสังคมศาสตร์
ค่อนข้างซบเซาและเงียบเหงา เพราะขุนพลของคณะได้โยกย้ายไปคนละทิศคนละ
ทาง กล่าวคือ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ (พระครูศรีวรนายก (สำรวม ปิยธมฺโม))
ย้ายไปดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายบริหาร รองคณบดี (พระมหาจัด
ปญฺญาวโร, ดร.) ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองแผนงาน หัวหน้าภาควิชา
รัฐศาสตร์ (พระมหาพิชัย สุชยฺยานุธมฺโม) ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกอง
ประชาสัมพันธแ์ ละเผยแผ่ เลขานุการคณะย้ายไปเปน็ ฆราวาส (ลาสิกขา)
ดังนั้น ทีมงานชุดใหม่ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๖ – ๒๕๔๐ จึง
ประกอบด้วย พระครปู ลัดประสทิ ธิ์ ธุรสทิ ฺโธ (ปัจจบุ ัน คือ พระครปู ุริมานุรกั ษ์, รศ.
ดร.) เป็นคณบดี พระมหาสามารถ โชติธมฺโม (ปัจจบุ ัน คือ พระครูวิจิตรธรรมโชติ)
เป็นรองคณบดี พระมหาทองขาว กิตฺติธโร (ปัจจุบัน คือ พระครูปริยัติกิตติธำรง,
๙๐ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
รศ.ดร.) เป็นผู้ช่วยคณบดี พระมหาสุพัฒน์ รตนภทฺโท เป็นหัวหน้าภาควิชา
รัฐศาสตร์ และนายวงศร อินทรเทพ เป็นหัวหน้าวชิ าเศรษฐศาสตร์
สงิ ห์เหนือ เสืออสี านใต้ เข้ามาพลกิ ฟน้ื สถานการณ์๖
จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะสังคมศาสตร์จึงเร่ิมพื้นจากอาการซบเซาอีก
ครง้ั หนึ่ง เพราะมอี ดีตรองอธิการบดฝี ่ายวจิ ัยและวางแผน (พระมหาสุรพล สุจริโต)
ลาสิกขาเข้ามาเสริมทัพ คือ ดร.สุรพล สุยะพรหม (ปัจจุบัน คือ รศ.ดร.สุรพล
สุยะพรหม, รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป) และ ดร.พิชัย ผกาทอง (ปัจจุบัน คือ
รศ.ดร.กิตติทัศน์ ผกาทอง, อดีตรองคณบดีคณะสังคมศาสตร์ ฝ่ายบริหาร)
อดีตผู้อำนวยการกองแผนงาน โดย ดร.สุรพล สุยะพรหม ได้รับการสรรหา ใหเ้ ป็น
หัวหน้าภาควิชารัฐศาสตร์ ดร.พิชัย ผกาทอง ได้รับการสรรหาให้เป็นหัวหน้า
ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา และนายวงศร อินทรเทพ ได้รับการสรรหา
ให้เป็นหวั หน้าภาควิชาเศรษฐศาสตร์
ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ ได้ดำเนินการเรียนการสอนภายหลังมหาวิทยาลัย
มีสถานภาพเป็นนิติบุคคล เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๐ ต่อจากภาควิชารัฐศาสตร์ ส่วน
ภาควิชาสังคมวทิ ยาและมานุษยวิทยาน้ัน แมจ้ ะเกิดกอ่ นภาควิชาเศรษฐศาสตร์ แต่
เปิดดำเนินการเรียนการสอนในยุคมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ภายหลังภาควิชาเศรษฐศาสตร์ จึงอยู่ในลำดับสุดท้าย เพราะเพิ่งดำเนินการเรียน
การสอนเปน็ ครง้ั แรกใน พ.ศ. ๒๕๔๒
คณะสังคมศาสตร์ จึงเป็นคณะที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วอย่างโชกโชน
หากเป็นนกั มวยยอ่ มมีประสบการณ์บนเวทที ง้ั แพแ้ ละชนะ ตลอดระยะเวลา ๓๐ ปี
(พ.ศ.๒๕๒๖-๒๕๕๖) ได้เก็บประสบการณ์อย่างครบถ้วน มีผู้บริหารจำนวนหลาย
ชุดตั้งแต่ชุดบุกเบิกกระท่ังชุดเก็บเก่ียวผลผลิตในปัจจุบัน โดยเฉพาะชุดเก็บเกี่ยว
ผลผลิตนั้น กำลังถูกท้าทายจากกระแสการประกันคุณภาพการศึกษา การต้อนรับ
ประชาคมอาเซียน และการขยายตัวของเมืองเศรษฐกจิ และสังคมวัฒนธรรมอย่าง
ร้อนแรง เป็นการท้าทายในการบริหารจัดการแบบใหม่เป็นการท้าทายภาวะผู้นำ
แบบใหม่ และเปน็ การทา้ ทายศกั ยภาพคุณภาพดา้ นวชิ าการ
๖ รศ.ดร.กติ ตทิ ศั น์ ผกาทอง ดเู พม่ิ เติมใน ๓๐ ปี คณะสังคมศาสตร์
๓๙ ปี คณะสังคมศาสตร์ มจร ๙๑
กอ่ กำเนดิ เกดิ หลักสตู รปอ๊ ปปลู า่ สะทา้ นวงการดงขม้ิน
หลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์ (ป.บส.) มี
พฒั นาการมาต้ังแต่ก่อน พ.ศ.๒๕๔๗ สบื เนื่องจากคำปรารภของพระพรหมบัณฑิต
(ประยูร ธมฺมจิตฺโต) อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
(ขณะน้ันดำรงสมณศักดิ์ พระธรรมโกศาจารย์ เจ้าคณะภาค ๒) ถึงการศึกษาคณะ
สงฆ์ไทย โดยปรารภกับ ผศ.ดร. สรุ พล สุยะพรหม (ขณะน้ันดำรงตำแหน่งหัวหน้า
ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย)
ความว่า “ทำอย่างไรจะให้พระสังฆาธิการ พระครูสอนปริยัติธรรม ซึ่งยังไม่จบ
การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้มีโอกาสศึกษาจบมัธยมป ลายใน
ระยะเวลาอันเหมาะสมและให้ท่านมีโอกาสศึกษาระดับอุดมศกึ ษาในมหาวทิ ยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย”๗ หลังจากน้ัน ผศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม ก็ได้ศึกษา
หลกั เกณฑ์ตา่ ง ๆ และความเปน็ ไปได้ของการจดั การศึกษาหลกั สตู รน้ี๘
หลังจากได้หลักการแล้วการยกร่างหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหาร
กิจการคณะสงฆ์ (ป.บส.) และพัฒนาการหลักสตู รได้ดำเนินการโดยลำดับ ผา่ นมติ
คณะกรรมการประจำคณะสังคมศาสตร์ ผ่านสภาวิชาการ จนกระท่ังถึง สภา
มหาวิทยาลยั ประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๔๖ เมือ่ วันจนั ทร์ท่ี ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๖ มี
มติอนุมัติให้เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์
ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ต้ังแต่ ปีการศึกษา ๒๕๔๗ และออกเป็นประกาศมหาวิทยาลัย ซึง่ พระเดชพระคุณ
พระสุเมธาธิบดี (บุญเลิศ ทตฺตสุทฺธิมหาเถร) นายกสภามหาวิทยาลัย ลงนาม
ณ วันที่ ๓๐ มกราคม พุทธศกั ราช ๒๕๔๗ เพอ่ื จัดการศกึ ษาพัฒนาพระสงั ฆาธิการ
หรือครูสอนพระปริยัติธรรม หรือว่าพระสอนศีลธรรม ให้มีความรู้ความเข้าใจใน
การบริหารกิจการคณะสงฆ์ และสามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้กับการ
๗ ผศ.ดร.สุรพล สยุ ะพรหม, ปฐมนิเทศนสิ ิตหนว่ ยวิทยบริการคณะสงั คมศาสตร์ มจร
วดั หลวงพอ่ สดธรรมกายาราม จังหวดั ราชบรุ ี ๒๕๔๙.
๘ ดร.พิเชฐ ท่ังโต หัวหน้าภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย
๙๒ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
ปฏิบัติงานในหน้าที่ของคณะสงฆ์ อันจะเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาต่อไป
สำหรับคุณสมบัติของผู้จะเข้ามาศึกษา ประกอบด้วย ๑) เป็นพระสังฆาธิการ หรือ
พระครูสอนพระปริยัติธรรม หรือว่า พระครูสอนศีลธรรม ๒) สำเร็จการศึกษา
นักธรรมช้ันเอก หรือนักธรรมช้ันโท และมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๓) ระยะเวลาใน
การศึกษา ๑ ปีการศึกษา หรือ ๒ เทอม ผู้สำเร็จการศึกษาแล้วจะได้รับ
ประกาศนียบัตร วุฒิเทียบเท่า มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ผลการศึกษาเฉล่ีย ๒.๕๐ ขึ้นไป
มีสิทธิเขา้ ศกึ ษาตอ่ ใน มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั ระดับอุดมศึกษา
ได้ ๔ สาขาวิชา ได้แก่ ๑) สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ ๒) สาขาวิชา
พระพุทธศาสนา (ที่มีการเลือกวิชาการจัดการเชิงพุทธเป็นวิชาโท) ๓) สาขาวิชา
การสอนพระพทุ ธศาสนา และ ๔) สาขาวิชาบริหารการศกึ ษา
เมื่อหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์ (ป.บส.) ได้
ประกาศใช้แล้ว พระเดชพระคุณเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักด์ิ
อุปสโม) รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬี
ศึกษาพุทธโฆส จังหวัดนครปฐม (ขณะดำรงสมณศักด์ิท่ี พระธรรมโมลี เจ้าคณะ
ภาค ๑ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร) ได้ปรารภกับ ผศ.ดร.สุรพล
สุยะพรหม ว่า “หลักสูตร ป.บส. ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
สภามหาวิทยาลัยได้ประกาศใช้แล้ว เราอยากจะจัดการศึกษาให้แก่คณะสงฆ์
ภาค ๑ โดยการจัดการศึกษาท่ีวัดพิชยญาติการาม เธอช่วยการให้หน่อย”
ผศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม จึงไดเ้ สนอตอ่ อธกิ ารบดี แต่งต้ังคณะกรรมการกำกับดแู ล
การจัดการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์ (ป.บส.)
โดยมีรองอธิการบดีฝ่ายบริหารเป็นประธานกรรมการ และหัวหน้าภาควิชา
รฐั ศาสตร์ เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยตำแหนง่ ในขณะเดยี วกนั นนั้ ภาควิชา
รัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ ในฐานะได้รับมอบหมายจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬา
ลงกรณราชวทิ ยาลยั
“....เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
ราชวทิ ยาลัยดำเนนิ ไปดว้ ยความเรยี บร้อย และบรรลวุ ัตถปุ ระสงคต์ ามนโยบายของ
มหาวิทยาลัย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๙ (๓) และ (๖) แห่งพระราชบัญญัติ
มหาวิทยาลัยมหาจุฬลงกรณราชวิทยาลยั พ.ศ.๒๕๔๐ และมตสิ ภามหาวทิ ยาลยั ใน
คราวประชมุ คร้ังที่ ๗/๒๕๔๖ เมื่อวนั จันทรท์ ี่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ อนุมัติให้
๓๙ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มจร ๙๓
เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์ ภาควิชารัฐศาสตร์
คณะสังคมศาสตร์ จงึ ออกประกาศ ดังต่อไปนี้
“ให้ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง
กรณราชวิทยาลัย เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะ
สงฆ์ ตงั้ แตป่ ีการศึกษา ๒๕๔๗ เปน็ ต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๗ (พระสุเมธาธิบดี)
นายกสภามหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั
ดงั นั้น เพ่ือให้การบริหารและควบคุมดูแลการจดั การเรียนการสอนเปน็ ไป
ตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด ภาควิชารัฐศาสตร์ จึงได้ระดมบุคลากรทั้งสาย
วิชาการ และสายปฏิบัติการ จากท้ัง ๓ ภาควิชา (รัฐศาสตร์-เศรษฐศาสตร์-สังคม
วิทยา) จัดทำคู่มือการบริหาร และการจัดการเรียนการสอนหลักสูตร ป.บส.
เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุวัตถุประสงค์ของคณะสงฆ์ และนโยบาย
ของมหาวทิ ยาลัย
หลักสูตรฯ เปิดทำการเรียนการสอน ปีแรก (๒๕๔๗) มีผู้สำเร็จการศึกษา
จำนวน ๕๕ รูป ปีท่ีสอง (๒๕๔๘) มีผู้สำเร็จการศึกษา จำนวน ๑,๐๑๒ รูป วัดใน
ประเทศไทย มีประมาณ ๓๐,๐๐๐ วัด พระภิกษุสงฆ์ สำเร็จการศึกษาจาก
หลักสตู รนี้ (๒๕๔๗-๒๕๖๕) ปจั จบุ นั มปี ระมาณ เกือบ ๒๐,๐๐๐ รูป
ชว่ งบุกเบกิ (ภาคพี่ ภาคนอ้ ง)
บุคลากรทั้ง ๓ ภาควิชา โดยมีภาควิชารัฐศาสตร์ เป็นพี่ใหญ่ มุ่งม่ันอย่าง
ต่อเนื่องเพ่ือทำให้คณะสงฆ์เห็นความสำคัญและความจำเป็นของหลักสูตร ป.บส.
จนสามารถนำเสนอหลักสูตรเข้าไปบรรจุเป็นนโยบายของมหาเถรสมาคม ทีมงาน
ยุคบุกเบิกประกอบด้วย: สุรพล สุยะพรหม, ธัชชนันท์ อิศรเดช, พิเชฐ ท่ังโต, เติม
ศักด์ิ ทองอินทร,์ ยุทธนา ปราณีต, สถิตย์ ศลิ ปชัย, เกียรตศิ ักดิ์ สุขเหลือง, โกนิฏฐ์
ศรีทอง, กิตติทัศน์ ผกาทอง, พรรษา พฤฒยางกูร, อนุภูมิ โซวเกษม, ชวัชชัย
ไชยสา, ภัทรพล ใจเยน็ , พลวฒั น์ ชมุ สขุ ฯลฯ
ช่วงฮนั นมี ลู (เดนิ สายขายบริการ)
ทีมงานเดินสายบริการวิชาการท่ัวประเทศอย่างมุ่งม่ันโดยไม่รู้จักเหน็ด
เหน่ือย เพราะเป็นเร่ืองใหม่สำหรับวงการสงฆ์ที่มีหลักสูตรสำหรับผู้บริหารคณะ
สงฆ์ จนกระทั้งนำไปสู่การออกนโยบายของคณะสงฆ์ภาค ๑ ว่า “เราถือเป็น
นโยบายของเราในฐานะเจ้าคณะภาค ๑ ต่อแต่นี้ไปวัดใดจะเสนอแต่งต้ัง
๙๔ 39thAnniversary Faculty of Social Sciences, MCU
พระสังฆาธิการ ให้ท่านรูปน้ัน ได้ผ่านการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรการ
บริหารกิจการคณะสงฆ์เสียก่อน ถ้ายังไม่ผ่านอย่าเสนอขอแต่งต้ังข้ึนมา และให้
แต่ละจังหวัดคัดเลือกผู้ท่ีควรได้รับการศึกษาเข้ามาศึกษาในหลักสูตรนี้ที่น่ี”๙
จากคำกล่าวของท่านวันน้ันส่งผลให้การศึกษาหลักสูตร ป.บส. ท่ีวัดพิชยญาติกา
รามวรวิหาร จึงมีจำนวนนักศึกษาในแต่ละปมี ีจำนวนใกล้เคียงกนั และส่ิงสำคัญคือ
มีพระนักศึกษาบางรูปที่มีคุณวุฒิจบปริญญาแล้วมาน่ังเรียนอยู่ด้วย จึงกล่าวได้ว่า
มีความพเิ ศษอยมู่ ใิ ชน่ อ้ ย
ชว่ งปรบั ปรงุ /ขยาย (กจิ การเฟอ่ื งฟู)
การจัดการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์
(ป.บส.) ที่วัดพิชยญาติการามวรวิหาร รุ่นแรก กำลังดำเนินการอยู่นั้น พระ
นักศึกษา ก็มีความประสงค์ศึกษาต่อในระดับท่ีสูงขึ้น ผศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม
ขณ ะนั้นเป็นหัวหน้าภ าควิชารัฐศาสตร์ และกรรมการและเลขานุการ
คณะกรรมการกำกับดูแลการจัดการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหาร
กิจการคณะสงฆ์ (ป.บส.) จึงเสนออธิการบดี แต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างและ
พัฒนาหลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) สาขาวิชาการจัดการเชิ งพุทธ
สภามหาวิทยาลยั อนุมตั แิ ล้ว จัดเปิดการศึกษาระดับอุดมศึกษา พุทธศาสตรบณั ฑิต
สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ ครั้งแรก ที่วัดพิชยญาติการามวรวิหาร ในปี
การศึกษา ๒๕๔๘ ภายใต้การบริหารจัดการของหัวหน้าภาควิชารัฐศาสตร์และ
คณาจารย์คณะสังคมศาสตร์ โดยการจัดการศึกษา ๓ ปีการศึกษา เป็นสาขาวิชา
แรกของมหาวทิ ยาลยั
การมีฉันทะในการศึกษาของพระนิสิตร่นุ แรก ในสาขาวิชาการจัดการเชิง
พุทธ มิได้หยุดแค่ปริญ ญาตรี เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หนีไม่พ้นหลักการในทาง
เศรษฐศาสตร์ ในเร่ืองอุปสงค์และอุปทาน (Demand and Supply) เมื่อมีความ
ต้องการ สินค้าและบริการ ก็ตามมา หลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พธ.ม.)
และ หลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พธ.ด.) ก็เกิดข้ึนตามลำดับ ภายใต้การนำ
และกำกับของ ผศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม ในนามหัวหน้าภาควิชารัฐศาสตร์ และ
ผู้อำนวยการหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พธ.ม.) และหลักสูตรพุทธศาสตร
๙ พระธรรมโมลี, โอวาทปฐมนิเทศการศึกษาหลักสูตร ป.บส. วัดพิชยญาติการาม,
๒๕๔๗.