The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศยุคใหม่ ระโนดบ้านเรา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wanidaarsasit249, 2022-06-05 11:23:40

หนังสือ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศยุคใหม่ ระโนดบ้านเรา

หนังสือ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศยุคใหม่ ระโนดบ้านเรา

ท่ อ ง เ ที่ ย ว เ ชิ ง
นิ เ ว ศ ยุ ค ใ ห ม่

ระโนด

บ้ า น เ ร า

ระโนด

ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว อิ ง ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ วั ฒ น ธ ร ร ม

คำ นำ ห นั ง สื อ
ค ณ ะ ผู้ จั ด ทำ

หนังสือท่องเที่ยวเชิงนิเวศยุคใหม่ระโนดบ้านเรา เป็นหนังสือที่ประกอบด้วย
ข้อมูลประวัติเมืองระโนด ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวในเมืองระโนดที่สามารถจำแนกออก
ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เป็นแหล่งธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
ที่เป็นวัฒนธรรม ซึ่งล้วนแต่เป็นสถานที่อันมีความหมายกับคนระโนดทั้งสิ้น

ในการจัดทำหนังสือเล่มนี้ขึ้น เพื่อต้องการสร้างเสริมความรู้และปลูกจิตสำนึก
ให้บุคคลในเมืองระโนดรักบ้านเกิด โดยให้ช่วยดูแลบ้านควบคู่กับการท่องเที่ยวเชิง
นิเวศ ในหนังสือได้บอกแนวทางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างเรียบง่ายสามารถนำมา
ปรับใช้และบอกต่อแก่นักท่องเที่ยวที่มีจุดมุ่งหมายมายังเมืองระโนด เมืองแห่งวิถี
วัฒนธรรมอันดีงามที่โอบล้อมด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันสมบูรณ์



ส า ร บั ญ



ประวัติอำเภอระโนด ๒
แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ในอำเภอระโนด สงขลา ๕
ท่องเที่ยวเชิงนิเวศคือ ๖
แนวคิดของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ๖
การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ๗
ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ๗
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ๘
ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ๑๑
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศในระโนด ๑๗
เอกสารอ้างอิง ๒๐



ม หั ศ จ ร ร ย์
แ ห่ ง เ มื อ ง

ระโนด

ทุ่ ง ร ว ง ท อ ง น อ ง ลู ก ต า ล ตำ น า น แ ห่ ง เ จ ดี ย์ พื้ น ที่ แ ห ล่ ง น า กุ้ ง



ระโนด
ประวัติ

อำเภอระโนด เป็นอำเภอที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรสทิงพระ เดิมเป็น
เมืองหนึ่ งของเมืองจะทิ้งพระ (พัทลุง) ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ก็ไปขึ้นกับ
เมืองนครศรีธรรมราช ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ จึงได้กลับมาขึ้นกับ
เมืองสงขลา

เมื่อมีการจัดการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาล ได้ยุบเมืองระโนด
ตั้งเป็นกิ่งอำเภอระโนด และให้ขึ้นกับอำเภอจะทิ้งพระ (สทิงพระ) และ
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ กิ่งอำเภอระโนด ได้ยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอระโนด
อำเภอระโนด ก่อตั้งเมื่อ วันที่ ๑ เดือน เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๗






ระโนด
ประวัติ

ที่ตั้ งและอาณาเขต
ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอชะอวด อำเภอหัวไทร
จั ง ห วั ด น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอ่าวไทย
ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอสทิงพระ อำเภอกระแสสิ นธุ์ จังหวัดสงขลา
ทิศตะวันตก ติดต่อกับทะเลสาบสงขลา อำเภอควนขนุน
จั ง ห วั ด พั ท ลุ ง

ลั ก ษ ณ ะ ท า ง ภู มิ ศ า ส ต ร์
ลั ก ษ ณ ะ ท า ง ภู มิ ศ า ส ต ร์

สภาพพื้นที่ส่ วนใหญ่มีลักษณะ
เ ป็ น ที่ ร า บ ลุ่ ม ร ะ ห ว่ า ง อ่ า ว ไ ท ย
กั บ ท ะ เ ล ส า บ ส ง ข ล า โ ด ย มี ร ะ ย ะ
ติดต่อ ชายฝั่ ง ทะเลอ่าวไทย
ประมาณ ๖๔ กิโลเมตร



ระโนด
ประวัติ

ด้านการปกครอง

การปกครองส่วนภูมิภาค แบ่งการปกครองออกเป็นทั้งหมด ๑๒ ตำบล ๗๓ หมู่บ้าน

ดังนี้

๑. ตำบลระโนด มี ๗ หมู่บ้าน ๗. ตำบลวัดสน มี ๔ หมู่บ้าน

๒ ตำบลท่าบอน มี ๑๐ หมู่บ้าน ๘. ตำบลบ่อตรุ มี ๕ หมู่บ้าน

๓. ตำบลบ้านใหม่ มี ๙ หมู่บ้าน ๙. ตำบลคลองแดน มี ๕ หมู่บ้าน

๔.ตำบลปากแตระ มี ๖ หมู่บ้าน ๑๐. ตำบลแดนสงวน มี ๕ หมู่บ้าน

๕. ตำบลระวะ มี ๗ หมู่บ้าน ๑๑. ตำบลตะเครียะ มี ๕ หมู่บ้าน

๖. ตำบลพังยาง มี ๔ หมู่บ้าน ๑๒. ตำบลบ้านขาว มี ๖ หมู่บ้าน

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑๓ แห่ง ประกอบด้วย จำนวนเทศบาลตำบล
๓ แห่ง ได้แก่ เทศบาลตำบลระโนด เทศบาลตำบลบ่อตรุ และ เทศบาลตำบลปากแตระ

จำนวน อบต. ๑๐ แห่ง ได้แก่
๑. องค์การบริหารส่วนตำบลระโนด ๒. องค์การบริหารส่วนตำบลท่าบอน
๓. องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่ ๔. องค์การบริหารส่วนตำบลระวะ
๕. องค์การบริหารส่วนตำบลพังยาง ๖. องค์การบริหารส่วนตำบลวัดสน
๗. องค์การบริหารส่วนตำบลคลองแดน ๘. องค์การบริหารส่วนตำบลแดนสงวน
๙. องค์การบริหารส่วนตำบลตะเครียะ ๑๐.องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาว

สภาพเศรษฐกิจ

เนื่องจากสภาพพื้นที่อำเภอระโนด มีลักษณะเป็นที่ราบ และติดต่อชายฝั่ งทะเลสองด้าน

ประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมและประมง เช่น ทำนาข้าว ปลูกผัก นากุ้ง

และประชายฝั่ ง



แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
ในอำเภอระโนด สงขลา

แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศในอำเภอระโนด มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น
ทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ต่างถูกหล่อหลวมรวมกัน
เป็นวิถีชีวิตที่น่าสนใจ มีเอกลักษณ์เฉพาะของชาวระโนด



ท่องเที่ยวเชิงนิเวศคือ ?
คำว่า การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นศัพท์ บัญญัติที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำมาใช้อย่าง
เป็นทางการใน พ.ศ.๒๕๔๑ โดยให้มีความหมายตรงกับ
คำว่า Ecotourism ในภาษาอังกฤษ ศัพท์บัญญัตินี้ได้รับ
ความเห็นชอบจากราชบัณฑิตยสถานซึ่ งเป็นหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องกับการบัญญัติศัพท์แล้ว Ecotourism เป็นคำ
ใหม่ที่เกิดในวงการท่องเที่ยว โดยนำคำ ๒ คำมารวมกัน
ได้แก่คำว่า eco และ tourism คำว่า eco แปลตามรูป
ศัพท์ว่า บ้านหรือที่อยู่อาศัย คำว่า tourism แปลว่าการ
ท่องเที่ยว Ecotourism จึงแปลว่า การท่องเที่ยวเกี่ยว
กับที่อยู่อาศัย หมายถึงการท่องเที่ยวที่เน้นในด้านสิ่ง
แวดล้อมอันเป็น
ที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์

แนวคิดของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นแนวคิดใหม่ในการพัฒนาและการจัดการ
การท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดผลกระทบในทางลบน้อยที่สุดแนวคิดนี้ได้รับความสนใจจาก
ประเทศต่างๆนับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นต้นมา โดยได้รับความสนับสนุนจากองค์การ
สหประชาชาติและองค์การการท่องเที่ยวโลก ประเทศไทยก็ได้รับเอาแนวคิดนี้มา
ศึกษา และดำเนินการจนปรากฏผลเป็นรูปธรรมมากพอสมควรจากการศึกษาถึงผลก
ระทบของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีต่อประเทศไทยในระยะเวลาที่ผ่านมา จะเห็น
ได้ว่า มีทั้งผลกระทบในทางบวกและทางลบ
ผลการทบทางบวก คือ ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นทำให้รายได้
เข้าสู่ท้องถิ่นที่มีแหล่งท่องเที่ยวตั้งอยู่ ทำให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นดีขึ้นและเกิดผลดีด้าน
สังคมและวัฒนธรรม โดยมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนักท่องเที่ยวและคนใน
ท้องถิ่น ส่วนผลกระทบทางลบ อาจทำให้สิ่งแวดล้อมในแหล่งท่องเที่ยวเกิดความ
เสื่อมโทรมจากการไม่ระมัดระวังของนักท่องเที่ยว หรือจากการขาดการวางแผนที่ดี
ของหน่วยงานในท้องถิ่นในด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ทำให้มีการใช้ทรัพยากร
การท่องเที่ยวอย่างสิ้นเปลืองในระยะเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้ ชุมชนใน
ท้องถิ่นที่มีแหล่งท่องเที่ยวตั้งอยู่อาจไม่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเท่าที่ควร
เนื่องจากไม่ได้รับโอกาสเข้าร่วม
ในการจัดการและการให้บริการ
ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไปตกอยู่แก่ผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีเงินทุนมากและ
อยู่นอกแหล่งชุมชนนั้น ๆ
ส่วนชุมชนในท้องถิ่นกลับต้องประสบกับปัญหาต่างๆที่นักท่องเที่ยว นำเข้ามา
เช่น ปัญหาการส่งเสียงดังรบกวน ปัญหาการจลาจลติดขัดละค่าครองชีพที่สูงขึ้น เพื่อ
ลดผลกระทบทางลบให้ลดลง จึงมีทางเลือกใหม่ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดย
อาศัยหลักสำคัญ ได้แก่ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และ ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์


การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

มี ห ลั ก ก า ร ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ก า ร พั ฒ น า อ ย่ า ง
ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติซึ่ งหลักการทั่วไป
ของการพัฒนาอย่างยั่งยืน คือ ต้องอนุรักษ์และใช้
ทรัพยากรอย่างพอดี เพื่อให้สามารถใช้ ประโยชน์
ต่ อ ไ ป ไ ด้ ใ น ร ะ ย ะ เ ว ล า น า น แ ล ะ ก ร ะ จ า ย ป ร ะ โ ย ช น์
ให้แก่คนส่ วนใหญ่ โดยมีจุดเน้นดังนี้

๑. ดูแลทรัพยากรการท่องเที่ยวให้ใช้ได้นานและ
คุ้มค่า

๒. ลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองและลดขอ
เสียที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

๓. กระจายรายได้แประโยชน์ต่อคนในท้องถิ่นที่มี
แหล่งท่องเที่ยวตั้งอยู่ เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมใน
การจัดการและบริการการท่องเที่ยว

๔. มีการประชุมปรึกษากันสม่ำเสมอระหว่างหน่วย
งานที่เกี่ยวข้องและชุมชนในท้องถิ่น

๕. การสร้างเครือข่ายเพื่อเผยแพร่ แนวคิด การ
ศึกษาวิจัย และความรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ออกไปสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง

ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

๑. ต้องอนุรักษ์ทรัพยากรท่องเที่ยวต่าง ๆ
ทั้ ง ท รั พ ย า ก ร ท อ ง เ ที่ ย ว ท า ง ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ ก า ร ท่ อ ง
เที่ยวทางวัฒนธรรม ให้คงสภาพเดิมมากที่สุด ไม่
ถู ก ทำ ล า ย ไ ป

๒. กระตุ้นจิตสำนึกของคนในท้องถิ่นให้
พ ย า ย า ม ดู แ ล รั ก ษ า ท รั พ ย า ก ร ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว เ ห ล่ า
นั้น โดยไม่กระทำการใด ๆ ที่เป็นผลเสี ยต่อ
ทรัพยากรการท่องเที่ยว เพียงเพื่อหวังผล
ประโยชน์ส่ วนตัว

๓. ให้ความรู้ความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยว
เ พื่ อ ต ร ะ หั ก แ ล ะ เ ห็ น คุ ณ ค่ า ข อ ง แ ห ล่ ง ท่ อ ง เ ที่ ย ว ที่
ตนเดินทางเข้าไปเยือน ให้ความร่วมมือแก่ชุ มชน
ในท้องถิ่น ช่ วยอนุรักษ์สิ่ งแวดล้อมอันเป็นมรดก
ตกทอดของคนในท้องถิ่นนั้น ๆ ให้คงอยู่ในสภาพดี
ต่ อ ไ ป อ ย่ า ง ย า ว น า น



แ ห ล่ ง
ท่ อ ง เ ที่ ย ว

ทาง
ธ ร ร ม ช า ติ


ช า ย ห า ด ท ะ เ ล ป า ก แ ต ร ะ ทุ่ ง น า ร ะ โ น ด



ชายหาดทะเลปากแตระ

ชายหาดปากแตระตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านปาก
แตระ ตำบลปากแตระ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชายหาดที่ยาว หาดทราย
สวยและน้ำใส เหมาะแก่การเล่นน้ำ นั่งชมวิว
บรรยากาศทะเลในตอนเย็น และสามารถท่องเที่ยว
เชิงอนุรักษ์ มีการบริการตกปลาและออกทะเลหา
หมึกในช่วงกลางคืน ส่วนในตอนกลางวัน เหมาะแก่
การพักผ่อน เที่ยวชายหาด ยังมีร้านจำหน่าย
อาหารทะเลเป็นจำนวนมาก รวมทุก ๆ วันเสาร์
จะมีตลาดน้ำชายเลปากแตระอีกด้วย



ทุ่งนา ระโนด

ทุ่งนา หรือนาข้าวเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต
ของชาวอำเภอระโนด เนื่องจากพื้นที่ของอำเภอ
ระโนดส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบลุ่ม ผู้คนจึงประกอบ
อาชีพทำนาข้าวถึงร้อยละ 95 ดังนั้นวิถีชีวิตดั้งเดิม
ของการทำนายังคงอยู่ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน
อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างวิถียุคสมัย ตลอดจน
ยังสามารถพบสัตว์ตามธรรมชาติมากมายตลอด
ข้างทาง เช่น วัว นกกระยาง รวมถึงต้นตาลตะ
โหนดที่ แสดงถึ งวิ ถี ชี วิ ตการอยู่ร่วมกั นกั บธรรมชาติ
มาตั้งแต่อดีตอีกด้วย ปัจจุบันความเปลี่ยนแปลงของ
ยุคสมัยได้ เข้ามามีการเริ่มการท่ องเชิ งนิ เวศมากขึ้ น
จึงเกิดที่พักผ่อนหย่อนใจในแถบท้องทุ่งนาระโนด
มากมาย เช่น รีสอร์ท และคาเฟ่ ต่าง ๆ

๑๐

ท่ อ ง เ ที่ ย ว เ ชิ ง
วั ฒ น ธ ร ร ม

ต ล า ด น้ำ ค อ ล แ ด น ต ล า ด น้ำ ค ล อ ง ร ะ โ น ด วั ด พ ร ะ เ จ ดี ย์ ง า ม วั ด ม ะ ข า ม เ ฒ่ า
ศู น ย์ หั ต ถ ก ร ร ม ลู ก ปั ด ม โ น ร า ห์ บ้ า น ข า ว

๑๑

ตลาดน้ำคลองแดน

ตลาดน้ำคลองแดนเริ่มต้นจากชาวบ้านที่ ตลาดน้ำคลองแดนเลยมีสโลแกนที่ว่า
อพยพมาตั้งถิ่นฐานเพื่อใช้บริเวณคุ้งน้ำในการ “สามคลอง สองเมือง” สำหรับนักท่องเที่ยว
ทำการค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้า ซึ่งที่นี่เป็นเส้น หรือผู้ที่มาเยี่ยมชมตลาดน้ำคลองแดนก็จะได้
ทางการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ เพราะตั้งอยู่ สัมผัสกับการดำเนินชีวิตแบบวิถีพุทธ เยี่ยมชม
ระหว่างพื้นที่ทะเลสาบกับอ่าวไทย ศิลปวัฒนธรรมแบบชาวใต้ เยี่ยมชมการแสดง
โดยเมื่อพ.ศ. 2406 พบว่า บริเวณสามแยกแนว มโนราห์ หนังตะลุงการร้องเพลงเล่นดนตรีสด
บรรจบ นอกจากนี้ยังได้เลือกซื้อสินค้าอาหารพื้นบ้าน
ของ คลองระโนด , คลองชะอวด และคลอง ของที่ระลึกจากตลาดน้ำคลองแดนไปเป็นของ
ปากพนังมีการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอย่างหนาแน่น ฝากอีกด้วย
ซึ่งส่งผลให้ความเจริญรุ่งเรืองทางการค้ามีมากขึ้น
จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2516 มีการสร้างทางหลวง ตลาดริมน้ำคลองแดนสนับสนุนให้คนใน
สาย 408 และเริ่มใช้งานทำให้ความนิยมในการ ท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาชุมชนไป
ขนส่งทางน้ำลดน้อยลง พร้อมกับการได้รับผลตอบแทนในเชิง
เศรษฐกิจ โดยเปิดโอกาสให้คนในท้องถิ่นหรือ
ตลาดน้ำคลองแดน ได้ชื่อว่าเป็น “ชุมชนวิถี ชาวบ้านมาขายของ ขายอาหาร หรือเปิดเป็น
พุทธคลองแดน” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โฮมสเตย์ไว้บริการให้นักท่องเที่ยวที่สนใจจะ
โดยมีคลองสามสายมาบรรจบกัน คือคลองระโนด เข้ามาสัมผัสบรรยากาศวิถีชนบท วิถีคลองไม่
คลองชะอวด คลองปากพนังเป็นจุดแบ่งเขตแดน ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ในรูปแบบของบ้านริมน้ำ
ระหว่างจังหวัดสงขลากับจังหวัดนครศรีธรรมราช เรือนไม้ไทยหรือระเบียงไทยถือเป็นการ
อนุรักษ์ สืบสานวัฒนธรรมอีกรูปแบบหนึ่งรวม
ถึงขายของที่ระลึกซึ่งเป็นฝีมือของคนในท้อง
ถิ่น สร้างรายได้เข้าสู่ครัวเรือน

๑๒

ตลาดน้ำคลองระโนด

ตลาดน้ำคลองระโนดตั้งอยู่ในคลองระโนดที่เป็นคลองเก่าแก่ในเขตเทศบาลตำบลระโนด ใกล้
ตัวอำเภอระโนด ซึ่งมีการค้าขายทางคลองกันมาตั้งแต่ครั้งอดีต โดยเป็นเส้นทางสำคัญของการ
ค้าขายและส่งออกสินค้าในตัวเมืองระโนดกับแหล่งสินค้าภายนอก เช่น ตัวเมืองจังหวัดสงขลา
เทศบาลตำบลระโนดจึงได้มีการจัดให้มีตลาดน้ำเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม
โดยเปิดทุก ๆ วันศุกร์ 16.30 – 20.00 น.

๑๓

วัดพระเจดีย์งาม

วัดเจดีย์งามหรือวัดพระเจดีย์งาม เป็นวัด
สำคัญเก่าแก่โบราณและเป็นหลักฐานสำคัญแสดง
การตั้งถิ่นฐานของคนในพื้นที่ในอดีต โดยมีประวัติ
ปรากฏคือ วัดเจดีย์งามตั้งอยู่ในคาบสมุทรสทิงพระ
สร้างมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๓ ร่วมสมัยกับ
อาณาจักรศรีวิชัย ในสมัยอยุธยาเรียกชื่อวัดแห่งนี้
ว่า "วัดพระไจดีงาม" เป็นวัดที่ขึ้นกับวัดเขียนบางแก้ว
เมืองพัทลุง แต่เมื่อพิจารณาจากหลักฐานทาง
โบราณคดีที่ปรากฎภายในวัดแล้ว พบว่ามีการ
พัฒนาต่อเนื่องกันมาเรื่อยมาจนถึงสมัยอยุธยา
และรัตนโกสินทร์ วัดเจดีย์งามหรือวัดพระเจดีย์งาม
น่าจะสร้างขึ้นในสมัยใดยังไม่ปรากฎแน่ชัดแต่จาก
หลักฐานที่ปรากฎทางโบราณคดีสันนิษฐานได้ว่า
สร้างขึ้นในสมัยอาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรื่อง อัน
เนื่องจากลักษณะของสถาปัตยกรรมคือองค์เจดีย์
น่าจะสร้างมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ต่อมา
ได้บูรณะและปฏิสังขรณ์เปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบ
ทรงลังกา




วัดเจดีย์งามหรือวัดพระเจดีย์งามเป็นวัดที่มี
สำคัญกับชุมชนบ้านเจดีย์และชุมชนใกล้เคียง กรม
ศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานวัด
เจดีย์งาม ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๒ ตอนที่ ๗๕
วันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๗๘ หน้า ๓๗๑๕ เรื่องประกาศ
ขอบเขตโบราณสถานวัดเจดีย์งาม (เพิ่มเติม) ในราช
กิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๒ ตอนที่ ๓๑ วันที่ ๑๒
มีนาคม ๒๕๒๘ หน้า ๑๒๐๘ พื้นที่โบราณสถาน
ประมาณ ๓ งาน ๒๒ ตารางวา มีข้อความไว้ดังนี้คือ
ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียน
โบราณสถาน
(วัดเจดีย์งาม) ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ กรมศิลปากร
ประกาศขอบเขตโบราณสถานเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๓
กรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะเจดีย์ตาม
โครงการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งประวัติศาสตร์
และโบราณคดีลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา




๑๔

วัดมะขามเฒ่า

วัดมะขามเฒ่า ในสมัยก่อนนั้นมีชื่อเสียงในตำรา
ยารักษาโรคและไสยเวทย์วิทยาคมต่างๆ สร้างขึ้น
เมื่อพ.ศ.๒๓๕๘ ไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นคนสร้างเล่า
กันว่า ประมาณปีพ.ศ.๒๔๑๔ วัดโคกม้า เป็นวัดที่ถูก
น้ำท่วมทุกปี จึงต้องย้ายวัดไปอยู่ในที่โคกน้ำท่วมไม่
ถึง เดินทางสะดวกขึ้น เป็นที่ที่ไม่มีเจ้าของ ชาวบ้าน
จึงใช้เป็นสนามชนไก่ และบริเวณนี้มีต้นมะขามต้น
ใหญ่อายุมาก ซึ่งปัจจุบันถูกโค่นไปแล้ว จึงใช้ชื่อวัด
ตามต้นมะขามนั้นว่า “วัดมะขามเฒ่า” มีเจ้าอาวาสรูป
แรกคือหลวงพ่อนะ ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ในช่วง
ปีพ.ศ.๒๔๑๔-๒๔๗๔ โดยพ่อท่านคล้ายมาเรียนกับ
หลวงพ่อนะรูปนี้นี่เอง การเดินทางของพ่อท่านคล้าย
ไปวัดมะขามเฒ่าในสมัยนั้น ใช้เส้นทางทางบกจาก
ฉวาง ผ่านควนสงสาร คลองไผ่งา ไปขึ้นเขาวังลาน
สกา แล้วออกเรือสู่ปากพนัง แล่นเรือผ่านไปยัง
หัวไทร ไปเข้าปากแม่น้ำระโนด ถึงวัดมะขามเฒ่า ซึ่ง
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำระโนด

๑๕

ศูนย์หัตถกรรม
ลูกปัดมโนราห์บ้านขาว

การร้อยลูกปัดชุดมโนราห์ เป็นส่วนหนึ่งของ
การแสดงพื้นบ้านเรื่อง มโนราห์ ที่อยู่คู่ถิ่นภาคใต้มา
อย่างยาวนาน การร้อยลูกปัดเป็นงานเย็บปักถัก
ร้อยที่ต้องใช้ทักษะฝีมือ และความใจเย็นอย่างมาก
แต่จุดเด่นของงานอยู่ที่ความหลากสีสันของลูกปัด ที่
เมื่อได้มองแล้วเกิดควากระชุ่มกระชวย ยิ่งได้ร้อยที
ละเม็ดจนสำเร็จเป็นชิ้นงาน ทำให้รู้ว่างานทุกชิ้นที่
สร้างสรรค์ขึ้นมีคุณค่าในตัวเอง และเผยแพร่งาน
ร้อยลูกปัดมโนราห์นี้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น




ศูนย์หัตถกรรมลูกปัดมโนราห์บ้านขาว เริ่มต้น
โดยนายเนติพงศ์ ไล่สาม อายุ ๓๐ ปี เจ้าของไอเดีย
หัตถกรรมจากลูกปัดมโนราห์ ที่มีความคิดริเริ่ม
สร้างคุณค่าจากลูกปัดมโนราห์เป็นแบรนด์
"NATIPONG" และได้ลงมือทำเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่
การออกแบบ คัดลาย ร้อยลูกปัด ขึ้นรูปสินค้า ไปถึง
การจัดจำหน่าย เมื่อได้ต้นแบบแล้วจึงเริ่มชักชวน
ชาวบ้านในพื้นที่มาช่วยกันผลิตสินค้าจนสินค้าเริ่ม
ติดตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะ
ของตกแต่งบ้านและเครื่องใช้เครื่องประดับ เช่น
กระเป๋าสะพาย สร้อยข้อมือ ต่างหู พวงกุญแจ ผ้า
คลุม โคมไฟ ม่าน แจกัน และกรงนก ปัจจุบัน
หัตถกรรมลูกปัดมโนราห์บ้านขาว อำเภอระโนด
จังหวัดสงขลา มีสมาชิกในกลุ่มกว่า ๒๐๐ คน โดยตั้ง
เป้าหมายในการกระจายรายได้ให้คนในชุมชนมาก
ที่สุด เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและใช้เวลาว่างให้เกิด
ประโยชน์สูงสุด




๑๖

๑. แนวทางการอนุรักษ์การท่องเที่ยวเชิงนิเวศในแหล่งธรรมชาติ

๑.๑ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดขีดความสามารถในการรับรองได้รับของพื้นที่บริเวรแหล่งท่องเที่ยว
๑.๒ ในช่วงเทศกาลควรมีการจัดระเบียบเพื่อควบคุมพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวให้เหมาะสม
๑.๓ ให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งกำหนดบทลงโทษที่ชัดเจน เพื่อให้นักท่องเที่ยว

เข้าใจบริบทของการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวนั้น
๑.๔ จัดทำคู่มือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ทราบข้อมูล และข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง

ในการท่องเที่ยว

๒. แนวทางการอนุรักษ์การท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางวัฒนธรรม

๒.๑ ส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยว และเพื่อให้เกิดความภาคภูิมิใจ
ในตนเองว่าตนนั้นมีความสำคัญในการจัดการท่องเที่ยว และยังสามารถส่งเสริมให้มีจิตสำนึกรักษ์
ท้องถิ่นของตนเอง

๒. ๒ ให้ความรู้กับคนในท้องถิ่น อาจทำได้โดยการสรรหาบุคลากรที่มีความรู็ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับ
การท่องเที่ยว เพื่อให้มาสร้างความเข้าใจ และวิธิการอนุรักษ์วัฒนธรรมในท้องถิ่นของตนเอง
ได้อย่างถูกต้อง

๒.๓ สร้างความเข้าใจอันดีกับนักท่องเที่ยวให้เที่ยวอย่างมีความเคารพต่อวัฒนธรรมในท้องถิ่นนั้น ๆ
นักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบ ไม่เบียดเบียนผู้คนหรือความเชื่อ พิธีกรรม หรือสิ่งอื่นใด
ในท้องถิ่น

๑๗

อำเภอระโนดสามารถแบ่งการท่องเที่ยวเชิงนิเวศได้ ๒ ประเภท ได้แก่ การท่องเที่ยว
เชิงนิเวศจากแหล่งธรรมชาติและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศจากแหล่งวัฒนธรรมในท้องถิ่นนั้น
ๆ แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เป็นธรรมชาติในอำเภอระโนดได้แก่ ชายหาดทะเลปากแตระ
ทุ่งนาระโนด การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในแหล่งธรรมชาติต้องอาศัยความร่วมมือ
ระหว่างหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง ชุมชนและนักท่องเที่ยว เริ่มต้นจากหน่วยงานมีการประชาสัมพันธ์แนวทางการ
ท่องเที่ยวที่ถูกต้องให้แก่นักท่องเที่ยว เช่น การเข้าไปเยี่ยมชมในพื้นที่นั้นโดยไม่ทิ้งขยะลง
ในแหล่งธรรมชาติ ไม่ทำร้ายสัตว์และทรัพยากรอื่น ๆ ที่อยู่ในพื้นที่นั้น อีกทั้งนักท่องเที่ยว
ต้องมีความรู้และมีจิตสำนึกที่ดีต่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศโดยปฏิบัติตามกฎของแหล่งท่อง
เที่ยวนั้น ๆ อย่างเคร่งครัด แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เป็นแหล่งวัฒนธรรม ได้แก่ ตลาดน้ำ
คลองแดน ตลาดน้ำคลองระโนด วัดพระเจดีย์งาม วัดมะขามเฒ่า อ.ระโนด ศูนย์หัตถกรรม
ลูกปัดมโนราห์บ้านขาว สามารถท่องเที่ยวเชิงนิเวศโดยรักษาสิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรม
ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว
จะต้องจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสม หน่วยงานต้องสื่อสารกับชุมชนและนักท่องเที่ยวให้มีความ
เข้าใจตรงกันว่าหารท่องเที่ยวในแหล่งชุมชนนั้นมีความสำคัญในด้านทรัพยากรทาง
วัฒนธรรม นักท่องเที่ยวต้องเคารพในวัฒนธรรมอันดีงามในพื้นที่นั้น ๆ ทางหน่วยงาน
สามารถส่งเสริมโดยให้จัดพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของผู้คน เพื่อปลูกจิตสำนึก
ให้คนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวที่ผ่านแวะเวียนมาได้ศึกษาและช่วยกันรักษาทรัพยากรนั้น ๆ
ให้คงอยู่ได้ยั่งยืน

๑๘

ระโนด

จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ดีที่สุดคือรักษาระบบนิเวศ

ค ณ ะ ผู้ จั ด ทำ

อำเภอระโนดนั้นมีทรัพยากรทางธรรมชาติที่เติบโตมาพร้อมกับวัฒนธรรมอันดีงาม
การให้ความสำคัญของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คนในท้องถิ่นและผู้มาเยือน
ควรศึกษาเพื่อยึดถือปฏิบัติ ให้อำเภอระโนดยังคงความงดงามทั้งด้านธรรมชาติแลวัฒนธรรม
อันดีงามให้คงอยู่ยาวนาน

๑๙

เ อ ก ส า ร อ้ า ง อิ ง

กิมหยงพาเที่ยว. (2559). ตลาดน้ำคลองระโนด สัมผัสเสน่ห์สงขลาที่เมืองเหนือสุดแห่ง
คาบสมุทร. สืบค้น ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕, จาก https://travel.gimyong.com/

โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว / (๒๕๔๙). สารานุกรมไทยฉบับเยาชน โดยโดยพระราชประสงค์ในพระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่มที่ ๒๗. กรุงเทพฯ: อาคารโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน.

ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด. (๒๕๖๓). หัตถกรรมลูกปัดมโนราห์บ้านขาว อำเภอระโนด
จังหวัดสงขลา ต่อยอดการร้อยชุดลูกปัดมโนราห์สู่สินค้าหัตถกรรมเครื่องใช้ ของตกแต่งบ้าน
ที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย สร้างรายได้ดีแก่
สมาชิกในชุมชน ภายใต้แบรนด์ “NATIPONG”. สืบค้น ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕, จาก
http://www.yourfmhatyai.com/หัตถกรรมลูกปัดมโนราห์บ้านขาว

อรรถพล พันธุโกวิทและ สารถี จันทร์มี. บันทึกแผ่นดินบกระโนด. กรุงเทพฯ: บริษัท
อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน).






๒๐


Click to View FlipBook Version