The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suvapon.007, 2021-03-25 21:43:20

ภาพสะท้อนวิถีชีวิตของชาวเหนือผ่านนวนิยายของมาลา คำจันทร์

สัมมนา(1)

ชาวเหนอืภาพสะทอ้ นวถิ ชี วี ติ ของ

...ผา่ นนวนิยายของมาลา คาจนั ทร.์ ..

ท่ีมาและความสาคญั

เป็นท่ีทราบกันว่าประเทศไทยน้ัน เป็นประเทศ
ที่ประกอบด้วยสังคมพหุวัฒนธรรม ซ่ึงแต่ละภูมิถาค
หรือแม้แต่ในภูมิภาคเดียวกันแต่ต่างพ้ืนที่ ก็มีวิถีชีวิต
สภาพสังคม และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป แต่ละ
ท้องถิ่นก็จะมีวิถีชีวิตหรือวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์
เฉพาะตน หรือทีเ่ รียกว่า วฒั นธรรมเฉพาะถ่ิน

ท่ีมาและความสาคญั

เน่ืองจากคณะผู้ศึกษาได้มีโอกาสอ่านผลงาน
วรรณกรรมหรืองานเขียนต่าง ๆ ท่ีหลากหลาย จึงทาให้
เห็นมุมมองหรือทรรศนะท่ีผู้เขียนใส่ลงไปในผลงาน
วรรณกรรมทแี่ ตกต่างกนั ท้ังการเลา่ เร่ืองและกลวิธีตา่ ง ๆ
ในการนาเสนอผลงาน อีกท้ังยังเห็นได้วิถีชีวิตของผู้คนที่
แตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นที่ ภูมิภาค หรือยุคสมัย
ในผลงานวรรณกรรมเรอื่ งตา่ ง ๆ

ท่ีมาและความสาคญั

ดังนั้นทางผู้คณะศึกษาจึงมีความสนใจท่ีจะศึกษาวิธีชีวิตของชาวบ้านในผลงาน
วรรณกรรม ว่าผลงานวรรณกรรมแต่ละเรื่องนั้นปรากฏหรือสะท้อนภาพวิถีชีวิตอย่างไร
บ้าง และได้เลือกศึกษาวิถีชีวิตของชาวเหนือ (ล้านนา) เนื่องจากได้ศึกษาเพิ่มเติมและ
เห็นว่าวถิ ชี วี ิตของชาวเหนอื นน้ั น่าใจสนเปน็ อยา่ งมากมิวิถีชีวิตท่ีเปน็ เอกลักษณ์เฉพาะทั้ง
ดา้ นความเช่ือ วัฒนธรรม ประเพณี อาหาร ดนตรีและการละเลน่ การแต่งกาย และการ
ประกอบอาชีพ เป็นต้น

ท่ีมาและความสาคญั

คณะผศู้ ึกษาจึงเห็นควรท่ีจะศึกษาหาภาพสะท้อน
วิถีชีวิตของชาวล้านนา อีกทั้งเลือกศึกษาวิถีชีวิตของชาว
ล้านนาผ่านนวนิยายของมาลาคาจันทร์ เพราะทราบว่า
ม า ล า ค า จั น ท ร์ เ ป็ น ช า ว ล้ า น น า ม า แ ต่ ก า เ นิ ด
จึงคิดว่าน่าจะมีความเข้าใจในวิถีชีวิตของชาวล้านนาเป็น
อย่างมาก จึงเลือกที่จะศึกษานวนิยายของมาลาคาจันทร์
เพ่ือหาภาพสะท้อนวิชีวิตของชาวล้านนาและดูทรรศนะ
ของมาลา คาจนั ทร์ท่มี ตี ่อชาวเหนืออกี ด้วย

ขอบเขตการศึกษา

วตั ถปุ ระสงค์

1 . เ พื่ อ ศึ ก ษ า วิ ถี ชี วิ ต ข อ ง ช า ว เ ห นื อ ท่ี ป ร า ก ฏ
ในนวนิยายของมาลา คาจนั ทร์
2.เพื่อศึกษาทรรศนะของมาลา คาจันทร์ท่ีมี
ตอ่ ชาวเหนือในนวนยิ าย

สมมติฐาน

ภาพสะท้อนวิถีชีวิตของชาวเหนือและทรรศนะ
ของมาลา คาจันทร์ท่ีมีต่อชาวเหนือ จากนวนิยายท้ัง 3 เรื่อง
สะท้อนถึงวิถีชีวิต สภาพสังคม และวัฒนธรรม ในดา้ นต่าง ๆ
และส่วนหน่ึงเกิดจากประสบการณ์ท่ผี เู้ ขียนไดไ้ ปสมั ผัสกับวิถี
ชวี ติ น้นั ๆ จริง

าลา

- นายเจรญิ มาลาโรจน์
- เกดิ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495
- ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์

ประจาปี พ.ศ. 2556
- นกั เขียนรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์

ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์)
จากเร่ือง เจ้าจันท์ผมหอม นิราศ-
พระธาตุอนิ ทรแ์ ขวน

อภิทานศพั ท์

“วถิ ชี ีวิต”

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.
2542 (2546 : 1075) ให้ความหมายของ วิถีชีวิต
วา่ ทางดาเนนิ ชวี ิต เชน่ วถิ ีชีวติ ชาวบ้าน

“เดก็ บา้ น
ดอย”

ร่องรอยภมู ิปัญญา
ล้านนาวฒั นธรรม

ด้านความเช่ือ

ความเช่อื เรือ่ งผี

“อี่ผนั มนั มาคนเดยี ว มนั ไม่กลัวผีหรอื ไงนะมงคล”
“ก็มนั เป็นลกู ผกี ะน่นี า”
“สองสามวันก่อนคนใหญ่เขาพูดกันว่า ย่าข่ายผีกะไปเข้าสิงคน
ทางบ้านใต้ โดนเพ่ินเอาเขม็ แทงตา ยา่ ข่ายคงตาบอดไปแลว้ ”
“เลา่ ขวัญมนั เดีย๋ วมนั ก็มาเข้าสิงกนิ ตบั แกหรอก”

(เดก็ บ้านดอย, ๒557: 18-19)

ด้านความเช่ือ

ความเชอื่ เรอ่ื งผี

ตระกูลของทวดนับถือผีปู่ย่า (ผีบรรพบุรุษ) สืบสาวข้ึนไปอีก
ช้ันหนึ่ง พ่อของทวดช่ือหนานมาละ เป็นคนดมี ีวิชาแก่กล้า คนจึงเรยี กมา
ละตบั เหล็ก ทวดชือ่ หนานโรจนะ คนกเ็ รียกโรจนะตับเหล็กเชน่ กัน

(เด็กบา้ นดอย, ๒557: 58)

ด้านความเช่ือ

ความเช่อื เรื่องผี

“ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า...” แล้วพ่อก็เล่านิทานเร่ืองผีม้าบ้อง ดังนี้ นานแล้ว มีคนหนุ่ม
สองคนเป็นเพ่ือนกัน ท้ังสองไปเท่ียวสาวหมู่บ้านเดียวกัน เมื่อถึงทางแยก คนหนึ่งจะหาเหตุ
ให้เพ่ือนล่วงหน้าไปก่อนทุกวัน เพ่ือนมันสงสัย จึงวันหน่ึง เมื่อโพล้เพล้ก็แอบไปท่ีทางแยก
น้ัน พบกะโหลกหัวควายเลื่อมเป็นมันแผล็บซุกอยู่ในพุ่มไม้ มันนึกสนุกจึงโขลกพริกข้ีหนูไป
ทาไว้ ตกกลางคืนเพ่ือนมันก็แวะเข้าไปอีก สักครู่ก็ม๊เสียงคึก ๆ ว่ิงตามหลังมา มันเหลียว
ไปดู ก็เหน็ มา้ สีดา ตวั โตทะมนึ ควบไล่มา

(เด็กบา้ นดอย, ๒557: 79)

ด้านความเช่ือ

ความเช่อื เรือ่ งผี

บรรยากาศสมัยน้ันอบอวลไปด้วยผี แม่บอกว่าผีสือเป็นผู้หญิง ผี
โพงเปน็ ผูช้ าย กลางวนั มันกเ็ ป็นคนธรรมดา แมว่ ่าตอนเป็นเดก็ อยู่สันข้ีหา่
บ้านแม่ติดทุ่ง คืนหนึ่งฝนตกพรา ๆ แม่ลุกไปเย่ียวเห็นไฟลุกวาบ ๆ เป็น
ดวงตดิ ๆ ดับ ๆ

(เดก็ บ้านดอย, ๒557: 80)

ด้านความเชื่อ

ความเชอื่ เรือ่ งผี

พรายอา...มงคลห่อไหล่ด้วยความหวาดหว่ัน ครั้งหนึ่ง ตอนที่
มงคลยังอยู่ช้ัน ก. ข้ีไก่ บ้านดอยมีผู้หญิงคนหนึ่งช่ือนางหนุน เรียกกันว่า
ย่านางพรายอา นางนอนผอมโกรก หายใจแขมบ ๆ อยู่ติดฟูกลุกไปไหน
มาไหนไม่ได้ เอาแตค่ รางฮอื ๆ อยูว่ ันยังค่า

(เดก็ บา้ นดอย, ๒557: 105-106)

ด้านความเชื่อ

พธิ กี รรม

...แม้นว่ามนุษย์น้อยผู้นี้อันเป็นลูกหลานแถน อันมีชื่อปรากฏว่า
มงคล ได้กระทาอันใดอันเป็นที่ล่วงเกินแถน ผู้ข้าวันนี้ก็ได้พร่าสมายังคุณ
แห่งแถนแล้ว แม้ว่าผีอันร้ายอันกาจใด ๆ ก็ดี ได้กระทาทักทายต่อมัน ผู้
ข้าก็ขอแถนได้โผดได้ผายให้มันหายวันหายคืน เพราะว่าอัชชะในกาละ
วนั นี้ ผ้ขู า้ ก็ได้พร่าสมายังคุณแห่งแถนแล้ว...

(เด็กบ้านดอย, ๒557: 108-109)

ด้านอาหาร

ดอกขม้ินออกดอกสีแดงสดติดดิน มนั มเี พียงสี่กลีบเทา่ น้ัน ไม่ว่าพบ
ท่ไี หนมันกม็ ีเพยี งสี่กลีบ และออกดอกเพียงคู่เดยี ว ไม่มากหรือน้อยกว่าน้ัน
นางแลวโผล่ดอกจวนจะโรยสีฟ้าอ่อนและสีม่วงอยู่ใต้เชิงไผ่ กลีบเบาบาง
สลบั ซับซอ้ น ลดหลนั่ ลงมา เป็นรูปกรวย คนเขาเอามันลวกจ้ิมน้าพริก
มันสวยอ่อนโยนเกินกว่าจะเอาลวกน้าร้อน แต่กับชาวบ้านชนบท
ประโยชน์ตอ้ งมาก่อนความสวยงามเสมอ

(เดก็ บ้านดอย, ๒557: 99)

ด้านดนตรีและการละเล่น

ค่าคืนเดือนหงายพ่อเล่าธรรม (อ่าน) เสียงสูง ๆ ต่า ๆ เหมือนน้า

ไหลก้นห้วยลกึ มงคลมหี มอนขไี้ คลใบหนงึ่ นอนหนนุ หัวอยใู่ กล้ ๆ พ่อ

งัวควายช้างมา้ ตายแลว้ เหลอื หนงั

กระดกู เขายงั เอาใชก้ ารได้

จาท่ีสุด ท้ังปมุ และไส้

ยังกนิ ลาดใี สท่ ้อง

(เด็กบา้ นดอย, ๒557: 73)

ด้านดนตรีและการละเล่น

ความเปลี่ยนแปลงกาลังกรายเข้ามาทักทายคนบ้านดอย นับแต่
ถนนใหญ่ได้รับการปรับปรุง เพลงซอเสียงซึงยามดึกชักจะห่างเกินจากรูหู
มเี สยี งเพลงสากลเขา้ มาแทนท่ี...

(เด็กบ้านดอย, ๒557: 168)

ด้านการแต่งกาย

สาว ๆ เรมิ่ ละทิง้ ผา้ ถุงหันมาใสเ่ สื้อยืดรัดรูป บางคนเขียนคิ้วทาปาก
บางคนมสี ร้อยเส้นเลก็ ๆ อวดกนั ...

(เดก็ บา้ นดอย, ๒557: 201)

ด้านการประกอบอาชีพ

ไร่ของพ่ออยู่ที่ลาดเขาอีกด้านหน่ึง พอ่ ถางไม้รกรอบไร่ลงเกลี้ยง ไฟจึงลาม
ไม่ถึง พ่อลงพริก มันเทศ ฟักแฟงแตงกวาไว้แต่ฝนก่อน พริกวายลงบ้างแล้ว
เม็ดสุกถูกนกเจาะกนิ เมล็ดไปบา้ ง มะเขอื ขื่นหรือมะเขือแจ้ ห้อยลกู สเี หลืองจัดตาม
กิง่ กา้ นเหยี่ วแหง้ มนั ขน้ึ ของมนั เอง ไม่มใี ครปลกู ไว้

(เดก็ บ้านดอย, ๒557: 99)

ด้านการประกอบอาชีพ

มงคลเด็ด ๆ พริกลงกองกับใบตึง พริกค้างต้นมีมากมาย เก็บจนร้อนมือ
เพราะพิษเผด็ ต้องว่ิงไปเอามือจุ่มน้าห้วยเสียบ้าง พ่อชักมีดเหน็บออกฟันต้น
มะเขือดังฉับ ๆ หอบมากองให้มงคลเด็ดแล้วพ่อก็ไปอีกฟากของไร่ ตะวันบ่ายหัว
โน่นแล้วมงคลจึงเก็บพริกเก็บมะเขือได้หมด พริกสุกแม่จะเอามาตากแห้ง พริกดิบ
กบั มะเขือกค็ งมัดเป็นกระจกุ เอาไปสง่ แมค่ ้า

(เด็กบ้านดอย, ๒557: 97)

ความยากจน
บนั ดลทุกข์

ภยั จากธรรมชาติ

เนื้อดินท่ีแห้งผากมานานดูดซึมเอาน้าลงไปใต้ผิวดินเสียหมด ตั้งแต่เร่ิมลง
กล้ามันก็เร่ิมแล้ง ต้นข้าวยืนตากต้นเหลืองอ๋อย สลบไม่ฟื้นตั้งตัวบนฟ้า ฟ้าโล่งเว้ิง
สลัวมัวซัวเต็มไปด้วยฝุ่นควัน ต้นไม้ตน้ ไร่ใบที่หลงเหลืออยู่บ้างก็เป้ือนฝนุ่ แดงเถอื ก
ไปหมด สเี ขียวของปา่ ก็ถดถอยลงไป ความงามของดอกไมป้ า่ แทบจะหาไมพ่ บ

(เด็กบา้ นดอย, ๒557: 146)

ภยั จากมนุษย์

“ปีนี้มันแล้ง” ดวงตาพ่อหรี่โรยลง “มันแล้งอย่างหนัก ปลูกข้าวไม่ได้ผล
เกษตรท่านชักชวนชาวนาปลูกถ่ัว ปลูกไปปลูกมาบางคนหักใช้ค่าพันธ์ุแล้วเหลือ
ขายไมพ่ อใชห้ น้คี า่ ป๋ยุ โกเหลง็ มนั บีบคอท้งั ขึ้นท้งั ล่อง”

(เดก็ บ้านดอย, ๒557: 165)

วิธีทางรอด

“มึงอยู่ที่โน่นก็หม่ันก็หมั่นร่าหมั่นเรียนเถอะ” แม่พูด “เงินแต่ละบาทพ่อ
มึงอาบเหง่ือตา่ งน้า เรามนั คนทกุ ข์ สมบัติพัสถานอันใดก็ไม่มี หม่ันร่าหมั่นเรียนเอา
เถอะ อย่ามาเป็นคนทานาเลยมันทุกข์ พ่อกับแม่ยังมีแรงอยู่ จะส่งมึงเท่าท่ีส่งได้
เรียนไปเถอะ ไดด้ บิ ได้ดีอย่าลืมนอ้ งก็แลว้ กนั พอ่ แมไ่ ม่เหลอื อะไรให้มนั แล้ว”

(เด็กบ้านดอย, ๒557: 166-167)

เส้นทางต่อชีวิต
เส้นทางปิ ดวิญญาณ

ถนนใหม่เพิ่งจะเปิดโครงการเท่าน้ัน แต่ความคึกคักเริ่มลุกลามมาแล้ว
บ้านอ้ายแปงแต่ก่อนมีของวางขายเง่ืองหงอย เด๋ียวน้ีมีตู้เพลง มีเหล้า มีโซดากาแฟ เป็นที่
ชุมนุมของหนุ่ม ๆ ท้ังคนงานและหนุ่มพ้ืนบ้าน เคร่ืองยนต์กลไก รถตักรถขุดเริ่มชุมนุมที่
สนามหญ้ามุมโรงเรียน แคมป์คนงานวันสองวันก่อนยังเป็นกองไม้อยู่ วันน้ีขึ้นเนินไปดู
อ้าว เสร็จเรียบร้อยแล้ว บ้านลุงสูนท่ีอยู่เลยหัวโค้งไปก็เปิดบ่อนตลอดย่ีสิบสี่ชั่วโมง ป้าออน
กับลูกสาวที่ไปอยู่ร้านอาหารในเมือง เร่งช่างไม้สร้างเพิงมุงหญ้าคารูปทรงศาลาไทยจะทา
ร้านอาหาร คนงาน คนแปลกหน้าเดินสวนกบั คนพ้ืนเมอื ง บ้านดอยต่นื ตวั กันใหญ่โตก็คราวนี้

(เด็กบ้านดอย, ๒557: 198)

บ้านดอยวันนี้คือดินแดนแห่งจิ๊กโก๋จ๊ิกกี๋ แดนแห่งอบายมุข วัฒนธรรมพ้ืนบ้านถูก
วฒั นธรรมสมัยใหม่ที่มักง่ายฆ่าตายเสียแล้ว นับแต่น้ีบ้านดอยจะแล้งและร้อนจัดเมื่อเข้าแล้ง
ผิวดินจะถูกเซาะพังทลายเม่ือหน้าฝน ลูกหาฟานจะเปน็ เพียงเรื่องเล่าก่อนนอนเทา่ น้ัน…

(เด็กบ้านดอย, ๒557: 216-217)

“บา้ นไรช่ าย
ดง”

ด้านการประกอบอาชีพ

ทานา

“เน้ือดินในหุบถูกเปิดเป็นแผลเว่อ เสียงไม้เดาะ เสียงหักโค่น กิ่งใบและลาต้นล้มลง ดังสนั่น วันแล้ว
วันเล่าเสียงไม้ล้มดังอยู่ เหน็ดเหน่ือยอ่อนแรง นางอิ่นคาปลดงอบมา กระพือลม คมขวานยังคาเนื้อไม้อยู่
นางแบบมือออกพลางหอ่ ปากเป่า ตุ่มแตกใหมท่ ่ีโคนน้ิว หนานแกว้ ผู้ผัวละขวานเขา้ มาพกั อยใู่ กล้ ๆ”

“สูจะเปิดป่าถึงไหนหือ หนานแกว้ ”
“เอาถึงหว้ ยลา่ งพอ เรามาล่าไปหน่อย เอาแผ่นดนิ กว้าง ๆ เอาบ่ได้ปนี ี้”
“ข้ากลวั แตข่ า้ วไมพ่ อกนิ ข้าวไรไ่ มเ่ หมอื นข้าวนา ปลูกมากไดน้ อ้ ย”
“ได้นอ้ ยแตเ่ ราก็ไม่ต้องแบง่ คร่งึ ใคร”

(บา้ นไรช่ ายดง, ๒๕๓๔: ๑๒)

ด้านการประกอบอาชีพ

ทานา

“สูจะเปิดป่าถึงไหนหอื หนานแกว้ ”
“ข้ากลวั แตข่ ้าวไมพ่ อกิน ข้าวไรไ่ ม่เหมอื นขา้ วนา ปลกู มากได้นอ้ ย”

(บ้านไรช่ ายดง, ๒๕๓๔: ๑๒)

ด้านการประกอบอาชีพ

ทานา

“แล้งและแห้ง เดือนหกแก่ ๆ คาบเก่ียวระหว่างมีนากับเมษา การโก่นโค่นเพ่ือเปิดหน้าดินได้
เร่ิมกันอีกครั้ง ที่เก่าท่ีเคยปลูกข้าวคงใช้ไม่ได้...ข้ามน้าให้ดูคนข้างหน้า คาเก่าโบราณกล่าวเตือนไว้อย่าง
นั้น สืบมาเช่นปู่เช่นย่าไม่มีใครลงไร่ซ้าท่ีด้วยว่าดินดอยแม้จะดาแต่มีเน้ือดินบาง ๆ เพียงผิวหน้า ใต้ต่าลง
ไปมักขาดอาหารพืชท่ีจาเป็น อาจเป็นด้วยมันเป็นเนื้อที่ลาดเอียง ใบไม้ใบหญ้าท่ีเน่าหมักหมมถูกฝนซะ
ลงห้วยมากกว่าจะตกตะกอนสะสมอยใู่ นดิน”

“ไร่ใหม่ขยายออกไปเร่ือย ๆ ไร่เก่าถกู ท้งิ รอการขดุ ถากปรับหนา้ ดินให้เป็นนา ”
(บา้ นไรช่ ายดง, ๒๕๓๔: ๑๕๐)

ด้านการประกอบอาชีพ

“หนานแก้วเพียรขนข้ีควายขี้หมูไปสะสมในนาอยู่เร่ือย เถ้าถ่านและใบไม้เน่า ๆ
ก็ใส่เร่ือย นาดอยดินทรายเน้ือดินข้างบนพอมีอาหารพืชก็ถูกถากท้ิงหมดหมด ดนิ ชั้นล่าง
สีแดงบอกความขาดแคลนอัตคัต บิ้งนาส่ีเหลี่ยมสูง ๆ ต่า ๆ บอกว่าการไถจะเป็นไป
ค่อนข้างลาบาก ฝนมาแล้ว ตาหากเป็นฝนหัวปี ตกเพียงสองสามห่าไม่พอใจให้ดินอ่ิมน้า
การไถ่หว่านยังไม่เริ่มขึ้น หัวหน้าครอบครัวเตรียมไถเตรียมแอดกอยู่วันแล้ววันเล่าเพียร
แตง่ เพียรขดั หูเอาคราบสนิมจากใบไถ ”

(บ้านไร่ชายดง, ๒๕๓๔: ๑๖๕)

ด้านการประกอบอาชีพ

จกั สาน

“ฝนซาลง ฝนหัวปีตกหนักแต่มักตกไม่นาน นางอิ่นคาเอาเส้นตอก
มาขัดไขว้ขึ้นรูปกระบุงกระแบงของนางไปตามเรื่อง นางเก่งทางจักสาน
นางสบื ทอดวิชานมี้ าแตพ่ อ่ ผวั ผูล้ วงลับ”

(บ้านไร่ชายดง, ๒๕๓๔: ๑๙)

ด้านการประกอบอาชีพ

จกั สาน

“ข้าว่าจะไปตัดหวาย หวายหมดแลว้ ไมใ่ ชห่ รือ”
“หวายขา้ ตัดเองได้ แต่ไปแม่แนะบ้านลุงอ้ายข้าคร้านไป”
“ตัดหวายก่อนแล้วคอ่ ยไปบ้านลงุ อา้ ยก็แล้วกัน”ฝา่ ยผวั เลื่อนตามองท้องเมยี ”

(บ้านไรช่ ายดง, ๒๕๓๔: ๓๔)

ด้านการประกอบอาชีพ

ตัดไม้

“สจู ะเลอื่ ยไม้หมอ่ นใดหนานแก้ว”
“มอ่ นคาก่า เส่วคามกี ับไอหาญก็เล่อื ย ส่ีคนข้นึ คา้ งเลื่อยคงจะสะดวกข้นึ ”
“ตะก่อนสูเลือ่ ยกันท่ไี หนหอื หนานแกว้ ”
“ป่านอกเลยดอยผาแงม่ ไปหน่อย สูละ่ เสว่ คามี สเู ลื่อยไม้กนั ทกุ ปหี รอื ”
“กเ็ กอื บทกุ ปี ขายบ้างเอาใชบ้ าง วา่ จะไมข่ าย ๆ กไ็ มม่ ชี อ่ งทางทาเงนิ ”

(บ้านไร่ชายดง, ๒๕๓๔: ๑๓๓)

ด้านการประกอบอาชีพ

“เสียดายเลื่อยเสียดายเงิน เล่ือยถูกยึด เงินถูกปรับ ห้าร้อยอาจไม่มาก
แตน่ ึกถึงการอดออมกว่าบาทจะเป็นร้อย”

“ข้ามาคิด ๆ ดู มันยังไง ๆ”แกพูดข้ึน “ข้าตัดไม้มันว่าผิดกฎหมาย ที่
โรงเรื่อยตัดไม้กลับไม่ผิดกฎหมาย มันว่าข้าตัดไม้ทาลายป่า แล้วโรงเร่ือยตัดไม้
ไม่ทาลายป่าหรอื ”

(บา้ นไรช่ ายดง, ๒๕๓๔: ๑๓๗)

ด้านอาหาร

“เชา้ ๆ แดดออ่ น หยดนา้ นอนใบบอนมีประกายกลิง้ ไร่ขา้ วคอ้ มใบ มี
แวววาววูบวาบเมอ่ื นา้ หยด หอบบอนขน้ึ บา้ น หน่ั ใสห่ มอพอมันเขละกล็ ะลาย
มะขามเปียกใสล่ งไป กม้ หน้าเป่าไฟเถ้าฟงุ้ ตกใสห่ ัว ตกใสห่ ม้อแกง”

(บ้านไรช่ ายดง, ๒๕๓๔: ๓๔)

ด้านอาหาร

“มอี ะไรกนิ หอื ส”ู
“แกงหนอ่ ”
“ไมห่ นอ่ กบ็ อน ไมบ่ อนกเ็ ห็ด อยา่ เพิ่งแกงดีกว่า
เด๋ียวขา้ กลบั มา”

(บา้ นไรช่ ายดง, ๒๕๓๔: ๔๓)

ด้านอาหาร

“บ่อยคร้ังดอกครามถูกรดู ไปจิ้มนา้ พรกิ หลายหนดอกนา้ ครั่ง
ถูกเดด็ ไปจมิ้ ปราร้า ดอกไม้หลายดอกกินได้”

(บา้ นไรช่ ายดง, ๒๕๓๔: ๘๔)

ด้านอาหาร

“นางอ่ินคาเอาไม้หีบมาคีบข้าวปุ้น เข่ียถ่านไฟออกมาก่อนวางของว่าง
ชื่อนั้นลงผิง ข้าวปุ้นคือข้าวตาเหนียวหนึบหนับ ผสมด้วยเกลือกับงาเล็กน้อยพอ
เป็นกระสาย ถ้าจะใหค้ รบสูตรต้องผสมไข่ลงไปดว้ ย แต่นางเหน็ ว่าไข่เปน็ ของกิน
จริง สว่ นขา้ วป้นุ เปน็ ของกนิ เล่น ใสไ่ ข่เข้าไปฟุ่มเฟือยเกินตวั ”

(บา้ นไร่ชายดง, ๒๕๓๔: ๑๓๑)

ด้านความเช่ือ

พธิ ีแฮกนา

“น้าถูกชักมาหล่อเล้ียงอยู่ตลอด ปัญหาการอุดตันมีอยู่บ้าง ค่อยปรับปรุงแก้ไขก็ดีขึ้น
เร่ือย ๆ ขงั นา้ อยรู่ ่วมสบิ วนั จนดนิ ออ่ นตวั ก็ทาพธิ ีแฮกนา เอ(บาา้ ดนไอรช่ ากยดธง,ูป๒๕เท๓๔ีย: ๑น๖๘ม) าบอกกลา่ ว
แม่พระธรณีพระโภสพ กรวยใบตองเสียบข้าวตอกมัดติดเขาควายทั้งคู่ วันแรกท่ีลงนา
เปน็ ความตืน่ เตน้ หนานมา นางแสงเอย ตลอดจนผัวเมียคู่ใหมม่ ามงุ ดู”

(บา้ นไรช่ ายดง, ๒๕๓๔: ๑๖๘)

ด้านความเชื่อ

ความเชอ่ื เรือ่ งผี

“จันดตี าเหลอื กแล้วหวดี ร้องคอตกลง สองหนานสบตากันตา่ งมีทา่ อึดอดั
หนานมาขอขา้ วสารมาเสกซดั สว่ นหนานแกว้ ค้นไดส้ ายสิญจ์มาผกู ขอ้ ผกู ขวญั ให้ลูกเมยี ”

“รู้สกึ ถงึ ความกดดันอดั หนักทึบทีส่ ุมทับลงมา กลางปา่ ไม้มันอยู่ยาก แรงผมี ัน
ข่มแรงคน...ความหวาดกลวั ซอ่ นเร้นขยายตัวขน้ึ ทกุ ขณะ”

(บา้ นไร่ชายดง, ๒๕๓๔: ๙๔)

ด้านความเชื่อ

“กวู า่ มึงเอาพระมาสวดถอนส่ีมมุ ไรก่ ็จะดี ปัดเคราะห์ ปดั นาม สรรพะอุปาทวะ
จะไดอ้ ยเู่ ย็นเป็นสขุ มึงเองกบ็ วชมาแล้วหนานแก้ว มึงรูด้ วี า่ แรงผมี ันพ่ายแรงคน”
“เอาไปเอามาหนานแก้วได้พระธุดงค์พเนจรูปหน่ึงมาเสริมครบสี่ ถึงฤกษ์งามยามดี
เงาบุญผ้าเหลืองก็ปลิวผ่านไร่ ปีติตันเอ่อ ท้นคบั อก สายสิญจน์โยงยาวรอบไร่ สัคเคเมโองการ
ชมุ นมุ เทวดาประกาศก้อง นา้ พระพุทธมนตร์ประพรมประพายยังความอบอ่นุ ขนลกุ ซู่”

“ต้งั นไ้ี ปหนา้ ก็อย่ดู ีมสี ุขเน้อ”
(มาลา คาจนั ทร์, ๒๕๓๔: ๑๒๒)

ด้านความเชื่อ

ประเพณแี มก่ าเดือน

“ทุกเช้าและทุกเย็นนางต้องน่ังคร่อมปากหมอ้ ในหม้อมีหินเผาไฟร้อนจัดกับใบเปล้า
สุมทับ พอราดน้าลงไปหินร้อนเผาน้าเป็นไอพุ่งผ่านใบเปล้าไปรมเครื่องคลอด ร่างกายเสีย
เลอื ดเสียยางยังสรา้ งยงั ซ่อมไมเ่ สร็จ นางจงึ ผา่ ยผอมอยู่มาก”

“ใหม้ นั กนิ แตข่ า้ วกบั เกลือนะ” แม่หมอกาชับ “แม่กาเดือนกนิ อย่างอ่ืนบ่ได้ ไม่อยู่คา
กเู ป็นลมผิดเดือนข้ึนมา กูไมร่ ู่ดว้ ยนะเออ”

(บ้านไร่ชายดง, ๒๕๓๔: ๑๐๖)

ด้านที่อย่อู าศยั

“ถ้าสูตกลงอยกู่ ับข้า ห้าปีสิบปขี ้าจะให้สูนอนเรือนไมก้ ระดาน”
“หน้าหนาวปีน้ัน นางอยู่ร่วมเรือนกับมัน ห้าปี สิบปีผ่านไป
กระทั่งมีลกู เป็นโขยงก็ยังนอนเรือนไมไ้ ผ่อยู่นัน่ แหละ”

(บ้านไร่ชายดง, ๒๕๓๔: ๓๘)


Click to View FlipBook Version