The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Jane Nattiphong, 2022-10-12 01:50:40

วิทยาการคำนวณ ม.2

ใบงาน ม (1)

Keywords: วิทยาการคำนวณ ม.2

ระบบคอมพวิ เตอร์ ใบความรู้ท่ี 1 ระบบคอมพวิ เตอร์
Computer System
ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
คือลกั ษณะทางกายของเครื่องคอมพวิ เตอร์
ซึ่งหมายถึงตวั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์และ
อปุ กรณ์รอบข้าง (peripheral) ทเี่ กยี่ วข้อง
โดยฮาร์ดแวร์สามารถแบ่งออกเป็ น 4 ส่วน
ตามประเภทการใช้งาน คือ

หน่วยรับข้อมลู ( input unit )
หน่วยแสดงผลข้อมูล (output unit )
หน่วยเกบ็ ข้อมูลสารอง (storage)
หน่วยประมวลผลกลาง
( Central Processor Unit : CPU)

ซอฟต์แวร์ (Software)
คือ ส่วนของโปรแกรมทที่ าหน้าทเี่ ป็ นคาสั่งในการควบคมุ การทางาน
ของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ให้สามารถทางานตามลาดับข้ันตอน
ซ่ึงแบ่งออกเป็ น 2 ประเภท ดังนี้

ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)

บุคลากร (People)
เป็ นผ้ปู ฏบิ ตั หิ น้าทเี่ กย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์เพ่ือป้อนข้อมูล
หรือใช้คาสั่งกบั คอมพวิ เตอร์ ซ่ึงเป็ นส่ิงสาคญั
ทจ่ี ะเป็ นตวั กาหนดถงึ ประสิทธิภาพ ความสาเร็จ
และความคุ้มค่าในการใช้งานคอมพวิ เตอร์
ได้แก่ โปรแกรมเมอร์ (Programmer) ผู้ใช้ (User)
ผู้บริหารฐานข้อมูล (Database Administrator : DBA)

ข้อมลู สารสนเทศ (Data and Information)
ข้อมูลจานวนมาก อาจอย่ใู นรูปของตวั เลข
ตวั อกั ษร หรือกราฟฟิ ก ซ่ึงเป็ นข้อมูลทตี่ ้องการ
การประมวลผลเพ่ือทราบผลลพั ธ์

กระบวนการ (Procedure)
กระบวนการทางานให้ได้ผลลพั ธ์ตามต้องการ

ใบความรู้ท่ี 2 หลกั การทางานของระบบคอมพวิ เตอร์

หลักการทางาน
ของระบบคอมพวิ เตอร์

หลกั การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งออกเป็ น 4 ข้นั ตอน

ข้นั ตอนที่ 1 รับข้อมูล (input) เป็ นการนาข้อมลู หรือคาส่ังเข้าสู่เคร่ือง คอมพิวเตอร์ โดยผ่านอปุ กรณ์รับข้อมลู ต่างๆ

เช่น การพิมพ์ข้อความ
เข้าสู่เครื่องคอมพวิ เตอร์โดยใช้แป้นพิมพ์ การบนั ทกึ เสียงโดยผ่าน
ไมโครโฟน เป็ นต้น

ข้นั ตอนที่ 2 ประมวลผลข้อมูล (process) เป็ นการนาข้อมูลมา ประมวลผลตามชุดคาสั่งหรือโปรแกรมเพ่ือให้

ได้ผลลพั ธ์ หรือสารสนเทศ
เช่น การนาข้อมูลทร่ี ับเข้ามาหาผลรวม เปรียบเทยี บคานวณเกรดเฉลยี่
ซึ่งอุปกรณ์สาหรับประมวลทสี่ าคญั คือ หน่วยประมวลผลกลาง

ข้นั ตอนที่ 3 จัดเก็บข้อมูล (storage) เป็ นการจัดเกบ็ ข้อมลู ช่ัวคราวใน ขณะทมี่ กี ารประมวลผลแรม รวมถึงจดั เกบ็

ข้อมูลทผี่ ่านการประมวลผลลงใน อุปกรณ์เกบ็ ข้อมลู เช่น ฮาร์ดดสิ ก์ (hard disk) แฟลชไดร์ฟ (flash drive)

ข้นั ตอนท่ี 4 แสดงผลข้อมูล (output) เป็ นการนาผลลพั ธ์ทไี่ ด้จาก รูปแบบของข้อความ ตวั อกั ษร ตวั เลข

การประมวลผลมาแสดงผลลพั ธ์ในรูปแบบทม่ี นุษย์เข้าใจ กล่าวคืออย่ใู น
สัญลกั ษณ์ เสียง โดยผ่านอปุ กรณ์

แสดงผลต่างๆ เช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์ เป็ นต้น

ใบความรู้ท่ี 3 การใช้งานระบบคอมพวิ เตอร์

การใช้งาน หรือใช้งานส่วนตวั ต้องมี
ระบบคอมพวิ เตอร์

การนาระบบคอมพวิ เตอร์ไปใช้ในชิวติ ประจาวนั ท้งั ในการทางาน
การพจิ ารณาความต้องการของผู้ใช้

ซ่ึงสามารถแบ่งประเภทของคอมพวิ เตอร์ให้เหมาะสมกบั การใช้งาน
ออกเป็ น 5 ประเภท คือ

ซุปเปอร์คอมพวิ เตอร์ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์
(Super Computer) (Mainframe Computer)

เวิร์กสเตชั่น คอมพวิ เตอร์ส่วนบคุ คล
(Workstation Computer) (Personal

Computer : PC)

Wearable
Computer

ใบความรู้ท่ี 4 องค์ประกอบของการส่ือสารข้อมูล

องค์ประกอบ

ของการสื่อสารข้อมูล

ผู้ส่ง (Sender)

บุคคล กลุ่มบุคคล อปุ กรณ์ทที่ าหน้าทใ่ี นการจัดส่งข้อมูลข่าวสาร
เป็ นแหล่งกาเนิดของข้อมูลข่าวสารทตี่ ้องการส่งไปยงั ผู้รับสาร

ผู้รับ (Receiver)

ผู้รับ คือ บุคคล กลุ่มบุคคล หรืออุปกรณ์ ทใี่ ช้สาหรับรับข่าวสารทส่ี ่งมาจากผู้ส่ง

ข่าวสาร (Message)

ข้อเทจ็ จริงทผ่ี ้สู ่งต้องการถ่ายทอดไปยงั ผ้รู ับ ข่าวสารประกอบด้วยข้อมูลหรือสารสนเทศทไ่ี ด้ส่งมอบ
ระหว่างกนั ซ่ึงสามารถเป็ นได้ท้งั ข้อมลู ท่ี เป็ นข้อความ ตวั เลข รูปภาพ เสียง วดิ โี อ หรือมลั ตมิ เี ดีย

ส่ือกลาง (Medium)

คือ ส่ิงทท่ี าหน้าทเี่ ป็ นตวั กลางในการนาข้อมลู ข่าวสารจากผู้ส่งสาร ส่งไปยงั ผู้รับสาร เช่น อากาศ สายส่ง
สัญญาณสื่อสาร เป็ นต้น

โพรโตคอล (Protocol)

โพรโตคอล เป็ นกฎเกณฑ์หรือข้อตกลงทใี่ ช้ในการส่ือสารข้อมลู เพื่อให้การสื่อสารข้อมูลทจี่ ะทาให้ผ้สู ่ง
สารและผู้รับสารมคี วามเข้าใจตรงกนั

ใบความรู้ท่ี 5 ทศิ ทางการสื่อสารข้อมลู

ทศิ ทางการส่ือสารข้อมูล

การสื่อสารข้อมลู จากผู้ส่งสารไปยงั ผู้รับสาร
โดยผ่านตวั กลางสามารถจาแนกทศิ ทางการส่ือสาร
ออกเป็ น 3 รูปแบบ ดงั นี้

แบบทศิ ทางเดยี ว (Simplex)

หรือเรียกว่า “การสื่อสารแบบทางเดียว”
(One-way Communication)
เป็ นทศิ ทางการส่ือสารข้อมลู แบบทขี่ ้อมลู จะถูกส่ง
จากทศิ ทางหนึง่ ไปยงั อกี ทศิ ทางโดยไม่สามารถ
ส่งข้อมูลย้อนกลบั มาได้เช่น การกระจายเสียงจากสถานีวทิ ยุ
การเผยแพร่ภาพและรายการต่างๆของสถานโี ทรทศั น์ เป็ นต้น

แบบกงึ่ สองทศิ ทาง ( Half Duplex)

หรือเรียกว่า “การสื่อสารแบบทางใดทางหนง่ึ
(Either-way Communication)” เป็ นทศิ ทาง
การสื่อสารข้อมลู แบบทข่ี ้อมูลสามารถส่งกลบั กนั
ได้ 2 ทศิ ทาง แต่จะไม่สามารถส่งพร้อมกนั ได้
โดยต้องผลดั กนั ส่งคร้ังละทศิ ทางเท่าน้นั
เช่น วทิ ยุส่ือสารแบบผลดั กนั พูด

แบบสองทศิ ทาง (Full Duplex)

หรือเรียกว่า “การสื่อสารแบบสองทาง
(Both-way Communication)” เป็ นทศิ ทางการสื่อสาร
ข้อมูลแบบทข่ี ้อมูลสามารถส่งพร้อม ๆ กนั
ได้ท้งั 2 ทศิ ทาง ในเวลาเดียวกนั เช่น ระบบโทรศัพท์
โดยทค่ี ่สู นทนาสามารถพูดคุยโต้ตอบกนั ได้ในเวลา
เดียวกนั ไม่ต้องกดสวติ ซ์ เพื่อเปลยี่ นสถานะ
ก่อนทจ่ี ะสื่อสาร

ใบความรู้ที่ 6 PAPA

คุณธรรมและจริยธรรม

ในการใช้คอมพวิ เตอร์ (PAPA)

จริยธรรม หมายถงึ "หลกั ศีลธรรมจรรยาทกี่ าหนดขึน้ เพ่ือใช้เป็ นแนวทางปฏบิ ัติ หรือควบคมุ การใช้ระบบคอมพิวเตอร์
และสารสนเทศ"
ในทางปฏบิ ตั แิ ล้ว การระบุว่าการกระทาสิ่งใดผดิ จริยธรรมน้นั
อาจกล่าวได้ไม่ชัดเจนมากนัก ท้งั นี้ ย่อมขึน้ อยู่กบั วฒั นธรรมของสังคม
ในแต่ละประเทศด้วย เม่ือพิจารณาถงึ จริยธรรมเกยี่ วกบั การใช้เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์และสารสนเทศแล้ว จะกล่าวถึงใน 4
ประเดน็ ทรี่ ู้จักกนั ในลกั ษณะตวั ย่อ

P ความเป็ นส่วนตวั
(Information Privacy)

A ความถูกต้อง
(Information Accuracy)

P ความเป็ นเจ้าของ
(Information Property)

A การเข้าถงึ ข้อมลู
(Data Accessibility)

ความเป็ นส่วนตวั (Information Privacy)
ความเป็ นส่วนตวั ของข้อมูลและสารสนเทศ โดยทวั่ ไปหมายถงึ สิทธทิ จ่ี ะอยู่ตามลาพังและเป็ นสิทธทิ เี่ จ้าของสามารถทจี่ ะ
ควบคุมข้อมูลของตนเองในการเปิ ดเผยให้กบั ผู้อ่ืน

ความถูกต้อง (Information Accuracy)
ในการใช้คอมพวิ เตอร์เพื่อการรวบรวม จดั เกบ็ และเรียกใช้ข้อมลู น้นั คุณลกั ษณะทสี่ าคญั ประการหนึ่งคือความน่าเชื่อถือ
ได้ของข้อมลู

ความเป็ นเจ้าของ (Information Property)
ในสังคมของเทคโนโลยสี ารสนเทศมกั จะกล่าวถงึ การละเมดิ ลขิ สิทธ์ิซอฟต์แวร์ เม่ือท่านซื้อโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทมี่ กี าร
จดลขิ สิทธ์ิ

การเข้าถงึ ข้อมลู (Data Accessibility)
คือการป้องกนั การเข้าไปดาเนนิ การกบั ข้อมูลของผ้ใู ช้ทไ่ี ม่มสี ่วนเกย่ี วข้อง และเป็ นการรักษาความลบั ของข้อมูล

ใบความรู้ที่ 7 ทรัพย์สินทางปัญญา

ทรัพย์สินทางปัญญา

Intellectual Property

ทรัพย์สินทางปัญญา

คือ ผลงานอนั เกดิ จากความคดิ สร้างสวรรค์
ของมนุษย์ เป็ นทรัพย์สินอกี ชนดิ หน่งึ นอกเหนือ
จากสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินทสี่ ามารถเคล่ือนย้ายได้ เช่น นาฬิกา รถยนต์ เป็ น
ต้น
และอสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินทไี่ ม่สามารถเคล่ือนย้ายได้ เช่น บ้าน ทด่ี ิน

ลขิ สิทธ์ิ Copyright

เป็ นทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิแต่เพยี งผู้เดยี วทีจ่ ะกระทาการใด ๆ เกี่ยวกบั งานทผี่ ู้
สร้างสรรค์ได้ริเริ่ม
โดยการใช้สตปิ ัญญาความรู้ ความสามารถ และความวริ ิยะอตุ สาหะของตนเองในการ
สร้างสรรค์ โดยไม่
ลอกเลียนงานของผู้อื่น โดยงานท่สี ร้างสรรค์ต้องเป็ นงานตามประเภทที่กฎหมาย
ลิขสิทธ์ิให้คุ้มครอง

ผู้สร้างสรรค์จะได้รับความค้มุ ครองทันทีทสี่ ร้างสรรค์โดยไม่ต้องจดทะเบยี น

สิทธิบัตร

คอื หนังสือสาคญั ท่รี ัฐออกให้เพ่ือคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบ
ผลิตภัณฑ์ทมี่ ลี ักษณะตามที่กฎหมายกาหนด

ใบความรู้ท่ี 8 การออกแบบอลั กอริทึม (Algorithm)

Algorithm

การออกแบบอัลกอริทึม

การออกแบบอลั กอริทมึ (Algorithm) เป็ นการพัฒนาแนวทางแก้ปัญหาอย่างเป็ นข้นั เป็ นตอน เพ่ือดาเนินตามที
ละข้นั ตอน
ในการแก้ไขปัญหา การออกแบบข้นั ตอนการทางานของโปรแกรม
หรือการออกแบบอลั กอริทมึ เป็ นการออกลาดบั 3 ลกั ษณะ
คือ การใช้ภาษาธรรมชาติ การใช้รหสั จาลอง และการใช้ผงั งาน

การออกแบบข้ันตอนการทางาน
โดยใช้ภาษาธรรมชาติ (Natural Language)
เป็ นการบรรยายข้ันตอนการทางานของโปรแกรมใดๆ โดยใช้ภาษามนุษย์ทเี่ ข้าใจง่าย เพ่ืออธิบาย
ลาดบั ข้ันตอนการทางานของโปรแกรมตามลาดบั การทางานก่อนหลงั

การออกแบบข้นั ตอนการทางาน
โดยใช้รหสั จาลอง ( Pseudo Code)
เป็ นรูปแบบภาษาทม่ี โี ครงสร้างทช่ี ัดเจนและกระชับ เพ่ือใช้อธบิ ายข้ันตอนการทางานของโปรแกรม
ใดๆ โดยไม่ขนึ้ กบั ภาษาของโปรแกรมใดโปรแกรมหนงึ่ และสามารถแปลงรหัสจาลองเป็ น
ภาษาคอมพวิ เตอร์ได้ง่าย

การออกแบบข้นั ตอนการทางาน
โดยใช้ผงั งาน (Flowchart)
เป็ นการใช้ภาพสัญลกั ษณ์เพื่อแสดงลาดบั ข้นั ตอนการทางานของโปรแกรม ซ่ึงเป็ นวธิ ีทน่ี ิยมใช้
เพราะทาให้เห็นภาพในการทางานของโปรแกรมได้ง่าย และเมื่อมขี ้อผดิ พลาดสามารถตรวจสอบจาก
ผงั งาน ซ่ึงจะทาให้การแก้ไขหรือปรับปรุงโปรแกรมทาได้ง่ายขนึ้ โดยสัญลกั ษณ์ทใ่ี ช้ในการออกแบบ
ข้นั ตอนการทางานโดยใช้ผงั งาน

ใบความรู้ที่ 9 รหสั จาลอง ( Pseudo Code)

Pseudo Code

รหัสจาลอง

การออกแบบข้นั ตอนการทางาน
โดยใช้รหัสจาลอง (Pseudo Code)
เป็ นรูปแบบภาษาท่ีมโี ครงสร้างทชี่ ัดเจนและกระชับ
เพื่อใช้อธิบายข้นั ตอนการทางานของโปรแกรมใดๆ
โดยไม่ขนึ้ กบั ภาษาของโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง
และสามารถแปลงรหัสจาลองเป็ นภาษาคอมพวิ เตอร์ได้ง่าย
ตัวอย่างความหมายของรหัสจาลอง

ใบความรู้ท่ี 10 ผังงาน (Flowchart)

Flowchart
ผงั งาน

การออกแบบข้นั ตอนการทางานโดยใช้ผังงาน (Flowchart)
เป็ นการใช้แผนภาพสัญลกั ษณ์เพื่อแสดงลาดบั ข้นั ตอน
การทางานของโปรแกรม ซ่ึงเป็ นวิธีท่นี ิยมใช้ เพราะทาให้เห็น
ภาพในการทางานของโปรแกรมได้ง่าย และเม่ือมีข้อผิดพลาด
สามารถตรวจสอบจากผงั งาน ซ่ึงจะทาให้การแก้ไข
หรือปรับปรุงโปรแกรมทาได้ง่ายขึน้ โดยสัญลักษณ์ท่ีใช้
ในการออกแบบข้นั ตอนการทางานโดยใช้ผังงาน มีดังนี้

ใบความรู้ที่ 11 โครงสร้างการทางานของโปรแกรม

โครงสร้างการทางานของโปรแกรม

การทางานของโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ทถี่ ูกสร้าง หรือพฒั นาขนึ้ มา
จะมโี ครงสร้างการทางานภายในโปรแกรมแตกต่างกนั
บางโปรแกรมกม็ กี ระบวนการทางานทง่ี ่าย ไม่สลบั ซับซ้อน
บางโปรแกรมกม็ กี ระบวนการทางานทยี่ ากและมคี วามซับซ้อน
ซึ่งในทางโปรแกรมได้แบ่งโครงสร้างการทางานโปรแกรม
ได้หลายลกั ษณะ ดงั นี้

1. โครงสร้างแบบเรียงลาดบั (Sequential Structure)
เป็นลกั ษณะโครงสร้างพ้ืนฐานของผงั งานทกุ ผงั งาน ลกั ษณะ
การทางานของโครงสร้างผงั งานแบบลาดบั จะทางานทลี ะข้นั ตอน ต้งั แต่ข้นั ตอนแรกจนถึงข้นั ตอนสุดทา้ ย
ลาดบั การทางานของผงั งาน
จะทางานตามทิศทางของลูกศร

2. โครงสร้างแบบทางเลือก (Selection Structure)
โครงสร้างท่ีมีเง่ือนไข ข้นั ตอนการทางานบางข้นั ตอน ตอ้ งมกี ารตดั สินใจ โครงสร้างผงั งานการทางาน
แบบเลือกทา ใชส้ าหรับกรณี
ทตี่ อ้ งการตดั สินใจเพอ่ื เลือกข้นั ตอนการทางานทเี่ หมาะสมกบั ขอ้ มลู
ท่ที าการประมวลผลในขณะน้นั โครงสร้างผงั งานการเลือกทาประกอบดว้ ยสญั ลกั ษณข์ องการตดั สินใจ 1
สัญลกั ษณ์
เพ่ือใชส้ าหรับการตดั สินใจสาหรับเลือกการทางานท่ตี อ้ งทา
เป็นลาดบั ถดั ไป การทางานหลงั จากการตรวจสอบเงื่อนไข

3. โครงสร้างแบบทาซา้ (Repetition Structure)
ลกั ษณะโครงสร้างผงั งานการทางานแบบทาซ้า ใชป้ ระโยชน์
ในกรณีท่ตี อ้ งการทางานอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงซ้ากนั หลายคร้ัง
โครงสร้างผงั งานแบบทาซ้าจะประกอบไปดว้ ยสัญลกั ษณ์
การตดั สินใจ ใชส้ าหรับตรวจสอบเงื่อนไขเพอื่ ตดั สินใจวา่
จะเขา้ สู่ข้นั ตอนการทาซ้าหรือไม่

ใบความรู้ที่ 12 Python

PYTHON

ภาษาไพทอน เป็ นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทม่ี โี ครงสร้างและไวยากรณ์ค่อนข้างง่าย ไม่ซับซ้อน
ทาให้ง่ายในการทาความเข้าใจ มกี ารทางานแบบ Interpreter คือเป็ นการแปลชุดคาส่ัง
ทลี ะบรรทดั เพ่ือป้อนเข้าสู่หน่วยประมวลผลให้คอมพิวเตอร์ทางานตามทเี่ ราต้องการ

ตวั อย่างโปรแกรมทใี่ ช้ภาษา Python ในการใช้งาน เช่น Google, YouTube, Instagram, Dropbox
และ NASA

ตวั ดาเนินการ

ทใ่ี ช้ในการเขยี นภาษาไพทอน

1. ตวั แปรในภาษาไพทอน ตวั แปร คือ สัญลกั ษณ์ในลกั ษณะคาภาษาองั กฤษทผ่ี ้พู ฒั นาโปรแกรม
หรือผ้เู ขียนโปรแกรมหรือผู้เขียนโปรแกรมต้งั ชื่อน้นั ขึน้ มาเองเพื่อใช้เกบ็ ข้อมูลต่างๆ ในชุดคาสั่ง
ภาษาโปรแกรมหรือโค้ดโปรแกรม

2. รหสั ควบคมุ (Escape Sequence) คือ รหัสพเิ ศษทแ่ี ทรกไว้ในข้อมลู ตวั อกั ษร เพ่ือใช้ควบคมุ
การแสดงผลของตวั อกั ษรออกมาทางจอภาพในลกั ษณะต่างๆ ซ่ึงการใช้งานรหสั ควบคมุ จะต้องมี
เคร่ืองหมาย \ (Back – Slash) นาหน้าเสมอ

3. ตวั ดาเนินการ (Operator) เป็ นเครื่องหมาย หรือ อกั ขระทใี่ ช้สาหรับคานวณ หรือประมวลผล
ต่างๆ โดยในภาษาไพทอนมตี วั ดาเนินการหลายชนิด ได้แก่ ตวั ดาเนินการทางคณติ ศาสตร์ตวั
ดาเนินการสาหรับกาหนดค่า ตวั ดาเนนิ การเปรียบเทยี บ และตวั ดาเนนิ การตรรกะ

ใบความรู้ ที่ 13 การใช้งานฟังก์ชันในโปรแกรมไพทอน

การใช้งานฟังก์ชัน

ในโปรแกรมไพทอน

ฟังก์ชันคาสั่งแสดงผลทางหน้าจอ

ในภาษาไพทอนคาสั่งทใ่ี ช้แสดงผลออกมาทางหน้าจอ
คือ ฟังก์ชัน print( )
ซ่ึงมรี ูปแบบการใช้งาน 2 รูปแบบ ดังนี้
print(ข้อมลู ) ข้อมูลทอี่ ยู่ในวงเลบ็ สามารถเป็ นได้ท้งั ตวั เลข ตวั อกั ษร ตวั แปร หรือนพิ จน์ และหากมกี ารใช้งาน
ตวั แปรหลายตวั ต้องใส่เครื่องหมาย ( , ) คนั่ ระหว่างตวั แปรเสมอ
ตวั อย่าง print("Hello”)

print(“ข้อมลู ทมี่ กี ารแทรกรหสั รูปแบบข้อมูล” ตาแหน่งรหัสรูปแบบข้อมูล) การใช้ฟังก์ชัน print( ) ในลกั ษณะ
นี้ จะมกี ารแทรกรหัสรูปแบบข้อมลู ไว้ในข้อมลู ทจ่ี ะแสดงผล
ตวั อย่าง print("Area is ",area)

ฟังก์ชันคาส่ังรับข้อมูลทางแป้นพมิ พ์

ในภาษาไพทอนคาสั่งทใี่ ช้รับข้อมู
ทางแป้นพมิ พ์ คือ input( )
โดยข้อมลู ทไี่ ด้รับเข้ามาน้นั จะเป็ นข้อมลู ชนิดข้อความ
หากต้องการใช้งานข้อมลู ทร่ี ับเข้ามาเป็ นข้อมลู ชนิดอ่ืน
เช่น เลขจานวนเตม็ จาเป็ นต้องแปล ข้อมูลทเี่ ป็ นข้อความ
ทรี่ ับเข้ามาจากแป้นพมิ พ์เป็ นข้อมูลชนดิ อื่นก่อนเสมอ
ตวั แปร = input(ข้อความ)
- ตวั แปร คือ ตวั แปรทใ่ี ช้เกบ็ ข้อมลู ทร่ี ับจากทางแป้นพมิ พ์
- ข้อความ คือ ข้อความประกอบการรับข้อมูล

ใบงานที่ 1.1 หลกั การทางานของระบบคอมพิวเตอร์

คาชี้แจง : ให้นักเรียนเขียนช่ืออปุ กรณ์คอมพิวเตอรใ์ ห้ตรงกบั การทางาน ตาม
ระบบของคอมพิวเตอรใ์ ห้ได้มากท่ีสดุ

รบั ขอ้ มลู ประมวลผลขอ้ มลู แสดงผลข้อมลู จดั เกบ็ ขอ้ มลู
Input Process Output Storage

คาชี้แจง : ใบงานที่ 1.2 แผนผงั องคป์ ระกอบของการสื่อสารข้อมูล

ให้นักเรียนยกตวั อย่างการสื่อสารข้อมูล พร้อมวาดภาพ
เพ่ือแสดงองคป์ ระกอบของการส่ือสารข้อมลู

ใบงานท่ี 2.1 บญั ญตั ิ 10 ประการ ของผใู้ ชค้ อมพิวเตอร์

คาชี้แจง : ให้นักเรยี นเขียนบญั ญตั ิ 10 ประการ ของผใู้ ช้คอมพิวเตอร์
โดยห้ามเปิ ดหาข้อมลู ใดๆ

บญั ญตั ิ 10 ประการ ของผ้ใู ช้คอมพิวเตอร์

ใบงานท่ี 2.2 Password

คาชี้แจง : ให้นักเรยี น ทดลองตงั้ รหสั ผ่านแบบคาดเดาได้งา่ ย แบบคาด เดาได้ระดบั ปาน
กลาง และแบบคาดเดาได้ยาก

ความปลอดภยั ระดบั ตา่

ความปลอดภยั ระดบั ปานกลาง

ความปลอดภยั ระดบั สงู

ใบงานท่ี 2.3 แนวทางการปฏิบตั ิเมอื่ พบเน้ือหาไม่เหมาะสม

คาชี้แจง : ให้นักเรยี น หาข้อมูลเก่ียวกบั แนวทางการปฏิบตั ิเม่ือพบเนื้อหา ไม่
เหมาะสมในรปู แบบต่างๆ

รปู แบบของเนื้อหาเก่ียวกบั การพนัน

รปู แบบของเนื้อหาเกี่ยวกบั สื่อ

รปู แบบของเนื้อหาเก่ียวกบั การหลอกลวง

รปู แบบของเนื้อหาเกี่ยวกบั การคกุ คาม หรือ การข่มขู่

ใบงานท่ี 2.4 ลิขสิทธ์ิ

คาชี้แจง : ให้นักเรยี น ตอบคาถามให้ถกู ต้อง
ยรู ิต้องทารายงานส่งครู โดยเนื้อหารายงานนัน้ ครบู งั คบั ให้ใส่รปู ที่ตวั เองถ่ายเท่านัน้ ยรู ิเป็นคนขี้เกียจ
จึงไปหารปู ภาพทางออนไลน์ท่ีไม่ใช่ของตนเองแล้วใส่ไปในรายงานและไม่ระบทุ ่ีมา การกระทาของยรู ิ
ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธ์ิหรอื ไม่ อย่างไร?

แนนโน๊ะต้องการใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรสั อนั ใหม่ เพราะโปรแกรมแอนตี้ไวรสั เดิมหมดอายุ แนนโน๊ะจึง
ไปซื้อแผน่ โปรแกรม ณ ร้านค้าแห่งหน่ึง
ท่ีคดั ลอกโปรแกรมเอนตี้ไวรสั เพื่อจาหน่าย การกระทาของแนนโน๊ะถอื เป็นการละเมิดลิขสิทธ์ิหรอื ไม่
อย่างไร?

อคั รวินท์ชนะเลิศการประกวดเรยี งความ ได้ออกข่าวทีวีช่อง 7 สี ถามว่า ข่าวที่อคั รวินท์ออกทีวีช่อง 7
สี สามารถจดลิขสิทธ์ิได้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด

ผลงานทางด้านกราฟฟิ กสามารถทาการจดทะเบยี นลิขสิทธ์ิได้หรอื ไม่อย่างไร

มีวิธีการป้องกนั อย่างไร เพื่อไม่ให้ผอู้ ่ืนมาลอกเลียนแบบงานของเรา

เฉลย ใบงานที่ 2.4 ลิขสิทธ์ิ

คาชี้แจง : ให้นักเรียน ตอบคาถามให้ถกู ต้อง

ยรู ิต้องทารายงานส่งครู โดยเนื้อหารายงานนัน้ ครบู งั คบั ให้ใส่รปู ท่ีตวั เองถา่ ยเท่านัน้ ยรู ิเป็นคนขีเ้ กียจ

จึงไปหารปู ภาพทางออนไลน์ที่ไม่ใช่ของตนเองแล้วใส่ไปในรายงานและไม่ระบุท่ีมา การกระทาของยรู ิ
ถอื เป็นการละเมิดลิขสิทธ์ิหรอื ไม่ อย่างไร?

ถือเป็นการละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ เพราะยรู มิ ีสว่ นรว่ มในสนบั สนนุ ใหก้ ารกระทาการละเมิดลขิ สทิ ธิ์
ดว้ ยการซือ้ ของละเมิดลขิ สทิ ธิ์

แนนโน๊ะต้องการใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรสั อนั ใหม่ เพราะโปรแกรมแอนตี้ไวรสั เดิมหมดอายุ แนนโน๊ะจึง
ไปซื้อแผน่ โปรแกรม ณ ร้านค้าแห่งหนึ่ง
ท่ีคดั ลอกโปรแกรมเอนตี้ไวรสั เพ่ือจาหน่าย การกระทาของแนนโน๊ะถือเป็นการละเมิดลิขสิทธ์ิหรือไม่
อย่างไร?

ถือเป็นการละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ เพราะการนารูปของคนอ่ืนที่ไม่ใชข่ องตนเอง ตอ้ งอา้ งองิ
แหลง่ ท่ีมาทกุ ครงั้

อคั รวินทช์ นะเลิศการประกวดเรยี งความ ได้ออกข่าวทีวีช่อง 7 สี ถามว่า ข่าวที่อคั รวินท์ออกทีวีช่อง 7
สี สามารถจดลิขสิทธ์ิได้หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด

ไม่ได้ เพราะเป็นขา่ วประจาวนั และขอ้ เท็จจรงิ ต่าง ๆ ที่มีลกั ษณะเป็นเพียงขา่ วสาร
อนั มใิ ชง่ านในแผนกวรรณคดี แผนกวทิ ยาศาสตร์ หรอื แผนกศลิ ปะ ท่ีไมถ่ ือเป็นลขิ สทิ ธิ์

ผลงานทางด้านกราฟฟิ กสามารถทาการจดทะเบยี นลิขสิทธ์ิได้หรอื ไม่อย่างไร

ได้ เพราะเป็นศลิ ปกรรม อย่างหนึ่ง ที่เป็นศลิ ปะประยกุ ต์ ท่ีสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์
ในการตกแต่ง อยา่ งอื่นได้

มีวิธีการป้องกนั อย่างไร เพื่อไม่ให้ผอู้ ่ืนมาลอกเลียนแบบงานของเรา

จดสทิ ธิบตั ร เพ่ือคมุ้ ครองผลงานท่ีออกแบบสรา้ งสรรค์

คาชี้แจง : ใบงานท่ี 2.5 การละเมิดลิขสิทธ์ิ

ให้นักเรียนยกตวั อย่างการกระทาท่ีเป็นการละเมิดลิขสิทธ์ิ
โดยอธิบายว่า เป็นการละเมิดลิขสิทธ์ิอย่างไร

ใบงานที่ 3.1 แนวคิดการแยกยอ่ ย

คาชี้แจง : ต้มยาก้งุ ใช้วตั ถดุ ิบอะไรบ้าง? และมีขนั้ ตอนการทาอย่างไร?

Decomposition

วตั ถดุ ิบที่ใช้ ขนั้ ตอนการทา

คาชี้แจง : ใบงานที่ 3.2 แนวคิดการหารปู แบบ

ให้นักเรียนใช้แนวคิดการหารปู แบบ แล้วตอบคาถามให้ถกู ต้อง

แนนโน๊ะ ต้องการหาชดุ กระโปรงสีชมพใู นต้เู สือ้ ผา้
แต่ปรากฏวา่ แนนโน๊ะหาไมเ่ จอ จงึ ต้องรอื้ เสื้อผา้

ออกมากองไว้ข้างนอกต้เู สื้อผา้ ทงั้ หมด
นักเรียนมวี ิธีการจดั เรียงเสือ้ ผา้ ให้แนนโน๊ะ อยา่ งไร

เพื่อให้แนนโน๊ะหาเสือ้ ผา้ ได้ง่ายท่ีสดุ
โดยใช้แนวคิดการหารปู แบบ

คณุ ครอู ญั ญาวีรส์ งั่ ให้นายอคั รวินทจ์ ดั แถวเพ่ือนร่วมชนั้
ตามลาดบั ความสงู ปรากฏว่านายอคั รวินท์

จดั แถวได้ช้ามากทาให้เสียเวลาในการเรียน
นักเรยี นมวี ิธีการแกป้ ัญหาให้นายอคั รวินทอ์ ยา่ งไร

เฉลย ใบงานที่ 3.2 แนวคิดการหารปู แบบ

คาชี้แจง : ให้นักเรียนใช้แนวคิดการหารปู แบบ แล้วตอบคาถามให้ถกู ต้อง

แนนโน๊ะ ต้องการหาชดุ กระโปรงสีชมพใู นต้เู สือ้ ผา้
แต่ปรากฏว่าแนนโน๊ะหาไม่เจอ จงึ ต้องรอื้ เสือ้ ผา้

ออกมากองไวข้ ้างนอกต้เู สื้อผา้ ทงั้ หมด
นักเรยี นมวี ิธีการจดั เรยี งเสื้อผา้ ให้แนนโน๊ะ อยา่ งไร

เพ่ือให้แนนโน๊ะหาเสื้อผา้ ได้ง่ายที่สดุ
โดยใช้แนวคิดการหารปู แบบ

หาวตั ถปุ ระสงคใ์ นการคน้ หา แบง่ กลมุ่ เสอื้ ผา้ ตาม
วตั ถปุ ระสงค์ และจดั เรยี งเสอื้ ผา้ ตามที่แบ่งกลมุ่

คณุ ครอู ญั ญาวรี ส์ งั่ ให้นายอคั รวินทจ์ ดั แถวเพอ่ื นร่วมชนั้
ตามลาดบั ความสงู ปรากฏวา่ นายอคั รวินท์
จดั แถวได้ช้ามากทาให้เสียเวลาในการเรยี น

นักเรียนมวี ิธีการแกป้ ัญหาให้นายอคั รวินทอ์ ย่างไร

กลมุ่ นกั เรียนท่ีมีความสงู นอ้ ยกวา่ ตาแหนง่ หลกั ตาแหน่งหลกั กลมุ่ นกั เรยี นที่มีความสงู
มากกวา่ หรอื เทา่ กบั ตาแหนง่ หลกั

ใบงานท่ี 3.3 แนวคิดเชิงนามธรรม

คาชี้แจง : ให้นักเรยี นใช้แนวคิดเชิงนามธรรม แล้วตอบคาถามให้ถกู ต้อง

แนนโน๊ะ ต้องการหาชดุ กระโปรงสีชมพใู นต้เู สื้อผา้
แต่ปรากฏวา่ แนนโน๊ะหาไม่เจอ จงึ ต้องรอื้ เสื้อผา้

ออกมากองไวข้ า้ งนอกต้เู สื้อผา้ ทงั้ หมด
นักเรียนมวี ิธีการจดั เรียงเสื้อผา้ ให้แนนโน๊ะ อย่างไร

เพอ่ื ให้แนนโน๊ะหาเสื้อผา้ ได้งา่ ยท่ีสดุ
โดยใช้แนวคิดการหารปู แบบ

คณุ ครอู ญั ญาวีรส์ งั่ ให้นายอคั รวินทจ์ ดั แถวเพ่ือนร่วมชนั้
ตามลาดบั ความสงู ปรากฏวา่ นายอคั รวินท์
จดั แถวได้ช้ามากทาให้เสียเวลาในการเรียน

นักเรียนมวี ิธีการแก้ปัญหาให้นายอคั รวินทอ์ ย่างไร

เฉลย ใบงานที่ 3.3 แนวคิดเชิงนามธรรม

คาชี้แจง : ให้นักเรยี นใช้แนวคิดเชิงนามธรรม แล้วตอบคาถามให้ถกู ต้อง

แนนโน๊ะ ต้องการหาชดุ กระโปรงสีชมพใู นต้เู สื้อผา้
แต่ปรากฏว่าแนนโน๊ะหาไม่เจอ จงึ ต้องรอื้ เสื้อผา้

ออกมากองไวข้ า้ งนอกต้เู สื้อผา้ ทงั้ หมด
นักเรียนมีวิธีการจดั เรียงเสื้อผา้ ให้แนนโน๊ะ อย่างไร

เพือ่ ให้แนนโน๊ะหาเสื้อผา้ ได้งา่ ยท่ีสดุ
โดยใช้แนวคิดการหารปู แบบ

การจดั เรียงเสอื้ ผา้ จะสนใจแค่การแบง่ กลมุ่ เสอื้ ผา้ ตามวตั ถปุ ระสงค์ สง่ิ ท่ีสนใจ คือ ประเภทของ
เสอื้ ผา้ และสง่ิ ที่ไมส่ นใจ หรอื ไม่จาเป็นต่อการจดั เรียงเสอื้ ผา้ เช่น ขนาด ย่ีหอ้

คณุ ครอู ญั ญาวีรส์ งั่ ให้นายอคั รวินทจ์ ดั แถวเพอื่ นร่วมชนั้
ตามลาดบั ความสงู ปรากฏว่านายอคั รวินท์
จดั แถวได้ช้ามากทาให้เสียเวลาในการเรียน

นักเรยี นมวี ิธีการแกป้ ัญหาให้นายอคั รวินทอ์ ยา่ งไร

การเรียงลาดบั ความสงู ของนกั เรยี นซง่ึ จะสนใจแคล่ าดบั ความสงู เท่านนั้ และไม่สนใจสง่ิ ท่ีไม่
จาเป็นตอ่ การจดั แถวของนกั เรยี น เช่น ชื่อ นามสกลุ เพศ อายุ นา้ หนกั

ใบงานที่ 3.4 แนวคิดการออกแบบขนั้ ตอนวิธี

คาชี้แจง : ให้นักเรยี นแก้ปัญหาตามท่ีโจทยก์ าหนดให้ โดยใช้แนวคิดการออกแบบขนั้ ตอนวิธี

โจทย์ ครตู ้องการคานวณ คะแนนต่าสดุ และคะแนนเฉลย่ี ของนกั เรยี นในหอ้ งเรยี น โดยมขี อ้ มลู เขา้ และ ขอ้ มลู
ออก ดงั น้ี
ข้อมูลเข้า : รายการคะแนนสอบของนกั เรยี น 30 คน
ข้อมลู ออก : คะแนนสงู สุด คาแนนต่าสุด คะแนนเฉลย่ี

เฉลย ใบงานที่ 3.4 แนวคิดการออกแบบขนั้ ตอนวิธี

คาชี้แจง : ให้นักเรยี นแก้ปัญหาตามท่ีโจทยก์ าหนดให้ โดยใช้แนวคิดการออกแบบขนั้ ตอนวิธี

โจทย์ ครตู ้องการคานวณ คะแนนต่าสุด และคะแนนเฉลย่ี ของนกั เรยี นในหอ้ งเรยี น โดยมขี อ้ มลู เขา้ และ ขอ้ มลู
ออก ดงั น้ี
ข้อมลู เข้า : รายการคะแนนสอบของนกั เรยี น 30 คน
ข้อมลู ออก : คะแนนสงู สดุ คาแนนต่าสุด คะแนนเฉลย่ี

ขนั้ ตอนวธิ ี : หาคา่ สงู ที่สดุ ของขอ้ มลู ในรายการ
ขอ้ มลู นาเขา้ : รายการขอ้ มลู
ขอ้ มลู ออก : คา่ สงู สดุ ของขอ้ มลู
1. พจิ ารณาขอ้ มลู ตวั แรก ให้ Max มีค่าเป็นขอ้ มลู ดงั กลา่ ว
2. พจิ ารณาขอ้ มลู ตวั ถดั ไปทีละจานวน เรียกขอ้ มลู ตวั ท่ีกาลงั พจิ ารณาวา่ X
ถา้ X > Max แลว้ ให้ Max <------ X
3. ตอบวา่ คา่ สงู ท่ีสดุ คือ Max

ใบงานท่ี 4.1 อลั กอริทึม

คาชี้แจง : เขียนอลั กอริทึมแบบแบบภาษาธรรมชาติ ตามที่โจทยก์ าหนดให้

คานวณหาอตั ราแลกเปลย่ี นเงนิ ไทยเป็นเงนิ ดอลลาร์
โดยการรบั คา่ เงนิ ไทยทต่ี อ้ งการคานวณเป็นเงนิ ดอลลาร์
และอตั ราแลกเปลย่ี นเงนิ ไทยเป็นเงนิ ดอลลารท์ างแป้นพมิ พ์

แลว้ แสดงผลเงนิ ดอลลารท์ ค่ี านวณไดท้ างหน้าจอ

เฉลย ใบงานท่ี 4.1 อลั กอริทึม

คาชี้แจง : เขียนอลั กอริทึมแบบแบบภาษาธรรมชาติ ตามท่ีโจทยก์ าหนดให้

คานวณหาอตั ราแลกเปลย่ี นเงนิ ไทยเป็นเงนิ ดอลลาร์
โดยการรบั คา่ เงนิ ไทยทต่ี อ้ งการคานวณเป็นเงนิ ดอลลาร์
และอตั ราแลกเปลย่ี นเงนิ ไทยเป็นเงนิ ดอลลารท์ างแป้นพมิ พ์

แลว้ แสดงผลเงนิ ดอลลารท์ ค่ี านวณไดท้ างหน้าจอ

1. เริ่มทางาน

2. นาเข้าข้อมูลอตั ราแลกเปล่ียน
3. นาเข้าข้อมูลเงินบาท
4. คานวณเงินดอลลาร์ = เงินบาท /อตั ราแลกเปลี่ยน
5. แสดงผลเงินดอลลาร์
6. จบการทางาน

ใบงานท่ี 4.2 รหสั จาลอง ( Pseudo Code)

คาชี้แจง : เขียนอลั กอริทึมแบบรหสั จาลองตามท่ีโจทยก์ าหนดให้ในใบงานที่ 4.1

เฉลย ใบงานที่ 4.2 รหสั จาลอง ( Pseudo Code)

คาชี้แจง : เขียนอลั กอริทึมแบบรหสั จาลองตามที่โจทยก์ าหนดให้ในใบงานที่ 4.1

1. START

2. INPUT rate
3. INPUT baht
4. COMPUTER dollar = baht/rate”
5. OUTPUT dollar
6. STOP

ใบงานท่ี 4.3 ผงั งาน (Flowchart

คาชี้แจง : เขียนอลั กอริทึมแบบผงั งานตามท่ีโจทยก์ าหนดให้ในใบงานที่ 4.1

เฉลย ใบงานที่ 4.3 ผงั งาน (Flowchart)

คาชี้แจง : เขียนอลั กอริทึมแบบผงั งานตามท่ีโจทยก์ าหนดให้ในใบงานท่ี 4.1

START

rate

baht
dollar = baht/rate

dollar

STOP

คาชี้แจง : ใบงานท่ี 4.4 โครงสรา้ งแบบเรยี งลาดบั

เขียนคาสงั่ ควบคมุ โครงสร้างการทางานแบบเรยี งลาดบั
โดยใช้อลั กอริทึมแบบผงั งาน

คาชี้แจง : ใบงานท่ี 4.5 โครงสรา้ งแบบทางเลือก

เขียนคาสงั่ ควบคมุ โครงสร้างการทางานแบบทางเลือก
โดยใช้อลั กอริทึมแบบผงั งาน

ใบงานที่ 4.6 Flowgorithm

คาชี้แจง : ให้นักเรยี นค้นคว้าหาความรู้ ศึกษาวิธีการใช้งาน Flowgorithm นามาสรปุ เป็น
วิธีการใช้งาน Flowgorithm

ใบงานที่ 4.7 Flowgorithm Design

คาชี้แจง : ออกแบบการทางานของโปรแกรมคานวณหาค่าพื้นท่ีสามเหลี่ยมโดย รบั ค่าฐานและสงู

จากคียบ์ อรด์ โดยให้ผเู้ รยี นออกแบบในใบงาน ครา่ วๆ และนาไปออกแบบด้วยโปรแกรม

Flowgorithm

เฉลย ใบงานท่ี 4.7 Flowgorithm Design

คาชี้แจง : ออกแบบการทางานของโปรแกรมคานวณหาค่าพืน้ ที่สามเหล่ียมโดย รบั ค่าฐานและสงู

จากคียบ์ อรด์ โดยให้ผ้เู รยี นออกแบบในใบงาน ครา่ วๆ และนาไปออกแบบด้วยโปรแกรม

Flowgorithm

ผูเ้ รยี นตอ้ งทำกำรวเิ ครำะหโ์ จทยท์ ไี่ ดร้ บั กอ่ นกำรเรม่ิ ตน้ กำรเขยี นโปรแกรม ซงึ่ เมอื่ วเิ ครำะหโ์ จทย ์

แลว้ จะไดเ้ ป็ น
ตวั แปรท่ีจะตอ้ งจดั เตรยี ม
ประกาศตวั แปร
base ใชเ้ ก็บคา่ ความยาวฐานของสามเหลีย่ ม
high ใชเ้ กบ็ คา่ ความสงู ของสามเหลยี่ ม
area ใชเ้ กบ็ คา่ ผลลพั ธท์ ่ีเกิดจากการประมวลผล
ขนั้ ตอนการทางานของโปรแกรม
รบั คา่ ความยาวฐาน -> รบั คา่ ความสงู -> คานวณ -> แสดงผล

เมอื่ นาไปเขยี นใน Flowgorithm

START

Input base
Input high

area = 0.5*base*high

Output Area

STOP

ใบงานที่ 4.8 การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน (Python)

คาชี้แจง : ให้นักเรยี นตอบคาถามเกี่ยวกบั การเขียนโปรแกรม
ด้วยภาษาไพทอน (Python) ให้ถกู ต้องครบถว้ น

ตวั แปรในภาษาไพทอน

รหสั ควบคมุ และรหสั รปู แบบข้อมลู

ตวั ดาเนินการ

การใช้งานฟังกช์ นั
การใช้รหสั รปู แบบข้อมูลร่วมกบั ฟังกช์ นั

คาชี้แจง : ใบงานท่ี 4.9 โปรแกรมคานวณเกรดเฉล่ีย

ให้นักเรยี นวิเคราะหก์ ารออกแบบโปรแกรมคานวณเกรดเฉล่ีย

วิเคราะหค์ วามต้องการ

วิเคราะห์ข้อมูลนาออก (Output)

วิเคราะหว์ ิธีการประมวลผล (Process)

การวิเคราะหข์ ้อมลู นาเข้า (Input)

การวิเคราะห์ตวั แปร

ใบงานที่ 4.9 การออกแบบขนั้ ตอนการทางานของโปรแกรม

คาชี้แจง : ให้นักเรียนออกแบบขนั้ ตอนการทางานของโปรแกรม โดยใช้ภาษาธรรมชาติ และผงั งาน

เฉลย ใบงานท่ี 4.9 การออกแบบขนั้ ตอนการทางานของโปรแกรม

คาชี้แจง : ให้นักเรยี นออกแบบขนั้ ตอนการทางานของโปรแกรม โดยใช้ภาษาธรรมชาติ และผงั งาน


Click to View FlipBook Version