The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงานวิทยาศาสตร์น้ำยาล้างจาน.docx

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nongjiknfe123456789, 2022-11-28 10:34:03

โครงงานวิทยาศาสตร์น้ำยาล้างจาน.docx

โครงงานวิทยาศาสตร์น้ำยาล้างจาน.docx

โครงงานวิทยาศาสตร์
เรอื่ ง  นำ้ ยาลา้ งจานจากมะนาว
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565

จัดทำโดย
นกั ศกึ ษาระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้

นายมูฮมั หมัดอาลฟี อาแว 6322-00237-6
นายแวบรู ฮาน แบรอ 6512-00236-6
นายซอบรี มูซอ 6512-00409-8
นายอับดลุ รอมาน เจะหะ 6512-00410-0
นายมฮู ัมหมดั เปาซี หะยดี อื ราแม 6512-00416-4
นายมาสตา มะแซ 6512-00420-3
นายอาหมดั เจะเตะ 6512-00421-2
นายมะยาลี มะแซ 6512-00422-1

ครูท่ปี รึกษาโครงงาน

นางสาวรสุ มี บารอสิดกิ ครูผชู้ ว่ ย
นายอบั ดือเลาะ หะยยี โู ซะ ครู กศน.ตำบล

นางสาวซากียะห์ กลาแต ครอู าสาฯ ประจำสถาบนั ศกึ ษาปอเนาะ

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอหนองจกิ
สำนกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดปตั ตานี

บทคดั ย่อ
โครงงานเร่อื ง น้ำยาลา้ งจานจากกรดมะนาว นจ้ี ัดทำข้ึนเพ่อื ตอ้ งการศึกษาค้นควา้ เกยี่ วกบั ความเปน็
กรดของนำ้ มะนาว ทส่ี ามารถชำระลา้ งสงิ่ สกปรกไดด้ ีพอๆ กับนำ้ ยาล้างจานท่ีมสี ารเคมีหรอื ไม่ ตน้ ทุนตำ่ และไมม่ ี
สารตกคา้ ง เพราะใช้วตั ถุดบิ จากธรรมชาติ อย่างนำ้ มะนาว นำ้ ด่าง นำ้ เกลอื และหวั เช้อื นำ้ ยา โดยมีข้ันตอนการ
ศึกษาค้นควา้ โดยนำหวั เชื้อลงไปกวนในถงั โดยใชไ้ ม้กวนไปทางเดมิ ห้ามกวนสวนทาง และใสน่ ำ้ มะกรดู นำ้ ดา่ ง
น้ำเกลอื ลงไปทลี ะนิดสลับกนั จนหมดกวนซกั พกั ทิ้งไว้ และเม่ือนำไปล้างจานจะเกดิ ผลอยา่ งไร ผลปรากฏวา่ เม่ือ
นำไปล้างจานจะสะอาดพอๆกับน้ำยาลา้ งจานทมี่ ีสารเคมี มีต้นทุนที่ตำ่ กวา่ สามารถทำใชเ้ องได้ภายในบ้าน ทำให้
ประหยัดคา่ ใชจ่ า่ ยภายในบา้ นดว้ ย

กิตตกิ รรมประกาศ  
ในการทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง น้ำยาลา้ งจานจากกรดมะนาว ในคร้งั
นี้  คณะผู้จดั ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ไดร้ ับความอนเุ คราะห์จากบุคคลภายนอก ได้แก่ ชาวบ้านในแถบพ้ืนทใี่ กล้
เคยี ง ทใี่ ห้คำแนะนำปรึกษาเกย่ี วกับกรดมะนาวที่ชาวบ้านไดท้ ำการผลติ กันขึ้นมาเองจากวัตถดุ ิบ ทปี่ ลอดสารเคมี
และไดใ้ ห้คำแนะนำในเรอ่ื งของการทำน้ำยาล้างจาน วธิ กี ารทำสบอู่ ย่างถูกต้องและถูกวิธีตลอดจนอธบิ ายถึงการเตรี
ยมอุปกรณ์ต่างๆทจี่ ำเปน็ ต้องใช้ในการนำมาทำน้ำยาล้างจานและสามารถนำไปลงมอื ปฏิบตั ิจริง 
ในการจัดทำโครงงานชน้ิ น้ีและไดค้ ำแนะนำปรกึ ษาในการทำโครงงานอย่างเป็นกนั เอง รวมทัง้ แนวคิด
ตลอดจนข้อบกพร่องต่างๆทต่ี อ้ งแกไ้ ข ทำให้คณะผู้จัดทำสามารถแก้ไขปญั หาทเี่ กิดขึน้ ในการทำโครงงานชิ้นน้ีได้
จนโครงงานเรื่องนี้เสร็จสมบรู ณ์ คณะผ้จู ัดทำจึงขอกราบขอบพระคณุ เปน็ อย่างสูงมา ณ โอกาสนี้

ผจู้ ดั ทำ

บทท ี่ 1
บทนำ

ทม่ี าและความสำคญั

นำ้ ยาลา้ ง
จาน คือสารชำระล้าง (detergent) ท่ใี ช้ชว่ ยในการลา้ งจาน มสี ว่ นผสมของสารลดแรงตงึ ผวิ  (surfactant) ท่มี กี ารร
ะคายเคอื งต่ำ ประโยชนห์ ลักของน้ำยาลา้ งจานคือใช้ล้างภาชนะและเครือ่ งครวั ด้วยมือหลงั จากประกอบหรอื
รับประทานอาหารแลว้ นำ้ ยาลา้ งจานทำใหส้ งิ่ สกปรกและไขมันหลดุ จากภาชนะและรวมตวั เป็นอี
มลั ชัน (emulsion) อย่ใู นน้ำหรอื ฟอง (foam) เนือ่ งจากโมเลกลุ ของนำ้ ยาล้างจานประกอบดว้ ยสว่ นทม่ี ขี ้วั และไมม่ ี
ขว้ั เช่นเดยี วกับผงซักฟอก ส่วนท่มี ขี วั้ จะจบั กับโมเลกลุ ของนำ้ และส่วนท่ีไมม่ ขี ้ัวจะจบั กับสงิ่ สกปรกใหห้ ลุดออก ใน
สมัยก่อนมชี อ่ื เรียกอน่ื ๆ เชน่  สบู่ล้างจาน หรอื  ครมี ลา้ งจานเนอ่ื งจากเคยผลติ ในรูปของสบแู่ ละครีมมาก่อน ปจั จบุ นั
นำ้ ยาลา้ งจานมสี ว่ นผสมอืน่ รวมอยดู่ ว้ ย
เช่น นำ้ มะนาวหรือชา ซ่งึ เช่ือวา่ เปน็ การชว่ ยใหภ้ าชนะสะอาดมากขนึ้ และถนอมมอื มากกว่าเดมิ  
(ทีม่ า:http://th.wikipedia.org)

ปัญหาทพ่ี บไดบ้ อ่ ยท่ีเกดิ จากการล้างจานไม่สะอาด ทำให้มเี ศษอาหารหลงเหลอื ติดอยสู่ ว่ นใดส่วน
หนึ่งของจานเม่อื เวลาผ่านไปเศษอาหารท่ีเหลอื เหลา่ น้ันอาจเนา่ เสยี ได้เปน็ สาเหตใุ หเ้ กดิ โรคต่างๆ ได้ สาเหตทุ ่ีเกดิ
จากการเนา่ เสยี ของอาหารได้แก่
แบคทีเรยี

จลุ นิ ทรยี ท์ ี่มขี นาดเลก็ มรี ปู รา่ งตา่ งๆ กัน เช่น เกลยี ว กระบอกหรอื ทอ่ น กลมซง่ึ อาจเกาะเรยี งตวั กัน
เป็นสายหรอื กลุ่ม แบคทีเรยี มกี ารเจรญิ เพ่มิ จำนวนโดยการแบง่ เซลล์ โดยเฉล่ียทสี่ ภาวะเหมาะสม จะเพม่ิ จำนวน
เปน็  2 เท่าทุก 20-30 นาที ดงั น้ันหากในอาหารมแี บคทเี รียปนเปื้อนเพียง 1 เซลล์ ภายใน 10 ชว่ั โมง จะมีจำนวน
แบคทีเรยี มากกว่า 1 ลา้ นเซลล์ อาหารท่ีมแี บคทเี รยี ปนเปอ้ื นอยู่ในระดบั น้ี จะเกิดการเน่าเสยี เกิดขน้ึ อย่างเห็นได้
ชัด ตวั อย่างแบคทเี รียทท่ี ำใหอ้ าหารเนา่ เสยี เชน่  Pseudomonas Acinetobacter, Moraxella,
Flavobacterium เปน็ ตน้ แบคทเี รียทท่ี ำให้อาหารเกิดการเน่าเสียอาจแบ่งเปน็ กลุ่มๆได้ โดยอาจพจิ ารณาจาก
ความสามารถในการย่อยสลายประเภทอาหาร และผลติ ภัณฑท์ ี่เกดิ ข้นึ
ยีสต์

จลุ นิ ทรยี ท์ ี่มขี นาดใหญก่ ว่าแบคทีเรยี เซลลม์ รี ปู รา่ งหลายลักณะ เชน่ กลม รี เปน็ ต้น สว่ นใหญเ่ พิ่ม
จำนวนโดยการแตกหนอ่ ยีสต์เจริญไดด้ ีในอาหารทม่ี ีน้ำตาลสูง เชน่ น้ำผลไม้ แยม ผลไม้แชอ่ มิ่ หรือแห้ง รวมท้งั
อาหารท่ีมปี ริมาณเกลือมาก เชน่ ผักดอง แฮม เบคอน และเนอ้ื เคม็ สปอร์ของยีสต์ไมท่ นความร้อนเหมือนกับ
สปอรข์ องแบคทีเรีย นอกจากน้ี ยีสตย์ ังมเี อนไซม์ทย่ี อ่ ยสลายกรดอินทรีย์ต่างๆทใ่ี ช้ในการถนอมอาหาร เชน่ กรด
แล็กติก กรดแอซีตกิ ได้ ทำให้กรดมีความเข้มขน้ ลดลง ทำใหอ้ าหารมสี ภาวะเหมาะสมต่อการเจริญของแบคทีเรียได้
อาหารที่เกิดการเน่าเสียจากยีสตม์ ักเกิดกลน่ิ หมกั เมอื ก หรือฝา้ บรเิ วณผวิ หนา้ รวมท้ังเกดิ ความขุน่ และแกส๊ ได้
ตัวอยา่ งยสี ต์ทีท่ ำใหอ้ าหารเน่าเสีย เช่น Saccharomyces, Pichia, Torulopsis เปน็ ต้น

รา
จลุ นิ ทรียท์ ี่พบอยทู่ ัว่ ไป มีรปู รา่ งลกั ษณะ และสตี า่ งๆกนั ราเปน็ สาเหตสุ ำคัญทที่ ำให้ผกั ผลไม้ และ

อาหารแห้ง ผลิตภณั ฑ์ขนมอบ เกดิ การเน่าเสีย มสี ี กลนิ่ ท่ีผดิ ปกติ และราบางชนิดเชน่  Aspergillus flavus ยงั
สามารถสรา้ งสารพิษอะฟลาทอกซินข้นึ ในอาหารได้ โดยทัว่ ไปราเจริญได้ช้ากวา่ แบคทเี รียและยีสต์ แตเ่ มอ่ื ราเจริญ
ได้สกั ระยะหนงึ่ ก็จะเจรญิ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ราสามารถทนตอ่ สภาวะที่ไมเ่ หมาะสมได้ดี เช่น มคี วามชน้ื น้อย ความ
เปน็ กรด จงึ เปน็ ปัญหาในโรงงานอตุ สาหกรรมอาหารมาก ตัวอยา่ งราท่ีทำให้เกดิ การเนา่ เสยี ของอาหาร
เช่น Aspergillus, Penicillium, Rhizopus เป็นต้น
แหล่งของจุลนิ ทรยี ์

จุลนิ ทรียเ์ ปน็ สง่ิ มชี ีวติ ทพ่ี บไดท้ ว่ั ไปตามธรรมชาติในสภาพแวดล้อมทมี่ ีความเหมาะสมสำหรบั การ
เจริญของจลุ ินทรียแ์ ตล่ ะชนดิ แหล่งท่ีอยอู่ าศยั ตามธรรมชาติของจุลนิ ทรียส์ ามารถจดั แบง่ เป็น แหล่งที่อยตู่ าม
ธรรมชาตทิ างกายภาพและทางชวี ภาพ ซง่ึ การทราบถงึ แหลง่ ที่อยอู่ าศยั ของจลุ ินทรีย์จะช่วยทำให้ทราบถึงการแพร่
กระจายหรอื การปนเป้ือนขา้ มของจลุ นิ ทรีย์สู่วตั ถดุ บิ ทางการเกษตรหรอื อาหาร

(ท่มี า: http://ajarncharoen.wordpress.com/)

วัตถปุ ระสงค์
1.เพอ่ื ทราบค่าคุณภาพของกรดจากมะนาว ที่นำมาทำเปน็ น้ำยาลา้ งจาน

ขอบเขตของการศึกษา
ดา้ นระยะเวลา
1 ธนั วาคม – 30 ธนั วาคม 2559 รวมระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา ค้นคว้า และทดลองท้ังหมด 30

วัน
ด้านเนือ้ หา
         ในการศกึ ษาทดลองโครงงานนมี้ ุ่งศึกษาการทำน้ำยาจากสมนุ ไพรทีใ่ ช้สว่ นผสมท่ีมีความแตก

ต่างกนั เพื่อเปรยี บเทียบและศกึ ษาคน้ ควา้ ต่อไป
ผลท่คี าดว่าจะไดร้ บั

1.  สามารถสร้างนำ้ ยาล้างจานจากกรดจากมะนาวที่สามารถเพ่มิ ประสิทธิภาพใหก้ ับนำ้ ยาลา้ งจานได้
มากขึน้

2.  สามารถรู้ไดว้ ่าการใชก้ รดจากมะนาวทำให้ล้างจานได้สะอาดขน้ึ  

บทท ่ี 2
เอกสารท่เี กยี่ วข้อง

การศกึ ษากรดจากนำ้ มะนาวมาทำน้ำยาล้างจานมวี ัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ศกึ ษาคณุ ภาพว่าสามารถชว่ ยเพ่มิ
ประสิทธภิ าพให้น้ำยาลา้ งจานได้ดีขึน้ หรอื ไม่ ผ้ศู ึกษาได้ทำการค้นควา้ ข้อมลู ท่ีเกย่ี วข้อง ดงั มหี วั ขอ้ ต่อไปน้ี

1. ความสำคัญของน้ำยาล้างจาน
2. สารตา่ งๆ ทีอ่ ยใู่ นน้ำยาล้างจาน
3. ประโยชน,์  โทษของน้ำยาลา้ งจาน และการดแู ลรกั ษาเม่อื เกิดอาหารผดิ ปกตทิ เ่ี กิดจากน้ำยาล้าง
จาน

1.ความสำคญั ของน้ำยาล้างจาน
นำ้ ยาล้าง
จาน คอื สารชำระลา้ ง (detergent) ที่ใชช้ ว่ ยในการล้างจาน มสี ว่ นผสมของสารลดแรงตึงผิว (surfactant) ทมี่ กี ารร
ะคายเคืองตำ่ ประโยชนห์ ลกั ของน้ำยาลา้ งจานคือใช้ลา้ งภาชนะและเครื่องครวั ด้วยมอื หลงั จากประกอบหรอื
รบั ประทานอาหารแล้ว น้ำยาลา้ งจานทำใหส้ ่งิ สกปรกและไขมนั หลดุ จากภาชนะและรวมตวั เปน็ อี
มัลชนั  (emulsion) อยใู่ นนำ้ หรอื ฟอง (foam) เนอ่ื งจากโมเลกลุ ของนำ้ ยาลา้ งจานประกอบดว้ ยสว่ นทม่ี ีขว้ั และไม่มี
ขว้ั เชน่ เดยี วกบั ผงซกั ฟอก สว่ นทีม่ ีขว้ั จะจับกับโมเลกุลของนำ้ และสว่ นท่ีไมม่ ขี ้วั จะจบั กบั สิ่งสกปรกใหห้ ลดุ ออก ใน
สมยั ก่อนมชี ่ือเรยี กอน่ื ๆ เชน่  สบูล่ ้างจาน หรอื  ครีมลา้ งจานเนอ่ื งจากเคยผลิตในรปู ของสบแู่ ละครีมมากอ่ น ปัจจุบนั
นำ้ ยาลา้ งจานมีส่วนผสมอื่นรวมอยูด่ ้วย
เชน่  น้ำมะนาวหรอื ชา ซึง่ เช่อื ว่าเปน็ การชว่ ยให้ภาชนะสะอาดมากข้ึนและถนอมมอื มากกวา่ เดิม

2.สารต่างๆ ทอ่ี ยู่ในนำ้ ยาลา้ งจาน
นำ้ ยาล้างจาน Linear Alkylbenzene Sulfonates, Sodium Salt (LAS)  จดั เป็นสารลดแรงตึงผวิ
ชนดิ ประจุลบ (anionic surfactant) LAS เป็นสารผสมของสารทม่ี ีจำนวนคารบ์ อนอยู่
ระหว่าง 10-14  อะตอมบนสายอลั คิล (alkyl chain) ซง่ึ ตอ่ กบั วงแหวนเบนซินทตี่ ำแหนง่ พารา 1 LAS   ในรปู ของ
เกลือโซเดยี มจดั เปน็ สารสำคญั ในผลิตภณั ฑท์ ำความสะอาดเสอื้ ผ้า และ ผลิตภณั ฑ์ลา้ ง

จาน  ในความเข้มขน้ ระหว่าง 5-25 % 2 เนอื่ งจาก LAS สามารถทำใหส้ ิง่ สกปรก หรือคราบไขมันหลดุ จากผวิ ของ
ผา้ หรือจานชามได้ 

3. ประโยชน,์  โทษของน้ำยาล้างจาน และการดแู ลรักษาเมอื่ เกิดอาหารผดิ ปกตทิ เี่ กิดจากนำ้ ยาล้างจาน
ประโยชน์    ใช้ทำความสะอาดภาชนะหรือเคร่อื งใชใ้ นครวั  
อาการเม่อื เป็นพษิ   ความเปน็ พษิ ของสารน้ตี ่อมนุษยจ์ ดั ว่าเป็นพิษนอ้ ย โดยทั่วไปอาจกอ่ ใหเ้ กดิ
อาการระคายเคอื งต่อผวิ หนงั หรอื ตาได้เล็กนอ้ ย ในการทดลองการกอ่ การระคายเคอื งของสารนตี้ ่อผิวหนังและตา
ในกระต่าย พบว่าสารนส้ี ามารถก่อให้เกดิ การระคายเคอื งท่ีตาไดใ้ นความ
เขม้ ขน้  5% สว่ นท่ีผวิ หนังต้องใช้ในความเข้มข้นท่สี งู ประมาณ 47-50%  ส่วนความเป็นพษิ เมอ่ื รับประทานนัน้ ตอ้ ง
ไดร้ ับสารนใ้ี นความเข้มข้นมากกวา่  65%3   และจากการทดลองในหนูพบวา่ ปรมิ าณสารมากที่สุดท่ยี ังปลอดภยั
เมื่อรบั ประทาน คอื  85 มิลลกิ รมั ต่อกโิ ลกรัมตอ่ วนั 4 อาการเปน็ พษิ ทพ่ี บได้ในหนูจะพบความผดิ ปกติ ดงั น้ี เดนิ
โซเซ ขนต้งั ชนั การหายใจลดลง งว่ งซมึ หนงั ตาตก ทอ้ งเสีย เป็นตน้
การปฐมพยาบาล
- กรณีรบั ประทาน หา้ มทำใหอ้ าเจียน  ให้รบี ดม่ื นำ้ หรือนมมาก ๆ  เพือ่ ลดการดดู ซึม แลว้ รบี นำผู้
ป่วยสง่ แพทยท์ ันที
- กรณีเขา้ ตา ให้รบี ลา้ งตาดว้ ยน้ำมาก ๆ  จนอาการระคายเคอื งตาหาย
ไป  หากไมด่ ีขึน้ ควรนำผปู้ ว่ ยพบแพทย์

ขอ้ ควรระวัง (คำเตอื น)
-ห้ามรบั ประทาน
-ระวงั อย่าให้เข้าตา ควรเก็บในทม่ี ิดชดิ ใหห้ า่ งจากเดก็ และอาหาร

บทที ่ 3
วธิ ีการศกึ ษา

การศึกษาการนำสมุนไพรมาทำน้ำยาลา้ งจานมีวัตถปุ ระสงคเ์ พื่อศกึ ษาคณุ ภาพวา่ สมนุ ไพรชนิดใดท่ี
สามารถเพิ่มประสทิ ธิภาพใหก้ ับน้ำยาล้างจานไดม้ ากกว่ากันคณะผู้รายงานกำหนดขนั้ ตอน/วธิ กี ารศกึ ษาไว้ ดังน้ี
วสั ดุ อุปกรณแ์ ละเครื่องมอื ทใ่ี ช้

1.กรดมะนาว                              2.ผงฟอง

                      4. F-24(สารขจัดคราบมนั )                                         
3. N8000               

   
             5. สารกันบดู                                       6.ถงั น้ำ

                           7.สผี สมอาหาร                                  8.นำ้ เปล่า

     10.ผงขน้
9.น้ำมะนาว    

วธิ ีการ/ข้นั ตอนการศกึ ษา
1.ขัน้ เตรยี ม
1.1 เตรียมนำ้ จากมะนาว
1.2 เตรยี มวสั ดุอุปกรณใ์ หค้ รบ
2.ขั้นดำเนนิ การ

2.1 นำนำ้ เปลา่ ผสมสีผสมอาหารเล็กน้อยต้งั ท้งิ ไว้    

2.2 นำน้ำเปลา่ ผสมกบั ผงฟองทิ้งไว้ 30 นาที



2.3 นำF-24 เทลงในถงั                              
2.4 ตามดว้ ยผงข้น

2.6 แล้วนำ N8000 เทตามลงไป                                   
2.7 ใสส่ ผี สมอาหารตามทต่ี อ้ งการ

2.8 ใสส่ ารกันบดู และน้ำมะนาว                                   
2.9 เติมนำ้ เปล่า

2.10 คนส่วนผสมไปเรอื่ ย ๆ ใหเ้ ข้ากนั               
2.11 ตกั ใสบ่ รรจุภัณฑแ์ ลว้ กเ็ ปน็ อันเสร็จ
                                          
3.ขั้นสรปุ และรายงานผล
3.1 นำนำ้ ยาล้างจานทีไ่ ด้ทดลองล้างจาน แลว้ ดูความสะอาด
3.2 บันทึกผลทีไ่ ดจ้ ากการทดลอง 

บทท่ ี 4
ผลการศกึ ษา
          การศึกษาการนำน้ำมะนาวมาเป็นสว่ นผสมในการทำนำ้ ยาลา้ งจานมีวัตถปุ ระสงคเ์ พื่อศกึ ษาวา่ น้ำมะนาวจะ
มคี ุณภาพท่สี ามารถเพิ่มประสิทธภิ าพใหน้ ้ำยาล้างจานได้มาขึ้นหรือไม่ มีผลการศกึ ษา ดงั น้ี
        การทำน้ำยาลา้ งจานจากกรดมะนาวน้นั ช่วยใหผ้ ูจ้ ดั ทำโครงงานได้ความรูแ้ ละได้เรยี นร้วู ิธกี ารทำเพอ่ื เป็น
ประโยชนใ์ นอนาคต อกี ทง้ั ช่วยประหยัดรายจ่ายจากการท่ีตอ้ งไปซ้อื นำ้ ยาลา้ งจานจากท้องตลาดอีกด้วย

บทที่ 5
สรปุ ผลการศึกษา
           การศึกษาการนำน้ำมะนาวมาเป็นสว่ นผสมในการทำน้ำยาล้างจานมวี ัตถปุ ระสงคเ์ พอื่ ศกึ ษาวา่ คุณภาพ
ของนำ้ มะนาวจะสามารถเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพให้นำ้ ยาลา้ งจานได้มากข้ึนได้หรือไม่
สามารถสรุปผลการศกึ ษาได้ดังน้ี
อภปิ รายและสรปุ ผล
         จากการที่เราไดศ้ ึกษา และ ไดผ้ ลติ น้ำยาลา้ งจานจากมะนาวออกมาใชน้ นั้ มีประสิทธภิ าพในการชำระสิง่
สกปรก ซึง่ น้ำยาล้างจานของเรามสี ่วนผสมของนำ้ ดา่ งซง่ึ มฤี ทธิ์เป็นเบสช่วยในการชำระล้างสง่ิ สกปรก ส่วนมะกรูด
นัน้ มีฤทธ์เิ ปน็ กรดซึ่งทำปฏกิ ิริยากบั ไขมนั จึงชว่ ยขจัดความมนั และกลน่ิ คาว เกลือชว่ ยขจัดสิง่ สกปรก ส่วนหวั
เช้ือ N8000 ชว่ ยให้นำ้ ยาลา้ งจานของเรามฟี องน่าใชด้ ังนน้ั นำ้ ยางลา้ งจานท่ีเราผลติ ขึ้นน้ีจงึ เปน็ ผลิตภัณฑ์ทำความ
สะอาดทางเลือก ใหมท่ ่ดี ีอกี ทางหน่ึง

บรรณานกุ รม
          กานดา ว่องไวลิขติ  “ ผลิตภัณฑท์ ำความสะอาดสูตรไหนดี ” , วารสารฉลาดซ้ือ , ฉบับท่ี 9 , 
หนา้  42-44 ,2538.


Click to View FlipBook Version