โครงงาน
เร่อื ง กระถางต้นไม้จากซเี มนต์โฟม
จดั ทำโดย
นางสาวอามเี นาะ ดาสายะ รหัสนกั ศึกษา 6423-00282-2
นางสาวอาซรู า มะลี รหัสนักศกึ ษา 6413-00012-0
นางสาวรุสนีดา มะลี รหัสนกั ศกึ ษา 6413-00113-6
ครทู ี่ปรึกษา
นางสาวสุลัยนยี ์ หะยยี ุนุ ตำแหน่ง ครผู ชู้ ่วย
กศน.ตำบลลิปะสะโง
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอหนองจกิ
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดปตั ตานี
บทคดั ย่อ (Abstract)
ชื่อเร่ือง กระถางตน้ ไม้จากซีเมนต์โฟม
ช่ือผูจ้ ัดทำ นางสาวอามีเนาะ ดาสายะ
นางสาวอาซรู า มะลี
นางสาวรุสนดี า มะลี
สถานท่ีดำเนินการ กศน.ตำบลลิปะสะโง อำเภอหนองจิก จงั หวัดปัตตานี
ชอื่ ครูท่ปี รึกษา นางสาวสลุ ัยนีย์ หะยยี นุ ุ
จากสถานการณ์ขยะพลาสติก ที่เป็นปัญหาต่อสภาวะแวดล้อมอย่างมากในปัจจุบันนับตั้งแต่ถุง
พลาสติกกล่องโฟม โฟมกันกระแทกต่างๆ ในครัวเรือนโดยทั่วไปอาจกำจัดโดยการทิ้งลงขยะและการนำไปเผา
ทำลายซึ่งก่อให้เกิดปัญหาควันไฟ กลิ่นเหม็นจากการเผา ฝุ่นละอองขนาดเล็กบางส่วนจะลอยขึ้นไปใน
บรรยากาศชั้นสูง ทำให้เกิดปัญหาโลกร้อนได้คณะผู้จัดทำโครงงานได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้คิดหา
วิธีการกำจัดขยะพลาสติกพลาสติกประเภทโฟมที่ผลิตจากพลาสติกโพลีสตรัยรีน (PS Foam) เป็นขยะที่พบได้
บ่อยครั้งในบ้านเรือน คณะผู้จัดทำโครงงานไดท้ ำการย่อยโฟมออกเปน็ ช้ินเล็กๆแลว้ นำไปผสมกับปูนซเิ มนต์และ
ได้นำ มาทำเป็นกระถางสำหรับปลูกต้นไม้ ใช้ประโยชน์ในบ้านเรือน ก็จะเป็นแนวทางในการลดขยะประเภท
โฟม ได้ดีอกี ทางหน่งึ
กิตตกิ รรมประกาศ
การจัดทำโครงงานเรื่องกระถางต้นไม้จากซีเมนต์โฟม นี้ได้ประสบความสำเร็จด้วยดี เนื่องจากได้รับ
ความอนุเคราะห์ในการให้คำปรึกษาในด้านต่างๆ ในระหว่างการดำเนินการจากบุคคลหลายท่านที่ได้ให้ความ
ช่วยเหลือและให้คำปรึกษา รวมทั้งข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการทำโครงงานครั้งนี้ ซึ่งบุคคลเหล่านี้
ประกอบไปด้วย นายแวอูเซ็ง อาเก๊ะ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอหนองจิก นางสาวสุลัยนีย์ หะยียุนุ ครูผู้ช่วย
และนางสาวยาวาเฮ ปูเตะ ครู กศน.ตำบลลปิ ะสะโง
ขอขอบพระคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการให้ ข้อมูลและเป็นที่ปรึกษาในการทำ
รายงานฉบับนี้จนเสร็จสมบูรณ์ ตลอดจนให้การดูแลและตรวจแก้ไขรายงานฉบับนี้ให้สำเร็จสมบูรณ์ยิ่งข้ึน
ซง่ึ ผจู้ ัดทำขอขอบพระคณุ เปน็ อย่างสูงไว้ ณ ทนี่ ้ีด้วย
คณะผู้จดั ทำ
สารบัญ หนา้
ก
บทคดั ย่อ ข
กติ ตกิ รรมประกาศ ค
สารบญั
1
บทที่ 1 บทนำ 1
1.1 ความเปน็ มาของโครงงาน 1
1.2 วัตถปุ ระสงคข์ องโครงงาน 1
1.3 ขอบเขตของโครงงาน 1
1.4 ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะได้รับจากโครงงาน
2
บทท่ี 2 หลักการที่เกี่ยวข้อง 2
2.1 การประดษิ ฐ์ 2
2.2 โฟม 2
2.3 พลาสตกิ 5
2.2 ซเี มนต์
6
บทที่ 3 อุปกรณแ์ ละวิธกี ารศึกษา 6
3.1 วสั ดอุ ปุ กรณ์ 6
3.2 วธิ ีการศึกษา
7
บทที่ 4 ผลการศึกษา
8
บทท่ี 5 สรปุ ผลและขอ้ เสนอแนะ 8
5.1 สรุปผล 8
5.2 ข้อเสนอแนะ
9
บรรณานกุ รม
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก เครื่องมอื ทใ่ี ชใ้ นการทำสิง่ ประดิษฐ์
ภาคผนวก ข ขน้ั ตอนการทำส่ิงประดษิ ฐ์
บทท่ี 1
บทนำ
1.1 ความเป็นมาของโครงงาน
เน่ืองจากปจั จุบนั สถานการณ์ขยะโฟม ทเี่ ป็นปัญหาต่อสภาวะแวดล้อมอยา่ งมากในปจั จบุ นั นับตั้งแต่ถุง
พลาสติกกล่องโฟม โฟมกันกระแทกต่างๆ ในครัวเรือนโดยทั่วไปอาจกำจัดโดยการทิ้งลงขยะและการนำไปเผา
ทำลายซึ่งก่อให้เกิดปัญหาควันไฟ กลิ่นเหม็นจากการเผา ฝุ่นละอองขนาดเล็กบางส่วนจะลอยขึ้นไปใน
บรรยากาศชั้นสูง ทำให้เกิดปัญหาโลกร้อนได้คณะผู้จัดทำโครงงานได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้คิดหา
วิธีการกำจัดขยะพลาสติกประเภทโฟมที่ผลิตจากพลาสติกโพลีสตรัยรีน (PS Foam) เป็นขยะที่พบได้บ่อยครั้ง
ในบ้านเรือน คณะผู้จัดทำโครงงานได้ทำการย่อยโฟมออกเปน็ ชิ้นเล็กๆแลว้ นำไปผสมกับปูนซเิ มนต์และได้นำมา
ทำเป็นกระถางสำหรบั ปลกู ตน้ ไม้ ใชป้ ระโยชนใ์ นบา้ นเรอื น กจ็ ะเปน็ แนวทางในการลดขยะประเภทโฟม ได้ดีอีก
ทางหนง่ึ
1.2 วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน
1. เพ่อื นำขยะโฟมมาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์
2. เพอ่ื จะไดส้ ่งิ ประดษิ ฐ์ที่สามารถนำไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้
1.3 ขอบเขตของโครงงาน
1. ส่ิงที่ศึกษา โครงงานเร่อื งกระถางต้นไมจ้ ากซเิ มนตโ์ ฟม
2. ระยะเวลา วันท่ี 1 - 4 เดอื น กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565
3. สถานท่ี กศน.ตำบลลิปะสะโง
1.4 ประโยชน์ท่คี าดว่าจะได้รบั จากโครงงาน
1. ผลิตภาชนะในการปลกู ตน้ ไมแ้ บบต่างๆด้วยซเิ มนตผ์ สมโฟมได้
2. เพิ่มวธิ ีการกำจัดขยะพลาสติกประเภทโฟมโดยนำกลบั มาใชใ้ ห้เป็นประโยชน์แทนการเผา
ทำลายได้
บทท่ี 2
หลกั การทเ่ี กี่ยวขอ้ ง
โครงงานการประดษิ ฐ์กระถางจากซีเมนต์โฟม ศึกษาเอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ดังนี้
1. การประดิษฐ์
2. โฟม
3. พลาสตกิ
4. ซเี มนต์
1. การประดิษฐ์
ความหมายของการประดิษฐ์ คือ ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับลักษณะ องค์ประกอบโครงสร้างหรือ
กลไกของผลติ ภัณฑ์ รวมทงั้ กรรมวิธใี นการผลติ การรกั ษาหรอื ปรับปรุงคุณภาพของผลติ ภัณฑ์ใหด้ ีขึ้นหรือทำให้
เกิดผลิตภณั ฑข์ นึ้ ใหม่ท่แี ตกตา่ งไปจากเดมิ
2. โฟม
หมายถึง พลาสตกิ ที่ฟูหรือขยายตวั ซึง่ พลาสตกิ มีอยู่มากมายหลายประเภท หากผ่านกระบวนการท่ีใช้
สารขยายตัว (Blowing Agent) ก็จะทำให้พลาสติกนั้นกลายเป็นโฟม โดยเรียกกันทั่วไปว่า Foam
Plastic ตัวอยา่ งของโฟมพลาสติกท่ีรู้จักกันท่ัวไปเชน่ ฟองนำ้ กล่องโฟมใสอ่ าหาร โฟมแผน่ โฟมฉีดพ่นเพ่ือเป็น
ฉนวน เปน็ ต้น ซ่งึ โฟมพลาสติกเหลา่ น้ี ลว้ นแตผ่ ลิตจากพลาสติกแตกต่างประเภทกันไป
3. พลาสตกิ
พลาสติก เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่สังเคราะห์ขึ้นใช้แทนวัสดุธรรมชาติ บางชนิดเมื่อเย็นลงก็จะ
แข็งตัว เมื่อถูกความร้อนก็อ่อนตัว บางชนิดแข็งตัวถาวร มีหลายชนิด เช่น ไนลอน ยางเทียม ใช้ทำสิ่งต่ าง ๆ
เช่น เสื้อผา้ ฟลิ ม์ ภาชนะ ส่วนประกอบเรอื หรือรถยนต์
วัตถุดิบจากธรรมชาติสำหรบั การผลิตพลาสติก
วัตถุดิบที่สำคัญที่ใช้สำหรับการผลิตพลาสติกคือ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเลียมก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน
แร่ธาตุต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้อาจผลิตจากน้ำมันพืช และส่วนต่าง ๆ ของพืชได้เช่นกัน
- ปโิ ตรเลียม
ปิโตรเลียมเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมพลาสติกแทบทุกชนิด ประเทศไทยมี
แหล่งผลิตปิโตรเลียมหลายแห่ง แต่ไม่มีการนำมาทำประโยชน์ในด้านผลิตภัณฑ์พลาสติก มีเพียงการนำมา ใช้
เปน็ เชือ้ เพลิงเทา่ น้นั ผลติ ภัณฑท์ ่ีไดจ้ ากการกล่นั น้ำมนั ปิโตรเลยี ม และสามารถนำมาใช้ในอตุ สาหกรรมการผลิต
พลาสติกทส่ี ำคญั ไดแ้ ก่ สารในกลุ่มโอเลฟิน (Olefins) เช่น มเี ทน อเี ทน โพรเพน บวิ เทนและเพนเทน และสาร
ในกลุ่มอะโรแมติก(Aromatics) เช่น เบนซีน และอนุพนธ์ของเบนซีน สารทั้ง ๒ กลุ่มสามารถนำมาผลิตมอนอ
เมอรไ์ ดม้ ากมายหลายชนิด
- ก๊าซธรรมชาติ
ก๊าซธรรมชาติท่ีพบในประเทศไทยมีส่วนประกอบเป็นสารไฮโดรคาร์บอน ที่สำคัญคือ มีเทน อีเทน โพ
รเพน และบิวเทนเป็นสว่ นใหญ่ สารไฮโดรคาร์บอนเหล่านี้ใช้เป็นวตั ถุดบิ ในการผลิตเอทลิ ีนมอนอเมอร์และโพร
ไพลีนมอนอเมอร์ ซ่ึงเปน็ สารเร่มิ ตน้ สำหรบั การผลติ พลาสตกิ หลายชนิด
- ถา่ นหินและลกิ ไนต์
ประเทศไทยมีแหล่งลิกไนต์สำคัญ ๒ แห่งคือ ที่แม่เมาะ จังหวัดลำปาง และที่จังหวัดกระบี่ ประโยชน์
ของลิกไนต์นอกจากใช้เป็นเช้อื เพลงิ สำหรบั การผลิตกระแสไฟฟ้าแลว้ ยังใชผ้ ลติ เบนซีน และอนุพันธข์ องเบนซีน
เช่น สไตรนี มอนอเมอร์ ไดด้ ว้ ย
- พชื และนำ้ มนั พชื
วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตพลาสติกบางชนิด ได้แก่ ส่วนต่าง ๆ ของพืชและน้ำมันพืช เช่น เซลลูโลส
เชลแล็ก และกรดไขมนั ต่าง ๆ
- แร่ธาตุต่าง ๆ
สินแร่บางชนดิ เช่น ถ่านโคก้ และหนิ ปนู เปน็ วัตถุดบิ ท่ใี ชผ้ ลติ แคลเซียมคาร์ไบด์ ซึง่ ใช้ในอุตสาหกรรม
การผลิตอะเซทิลีน นอกจากนี้ คลอรีนที่ผลิตได้จากน้ำทะเล ตลอดจนแร่ใยหินได้นำมาใชส้ ำหรับผลิตพลาสตกิ
เสริมแรง
วัตถุดิบที่ใช้เป็นสารเริ่มต้นสำหรับการผลิตพลาสติกที่ได้จากแหล่งต่าง ๆ นั้นจะมีลักษณะเป็นสาร
ไฮโดรคาร์บอนโมเลกุลเด่ยี ว เรียกว่า มอนอเมอร์ ทีส่ ำคญั ไดแ้ ก่ เอทลิ ีน ไวนลิ คลอไรด์ ไวนิลฟลูออไรด์ ยเู รีย โพรไพ
ลีน บิวทาไดอีน เบนซีน ไซลีน ฟีนอล และฟอร์มาลตีไฮด์ ชนิดและประโยชน์ใช้สอยของพลาสติกรีไซเคิลชนิดของ
พลาสตกิ รไี ซเคิลมที ั้งหมด 7 ประเภท คอื
พลาสติกหมายเลข 1 มชี ื่อวา่ พอลเิ อทธิลนี เทเรฟธาเลท (Polyethylne Terephthalate) หรือที่รู้จัก
กนั ดีว่า เพ็ท (PET หรือ PETE)เป็นพลาสติกใส แข็ง ทนแรงกระแทกดี ไมเ่ ปราะแตกง่าย และกันแก๊สซึมผ่านดี
ใช้ทำขวดบรรจุน้ำดื่ม ขวดน้ำมันพืช เป็นต้น สามารถนำมารีไซเคิลเป็นเส้นใย สำหรับทำเสื้อกันหนาว พรม
และใยสงั เคราะห์สำหรบั ยัดหมอน เปน็ ต้น
พลาสติกหมายเลข 2 มีชื่อว่า พอลิเอธิลีนความหนาแน่นสูง (High Density Polyethylene) หรือท่ี
เรียกแบบย่อว่า เอชดีพีอี (HDPE)เป็นพลาสติกที่เหนียวและแตกยาก ค่อนข้างแข็งแต่ยืดได้มาก ทนทานต่อ
สารเคมีและสามารถขน้ึ รูปทรงต่าง ๆ ไดง้ ่าย ใชท้ ำขวดนม ขวดน้ำและบรรจุภณั ฑ์สำหรบั น้ำยาทำความสะอาด
ยาสระผม เป็นต้น สามารถนำมารีไซเคิลเป็น ขวดน้ำมันเครื่อง ท่อ ลังพลาส ติก ไม้เทียม เป็นต้น
พลาสติกหมายเลข 3 มีชื่อว่า พอลิไวนิลคลอไรด์ (Polyvinylchloride) หรือที่รู้จักกันดีว่า พีวีซี (PVC) ใช้ทำ
ท่อน้ำประปา สายยางใสแผ่นฟิล์มสำหรับห่ออาหาร แผ่นพลาสติกสำหรับทำประตู หน้าต่าง และหนังเทียม
เป็นต้น สามารถนำมารีไซเคิลเป็นท่อน้ำประปาหรือรางน้ำสำหรับการเกษตร กรวยจราจร เฟอร์นิเจอร์ ม้านั่ง
พลาสติก ตลบั เทป เคเบิล แผน่ ไม้เทยี ม เปน็ ตน้
พลาสตกิ หมายเลข 4 มชี ่อื ว่า พอลิเอทลิ นี ความหนาแนน่ ตำ่ (Low Density Polyethylene) สามารถ
เรียกแบบย่อว่า แอลดีพีอี(LDPE) เป็นพลาสติกทีม่ ีความนิม่ เหนียว ยืดตัวได้มาก ใส ทนทาน แต่ไม่ค่อยทนตอ่
ความรอ้ น ใชท้ ำฟิล์มห่ออาหารและห่อของ ถงุ ใส่ขนมปัง ถงุ เย็นสำหรับบรรจุอาหาร สามารถนำมารีไซเคิลเป็น
ถุงดำสำหรับใส่ขยะ ถุงหหู ้ิว ถังขยะ กระเบ้ืองปูพื้น เฟอรน์ เิ จอร์ แทง่ ไม้เทยี ม เปน็ ต้น
พลาสตกิ หมายเลข 5 มชี ื่อวา่ พอลโิ พรพลิ นี (Polypropylene) เรียกโดยย่อวา่ พพี ี (PP) เปน็ พลาสตกิ
ที่มีความ ใส ทนทานต่อความร้อน คงรูป เหนียว และทนแรงกระแทกได้ดี นอกจากนี้ยังทนต่อสารเคมีและ
น้ำมัน ใช้ทำภาชนะบรรจุอาหาร เช่น กล่อง ชาม จาน ถัง ตะกร้ากระบอกใส่น้ำแช่เย็น ขวดซอส แก้วโยเกิร์ต
ขวดบรรจุยา สามารถนำมารีไซเคิลเป็นกล่องแบตเตอรี่ในรถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ เช่น กันชนและกรวยสำหรับ
นำ้ มัน ไฟท้าย ไมก้ วาดพลาสตกิ แปรง เปน็ ต้น
พลาสติกเลข 6 มีชื่อว่า พอลิสไตรีน (Polystyrene) หรือที่เรียกโดยย่อว่า พีเอส (PS) เป็นพลาสติกท่ี
มีความใส แต่เปราะและแตกง่ายใช้ทำภาชนะบรรจุของใช้ต่างๆ หรือโฟมใส่อาหาร เป็นต้น สามารถนำมารี
ไซเคลิ เป็นไม้แขวนเส้ือ กลอ่ งวิดีโอ ไม้บรรทัด กระเปาะเทอรโ์ มมิเตอร์ แผงสวิตชไ์ ฟ ฉนวนความร้อน ถาดใส่ไข่
เคร่อื งมอื เครอื่ งใชต้ า่ ง ๆ ได้
พลาสติกเลข 7 นั้นมิได้มีการระบุชื่อจำเพาะ แต่ไม่ใช่พลาสติกชนิดใดชนิดหนึ่งใน 6 ท่ีได้กล่าวไปใน
ข้างต้น แต่เป็นพลาสติกที่นำมาหลอมใหม่ได้พลาสติกที่มีวัตถุประสงค์พิเศษPolymethylmethacrylate
(PMMA) ใช้ทำคอนแทคเลนส์ แผ่นกระจกอาคาร (glazing) (ในชื่อทางการค้าเช่น Perspex, Oroglas,
Plexiglass) ส่วนประกอบของไฟฟลูออเรสเซนส์ ส่วนปิดไฟท้ายรถยนต์ Polytetrafluoroethylene (PTFE)
(ภายใต้ชื่อการค้า Teflon) ใช้เป็นวัสดุเคลือบที่ทนความร้อน และแรงเสียดทานต่ำ เช่น เคลือบกระทะ สไล
เดอร์ เทปพันท่อประปา Polyethyretherketone (PEEK) (Polyketone) เป็นพลาสติกที่แพงที่สุดชนิดหนึ่ง
เป็น thermoplastic ที่คงทน ทนคว ามร้อนแล ะสา รเ คมี ใช ้ทำว ัสดุทางก ารแ พ ทย์ ต่า ง ๆ
ทงั้ นใ้ี นการเลอื กใชภ้ าชนะพลาสตกิ สำหรับการบรรจุ หรอื เก็บอาหาร ควรหลีกเล่ยี งพลาสตกิ ท่มี ีสัญลกั ษณ์ #3-
PVC #6-PS หรือ #7-Polycarbonate และสามารถใช้พลาสติกที่มีสัญลักษณ์เหล่านี้ ได้แก่ #1-PET #2-
HDPE #4-LDPE และ #5-PP
ผลตอ่ สิ่งแวดล้อม
พลาสติกเปน็ สารท่คี งทนสลายตวั ช้ามาก การเผาไหม้ของพลาสตกิ บางชนดิ ทำให้เกิดควนั พิษในอากาศ
โรงงานผลิตพลาสติกมักเป็นแหล่งก่อสารเคมีที่เป็นมลพิษปริมาณมากในบรรยากาศพลาสติกพีวีซี (#3-PVC)
ซึ่งใช้อย่างแพร่หลายในการบรรจุอาหารและของเหลว ของเล่น เครื่องมือก่อสร้าง ท่อประปา และเป็นวัตถดุ ิบ
ตั้งแต่เครื่องสำอางจนถึงม่านห้องน้ำ จะมีสารเคมีที่เป็นพิษพวกอะดิเพท ( adipates) และพะธาเลท
(phthalates) อยู่เป็นปริมาณมาก สารเหล่านี้ช่วยให้พีวีซีมีความยืดหยุ่น(plasticizer) และอาจถูกปลดปล่อย
ออกจากพีวีซีเมื่อมีการสัมผัสกับอาหาร องค์การอนามัยโลกรายงานว่าสารเคมีที่ใช้ในการผลิตพีวีซีเป็นสารกอ่
มะเร็ง สหภาพยุโรปห้ามการใช้ DEHP (di-2-ethylehexyl phthalate) สำหรับของเล่นเด็ก DEHP เป็น
plasticizer ที่นิยมใชม้ ากที่สดุ ในการผลิตพีวีซี องค์การอีพีเอ (Environmental Protection Agency) ซึ่งเป็น
องค์การเฝ้าระวังสภาพแวดล้อมในสหรฐั อเมรกิ า กำหนดให้ โพลสี ตัยรีน (#6-PS) เป็นหนง่ึ ในชีวพิษที่อาจพบ
ในน้ำดื่ม เนื่องจากกระบวนการผลิตโพลีสตยั รีนทำใหเ้ กดิ มลพิษในบรรยากาศ และทำลายชน้ั โอโซน นอกจากนี้
ภาชนะบรรจุอาหารประเภทสตยั โรโฟม อาจปล่อยสารประกอบบางชนดิ ท่ีรบกวน การทำงานของฮอรโ์ มน และ
อาจก่อให้เกดิ มะเรง็ ดว้ ย
พลาสติกในกลุม่ #7-other ซ่ึงมักหมายถึง โพลีคาร์บอเนท อาจปลดปลอ่ ยบิสฟีนอล-เอ (bisphenol-
A, BPA) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิต และจัดเป็นสารรบกวนการทำงานของฮอร์โมน (hormone disrupter)
และอาจถูกปลดปล่อยสู่อาหารและเครื่องดื่ม สารชนิดนี้จะมีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ในงานวิจัย
พบว่า BPA ทำให้น้ำหนักของสัตว์ทดลองเพิ่มขึ้น และมีผลต่อระดับฮอร์โมนในเลือด นอกจากนี้ยังพบว่าการ
ไดร้ ับ BPA เพยี งเล็กนอ้ ยกท็ ำให้เกิดการต้านอนิ ซลู ิน (insulin resistance) ซ่งึ นำไปส่กู ารอักเสบและโรคหวั ใจ
ดังนั้น จึงไม่ควรนำขยะพลาสติกไปทิ้งรวมกับขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ เช่น ขยะสด ขยะที่สามารถ
เผาได้ ขยะที่ไม่สามารถเผาได้ เป็นต้น แต่ควรแยกทิ้งโดยแยกประเภทของขยะพลาสติกและล้าง ทำความ
สะอาดก่อนจะนำไปทิ้ง เพื่อที่จะได้นำขยะพลาสติกเหล่านี้ไปรีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑอ์ ื่น ๆ ต่อไป เพื่อลดปัญหา
สง่ิ แวดลอ้ มของโลก
4. ซเี มนต์
ซีเมนต์ หรอื ปนู ซเี มนต์ (cement) เปน็ วัสดผุ สานสำหรบั ผลิตคอนกรีต มีสว่ นผสมหลักคอื หินปนู และ
ดินเหนียว และมีผสมอื่น เช่น ซิลิก้า อลูมิน่า สินแร่เหล็ก ยิปซั่ม และสารเพิ่มพิเศษอื่น ๆ ปูนซีเมนต์ มีการคน้
พบว่ามีการใชง้ านในสมัยมาซิโดเนียและโรมัน และได้หายไปจนกระทัง่ ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมได้มีการคิดค้น
ขึน้ มาจากหลายคน จนกระท่ังผลงานของแอสป์ดินได้มีการจดสิทธบิ ัตรของซีเมนตป์ อร์ตแลนด์ เกิดจากการค้น
ควา้ ของ โยเซฟ แอสปด์ ิน ชาวอังกฤษ ช่วงเวลากว่า 13 ปี พ.ศ. 2354 ถึง พ.ศ. 2367 โดยทดลองเอาหนิ ปูน
ผสมกับดินเหนียวแลว้ ไปเผาก่อนนำมาบด เมื่อจะใช้งานก็นำมาผสมทราย กรวดและน้ำ โดยเขาตั้งชื่อว่า ปอต
แลนดซ์ เี มนต์ เพราะว่าสีเหมอื นกับหนิ ที่เกาะปอรต์ แลนด์ประเทศอังกฤษ
บทที่ 3
อุปกรณแ์ ละวิธีการศกึ ษา
3.1 วัสดอุ ปุ กรณ์
1. โฟมทีใ่ ช้แลว้
2. น้ำมนั ทใี่ ชแ้ ลว้
3. แกว้ /ถว้ ยพลาสติกท่ีใชแ้ ล้ว
4. สีนำ้
5. พู่กนั
6. ปนู ซเี มนต์ เป็นเงิน 160 บาท
รวมเป็นเงิน 160 บาท
3.2 วธิ กี ารศกึ ษา
วธิ ีการศกึ ษา มีวิธีดงั นี้
1. รวมกลมุ่ และกำหนดหัวข้อในการทำโครงงาน
2. คน้ คว้าเอกสารตำรา
3. จดั เตรยี มวัสดุอปุ กรณ์ในการดำเนนิ งาน
4. ลงมือปฏบิ ัตติ ามโครงงาน โดยนำปูนซิเมนต์ผสมโฟมย่อยละเอยี ดผสมนำ้ อตั ราสว่ น 1 : 1 : ๑
คนใหเ้ ข้ากันพักไว้
5. เตรยี มแมพ่ มิ พโ์ ดยใช้ถว้ ยพลาสตกิ ท่ีใช้แลว้ ขนาดใหญ่ 1 ใบขนาดเลก็ 1 ใบ นำน้ำมันทีใ่ ชแ้ ลว้ ทาใน
ถ้วยใบใหญใ่ หท้ ว่ั เพ่อื ทำให้กระถางแกะออกจากพมิ พ์ไดง้ ่าย
6. ตักส่วนผสมลงในแม่พิมพ์แล้วนำถ้วยใบเล็กใส่ทรายให้เต็มถ้วยนำไปซ้อนในถ้วยใบใหญ่เพื่อขึ้นรูป
กระถาง จากน้ันนำไปตากแดดให้แหง้ ประมาณ 12 ชั่วโมง เม่อื แหง้ แล้วให้ถอดพิมพ์ออกนำไปตกแต่งระบายสี
เพือ่ เพมิ่ ความสวยงาม
7. เขยี นรายงานพร้อมสรปุ ผล และอภิปรายผล
บทที่ 4
ผลการศึกษา
ผลการศกึ ษา
การประดิษฐ์กระถางต้นไม้จากโฟมสามารถทำได้ง่าย เนื่องจากตัวโฟมเป็นพลาสติกอย่างหนึ่งด้วย
คุณสมบัติของโฟมไม่ได้พองน้ำสามารถใช้เป็นมวลประสานแทนทรายได้เลย สามารถนำมาประดิษฐ์ได้โดยไม่
ต้องแต่งเติม หรือดัดแปลง เป็นเศษวัสดุเหลือใช้ ที่หาได้ง่ายทั่วไป และวิธีทำไม่ยากจนเกินไป มีความคงทน
แข็งแรง สวยงาม ดึงดูดความสนใจน่ามอง ลดพื้นที่ในการเพาะปลูก สามารถนำไปตกแต่งสวนหลังบ้าน
รว้ั รอบ ๆ บา้ นหรือตามต้องการ เปน็ การนำขยะโฟมกลบั มาใช้ใหม่ใหเ้ กิดประโยชน์สงู สุด เปน็ การลดภาวะโลก
ร้อน ลดปรมิ าณการเผาขยะทำใหล้ ดแกส็ พิษในอากาศ และเป็นการเพม่ิ มลู คา่ ใหก้ ับวัสดุเหลือใช้อีกดว้ ย
บทที่ 5
สรุปผลและอภปิ รายผล
สรุปผลการศึกษา
จากการประดิษฐ์กระถางจากซีเมนต์โฟม สรุปผลได้ว่าเป็นการสร้างสรรค์ผลงานตามจินตนาการ ลด
ภาวะขยะโฟม ลดพื้นที่ในการเพาะปลูก มีความสวยงาม และสามารถนำมาใช้เป็นกระถางปลูกต้นไม้ได้เป็น
อย่างดี
ขอ้ เสนอแนะ
1. ควรใช้วัสดุธรรมชาติมามาทดแทนโฟมในการบรรจุอาหารและเครื่องดื่มเพื่อเป็นการลดขยะจาก
โฟมเปน็ การลดปัญหามลพษิ
2. ควรนำโฟมไปใชป้ ระโยชนใ์ นดา้ นอ่ืน ๆ อีกด้วย
บรรณานกุ รม
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8
%99%E0%B8%95%E0%B9%8C
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8
%95%E0%B8%B4%E0%B8%81
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%9F%E0%B8%A1
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8
%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0
%B9%8C
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก
เคร่อื งมือทใี่ ช้ในการทำส่งิ ประดษิ ฐ์
จดั เตรียมวสั ดุและอุปกรณ์ต่างๆ ท่ีใช้ในโครงงาน
ภาคผนวก ข
ภาพขนั้ ตอนการทำส่ิงประดษิ ฐ์
1. ขยี้โฟมใหล้ ะเอียด 2. วัสดุทใ่ี ชใ้ นการทำกระถางซเี มนต์โฟม
3. นำปูนซิเมนต์ผสมโฟมย่อยละเอยี ดผสมน้ำ 4. เตรียมแม่พมิ พโ์ ดยใช้ถ้วยพลาสตกิ ที่ใชแ้ ล้วขนาด
อตั ราสว่ น 1 : 1 : ๑ ใหญ่ 1 ใบขนาดเลก็ 1 ใบ นำน้ำมันที่ใช้แลว้ ทาใน
ถว้ ยใบใหญ่ให้ท่ัวเพอ่ื ทำใหก้ ระถางแกะออก
จากพิมพไดง้ า่ ย
5. ตกั สว่ นผสมลงในแม่พิมพ์แลว้ นำถว้ ยใบเลก็ ใส่ 6. นำไปตากแดดใหแ้ หง้ ประมาณ 12 ชั่วโมง เม่ือ
ทรายให้เต็มถว้ ยนำไปซ้อนในถ้วยใบใหญ่เพื่อข้ึนรูป แห้งแล้วให้ถอดพมิ พ์ออกนำไปตกแตง่ ระบายสีเพอ่ื
กระถาง เพิม่ ความสวยงาม