48 รก คือ เป็นเซลล์เนื้อเยื่อหนึ่งที่เกิดหลังจากการปฏิสนธิจะเกิดขึ้นกับสตรีที่ตั้งท้อง เพราะ มีการปฏิสนธิ เกิดขึ้นร่างกายก็จะสร้างเซลล์ขึ้นมา มี 2 ส่วน คือ ส่วนแรกจะเจริญเติบโตเป็นทารก และ อีกส่วนจะไปสร้าง เป็นรก เกาะอยู่ตรงส่วนผนังด้านในของมดลูกอยู่นอกถุงน้ำคร่ำ และ มีสายสะดือเชื่อมระหว่างรกกับทารก ลักษณะของรก รกจะมีลักษณะทรงแบนๆ ถ้าทารกตัวเล็กรกก็จะเล็กด้วย ทารกที่ตัวใหญ่รกก็จะใหญ่ไปด้วย หน้าที่ของรก สำหรับรกนั้นมีหน้าที่ในประบวนการสร้างชีวิตของเด็กในท้อง หลังจากปฏิสนธิ หน้าที่ของรก มีดังนี้ • ช่วยลำเลียงอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเด็กในท้อง • ช่วยขับถ่ายของเสียออกจากตัวเด็กในท้อง • ช่วยสร้างฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์ของผู้หญิง • ช่วยสร้างฮอร์โมนให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีความพร้อมต่อการฝังตัวของไข่ มีความเชื่อด้านแพทย์แผนโบราณเกี่ยวกับรก มีการนำรกมาทำยาบำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนา ทำให้ ผิวพรรณดี ซึ่งในปัจจุบันพบว่า รกของคม มีสารตั้งต้นสำคัญมากกว่า 8000 ชนิด ซึ่งสารเหล่านี้ มีประโยชน์ ต่อร่างกาย พ.ศ. 2455 Dr.Alexis Carrel ได้รับรางวัลโนเบล จากการศึกษาค้นพบว่า สารสกัดจากรกคน ช่วยทำให้เนื้อเยื่อของคนสูงอายุฟื้นฟูสภาพได้ ในปี พ.ศ. 2473 Dr.Paul Neihans พบว่าสารสกัดจากรกคน ทำให้ เนื้อเยื่อ ต่อม และอวัยวะต่าง ๆที่เสื่อมสภาพ สามารถฟื้นฟูกลับมาได้
49 เทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน มีการนำรกมาสกัด ทั้งชนิดทา ยากิน และ ยาฉีด ใช้เพื่อบำรุงสุขภาพและ ความสวยงาม มีการนำเอาเซลล์ต้นกำเนิด ( Stem Cell) จากรกคน ใช้รักษาโรคต่างๆทางการแพทย์ ตามตำราจีน มีการบันทึกสรรพคุณรกของคน ว่าเป็นยาบำรุงร่างกาย ทำให้อายุยืนยาว ชะลอวัย บำรุงหัวใจ บำรุงสมอง บำรุงไต บำรุงกระดูก บำรุงเลือด เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทำให้ผมดกดำ วิธีใช้รกในการบำรุงร่างกายและรักษาโรค • รกแห้งบดเป็นผงใส่แคปซูล กินวันละ 2 – 3 ครั้ง หรือ นำรกสดๆประมาณครึ่งหนึ่งมาต้มกิน ช่วย บำรุงธาตุบำรุงพลัง บำรุงเลือด บำรุงไต เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย • ตุ๊กแกแห้ง ต้มกับรกสด ต้มกินสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ใช้บำรุงร่างกาย • รก กับ ตั่งเซิน ช่วยแก้โลหิตจาง • รก กับ ฝู่เซิน ช่วยแก้เหนื่อยล้า แก้นอนไม่หลับ • รก ตั่งเซิน และ หวงฉี ช่วยให้ร่างกายกระปรี่กระเปร่า • รก กับ สูตี้ กับ ตังกุย ช่วยบำรุงเลือด ทำให้สดชื่น • รก กับ ตั่งเซิน กับ อู่เหว่ยจื่อ ช่วยแก้ไอ เพิ่มพลังปอด • รก กับ หวงจิง หู่จั้ง ช่วยบำรุงเลือด • รก กับ กุยปั่น กับ หวงป๋อ ช่วยบำรุงสมอง แก้ปวดเมื่อยเอว แก้ปวดหัว แร่ธาตุสมุนไพร คือ แร่ธาตุ ทรัพยากรที่ได้จากธรรมาชาติ ด้านธรณีวิทยา ซึ่งนำมาใช้ประโยชน์ด้านการบำรุง ร่างกายและการรักษาโรค สมุนไพรที่ได้จากแร่ธาตุต่าง ๆ มีดังนี้ พิมเสน borneol สมุนไพรประเภทแร่ธาตุ สารอินทรีย์ชนิดไบไซคิก สารกลุ่มเทอร์พีน ลักษณะเป็นเกล็ดสี ขาว กลิ่นหอมฉุน พิมเสนพบในพืช ประโยชน์ สรรรพคุณและโทษของพิมเสน
50 พิมเสน สรรพคุณช่วยขับเหงื่อ ขับลม บำรุงหัวใจ แก้เวียนหัวหน้ามืด แต่พิมเสนทำให้ระคายเคืองดวงตา ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ และ ระบบทางเดินอาหาร ได้ พิมเสน สามารถสังเคราะห์ได้จากปฏิกิริยารีดักชัน ระหว่างการบูร กับ โซเดียมบอโรไฮไดรด์ พิมเสน ชื่อสามัญ คือ borneol ชื่อวิทยาศาสตร์ของพิมเสน คือ Borneol camphor ชื่อเรียกอื่นๆของ พิมเสน คือ พิมเสนเกล็ด ปิงเพี่ยน เหมยเพี่ยน เป็นต้น ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของพิมเสน พบว่าในพิมเสรมีสารเคมี ที่มีคุณสมบัติคล้ายการบูร มีสารเคมี ประกอบด้วย d-Borneol , Humulene , Caryophyllene , Asiatic acid , Dryobalanon Erythrodiol , Dipterocarpol , Hydroxydammarenone2 มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคได้หลายชนิด เช่น เชื้อโรคในลำไส้ใหญ่ เชื้อราบนผิวหนัง เป็นต้น ชนิดของพิมเสน สำหรับพิมเสน เป็นสารเคมีที่มีลักษณะพิเศษ พิมเสนมี 2 ชนิด คือ พิมเสนที่ได้จากธรรมชาติ และ พิมเสนที่ได้ จากการสังเคราะห์ โดยรายละเอียด ดังนี้ • พิมเสนที่ได้จากธรรมชาติ เรียก พิมเสนแท้ เกิดจากการระเหิดของยางของพืชตระกูลยางนา พิมเสน จะมีเนื้อแน่นกว่าการบูร และระเหิดได้ช้ากว่าการบูร คุณสมบัติติดไฟและให้แสงสว่างจ้า มีควัน ไม่มี ขี้เถ้า • พิมเสนที่ได้จากการสังเคราะห์ เรียก พิมเสนเทียม ได้จากการสกัดจากต้นการบูรและน้ำมันสน โดย ผ่านวิธีทางเคมีวิทยา จนเกิดเกร็ดสีขาว ให้คุณสมบัติเหมือนพิมเสนแท้ ประโยชน์ของพิมเสน
51 พิมเสนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้าน สมุนไพร และ การรักษาโรค เป็นหลัก นิยมนำพิมเสนมาใส่ในหมาก พลู ผสมในลูกประคบ ยาหม่อง น้ำอบไทย ยาหอม เป็นต้น ช่วยกระตุ้นให้ระบบประสาทและสมองตื่นตัว ได้ สรรพคุณของพิมเสน สำหรับการใช้ประโยชน์ของพิมเสน ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค มี รายละเอียด ดังนี้ • เป็นยาเย็นออกฤทธิ์ต่อหัวใจและปอด บำรุงหัวใจ • ช่วยดับพิษร้อนในร่างกาย • ช่วยกระตุ้นสมอง • ช่วยกระตุ้นการหายใจ • แก้วิงเวียนหน้ามืด • ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว • แก้ไอ • รักษาแผลในปาก เหงือกบวม • ช่วยขับเหงื่อ ขับเสมหะ • ช่วยขับลมทำให้เรอ ลดการจุกเสียดแน่นท้อง รักษาอาการปวดท้อง • รักษาบาดแผลสด แผลเนื้อร้าย • ฆ่าเชื้อโรคที่ผิวหนัง รักษาแผลอักเสบ ฟกช้ำ และ กลากเกลื้อน แก้ผดผื่นคัน • แก้ปวดบวม แก้อักเสบ โทษของพิมเสน สำหรับการใช้ประโยชน์จากพิมเสนมีข้อควรระวังอยู่บ้าง โดยรายละเอียด ดังนี้ • สำหรับสตรีที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ห้ามกินพิมเสน
52 • การใช้พิมเสนมากเกินไป เป็นพิษต่อร่างกาย ทำให้คลื่นไส้อาเจียน พิมเสน ( borneol ) คือ สมุนไพรประเภทแร่ธาตุ สารอินทรีย์ชนิดไบไซคิก สารกลุ่มเทอร์พีน มีลักษณะเป็น เกล็ดสีขาว กลิ่นหอมฉุนคล้ายการบูร พิมเสนพบในพืช ประโยชน์และสรรรพคุณของพิมเสน โทษของพิมเสน มีอะไรบ้าง เกลือ Salt แร่ธาตุที่มีรสเค็ม นิยมนำมาใช้ประโยชน์มากมาย ทั้งด้านสมุนไพร การรักษาโรค ร่างกายมนุษย์ ต้องการเกลือในปริมาณที่เหมาะสม ประโยชน์ สรรพคุณและโทษของเกลือ ในธรรมชาติเกลือจะก่อตัวเป็นผลึก เรียก เกลือหิน เกลือพบว่ามีจำนวนมากมหาสารในทะเล เกลือเป็น สิ่งจำเป็นต่อชีวิตสัตว์ เกลือ เป็นหนึ่งในเครื่องปรุงรสหาง่ายที่สุด นิยมใช้ถนอมอาหารด้วย เกลือ เป็นวัตถุดิบ หลักในการปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง ประโยชน์ของเกลือมีอะไรบ้าง สายเคมีที่พบในเกลือ ประกอบด้วย โซเดียมคลอไรด์ ( Sodium Chlorid e) โปแตสเชียม ( Potassium ) แมกเนเชียม ( Magnesium ) และ แคลเซียม ( Calcium ) โซเดียมก็จะถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกาย ซึ่งผลต่อ ปริมาณน้ำในร่างกาย เกลือจะถูกขับออกนอกร่างกายผ่านทางการทำงานของไต ทางปัสสาวะ และ เหงื่อ เกลือเป็นสารสำคัญในการสร้างกรดของร่างกาย คุณสมบัติของเกลือ • สีของเกลือ ส่วนมากเกลือจะมีลักษณะ ใส ไม่มีสี เกลือที่มีสีก็มีเช่นกัน เช่น เกลือสีเหลือง ( โซเดียม โครเมต ) เกลือสีส้ม ( โพแทซเซียมไดโครเมต ) เกลือสีฟ้า ( คอปเปอร์ซัลเฟตเพนตะไฮเดรต ) เกลือ สีม่วง ( โฟแทซเซียมเปอร์แมงกาเนต ) เกลือสีเขียว ( นิคเกิลคลอไรด์เฮกซะไฮเดรต ) เกลือสีขาว ( โซเดียมคลอไรด์ ) เกลือไม่มีสี ( แมกนีเซียมซัลเฟตเฮปตะไฮเดรต ) และ เกลือสีดำ ( แมงกานีสได ออกไซด์ )
53 • รสชาติของเกลือ เกลือจะมีรสเค็ม • กลิ่นของเกลือ เกลือไม่มีกลิ่น แต่เป็นกรดและเบสอ่อนๆ ประโยชน์จากการกินเค็ม • ช่วยปรับระดับความดันโลหิต ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม • ช่วยเพิ่มรสชาติอาหาร ช่วยเจริญอาหาร ทำให้เพิ่มความอยากรับประทาน มากขึ้น • ช่วยปรับระดับเกลือแร่ในร่างกายให้เกิดความสมดุล • เกลือช่วยทำความสะอาด และ กำจัดคราบต่าง ๆได้ สรรพคุณของเกลือ สำหรับการใช้ประโยชน์ของเกลือ ด้านการบำรุงร่างกายและ การรักษาโรคนั้น มีมากมาย เกลือมีคุณสมบัติ เป็นยาเย็น รสเค็ม สรรพคุณดับร้อน ถอนพิษ ช่วยระบาย ระงับการอาเจียน แก้คอแห้ง ลดการกระหายน้ำ ช่วยให้ปัสสาวะมากขึ้น แก้ท้องผูก รักษาโรคเหงือกและฟัน แก้แมลงสัตว์กัดต่อย รักษาเลือดออกตามไรฟัน รักษาโรคผิวหนัง รักษาอาการคัน ใช้ล้างแผล แก้เจ็บคอ แก้ตาแดง ป้องกันผมร่วง รักษาโรคกระเพาะ แก้เผ็ด โทษของเกลือ • การกินอาหารที่มีส่วนผสมของเกลือในปริมาณที่มาก ทำให้ไตทำงานหนัก ส่งผลต่อเลือด และ ระบบ การกรองของเสียออกจากร่างกาย • ผู้ป่วยโรคไต โรคตับ โรคหัวใจ ต้องลดการกินอาหารเค็ม เพราะจำทำให้ระดับน้ำในร่างกายสูง • ผู้หญิงที่อยู่ช่วงก่อนมีประจำเดือน ควรงดรับประทานเกลือ เพื่อป้องกันอาการบวมน้ำและท้องอืด • การรับประทานอาการที่มีเกลือมาก ๆ ชอบกินเค็ม ทำให้อวัยวะภายในร่างกายทำงานหนักขึ้น เพื่อ กำจัดเกลือ ผนังกระเพาะอาหารอักเสบ เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร • ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ควรลดเกลือ หากร่างกายได้รับเกลือมากเกิน จะเพิ่มความดันโลหิตใร ร่างกาย ผู้สูงอายุ และ คนที่มีผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง ต้องลดการกิน อาหารเค็ม
54 เกลือ ( Salt ) คือ แร่ธาตุ ที่มีรสเค็ม สมุนไพรประเภทแร่ธาตุ เกลือ นิยมนำมาใช้ประโยชน์มากมาย ทั้งด้าน สมุนไพร และ การรักษาโรค ร่างกายของมนุษย์ต้องการเกลือในปริมาณที่เหมาะสม ประโยชน์และโทษของ เกลือ สรรพคุณของเกลือ สารส้ม ( Alum ) คือ แร่ธาตุชนิดหนึ่ง เป็นเกลือที่มีธาตุอะลูมิเนียม และ ซัลเฟต ลักษณะของสารส้ม ประโยชน์ของสารส้ม สรรพคุณของสารส้ม และ โทษของสารส้ม มีอะไรบ้าง ประเภทของสารส้ม สำหรับ สารส้ม มาจากภาษาละติน คำว่า Alumen แปลว่า สารที่ทำให้หดตัว เป็นเกลือเชิงซ้อน ที่มีธาตุ อะลูมิเนียม และ ซัลเฟต เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งประเภทของสารส้มสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท ประกอบด้วย • อะลูมิเนียมซัลเฟต ซึ่งสารส้มประภทนี้มีลักษณะเป็นก้อนผงสีขาว • โพแทสเซียมอะลั่ม ซึ่งสารส้มประเภทนี้มีลักษณะเป็นผลึกใสไม่มีสี • แอมโมเนียมอะลั่ม ซึ่งสารส้มประเภทนี้มีลักษณะเป็นผลึกใสไม่มีสี ลักษณะของสารส้ม สารส้มมีลักษณะเป็นผลึกใส สีขาว ไม่มีกลิ่น รสฝาด สามารถบดเป็นผงสีขาวได้สารส้ม ลักษณะคล้ายน้ำตาล กรวด หากดูไม่ละเอียด ก็แยกไม่ออก องค์ประกอบทางเคมีของสารส้ม เป็นเกลือซัลเฟตของอะลูมิเนียม มี 2 ชนิด คือ เกลือโพแทสเซียมอะลูมิเนียมซัลเฟต (K2SO4.Al2(SO4)3.24 H2O และ เกลือแอมโมเนียม อะลูมิเนียมซัลเฟต (NH4)2SO4.Al2(SO4)3.24 H2O
55 คุณสมบัติของสารส้ม • ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น • ไม่เปื้อนเสื้อผ้า • ปลอดภัยต่อร่างกายไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน • ไม่ซึมเข้าร่างกาย • ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม • ไม่เสื่อมสภาพคงทนต่อสภาพแวดล้อม สรรพคุณของสารส้ม สำหรับประโยชน์ของสารส้ม ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค ตามตำราแพทย์แผนไทย บอกว่า สารส้มมีรสฝาด เปรี้ยว ช่วยสมานแผล แก้ระดูขาว รักษาหนองใน รักษาแผลหนองเรื้อรัง ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยขับนิ่ว รักษาปอดอักเสบ ช่วยฟอกเลือด รักษาอาการเหงือกบวม รักษาแผลในปากลำคอ ช่วยห้ามเลือด ทำให้หนองแห้ง บรรเทาอาการไอ ทำให้ชุ่มคอ ขับเสมหะ ประโยชน์ของสารส้ม สำหรับการใช้ประโยชน์ของสารส้ม นอกจากใช้รักษาโรคและบำรุงร่างกายแล้ว สารส้มสามารถนำมาใช้ ประโยชน์ด้านอื่น ๆ อีก มีรายลเอียด ดังนี้ • ใช้ระงับกลิ่นตัว โดนใช้สารส้มแกว่งในน้ำ ใช้ผ้าชุบน้ำที่แกว่งสารส้ม เช็ดตามตัว ช่วยดับกลิ่นตัวได้ • ใช้ชุบไส้ตะเกียง ทำให้ไม่มีควัน • ใช้ดับกลิ่นคาวของอาหาร โดยใช้สารส้มล้าปลา • ใช้ถนอมอาหาร สารส้มแกว่งในน้ำช่วยให้ ถั่วงอก พริก สดตลอดเวลา หรือ ใช้เป็นสารกันบูด โดยใช้ สารสมผสมแป้งเปียก ช่วยกันอาหารบูด • ทำให้น้ำใส โดยใช้สารส้มแกว่งในน้ำ
56 • ทำให้สีติดผ้าและกระดาษ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษ และ การย้อมสีผ้า • ช่วยให้พริกขี้หนูดูสดใส เก็บไว้ได้หลายวัน โดยการนำพริกขี้หนูแช่ในน้ำสารส้มสักพัก แล้วนำมาผึ่งไว้ ก่อนทานก็ควรล้างพริกเสียก่อน • นำสารส้มมาทาส้นเท้า ช่วยป้องกันส้นเท้าแตกได้ • ป้องกันยุงกัน น้ำสารส้มนำมาทาผิวป้องกันอาการคันจากยุงกัดได้ โทษของสารส้ม สำหรับการใช้ประโยชน์ของสารส้ม หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมจะเกิดประโชยน์ ซึ่งโทษของสารส้ม มี รายละเอียด ดังนี้ • สารส้ม มีฤทธิ์เป็นพิษ หากกินเข้าไป จะทำให้คลื่นไส้อาเจียน ปวดหัว • การกินน้ำที่มีสารส้ม ทำให้ร่างกายดูดซึมอลูมิเนียมแพร่กระจายเข้าสู่ระบบเลือด ปอด ตับ กระดูก และ สมอง อาจทำให้ไตเสื่อมได้ สารส้มที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำดื่ม อาจทำให้เกิดอาการอาเจียน ท้องร่วง ทำลายเนื้อเยื่อของประสาทได้ การบูร พืชมีผลึกสีขาว กลิ่นหอม นำมาใช้ประโยชน์มากมาย ต้นการบูรเป็นอย่างไร สรรพคุณของ การบูร เช่น ช่วยกระตุ้นให้ประสาทตื่นตัว แก้เวียนหัว แก้มึนเมา โทษของการบูร
57 การบูร คือ ผลึกธรรมชาติที่แทรกอยู่ในเนื้อไม้ของต้นการบูร ซึ่งจะอยู่ตามรอยแตกของเนื้อไม้ต้น การบูร และพบมากที่สุดในแก่นของราก และ แก่นของต้น ส่วนในใบและยอดอ่อนของต้นการบูร มี ผลึกการบูรน้อย ลักษณะของผลึกการบูร เป็นเกล็ด กลม ขนาดเล็ก สีขาว จับกันเป็นก้อนร่วนๆแตก ง่าย หากทิ้งเอาไว้ผลึกที่มีกลิ่นหอมของการบูรจะเหิดไปหมด ซึ่งข้อมูลทางเภสัชวิทยาได้ศึกษาการบูร พบว่า ในน้ำมันหอมระเหยของการบูร และ การบูร มี สารเคมีประกอบด้วย acetaldehyde , betelphenol , caryophyllen , cineole , eugenol , limonene , linalool , orthodene , p-cymol , และ salvene การบูรมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ฆ่าแมลง และ ลดระดับคอเลสเตอรอล การบูรมีประสิทธิภาพในการช่วยกระตุ้นประสาท ส่วนกลาง และกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ทำให้การหายใจถี่ขึ้น การบูร ( Camphor ) ชื่อวิยาศาสตร์ของการบูร คือ Cinnamomum camphora (L.) J.Presl เป็น พืชตระกูลอบเชย ชื่อเรียกอื่น ๆของการบูร เช่น การะบูน อบเชยญวน พรมเส็ง เจียโล่ จางมู่ จางห น่าว เป็นต้น ลักษณะของต้นการบูร ต้นการบูร เป็นไม้ยืนต้น เป็นพื้นเมืองของประเทศในเขตอบอุ่น อย่างประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น และ ประเทศไต้หวัน ลักษณะของต้นการบูรเป็นทรงพุ่ม ขนาดกว้างและทึบ • ลำต้นการบูร มีความสูงประมาณ 30 เมตร เปลือกของลำต้นเป็นสีน้ำตาล ลักษณะผิวหยาบ เปลือก ของกิ่งการบูรเป็นสีเขียว และ สีน้ำตาลอ่อน เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลปนแดง เป็นส่วนที่สามารถนำมาทำ การบูร ที่มีกลิ่นหอม • ใบการบูร เป็นใบเดี่ยว ทรงรี ปลายใบแหลม โคนใบกลม ขอบใบเรียบ ใบค่อนข้างเหนียว หลังใบเป็น สีเขียวเข้ม มีลักษณะมัน ท้องใบมีสีเขียวอมเทา ไม่มีขน ใบเมื่อนำมาขยี้จะมีกลิ่นหอม การบูร • ดอกการบูร ต้นการบูรออกดอกเป็นช่อ กระจุกตามง่ามใบ ดอกมีขนาดเล็ก สีขาวอมสีเหลือง การบูร จะออกดอกในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมของทุกปี • ผลการบูร มีลักษณะกลมรูปไข่ ผลเป็นสีเขียวเข้ม แต่เมื่อสุกจะเป็นสีดำ ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด ประโยชน์ของการบูร
58 สำหรับการบูร สามารถนำมาใช้ประโยชน์มากมาย ด้านใช้เป็นยารักษาโรค และ เป็นส่วนผสมใน ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้ง อาหาร และ ยารักษาโรค เนื่องจาก กลิ่นหอม ช่วยกระตุ้นความรู้สึก บรรเทา อาการปวดศีรษะ แก้เมารถ เมาเรือ ช่วยแก้รอยผิวหนังแตกในช่วงฤดูหนาว นอกจากนั้น มีการนำมา ทำเป็นผลิตภัณฑ์แต่งกลิ่นอาหาร และ ขนม ลูกกวาด แยม เยลลี่ เครื่องดื่มโคคาโคลา เหล้า เป็น ส่วนผสมในเครื่องพะโล้ เครื่องแกงมัสมั่น ผงกะหรี่ คุกกี้ ขนมเค้ก เป็นต้น การบูร นำมาใช้ไล่ยุงและแมลงได้ โดยนำมาวางในห้องหรือตู้เสื้อผ้า และ ยังช่วยลดกลิ่นอับชื้นได้ นอกจากนี้ มีการใช้การบูร เป็นส่วนผสมของยาหอมเช่น ยาหอมเทพจิตร ยาหอมทิพโอสถ ยาประสะ ไพล ยาธาตุบรรจบ ยาประสะกานพลู ยามันทธาตุ ยาไฟประลัยกัลป์ ยาประสะเจตพังคี ยา ธรณีสัณฑะฆาต ยาธาตุอบเชย หรือนำมาใช้ทำน้ำมันไพล ลูกประคบ พิมเสนน้ำ เป็นต้น สรรพคุณของการบูร การใช้ประโยชน์ของการบูร ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์จาก ผลึก การบูร เมล็ด เปลือกลำต้น รากการบูร กิ่งการบูร เนื้อไม้การบูร โดยรายละเอียด ดังนี้ • เมล็ดของการบูร สรรพคุณช่วยแก้ธาตุพิการ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ รักษาลำไส้อักเสบ แก้ท้องร่วง แก้ อาการปวดท้องน้อย • เปลือกการบูร สรรพคุณช่วยปรับสมดุลย์ธาตุในร่างกาย ช่วยสมานแผล รักษาแผลเรื้อรัง รักษาแผล เน่าเปื่อย • เนื้อไม้การบูร สรรพคุณบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยในการขับเหงื่อ ช่วยขับเสมหะ ช่วยขับลม ทำให้ คลื่นไส้อาเจียน แก้ปวดท้อง แก้ท้องเสีย • ผลึกการบูร สรรพคุณช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ยาบำรุงหัวใจ เป็นยากระตุ้นหัวใจ ยาระงับประสาท ช่วยแก้เลือดลม แก้ปวดฟัน ช่วยในการขับเหงื่อ แก้ไข้หวัด แก้อาการไอ ช่วยขับเสมหะ ช่วยขับ ลม ทำให้คลื่นไส้อาเจียน แก้ปวดท้อง แก้ท้องเสีย ช่วยฆ่าพยาธิในท้อง บำรุงกำหนัด ช่วยขับ น้ำเหลือง แก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง แก้อาการคันตามผิวหนัง รักษากลาก เกลื้อน แก้ปวด ช่วยแก้อาการชัก
59 • กิ่งของการบูร สรรพคุณทำให้เลือดลมไหลเวียนดีแก้อาการปวดท้อง แก้อาการปวดตามข้อ แก้ปวด เส้นประสาท แก้เคล็ดขัดยอก • รากการบูร สรรพคุณทำให้เลือดลมไหลเวียนดีแก้อาการปวดท้อง แก้อาการปวดตามข้อ แก้ปวด เส้นประสาท แก้เคล็ดขัดยอก โทษของการบูร การใช้ประโยชน์จากการบูรมีทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งข้อควรระวังในการใช้ประโยชน์จากการบูร มี ดังนี้ • สำหรับสตรีที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ห้ามกินการบูร เนื่องจากจะเป็นพิษ • สำหรับคนที่อยู่ในภาวะปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขัด ป่วยโรคริดสีดวงทวาร อุจจาระแข็งและแห้ง ไม่ควรกินการบูร เพราะ จะทำให้ไม่หาย • การบูรที่มีสีสีเหลืองและสีน้ำตาล ห้ามกิน เนื่องจากเป็นพิษ • การกินการบูรในปริมาณเกิน 0.5 กรัมจะทำให้เวียนหัว แสบร้อนภายในร่างกาย ทำให้อัตราการเต้น ของหัวใจอ่อนลง เป็นอันตรายถึงชีวิต หินปะการัง หินปะการัง คือ แร่ธาตุ วัตถุธาตุ สมุนไพรจากแร่ธาตุ มีสรรพคุณ ช่วยแก้พิษไข้ รักษาไข้กาฬหลัง รักษาแผลเป็นหนอง แก้อักเสบ รักษาแผลอักเสบ
60 กำมะถันเหลือง กำมะถันผง ผงกำมะถันเหลือง Sulfer Powder สรรพคุณแก้โรคผิวหนัง พอง น้ำเหลืองเสีย ฆ่าเชื้อ โรค โรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน ฆ่าพยาธิทั้งภายในและภายนอก แก้จุกเสียด นมผา หินปูนสมุนไพร นมผา หินงอกหินย้อยในถ้ำหินปูน นำมาบดผสมยาหยอดตา แก้ตาอักเสบ นำมาบดผสมเหล้า แก้ปวด แสบ ปวดร้อน แก้โรคประดงข้อ ทองคำ แร่ธาตุชนิดหนึ่งเป็นอัญมณี ทองคำบริสุทธิ์ช่วยชะลอความเหี่ยวย่นของผิวหนัง สรรพคุณ ประโยชน์และโทษของทองคำ เครื่องสำอางบางชนิดมีส่วนผสมของทองคำ
61 ทองคำบริสุทธิ์มีมูลค่าในตัวของมันเอง ตั้งแต่อดีตโบราณสมัยยุคอียิป มีการนำทองคำมาทำเครื่อง ประโคมผิว เพราะ เชื่อว่าช่วยชะลอความแก่ ลดริ้วรอย บำรุงผิวพรรณ ปัจจุบัน ทองคำ เป็น ส่วนประกอบของเครื่องสำอาง หลายชนิด ทองคำ คือ โลหะแข็งสีเหลือง เป็นธาตุลำดับที่ 79 สัญลักษณ์ Au เกิดขึ้นในธรรมชาติ ทนทานต่อ สนิม ทองคำมีจุดหลอมเหลวที่ 1064 องศาเซลเซียส ลักษณะของทองคำ คือ เป็นเกล็ด เม็ดกลมแบน รูปผลึก จุดเด่นของทองคำ คือ ทองคำมีสีเหลือง สว่างสดใส และ มีประกายมันวาว ไม่เป็นสนิม แข็งเหนียว เนื้อแน่น ไม่สกปรก ไม่เป็นคราบไคล คุณสมบัติของทองคำ ทองคำเป็นโลหะอ่อน เหนียว ทองคำยังเป็นโลหะที่ไม่ละลาย ในกรด ทองคำนิยมนำมาทำ เครื่องประดับ เพราะ ทองคำเป็นโลหะ คุณสมบัติพื้นฐานของทองคำ คือ มีความมันวาว มีความ คงทน มีความหายาก และ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ โดยรายละเอียด ดังนี้ • ความงดงามมันวาว ( Lustre ) ความมันวาวของทองคำ สร้างความงาม ทองคำ สามารถเปลี่ยนเป็น เฉดสีทองหากนำไปผสมกับโลหะอื่น ๆ • ความคงทน ( Durable ) ทองคำไม่หมอง ไม่ขึ้นสนิม แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร • ความหายาก ( Rarity ) ทองคำ เป็นแร่ธาตุในดินที่หายาก ค่าใช้จ่ายที่สูงในการค้นหา • การนำกลับไปใช้ประโยชน์ ( Reuseable ) ทองคำ เหมาะสำหรับนำมาทำเครื่องประดับ อีกทั้งยัง สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ด้วยการหลอม
62 ประโยชน์ของทองคำต่อร่างกาย ทองคำ นอกจากความสวยงามและมูลค่าที่สูง ประโยชน์ของทองคำ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทาง สมุนไพร การบำรุงร่างกาย และ การรักษาโรค คือ เป็นอาหาร เครื่องสำอางค์ของใบหน้า สรรพคุณ ของทองคำ สามารถสรุป ได้ดังนี้ • อาหารและเครื่องดื่ม มีการนำทองคำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร เพื่อตกแต่งให้สวยงามและเพิ่ม มูลค่าให้อาหาร ทองคำไม่มีปฏิกิริยาต่อเซลล์ของร่างกายมนุษย์ ทองคำไม่มีปฏิกิริยาต่อร่างกาย ไม่มี คุณค่าทางอาหาร • การรักษาโรค ทองคำมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบและบวมช้ำ และ สามารถต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจาก ข้อกระดูกอักเสบ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้จริง • การลดริ้วรอย ทองคำช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีผลต่อการบรรเทาอาการอักเสบของกระดูก อาการบวม ช้ำ ซึ่งทองคำสามารถต้านการอักเสบจากการรับรังสียูวีของผิวหนัง ได้ ทองคำจึงถูกนำมาใช้เป็น ส่วนผสมในเครื่องสำอางต่าง ๆ ผลข้างเคียงของการใช้ประโยชน์จากทองคำ ทองคำบริสุทธิ์ไม่มีผลต่อร่างกาย ไม่ทำให้ระคายเคือง แต่ทองคำ เมื่อเปลี่ยนแปลงด้วยกระบวนการ ทางเคมี จะกลายโกลด์ซอลท์ มีอันตรายต่อตับและไต มันจะเข้าไปหยุดยั้งการสร้างเม็ดเลือดแดง และ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ และ ระคายเคืองผิวหนังได้ในบางคน ทองคำ คือ แร่ธาตุชนิดหนึ่ง สมุนไพรประเภทแร่ธาตุ เป็นอัญมณี ด้านสุขภาพและความงาม ทองคำ บริสุทธิ์ช่วยชะลอความเหี่ยวย่นของผิวหนัง สรรพคุณของทองคำ ประโยชน์ของทองคำ โทษของ ทองคำ เครื่องสำอางค์ที่มีส่วนผสมของทองคำ เช่น ครีมทาผิว ครีมพอกหน้า บังลังก์ศิลา หินอ่อนจีน
63 สมุนไพรแร่ธาตุ หินอ่อนจีน บัลลังก์ศิลา เป็นหินสีขาวขุ่น รสเย็น สรรพคุณ ลดการขับเหลื่อ ลด อาการอักเสบ แก้ปวดร้อน รักษาแผลเรื้อรัง รักษากามโรค แก้วแกลบ แก้วแกลบ คือ วัตถุธาตุสมุนไพรประเภทแร่ธาตุ ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวบาง พบได้ในพื้นที่ภูเขาหินผุ แก้วแกลบ มีฤทธิรสเย็น สรรพคุณของแก้วแกลบ คือ ช่วยขับปัสสาวะ แก้พิษโลหิตน้ำเหลือง ช่วยขับ ของเสีย รักษาโรคตา หินเขี้ยวมังกร สมุนไพรประเภทแร่ธาตุ ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงระบบประสาท
64 หินเขี้ยวมังกร สมุนไพรแร่ธาตุ เป็น วัตถุธาตุ ที่มีลักษณะคล้ายฟันเขี้ยวของสัตว์ใหญ่ มีความแข็งมาก พบได้ตามหน้าผา หรือ ภูเขาสูงในประเทศจีน สรรพคุณของหินเขี้ยวมังกร ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุง ระบบประสาท รักษาโรคประสาท แก้สะดุ้ง อาการผวาตกใจ ดินท้องเรือจ้าง ดินท้องเรือจ้าง คือ สมุนไพรแร่ธาตุ ที่ได้จากดินที่อยู่ตรงท้องเรือจ้าง ซึ่งมีลักษณะเป็นเมือก สรรพคุณ ของดินท้องเรือจ้าง ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน รักษาโรคลักปิดรักเปิด และ รักษาความชุ่มชื่นของผิม หนัง สรรพคุณของดินชนิดอื่น ๆ • ดินเหนียว มีรสเย็นฝาดเล็กน้อย สรรพคุณของดินเหนียว ใช้ผสมการบูรพอกที่เท้า เพื่อให้ดูดลมให้ลง สู่เบื้องต่ำ • ดินขุยปู่ มีรสเย็นฝาดเล็กน้อย สรรพคุณของดิขุยปู แก้พิษกาฬ ถอนพิษกาฬ ละลายผสมยามหานิล พาดหัวกาฬ แก้โรคมาลาเรีย • ดินปลวกดำ หรือ ดินปลวกขาว รสชาติเย็นฝาด สรรพคุณของดินปลวก แก้คุณผี คุณคน แก้ปวด ช่วยสมานภายใน • ดินรังหมาร่า รสชาติเย็น สรรพคุณของดิหมาร่า ช่วยดับพิษร้อน แก้ปวดบวม • ดินสอพอง รสจืดเย็น สรรพคุณของดินสอพอง ลดความร้อนในร่างกาย แก้ไข้ รักษาผดผื่นคัน รักษา โรคผิวหนัง
65 ดีเกลือ Epsom salts แมกนีเซียมซัลเฟต เม็ดละเอียดสีขาว เค็ม มีประโยชน์ต่อสุขภาพ สรรพคุณ ช่วยขับของเสีย บำรุงผิว ช่วยคลายเครียด ป้องกันเส้นเลือดแข็งตัว ลดการเกร็ง ดีเกลือ ( Epsom Salt ) คือ สารชนิดหนึ่ง เป็นสารประกอบเกลือซัลเฟต ของโซเดียม และ แมกนีเซียม ประเภทของดีเกลือ ดีเกลือสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ประกอบด้วย ดีเกลือไทย และ ดีเกลือฝรั่ง ซึ่งดีเกลือทั้ง 2 ชนิดมี ลักษณะที่แตกต่างกัน และ มีคุณสมบัติ แตกต่างกัน มีรายละเอียด ดังนี้ • ดีเกลือไทย ( Na2SO4) เรียกว่า โซเดียมซัลเฟต เป็นเกลือซัลเฟตของโซเดียม ลักษณะของดีเกลือ ไทยเป็นผง มีสีขาว ไม่มีกลิ่น รสเค็ม สรรพคุณช่วยขับพิษเสมหะ และ ขับพิษในโลหิต ช่วยถ่าย อุจจาระ แก้โรคท้องผูก • ดีเกลือฝรั่ง ( MgSO4.7H2O ) เรียกว่า แมกนีเซียมซัลเฟต เป็นเกลือซัลเฟตของแมกนีเซียม ลักษณะ ของดีเกลือฝรั่ง เป็นผลึก มีสีขาวใส คล้ายกับผงชูรส ไม่มีกลิ่น สามารถละลายน้ำได้ มีรสเค็ม ดีเกลือ ทั้งสองชนิกมีคุณประโยชน์เหมือนกัน ส่วนมากดีเกลือที่มีขายตามท้องตลาด คือ ดีเกลือฝรั่ง ( แมกนีเซียมซัลเฟต ) ซึ่งสามารถหาซื้อได้ ตามร้านขายสารเคมี และ ร้านขายยาแผนโบราณ สรรพคุณของดีเกลือ
66 สำหรับประโยชน์ของดีเกลือ ด้านการบำรุงสุขภาพ และ การรักษาโรค คือ เป็นยาระบาย ช่วยแก้ ท้องผูก ช่วยขับพิษเสมหะ และ ขับของเสียออกจากเลือด ในทางปศุสัตว์ นิยมนำดีเกลือ มาใช้การ รักษาปลา และนำมาบำรุงดิน สำหรับดินที่ขาดธาตุแมกนีเซียม ประโยชน์ของดีเกลือ การใช้ประโยชน์ของดีเกลือ มากมาย โดยเฉพาะการบำรุงความงาม โดยประโยชน์ของดีเกลือในด้าน ต่างๆ มีดังนี้ ประโยชน์ของดีเกลือในการล้างพิษตับ ดีเกลือ สามารถล้างพิษในตับได้ โดยการใช้ประโยชน์จากดีเกลือ มีดังนี้ • ดีเกลือสรรพคุณทำใหท่อน้ำดีขยายตัว สามารถแก้โรคนิ่วได้ • สรรพคุณช่วยขับพิษที่ขัดขวางการเดินทางของนิ่ว • ดีเกลือช่วยให้ถ่ายท้อง เป็นยาระบาย สามารถขับสารพิษออกจากร่างกายได้ • ดีเกลือช่วยคลายเครียด และทำให้หลับง่ายขึ้น สำหรับคนมีปัญหานอนยาก หรือ นอนไม่หลับ ดีเกลือ ช่วยได้ นอกจากนี้ดีเกลือยังช่วยพัฒนากล้ามเนื้อ รวมทั้งระบบประสาท ป้องกันการแข้็งตัวของเส้น เลือด ลดอาการเกร็ง • ดีเกลือช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ลดปัญหาการปวด ศีรษะ ป้องกันโรคไมเกรนได้ ประโยชน์จากดีเกลือด้านการบำรุงความงาม ดีเกลือ สามารถใช้ประโยชนด้านการบำรุงความงาม ทั้งด้าน ผิวพรรณ เส้นผม และ ฟันสวย โดย รายละเอียด ดังนี้ • ด้านการบำรุงผิว สามารถนำ ดีเกลือ มาใช้ขัดผิว โดยการใช้ดีเกลือโรยในเคลนเซอร์ สำหรับผิวหน้า แล้วนำไปฟอกหน้า ช่วยทำให้ผิวหน้าสะอาด ต้านริ้วรอยบนใบหน้า ลดการเกิดสิวได้
67 • ด้านการบำรุงเส้นผม สามารถใช้ดีเกลือกับคอนดิชันเนอร์ ผสมกัน และนำมานวดบนหนังศีรษะและ เส้นผม หมักทิ้งไว้ 10 นาที ทำให้เส้นนุ่ม มีน้ำหนัก เงางาม • ด้านการกำจัดสารพิษในร่างกาย สามารถใช้ดีเกลือใส่ผสมน้ำ และ นอนแช่น้ำดีเกลือ ช่วยขจัดสารพิษ และโลหะหนักในร่างกาย • ด้านการบำรุงฟัน สามารถใช้ดีเกลือขัดฟัน ช่วยให้ปากเนียนนุ่ม ใช้แทนยาสีฟัน ขัดฟันทำห้ฟันขาว สูตรน้ำดีเกลือ ส่วนผสม ประกอบก้วย ดีเกลือฝรั่ง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำอุ่น 1 แก้ว น้ำมะนาว 1 ช้อนชา โดยผสมส่วนผสมทั้งหมดให้ละลายเข้ากัน ดื่มให้หมดแก้ว จะทำให้แผลสิวอักเสบหายเร็วขึ้น ระบบ ขับถ่ายทำงานปกติ การดื่มน้ำดีเกลือฝรั่ง ช่วยให้สิวลดลง สิวอักเสบ สิวหนอง สิวหัวช้าง จะหายเร็วขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ กับการดูแลในเรื่องอื่นๆ ด้วย ทั้งเรื่องการดูแลความสะอาด การรับประทานอาหารอื่นๆ และใครที่ สนใจจะลองใช้ดีเกลือในการรักษาสิวก็ควรที่จะศึกษาข้อมูลให้ดีและใช้ในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น การแช่น้ำดีเกลือ นำน้ำดีเหลือผสมน้ำร้อนสัก 2 – 3 ถ้วย มาผสมในน้ำอุ่น และ นอนแช่ในน้ำดีเกลือ เป็นอีกหนึ่งการใช้ ประโยชน์จากดีเกลือในการบำรุงร่างกาย ซึ่งประโยชน์ของการแช่น้ำดีเกลือ มีดังนี้ • ช่วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและระบบประสาท • ช่วยระบายสารพิษออกจากร่างกาย • ลดอาการบวม อาการอักเสบ รักษาแผลฟกช้ำ • ช่วยทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม และ ขัดเซลล์ผิวที่ตายให้หลุดลอก • ช่วยบรรเทาปวดเมื่อย • ดับกลิ่นเท้า • บรรเทาอาการข้อเท้าเคล็ด
68 สูตรมาส์กหน้าด้วยดีเกลือ โดยใช้แครอทขูดเป็นฝอย 1/4 ถ้วยตวง มายองเนส 1 ช้อนชาครึ่ง กับ ดี เกลือครึ่งช้อนชา ผสมให้เข้ากัน พอกหน้า ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน เปล่งปลั่ง ลดการเกิดสิว สูตรหมักผมด้วยดีเกลือ โดยใช้ดีเกลือ 9 ช้อนโต๊ะ ผสมกับ แชมพูสำหรับผมมัน 1/2 ถ้วยตวง ผสมให้ ส่วนผสมเข้ากัน และนำมาหมักผม และ ล้างออกด้วยน้ำเย็น ช่วยแก้ปัญหาผมมันได้ โทษของดีเกลือ • การดื่มน้ำดีเกลือ สามารถช่วยเรื่องการลดอาการอักเสบของสิว แต่ทำให้ถ่ายท้อง ซึ่งอาจทำให้เกิด ปัญหาร่างกายขาดน้ำได้ รวมถึง • การดื่มน้ำดีเหลือทำให้ไตทำงานหนักขี้น ผู้ป่วนโรคไตต้องระวังการรับประทานดีเหลือ • ดีเกลือ หากนำมาใช้รับประทานแต่ทำไม่สะอาด อาจทำให้เกิดภาวการณ์ติดเชื้อโรคอื่น ๆ ได้ • น้ำดีเกลือเค็ม ไม่ควรใช้กับคนโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และ โรคเบาหวาน ดินประสิว โพแทสเซียมไนเตรต Potassium Nitrate ดินที่มีฤทธิ์เป็นกรด สรรพคุณต้านเชื้อแบคที่ เรีย นำมาทำยาสมุนไพร ช่วยขับลม ถอนพิษ ดินประสิวใช้ถนอมอาหาร ดินประสิว หรือ โพแทสเซียมไนเตรต ( Potassium Nitrate ) คือ ดินที่มีฤทธิ์เป็นกรดเกิดจาก ปัสสาวะของสัตว์หรือคน ปัจจุบัน ดินประสิว ผลิตมาจากอากาศสกัดโดยไนโตรเจนแล้วนำมาทำกรด ไนตริก ดินประสิว มีคุณสมบัติในการป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ ป้องกันการ เจริญเติบโตของเชื้อคลอสตริเดียมโบทูลินัม ลักษณะของดินประสิว
69 ดินประสิว มีลักษณะเป็น ผงสีขาว ละลายได้ดีในน้ำ ไม่มีกลิ่น รสเค็มเล็กน้อย มีความคงตัวดี อาจมี การเปลี่ยนรูปขึ้นอยู่กับสภาวะสิ่งแวดล้อม ดินประสิวในประเทศไทย สำหรับดินประสิว นั้นคนไทยเรารู้จักดินประสิว เนื่องจาก นำดินประสิวมากทำดินปืน เป็นส่วนผสมใน ดินปืน และนำมาถนอมอาหารเป็นสารกันบูด ทำให้สีของเนื้อสัตว์ดูสดอยู่เสมอ กระทรวงสาธารณสุข ของประเทศไทย อนุญาตให้ใช้สารกันบูดจากไนเตรตในอาหารได้กระทรวงสาธารณสุขของประเทศ ไทย ได้กำหนดปริมาณการใช้ดินประสิวในอาหาร ไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม ประโยชน์ของดินประสิว สำหรับประโยชน์ของดินประสิว และ สรรพคุณของดินประสิว ด้านการรักษาโรค และ การบำรุง ร่างกาย ในตำรายาโบราณ เรียกดินประสิวว่า เกลือสุรจระ นำเข้ามาจากประเทศอินเดีย นำ โพแทสเซียมไนเตรต ต้ม กรอง แล้วเคี่ยวให้แห้ง ใช้เป็นยาขับลม ถอนพิษ ประโยชน์ต่าง ๆ ของดิน ประสิว มีดังนี้ • ใช้เป็นส่วนขยายสูตรยาฆ่าหญ้า ลดต้นทุนในการทำเกษตรกรรม • ใช้เป็นยาฆ่าตอไม้ ( Stump Remover ) ทำให้ตอไม้ใต้ดินเปื่อยยุ่ย • ใช้ลดอุณหภูมิ เป็นสารหล่อเย็น นำมาละลายน้ำ จะได้สารละลายที่มีอุณหภูมิต่ำประมาณ 8 – 12 องศาเซลเซียส • ใช้ทำธูป ดินประสิวเป็นส่วนผสมของเนื้อธูป • ใช้ผลิตกระจก และ เลนส์ นำดินประสิวมาเป็นส่วนผสมของน้ำยา เพิ่มความแข็งแกร่งของกระจก และ เลนส์ • ใช้เป็นผสมของยาสีฟัน เพื่อลดอาการเสียวฟัน • ใช้เป็นสารเร่งดอก เป็นปุ๋ยใช้กับพืชสวน เช่น มะม่วง มังคุด เป็นต้น • ใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยาแผนโบราณ ช่วยถอนพิษ และ ช่วยขับลม
70 การใช้ประโยชน์จากดินประสิวยังมีการนำเอาดินประสิวมาใช้ประโยชน์ทางอุตสาหกรรมต่าง ๆ หลากหลาย เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมดอกไม้ไฟ และ อุตสาหกรรมทองรูปพรรณ โดย รายละเอียด ดังนี้ • อุตสาหกรรมอาหาร จะใช้ดินประสิว เป็นสารกันบูด และ สารถนอมสีเนื้อสัตว์ให้ดูสดอยู่เสมอ นำมา ทำให้ เนื้อเค็ม ปลาเค็ม กุนเชียง ไส้กรอก เบคอน ปลาร้า แหนม เป็นต้น ดินประสิว มีคุณสมบัติใน การป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ ป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อคลอสตริเดียมโบทู ลินัม • อุตสาหกรรมดอกไม้ไฟและพลุ จะนำดินประสิวเป็นส่วนผสมของดินปืน ดินประสิวจะทำหน้าที่เป็นตัว ออกซิไตส์ ให้เกิดแรงขับดันแก่ดอกไม้ไฟ บั้งไฟ ตะไล พลุ ประทัด เป็นต้น • อุตสาหกรรมทองคำรูปพรรณ จะใช้ดินประสิว เป็นตัวลดอุณหภูมิการหลอมละลายของทอง ทำให้ ทองหลอมละลายได้ง่าย สามารถแยกสิ่งสกปรกส่วนเกินออกจากทองคำได้ ดินประสิว ทำให้สีของ ทองคำรูปพรรณเปล่งปลั่ง สวยงาม โทษของดินประสิว ดินประสิว เป็น สารก่อมะเร็ง ดินประสิวเมื่ออยู่น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร อาจทำให้ท้องร่วงอย่าง รุนแรง ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ หายใจไม่ออกได้ เป็นอันตรายกับเด็ก ดินประสิว หรือ โพแทสเซียมไนเตรต ( Potassium Nitrate ) คือ ดินที่มีฤทธิ์เป็นกรด มีสรรพคุณ ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคที่เรีย นำมาเป็นส่วนผสมของยาสมุนไพร ช่วยขับลม และ ถอนพิษ ดินประสิว ใช้ถนอมอาหาร นำมาทำดินปืน และ เป็นส่วนผสมในการทำทองคำรูปพรรณ จุนสีคอปเปอร์ซัลเฟต เกลือที่เกิดจากสนิมทองแดง เป็นผลึกสีนํ้าเงิน ประโยชน์ของจุนสี รักษาแผล รักษาเหงือกและฟัน กำจัดหูด รักษาคออักเสบ รักษาแผลในตา ใช้ชุบทองแดง
71 จุนสีหรือ คอปเปอร์ซัลเฟต สูตรทางเคมี คือ CuSO4 มีชื่อเรียกต่างๆของจุนสี เช่น หินเขียว ต๋าฮ้วง Bluestone เป็นต้น จุนสีเป็นสารประกอบของทองแดง กำมะถัน และ ออกซิเจน เกลือจุนสี นั้นพบได้ หลายรูปแบบมีสีฟ้าสด มีประโยชน์เป็นสารปราบวัชพืช สารกำจัดสัตว์และแมลงรบกวน สารฆ่าเชื้อ รา จุนสีพบได้ในธรรมชาติ พบในเหมืองทองแดง ผลึกจุนสี ใช้โลหะทองแดง หรือ สนิมทองแดง ทำ ปฏิกิริยากับกรดกำมะถัน คนทั่วไปจึงมักเข้าใจผิดว่า จุนสี คือ สนิมทองแดง จุนสี เป็นของดี และ บริสุทธิ์ไม่มีสิ่งเจือปน จุนสีที้เปลี่ยนเป็นสีขาวจะเรียก จุนสีสะตุ สรรพคุณของจันสี จุนสี มี รสเปรี้ยว ฝาด และเย็น ตามตำรายาโบราณ ได้ใช้ประโยชน์จากจุนสี ดังนี้ • จุนสีผสมกับขี้ผึ้ง ใช้กัดหัวหูด ใช้ทารักษาแผลหนอง • จุนสีละลายน้ำอ่อนๆ ใช้หยอดตา รักษาแผลในตา นำมาอมแก้โรคเหงือกและฟัน รักษาอาการปาก เปื่อย รักษาคออักเสบ ทำให้อาเจียนขับสานพิษ โทษของจุนสี การใช้จุนสีเป็นยารักษาโรคนั้น ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากอาจทำให้เกิดพิษต่อร่างกายได้ การกินจุนสีผสมน้ำทำให้อาเจียน หากกินมากเกินไปเป็นอันตราต่อร่างกายได้ จุนสี หรือ คอปเปอร์ซัลเฟต คือ เกลือปรกติชนิดหนึ่งเกิดจากสนิมทองแดง ลักษณะเป็นผลึกสีนํ้าเงิน ประโยชน์ของจุนสี รักษาแผลหนอง รักษาโรคเหลือกและฟัน กำจัดหูด รักษาคออักเสบ รักษาแผลใน ตา นอจจากนั้นใช้ในการชุบทองแดง ฆ่าลูกนํ้า ปราบวัชพืช สารกำจัดสัตว์และแมลง ฆ่าเชื้อรา
72 สมุนไพร หมายถึง สิ่งที่นำมาใช้ประโยชน์เป็นยาเพื่อการรักษาโรคและบำรุงร่างกาย ซึ่งได้จากพืช สัตว์ หรือ แร่ธาตุ โดยมีการผสม ปรุง หรือ แปรสภาพ ในรูปแบบต่าง ๆ ทั่วไปหากกล่าวถึง สมุนไพร คนทั่วไปมักนึกถึง พืชที่สามารถนำมาทำเป็นยาเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว สมุนไพร หมายรวมถึง สัตว์ หรือ แร่ธาตุจากธรรมชาติด้วย อ้างอิงตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ยาสมุนไพร หมายถึง ยาที่ได้จากพฤกษาชาติ สัตว์ หรือ แร่ธาตุ ซึ่งมิได้ผสมปรุงหรือแปรสภาพ เช่น ส่วน ต่าง ๆ ของพืช ราก ลำต้น ใบ ดอก หรือ ผล ไม่ได้ผ่านกระบวนการแปรรูปใด ๆ แต่สำหรับในทางการค้าแล้ว พืช เพื่อการรักษาโรคจะถูกแปรรูปให้อยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อความสะดวกในการใช้และจำหน่าย เช่น ทำให้เล็กลง บด เป็นผง หรือ อัดเป็นแท่ง ประโยชน์ของสมุนไพร สำหรับประโยชน์ของสมุนไพร มีหลากหลายแต่วัตถุประสงค์หลักของการใช้พืชเพื่อการรักษาโรค คือ การ รักษาโรค และ ทำให้มนุษย์หายจากอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เราสามารถสรุปประโยชน์ของพืชเพื่อการรักษาโรค ได้ ดังนี้ • สามารถใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตยา • สามารถเป็นวัตถุดิบที่ใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ตัวยา เช่น น้ำมันพืช สามารถนำมาทำเป็นวัตถุดิบ สารตั้งต้นในการผลิตบีตาซิโตสเตียรอล ( beta sitosterol ) ซึ่งจะนำมาผลิตยาสเตียรอยด์ได้ เป็นต้น • สามารถเป็นตัวอย่างของการศึกษาสารเคมีที่มีคุณสมบัติเหมือนตัวยาในพืชเพื่อการรักษาโรค • สามารถเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสุขภาพ เช่น โสม นมผึ้ง เกสรผึ้ง เป็นต้น บทบาทของสมุนไพรด้านเศรษฐกิจ พืชเพื่อการรักษาโรคในปัจจุบันมีบทบาทและมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ ซึ่งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ได้มีโครงการสมุนไพรกับสาธารณสุขมูลฐาน โดบได้สนับสนุนให้มีการใช้พืชเพื่อการรักษาโรคเพื่อ นำมาบำบัดโรค ในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐให้มากขึ้น รวมถึงมีการส่งเสริมให้มีการปลูกพืช 73
เพื่อนำเอามาเป็นส่วนผสมของตำรับยา พืชเพื่อการรักษาโรคจะช่วยให้ประเทศสามารถประหยัดเงินใน การนำเข้ายาจากต่างประเทศ และสร้างอาชีพให้กับชุมชนได้ นอกจากนั้น มีการส่งเสริมให้มีการศึกษาค้นคว้า เพื่อพัฒนายาจากพืช และ นำมาพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบที่ สะดวกต่อการบริโภค เช่น แคปซูล ยาเม็ด ครีม ขี้ผึ้ง เป็นต้น รัฐบาลได้สนับสนุนให้มีการวิจัยพืชต่าง ๆ ที่มี สารสำคัญที่มีคุณสมบัติทางเคมี เพื่อใช้ในการรักษาโรค รวมถึงส่งเสริมให้ศึกษาถึงความเป็นพิษและผลข้างเคียง จากการใช้พืชต่าง ๆ ในการรักษาโรค เพื่อความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์ ความสำคัญของสมุนไพรด้านการสาธารณสุข มีหลักฐานว่ามนุษย์รู้จักการใช้ พืชเพื่อการรักษาโรคในการรักษาโรคมากว่า 6,000 ปี ซึ่งในระยะหลังๆ ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์พัฒนาก้าวหน้ามากขึ้น มีการผลิตยาจากสารเคมี มีการสังเคราะห์ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ ได้ง่าย สะดวกสบายกว่าการใช้พืชเพื่อการรักษาโรคแบบเดิมๆ ทำให้ความต้องการในการใช้พืชเพื่อการรักษาโรค ลดลง แต่ในทางการสาธารณสุข ยอมรับว่า สารต่างๆที่สกัดจากสมุนไพรมีสรรพคุณที่ดีกว่ายาที่สังเคราะห์ได้ทาง วิทยาศาสตร์ และ ปัจจุบันยังมีพืชอีกหลายชนิดที่ยังไม่ได้มีการศึกษาวิจัย เพื่อพัฒนานำมาทำตัวยา นโยบายสาธารณสุขขั้นมูลฐานของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2522 มีโครงการสาธารณสุขขั้นมูลฐานในแผนพัฒนา การสาธารณสุข ตามแผนพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 4 ปี พ.ศ. 2520 – 2524 ต่อเนื่องจนถึง แผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2535 – 2539 ระบุใหัพัฒนาพืชเพื่อการรักษาโรคและ การแพทย์แผนไทยในงานสาธารณสุขมูลฐาน โดยรายละเอียด ดังนี้ ความสำคัญของสมุนไพรต่อการพัฒนาประเทศ ประเทศไทยมีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เหมาะสม สำหรับการเจริญเติบโตของพืชหลายๆชนิด และด้วยภูมิ ปัญญาของมุษย์ สัญชาติญานการเอาตัวรอด จึงมีการนำเอาพืชต่างๆมาฝช้รักษาโรคมากมาย ผ่านการลองผิดลอง ถูก จนเกิดเป็นภูมิปัญาด้านการรักษาโรค แต่การใช้ประโยชน์จากพืชเพื่อรักษาโรคต้องใช้อย่างระมัดระวัง และ เข้าใจโรคต่างๆอย่างแท้จริง 74
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี พ.ศ. 2560 มาตรา 55 ว่าด้วย การสนับสนุนให้มีการพัฒนาด้านการแพทย์ แผนไทยในการบริการสุขภาพ โดยบัญญัติไว้ว่า รัฐต้องดําเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มี ประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง เสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการพัฒนาภูมิปัญญาด้านแพทย์แผนไทย ให้เกิดประโยชน์สูงสุด บริการสาธารณสุขต้อง ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมและป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพด้วย รัฐต้อง พัฒนาการบริการสาธารณสุขให้มีคุณภาพและมีมาตรฐาน และ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี พ.ศ. 2560 มาตรา 69 ว่าด้วยเรื่อง การส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมเพื่อสร้างเศรษฐกิจให้กับ ประเทศ และการสร้างนวัตกรรม ยาพืชเพื่อการรักษาโรคก็นับเป็นโอกาสทองของคนไทย • สนับสนุนและพัฒนาวิชาการและเทคโนโลยีพื้นบ้านอันได้แก่ การแพทย์แผนไทย เภสัช กรรมแผนไทย การนวดไทย พืชเพื่อการรักษาโรค และเทคโนโลยีพื้นบ้าน เพื่อใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหา สุขภาพ ของชุมชน • สนับสนุนและส่งเสริมการดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง โดยใช้ พืชเพื่อการรักษาโรค การแพทย์พื้นบ้าน การนวดไทย ในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน ให้เป็นไปอย่างถูกต้องเป็นระบบสามารถปรับประสาน การดูแลสุขภาพแผนปัจจุบันได้ อาจกล่าวได้ว่าสมุนไพรสำหรับสาธารณสุขมูลฐาน คือ สมุนไพรที่ใช้ใน การส่งเสริมสุขภาพ และการรักษาโรคและอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งตนเองได้ มากขึ้น รูปแบบของสมุนไพร การนำเอาสิ่งต่าง ๆ จากธรรมาชาติ ไม่ว่าจะเป็น พืช สัตว์ หรือ แร่ธาตุ เพื่อนำมาเป็นพืชเพื่อการรักษาโรคในการ รักษาโรค เราสามารถจำแนกรูปแบบของสมุนไพร ดังนี้ • รูปแบบของแข็ง เป็นลักษณะของยาลูกกลอน คือ การนำเอาส่วนต่างของพืชไปตากแห้ง และนำมาบดเป้น ผล และ นำมาผสมกันน้ำผึ้งและปั้นเป็นก้อนกลมๆ เพื่อให้กินง่าย • รูปแบบกึ่งแข็งกึ่งเหลว เป็นลักษณะของยกที่ใช้พอก โดยนำส่วนต่าง ๆ ของพืชมาบดหรือตำให้แหลก และ นำมาพอกรักษาโรค 75
• รูปแบบการอบไอน้ำหรือรมควัน เช่น การนำมารมควัน เพื่อใช้ในการสูดดมกลิ่น เพื่อรักษาแผล หรือ โรค เดี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ การนำ สมุนไพรไทย มาใช้ประโยชน์สำหรับรักษาโรค ด้วยการปรุงเพื่อรับประทาน ทา หรือประคบ นั้น แพทย์ แผนโบราณ มีรูปแบบการปรุงยาจากสมุนไพร หลายรูปแบบ รายละเอียด ดังนี้ • การต้ม เป็นการนำเอาพืชมาต้ม นำน้ำที่ได้จากการต้มมาใช้รักษาโรค • ยาชง เป็นการนำเอาพืชมาทำให้อยู่ในรูปแบบผง มาผสมกับน้ำร้อน เพื่อนำมาดื่มกิน • ยาดอง เป็นการนำเอาพืชมาดอง เนื่องจากพืชบางอย่างไม่เหมาะสมต่อการทานสด การดองเป็นอีก รูปแบบหนึ่งที่ทำให้กินง่ายและได้ประโยชน์ • การปั้นเป็นยาลูกกลอน เป็นการบดเป็นผงและผสมกับน้ำผึ้ง และปั้นเป็นก้อนให้รับประทานได้ง่าย • การคั้นน้ำ เป็นอีกรูปแบบ ที่นิยมใช้กับพืชสดๆ คั้นเอาน้ำจากผล หรือ ใบของพืชมาใช้ประโยชน์ • ยาพอก เป็นลักษณะของการรักษาภายนอก เช่น แผลสด แผลติดเชื้อ เป็นต้น หลักการในการใช้สมุนไพร • สำหรับหลักการสำหรับการใช้พืชเพื่อการรักษาโรค เพื่อการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค มีหลักการใน การปฏิบัติสำหรับการใช้งาน ดังนี้ • สำหรับอาการของโรคที่ต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน เช่น ไข้สูงผิดปรกติ อาการซึม อาการไม่รู้สึกตัว การปวดอย่างรุนแรง อาเจียนเป็นเลือด อาการตกเลือดจากช่องคลอด อาการท้องเดินอย่างรุนแรง ควร นำส่งแพทย์เพื่อรับการรักษา ไม่ควรรักษาด้วยตนเอง • ห้ามใช้ในปริมาณที่มาก และ ห้ามใช้ติดต่อกันนานเกินไป เพราะ จะเกิดผลเสียมากกว่าการรักษาได้ สำหรับโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคอย่างชัดเจน ควรรับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรรักษา ด้วยตนเอง ด้วยการใช้พืชเพื่อการรักษาโรคหากเกิดอาการแพ้ หรือร่างกายผิดปรกติ ควรหยุดการใช้
76 ทันทีการรักษาโรคและบำรุงร่างกาย ควรได้รับคำแนะนำการใช้งานจากผู้มีความรู้ การเก็บรักษาสมุนไพร • ควรเก็บรักษาไว้ในพื้นที่ไม่ร้อนและไม่มีความชื้น โดยสถานที่เก็บต้องเป็นพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี • ต้องเก็บรักษาไว้ในที่แห้ง เพื่อป้องกันเชื้อรา สถานที่จัดเก็บต้องให้แห้งจริงๆ • ควรแยกประเภทให้ชัดเจน เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการหยิบผิด ซึ่งหากใช้ผิดก็เป็นอันตรายกับคน ป่วยได้ • ต้องตรวจคุณภาพของพืชเพื่อการรักษาโรคอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาคุณภาพเพื่อจะได้รักษาอย่างมี • ประสิทธิภาพด้วย
77 คำแนะนำการใช้สมุนไพร • สำหรับการใช้พืชเพื่อการรักษาโรค เป็นเสมือนดาบสองคม สามารถให้คุณและโทษได้ ซึ่งการใช้ประโยชน์ ต้องใช้อย่างถูกต้อง และ ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม จึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด บทสรุป สมุนไพร สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการรักษา หรือ ป้องกันการเกิดโรคได้ เนื้อหาต่าง ๆของเราได้รวบรวม พืช ใกล้ตัว ชื่อวิทยาศาสตร์ ชิ่ือเรียกอื่นๆตามแต่ละท้องถิ่น ลักษณะของพืช และสรรพคุณการรักษาโรค และ โทษจาก การใช้ ตลอดจนวิธีใช้ แต่การรักษาโรคต้องได้รับการรักษาและวินิจฉัยสาเหตุของการเกิดโรคจากแพทย์เท่านั้น เรา ไม่แนะนำให้ท่านศึกษาข้อมูลและนำพืชเพื่อการรักษาโรคไปใช้เพื่อการรักษาโรค โดยขาด
78 คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ • รางจืด สรรพคุณ ช่วยขับสารพิษ ช่วยสมานแผล ใช้ลดไข้ แก้ท้องเสีย แก้ท้องร่วง แก้แพ้ผื่นคัน แก้ เบาหวาน ลดน้ำตาลในเส้นเลือด • ว่านหางจระเข้ สรรพคุณรักษาแผล บำรุงผิว รักษาแผลในกระเพาะอาหาร และ บำรุงเส้นผม นิยม นำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำเครื่องสำอางค์ สำหรับผิว สำหรับผม • ดอกอัญชัน สรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ บำรุงเส้นผม และเป็นยาระบายอ่อนๆ แก้อาการคลื้นไส้ อาเจียน ใช้บำรุงความงาม • ดอกคำฝอย สรรพคุณช่วยขับประจำเดือน บำรุงหัวใจ บำรุงโลหิต ลดไขมันในเลือด ขับเสมหะ แก้โรค ผิวหนัง แก้บวม บำรุงระบบประสาท • ใบบัวบก สรรพคุณช่วยบำรุงสายตา ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ลดไข้ตัวร้อน • ใบเตย สรรพคุณช่วยลดกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ บำรุงสายตา • ตะไคร้ สรรพคุณช่วยขับลม ช่วยย่อยอาหาร แก้อาการปวดท้อง ท้องเสีย ช่วยให้ผ่อนคลาย เอกสารอ้างอิง
ข้อมูลบางส่วน : http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_01.htm ข้อมูลส่วนมาก : https://fongza.com/%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8% 9e%e0%b8%a3/