หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) วิสัยทัศน์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) มุ่งพัฒนา ผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึก ในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้ง เจตคติ ที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและ การศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้เต็มตามศักยภาพ หลักการ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) มีหลักการที่สำคัญ ดังนี้ 1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้เป็น เป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของความเป็นไทย ควบคู่กับความเป็นสากล 2. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค และ มีคุณภาพ 3. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้ สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น 4. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัดการเรียนรู้ 5. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุก กลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์ จุดหมาย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) มุ่งพัฒนา ผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกำหนดเป็นจุดหมาย เพื่อให้เกิดกับผู้เรียน เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนี้ 1. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
2. มีความรู้ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะชีวิต 3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกกำลังกาย 4. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 5. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิต สาธารณะที่มุ่งทำประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) มุ่งเน้นพัฒนา ผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ดังนี้ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน หลักสูตรโรงเรียนบางมดวิทยา “สีสุกหวาดจวนอุปถัมภ์” พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด ปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการ เลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข ปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่างๆ ไปใช้ในการ ดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม ด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึง ประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การ ทำงาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มี คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทย และพลโลก ดังนี้ ข้อ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 1.1 เป็นพลเมืองดีของชาติ 1.2 ธำรงไว้ซึ่งความเป็นไทย 1.3 ศรัทธา ยึดมั่น ปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา 1.4 เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ข้อ 2. ซื่อสัตย์สุจริต 2.1 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อตนเองทั้งทายกาย วาจา ใจ 2.2 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อผู้อื่นทั้งทายกาย วาจา ใจ ข้อ 3. มีวินัย 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียน และสังคม 3.2 ตรงต่อเวลาและรับผิดชอบในการเรียน การปฏิบัติงาน 3.3 ปฏิบัติตนในกิจวัตรประจำวันโดยไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ข้อ 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ตั้งใจเพียรพยายามในการเรียน และเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการเลือก ใช้สื่ออย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์สรุปเป็นองค์ความรู้ และสามารถนำไปใช้ใน ชีวิตประจำวันได้ ข้อ 5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ดำเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม 5.2 มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ข้อ 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 6.1 ตั้งใจและรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่การงาน 6.2 ทำงานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย ข้อ 7. รักความเป็นไทย 7.1 ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทยและมีความกตัญญูกตเวที 7.2 เห็นคุณค่าและใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 7.3 อนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาไทย ข้อ 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจและพึงพอใจโดยไม่หวังผลตอบแทน 8.2 เข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน ชุมชนและสังคม
สาระมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็น ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ 1. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทำงาน การคาดการณ์ ผลลัพธ์จากปัญหาอย่างง่าย ➢ การใช้เหตุผลเชิงตรรกะเป็นการนำกฎเกณฑ์ หรือเงื่อนไขที่ ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้พิจารณาในการแก้ปัญหาการอธิบาย การทำงาน หรือการคาดการณ์ผลลัพธ์ ➢ สถานะเริ่มต้นของการทำงานที่แตกต่างกันจะให้ผลลัพธ์ที่ แตกต่างกัน ➢ ตัวอย่างปัญหา เช่น เกม Sudoku โปรแกรมทำนายตัวเลข โปรแกรมสร้างรูปเรขาคณิตตามค่าข้อมูลเข้า การจัดลำดับ การทำงานบ้านในช่วงวันหยุด จัดวางของในครัว 2. ออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใช้ เหตุผลเชิงตรรกะอย่างง่าย ตรวจหา ข้อผิดพลาดและแก้ไข ➢ การออกแบบโปรแกรมสามารถทำได้โดยเขียนเป็นข้อความ หรือผังงาน ➢ การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการตรวจสอบเงื่อนไขที่ ครอบคลุมทุกกรณีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องตรงตามความ ต้องการ ➢ หากมีข้อผิดพลาดให้ตรวจสอบการทำงานทีละคำสั่งเมื่อพบ จุดที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่ถูกต้อง ให้ทำการแก้ไขจนกว่าจะได้ ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง ➢ การฝึกตรวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรมของผู้อื่นจะช่วย พัฒนาทักษะการหาสาเหตุของปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ➢ ตัวอย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรมตรวจสอบเลขคู่เลขคี่ โปรแกรมรับข้อมูลน้ำหนักหรือส่วนสูงแล้วแสดงผลความสม ส่วนของร่างกาย โปรแกรมสั่งให้ตัวละครทำตามเงื่อนไขที่ กำหนด ➢ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น Scratch, logo
ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ 3. ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูลติดต่อสื่อสาร และทำงานร่วมกัน ประเมินความน่าเชื่อถือ ของข้อมูล ➢ การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต และการพิจารณาผลการ ค้นหา ➢ การติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น อีเมล บล็อก โปรแกรมสนทนา ➢ การเขียนจดหมาย (บูรณาการกับวิชาภาษาไทย) ➢ การใช้อินเทอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกัน เช่น ใช้นัดหมายในการประชุมกลุ่ม ประชาสัมพันธ์กิจกรรม ในห้องเรียน การแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นในการ เรียนภายใต้การดูแลของครู ➢ การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เช่น เปรียบเทียบ ความสอดคล้อง สมบูรณ์ ของข้อมูลจากหลายแหล่ง แหล่ง ต้นตอของข้อมูล ผู้เขียน วันที่เผยแพร่ข้อมูล ➢ ข้อมูลที่ดีต้องมีรายละเอียดครบทุกด้าน เช่น ข้อดีและ ข้อเสีย ประโยชน์และโทษ 4. รวบรวม ประเมิน นำเสนอข้อมูล และสารสนเทศตามวัตถุประสงค์โดยใช้ ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตที่ หลากหลายเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน 1. การรวบรวมข้อมูล ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล จะทำให้ได้สารสนเทศเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาหรือการ ตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. การใช้ซอฟแวร์หรือบริการบนอินเตอร์เน็ตที่หลากหลายใน การรวบรวม ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล นำเสนอจะช่วยให้การแก้ปัญหาทำได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ ➢ ตัวอย่างปัญหา เช่น ถ่ายภาพและสำรวจแผนที่ในท้องถิ่น เพื่อนำเสนอแนวทางในการจัดพื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์ ทำ แบบสำรวจความคิดเห็นออนไลน์ และวิเคราะห์ข้อมูล นำเสนอข้อมูลโดยการใช้ Blog หรือ web page 5. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีมารยาทเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของผู้อื่นแจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อ พบข้อมูลหรือบุคคลที่ไม่เหมาะสม 3. อันตรายจากการใช้งานและอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต 1. มารยาทในการติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต (บูรณาการกับวิชาที่เกี่ยวข้อง)
คำอธิบายรายวิชา เทคโนโลยี วิทยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เวลา 40 ชั่วโมง / ปี ศึกษาและฝึกทักษะเกี่ยวกับการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทำงาน หรือการ คาดการผลลัพธ์จากปัญหาอย่างง่าย การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย การตรวจหาข้อผิดพลาดใน โปรแกรม การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตและการใช้คำค้น การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล การรวบรวม ข้อมูล การประมวลผลอย่างง่าย การวิเคราะห์ผลและสร้างทางเลือก การนำเสนอข้อมูล การสื่อสารอย่างมี มารยาทและรู้กาลเทศะ การปกป้องข้อมูลส่วนตัว ตัวชี้วัด ว 4.2 เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) 1. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์จาก ปัญหาอย่างง่าย 2. ออกแบบ และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหาข้อผิดพลาด และแก้ไข 3. ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ และประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล 4. รวบรวม ประเมิน นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศ โดยใช้ซอฟต์แวร์ที่หลากหลายเพื่อ แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน 5. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของ ผู้อื่นแจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบข้อมูลหรือบุคคลที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งหมด 5 ตัวชี้วัด
โครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยี วิทยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เวลา 40 ชั่วโมง / ปี ลำดับ ที่ หน่วยการเรียนรู้/ เรื่อง มาตรฐาน การเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) คะแนน 1 การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศอย่าง ปลอดภัยและมี มารยาท ว 4.2 ป.5/5 - อันตรายจากการใช้งานและ อาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต - มารยาทในการติดต่อสื่อสารผ่าน อินเทอร์เน็ต 5 10 2 ข้อมูลสารสนเทศ ว 4.2 ป.5/4 - การรวบรวมข้อมูล ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผลจะทำให้ได้ สารสนเทศเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาหรือ การตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ - การใช้ซอฟแวร์หรือบริการบน อินเตอร์เน็ตที่หลากหลายในการ รวบรวม ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล นำเสนอจะช่วยให้การ แก้ปัญหาทำได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ 8 10 3 การใช้ประโยชน์ จากอินเทอร์เน็ต ว 4.3 ป.5/3 - การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต และ การพิจารณาผลการค้นหา - การติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต - การเขียนจดหมาย - การใช้อินเทอร์เน็ตในการ ติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกัน - การประเมินความน่าเชื่อถือของ ข้อมูล 10 10
- ข้อมูลที่ดีต้องมีรายละเอียดครบทุก ด้าน เช่น ข้อดีและข้อเสีย ประโยชน์ และโทษ ลำดับ ที่ หน่วยการ เรียนรู้/เรื่อง มาตรฐาน การเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) คะแนน 4 5 เส้นทางของ ความคิดเชิง ตรรกะ ว 4.3 ป.5/1 - การใช้เหตุผลเชิงตรรกะเป็นการนำ กฎเกณฑ์ หรือเงื่อนไขที่ครอบคลุมทุกกรณี มาใช้พิจารณาในการแก้ปัญหาการอธิบาย การทำงาน หรือการคาดการณ์ผลลัพธ์ - สถานะเริ่มต้นของการทำงานที่แตกต่าง กันจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน 10 10 5 Program design ออกแบบ โปรแกรม ว 4.2 ป.5/1 ว 4.2 ป.5/2 - การใช้เหตุผลเชิงตรรกะเป็นการนำ กฎเกณฑ์ หรือเงื่อนไขที่ครอบคลุมทุกกรณี มาใช้พิจารณาในการแก้ปัญหาการอธิบาย การทำงาน หรือการคาดการณ์ผลลัพธ์ - สถานะเริ่มต้นของการทำงานที่แตกต่าง กันจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน - การออกแบบโปรแกรมสามารถทำได้โดย เขียนเป็นข้อความหรือผังงาน - การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการ ตรวจสอบเงื่อนไขที่ครอบคลุมทุกกรณี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องตรงตามความ ต้องการ - หากมีข้อผิดพลาดให้ตรวจสอบการทำงาน ทีละคำสั่งเมื่อพบจุดที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่ ถูกต้อง ให้ทำการแก้ไขจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ ที่ถูกต้อง 2 20
ลำดับ ที่ หน่วยการ เรียนรู้/เรื่อง มาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) คะแนน 6 program development สร้างเกมแบบมี เงื่อนไข ว 4.2 ป.5/2 - การออกแบบโปรแกรมสามารถทำ ได้โดยเขียนเป็นข้อความหรือผังงาน - การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ มีการตรวจสอบเงื่อนไขที่ครอบคลุม ทุกกรณีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง ตรงตามความต้องการ - หากมีข้อผิดพลาดให้ตรวจสอบ การทำงานทีละคำสั่งเมื่อพบจุดที่ทำ ให้ผลลัพธ์ไม่ถูกต้อง ให้ทำการแก้ไข จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง 5 20 สอบปลายภาค 20 รวม 40 100
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาระที่ 4 เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เวลา 1 ชั่วโมง เรื่อง จริงหรือไม่ ใช่หรือมั่ว เวลา 1 ชั่วโมง วันที่ 9 กรกฎาคม 2566 ผู้สอน นางสาวสุทธิรัตน์ สังฆะ รัตน์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม ตัวชี้วัด ว 4.2 ป.5/3 ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ และประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เข้าใจและอธิบายลักษณะของข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้(K) 2. สามารถแยกแยะระหว่างข้อมูลที่น่าเชื่อถือและข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือได้(P) 3. มีความตั้งใจทำงาน และพยายามปฏิบัติหน้าที่จนสำเร็จ (A) 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด 1. การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล 2. การจำแนกข้อมูลจริงและข้อมูลเท็จ 3. สาระการเรียนรู้ การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เช่น เปรียบเทียบความสอดคล้อง สมบูรณ์ ของข้อมูล จากหลายแหล่ง แหล่งต้นตอของข้อมูล ผู้เขียน วันที่เผยแพร่ข้อมูล 5. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูกล่าวทักทายนักเรียน 2. ครูบอกกับนักเรียนว่า “วันนี้ครูมีเรื่องข่าวมาเล่าให้ฟัง” หลังจากนั้นครูเล่าเรื่อง “เกมส์ ออนไลน์ ได้เงินจริง” ให้นักเรียนฟัง หลังจากนั้น ครูให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ขั้นสอน 3. ครูถามนักเรียนว่า “นักเรียนเคยได้ยินเรื่องข่าวปลอม หรือ Fake news หรือไม่” 4. ครูพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับลักษณะของข่าวปลอมที่นักเรียนเคยพบเห็น 5. ครูสนทนากับนักเรียน “วันนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีการดูว่า ข่าวไหนจริง ข่าวไหนปลอม” 6. ครูอธิบายเรื่อง “การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล” พร้อมยกตัวอย่างเหตุการณ์ ให้ นักเรียนฟัง 7. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม “จริงหรือไม่ ใช่หรือเปล่า” บทแอพพลิเคชั่น Plicker โดยมีวิธีการ ดังนี้ 7.1 ครูแจกป้ายโค้ดคำตอบ โดยใน 1 ป้ายจะมีโค้ด 2 ด้าน ได้แก่ ด้านสีเขียวและด้านสีแดง 7.2 หากนักเรียนเห็นว่าข้อมูลที่เห็นเป็นเรื่องจริง ให้นักเรียนชูป้ายสีเขียว 7.3 หากนักเรียนเห็นว่าข้อมูลที่เห็นไม่ใช่เรื่องจริง ให้นักเรียนชูป้ายสีแดง 7.4 หลังจากนั้นครูใช้โทรศัพท์มือถือสแกนโค้ดแล้วคำตอบจะแสดงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ 7.5 ครูเฉลยคำตอบ แล้วถามนักเรียนว่า “ทำไมนักเรียนถึงคิดว่าเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอม” พร้อมอธิบายเหตุผลว่า เป็นข่าวจริงเพราะอะไร หรือข่าวปลอมเพราะอะไร ขั้นสรุป 8. ครูสนทนากับนักเรียนว่า “เป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่เราเรียนเกี่ยวกับข่าวจริงข่าวปลอมไป แล้ว นักเรียนสามารถแยกแยะระหว่างข่าวจริงกับข่าวปลอมได้หรือไม่” 9. ครูสรุปกิจกรรม พร้อมมอบของรางวัลให้กับนักเรียนที่อตอบคำถามได้คะแนนสูงที่สุด
8. สื่อการเรียนรู้ 8.1 กิจกรรมตอบคำถามบนแอพพลิเคชั่น Plicker เรื่อง จริงหรือไม่ ใช่หรือมั่ว 8.2 ป้าย AR Code 8.3 สื่อนำเสนอ PowerPoint เรื่อง การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล 8.4 โทรศัพท์มือถือ Smart Phone ที่ลงแอพพลิเคชั่น Plicker 9. การวัดผลและประเมินผล รายละเอียดเกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมินผล ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ดีมาก (3) ดี (2) พอใช้ (1) 1.เข้าใจและอธิบายลักษณะของ ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ บอกวิธีการประเมินข้อมูล และลักษะของข้อมูลที่ น่าเชื่อถือได้ บอกวิธีการประเมินข้อมูลได้ แต่บอกลักษะของข้อมูลที่ น่าเชื่อถือไม่ได้ บอกวิธีการประเมินข้อมูล ไม่ได้และบอกลักษะของ ข้อมูลที่น่าเชื่อถือไม่ได้ 2. สามารถแยกแยะระหว่าง ข้อมูลที่น่าเชื่อถือและข้อมูลที่ไม่ น่าเชื่อถือได้ แยกแยะระหว่างข้อมูลที่ น่าเชื่อถือและข้อมูลที่ไม่ น่าเชื่อถือได้ถูกต้องและตอบ คำถามในกิจกรรมได้ถูกต้อง 5 ข้อ แยกแยะระหว่างข้อมูลที่ น่าเชื่อถือและข้อมูลที่ไม่ น่าเชื่อถือได้และตอบคำถาม ในกิจกรรมได้ถูกต้องอย่าง น้อย 3 ข้อ แยกแยะระหว่างข้อมูลที่ น่าเชื่อถือและข้อมูลที่ไม่ น่าเชื่อถือได้และตอบคำถาม ในกิจกรรมได้ถูกต้องอย่าง น้อย 1 ข้อ
แบบสังเกตพฤติกรรมระหว่างเรียน (รายบุคคล) เรื่อง จริงหรือไม่ ใช่หรือเปล่า คำชี้แจง ให้ผู้ประเมินขีดเครื่องหมายถูก ✓ในช่องพฤติกรรมที่คาดหวังให้เกิดกับนักเรียน เลขที่ ชื่อ – สกุล ผู้รับการประเมิน พฤติกรรมของนักเรียน มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการ ทำงาน รวม 5 4 3 2 5 4 3 2 5 4 3 2 15 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติได้ถูกต้อง ให้ 5 คะแนน ปฏิบัติมีข้อบกพร่องเล็กน้อย ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติมีข้อบกพร่องปานกลาง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติมีข้อบกพร่องมาก ให้ 2 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ลงชื่อ......................................ครูผู้สอน (นางสาวสุทธิรัตน์ สังฆะรัตน์) ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 13– 15 ดีมาก 10 – 12 ดี 7– 9 พอใช้ ต่ำกว่า 6 ปรับปรุง
10. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 11. บันทึกผลหลังสอน 11.1 ผู้เรียนที่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ตามตัวชี้วัด จำนวน……….คน คิดเป็นร้อยละ……………………. 11.2 ผู้เรียนที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ตามตัวชี้วัด จำนวน……….คน คิดเป็นร้อยละ…………………. สาเหตุ…………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… แนวทางแก้ปัญหาและข้อแสนอแนะ……………………………………………………………………..…………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… 11.3 ผู้เรียนได้รับความรู้(K)……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… 11.4 ผู้เรียนได้เกิดทักษะกระบวนการ (P)………………………………………………………………………………….… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 11.5 ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม (A)……………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 12. ปัญหา/อุปสรรค (ถ้ามี) ………………………………………………………………………………………………………………… 13. ข้อเสนอแนะ (ถ้ามี) ……………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………………………ครูผู้สอน (นางสาวสุทธิรัตน์ สังฆะรัตน์) ครูผู้สอน วันที่ 9 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ลงชื่อ……………………………………………. (......................................) ต ำแหน่ง............................. วันที่……เดือน………………..พ.ศ.2566 ลงชื่อ……………………………………………. (......................................) ต ำแหน่ง............................. วันที่……เดือน………………..พ.ศ.2566
สื่อที่ใช้ 1. สื่อนำเสนอ PowerPoint เรื่อง วิธีประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล
2. กิจกรรมตอบคำถามบนแอพพลิเคชั่น Plicker เรื่อง จริงหรือไม่ ใช่หรือมั่ว
3. ป้าย AR Code
4. โทรศัพท์มือถือ Smart Phone ที่ลงแอพพลิเคชั่น Plicker