ลิลิตพระลอ
จัดทำโดย
นางสาวชนัญภรณ์ ชอบเสียง เลขที่ ๑๘
นางสาวชลลดา สมดี เลขที่ ๒๙
นางสาวจิดาภา สุขคุ้ม เลขที่ ๓๑
นางสาวพิชญธิดา ผลพันธ์ เลขที่ ๓๕
นางสาวสิริโสภา ดุจดา เลขที่ ๓๗
คำนำ
หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นหนังสือส่งเสริมการอ่าน
มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ส่งเสริมความเข้าใจ
ในเรื่อง ลิลิตพระลอ ในวิชาภาษาไทย
ผู้จัดทำหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน
หากมีข้อผิดพลาดประการใดคณะผู้จัดทำ
ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
ก
สารบัญ ก
คำนำ ๑
ประวัติผู้แต่งและสมัยที่แต่ง ๒
ลักษณะคำประพันธ์ ๓
เนื้อเรื่องย่อ ๑๕
คุณค่าทางวรรณคดี ๑๗
บรรณานุกรม
ประวัติผู้แต่งและสมัยที่แต่ง
ทั้งเรื่องผู้แต่งและปีที่แต่ง ไม่ปรากฏหลักการ
หรือข้อความระบุที่ชัดเจนแต่อาจอาศัยเนื้อเรื่องที่ระบุถึงสงคราม
ระหว่างไทยและเชียงใหม่มาเป็นจุดอ้างอิง ซึ่งเดิมนั้นเชื่อว่า
น่าจะแต่งขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช(พ.ศ. 2199-2231)
แต่ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนและเป็นที่ถกเถียงกันมาจวบจนปัจจุบัน
นักจารณ์วรรณคดีส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า ลิลิตพระลอแต่งขึ้นในสมัยอยุธยาแน่
แต่ยังมีบางท่านเสนอเวลาที่ใหม่กว่านั้น ว่าน่าจะแต่งขึ้นในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
แต่ยังมีผู้คล้อยตามไม่มากนัก
๑
ลักษณะคำประพันธ์
ลิลิตพระลอแต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทโคลงกับร่าย
โคลงมีทั้งชนิดโคลงโบราณ โคลงดั้น และโคลงสี่สุภาพ
ส่วนร่ายมีทั้งร่ายโบราณและร่ายดั้นเช่นเดียวกับวรรณคดี
สมัยอยุธยาตอนต้นโคลงสี่สุภาพที่ปรากฎในลิลิตพระลอ
ก็ไม่ได้ปรากฎเป็นโคลงสี่สุภาพที่ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ทั้งหมด
บางบทมีลักษณะผสมของโคลงสี่ดั้นประปนอยู่
๒
เนื้อเรื่องย่อ
เนื่องจากเมืองเหนือสองเมืองเป็นศัตรูคู่อริไม่ถูกกัน
กษัตริย์เมืองสรวงพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระลอ
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีพระสิริวรกายงดงามหล่อเหลายิ่ง
จนเป็นที่ปรากฏของหญิงทั้งหลายและยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่ง
ชื่อว่า เมืองสรอง เมืองนี้ปกครองโดยกษัตริย์พิชัยพิษณุกร
กษัตริย์พิชัยพิษณุกรมีพระราชธิดาอยู่ 2 พระองค์
พระองค์พี่พระนามว่า พระเพื่อน พระองค์น้องพระนามว่า พระแพง
๓
พระราชธิดาทั้งสองพระองค์ทรงต้องพระทัยในพระลอยิ่งนัก
ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเห็น นางรื่นกับนางโรยสองพระพี่เลี้ยง
รู้ความจริงด้วยความสงสารจึงทูลอาสาเข้าช่วยเหลือ
ให้สมกับพระประสงค์
พระพี่เลี้ยงของนางทั้งสองไม่รอช้า ส่งคนขับซอของราชสำนัก
เข้าไปสืบความที่เมืองแมนสรวงทันที คนขับซอของเวียงสรอง
ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระลอ และได้ขับซอชมโฉมพระเพื่อนพระแพง
ให้พระลอฟังทำให้พระลออยากจะเห็นนางทั้งสองเช่นกัน
๔
คนขับซอได้เดินทางกลับมาเฝ้าพระเพื่อนพระแพง
พร้อมกับขับซอชมโฉมของพระลอให้พระนางทั้งสองฟังเช่นกัน
เมื่อนางทั้งสองได้ฟังถึงกับตกหลุมรักในทันที
สั่งให้พระพี่เลี้ยงทั้งสองเดินทางไปหาปู่เจ้าสมิงพราย
เพื่อทำพิธีให้นางทั้งสองได้สมปรารถนากับพระลอ
๕
นางพี่เลี้ยงทั้งสอง เดินทางไปพบปู่เจ้าสมิงพรายเพื่อทำเสน่ห์
ปู่เจ้าฯ นั้นมีญานวิเศษทราบว่าทั้งสามคนนั้นมีกรรมร่วมกัน
มาแต่ชาติปางก่อนจึงตกลงทำพิธีให้
คืนนั้นระหว่างปู่เจ้าฯทำพิธีพระลอก็ทรงพระสุบินว่า
มีเจ้าหญิงเลอโฉมสองนางมานอนเคียงข้าง
๖
ตื่นเช้ามาก็คุ้มคลั่งอยากจะออกไปตามหานางทั้งสอง
แม่ของพระองค์ได้เตือนสติว่าพระองค์มีมเหสีอยู่แล้ว
ก่อนออกเดินทางพระลอเสด็จไปลาพระนางลักษณาวดี พระชายา
พระนางคลี่พระเกศาเช็ดพระบาทพระลอเป็นการอำลา
ในที่สุดพระองค์ก็ออกเดินทางพร้อมพี่เลี้ยงสองนาย นายแก้วและนายขวัญ
๗
ระหว่างเดินทางพระองค์มาหยุดพักที่ริมแม่น้ำสรอง
ในครั้งนั้นได้สติยั้งคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นไม่ถูกแต่ก็ยังไม่เปลี่ยนใจ
ยังคงตั้งหน้าตั้งตาจะเดินทางต่อโดยระหว่างนั้น ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า
หากจะไม่เหลือชีวิตรอดกลับไปเมืองแมนสรวงขอให้น้ำในแม่น้ำกลายเป็นน้ำวน
ก็ปรากฏว่าหลังสิ้นคำอธิษฐานน้ำกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง
พระองค์ทราบทันทีว่าจะต้องจบชีวิตลงที่เมืองนี้แน่นอน
แต่ก็ยังดันทุรังที่จะไปด้วยอารมณ์ที่เหนือเหตุผล
๘
เมื่อปู่เจ้าฯทราบด้วยญานทิพย์ว่า
พระลอเดินทางมาถึงเมืองสรองแล้ว
จึงได้ปล่อยไก่ฟ้าไปล่อพระลอให้ตามมาจนถึงอุทยานหลวง
๙
เมื่อเสด็จมาถึงอุทยานหลวงนางพี่เลี้ยงทั้งสองทูลเชิญพระลอ
พักที่ตำหนักสวนเป็นการชั่วคราว
๑๐
พระเพื่อนพระแพงตัดพ้อนางพี่เลี้ยงทั้งสอง
ที่ไม่ยอมพาไปพบกับพระลอ
ในที่สุดนางพี่เลี้ยงก็พาพระเพื่อนพระแพงเสด็จชมสวน
๑๑
เวลาผ่านไป 15 วัน พระบิดาของเจ้าหญิงทั้งสองทรงทราบ
ก็โกรธมากแต่พระลอได้กล่าวคำขอโทษ และให้สัญญาว่า
เมืองทั้งสองจะเจริญสัมพันธไมตรีเป็นมิตรที่ดีต่อกัน
เสด็จพ่อจึงตกลงจะทำพิธีแต่งงานให้
๑๒
แต่เมื่อความทราบถึงเจ้าย่า ความแค้นที่พระสวามี
หรือเสด็จปู่ของพระเพื่อนพระแพงเคยโดนพระบิดาของพระลอฆ่าตาย
นั้นทำให้เจ้าย่าส่งทหารมาสังหารพระลอ
ด้วยความรักทำให้พระเพื่อนและพระแพงใช้ตัวบังลูกศรของเหล่าทหารจนเสียชีวิต
ตัวพระลอเองก็ต้องศรเช่นเดียวกัน
ทั้งสามคนนอนตายก่ายเกยกันอยู่บนเตียงนอนนั้นเอง
ส่วนเจ้าย่าก็โดนเสด็จพ่อของนางประหารชีวิต
๑๓
ในพิธีศพพระนางลักษณาวดีพระมเหสีที่ถูกต้องตามกฎหมายของพระลอ
เสด็จมาร่วมพิธีพระนางทรงกรรแสงด้วยความเสียใจ
เสร็จงานอัฐิธาตุของทั้งสามถูกแบ่งเป็นสองส่วนส่วนหนึ่งบรรจุไว้ที่เมืองสรอง
ส่วนอีกส่วนพระนางลักษณาวดีได้นำกลับไปเมืองแมนสรวง
๑๔
คุณค่าทางวรรณคดี
๑.ในด้านอักษรศาสตร์ นับเป็นวรรณคดีที่ใช้ถ้อยคำได้อย่างไพเราะ
ปลุกอารมณ์ร่วมได้ทุกอารมณ์ เป็นวรรณคดีที่มีอิทธิพลต่อวรรณคดีอื่น ๆ มา
อย่างบทเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่า
“เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤาพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ”
๒.ในด้านพระศาสนา ได้ให้แง่คิดทางศาสนาอย่างเช่น
ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของชีวิตซึ่งเป็นของแน่ยิ่งกว่าแน่เสียอีก อย่างบทที่ว่า
“สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง
คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรังตรึง แน่นอยู่นา
ตามแต่บุญบาปแล ก่อเกื้อรักษา”
๑๕
๓.ในด้านการปกครอง จะเห็นว่าการปกครองในสมัยนั้น
ต่างเมืองต่างก็เป็นอิสระเป็นใหญ่ไม่ขึ้นแก่กัน
แต่สามารถมีสัมพันธไมตรีกันได้
๔.ในด้านประวัติศาสตร์ ลิลิตพระลอได้ให้ความรู้ในทางประวัติศาสตร์
ของไทยได้ในแง่มุมต่าง ๆ โดยเฉพาะทำให้รู้เรื่องราวความเป็นมา
ของเมืองสรวงและเมืองสรองอันได้แก่ ลำปางและแพร่
๕.ในด้านวิถีชีวิต ได้มองเห็นถึงความเป็นอยู่ของคนไทยสมัยนั้น
ที่ยังเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์อยู่มากมีการนับถือผีสางนางไม้
แม้ปัจจุบันก็ยังมีอยู่
๑๖
บรรณานุกรม
(๒๕๖๐). ความเป็นมาของลิลิต. สืบค้น ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕, จาก
http://wannacadeethai.blogspot.com/2017/10/blog-post_54.html
ลักษณะคำประพันธ์. สืบค้น ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕, จาก
https://sites.google.com/site/thaililitpalow/home/knowlege/storystype-1
(๒๕๕๑). ถิ่นรัก….พระลอ. สืบค้น ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕, จาก
http://oknation.nationtv.tv/blog/vana/2008/07/08/entry-1
คุณค่าของลิลิตพระลอ. ส่บค้น ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕, จาก
https://sites.google.com/site/lilitphralx52/khxmul-phu-cad-tha/
khunkha-laea-prayochn/khunkha-khxng-li-lit-phra-lx
๑๗
ลิลิตพระลอ
ลิลิตโศกนาฏกรรมความรัก ที่แต่งขึ้นอย่างประณีตงดงาม
มีความไพเราะของถ้อยคำ และเต็มไปด้วยสุนทรียศาสตร์
พรรณนาเรื่องด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ใช้กวีโวหารอย่างยอดเยี่ยม
ในการบรรยายเนื้อเรื่อง ที่มีฉากอย่างมากมาย หลากหลายอารมณ์
โดยมีแก่นเรื่องแบบรักโศก หรือโศกนาฏกรรม และแฝงแง่คิดถึงสัจธรรมของชีวิต
จัดทำโดย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/๑๖