รายงาน เรื่อง กฎหมายเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพส าหรับผู้บริหารสถานศึกษา จัดท าโดย ๑. นางสาวสุภัทสร แก้วอ่อน เลขที่ 7 ๒. นางสาวเบญจวรรณ กุลเพ็ง เลขที่ ๑8 ๓. นางณิชชา ยุทธิวัฒน์ เลขที่ 30 เสนอ พระปลัดโมษิต โฆสิโต,ดร. พระครูประโชติกิจจาภรณ์,ดร รายวิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ รหัสวิชา ๖๑๐ ๒๐๖ หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิยาพุทธบริหารการศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๒๖๕ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช
ค าน า รายงาบฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพการ จัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาโท ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาพุทธบริหารการศึกษา มหาวิทยา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาวิทยาเขตนครศรีธรรมราช โดยจัดท าขึ้นเพื่อศึกษาหาความรู้ ในเรื่อง กฎหมายเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพส าหรับผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งรายงานฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความหมายความส าคัญ องค์ประกอบ ประเภท ประโยชน์ ความส าคัญ หลักธรรมที่เกี่ยวข้อง แนวคิด และทฤษฎีขอกฎหมายเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพส าหรับผู้บริหารสถานศึกษาผู้จัดท ารายงาบ ขอขอบคุณ อาจารย์ประจ ารายวิขาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีนมหาวิทยาลัยมหา จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ผู้ให้ความรู้และแนวทางการศึกชความช่วยเทลือ มาโดยตลอด ผู้จัดท าหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจ หากรายรานฉบับนี้ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย คณะผู้จัดท า
สารบัญ เรื่อง หน้า ความหมายของกฎหมาย 1 ความหมายของจรรยาบรรณวิชาชีพ 2 ความส าคัญของจรรยาบรรณในวิชาชีพ 2 องค์ประกอบของกฎหมายเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพส าหรับผู้บริหารสถานศึกษา 3 องค์ประกอบของจรรยาบรรณวิชาชีพผู้บริหาร 4 ประเภทกฎหมายจรรยาบรรณของวิชาชีพ 5 แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา 6 โทษการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ 10 หลักธรรมส าหรับจรรยาบรรณวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา 11 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 12 บรรณานุกรม 14
๑ กฎหมายเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพส าหรับผู้บริหารสถานศึกษา ความหมายของกฎหมาย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้หมายความว่า ประมวลความประพฤติ ที่ผู้ประกอบอาชีพการงานแต่ละอย่างก าหนดขึ้น เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ ชื่อเสียง และฐานะ ของสมาชิก อาจเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้ กฎหมาย คือ ระเบียบ ข้อบังคับ บทบัญญัติซึ่งผู้มีอ านาจสูงสุดในรัฐ หรือประเทศ ได้ก าหนด มาเพื่อใช้ ในการบริหารกิจการบ้านเมืองหรือบังคับ ความประพฤติของประชาชนในรัฐหรือประเทศ นั้นให้ปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิด ความสงบสุขในสังคม หากผู้ใดฝ่าฝืนจะได้รับผลอย่างใดอย่างหนึ่ง กฎหมาย การมีกฎหมายคู่สังคม ท าให้การแสดงความคิดเห็นแตกต่างกัน แล้วแต่มุมของ บุคคล ดังนั้นการให้ค าจ ากัดความของกฎหมายจึงแตกต่างกัน แต่เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย อาจเริ่มต้นมอง ว่า “กฎหมาย” คือ กฎที่คนใน สังคมยอมรับเป็นกติกาเพื่อเป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติระหว่างกัน กฎหมายจึงเป็นกฎเพื่อให้คาดหมาย พฤติกรรมในอนาคตได้ อาจแยกความหมายตามลักษณะ ดังนี้ 1. กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ส าหรับใช้เป็นมาตรฐาน คือ แนวทางในการปฏิบัติตาม ใน ขณะเดียวกันก็ เป็นมาตราชี้วัด และตัดสินความถูกผิด 2. กฎหมายมีผูกพันเนื่องจากเป็นการยอมรับร่วมกันโดยคนส่วนใหญ่ในสังคม เมื่อสมาชิกใน สังคม เห็นว่าแนวปฏิบัติมีความส าคัญจ าเป็นต่อการอยู่ร่วมกัน จะต้องปฏิบัติตามโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ มิฉะนั้นต้องถูก ลงโทษในระดับที่รุนแรง ปัจจุบันการยอมรับกฎหมายท าโดยผ่านกระบวนการนิติ บัญญัติประกอบด้วยผู้แทนที่ ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน และประกาศใช้บังคับแก่ประชาชน 3. กฎหมายเป็นแนวปฏิบัติส าคัญส าหรับความประพฤติของสมาชิกในสังคม ความประพฤติ คือ การกระท าเป็นแนวทางการประพฤติด้านควบคุมและด้านคุ้มครองแก่คนในสังคม ซึ่งเป็นการให้ สิทธิเสรีภาพ โดยผู้อื่นต้องมีหน้าที่เคารพด้วย
๒ 4. ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายโดยไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น หรือไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของตน อาจถูกบังคับ โดย สถาบัน และตามกระบวนการที่สังคมยอมรับ การบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายเป็นมาตรการที่มี เพื่อให้ กฎหมายมีประสิทธิภาพ ความหมายของจรรยาบรรณวิชาชีพ ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ กล่าวว่า จรรยาบรรณของ วิชาชีพ หมายความว่า มาตรฐานการปฏิบัติตนที่ก าหนดขึ้นเป็นแบบแผนในการประพฤติตน ซึ่งผู้ ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียงและฐานะของ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและสังคมอันจะน ามาซึ่งเกียรติ และศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ จรรยาบรรณของวิชาชีพ หมายความว่า ประมวลมาตรฐานความประพฤติที่ผู้ประกอบวิชาชีพ จะต้องประพฤติปฏิบัติ เป็นแนวทางให้ผู้ประกอบวิชาชีพปฏิบัติอย่างถูกต้องเพื่อผดุงเกียรติและ สถานะ ของวิชาชีพนั้นก็ได้ผู้กระท าผิดจรรยาบรรณ จะต้องได้รับโทษโดยว่ากล่าว ตักเตือน ถูกพักงาน หรือถูกยกเลิกใบประกอบวิชาชีพได้ ความส าคัญของจรรยาบรรณในวิชาชีพ จะเป็นสิ่งส าคัญในการที่จะจ าแนกอาชีพว่าเป็นวิชาชีพหรือไม่ อาชีพที่เป็น “วิชาชีพ” นั้น ก าหนดให้มีองค์กรรองรับ และมีการก าหนดมาตรฐานของความประพฤติของผู้อยู่ในวงการวิชาชีพซึ่ง เรียกว่า “จรรยาบรรณ“ ส่วนลักษณะ “วิชาชีพ ” ที่ ส าคัญคือ เป็นอาชีพที่มีศาสตร์ชั้นสูงรองรับ มี การศึกษาค้นคว้าวิจัยและพัฒนาวิชาชีพมีการจัดการสอนศาสตร์ดังกล่าวในระดับ อุดมศึกษาทั้งการ สอนด้วยทฤษฏีและการปฏิบัติจนผู้เรียนเกิดความช านาญ และมีประสบการณ์ในศาสตร์นั้น นอกจากนี้จะต้องมีองค์กรหรือสมาคมวิชาชีพ ตลอดจนมี “จรรยาบรรณในวิชาชีพ” เพื่อ ให้สมาชิกใน วิชาชีพด าเนินชีวิตตามหลักมาตรฐานดังกล่าวหลักที่ก าหนดใน จรรยาบรรณวิชาชีพทั่วไป คือ แนว ความประพฤติปฏิบัติที่มีต่อวิชาชีพต่อผู้เรียน ต่อตนเอง และต่อสังคม จรรยาบรรณวิชาชีพครู มี ความส าคัญต่อวิชาชีพครูเช่นเดียวกับที่จรรยาบรรณวิชาชีพ มีความส าคัญต่อวิชาชีพอื่น ๆ ซึ่งสรุปได้ 3 ประการ คือ 1. ปกป้องการปฏิบัติงานของสมาชิกในวิชาชีพ 2. รักษามาตรฐานวิชาชีพ 3. พัฒนาวิชาชีพ
๓ องค์ประกอบของกฎหมายเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพส าหรับผู้บริหารสถานศึกษา ๑. กฎหมายเป็นบทบัญญัติ กฎหมายเป็นบทบัญญัติ บทบัญญัติ เป็นค าศัพท์ที่ใช้ในกฎหมาย การที่เราจะทราบว่า บทบัญญัติคือ อะไรต้องค านิยามจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งพจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้นิยาม ความหมายของถ้อยค าที่เกี่ยวข้องไว้ดังนี้ “บท” หมายความว่า ข้อความเรื่องหนึ่ง ๆ หรือตอนหนึ่ง “บัญญัติ” (ค านาม) หมายความว่า ข้อความที่ตราหรือก าหนดขึ้นไว้เป็นข้อบังคับ เป็น หลักเกณฑ์ หรือ เป็นกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติ “บัญญัติ” (ค ากริยา) หมายความว่า ตราหรือก าหนดขึ้นไว้เป็นข้อบังคับเป็นหลักเกณฑ์ หรือเป็น กฎหมาย เช่น บัญญัติศัพท์บัญญัติกฎหมาย (บทบัญญัติ) หมายความว่า ข้อความที่ก าหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในกฎหมาย จากค านิยามความหมายของถ้อยค าที่เกี่ยวข้อง บทบัญญัติ คือ ข้อความซึ่งก าหนดขึ้นไว้เป็นระเบียบ ในการปฏิบัติ หรือด าเนินการซึ่งจะต้องมีการบังคับ หรือใช้อ านาจสั่งให้ท าหรือให้ปฏิบัติและ จะต้อง บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร การที่กฎหมายต้องบันทึกไว้เป็นตัวอักษร เพื่อให้เป็นหลักฐานที่จะ ยกขึ้นมาอ้างอิงได้ในภายหลัง หากไม่มีลายลักษณ์อักษรที่จะต้องใช้วิธีเอาไว้ ซึ่งอาจหลงลืมหรือ ผิดเพี้ยนกันไป อันเป็นเหตุให้เกิดการโต้เถียงกัน และไม่มีทางหาข้อยุติได้ ๒. ผู้มีอ านาจตรากฎหมายจะต้องเป็นผู้มีอ านาจสูงสุดในประเทศ ที่มาของอ านาจสูงสุดของ ประเทศ ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๓ บัญญัติว่า “อ านาจ อธิปไตยเป็นของ ปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อ านาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรีและศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ อ านาจอธิปไตยคือ อ านาจสูงสุดที่ใช้ในการ ปกครองประเทศ แบ่งออกเป็น ๓ อ านาจคือ อ านาจนิติบัญญัติ อ านาจบริหารและอ านาจตุลาการ
๔ องค์ประกอบของจรรยาบรรณวิชาชีพผู้บริหาร ผู้บริหารในวงการศึกษา จาก 2 กลุ่มใหญ่ ผู้บริหารในวงการศึกษา ตามลักษณะของงานและ หน่วยงานที่จะต้องประพฤติปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู หรือจรรยาบรรณวิชาชีพอื่น อาจ แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่และกลุ่มย่อย ได้ดังนี้ 1. ผู้บริหารสถานศึกษา หมายถึง ผู้บริหารหน่วยงานทางการศึกษา ที่เป็นสถานศึกษา 2. ผู้บริหารการศึกษา หมายถึง ผู้บริหารหน่วยงานทางการศึกษา ที่ไม่ใช่สถานศึกษา นอกจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หากผู้บริหารในวงการศึกษาผู้ใด เป็นข้าราชการ หรือพนักงาน หรือลูกจ้างอื่นของรัฐ จะต้องปฏิบัติตนตาม “จรรยาบรรณกลาง ของ ข้าราชการ และพนักงานหรือ ลูกจ้างอื่นของรัฐ”อีกด้วยจรรยาบรรณในวิชาชีพของผู้บริหาร เป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้าง เกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของ ผู้บริหาร ให้ได้รับการยกย่อง เชื่อถือ ศรัทธา จากสังคมมาก จรรยาบรรณ ผู้บริหารสถานศึกษา 9 ประการ ดังนี้ 1. จรรยาบรรณต่อตนเอง ข้อที่ ๑ พึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี และพัฒนาตน ให้มีคุณธรรม มี สุขภาพดี ทั้งกายและ จิต รวมทั้งเพิ่มพูนความรู้ความสามารถในการบริหารงาน ข้อที่ ๒ พึงอุทิศตนเพื่อหน้าที่ มีความเสียสละ และมีความกล้าหาญทางจริยธรรม ข้อที่ ๓ พึงมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง 2. จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ข้อที่ ๑ พึงซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ข้อที่ ๒ พึงใช้วิชาชีพในการบริหารจัดการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ข้อที่ ๓ พึงละเว้นการท าธุรกิจที่อาศัยอ านาจหน้าที่ของตนเพื่อประโยชน์ในกิจการนั้น 3. จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ข้อที่ ๑ พึงซื่อสัตย์ต่อผู้รับบริการรักษาความลับและผลประโยชน์ในทางที่ถูก ของ ผู้รับบริการ ข้อที่ ๒ พึงละเว้นการแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบ และให้บริการด้วยความเสมอ ภาคไม่ใช้อภิสิทธิ ข้อที่ ๓ พึงให้ความส าคัญแก่ผู้รับบริการ บริหารงานเพื่อผลประโยชน์ของผู้รับบริการ มิใช่เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง 4. จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ข้อที่ ๑ พึงมีความยุติธรรม มีใจเป็นกลาง ไม่เลือกปฏิบัติด้วยอคติ ข้อที่ ๒ พึงบริหารคนด้วยระบบคุณธรรม ไม่เล่นพรรคเล่นพวก
๕ ข้อที่ ๓ พึงรักษาความสามัคคี ปฏิบัติต่อบุคลากรด้วยหลักการและเหตุผล 5. จรรยาบรรณต่อองค์การ ชุมชน และสังคม ข้อที่ ๑ พึงให้ความส าคัญ และมีความจงรักภักดีต่อองค์การ ข้อที่ ๒ พึงดูแลรักษาและใช้ทรัพยากรส่วนรวมขององค์การอย่างประหยัด คุ้มค่า และ มีประสิทธิภาพ ข้อที่ ๓ พึงสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชน และสร้างสันติภาพ สันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคม ประเภทกฎหมายจรรยาบรรณของวิชาชีพ ๑. ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการอุทธรณ์ค าวินิจฉัยการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๐ ๓. ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๔. ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๕. ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ๖. ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ 12 ผู้ประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา ต้องมีมาตรฐานการ ปฏิบัติงาน ดังต่อไปนี้ 1) ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเพื่อพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ 2) ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ โดยค านึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับการพัฒนาของผู้เรียน บุคลากร และชุมชน 3) มุ่งมั่นพัฒนาผู้ร่วมงานให้สามารถปฏิบัติงานได้เต็มศักยภาพ 4) พัฒนาแผนงานขององค์การให้มีคุณภาพสูง สามารถปฏิบัติให้เกิดผลได้จริง 5) พัฒนาและใช้นวัตกรรมการบริหารจนเกิดผลงานที่มีคุณภาพสูงขึ้นเป็นล าดับ 6) ปฏิบัติงานขององค์การโดยเน้นผลถาวร
๖ แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ ซึ่งค าว่า แบบแผน พฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ หมายความว่า ประมวลพฤติกรรมที่เป็นตัวอย่างของการ ประพฤติที่ก าหนดขึ้นตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา คือ ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และศึกษานิเทศก์ ต้องหรือพึงประพฤติปฏิบัติตาม ประกอบด้วย พฤติกรรมที่พึงประสงค์ ที่ก าหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องหรือพึง ประพฤติตาม และพฤติกรรม ที่ไม่พึงประสงค์ที่ก าหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องหรือพึง ละเว้น ๑. จรรยาบรรณต่อตนเอง ผู้บริหารสถานศึกษาพึงต้องประพฤติปฏิบัติตนและละเว้นการประพฤติตามแบบแผน พฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ 1. ประพฤติตนเหมาะสมกับสถานภาพและเป็นแบบอย่างที่ดี 2. ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการด าเนินชีวิตตามประเพณี และวัฒนธรรมไทย 3. ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ส าเร็จอย่างมีคุณภาพ ตามเป้าหมายที่ ก าหนด 4. ศึกษา หาความรู้ วางแผนพัฒนาตนเอง พัฒนางาน และสะสมผลงานอย่าง สม่ าเสมอ 5. ค้นคว้า แสวงหา และน าเทคนิคด้านวิชาชีพที่พัฒนาและก้าวหน้าเป็นที่ยอมรับมา ใช้แก่ศิษย์และผู้รับบริการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ 1. เกี่ยวข้องกับอบายมุขหรือเสพสิ่งเสพติดจนขาดสติหรือแสดงกิริยาไม่สุภาพเป็นที่น่า รังเกียจในสังคม 2. ประพฤติผิดทางชู้สาวหรือมีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ 3. ขาดความรับผิดชอบ ความกระตือรือร้น ความเอาใจใส่ จนเกิดความเสียหายใน การปฏิบัติงานตามหน้าที่ 4. ไม่รับรู้หรือไม่แสวงหาความรู้ใหม่ๆ ในการจัดการเรียนรู้ และการปฏิบัติหน้าที่ 5. ขัดขวางการพัฒนาองค์การจนเกิดผลเสียหาย
๗ 2. จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ผู้บริหารสถานศึกษาพึงต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิกที่ดี ขององค์กรวิชาชีพ โดยต้องประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่าง ต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ 1. แสดงความชื่นชมและศรัทธาในคุณค่าของวิชาชีพ 2. รักษาชื่อเสียงและปกป้องศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ 3. ยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้มีผลงานในวิชาชีพให้สาธารณชนรับรู้ 4. อุทิศตนเพื่อความก้าวหน้าของวิชาชีพ 5. ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริตตามกฎ ระเบียบ และแบบแผนของ ทางราชการ 6. เลือกใช้หลักวิชาที่ถูกต้อง สร้างสรรค์เทคนิค วิธีการใหม่ๆ เพื่อพัฒนาวิชาชีพ 7. ใช้องค์ความรู้หลากหลายในการปฏิบัติหน้าที่ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสมาชิกใน องค์การ 8. เข้าร่วมกิจกรรมของวิชาชีพหรือองค์กรวิชาชีพอย่างสร้างสรรค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ 1. ไม่แสดงความภาคภูมิใจในการประกอบวิชาชีพ 2. ดูหมิ่น เหยียดหยาม ให้ร้ายผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ศาสตร์ในวิชาชีพ หรือองค์กร วิชาชีพ 3. ประกอบการงานอื่นที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา 4. ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่รับผิดชอบ หรือไม่ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ หรือแบบแผนของ ทางราชการจนก่อให้เกิดความเสียหาย 5. คัดลอกหรือน าผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน 6. ใช้หลักวิชาการที่ไม่ถูกต้องในการปฏิบัติวิชาชีพ ส่งผลให้ศิษย์หรือผู้รับบริการเกิด ความเสียหาย 7. ใช้ความรู้ทางวิชาการ วิชาชีพ หรืออาศัยองค์กรวิชาชีพแสวงหาประโยชน์เพื่อ ตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ
๘ 3. จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ผู้บริหารสถานศึกษาพึงต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้ก าลังใจแก่ศิษย์ และผู้รับบริการตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า ครูต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และ นิสัย ที่ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์และผู้รับบริการตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วย ความบริสุทธิ์ใจ ครูต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ ครู ต้องไม่กระท าตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคมของ ศิษย์และผู้รับบริการ และครูต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับหรือ ยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ต าแหน่งหน้าที่โดยมิชอบโดยต้องประพฤติและละเว้นการ ประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ 1. ให้ค าปรึกษาหรือช่วยเหลือศิษย์และผู้รับบริการด้วยความเมตตากรุณา อย่างเต็มก าลังความสามารถและเสมอภาค 2. สนับสนุนการด าเนินงานเพื่อปกป้องสิทธิเด็ก เยาวชน และผู้ด้อยโอกาส 3. ตั้งใจ เสียสละ และอุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ศิษย์และผู้รับบริการ ได้รับการพัฒนาตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจของแต่ละบุคคล 4. ส่งเสริมให้ศิษย์และผู้รับบริการสามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองจากสื่อ อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้อย่างหลากหลาย 5. ให้ศิษย์และผู้รับบริการ มีส่วนร่วมวางแผนการเรียนรู้ และเลือกวิธีการ ปฏิบัติที่เหมาะสมกับตนเอง 6. เสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ศิษย์และผู้รับบริการด้วยการรับฟังความ คิดเห็นยกย่อง ชมเชย และให้ก าลังใจอย่างกัลยาณมิตร พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ 1. ลงโทษศิษย์อย่างไม่เหมาะสม 2. ไม่ใส่ใจหรือไม่รับรู้ปัญหาของศิษย์หรือผู้รับบริการ จนเกิดผลเสียหายต่อ ศิษย์หรือผู้รับบริการ 3. ดูหมิ่นเหยียดหยามศิษย์หรือผู้รับบริการ 4. เปิดเผยความลับของศิษย์หรือผู้รับบริการ เป็นผลให้ได้รับความอับอายหรือ เสื่อมเสียชื่อเสียง
๙ 5. จูงใจ โน้มน้าว ยุยงส่งเสริมให้ศิษย์หรือผู้รับบริการปฏิบัติขัดต่อศีลธรรม หรือกฎระเบียบ 6. ชักชวน ใช้ จ้าง วานศิษย์หรือผู้รับบริการให้จัดซื้อ จัดหาสิ่งเสพติด หรือเข้า ไปเกี่ยวข้องกับอบายมุข 7. เรียกร้องผลตอบแทนจากศิษย์หรือผู้รับบริการในงานตามหน้าที่ที่ต้อง ให้บริการ 4. จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ผู้บริหารสถานศึกษาพึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นใน ระบบคุณธรรมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ โดยพึงประพฤติและละเว้นการประพฤติตาม แบบแผนพฤติกรรมดังตัวอย่างต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ 1. เสียสละ เอื้ออาทร และให้ความช่วยเหลือผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ 2. มีความรัก ความสามัคคี และร่วมใจกันผนึกก าลังในการพัฒนาการศึกษา พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ 1. ปิดบังข้อมูลข่าวสารในการปฏิบัติงาน จนท าให้เกิดความเสียหายต่องาน หรือผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ 2. ปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยต าหนิ ให้ร้ายผู้อื่นในความบกพร่องที่เกิดขึ้น 3. สร้างกลุ่มอิทธิพลภายในองค์การหรือกลั่นแกล้งผู้ร่วมประกอบวิชาชีพให้ เกิดความเสียหาย 4. เจตนาให้ข้อมูลเท็จท าให้เกิดความเข้าใจผิดหรือเกิดความเสียหายต่อผู้ร่วม ประกอบวิชาชีพ 5. วิพากษ์ วิจารณ์ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพในเรื่องที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือ แตกความสามัคคี 5. จรรยาบรรณต่อสังคม ผู้บริหารสถานศึกษาพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้น าในการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม และยึดมั่นในการ
๑๐ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยพึงประพฤติและละเว้นการ ประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ 1. ยึดมั่น สนับสนุน และส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2. น าภูมิปัญญาท้องถิ่นและศิลปวัฒนธรรมมาเป็นปัจจัยในการจัดการศึกษา ให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม 3. จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ศิษย์เกิดการเรียนรู้และสามารถด าเนินชีวิตตามหลัก เศรษฐกิจพอเพียง 4. เป็นผู้น าในการวางแผนและด าเนินการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมพัฒนา เศรษฐกิจภูมิปัญญาท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรม พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ 1. ไม่ให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนที่จัดเพื่อประโยชน์ต่อ การศึกษาทั้งทางตรงหรือทางอ้อม 2. ไม่แสดงความเป็นผู้น าในการอนุรักษ์หรือพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาหรือสิ่งแวดล้อม 3. ไม่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการอนุรักษ์หรือพัฒนาสิ่งแวดล้อม 4. ปฏิบัติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อวัฒนธรรมอันดีงามของชุมชนหรือสังคม โทษการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 กล่าวว่า โทษการประพฤติ ผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพได้ก าหนดขึ้นเพื่อด ารงไว้ซึ่งชื่อเสียง ฐานะ เกียรติ และศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ ตามแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพที่คุรุสภาก าหนดเป็นข้อบังคับ หากผู้ประกอบ วิชาชีพผู้ใดประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ ท าให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นจนได้รับการ ร้องเรียนถึงคุรุสภาแล้ว ผู้นั้นอาจถูกคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพวินิจฉัยชี้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ 1) ยกข้อกล่าวหา (กรณีที่ไม่ผิด) (2) ตักเตือน
๑๑ (3) ภาคทัณฑ์ (4) พักใช้ใบอนุญาตมีก าหนดเวลาตามที่เห็นสมควร แต่ไม่เกินห้าปี (5) เพิกถอนใบอนุญาต (พ้น 5 ปี ยื่นขอใหม่ได้ ยื่นขอต่อเลขาธิการคุรุสภา) ผู้ได้รับใบอนุญาตซึ่งคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพวินิจฉัยชี้ขาดอาจอุทธรณ์ ค าวินิจฉัยต่อ คณะกรมการคุรุสภาภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งค าวินิจฉัย หลักธรรมส าหรับจรรยาบรรณวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา สัปปุริสธรรม ๗ หมายถึง ธรรมของสัตบุรุษ ธรรมที่ท าให้เป็นสัตบุรุษ คุณสมบัติของคนดี ธรรมของผู้ดี ประกอบด้วย ๑.ธัมมัญญุตา เป็นผู้รู้จักเหตุ ๒.อัตถัญญุตา เป็นผู้รู้จักผล ๓.อัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักตน ๔.มัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักประมาณ ๕.กาลัญญุตา เป็นผู้รู้จักกาล ๖.ปริสัญญุตา เป็นผู้รู้จักบริษัท ๗.ปุคคลัญญุตา เป็นผู้รู้จักบุคคล พรหมวิหาร ๔ เป็นหลักธรรมของผู้ใหญ่ (ผู้บังคับบัญชา) ที่ควรถือปฏิบัติเป็นนิตย์ มี๔ ประการ คือ ๑. เมตตา ความรักใคร่ ปรารถนาจะให้ผู้อื่นมีความสุข ๒. กรุณา ความสงสาร คิดช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ ๓. มุทิตา ความพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีมีสุข ๔. อุเบกขา วางตนเป็นกลาง ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ เมื่อผู้อื่นถึงวิบัติมีทุกข์ อิทธิบาท 4 คุณธรรมเครื่องท าให้ประสบความส าเร็จ 1. ฉันทะ – พอใจ 2. วิริยะ – เพียร 3. จิตตะ-ฝักใฝ่ 4. วิมังสา – ตริตรอง ประโยชน์ - พอใจในงาน ไม่เบื่อ มีความเพียร ศึกษาค้นคว้าปฏิบัติงานจนส าเร็จ
๑๒ สังคหวัตถุ 4 คุณธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจคน 1. ทาน – ให้ปัน 2. ปิยวาจา – วาจาอ่อนหวาน 3. อัตถจริยา – ประพฤติประโยชน์ต่อผู้อื่น 4. สมานัตตา – ไม่ถือตัว งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เรื่อง การใช้อ านาจของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนมัธยมฐานบินก าเเพงเเสน ผลการวิจัยพบว่า ๑. การใช้อ านาจของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนมัธยมฐานบินก าแพงแสน โดย ภาพรวมมี อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงล าดับค่ามัชฌิมเลขคณิตจากมากไปน้อยดังนี้ การใช้ อ านาจตามกฏหมาย การใช้อ านาจการให้รางวัล การใช้อ านาจโดยต าแหน่ง การใช้อ านาจความ เชี่ยวชาญ การใช้อ านาจโดยผู้อ้างอิง การใช้อ านาจส่วนบุคคล และการใช้อ านาจโดยการบังคับ ๒. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของบุคลากรฝ่ายบริหารและครูที่มีต่อการใช้ อ านาจ ของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนมัธยมฐานบินกาแพงแสน เมื่อจ าแนกตามต าแหน่งหน้าที่ พบว่า ภาพรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน และเมื่อจ าแนกตามประสบการณ์ในการท างาน พบว่า โดย ภาพรวมมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ เรื่อง จรรยาบรรณของวิชาชีพผู้บริหารกับการบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา สังกัดสา นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต ๑ ผลการวิจัยพบว่า ๑.จรรยาบรรณของวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต ๑ โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงค่า มัชฌิมเลขคณิตจากมากไปน้อย ดังนี้ จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบ วิชาชีพ จรรยาบรรณต่อสังคม จรรยาบรรณต่อตนเอง และจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ๒. การบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต ๑ โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงค่ามัชฌิมเลข คณิตจากมากไปน้อย ดังนี้ วินัยและการรักษาวินัย การวางแผนอัตรากาลังและการก าหนดต าแหน่ง
๑๓ การออกจากราชการ การสรรหาและบรรจุแต่งตั้ง และการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติ ราชการ ๓.จรรยาบรรณของวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษากับการบริหารงานบุคคลใน สถานศึกษา สังกัด สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 มีความสัมพันธ์ เชิงบวก อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑
๑๔ บรรณานุกรม คุรุสภา.ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยแบบแผนประพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2550.(ออนไลน์). แหล่งที่มา: http://www.act.ac.th. ฉลอง มาปรีดา.คุณธรรมส าหรับผู้บริหาร.กรุงเทพฯ: โอ เอส.พริ้นติ้ง เฮาส์.2537. กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). คู่มือบริหารสถานศึกษาขนั้ พื้นฐานที่เป็นนิติบุคคล. กรุงเทพฯ:โรง พิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์. ศรีพันธ์ สุจันทร์แสง. (2540). การบริหารงานของผู้บริหารในโรงเรียนดีเด่นสังกัดสานักงานการ ประถมศึกษาจังหวัดเชียงใหม่. (การค้นคว้าแบบอิสระปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่).
๑๕