รตรวจรบั งำน
กำรประเมินควำมเส
ควำมเส่ยี งและกำรบรหิ ำรจดั กำร
ควำมเสี่ยง
สภาพพน้ื ท่ีเข้าถึงไดย้ าก มอี ุปสรรคในการเขา้ ถงึ เชน่ ทางเขา้ ออก
พื้นท่มี ีขอ้ จากัด
ราคาการปรับพน้ื ทีเ่ กินงบประมาณ เนอ่ื งจากปริมาณงานหรอื เวลาใน
การทางานล่าช้าไมเ่ ป็นไปตามแผนงาน
สภาพภมู ิอากาศ, สภาพแวดลอ้ มในการทางานทเ่ี ปน็ อปุ สรรค เช่น
การขุดปรับในช่วงหนา้ ฝน, สภาพพ้ืนทนี่ ้าทว่ มขงั ตลอดเวลา
การขุดปรบั สง่ ผลกระทบต่อแปลงรอบข้าง เชน่ ดนิ ทรุดตวั , นา้ ซึมจาก
แปลงดา้ นข้าง
เคร่อื งจักรเสียระหว่างการทางาน
อุบัตเิ หตุจากการทางาน เช่น คนทางานใกลเ้ คร่ืองจกั ร, ดนิ โคลนถลม่
ส่ยี งในกำรปรบั พ้ืนที่
แนวทำงปฏบิ ตั ิเพื่อลดควำมเสี่ยง
• สารวจพื้นทแี่ ละวางแผนการเข้าพืน้ ท่พี ร้อมประสานงานกับพนื้ ที่
รอบข้างใหเ้ รยี บรอ้ ย
• กาหนดขอบเขตในการทางาน เง่ือนไขการทางานใหม้ ีความ
ชัดเจนและมีเอกสารหรือสัญญากาหนด
• มีการตรวจสอบ ติดตามประเมิณผลพร้อมรายงานสม่าเสมอ
• หลกี เลย่ี งการขดุ ปรับในชว่ งฤดูมรสุม
• เตรยี มขอ้ มูลด้านการพยากรณ์และคาดการสภาพอากาศ เพอ่ื ใช้
ในการวางแผนการทางาน
• ควรมีการขออนญุ าตขดุ อย่างถูกตอ้ งตามกฎหมาย
• ควรมีการสื่อสารแปลงรอบขา้ งให้รับทราบ
• มีการตรวจสอบสภาพเครอ่ื งจักรสมา่ เสมอ
• มกี ารประเมินการทางานคน-เครอื่ งจักร และชีบ้ ง่ สถานท่ีอนั ตราย
กำรวำงแผนก
ตัวอย่ำงแผนกำรปฎิบตั ิงำน
กำรปฎิบตั งิ ำน
งำนสำรวจพ้นื ที่เพ่อื กำรประเมนิ ค
ควำมเสี่ยงและแผนกำรปฏบิ ตั งิ ำน
กำรสำรวจพื้นท่ีเพ่อื กำรประเมินควำมเสี่ยง
และแผนปฏบิ ตั ิงำน
• ทศิ ทางลมและแสง
• ลกั ษณะของพนื้ ดินและประเภทดนิ
• ความลาดเอยี งสงู ตา่ ในพื้นที่
• รอ่ งนา้ , ทางนา้ , จดุ นา้ ท่วมขงั
• ตาแหน่งของต้นไม้, ประเภทต้นไม้, พันธไ์ ม้
• ทางเขา้ ออกพ้นื ท่ี
• พน้ื ท่โี ดยรอบ
• แหลง่ น้าสาธารณะ
• ถนนสาธารณปู โภคในพืน้ ท่ีและพ้นื ท่ี
โดยรอบ
• จดุ พักสาหรบั ผปู้ ฏิบตั งิ าน
กำรเตรยี มพื้นทก่ี
กำรเตรยี มพน้ื ที่ในกำรปฎบิ ตั ิงำน
• ทางเข้าสาหรบั เคร่อื งจกั ร
• พน้ื ท่ีพกั สาหรบั ผู้ปฏิบตั ิงาน
• การกาหนดจดุ การขุดปรบั โดย
การใช้ปนู ขาว หรอื วสั ดอุ ่ืนๆ
• จดุ จอดซอ่ มบารงุ เครอ่ื งจักร
กอ่ นเขำ้ ปฏบิ ตั งิ ำน
เทคนิคกำรขุดปรบั ตำมหล
วศิ วกรรม โคก
หนองนา
ลกั วิศวกรรมโคกหนองนำ
หลักกำรกำรขดุ ป
หลักกำรขุดหนอง
• ขุดหนองเป็นรูปทรงอิสระ เลียนแบบธรรมชาติ
• ขดุ หนองแบบเลก็ แต่ลึก กระจายตัวทัว่ พน้ื ที่
และเชือ่ มกนั ดว้ ยคลองไสไ้ ก่
• หนองตอ้ งมคี วามลกึ แตกตา่ งกนั
• หนองต้องมตี ะพกั หรอื ชานพกั เพอื่ ให้เป็นทอ่ี ยู่
และแหล่งอาหารของปลา
• จะต้องมีการปอ้ งกนั การระเหยของนา้ (น้าจะ
ระเหยจากแสงแดด วันละ 1 เซนติเมตร)
• จะตอ้ งมกี ารปอ้ งกนั การซึมนา้ ในกรณีดนิ ทราย
• เมื่อขุดเจอหนิ หรือเจอนา้ ซมึ น้าซับตอ้ งหยุดขดุ
เพื่อทาการประเมนิ กอ่ น
ปรบั โคกหนองนำ
เทคนิคกำรขุดปรบั ในก
เพ่อื เป็นกำรอนุรักษ์ตน้ ไม้
ในพื้นทแ่ี ละป้องกันกำรทรุด
ตวั ในอนำคต กอ่ นกำร
กำหนดแนวขดุ จะตอ้ งมีกำร
สำรวจตน้ ไมใ้ นจุดทจ่ี ะทำ
กำรขดุ ปรับ โดยจะต้องเวน้
ระยะร่นจำกแนวตน้ ไมว้ ัด
จำกแนวทรงพุ่มห่ำงออกมำ
3 – 5 เมตร เพ่อื ป้องกนั
ไม่ใหเ้ ครือ่ งจักรมโี อกำส
ทำลำยรำกไมแ้ ละหนำ้ ดนิ
กรณมี ีตน้ ไม้เดมิ ในพ้นื ที
เทคนิคกำรปรับแตง่ ต
กำรปรับควำมลำดเอยี งของขอบ
หนองเพือ่ ปอ้ งกันดินพงั ใหพ้ จิ ำรณำ
ตำมลกั ษณะประเภทของดนิ
1) ดนิ เหนยี ว ควำมลำดเอียง
ประมำณ 53 ๐ หรืออัตรำ 2:1
2) ดินรว่ นปนทรำย ควำมลำดเอยี ง
ประมำณ 45 ๐หรอื อัตรำ 1:1
3) ดนิ ทรำย ควำมลำดเอยี ง
ประมำณ 34 ๐หรอื อัตรำ 1:2
ทงั้ น้ีควำมลึกของหนองจะขน้ึ กบั
ขนำดควำมกวำ้ งของหนองและควำม
ลำดเอยี งของตะพกั หรือชำนพัก
ตะพกั เพ่อื ชะลอดินพงั
กำรทดสอบปร
A ดินเหนียว (>1.5 Ton / ft2) จะคงรูปไม่
เปลยี่ นหรอื หลุดรว่ งเมอื่ ปั้นเป็นรปู ดนิ สอ
B ดินร่วมปนทรำย (0.5 - 1.5 Ton / ft2) ปน้ั
เป็นรูปดินสอได้ แต่เมอ่ื ยกขี้นจำดและหลุด
C ดินทรำย (<0.5 Ton / ft2 )ไม่สำมำถขน้ึ
เปน็ รูปดนิ สอได้
A
ระเภทของดนิ
B
ประโยชนข์ องตะพักและกำรขดุ หน
กำรออกแบบหนองท่ีเลียนแบบธรรมชำติด้วยกำรสรำ้ งตะพกั หรือชำน
วำงไขใ่ ห้กบั ปลำ สำหร่ำยจะทำหนำ้ ท่ีสังเครำะห์แสงเพอ่ื สรำ้ ง O2 แล
ปลำหรือสัตว์นำ้ อ่ืน กำรขดุ ใหม้ ีควำมลึกแตกต่ำงกนั ก็เพอ่ื ให้เกดิ กำรห
นองท่ีมรี ะดบั ควำมลึกแตกต่ำงกัน
นพกั เพอ่ื ให้เกดิ ระบบนเิ วศที่สมดลุ ในน้ำและสร้ำงแหล่งอำหำรและท่ี
ละสำหรำ่ ยยังเป็นอำหำรของไรแดงหรือแพลงตอนซึง่ เป็นอำหำรของ
หมุนเวียนของกระแสน้ำและกำรถำ่ ยเท O2 ทำให้นำ้ ไมเ่ นำ่ เสีย
เทคนคิ กำรปรับแตง่ ตะ
กำรปรบั ระดบั ขอ
(ตำมรูป) แล้วใช
กำรปรับควำมลำดเอียงเพ่ือ
ชะลอนำ้ ฝนกดั เซำะชำนพัก
ในแนวระนำบ และทำใหด้ ิน
บรเิ วณนั้นเซต็ ตวั แบบ
uniform
ะพักเพื่อชะลอดินพัง 1
องตะพักหรอื ชำนพักให้มีควำมลำดเอยี งเขำ้ หำขอบหนองเล็กน้อย
ช้แรงกดของรถขุดบดอัดให้แนน่ จะชว่ ยชะลอกำรพังของหน้ำดนิ
เทคนคิ กำรปรับแตง่ ตะ
กำรปรบั ระดบั ขอ
(ตำมรูป) แล้วใช
กำรปรับควำมลำดเอียงเพ่ือ
ชะลอนำ้ ฝนกดั เซำะชำนพัก
ในแนวระนำบ และทำใหด้ ิน
บรเิ วณนั้นเซต็ ตวั แบบ
uniform
ะพักเพื่อชะลอดินพัง 1
องตะพักหรอื ชำนพักให้มีควำมลำดเอยี งเขำ้ หำขอบหนองเล็กน้อย
ช้แรงกดของรถขุดบดอัดให้แนน่ จะชว่ ยชะลอกำรพังของหน้ำดนิ
เทคนิคกำรปรบั แตง่ ตะ
ะพกั เพ่อื ชะลอดินพงั 2
ตำรำงคำนวณควำมลำดเอยี งข
ขอบหนองตำมประเภทของดิน
ตำรำงควำมลำดเอียงขอบหนอง,ควำ
ำมลกึ , จำนวนตะพัก ตำมประเภทดนิ
ตำรำงคำนวณเสถยี รภำพข
ของดินตำมควำมลำดเอยี ง
กำรคำนวณพื้นท่ขี องระดบั
บช้นั ควำมสงู โดยวิธเี ส้นกริด
กำรคำนวณปรมิ ำตรดิน
If volumes are needed quickly, and the only information
method of contours can be used. This involves identifyin
determining the area of the contour that will be enclosed
determined. To obtain the volume, the areas of adjacent
(Crawford, 2008).
ปรมิ
คา่ เ
where C is the contour interval, A1 is the area encl
next contour. As shown in section 3, this is an appr
นขดุ วธิ เี สน้ ช้นั ควำมสูง
that is available consists of contours from a topographic map, the
ng on a topographic map the area that will be cut or filled, and
d. The area of each contour that will be covered will need to be
t contours are averaged and multiplied but the contour interval
มาตรดนิ ขดุ = ระดบั ความตา่ งเสน้ ความส
เฉลยี่ ผลรวมพนื้ ทหี่ นา้ ตดั ของเสน้ ชน้ั คว
losed by one contour and A2 is the area enclosed by the
roximation not a precise approach.
กำรคำนวณปริมำตรดนิ
กำรคำนวณปรมิ ำตรดินขุด ดว้ ย
หลักการคานวณ คือ การใช้พื้นที่หนา้ ตัดแต่ละ La
ปรมิ าตรดนิ ขุด = ½ x (พน้ื ทห่ี นา้ ตัดบน + พน้ื ทห่ี
ตวั อยา่ ง Layer ที่ 1 = ½ x ( 37.98 + 29
นขุดวิธีเส้นชั้นควำมสูง
ยกำรใชว้ ธิ ี Contour Method
ayer ในการหาปริมาตรดนิ ขดุ โดยสตู รดังนี้
หน้าตดั ล่าง) x ความสงู หรือความลึกในแต่ละ Layer
9.83 ) x 0.71 = 24.07 ลบม.
คลองเช่อื
อมหนอง
คลองเช่อื
อมหนอง
กำรคำนวณปรมิ ำตรดนิ ข
ขดุ ของคลองเช่อื มหนอง
กำรซึมนำ้
ำของหนอง
กำรลดอัตรำกำรซมึ น้ำของหนองแบ
(เทคนคิ ข.ส.ฟ.
บบคนจน ด้วยภูมิปัญญำบรรพบรุ ุษ
. – ข้เี สริมฟำง)
กำรลดอตั รำกำรซึมนำ้