The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รอบรู้เมืองตรัง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tanakorn312543, 2021-09-13 08:06:02

รอบรู้เมืองตรัง

รอบรู้เมืองตรัง

รอบรูเ้ มอื งตรงั

นายศวิ กร พรหมจนั ทร์
รหัสนกั ศึกษา 6401103001028

รายงานนเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ของรายวชิ าวาทวทิ ยาสาหรบั ครู
(ETH0101) สาขาวชิ าภาษาองั กฤษ คณะครุศาสตร์

มหาวิทยาลัยราชภฏั สุราษฎรธ์ านี
2564

รอบรเู้ มอื งตรัง

นายศิวกร พรหมจนั ทร์
รหสั นกั ศกึ ษา 6401103001028

รายงานนี้เป็นสว่ นหนึ่งของรายวชิ าวาทวิทยาสาหรับครู
(ETH0101) สาขาวชิ าภาษาอังกฤษ คณะครุศาสตร์

มหาวิทยาลัยราชภฏั สุราษฎรธ์ านี
2564



คำนำ

รายงานเร่ือง “รอบรู้เมืองตรัง” ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาวาทวิทยาสาหรับครู
(ETH0101) ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 กลุ่ม 64005.151 อังกฤษ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะ
ครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั สุราษฎร์ธานี ซ่ึงในรายงานฉบับน้ีจะมีข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลจังหวัดตรัง
อาหารข้ึนช่ือของจังหวัดตรัง และสถานที่ท่องเท่ียวในจังหวัดตรัง โดยผู้จัดทามีวัตถุประสงค์ท่ีจัดทา
รายงานฉบับนข้ี น้ึ มาเพื่อที่จะทาการศึกษารวบรวมข้อมลู ท่เี กย่ี วขอ้ งดงั กล่าว

ผู้จัดทาหวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุก ๆ ท่าน หากมี
ข้อเสนอแนะหรอื ขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผู้จดั ทาขอรบั ไว้ และขออภัยมา ณ ทีน่ ี้ดว้ ย

ศิวกร พรหมจนั ทร์

สำรบญั ข

คำนำ หน้ำ
สำรบญั
สำรบญั ภำพ ก
บทที่ 1 ข้อมลู จงั หวัดตรงั ข

ประวัติความเป็นมาของจงั หวดั ตรงั 1
ที่มาของคาว่า “ตรงั ” 1
คาขวัญจังหวดั ตรงั 2
ยางพาราต้นแรก 3
ดอกศรีตรงั ประจาจงั หวดั 3
ตกุ๊ ตุ๊ก หวั กบ พาหนะแห่งเมืองตรัง 4
บทท่ี 2 อำหำรขึ้นชอ่ื ของจงั หวดั ตรัง 5
โกป-ี้ แซ่ล้อง 7
ตม่ิ ซา 7
ขนมเคก้ เมืองตรัง 7
หมยู า่ งเมอื งตรัง 8
บทท่ี 3 สถำนท่ที ่องเทยี่ วในจงั หวดั ตรัง 9
สถานีรถไฟกนั ตงั 10
สวนสาธารณะพระยารัษฎาฯ 10
พิพิธภณั ฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐม์ หิศรภกั ดี 11
หอนาฬิกาตรงั 12
หาดปากเมง 13
คริสตจกั รตรงั 13
บรรณำนกุ รม 15
16

สำรบญั ภำพ ค

ภาพที่ 1 ประวตั คิ วามเปน็ มาของจงั หวดั ตรัง หน้ำ
ภาพที่ 2 ปา้ ยคาขวญั จังหวดั ตรัง
ภาพท่ี 3 ดอกศรตี รงั ประจาจังหวดั ตรงั 2
ภาพที่ 4 ตุ๊ก ตกุ๊ หัวกบ พาหนะแห่งเมืองตรัง 3
ภาพที่ 5 โกป-ี้ แซล่ ้อง 5
ภาพที่ 6 ตม๋ิ ซา 6
ภาพท่ี 7 ขนมเค้กเมอื งตรงั 7
ภาพท่ี 8 หมยู า่ ง 8
ภาพท่ี 9 สถานรี ถไฟกันตัง 8
ภาพที่ 10 สวนสาธารณะพระยารัษฎาฯ 9
ภาพที่ 11 พิพธิ ภณั ฑ์พระยารัษฎานปุ ระดษิ ฐม์ หศิ รภกั ดี 11
ภาพที่ 12 หอนาฬกิ าตรงั 12
ภาพท่ี 13 หาดปากเมง 12
ภาพท่ี 14 ครสิ ตจักร 13
15
15

1

บทที่ 1
ข้อมูลจงั หวัดตรัง

ประวัตคิ วามเปน็ มาของจังหวัดตรัง
จังหวัดตรังเป็นจังหวัดหัวเมืองอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย ติดทะเลอันดามัน มหาสมุทร

อินเดีย ชายฝ่ังทะเลตะวันตกเป็นเมืองท่ีตั้งข้ึนใหม่ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ จึงไม่ปรากฎว่ามีประวัติ
สมัยโบราณก่อนหน้าน้ี และคาดว่าในสมัยแผ่นดินพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยานั้น
เมืองตรังยังไม่มีเพราะปรากฎในพระธรรมนูญ กล่าวถึงเมืองทางใต้เพียงนครศรีธรรมราช พทั ลุง ไชยา
ชุมพร เพชรบุรี กุยบุรี ปราณบุรี คลองวาฬ บางตะพาน ตะก่ัวทุ่ง ตะกั่วป่า ตะนาวศรี มะริด ทวาย
และสามโคก ดังนั้นเมืองตรังแต่เดิมมาน่าจะเป็นเพียงเส้นทางผ่านไปมาระหว่างนครศรีธรรมราชกับ
พัทลุงเท่าน้ัน ต่อมาเม่ือมีผู้คนต้ังถิ่นฐานอยู่มากข้ึนก็บังเกิดเป็นเมืองในภายหลังเท่าท่ีพบหลักฐาน
ความเป็นมาของจังหวัดตรัง เร่ิมแรกไดจ้ ากจารึกวัดเสมาเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ท่ีวา่ เมืองตรัง
เดิมเป็นหัวเมืองข้ึนต่อเมืองนครศรีธรรมราช สมัยนั้นกล่าวกันว่านครศรีธรรมราชเจริญรุ่งเรืองมาก
มีหัวเมืองต่าง ๆ อยู่ในความปกครองถึง 12 เมืองด้วยกัน เรียกว่า 12 นักษัตร สัญลักษณ์ของเมือง
ใชต้ ราม้า (ปีมะเมีย) เป็นตราประจาเมือง และพอจะแบ่งวิวัฒนาการของจังหวดั ตรัง ออกเป็น 3 สมัย
ดว้ ยกัน ดังน้ี

1. สมัยต้งั เมืองทีต่ าบลควนธานี (พ.ศ. 2345 - 2436) เมืองตรงั เมอ่ื ปี พ.ศ. 2345 เทา่ ที่ทราบ
จากหลักฐานทาเนียบเมืองนครศรีธรรมราชว่าคร้ังสมัยรัชกาลท่ี 2 (สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
ต้ังพระยาบริรักษ์ภูเบศร์ (น้อย) เป็นพระยานครศรีธรรมราชสืบแทนเจ้าพระยานคร (พัฒน์) และต้ัง
หลวงอุไภยธานีเป็นผู้พยาบาลเมืองตรัง หลวงอุไภยธานีเป็นบุตรเจ้าพระยานครฯ (น้อย) ในปี
พ.ศ. 2345 ปรากฏจากทาเนียบกรมการเมืองตรังว่า หลวงอุไภยธานีได้เป็นพระอุไภยธานี โดยมี
ตาแหน่งเป็นผู้ว่าราชการเมืองตรังเป็นคนแรก และได้สร้างหลักเมืองตรังที่ควนธานี (ศาลหลักเมือง
ตรังทีต่ าบลควนธานี อาเภอกันตัง ปัจจบุ ัน) ห่างจากตวั จงั หวัดปจั จุบัน ไปทางทิศใต้ 8 กม.

2. สมัยตั้งเมืองที่กันตัง (พ.ศ. 2436 - 2458) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้
เสด็จประพาสเมืองตรังเปน็ ครั้งแรก ทรงเห็นว่าเมืองตรงั (ท่ีควนธานี) อยู่ในสภาพชารุดทรุดโทรมมาก
โจรผ้รู ้ายชุกชุม ตรงกนั ข้ามกบั ทีต่ าบลกันตัง (ทีต่ ้งั เมืองกันตงั ในปัจจบุ ัน) ปรากฎวา่ ได้กลายเป็นชมุ ชน
ใหญ่มีชาวจีนไปอยู่กันมาก ประกอบอาชีพโดยการทาสวนพริกไทยสามารถส่งไปขายถึงเกาะหมาก
(ปีนัง) จึงทรงมีพระราชปรารภว่า "เมืองตรังถ้าจัดการทานุบารุงให้ดีจะเป็นเมืองที่มีประโยชน์มาก
เพราะท่ีดินอุดมสมบูรณ์ควรแก่การเพาะปลูก" เจ้าเมืองตรังสมัยน้ันคือ พระยาบริรักษ์ภูเบศร์
ทรงแต่งต้ังเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี
(คอซิมบ้ี ณ ระนอง) ผูว้ ่าราชการเมืองกระบรุ ีมาดารงตาแหนง่ ในเจา้ เมืองตรงั พ.ศ. 2433

เม่ือพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ได้ดารงตาแหน่งเจ้าเมืองตรังแล้ว ได้พิจารณาเห็นว่าที่ต้ังเมือง
ตรังที่ตาบลควนธานนี ัน้ อยู่หา่ งจากฝัง่ ทะเลมาก ไม่เหมาะกับการขยายความเจรญิ ของ บ้านเมือง จึงได้
กราบบังคมทูลขอย้ายท่ีต้ังเมืองจากตาบลควนธานีไปต้ังที่ตาบลกันตัง ปี พ.ศ. 2436 ซึ่งได้ทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต เม่ือย้ายตัวเมืองไปตั้งที่ตาบลกันตังแล้ว พระ
ยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ก็ได้เร่ิม ดาเนินการพัฒนาสร้างความเจริญเอนกประการให้แก่เมืองตรัง เช่น

2

สร้างสถานที่ราชการ ตัดถนนเช่ือมระหว่างอาเภอและจังหวัดใกล้เคียงโดยเฉพาะการตัดถนนเช่ือม
ระหว่างเมืองตรังกบั พทั ลุงซ่ึงต้องตดั ผ่านภูเขาและต้องประสบความยากลาบากแตก่ ท็ าได้ดี (ปจั จบุ นั นี้
ถนนระหวา่ งจงั หวัดตรงั กับจงั หวดั พทั ลงุ ไดป้ รบั ปรุงใหม่ บริเวณท่เี ป็นเขาพับผ้าถกู ทาลายไปหมดแล้ว)
นอกจากน้ียังได้จัดวางผังเมืองใหม่เปิดการค้ากับต่างประเทศ โดยสร้างท่าเรือขึ้นที่กันตังมีสะพานท่า
เทียบเรือ ซ่ึงสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ประทานนามว่า "สะพานเจ้าฟ้า" พยายามนา
แบบฉบับการ ปกครองของตา่ งประเทศทัง้ ฝรัง่ จีนและมลายู มาใช้ผสมกับของไทย ดาเนินการพัฒนา
บ้านเมืองและเศรษฐกิจความเปน็ อยู่ของประชาชน และท่ีสาคัญอีกอย่างหน่ึงคือ ได้นาพันธุ์ยางพารา
จากแหลมมลายูมาปลูกที่เมืองตรังเป็นแห่งแรกของประเทศ ได้แพร่หลายไปท่ัวภาคใต้และภาคอ่ืน ๆ
ของประเทศไทยในขณะนี้

3. สมัยตงั้ เมอื งท่ที ับเทยี่ ง (พ.ศ. 2458 - ปจั จบุ นั ) ในปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎ
เกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จประพาสเมืองตรัง (ที่กันตัง) ขณะนั้นอยู่ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ทรงมี
พระราชดาริว่า การต้ังเมืองท่ีกันตังน้ันไม่ปลอดภัยจากอริราชศัตรู ประกอบกับอหิวาตกโรคกาลัง
ระบาด กันตงั เป็นที่ลมุ่ มักเกิดโรคระบาดและยากแก่การขยายเมือง ทรงเห็นว่า ตาบลทับเท่ียง อาเภอ
บางรัก (อาเภอเมืองตรังในปัจจบุ นั ) มีลักษณะภูมิประเทศเหมาะสมท่ีจะ ตง้ั เมือง จึงไดท้ รงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองจากตาบลกันตังไปตั้งที่ตาบลทับเท่ียง ซึ่งกลายเป็นที่ตั้งของจังหวัดตรัง
ปัจจบุ ันต้งั แต่ พ.ศ. 2458 มาจนถงึ ปัจจบุ ัน

ภาพที่ 1 ทม่ี า : https://www.google.com/url?sa=i&url=https

ท่ีมาของคาวา่ “ตรัง”
ตรังมาจากคามลายู ออกเสียงตรังว่าเตอรัง (Terang) หมายถึงความสว่างสดใส เช่น เพลง

ไทยเดิมชื่อตรังบุหลันแปลว่าแสงเดือนหรือความสว่างสดใสแห่งแสงเดือนที่เรียกถ่ินดังกล่าวว่าตรัง
หรือเตอรัง เนอ่ื งมาจากชาวมลายคู งแล่นเรือมาถึงลาน้าตรงั ยามทอ้ งฟา้ ร่งุ อรณุ หรือเริ่มสว่างเรืองรอง

ตรังมาจากคาบาลีสันสกฤต โดยเขียนเป็นตรังค์ คือการันต์ที่ ค บาลีสันสกฤตออกเสียงว่า
“ตะรังคะ” หรือ “ตรังคะ” หมายถึงลูกคล่ืนหรือกระแสคล่ืน ดังตัวอย่างช่ือสถานท่ีและบุคคลเมือง
ตรงั ครั้งอดตี เชน่ วดั ตรังคมู พิ ทุ ธาวา่ สพระยาตรังคูมาภิบาล

เมืองตรังเดมิ เป็นชมุ ชนโบราณ เคยเป็นหน่ึงในสิบสองเมืองนักษัตรของนครศรีธรรมราช โดย
ถือตราม้า (ปีมะเมีย) เป็นตราประจาเมืองสมัยรัชกาลท่ี 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ตรังตั้งเมืองที่ควน
ธานี (ปัจจุบนั ควนธานีเป็นตาบลหนึ่งของอาเภอกันตงั ) ต่อมา พ.ศ. 2436 สมัยรัชกาลท่ี 5 ตรังย้ายไป
ตั้งเมืองใหม่ริมฝ่ังทะเลท่ีกันตัง จากนั้นพ.ศ.2458 สมัยรัชกาลที่ 6 ตรังย้ายไปต้ังเมืองใหม่อีกครั้งท่ี

3

ตาบลทับเที่ยง อาเภอบางรัก เม่ือต้ังท่ีวา่ การอาเภอหรืออาเภอเมืองตรัง ณ ตาบลทับเท่ียงจึงลดฐานะ
อาเภอบางรกั เป็นตาบลบางรักมาจนทุกวนั น้ี

คาขวัญจงั หวัดตรัง ชาวประชาใจกวา้ ง
“เมืองพระยารัษฎา ถนิ่ กาเนดิ ยางพารา
ปะการงั ใตท้ ะเล
หมยู า่ งรสเลศิ น้าตกสวยตระการตา”
เด่นสงา่ ดอกศรีตรัง
เสน่หห์ าดทรายงาม

“เมืองพระยารัษฎา” พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) เคยเป็นเจ้า
เมืองตรัง ได้พัฒนาเมอื งให้เจรญิ ก้าวหนา้ จนกลายเป็นเมืองเกษตรกรรม

“ชาวประชาใจกว้าง” พูดถึงชาวบ้านและชาวเมืองเพ่ือเชิญชวนคนมาเท่ียวว่าชาวเมืองที่นี่มี
จติ ใจที่ดี

“หมูยา่ งรสเลิศ” หมยู ่างเมอื งตรัง เป็นของขึ้นชอ่ื ประจาจังหวัดตรงั เลยทีเดียว
“ถ่ินกาเนิดยางพารา” ตรังเป็นจังหวัดแรกที่มีต้นยางพารามาปลูก โดยนาพันธ์ุยางพารามา
จากมาเลเซีย
“เดน่ สงา่ ดอกศรีตรัง” ดอกไม้ประจาจังหวดั ตรงั ซ่ึงสวยงามมาก
“ปะการังใต้ทะเล เสน่ห์หาดทรายงาม” ทะเลภาคใต้ ดาน้าดูปะการังตามเกาะและชาวหาด
ต่างๆในจงั หวัดตรัง
“น้าตกสวยตระการตา” เมืองตรังมีน้าตกต่าง ๆ มากมาย สวยๆ เช่น น้าตกสายรุ้ง น้าตก
โตนเต๊ะ นา้ ตกโตนตก นา้ ตกลาปลอก น้าตกไพรสวรรค์

ภาพท่ี 2 ทมี่ า : https://www.google.com/url

ยางพาราต้นแรก
ต้นยางพาราเข้ามาปลูกในประเทศไทยต้ังแต่สมัยท่ียังใช้ชื่อว่า "สยาม" ประมาณกันว่าควร

เป็นหลัง พ.ศ. 2425 ซึ่งช่วงน้ันได้มีการขยายเมล็ดกล้ายางพารา จากพันธ์ุ 22 ต้นนาไปปลูกใน
ประเทศต่างๆ ของทวีปเอเชีย และมีหลักฐานเด่นชัดว่า เมื่อปี พ.ศ. 2442 พระยารัษฎานุประดิษฐ์
มหิศรภักดี (คอซิมบ้ี ณ ระนอง) ได้นาต้นยางพาราต้นแรกของประเทศมาปลูกที่อาเภอกันตัง จังหวัด
ตรัง จึงได้รับเกียรติว่าเป็น "บิดาแห่งยาง" จากนั้นพระยารัษฎา-นุประดิษฐ์ ได้ส่งคนไปเรียนวิธีปลูก
ยางพาราเพ่ือมาสอนประชาชนพร้อมนาพันธ์ุยางพาราไปแจกจ่าย และส่งเสริมให้ราษฎรปลูกทั่วไป
ซึ่งในยุคน้ันอาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคต่ืนยางพาราและชาวบ้านเรียกยางพารานี้ว่า “ยางเทศา” ต่อมา

4

ราษฎรได้นาเข้ามาปลูกเป็นสวนยางพารามากขึ้น และได้มีการขยายพื้นท่ีปลูกยางพาราไปในจังหวดั
ภาคใต้รวม 14 จังหวัด ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปถึงจังหวัดท่ีติดชายแดนประเทศมาเลเซียการพัฒนา
อุตสาหกรรมยางพาราของประเทศได้เจริญรุดหน้าเรื่อยมาจนทาให้ประเทศไทยเป็นประเท ศท่ีผลิต
และส่งออกยางพาราได้มากท่ีสดุ ในโลก

พ.ศ. 2444 พระสถลสถานพิทักษ์ ได้นากล้ายางพารามาจากประเทศอินโดเซีย โดยปลูกไวท้ ี่
บริเวณหน้าบ้านพักท่ีอาเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งปัจจุบันน้ียังเหลือให้เห็นเป็นหลักฐานเพียงต้นเดยี ว
อยู่บริเวณหน้าสหกรณ์การเกษตรกันตัง และจากยางรุ่นแรกนี้ พระสถลสถานพิทักษ์ ได้ขยายเน้ือท่ี
ปลูกออกไป จนมีเนื้อท่ีปลูกประมาณ 45 ไร่ นับได้ว่า พระสถลสถานพิทักษ์คือผู้เป็นเจ้าของสวนยาง
คนแรกของประเทศไทย

ยางท่ีนามาครั้งนี้มีจานวน ถึง 4 ลัง ด้วยกันพระสถลสถานพิทักษ์ ได้นามาปลูกไว้ที่บริเวณ
หน้าบ้านพัก ท่ีอาเภอกันตังจังหวัดตรัง ซึ่งปัจจุบันนี้ยังเหลือให้เห็นเป็นหลักฐานเพียงต้นเดียว อยู่
บริเวณหน้าสหกรณ์การเกษตรกันตงั และจากยางรุ่นแรกนี้ พระสถล สถานพทิ ักษ์ ไดข้ ยายเน้ือท่ีปลูก
ออกไป จนมเี นอ้ื ทป่ี ลูกประมาณ 45 ไร่ นบั ได้ว่า พระสถลสถานพทิ กั ษ์ คอื ผูเ้ ป็น เจ้าของ สวนยางคน
แรกของประเทศไทยจากนั้น พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ได้ส่งคนไปเรียนวิธีปลูกยางเพ่ือมาสอน
ประชาชน นักเรียนของ ท่านท่ีส่งไปก็ล้วนแต่เป็นเจ้าเมือง นายอาเภอ กานัน และผู้ใหญ่บ้านทั้งสิ้น
พรอ้ มกันน้นั ทา่ นกส็ ง่ั ใหก้ านนั ผใู้ หญบ่ ้าน นาพนั ธยุ์ าง ไปแจกจา่ ยและส่งเสรมิ ใหร้ าษฎรปลกู ทั่วไป ซง่ึ
ในยคุ นัน้ อาจกล่าวไดว้ ่าเป็นยคุ ตืน่ ยาง และชาวบา้ นเรยี ก ยางพารานี้วา่ “ยางเทศา”ขณะนม้ี กี ารปลูก
ยางพาราไปทั่วทั้งภาคใต้และภาคตะวันออก เน้ือท่ีประมาณ 9 ล้านไร่ มีผู้ถือครองประมาณ 5 แสน
ครอบครัวและจัดเป็นพืชเศรษฐกิจสาคัญรองลงมาจากข้าวทารายได้ให้กับประเทศ ปีละนับหมื่นล้าน
บาท

ดอกศรีตรงั ประจาจงั หวดั
พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) เป็นผู้ที่นาต้นศรีตรัง มาปลูกที่เมือง

ตรังเป็นครั้งแรกเม่ือปี พ.ศ. 2444 ดอกศรีตรังยังได้รับการกาหนดให้เป็นพันธ์ุไม้มงคลพระราชทาน
และดอกไมป้ ระจาจงั หวัดตรัง ดอกศรตี รงั ยังมชี อื่ อยใู่ นคาขวญั ประจาจังหวดั ตรงั ดว้ ย

ดอกศรีตรัง หรือ Jacaranda ช่ือวิทยาศาสตร์: Jacaranda obtusifolia เป็นไม้ต้นผลัดใบ
ขนาดกลางในวงศ์แคหางค่าง ปลูกเป็นไม้ประดับ สูง 4-10 เมตร เรือนยอดโปร่ง เปลือกสีน้าตาลอม
ขาว แตกล่อนเป็นแผ่นบางตามยาวคล้ายกระดาษ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก เรียงตรงกันข้าม ใบ
ย่อย 12-21 คู่ เรียงตรงข้าม ใบรูปขอบขนานแกมรูปเหลี่ยมข้าวหลามตัด มีขนาดเล็ก กว้าง 0.5-0.7
เซนติเมตร ยาว 1-1.5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบเบ้ียว เส้นแขนงใบข้างละ 4-5 เส้น ก้านใบ
หลักยาว 7-11 เซนติเมตร ก้านใบประกอบยาว 4-8 มม. ไม่มีก้านใบย่อย ดอก สีม่วงอ่อน มกี ล่ินหอม
อ่อน ออกเป็นช่อแบบกระจุกแยกแขนงตามก่ิงและซอกใบ ใกล้ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 5-9 เซนติเมตร
กลีบดอกเช่ือมติดกันเป็นหลอดสีม่วงเข้มปลายแยก 5 แฉก ดอกบานเต็มที่กว้าง 1.5-2.5 เซนติเมตร
จะออกดอกประมาณเดือนมกราคม-มีนาคม เป็นผลประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม ผลแห้งแตก
เปน็ ฝกั สนี ้าตาลออ่ น กว้าง 1-1.5 เซนตเิ มตร ยาว 2.2-2.5 เซนติเมตร เมลด็ มีปีกจานวนมาก

5

ด้วยเหตุท่ีเน้ือไม้มีลักษณะบางเบา มีลายสวยงามและมีกล่ินหอม จึงมักนามาใช้ทาเป็นโครง
ของเฟอร์นิเจอร์เคร่ืองใช้ต่างๆ เช่น พื้นปาร์เกต์ กีตาร์ เป็นต้น นอกจากนี้ ชาวอียิปต์โบราณยังใช้ไม้
จากต้นศรีตรังเอาไปทาเปียโน ส่วนน้าท่ีคั้นได้จากดอกยังมีสรรพคุณทางการแพทย์ ช่วยยับยั้งการ
เติบโตของเช้ือโรคได้อกี ดว้ ย

ภาพที่ 3 ทม่ี า : https://sites.google.com/site/

ตุ๊ก ตกุ๊ หัวกบ พาหนะแห่งเมืองตรัง

ในปี พ.ศ. 2509 ได้มีการนาเข้ารถตุ๊ก ๆ หัวกบมายังจังหวัดตรังโดยทาการขนส่งลงเรือจาก
ญี่ปุ่นเข้าสู่ประเทศไทยแล้วส่งต่อมาทางเรือสาเภาโดยรุ่นแรกท่ีนาเข้ามาคือ รุ่นมิดเจ็ท เอ็มพี4 (MP4
Midget) นับว่าเป็นรุ่นท่ีหาค่อนข้างยากในปจั จุบัน เพราะมีเหลืออยู่ให้เห็นจานวนไม่มากนัก ตา่ งจาก
รุ่นมิดเจ็ท เอ็มพี5 (MP5 Midget) ซ่ึงถูกส่งเข้ามาในภายหลัง จึงมีจานวนมากและใช้กันมาจนถึง
ปัจจบุ ัน โดยไดม้ กี ารปรับแตง่ เพ่ิมเตมิ หลงั คาใหก้ ับรถ เพอ่ื ป้องกันฝนและแสงแดดใหก้ ับผโู้ ดยสาร

ตุ๊ก ตุ๊ก หัวกบ ที่นาเข้ามาจากญี่ปุ่นรุ่นแรกที่นาเข้ามาใช้งานในจัง หวัดตรังคือ รุ่น MP4 มี
จานวนไม่มากนัก นับเป็นรุ่นหายาก ต่อมาคือรุ่น MP5 ซ่ึงมีจานวนมากและใช้กันมาถึงปัจจุบัน ส่วน
แตกต่างระหวา่ ง MP4 และ MP5 ซ่ึงเป็นรุ่น Minor Change ท่ีสังเกตไดง้ ่ายๆ คือ ชอ่ งระบายอากาศ
ท่ีอยู่ใตไ้ ฟหน้าของ MP5 จะมีขนาดใหญ่กว่า MP4 รถท้ัง 2 รุ่นน้ียังคงมีการอนุรักษ์และใช้งานโดยยัง
ไมม่ กี ารเป ลีย่ นแปลงรูปร่างภายนอกของ Daihatsu Midget รุ่น MP4 และ 5

พน้ื ท่ีในเขตจังหวัดตรัง มีส่ลักษณะทางภูมิศาสตร์ส่วนใหญ่เป็นลอนลูกฟูก หรือท่ีชาวท้องถ่ิน
ในจังหวัดตรงั เรยี กวา่ "ควน" ซ่งึ แปลวา่ "เนิน" การใชร้ ถบรรทกุ สามลอ้ ขนาดเล็ก หรอื รถตกุ๊ ๆ ในการ

6

ขนส่งท้ังสินค้าและผู้โดยสาร จึงมีความเหมาะสมและสะดวก เพราะนอกจากจะช่วยทุ่นแรงแล้ว ยัง
สามารถเข้า-ออก ภายในซอยที่คับแคบได้โดยง่ายอีกด้วย จึงเป็นเร่ืองไม่น่าแปลกใจหากปัจจุบันใน
อาเภอเมอื งตรงั มกี ารรวมกลุ่มกันจัดตงั้ ชมรมเกยี่ วกบั รถต๊กุ ๆ หวั กบช่ือว่า "ชมรมสามลอ้ เครือ่ ง" เพือ่
เป็นการอนุรกั ษ์รถตุ๊ก ๆ หน้าตาประหลาด ท่ียังคงเหลือให้ได้เหน็ กว่า 300 คัน ให้คงอยู่คู่กบั ชาวเมือง
ตรงั ต่อไป เพราะ "รถตุ๊ก ๆ หวั กบ" ได้กลายเปน็ สญั ลักษณส์ าคญั อยา่ งหน่งึ ประจาจงั หวัดตรงั

ภาพท่ี 4 ทมี่ า : https://www.google.com//

7

บทที่ 2
อาหารขนึ้ ชอ่ื ของจังหวัดตรงั

โกป-ี้ แซล่ อ้ ง
รา้ นโกปี้ หรอื ร้านนา้ ชา คกู่ บั คนเมืองตรงั มาไม่ตา่ กว่า 50 ปี ในการจะมเี มนใู หเ้ ลอื ก เชน่ โกปี้

กาแฟใส่นมหรือกาแฟร้อน โกปี้อ้อ หมายถึง กาแฟ-น้าตาล ไม่ใส่นม หรือท่ีเรียกว่ากาแฟดา แซ่ล้อง
หมายถึง ชา-นมข้นหวาน หรือชาร้อน และแต้โอเล้ียง หมายถึง ชาดาเย็นน่ันเอง กาแฟและชาเมือง
ตรังมีเอกลักษณ์ท่ีสาคัญ ก็คือ ยังใช้วิธีการกรองกาแฟก้วยถุงผ้าแบบเก่าอยู่ และผงกาแฟที่ใช้ในร้าน
จะเป็นกาแฟที่ผลิตข้ึนเองทุกข้ันตอนจากท้องถ่ิน ท้ังในตัวเมืองและชุมชนบนเกาะ เช่น เกาะลิบง
เกาะมกุ ปัจจบุ นั ยงั มกี ารควั่ และบดกาแฟเอง

ภาพที่ 5 ทม่ี า : https://www.wongnai.com/restaurants
ตม่ิ ซา

เป็นเมนูอาหารเช้าคู่กับกาแฟ-หมูย่างมานาน แรกเร่ิมเมนูต่ิมซาจะมีแค่ฮะเก๋า ขนมจีบ เคียง
คู่กับซาลาเปา บะจ่าง ขนมข้ึน และปาท่องโก๋หรือที่ชาวตรังเรียกว่า “จาโก๋ย” วิธีรับประทานคือ ฉีก
ปาท่องโก๋ให้เป็นช่องตรงกลางเอาขนมจีบมาใส่แล้วราดด้วยน้าจ้ิม ต่อมาปี 2552เมนูติ่มซาถูกนาไป
เป็นเมนูอาหารเช้าของโรงแรมธรมรินทร์ และข้ึนช่ือเร่ืองความอร่อย ขนมจีบก็มีการพัฒนาหลาก
รปู แบบขนึ้ ท้งั ขนมจีบห่อไส้กรอก หอ่ หมสู ับ ห่อไขน่ กกระทา หอ่ กงุ้ สบั ปอเป้ียะทอด อ่ืนๆ จนเปน็ ต่ิม

8
ซาชุดใหญ่เต็มโต๊ะ ที่เห็นร้านกันอยู่ในปัจจุบัน และสิ่งท่ีทาให้ขนมจีบอร่อยยิ่งข้ึนก็คือ น้าจ้ิมท่ีมี
ส่วนผสมของ “น้าส้มเจื่อง” เคล็ดลับความอร่อยตัวจริง สูตรชาวตรังโดยแท้หาที่อื่นไม่ได้ ใช้จิ้มได้ทั้ง
หมูย่างและขนมจีบ สาหรับอาหารเช้าตามแบบฉบับเมืองตรังหากินได้ในเมือง โดยเฉพาะท่ีถนนห้วย
ยอดมรี า้ นอรอ่ ยขึ้นช่อื หลายร้าน เชน่ ร้านตรังหมูย่าง ร้านพงษโ์ อชา

ภาพที่ 6 ทม่ี า : https://www.wongnai.com/restaurants
ขนมเคก้ เมอื งตรัง
เอกลักษณ์ของขนมเค้กเมืองตรังคือ ต้องมีรูตรงกลาง ซึ่งเป็นแบบพิมพ์จากเค้กขุกม่ิง ต้นตารับเค้ก
เมืองตรังที่มีมากกว่า 60 ปี ความอร่อยของขนมเค้ก เมืองตรังอยู่ที่ความนุ่มหอม และมีหลายรสให้
เลอื ก ไมใ่ สว่ ัตถุกนั เสีย มวี ันหมดอายุกากับไว้ท่ีขา้ งกลอ่ ง

ภาพท่ี 7 ทม่ี า : https://www.google.com/url?sa=i&url=https

9

หมูย่างเมอื งตรงั
การย่างหมูทั้งตัวของเมืองตรังจะมีหนังกรอบตามแบบโบราณ รสชาดกลมกล่อมด้วย

เคร่ืองเทศที่เป็นสตู รเฉพาะ รับรองว่าถา้ ไมใ่ ชค่ นตรงั โดยกาเนดิ ไปยา่ งอยา่ งไรก็ไมเ่ หมือน นักทอ่ งเทย่ี ว
ท่ีต้องการหมูยา่ งเป็นของฝากหาซอ้ื ไดใ้ นตลาดสด หรือตามแผงรา้ นขายน้าชาบรเิ วณถนนห้วยยอด ใน
เขตเทศบาลเมืองตรงั

ภาพท่ี 8 ที่มา : https://www.google.com/url?sa=

10

บทที่ 3
สถานทที่ อ่ งเทย่ี วในจงั หวัดตรัง

สถานรี ถไฟกนั ตงั
สถานีรถไฟกันตงั ตง้ั อยู่บนถนนหน้าค่าย ตาบลกันตังอาเภอกันตังจังหวัดตรังเปน็ สถานีรถไฟ

สุดทาง ของทางรถไฟสายใต้ ฝ่ังทะเล อันดามัน สถานีรถไฟกันตัง เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1
เมษายน พ.ศ. 2456 ในอดีตใชเ้ ป็นท่ีรับส่งสินค้ากับต่างประเทศ ท้ังสิงคโปร์มาเลเซียอินโดนีเซียมีราง
รถไฟต่อไปเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร

สถานีรถไฟกันตัง (Kantang Railway Station) เป็นสถานีปลายทางของทางรถไฟสายชุม
ทางทุ่งสง–กันตัง ตั้งอยู่ที่ถนนหน้าค่าย ตาบลกันตัง อาเภอกันตัง จังหวัดตรัง อยู่ห่างจากสถานีรถไฟ
กรุงเทพเป็นระยะทาง 850.08 กิโลเมตร โดยกันตังเป็นสถานีรถไฟชั้น 3 ใช้สัญญาณแบบหลักเขต
สถานี ตัวย่อของสถานีคอื กต.

ตัวสถานีรถไฟกันตัง เป็นอาคารไม้ช้ันเดียวทรงป้ันหยา ทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้าตาล อัน
เป็นคู่สีหลักทค่ี ุ้นตาของอาคารรถไฟ ท่ัวไป ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนตวั อาคารและชาน
ชาลา ด้านหน้าของอาคารมีมุข ยื่น มีการตกแต่งประดับมุมเสาด้วย ลวดลาย ไม้ฉลุคงเอกลักษณ์เดิม
ต้ังแต่สมัยรัชกาลท่ี 6 ปัจจุบันได้รับการข้ึนทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรแล้วส่วนตัว
อาคารท่ีทา เป็นห้อง มีผนังไม้ตีตามต้ังโชว์แนวเคร่า พร้อมช่องลมระแนงไม้ตีทแยง บานประตู
หน้าต่างไม้แบบเก่า ส่วนท่ีเป็นโถงมีรั้วลูกกรงไม้ พร้อมบานประตูขนาดเล็กน่ารักกั้นพื้นที่ให้เป็น
สัดส่วน สว่ นดา้ นหลังอาคารเป็นชานชาลามีหลังคาจ่ัวคลุมแยกตา่ งหาก โดยเสารับ หลังคาชาน ชาลา
นี้มีค้ายันไม้ฉลุตกแต่งให้กลมกลืนกับตัวอาคาร ภายในสถานียังพอมีข้าวของเคร่ืองใช้ในอดีตคงเหลือ
อยู่บ้าง โดยภาพรวมแล้วยังรักษาเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ไว้ได้ เป็นอย่างดี นับเปน็ สถานี
รถไฟท่ีมีความสวยงามเป็นพิเศษ จากสถานะท่ีมีความสาคัญต่อกิจการรถไฟดังที่กล่าวมา ทาให้ไม่
แปลกใจ ว่าทาไมสถานีรถไฟปลายทางเล็ก ๆ แห่งนี้จึงถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันเช่นน้ี ซ่ึงเป็นผลทา
ให้ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็น โบราณสถานของจังหวัดตรัง จากกรมศิลปากร ต้ังแต่ พ.ศ.
2539 นอกจากตัวสถานี พ้นื ท่ีโดยรอบสถานีรถไฟแหง่ น้ีใน อดีตเคยคึกคัก ไปด้วยโรงเก็บรถจักร และ
บ้านพักพนักงานการรถไฟ แต่ปัจจุบันได้เงียบเหงาลงตามวัฏจักรของสรรพส่ิง คงไว้แต่ร่องรอยของ
อดีต ผา่ นตวั อาคารและคาบอกเล่า ท่ีคนรุ่นหลังคงนกึ ภาพให้ออกได้ยากเตม็ ที

11

ภาพที่ 9 ทมี่ า : https://readthecloud.co/

สวนสาธารณะพระยารษั ฎาฯ
สวนสาธารณะพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภกั ดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ตง้ั อยู่ในเทศบาลนคร

ตรัง เส้นทางไปพัทลุงใกล้กับห้างสรรพสินค้าโรบินสันตรัง เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ในวงเวียนขนาด
ใหญ่ในตัวเมืองตรัง เป็นท่ีต้ังของอนุสาวรีย์พระยารัษฎาฯ ซึ่งถูกจัดเป็นสวนท่ีมีร่มไม้ที่ร่มร่ืน เพื่อนั่ง
พักผ่อนและออกกาลังกาย ในช่วงเย็นจะมีผู้ปกครองพาครอบครัวและเด็กๆไปเดินเล่นและพักผ่อน
หยอ่ นใจ

สร้างขึ้นเพ่ือเป็นอนุสรณ์ให้อนุชนรุ่นหลังรู้จักบุคคลสาคัญที่โดเด่นในการพัฒนาจังหวัดตรัง
สมัยก่อน ภายในสวนประกอบด้วยต้นไม้ใหญ่หลายชนิดและมีต้นยางพาราปลูกไว้เป็นสัญลักษณ์
ด้านหลังอนุสาวรีย์ มีศาลาและที่นั่งพักผ่อนหลายจุด สนามเด็กเล่นและรอบๆบริเวณมีท่ีจอดรถ
สะดวก

อนุสาวรีย์ถูกสร้างขึ้นในสมัยจอมพล ป.พิบุลยสงครามเปน็ นายกรัฐมนตรี และทาพิธเี ปิดเมื่อ
วนั ท่ี 8 สิงหาคม พ.ศ.2494 เพ่อื ราลึกถึงคุณความดีของพระยารัษฎาที่เคยปกครองและพัฒนาหวั เมอื ง
ภาคใต้และจังหวัดตรังในอดีต (พ.ศ.2444-2456) ปัจจุบันเป็นพื้นที่สีเขียว อากาศดีและเป็นแหล่ง
เรียนรู้ประวัติศาสตรแ์ ก่เยาวชน และผสู้ นใจท่ัวไป

เดิมทีสถานท่ีแห่งน้ี "พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ" ได้มีการสร้าง "ตาหนักผ่อนกาย" ซึ่งได้รับ
พระราชทานนามมาจากรัชกาลท่ี 5 เพ่ือใช้รับเสดจ็ พระเจ้าแผ่นดนิ และเจ้านายรวมทั้งรัชกาลที่ 6, 7
และ "สมเด็จพระศรีพัชรินทรา พระบรมราชินีนาถ พระพันปีหลวง" อีกทั้งยังเคยใช้เป็นศาลากลาง
จังหวัดในยุคแรกก่อนที่ตาหนักจะถูกทิ้งร้างให้ปรักหักพังไป และได้ประดิษฐานอนุสาวรีย์ไว้แทนที่ใน
เวลาต่อมา

12

ภาพที่ 10 ที่มา : https://www.google.com//
พพิ ิธภัณฑ์พระยารษั ฎานุประดษิ ฐ์มหิศรภักดี

พพิ ิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภกั ดี ตงั้ อยู่ถนนหน้าค่าย อยู่ห่างจากเทศบาลกันตงั
ประมาณ 200 เมตร เป็นที่ตั้ง ของสถานที่ประวัติศาสตร์ท่ีสาคัญแห่งหนึ่งของเมืองตรัง “จวนเก่าเจ้า
เมืองตรัง” หรือบ้านพักอดีตเจ้าเมืองตรัง พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี เป็นเรือนไม้ 2 ชั้น มีรูป
ปั้นหุ่นขี้ผึ้งและเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ในชีวิตประจาวันของท่านอย่างครบถ้วน โดยทายาทตระกูล ณ
ระนอง เป็นผู้ดูแลรักษา ชาวกันตัง และเทศบาลเมืองกันตัง เห็นว่าบ้านหลังน้ีคือหลักฐานสาคัญทาง
ประวัติศาสตร์ที่ควรรักษาไว้คู่เมืองตรัง จึงคิดจัดทาเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงชีวิต และผลงานของพระ
ยารัษฎาฯ ใหช้ าวตรังได้ศกึ ษา จดจา โดยได้ขออนญุ าตใช้เปน็ อนุสรณ์สถานราลกึ ถึงคณุ ปู การของพระ
ยารัษฎาฯ ขอใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ โดย ตาโต๊ะเบียนจง อนุญาตให้จังหวัดตรังใช้บ้านหลังน้ีจัดทาเป็น
พพิ ธิ ภณั ฑ์ เม่อื 10 กนั ยายน 2535 ใชน้ ามวา่ พิพธิ ภัณฑพ์ ระยารษั ฎานุประดิษฐ์ มหศิ รภกั ดี (คอซิมบ๊ี
ณ ระนอง)

พพิ ิธภัณฑ์พระยารัษฎา เปิดวันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 9:00 - 16:00 น. ปิดวันจันทร์ โดย
ไม่เก็บค่าเข้าชม แล้วแต่จะบริจาค หากเข้าชมเป็นหมู่คณะและต้องการให้ไกด์รุ่นเยาว์นาชมสามารถ
ตดิ ตอ่ ได้ท่ี โรงเรียนกนั ตงั พทิ ยากร

ภาพที่ 11 ท่มี า : https://www.google.com//

13

หอนาฬิกาตรงั
หอนาฬิกาประจาจังหวัดตรังเป็นอีกหน่ึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัด ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่

บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด ปัจจุบันทางเทศบาลนครตรังได้ปรับปรุงทิวทัศน์บริเวณถนนโดยรอบ
หอนาฬิกา เพอื่ เป็นสถานทีส่ าหรับนักท่องเทย่ี วได้เยยี่ มชมความสวยงามของเมืองตรังในยามเย็นได้อกี
ดว้ ยซง่ึ มีเร่ืองราวตานานของสถานท่ีแหง่ นี้ ท่ีนา่ สนใจมาก

บริเวณสี่แยกหอนาฬกิ า เดิมเป็นท่ีตง้ั หอกระจายข่าวของเทศบาลเมืองตรงั ท่ีมีโครงสร้างเปน็
ไม้ สร้างในสมัยของ นายทุ่น อ่อนสนิท เป็นนายกเทศมนตรี (ดารงตาแหน่งสมัยท่ี 3 ระหว่าง พ.ศ.
2483-2488) ชาวบ้านเรียกกันว่า "หอแหลงได"้ เพราะเทศบาลจะถ่ายทอดข่าววิทยุกระจายเสียงเป็น
ประจาท้งั เชา้ และเยน็

คนทับเท่ียงถือเป็นทชี่ มุ ชนฟงั ข่าวและวจิ ารณ์เหตุการณบ์ ้านเมอื งไปด้วยกัน ครั้นเมื่อถึง พ.ศ.
2504 เทศบาลสร้างหอนาฬิกาขึ้นแทน ความสูงวัดได้ 15 เมตร ฐานปรับพ้ืนท่ีต่างระดับ มี
เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตรต่อมา พ.ศ. 2539 ทางเทศบาลได้ติดต้ังระบบอักษรว่ิงด้วยคอมพิวเตอร์ ทา
ให้มีรูปทรงท่ีเปล่ียนไปจากเดิม ปีพ.ศ.2548 เทศบาลได้ปรับปรุงอีกคร้ังโดยถอดระบบอักษรว่ิงออก
ทาให้หอนาฬกิ ากลับคนื สูส่ ภาพเดิม

ปัจจุบันหอนาฬิกาของจังหวัดตรัง ถือได้ว่าเป็นท่ีนิยมสาหรับนักท่องเที่ยวและคนในจังหวัด
เองเพราะเป็นสภานท่ีมีความสวยงามทา่ มใจกลางเมืองนักทอ่ งเท่ียวนิยมมาถ่ายรปู กันตลอดทัง้ จนการ
ถ่ายทารปู ภาพพรเี วดดิ้ง ซึง่ ในเวลากลางคืนหอนาฬกิ าแห่งนี้จะมีแสงสีไฟทมี่ ีสสี ันสวยงาม

ภาพท่ี 12 ท่ีมา : https://sites.google.com/site/

หาดปากเมง
จังหวดั ตรัง เป็นหนึ่งในจังหวดั ริมฝั่งทะเลอนั ดามัน ซ่ึงเป็นท่ีรับรู้กันดีว่ามีแหล่งท่องเที่ยวทาง

ทะเลอยู่อย่างมากมาย แต่ก่อนที่จะเดินทางไปถึงธรรมชาติอันงดงามเหล่านั้น ต้องผ่านสถานที่หน่ึงท่ี
ถอื เปน็ ประตูสู่แหล่งทอ่ งเท่ยี วทางทะเล ซึง่ กค็ ือชายหาดเก่าแกท่ เ่ี รยี กกันวา่ “หาดปากเมง”

ชายหาดแห่งนี้ต้ังอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พ้ืนที่ตาบลไม้ฝาด อาเภอสิเกา
หรืออยู่ห่างจากตัวเมืองตรังเป็นระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร ลัดเลาะมาตามถนนทางหลวง
หมายเลข 4046-4162 (ตรัง-สิเกา-ปากเมง) หรือหากท่านใดไม่มีรถส่วนตัว ก็สามารถใช้บริการรถตู้
ปรับอากาศ สายตรัง-ปากเมง ได้ ในราคาค่าโดยสารคนละ 40 บาท และใช้ระยะเวลาเพียงแค่
ประมาณครึง่ ช่วั โมง ก็จะพาทกุ ทา่ นมาถงึ จุดหมาย

14

ตามตานานท่ีเล่าต่อๆ กันมาเนิ่นนานแล้วระบุว่า “เฒ่าเมง” แห่งหมู่บ้านชายทะเลแห่งหนึ่ง
ในจังหวัดตรัง มีลูกสาวแสนสวยชื่อ “มุก” ด้วยความงดงามของนางนั้น เป็นที่ถูกใจของบุตรชาย
“พระยาลันตา” จึงได้มีการไปสู่ขอและกาหนดวันแต่งงานตามประเพณี อย่างไรก็ตาม ในวนั ท่ีเจ้าบา่ ว
ยกขบวนขันหมากมาทาพิธีต่างๆ เสร็จ แล้วกาลังจะพาเจ้าสาวกลับบ้านท่ี “เกาะลันตา” นั้น ใน
ระหว่างเดินทางไดถ้ ูกโจรสลัดบุกเขา้ ปลน้

ท้ังน้ี ผู้คนในขบวนเรือบ่าว-สาวได้ร่วมกันต่อสู้ แต่ก็มิอาจต้านทานโจรสลัดได้ จนล้มตายไป
หลายคน รวมท้ัง “เฒ่าเมง” และ “นางมุก” ท่ามกลางความอาลัยของ “พระยาลันตา” โดยร่างท่ี
ทอดกายลงกลางทะเล และขา้ วของในเรือนนั้ ต่อมาได้กลายเป็นชายหาดและเกาะแก่งต่างๆ มากมาย
รวมทั้ง “หาดปากเมง” ถือเปน็ เร่ืองเล่าแฝงคติธรรมที่สอนให้ยึดถือในเรื่องความกตญั ญู เพือ่ เป็นหลัก
ในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตามชายหาดแห่งนี้ มีลักษณะเป็นหาดทรายรูปพระจันทร์ครึ่งเส้ียว
ที่ยาวเหยียดไปตามฝ่ังทะเลอันดามัน แต่เม่ือน้าลงต่าสุดจะเป็นหาดทรายที่กว้างขวางถึง 500 เมตร
โดยทรายจะมีความหนาแน่นมาก จนสามารถขับข่ีรถยนต์ไปตามชายหาดได้ ถือเป็นหาดที่สวยงาม
และสงบเงียบแห่งหนึ่ง ชวนพักผ่อนในบรรยากาศชายทะเล รวมทั้งยังเป็นแหล่งท่องเท่ียวทางทะเล
แห่งแรกของเมอื งตรังด้วย

หาดปากเมงโดดเด่นด้วยโขดเขาใหญ่กลางน้า รูปร่างคล้ายคนขนาดยักษ์ นอนหงายทอดตัว
ยาวไปทางด้านทิศเหนือ ซึ่งก็คือ “เขาเมง” หรือ “เกาะเมง” ท่ีได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ประจาหาด
เน่ืองจากนักท่องเท่ียวมักมาเฝ้ารอยลโฉมความงดงามสุดแสนโรแมนติกของพระอาทิตย์ ที่จะค่อยๆ
ลาลับขอบฟ้าที่บริเวณหลังเกาะแห่งน้ี นอกจากน้ัน ริมชายหาดยังเรียงรายด้วยสนทะเล ที่ข้ึนตลอด
แนวยาวกว่า 5 กิโลเมตรดว้ ย

ส่วนบริเวณสุดชายหาดด้านฝ่ังทิศตะวันออก จะมี “ท่าเทียบเรือปากเมง” ต้ังอยู่ เพื่อ
ให้บริการเรือเดนิ ทางไปยังเกาะแก่งต่างๆ ของทะเลตรัง เพราะทริปท่องเท่ียวส่วนใหญ่ จะเริ่มต้นรับ-
ส่งนักท่องเท่ียวท่ี “หาดปากเมง” นอกจากนั้น ริมชายหาดก็ยังมีร้านค้าต่างๆ ต้ังอยู่มากมาย
โดยเฉพาะร้านอาหารท่ีมีจุดเด่นอยู่ที่อาหารทะเลสดๆ รวมทั้งร้านของท่ีระลึก และที่พักแบบบังกะโล
ขณะเดยี วกัน ชายหาดแห่งนี้ยังมีสง่ิ ท่ีเรียกว่าเปน็ Unseen อีกอย่างหนึ่ง ซ่ึงก็คือ “หอยตะเภา” หอย
หายากประจาถิ่นท่ีกาลังจะใกล้สูญพันธุ์แล้ว ซึ่งสามารถเห็นได้เฉพาะเวลาน้าลงต่าสุด ในช่วงข้างขึ้น
หรือข้างแรม 13-14 ค่าเท่าน้ัน จนทาให้เกิด “งานอนุรักษ์หอยตะเภา” ประจาปีข้ึน ทุกๆ วันเสาร์-
อาทิตย์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายน เพ่ือเป็นการปกปักรักษาธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ผู้ท่ีสนใจไป
เท่ยี วยงั “หาดปากเมง”

15

ภาพที่ 13 ทมี่ า : https://www.google.com//
ครสิ ตจักรตรัง

คริสตจักรตรงั ตั้งอยู่ เลขที่ ๒๔ ถ.ห้วยยอด ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ๙๒๐๐๐ โบสถ์คริสต์
เก่าแก่ อายุเกือบร้อยปี ท่ีคริสตจักรตรัง มีอักษรจารึกไว้เหนือบันไดทางเข้าข้างหน้าว่า "วิหาร
คริสตศาสนา สร้าง ค.ศ. ๑๙๑๕ ” แตเ่ ดมิ นั้นหอระฆังเป็นเพียงดาดฟ้า มีลักษณะคล้ายกับป้อมทหาร
สมยั โบราณ หลังจากนัน้ มปี รับปรุงใหม่ เนอื่ งจากระฆงั ที่อย่ใู นหอระฆงั ชั้นทส่ี อง ดงั ก้องมากเกินไป จงึ
เพิ่มชั้นบนขึ้นเช่นท่ีเห็นในปัจจุบัน วิหารหลังนี้เปล่ียนหลังคาจากกระเบ้ืองซีเมนต์แบบเก่าทรง
ส่เี หล่ยี ม กลายเปน็ กระเบ้อื งใยสังเคราะห์ยางอัลฟลั ทาสีภายนอกและภายใน เพดานบกุ ระเบ้ืองยิบซัม
พ้ืนปคู อมปานาสีขาวครีม ซอ่ มแซมเม่ือ กนั ยายน – ตุลาคม ค.ศ. ๑๙๘๕ ต่อมาเมอื่ เรม่ิ สรา้ งโบสถ์หลงั
ใหม่ จึงเปลี่ยนกระเบื้องใยสังเคราะห์เปน็ แผน่ ไลสาด เพราะกระเบือ้ งใยสังเคราะหเ์ มือ่ โดนแดดมาก ๆ
จะบิดเสียรูปทาให้น้าร่ัวหน้าฝน และทาเวทีใหม่ลดต่าลงมา และหลังจากน้ัน ได้มีการบูรณะฯใหม่ทั้ง
หลัง เมอื่ ปี ๒๐๐๗ จนถึงปจั จบุ นั

ภาพที่ 14 ท่มี า : https://sites.google.com/site/sites

16

บรรณานุกรม

กิตติธัท พัชรสิงห์. (2563). พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี. สืบค้นเม่ือ 10 กันยายน
2564, จาก https://www.paiduaykan.com/province/south/trang/kantang.html

กติ ติธทั พชั รสงิ ห.์ (2563). สถานรี ถไฟกันตัง. สืบค้นเมอ่ื 10 กันยายน 2564, จาก
https://www.paiduaykan.com/province/south/trang/kantang.html

กิตติพัฒน์ อนันต์ฤทธ์ิ. (2557). ประวัติความเป็นมาของ จังหวัดตรัง. สืบค้นเม่ือ 7 กันยายน 2564,
จาก http://www.tro.moph.go.th/data/data1/pravat.htm

กฤตเมธ วงศกรพริ ิย. (2560). อาหารขึ้นชื่อของตรัง. สืบคน้ เมอ่ื 10 กันยายน 2564, จาก
https://kenghola.wordpress.com

กอ้ งเกียรติ พหลสมบรู ณ.์ (2547). หาดปากเมง. สบื ค้นนเมอื่ 10 กันยายน 2564, จาก
https://mgronline.com/south/detail/9550000035747

ชมรมอนุรักษ์รถโบราณตรัง (ศรีตรัง ClassicClub). (2552). รถตุ๊กตุก๊ หัวกบเมอื งตรัง. สืบค้นเม่ือ 10
กันยายน 2564, จาก https://www.thaiscooter.com/forums/showthread.php

บารมี ศรสี มโภชน์. (2450). ครสิ ตจกั รตรัง. สืบคน้ เม่อื 11 กันยายน 2564, จาก
https://www.m-culture.go.th/trang/

บริษัท ดีพี สตูดิโอ จากัด. (2550). ความหมายของช่ือเมือง "ตรัง”. สืบค้นเม่ือ 7 กันยายน 2564,
จาก http://www.iamtrang.com/detail_page.php?sub_id=4

วฑิ รู เมฆฉา่ . (2553). ประวัตคิ วามเป็นมาของดอกศรตี รัง. สบื คน้ เม่ือ 9 กนั ยายน 2564, จาก
https://www.77kaoded.com/news/nopparat-chotikasemkul/47626

ศรัณยา บุนนาค. (2559). หอนาฬกิ า จ. ตรงั . สบื คน้ เมอื่ 10 กันยายน 2564, จาก
http://www.me-fi.com/tourismdb/trang-pattalung/data_

สานักงานจังหวัดตรัง. (2558). คาขวญั จังหวัดตรัง. สบื คน้ เมื่อ 9 กนั ยายน 2564, จาก
https://ww2.trang.go.th/content/slogan

สานักงานพัฒนาการวจิ ยั การเกษต. (2550). ยางพาราตน้ แรก. สบื คน้ เม่ือ 9 กันยายน 2564, จาก
https://www.arda.or.th/kasetinfo/south/para/history/01-05.php

อุดมทรัพย์ ทวีสิน. (2548). สวนสาธารณะพระยารัษฎาฯ. สบื ค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564, จาก
https://www.trangview.com/p/blog-page.html

17


Click to View FlipBook Version