The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เค้าโครงวิจัยกวินธิดา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 102กวินธิดา มาตราช, 2024-02-09 10:46:11

เค้าโครงวิจัยกวินธิดา

เค้าโครงวิจัยกวินธิดา

44 ว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยการจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้ปัญหาเป็นฐาน มีความสามารถใน แก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 อภิปรายผล จากการศึกษาและเปรียบเทียบการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยการจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง การขึ้น - ตก และรูปร่างของดวงจันทร์ พบว่านักเรียนมี ความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 ซึ่ง เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เป็นการจัดการ เรียนรู้ที่นำปัญหาหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันมาเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดการเรียนรู้โดย มุ่งเน้นให้นักเรียนตระหนักถึงปัญหาและสามารถหาแนวทาง ในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อแก้ปัญหานั้น โดยแต่ละขั้นตอนของการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานมุ่งเน้นความสามารถในการแก้ปัญหาทาง วิทยาศาสตร์ คือ 1.ขั้นกำหนดปัญหา ขั้นนี้ทำให้ผู้เรียนเห็นความสำคัญของปัญหาและเกิดความสนใจอยากหา คำตอบซึ่งในขั้นนี้ผู้เรียนได้ระดมความคิดเพื่อเสนอปัญหาและเลือกปัญหาที่ผู้เรียนสนใจ 2.ขั้นทำความเข้าใจปัญหา ขั้นนี้ผู้เรียนได้ฝึกการคิดเพื่อหาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับปัญหาและ หาวิธีการเพื่อหาคำตอบของปัญหา ในขั้นนี้ผู้เรียนได้ตั้งคำถามในประเด็นที่สนใจและเสนอแนวทางในการ ค้นคว้าหาตำตอบ 3.ขั้นดำเนินการศึกษาค้นคว้า ขั้นผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติและศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตนเอง ซึ่งในขั้นนี้ผู้เรียนได้ฝึกการค้นคว้าหาข้อมูลและจะทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง 4.ขั้นสังเคราะห์ความรู้ ขั้นนี้ผู้เรียนได้ร่วมกันตรวจสอบความรู้ ความถูกต้อง สมบูรณ์และ ครบถ้วนของข้อมูล ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอภิปรายผลและสังเคราะห์ความรู้ที่ได้มาว่ามีความเหมาะสม หรือไม่ ทำให้ผู้เรียนได้ไตร่ตรองและพิจารณาความถูกต้องของข้อมูล 5.ขั้นสรุปและประเมินค่าของคำตอบ ขั้นนี้ฝึกให้ผู้เรียนได้สรุปผลจากการศึกษาค้นคว้าเพื่อ หาคำตอบของปัญหา และประเมินความถูกต้องเหมาะสมของคำตอบ 6.ขั้นนำเสนอและประเมินผลงาน ขั้นนี้ผู้เรียนได้ฝึกสร้างสรรค์ผลงานของตนเองเพื่อนำเสนอ ผลงานต่อเพื่อนและผู้สอนพร้อมทั้งประเมินผลงานซึ่งทำให้ผู้เรียนได้ฝึกสร้างสรรค์ผลงานเพื่อนำเสนอหน้าชั้น เรียน จะเห็นได้ว่าขั้นตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานในแต่ละขั้นช่วยส่งเสริมการทำกิจกรรม แก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียนด้วยตนเอง ซึ่งการฝึกความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์โดย


45 ใช้ขั้นตอนของการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานสอดคล้องกับความสามารถในการแก้ปัญหาทาง วิทยาศาสตร์โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่มุ่งเน้นการระบุปัญหา การตั้งสมมติฐาน การทดลอง และการ สรุปผลการทดลอง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ สุปรียา วงษ์ตระหง่าน (2546) ที่กล่าวมา การศึกษาปัญหาที่ ไม่รู้ผู้เรียนจะพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาการวินิจฉัย และการคิดอย่างมีเหตุผล และชบา เมืองจีน (2564) ได้ศึกษา เปรียบเทียบการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ เรื่องการขึ้น-ตก และรูปร่างของดวงจันทร์ ก่อนและหลังเรียนโดยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ผลการศึกษา พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีทักษะการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ข้อเสนอแนะ 1. ควรมีการศึกษาผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานกับทักษะการคิดด้านอื่นๆ เช่น ทักษะการ คิดอย่างสร้างสรรค์ ทักษะการคิดวิเคราะห์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ความคงทนของการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ การพัฒนาแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ความเข้าใจธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ เป็นต้น 2. ควรนํารูปแบบการวิจัยนี้ไปวิจัยกับกลุ่มผู้เรียนระดับอื่นๆ เช่น ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย หรือระดับอุดมศึกษา เป็นต้น


46 เอกสารอ้างอิง กนกวรรณ เขียวน้ำชุม. (2563). กรพัฒนาทักษะการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) ของนักเรียนชั้นประถศึกษาปีที่ 2 ในโรงเรียนบ้านงน้อย สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครพนมเขต 2. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, สขานวัตกรรมการบริหาร การศึกษา, มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 . กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว. กันติกาน สืบกัน. (2551). การศึกษาผลการเรียนรู้ และความสามารถในการแก้ปัญหาทาง วิทยาศาสตร์ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT. วิทยานิพนธ์ ศึกษา ศาสตรมหาบัณฑิต กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศิลปากร. ชบา เมืองจีน (2564). การพัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ และความพึงพอใจในการจัดการ เรียนรู้ เรื่อง สิ่งมีชีวิตในสิ่งแวดล้อม โดยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานของนักเรียน ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามค าแหง. วารสารชุมชนวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา, 16(2), 83-84. กิตติศักดิ์ ใจอ่อน และกตัญญุตา บางโท (2020). การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเพื่อส่งเสริม ความสามารถในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ในศตรรษที่ 21 ของนักศึกษา. วารสารการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร, 24(1), 99-109. คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติและที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค. ทิศนา แขมมณี. (2556). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดการกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ ครั้ง ที่ 16). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ด่านสุทธาการพิมพ์. ทิศนา แขมมณี.(2557). ปลุกโลกการสอนให้มีชีวิตสู่ห้องเรียนแห่งศตวรรษใหม่.เอกสาร ประกอบการ ประชุม วิชาการ “อภิวัฒน์การเรียนรู้...สู่จุดเปลี่ยนประเทศไทย”. สำนักงาน ส่งเสริมสังคมแห่งการ เรียนรู้และคุณภาพเยาวชน’ พวงรัตน์ บุญญานุรักษ์. (2544). การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน. ชลบุรี : มหาวิทยาลัยชลบุรี. รชกร ไชยวงศ์, นิเวศน์ วงศ์สุวรรณ และ สมชัย ศรีนอก. (2564). การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานและ การเรียนรู้ทางพุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์. วารสาร ปัญญา, 28(3), 1-14. รังสรรค์ ทองสุกนอก. (2547). ชุดการเรียนการสอนที่ใช้ปัญหาเป็นฐานในการเรียน เรื่อง ทฤษฎีจ านวน เบื้องต้น ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต (คณิตศาสตร์). กรุงเทพมหานคร บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วัชรา เล่าเรียนดี. (2548). เทคนิคและยุทธวิธีพัฒนาทักษะการคิดการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เป็น


47 ส าคัญ. นครปฐม: โครงการส่งเสริมการผลิตตำราและเอกสารการสอน คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. วัชรา เล่าเรียนดี. (2548). เทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้ส าหรับครูมืออาชีพ. นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัย ศิลปากร. วัฒนา รัตนพรหม. (2548). การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลัก. ศึกษาศาสตร์ปริทัศน์. 1 (มกราคม – เมษายน). 33 - 45. วิชนีย์ ทศศะ. (2547). การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ เรื่อง สิ่งแวดล้อม ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ จัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลักและแบบสืบเสาะหาความรู้. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์ มหาบัณฑิต. สาขาหลักสูตรและการนิเทศ. มหาวิทยาลัยศิลปากร. วิชชุดา อ้วนศรีเมือง. (2554). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และ ความสามารถในการ คิด แก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือโดยใช เทคนิค STAD กับการจัดการ เรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค LT. ปริญญานิพนธ์ กศ. ม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สุปรียา วงษ์ตระหง่าน. (2546). การจัดการเรียนการสอนที่ใช้ปัญหาเป็นหลัก. กองบริการ การศึกษา 6(1), 1-4 สุพรรณี ชาญประเสริฐ. (2557). สะเต็มศึกษากับการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. วารสารสถาบันส่งเสริม การ สอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 186, 3–5. สุทธิพงษ์ พงษ์วร. (2552). จุดประกายให้รอบรู้:การเรียนรู้วิทยาศาสตร์กับการน ามาใช้ในการด ารงชีวิต. นิตยสาร สสวท, 38(163), 7-10. สุปรียา วงษ์ตระหง่าน. (2546). การจัดการเรียนการสอนที่ใช้ปัญหาเป็นหลัก. วารสารข่าวสาร กองบริการ ศึกษา, 1-4. สุมนา อัศวปยุกต์กุล. (2539). บทบาทที่ได้ปฏิบัติจริงและปัญหาในการปฏิบัติงานของครูที่ปรึกษา ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 หลักสูตรพุทธศักราช 2521 ประจ าปีการศึกษา 2521 ในโรงเรียนมัธยมศึกษา จังหวัด ชลบุรี. ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน). (2543). กรอบการประเมิน คุณภาพ ภายนอกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ : สำนักงานฯ. อรมนัส วงศ์ไทย (2562). การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และ การแก้ปัญหา เรื่อง ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ส าหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5.วิทยานิพนธ์ปริญญา การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา.พิษณุโลก : มหาวิทยาลัยนเรศวร. Barrow, Haward S. 1985. How to Design a Problem Based Curriculum for the Preclinical Years. New York: Springer Pulishing. Cunningham William G.and Paula A. (2003). Cordeiro Educational Leadership a Problem Based Approach. 2nd ed. New York: Pearson Education.


48 Elshafei, D.L. (2007). “A Comparison of Problem-Based and Traditional Learning in Algebra II,” Dissertation Abstracts. (Online). Available. Gallagher S.A. (1997). Problem-Based Learning: Where did it come from. Journal for the Education of the Gified : 84-87. Hesterberg, L.J. (2005). “Evaluation of Problem - based Learning Practice Course : Do Self - efficacy, Critical Thanking and Assessment Skill Improve,” Dissertation Abstracts International. 66(01) : 347 – A. Willkerson, L.& Feletti, G. (1989). Problem-Based Learning: One Approach to Increasing Student Participation. New Directions for Teaching and Learning. (Spring 1989): 51-60


49 ภาคผนวก


50 ภาคผนวก ก: รายชื่อผู้เชี่ยวชาญในการตรวจประเมินเครื่องมือวิจัย


51 รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ที่ประเมินแผนการจัดการเรียนรู้และแบบวัด ความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ มีรายนามดังต่อไปนี้ 1. นางนงนุช จันทยุทธ ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหนองสำโรงวิทยา 2. นายเด็ดเดี่ยว อุดม ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหนองสำโรงวิทยา 3. นางชาลิสา สรรพโส ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนหนองสำโรงวิทยา


52 ภาคผนวก ข: การวิเคราะห์ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ และแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์


53 แผนการจัดการการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง การขึ้นตกและรูปร่างของดวงจันทร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยผู้เชี่ยวชาญ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ดวงจันทร์มีการขึ้นและตกหรือไม่อย่างไร จ านวน 3 ชั่วโมง ที่ รายการประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ ∑R IOC คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1. สาระสำคัญ 1 +1 +1 3 1 1.1 เขียนได้ใจความสำคัญของเรื่อง +1 +1 +1 3 1 1.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 2.1 ถูกต้องครอบคลุมเนื้อหา +1 +1 +1 3 1 2.2 สามารถวัดและประเมินได้ +1 +1 +1 3 1 3. สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 4.1 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นไปตามการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหา เป็นฐาน +1 +1 +1 3 1 4.2 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้และ เนื้อหา/สาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 4.3 กิจกรรมเหมาะสมกับระดับของผู้เรียน +1 +1 +1 3 1 4.4 กิจกรรมสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง +1 +1 +1 3 1 4.5 กิจกรรมส่งเสริมผลการเรียนรู้ด้านความรู้ของผู้เรียน +1 +1 +1 3 1 4.6 กิจกรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน +1 +1 +1 3 1 4.7 กิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงความคิด และนำเสนอผลงาน +1 +1 +1 3 1 4.7 เวลาที่ใช้เพียงพอต่อกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 5. สื่อการเรียนรู้เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 6. การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 3 1 6.1 การวัดและประเมินผลมีความหลากหลาย +1 +1 +1 3 1 6.2 วิธีวัดและเครื่องมือวัด สามารถวัดได้ +1 +1 +1 3 1 6.3 ตรงและครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1


54 แผนการจัดการการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง การขึ้นตกและรูปร่างของดวงจันทร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยผู้เชี่ยวชาญ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ในแต่ละวันมองเห็นดวงจันทร์มีรูปร่างอย่างไร จ านวน 2 ชั่วโมง ที่ รายการประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ ∑R IOC คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1. สาระสำคัญ 1 +1 +1 3 1 1.1 เขียนได้ใจความสำคัญของเรื่อง +1 +1 +1 3 1 1.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 2.1 ถูกต้องครอบคลุมเนื้อหา +1 +1 +1 3 1 2.2 สามารถวัดและประเมินได้ +1 +1 +1 3 1 3. สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 4.1 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นไปตามการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหา เป็นฐาน +1 +1 +1 3 1 4.2 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้และ เนื้อหา/สาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 4.3 กิจกรรมเหมาะสมกับระดับของผู้เรียน +1 +1 +1 3 1 4.4 กิจกรรมสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง +1 +1 +1 3 1 4.5 กิจกรรมส่งเสริมผลการเรียนรู้ด้านความรู้ของผู้เรียน +1 +1 +1 3 1 4.6 กิจกรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน +1 +1 +1 3 1 4.7 กิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงความคิด และนำเสนอผลงาน +1 +1 +1 3 1 4.7 เวลาที่ใช้เพียงพอต่อกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 5. สื่อการเรียนรู้เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 6. การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 3 1 6.1 การวัดและประเมินผลมีความหลากหลาย +1 +1 +1 3 1 6.2 วิธีวัดและเครื่องมือวัด สามารถวัดได้ +1 +1 +1 3 1 6.3 ตรงและครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1


55 แผนการจัดการการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง การขึ้นตกและรูปร่างของดวงจันทร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยผู้เชี่ยวชาญ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง ระบบสุริยะจ านวน 2 ชั่วโมง ที่ รายการประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ ∑R IOC คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1. สาระสำคัญ 1 +1 +1 3 1 1.1 เขียนได้ใจความสำคัญของเรื่อง +1 +1 +1 3 1 1.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 2.1 ถูกต้องครอบคลุมเนื้อหา +1 +1 +1 3 1 2.2 สามารถวัดและประเมินได้ +1 +1 +1 3 1 3. สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 4.1 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นไปตามการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหา เป็นฐาน +1 +1 +1 3 1 4.2 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้และ เนื้อหา/สาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 4.3 กิจกรรมเหมาะสมกับระดับของผู้เรียน +1 +1 +1 3 1 4.4 กิจกรรมสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง +1 +1 +1 3 1 4.5 กิจกรรมส่งเสริมผลการเรียนรู้ด้านความรู้ของผู้เรียน +1 +1 +1 3 1 4.6 กิจกรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน +1 +1 +1 3 1 4.7 กิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงความคิด และนำเสนอผลงาน +1 +1 +1 3 1 4.7 เวลาที่ใช้เพียงพอต่อกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 5. สื่อการเรียนรู้เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 6. การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 3 1 6.1 การวัดและประเมินผลมีความหลากหลาย +1 +1 +1 3 1 6.2 วิธีวัดและเครื่องมือวัด สามารถวัดได้ +1 +1 +1 3 1 6.3 ตรงและครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1


56 แผนการจัดการการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง การขึ้นตกและรูปร่างของดวงจันทร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยผู้เชี่ยวชาญ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง ระบบสุริยะมีลักษณะอย่างไร จ านวน 3 ชั่วโมง ที่ รายการประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ ∑R IOC คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1. สาระสำคัญ 1 +1 +1 3 1 1.1 เขียนได้ใจความสำคัญของเรื่อง +1 +1 +1 3 1 1.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 2.1 ถูกต้องครอบคลุมเนื้อหา +1 +1 +1 3 1 2.2 สามารถวัดและประเมินได้ +1 +1 +1 3 1 3. สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 4.1 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นไปตามการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหา เป็นฐาน +1 +1 +1 3 1 4.2 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้และ เนื้อหา/สาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 4.3 กิจกรรมเหมาะสมกับระดับของผู้เรียน +1 +1 +1 3 1 4.4 กิจกรรมสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง +1 +1 +1 3 1 4.5 กิจกรรมส่งเสริมผลการเรียนรู้ด้านความรู้ของผู้เรียน +1 +1 +1 3 1 4.6 กิจกรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน +1 +1 +1 3 1 4.7 กิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงความคิด และนำเสนอผลงาน +1 +1 +1 3 1 4.7 เวลาที่ใช้เพียงพอต่อกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 5. สื่อการเรียนรู้เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1 6. การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 3 1 6.1 การวัดและประเมินผลมีความหลากหลาย +1 +1 +1 3 1 6.2 วิธีวัดและเครื่องมือวัด สามารถวัดได้ +1 +1 +1 3 1 6.3 ตรงและครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1


57 ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดทักษะการแก้ปัญหาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Index of Item Objective Congruence: IOC) เรื่อง การขึ้น - ตก และรูปร่างของดวงจันทร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยผู้เชี่ยวชาญ ข้อที่ คะแนนของผู้เชี่ยวชาญ รวม ค่า IOC แปลผล หมายเหตุ คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 3 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 4 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 6 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 9 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 10 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 11 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 12 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 13 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 14 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 15 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 16 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 17 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 18 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 19 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ 20 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้


58 ภาคผนวก ค: ค่าความยากง่าย ค่าอ านาจจ าแนกและค่าความเชื่อมั่น ของแบบวัดการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์


59 ค่าความยากง่าย ค่าอ านาจจ าแนก และค่าความเชื่อมั่นของแบบวัด การคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ตารางค่าความยากง่าย (p) ค่าอำนาจจำแนก (r) ข้อสอบข้อที่ ค่าความยากง่าย (p) ค่าอำนาจจำแนก (r) 1 .75 .50 2 .69 .23 3 .63 .50 4 .31 .25 5 .56 .38 6 .75 .34 7 .56 .23 8 .63 .25 9 .75 .25 10 .63 .50 11 .56 .38 12 .69 .38 13 .38 .50 14 .31 .21 15 .75 .25 16 .75 .25 17 .50 .34 18 .44 .38 19 .56 .35 20 .44 .38 ค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Reliability Cronbach’s Alpha Coefficient) = .83


60 ภาคผนวก ง: แผนการจัดการเรียนรู้และแบบวัดการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL)


61 แผนการจัดการเรียนรู้ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐาน รหัสวิชา ว14101 วิชาวิทยาศาสตร์1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยที่ 5 โลกและอวกาศ จำนวน 10 ชั่วโมง บทที่ 1 ดวงจันทร์ของเรา เรื่อง ดวงจันทร์มีการขึ้นและตกหรือไม่อย่างไร จ านวน 3 ชม. ผู้สอน นางสาวกวินธิดา มาตราช ภาคเรียนที่ 2/2566 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 3.1 ป.4/1 อธิบายแบบรูปเส้นทางการขึ้น และตกของดวงจันทร์ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ 2. สาระส าคัญ ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก โดยดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองขณะโคจรรอบโลก ขณะที่โลกก็ หมุนรอบ ตัวเองด้วยเช่นกัน การหมุนรอบตัวเองของโลกจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออกในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเมื่อ มองจากขั้วโลกเหนือ ทำให้มองเห็นดวงจันทร์ปรากฏขึ้นทางด้านทิศตะวันออกและตกทางด้านทิศตะวันตก หมุนเวียนเป็นแบบรูปซ้ำ ๆ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายเกี่ยวกับปรากฏการณ์การขึ้นและตกของดวงจันทร์ได้(K) 2. สร้างแบบจำลองการเกิดปรากฏการณ์การขึ้นและตกของดวงจันทร์ได้(P) 3. ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการแสวงหาความรู้ (A) 4. สาระการเรียนรู้ - การขึ้นและตกของดวงจันทร์ 5. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) คาบที่ 1 (1 ชม.) ขั้นก าหนดปัญหา 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน 2. นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ - เพราะอะไรดวงจันทร์ถึงมีการขึ้นและตก (ดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองและหมุนรอบโลก) - ดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น (ข้างขึ้น - ข้างแรม) - ดวงจันทร์เกี่ยวข้องกับเราหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบใต้ตามความคิดของตนเอง)


62 ขั้นท าความเข้าใจกับปัญหา 3.นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิด ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ปัญหาว่าเราจะใช้อุปกรณ์ใดบ้างใน การสร้างแบบจำลอง 4.นักเรียนออกแบบจำลองร่วมกัน โดยใช้วัสดุที่ครูเตรียมให้ซึ่งนักเรียนจะพิจารณาเลือกวัสดุให้เข้ากับ แบบจำลองที่ตั้งไว้และได้คำตอบของปัญหานั้น คาบที่ 2 (1 ชม.) ขั้นด าเนินการศึกษาค้นคว้า 5.นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาใบความรู้และใบกิจกรรม เรื่องการขึ้นและตกของดวงจันทร์ 6.ครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจขั้นตอนการทำแบบจำลองตามใบกิจกรรม และข้อควรระวังในการ ทำแบบจำลอง 7.นักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบขั้นตอนการศึกษาค้นคว้า เพื่อปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการขึ้น และตกของดวงจันทร์ 8.นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การขึ้นและตกของดวงจันทร์ ตามขั้นตอนที่ นักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบไว้ 9.นักเรียนสร้างแบบจำลอง ขั้นสังเคราะห์ความรู้ 10.นักเรียนแต่ละกลุ่มนำข้อมูลที่ได้จากการสร้างแบบจำลองมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในกลุ่ม 11.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันคิดพิจารณาต่อไปว่าความรู้ที่ได้มามีความถูกต้องสมบูรณ์และครบถ้วน ตามประเด็นที่ต้องการศึกษาหรือไม่ ถ้าข้อมูลยังไม่เพียงพอก็ร่วมกันอภิปรายและช่วยกันศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม คาบที่ 3 (1 ชม.) ขั้นสรุปและประเมินค่าของค าตอบ 12.นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันนำเสนอข้อมูลที่สังเคราะห์ได้ และร่วมกันอภิปรายว่า ข้อมูลของแต่ละกลุ่ม ที่ได้การศึกษาค้นคว้าครบถ้วนถูกต้องสมบูรณ์ ถูกต้องหรือไม่ โดยผู้สอนช่วยตรวจสอบและแนะนำเพิ่มเติม 13.นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันสรุปองค์ความรู้ในภาพรวมของปัญหาอีกครั้ง 14.ให้นักเรียนทำใบงาน เรื่อง การขึ้นและตกของดวงจันทร์ ขั้นน าเสนอและประเมินผล 15.ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันออกแบบการสรุปผลการดำเนินการศึกษาค้นคว้าของกลุ่มเพื่อ นำเสนอหน้าชั้นตามรูปแบบที่นักเรียนสนใจ 16.นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอผลดำเนินการศึกษาค้นคว้าหน้าชั้นเรียน


63 17.นักเรียนร่วมกันประเมินทั้งงานของกลุ่มตนเองและกลุ่มของเพื่อน 6. สื่อ/อุปกรณ์ 6.1 สื่อ - ใบความรู้เรื่อง การขึ้นและตกของดวงจันทร์ - ใบบันทึกกิจกรรม 6.2 อุปกรณ์ - ขนมโอริโอ้ - ไม้จิ้มฟัน - กระดาษรอง 7. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัดผลการเรียนรู้ เครื่องมือการวัดผล การเรียนรู้ เกณฑ์การประเมินผล ด้านความรู้ (K: Knowledge) • อธิบายเกี่ยวกับปรากฏการณ์ การขึ้นและตกของดวงจันทร์ได้ ตรวจชิ้นงาน ตรวจแบบบันทึก กิจกรรม ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ (P: Process) • สร้างแบบจำลองการเกิด ปรากฏการณ์การขึ้นและตกของ ดวงจันทร์ได้ ตรวจชิ้นงาน ตรวจแบบบันทึก กิจกรรม ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A: Attitude) • ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการ แสวงหาความรู้ สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70


64 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการแสวงหาความรู้) เรื่อง การสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ค าชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนก ระดับพฤติกรรมการแสดงออกไว้เป็น 3 คะแนน ดังนี้ 3 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกอย่างสม่ำเสมอ 2 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกเป็นครั้งคราว 1 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกน้อยครั้ง ล าดับ ชื่อ-สกุล พฤติกรรมบ่งชี้ คะแนนรวม สรุปผลการ ประเมิน มีความกระตือรือร้น ในทำงาน มีความรับผิดชอบต่อ งานที่ได้รับมอบหมาย ทำงานเสร็จทันเวลา มีความสนใจต่อสิ่งที่ ได้รับมอบหมาย 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ผ่าน ไม่ผ่าน 1 2 3 4 5 เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 ขึ้นไป ( 8-12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์ น้อยกว่าร้อยละ 70 ( 0-7 คะแนน ) ไม่ผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ..........................................................ครูผู้สอน (นางสาวกวินธิดา มาตราช)


65


66 ใบกิจกรรม อภิปรายผล ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


67 แผนการจัดการเรียนรู้ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐาน รหัสวิชา ว14101 วิชาวิทยาศาสตร์1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยที่ 5 โลกและอวกาศ จำนวน 10 ชั่วโมง บทที่ 1 ดวงจันทร์ของเรา เรื่อง ในแต่ละวันมองเห็นดวงจันทร์มีรูปร่างอย่างไร จ านวน 2 ชม. ผู้สอน นางสาวกวินธิดา มาตราช ภาคเรียนที่ 2/2566 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 3.1 ป.4/2 สร้างแบบจำลองที่อธิบายแบบรูปการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ และ พยากรณ์รูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ 2. สาระส าคัญ ดวงจันทร์เป็นวัตถุที่เป็นทรงกลม แต่รูปร่างของดวงจันทร์ที่มองเห็นหรือรูปร่างปรากฏของ ดวงจันทร์ บนท้องฟ้าแตกต่างกันไปในแต่ละวัน โดยในแต่ละวันดวงจันทร์จะมีรูปร่างปรากฏเป็นเสี้ยวที่มีขนาดเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่องจนเต็มดวง จากนั้นรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์จะแหว่ง และมีขนาดลดลงอย่างต่อเนื่องจนมอง ไม่เห็นดวงจันทร์ จากนั้นรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์จะเป็นเสี้ยวใหญ่ขึ้นจนเต็มดวงอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลง เช่นนี้เป็นแบบรูปซ้ำกันทุกเดือน 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของดวงจันทร์ในแต่ละวันได้(K) 2. สร้างแบบจำลองการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของดวงจันทร์ได้(P) 3. ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการแสวงหาความรู้ (A) 4. สาระการเรียนรู้ - รูปร่างดวงจันทร์ในแต่ละวัน 5. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน (PBL) คาบที่ 1 (1 ชม.) ขั้นก าหนดปัญหา 1.นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน 2.นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ - ในแต่ละวันเราเห็นดวงจันทร์เหมือนกันหรือไม่ (ตามความเข้าใจของนักเรียน) - ดวงจันทร์มีรูปร่างอย่างไรบ้าง (ตามความเข้าใจของนักเรียน)


68 ขั้นท าความเข้าใจของปัญหา 3.นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิด ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ปัญหาว่าเราจะต้องตอบคำถาม อย่างไรบ้าง 4.นักเรียนร่วมกันพิจารณาตอบปัญหานั้น ขั้นด าเนินการศึกษาค้นคว้า 5.นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาใบความรู้และใบกิจกรรม เรื่องรูปร่างของดวงจันทร์ในแต่ละวัน 6.ครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจใบกิจกรรมและข้อควรระวังในการทำใบกิจกรรม 7.นักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบขั้นตอนการศึกษาค้นคว้า เพื่อปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง รูปร่าง ของดวงจันทร์ในแต่ละวัน 8.นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง รูปร่างของดวงจันทร์ในแต่ละวัน ตามขั้นตอนที่ นักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบไว้ 9.นักเรียนสร้างแบบจำลอง คาบที่ 2 (1 ชม.) ขั้นสังเคราะห์ความรู้ 10.นักเรียนแต่ละกลุ่มนำข้อมูลที่ได้จากการทำใบกิจกรรมมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในกลุ่ม 11.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันคิดพิจารณาต่อไปว่าความรู้ที่ได้มามีความถูกต้องสมบูรณ์และครบถ้วน ตามประเด็นที่ต้องการศึกษาหรือไม่ ถ้าข้อมูลยังไม่เพียงพอก็ร่วมกันอภิปรายและช่วยกันศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ขั้นสรุปและประเมินค่าของค าตอบ 12.นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันนำเสนอข้อมูลที่สังเคราะห์ได้ และร่วมกันอภิปรายว่า ข้อมูลของแต่ละกลุ่ม ที่ได้การศึกษาค้นคว้าครบถ้วนถูกต้องสมบูรณ์ ถูกต้องหรือไม่ โดยผู้สอนช่วยตรวจสอบและแนะนำเพิ่มเติม 13.นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันสรุปองค์ความรู้ในภาพรวมของปัญหาอีกครั้ง 14.ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด 1.2 ในแต่ละวันมองเห็นดวงจันทร์มีรูปร่างอย่างไร ขั้นน าเสนอและประเมินผล 15.ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันออกแบบการสรุปผลการดำเนินการศึกษาค้นคว้าของกลุ่มเพื่อ นำเสนอหน้าชั้นเรียนตามรูปแบบที่นักเรียนสนใจ 16.นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอผลดำเนินการศึกษาค้นคว้าหน้าชั้นเรียน 17.นักเรียนร่วมกันประเมินทั้งงานของกลุ่มตนเองและกลุ่มของเพื่อน


69 6. สื่อ/อุปกรณ์ 6.1 สื่อ - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.4 เล่ม 2 - แบบบันทึกกิจกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.4 เล่ม 2 - ใบกิจกรรม เรื่องรูปร่างของดวงจันทร์ 6.2 อุปกรณ์ - ดินสอสี 7. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัดผลการเรียนรู้ เครื่องมือการวัดผล การเรียนรู้ เกณฑ์การประเมินผล ด้านความรู้ (K: Knowledge) • อธิบายการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ของดวงจันทร์ในแต่ละวันได้ ตรวจชิ้นงาน ตรวจแบบบันทึก กิจกรรม ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ (P: Process) • สร้างแบบจำลองการ เปลี่ยนแปลงรูปร่างของดวง จันทร์ได้ ตรวจชิ้นงาน ตรวจแบบบันทึก กิจกรรม ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A: Attitude) • ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการ แสวงหาความรู้ สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70


70 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการแสวงหาความรู้) เรื่อง การสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ค าชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนก ระดับพฤติกรรมการแสดงออกไว้เป็น 3 คะแนน ดังนี้ 3 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกอย่างสม่ำเสมอ 2 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกเป็นครั้งคราว 1 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกน้อยครั้ง ล าดับ ชื่อ-สกุล พฤติกรรมบ่งชี้ คะแนนรวม สรุปผลการ ประเมิน มีความกระตือรือร้น ในทำงาน มีความรับผิดชอบต่อ งานที่ได้รับมอบหมาย ทำงานเสร็จทันเวลา มีความสนใจต่อสิ่งที่ ได้รับมอบหมาย 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ผ่าน ไม่ผ่าน 1 2 3 4 5 เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 ขึ้นไป ( 8-12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์ น้อยกว่าร้อยละ 70 ( 0-7 คะแนน ) ไม่ผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ..........................................................ครูผู้สอน (นางสาวกวินธิดา มาตราช)


71 แบบบันทึกกิจกรรม


72 แบบบันทึกกิจกรรม


73 แบบฝึกหัดฉันรู้อะไร


74 ใบกิจกรรม


75 แผนการจัดการเรียนรู้ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐาน รหัสวิชา ว14101 วิชาวิทยาศาสตร์1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยที่ 5 โลกและอวกาศ จำนวน 10 ชั่วโมง บทที่ 2 ระบบสุริยะของเรา เรื่อง ระบบสุริยะ จ านวน 2 ชม. ผู้สอน นางสาวกวินธิดา มาตราช ภาคเรียนที่ 2/2566 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 3.1 ป.4/3 สร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการ โคจรของดาวเคราะห์ต่าง ๆ จากแบบจำลอง 2. สาระส าคัญ ระบบสุริยะเป็นระบบที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง และมีบริวารประกอบด้วย ดาวเคราะห์แปดดวง และบริวาร ซึ่งดาวเคราะห์แต่ละดวงมีขนาดและระยะห่างจากดวงอาทิตย์แตกต่างกัน และ ยังประกอบด้วย ดาวเคราะห์แคระ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และวัตถุขนาดเล็กอื่น ๆ โคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์ วัตถุขนาดเล็ก อื่น ๆ เมื่อเข้ามา ๆ ในชั้นบรรยากาศเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้เกิดเป็นดาวตกหรือผีพุ่งใต้และ อุกกาบาต 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของระบบสุริยะได้(K) 2. สร้างแบบจำลองเกี่ยวกับระบบสุริยะด้วยตนเองได้(P) 3. ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการแสวงหาความรู้ (A) 4. สาระการเรียนรู้ - ระบบสุริยะ 5. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) คาบที่ 1 (1 ชม.) ขั้นก าหนดปัญหา 1.นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน 2.นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ - โลกและระบบสุริยะ เกี่ยวข้องกันอย่างไร (ตามความเข้าใจนักเรียน) - ระบบสุริยะมีองค์ประกอบใดบ้าง (ตามความเข้าใจนักเรียน)


76 ขั้นท าความเข้าใจกับปัญหา 3.นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิด ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ปัญหาว่าเราจะอธิบายระบบสุริยะ ได้อย่างไร 4.นักเรียนดูคลิปวีดีโอ ระบบสุริยะ แล้วตอบปัญหานั้น ขั้นด าเนินการศึกษาค้นคว้า 5.นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาใบความรู้และใบกิจกรรม เรื่อง ระบบสุริยะ 6.ครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจขั้นตอนการทำใบกิจกรรมและข้อควรระวัง 7.นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ระบบสุริยะ ตามขั้นตอนที่นักเรียนแต่ละกลุ่ม ออกแบบไว้ 8.นักเรียนสร้างแบบจำลอง คาบที่ 2 (1 ชม.) ขั้นสังเคราะห์ความรู้ 9.นักเรียนแต่ละกลุ่มนำข้อมูลที่ได้จากการทำใบกิจกรรมมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในกลุ่ม 10.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันคิดพิจารณาต่อไปว่าความรู้ที่ได้มามีความถูกต้องสมบูรณ์และครบถ้วน ตามประเด็นที่ต้องการศึกษาหรือไม่ ถ้าข้อมูลยังไม่เพียงพอก็ร่วมกันอภิปรายและช่วยกันศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ขั้นสรุปและประเมินค่าของค าตอบ 11.นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันนำเสนอข้อมูลที่สังเคราะห์ได้ และร่วมกันอภิปรายว่า ข้อมูลของแต่ละกลุ่ม ที่ได้การศึกษาค้นคว้าครบถ้วนถูกต้องสมบูรณ์ ถูกต้องหรือไม่ โดยผู้สอนช่วยตรวจสอบและแนะนำเพิ่มเติม 12.นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันสรุปองค์ความรู้ในภาพรวมของปัญหาอีกครั้ง 13.ให้นักเรียนทำใบงาน เรื่อง ระบบสุริยะ ขั้นน าเสนอและประเมินผล 14. .ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันออกแบบการสรุปผลการดำเนินการศึกษาค้นคว้าของกลุ่มเพื่อ นำเสนอหน้าชั้นตามรูปแบบที่นักเรียนสนใจ 15.นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอผลดำเนินการศึกษาค้นคว้าหน้าชั้นเรียน 16.นักเรียนร่วมกันประเมินทั้งงานของกลุ่มตนเองและกลุ่มของเพื่อน 6. สื่อ/อุปกรณ์ - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.4 เล่ม 2 - แบบบันทึกกิจกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.4 เล่ม 2


77 7. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัดผลการเรียนรู้ เครื่องมือการวัดผล การเรียนรู้ เกณฑ์การประเมินผล ด้านความรู้ (K: Knowledge) • อธิบายความหมายของระบบ สุริยะได้ ตรวจชิ้นงาน ตรวจแบบบันทึก กิจกรรม ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ (P: Process) • ค้นหาคำตอบเกี่ยวกับระบบ สุริยะด้วยตนเองได้ ตรวจชิ้นงาน ตรวจแบบบันทึก กิจกรรม ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A: Attitude) • ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการ แสวงหาความรู้ สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70


78 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการแสวงหาความรู้) เรื่อง การสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ค าชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนก ระดับพฤติกรรมการแสดงออกไว้เป็น 3 คะแนน ดังนี้ 3 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกอย่างสม่ำเสมอ 2 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกเป็นครั้งคราว 1 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกน้อยครั้ง ล าดับ ชื่อ-สกุล พฤติกรรมบ่งชี้ คะแนนรวม สรุปผลการ ประเมิน มีความกระตือรือร้น ในทำงาน มีความรับผิดชอบต่อ งานที่ได้รับมอบหมาย ทำงานเสร็จทันเวลา มีความสนใจต่อสิ่งที่ ได้รับมอบหมาย 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ผ่าน ไม่ผ่าน 1 2 3 4 5 เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 ขึ้นไป ( 8-12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์ น้อยกว่าร้อยละ 70 ( 0-7 คะแนน ) ไม่ผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ..........................................................ครูผู้สอน (นางสาวกวินธิดา มาตราช)


79 แบบส ารวจความรู้ก่อนเรียน


80 ค าถาม รู้หรือยัง


81 ใบงาน


82 แผนการจัดการเรียนรู้ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐาน รหัสวิชา ว14101 วิชาวิทยาศาสตร์1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยที่ 5 โลกและอวกาศ จำนวน 10 ชั่วโมง บทที่ 2 ระบบสุริยะของเรา เรื่อง ระบบสุริยะมีลักษณะอย่างไร จ านวน 3 ชม. ผู้สอน นางสาวกวินธิดา มาตราช ภาคเรียนที่ 2/2566 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 3.1 ป.4/3 สร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการ โคจรของดาวเคราะห์ต่าง ๆ จากแบบจำลอง 2. สาระส าคัญ ระบบสุริยะเป็นระบบที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง และมีบริวารประกอบด้วย ดาวเคราะห์แปดดวง และบริวาร ซึ่งดาวเคราะห์แต่ละดวงมีขนาดและระยะห่างจากดวงอาทิตย์แตกต่างกัน และ ยังประกอบด้วย ดาวเคราะห์แคระ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และวัตถุขนาดเล็กอื่น ๆ โคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์ วัตถุขนาดเล็ก อื่น ๆ เมื่อเข้ามา ๆ ในชั้นบรรยากาศเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้เกิดเป็นดาวตกหรือผีพุ่งใต้และ อุกกาบาต 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เปรียบเทียบคาบการโคจรของดาวเคราะห์แต่ละดวงได้(K) 2. สร้างแบบจำลองระบบสุริยะได้(P) 3. ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการแสวงหาความรู้ (A) 4. สาระการเรียนรู้ - ระบบสุริยะ 5. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ( PBL) คาบที่ 1 (1 ชม.) ขั้นก าหนดปัญหา 1.นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน 2.นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ - ระบบสุริยะยังมีองค์ประกอบอะไรอีกบ้าง (นักเรียนตอบได้ตามความคิดของตนเอง เช่น ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง)


83 - ดาวเคราะห์ดวงใดน่าจะใช้เวลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ใน 1 รอบ ยาวนาน ที่สุด หรือมี คาบการโคจรยาวนานที่สุด เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบได้ตามความคิดของตนเอง) ขั้นท าความเข้าใจกับปัญหา 3.นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิด ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ปัญหาว่าเราจะใช้อุปกรณ์ใดบ้างใน การสร้างแบบจำลอง 4.นักเรียนออกแบบจำลองร่วมกัน โดยใช้วัสดุที่ครูเตรียมให้ซึ่งนักเรียนจะพิจารณาเลือกวัสดุให้เข้ากับ แบบจำลองที่ตั้งไว้และได้คำตอบของปัญหานั้น คาบที่ 2 (1 ชม.) ขั้นด าเนินการศึกษาค้นคว้า 5.นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาขั้นตอนการทำกิจกรรม การสร้างแบบจำลอง 6.ครูช่วยอธิบายขั้นตอนการสร้างแบบจำลองระบบสุริยะ และข้อควรระวังในการทำแบบจำลอง 7.นักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบขั้นตอนการศึกษาค้นคว้า เพื่อปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องระบบ สุริยะ 8.นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ตามขั้นตอนที่นักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบไว้ 9.นักเรียนทำแบบจำลอง ขั้นสังเคราะห์ความรู้ 10.นักเรียนแต่ละกลุ่มนำข้อมูลที่ได้จากการสร้างแบบจำลองมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในกลุ่ม 11.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันคิดพิจารณาต่อไปว่าความรู้ที่ได้มามีความถูกต้องสมบูรณ์และครบถ้วน ตามประเด็นที่ต้องการศึกษาหรือไม่ ถ้าข้อมูลยังไม่เพียงพอก็ร่วมกันอภิปรายและช่วยกันศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม คาบที่ 3 (1 ชม.) ขั้นสรุปและประเมินค่าค าตอบ 12.นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันนำเสนอข้อมูลที่สังเคราะห์ได้ และร่วมกันอภิปรายว่า ข้อมูลของแต่ละกลุ่ม ที่ได้การศึกษาค้นคว้าครบถ้วนถูกต้องสมบูรณ์ ถูกต้องหรือไม่ โดยผู้สอนช่วยตรวจสอบและแนะนำเพิ่มเติม 13.นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันสรุปองค์ความรู้ในภาพรวมของปัญหาอีกครั้ง 14.ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง ระบบสุริยะมีลักษณะอย่างไร


84 ขั้นน าเสนอและประเมินผล 15.ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันออกแบบการสรุปผลการดำเนินการศึกษาค้นคว้าของกลุ่มเพื่อ นำเสนอหน้าชั้นตามรูปแบบที่นักเรียนสนใจ 16.นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอผลดำเนินการศึกษาค้นคว้าหน้าชั้นเรียน 17.นักเรียนร่วมกันประเมินทั้งงานของกลุ่มตนเองและกลุ่มของเพื่อน 6. สื่อ/อุปกรณ์ 6.1 สื่อ - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.4 เล่ม 2 - แบบบันทึกกิจกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.4 เล่ม 2 6.2 อุปกรณ์ - ดินน้ำมัน - กรรไกร - สีเมจิก - กระดาษสี - ไม้บรรทัด - กระดาษแข็ง 7. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัดผลการเรียนรู้ เครื่องมือการวัดผล การเรียนรู้ เกณฑ์การประเมินผล ด้านความรู้ (K: Knowledge) • เปรียบเทียบคาบการโคจรของ ดาวเคราะห์แต่ละดวงได้ ตรวจชิ้นงาน ตรวจแบบบันทึก กิจกรรม ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ (P: Process) • สร้างแบบจำลองระบบสุริยะได้ ตรวจชิ้นงาน แบบประเมินชิ้นงาน ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A: Attitude) • ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการ แสวงหาความรู้ สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70


85 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการแสวงหาความรู้) เรื่อง การสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ค าชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนก ระดับพฤติกรรมการแสดงออกไว้เป็น 3 คะแนน ดังนี้ 3 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกอย่างสม่ำเสมอ 2 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกเป็นครั้งคราว 1 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกน้อยครั้ง ล าดับ ชื่อ-สกุล พฤติกรรมบ่งชี้ คะแนนรวม สรุปผลการ ประเมิน มีความกระตือรือร้น ในทำงาน มีความรับผิดชอบต่อ งานที่ได้รับมอบหมาย ทำงานเสร็จทันเวลา มีความสนใจต่อสิ่งที่ ได้รับมอบหมาย 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ผ่าน ไม่ผ่าน 1 2 3 4 5 เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 ขึ้นไป ( 8-12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์ น้อยกว่าร้อยละ 70 ( 0-7 คะแนน ) ไม่ผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ..........................................................ครูผู้สอน (นางสาวกวินธิดา มาตราช)


86 แบบบันทึกผลการท ากิจกรรม


87 แบบบันทึกผลการท ากิจกรรม


88 แบบบันทึกผลการท ากิจกรรม


89 ค าถาม ฉันรู้อะไร


90 ค าถาม ฉันรู้อะไร


91 แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ เรื่องการขึ้น - ตก และรูปร่างของดวงจันทร์ วิชาวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สถานการณ์ที่ 1 ในวันแรม 15 ค่ำ หรือวันเดือนดับ นักเดินเรือออกเดินทางไปกลางมหาสมุทร เดินทางไม่สะดวกนัก เนื่องจากเดินเรือในวันแรม 15 ค่ำ ซึ่งเป็นวันที่น้ำลดต่ำมากที่สุด ทำให้น้ำตื้นเขิน เดินทางไม่สะดวก ในครั้ง ถัดไปนักเดินเรือจึงตัดสินใจออกเดินเรือใน วันขึ้น 15 ค่ำ หรือวันเพ็ญ เนื่องจากวันขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันที่น้ำขึ้น สูงมากที่สุด จึงเหมาะแก่การเดินเรือที่สุด 1.ข้อใดเป็นปัญหาของสถานการณ์นี้ ก.นักเดินเรือเดินทางไม่สะดวก ข.นักเดินเรือเดินทางสะดวกตามปกติ ค.นักเดินเรือเจอพายุกลางมหาสมุทร ง.นักเดินเรือออกเดินทางไม่ได้เลย 2.สาเหตุของปัญหาสถานการณ์นี้คืออะไร ก.พายุกลางมหาสมุทร ข.แดด ลมแรง ค.น้ำลดต่ำสุด ง.น้ำขึ้นสูงสุด 3.จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวิธีการแก้ปัญหาควรทำอย่างไร ก.เดินเรือในวันที่น้ำต่ำสุด ข.เดินเรือในวันพายุเข้า ค.เดินเรือวันเดิมต่อไป ง.เดินเรือในวันที่น้ำขึ้นสูง 4.จากวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวนักเรียนคิดว่าผลที่ได้จากการแก้ปัญหาน่าจะเป็นอย่างไร ก.เดินเรือไม่ได้เลย ข.สามารถเดินเรือได้อย่างสะดวกขึ้น ค.เดินเรือไม่สะดวกเท่าเดิม ง.เดินเรือลำบากกว่าเดิม


92 สถานการณ์ที่ 2 เอและบีส่องกล้องดูดาวในวันขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งเป็นวันที่ดวงจันทร์มีรูปร่างเต็มดวง จึงทำให้แสงของดวง จันทร์รบกวนการดูดาวของเอและบี ในครั้งถัดไปเอและบีจึงมาส่องกล้องดูดาวในวันขึ้น 4 ค่ำ ซึ่งเป็นวันที่ดวง จันทร์มีรูปร่างครึ่งเสี้ยว เอและบีจึงไม่มีแสงของดวงจันทร์รบกวนมากเท่าวันขึ้น 15 ค่ำ 5.ข้อใดเป็นปัญหาของสถานการณ์นี้ ก.ไม่แสงของดวงจันทร์รบกวนการส่องกล้องดูดาว ข.แสงของดวงจันทร์รบกวนการส่องกล้องดูดาว ค.กล้องดูดาวไม่ได้ ง.กล้องดูดาวไม่สามารถดูดวงจันทร์ได้ 6.สาเหตุของปัญหาสถานการณ์นี้คืออะไร ก.ดาวอยู่ไกลเกินไป ข.กล้องดูดาวพัง ค.มีแสงของดวงจันทร์น้อยเกินไป ง.มีแสงของดวงจันทร์มากเกินไป 7.จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวิธีการแก้ปัญหาควรทำอย่างไร ก.ส่องกล้องดูดาวในวันขึ้น 4 ค่ำ ข.ส่องกล้องดูดาวในวันขึ้น 8 ค่ำ ค.ส่องกล้องดูดาวในวันขึ้น 10ค่ำ ง.ส่องกล้องดูดาวในวันขึ้น 15 ค่ำ 8.จากวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวนักเรียนคิดว่าผลที่ได้จากการแก้ปัญหาน่าจะเป็นอย่างไร ก.มีแสงของดวงจันทร์เต็มดวง ข.ไม่มีแสงของดวงจันทร์ ค.มีแสงของดวงจันทร์รบกวนมากขึ้น ง.มีแสงของดวงจันทร์รบกวนน้อยลง


93 สถานการณ์ที่ 3 พิทและแพทจะได้นำเสนองานในหัวข้อดาวเคราะห์ดวงที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ แต่พิทและแพทไม่รู้ มาก่อนว่าดาวดวงใดใหญ่ที่สุด พิทและแพทจึงได้เริ่มศึกษาค้นคว้าว่าดาวดวงใดใหญ่ที่สุด ผ่านไป 1 สัปดาห์ พิทและแพทได้คำตอบว่าดาวดวงที่ใหญ่ที่สุดคือ ดาวพฤหัส พิทและแพทจึงได้ข้อสรุปและทำงานนำเสนอหน้า ชั้นเรียนของตนเอง 9.ข้อใดเป็นปัญหาของสถานการณ์นี้ ก.เวลาการหาคำตอบ ข.เวลาการนำเสนองาน ค.พิทและแพทไม่รู้ว่าดาวดวงใดใหญ่ที่สุด ง.พิทและแพทไม่ทำงานนำเสนอนี้ 10.สาเหตุของปัญหาสถานการณ์นี้คืออะไร ก.พิทและแพทนำเสนอง่นแบบไม่ถูกต้อง ข.พิทและแพทไม่ค้นหาคำตอบ ค.พิทและแพทได้นำเสนองานหน้าชั้นเรียน ง.พิทและแพทไม่นำเสนองาน 11.จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวิธีการแก้ปัญหาควรทำอย่างไร ก.นิ่งเฉย ข.ศึกษาค้นคว้าและหาคำตอบ ค.ให้คนอื่นทำแทน ง.ไม่นำเสนองาน 12.จากวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวนักเรียนคิดว่าผลที่ได้จากการแก้ปัญหาน่าจะเป็นอย่างไร ก.นำเสนอแบบผิดๆ ข.ไม่ได้นำเสนอ ค.ไม่ได้คำตอบ ง.ได้คำตอบที่ถูกต้องและได้งานนำเสนอ


Click to View FlipBook Version