แบบรายงานวิธกี ารปฏิบัติท่ีเป็นเลศิ (Best Practice)
เร่อื ง กจิ กรรมการปลูกผกั บงุ้ ลอยน้าในกะละมงั โดยใช้วิธกี ารสอนในรปู แบบโครงการ
(Project Approach)
โดย
นางสาวสลุ ดา เงนิ ลี
ต้าแหนง่ ครผู ้ชู ่วย
โรงเรียนเทศบาล ๑ ทรงพลวิทยา
ตา้ บลปากแรต อา้ เภอบา้ นโป่ง จังหวดั ราชบุรี
สังกดั เทศบาลเมอื งบา้ นโปง่
คา้ นา้
การเรียนการสอนแบบโครงการ (Project Approach) เป็นการจัดการเรียนรู้แบบหน่ึงที่ให้ผู้เรียนเกิด
การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ในหัวข้อที่เด็กมีความสนใจ เด็กได้ทาการศึกษา ค้นคว้า หาคาตอบด้วยตนเอง
โดยมีครูเป็นผู้อานวยความสะดวก สอดรับกับนโยบายการศึกษาของโรงเรียนเทศบาล 1 ทรงพลวิทยา ท่ีมุ่งจัด
การศึกษาให้เป็นโรงเรียนแห่งการเรียนรู้ นักเรียนใฝ่รู้ใฝ่เรียนมีคุณธรรม มีคุณภาพชีวิต มีการจัดการและ
พัฒนาการที่เหมาะสมกับความต้องการของชุมชนและท้องถ่ิน ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้เป็นคนดี
คนเก่ง อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข จึงได้จัดทาผลงานวิธีปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ (Best Practice) จัดกิจกรรมการ
ปลูกผักบุ้งลอยน้าในกะละมัง โดยใช้วิธีการสอนในรูปแบบโครงการ (Project Approach) ให้กับนักเรียนชั้น
อนบุ าล 3/2 ปกี ารศกึ ษา 2563 ซง่ึ ผลงานนนั้ สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า วิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) เรื่อง กิจกรรมการปลูกผักบุ้งลอยน้าใน
กะละมงั โดยใช้วธิ กี ารสอนในรปู แบบโครงการ (Project Approach) นจ้ี ะเปน็ ประโยชน์ต่อหน่วยงานท้ังภายใน
และภายนอก ได้นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ แก้ปัญหา หรือพัฒนาต่อยอดให้กับตัวบุคคลและองค์กรได้ไม่มาก
ก็น้อย
สุลดา เงินลี
ผูจ้ ดั ทา
สารบัญ หนา้
เรื่อง 2
2
ชื่อผลงาน 2
ชื่อผู้เสนอผลงาน 3
หลักการเหตุผล/ความเปน็ มา 3
วัตถุประสงค์ 7
แนวคดิ / ทฤษฎีที่เก่ยี วข้อง 9
การดาเนนิ งาน/กระบวนการ/วิธีปฏิบัติงาน 9
แผนการดาเนินงาน / ระยะเวลาในการดาเนนิ งาน 9
ผลการปฏิบตั ิงาน 10
ปัจจยั ความสาเร็จ 10
บทเรียนทไ่ี ด้รับ
การเผยแพร่/การได้รับการยอมรบั /รางวัลที่ไดร้ ับ
ภาคผนวก
ภาพกิจกรรม
แบบตอบรบั การเผยแพร่ผลงาน
เอกสารอ้างอิง
แบบน้าเสนอ Best Practice
ผบู้ รหิ าร ครู
ชอ่ื ผลงาน กิจกรรมการปลูกผกั บุ้งลอยน้าในกะละมงั โดยใชว้ ิธีการสอนในรูปแบบโครงการ
(Project Approach)
ชื่อผู้เสนอผลงาน นางสาวสลุ ดา เงนิ ลี
ช่ือสถานศกึ ษา โรงเรยี นเทศบาล 1 ทรงพลวิทยา
สังกดั เทศบาลเมืองบ้านโปง่
เบอรโ์ ทรศัพท์ (ทท่ี ้างาน) 032-211971 เบอรโ์ ทรศัพท์มอื ถือ 090-4380528
E – mail : [email protected]
ผลงานสอดคล้องกบั มาตรฐานคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (เลือกได้มากกว่า 1 ประการ)
มาตรฐานที่ 1 รา่ งกายเจริญเติบโตตามวยั และมสี ุขนิสยั ทด่ี ี
มาตรฐานท่ี 2 กลา้ มเนอ้ื ใหญแ่ ละกลา้ มเนอื้ เล็กแข็งแรงใชไ้ ด้อย่างคล่องแคล่วและประสานสมั พันธก์ นั
มาตรฐานที่ 3 มสี ุขภาพจิตดีและมคี วามสุข
มาตรฐานที่ 4 ช่นื ชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี และการเคลือ่ นไหว
มาตรฐานที่ 5 มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และมจี ิตใจที่ดีงาม
มาตรฐานท่ี 6 มีทักษะชีวติ และปฏบิ ตั ิตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
มาตรฐานท่ี 7 รกั ธรรมชาติ ส่ิงแวดลอ้ ม วฒั นธรรม และความเป็นไทย
มาตรฐานที่ 8 อยู่รว่ มกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ และปฏิบัติตนเปน็ สมาชกิ ที่ดขี องสังคมในระบอบ
ประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข
มาตรฐานท่ี 9 ใช้ภาษาสอ่ื สารไดเ้ หมาะสมกบั วยั
มาตรฐานท่ี 10 มีความสามารถในการคดิ ท่ีเปน็ พืน้ ฐานในการเรยี นรู้
มาตรฐานที่ 11 มจี นิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์
มาตรฐานที่ 12 มีเจตคตทิ ดี่ ตี ่อการเรียนรู้และมีความสามารถในการแสวงหาความรไู้ ดเ้ หมาะสมกบั วัย
แบบรายงานวิธกี ารปฏบิ ัตทิ ่เี ป็นเลิศ (Best Practice)
*************************
1. ช่ือผลงาน กิจกรรมการปลกู ผกั บงุ้ ลอยน้าในกะละมัง โดยใชว้ ิธกี ารสอนในรปู แบบโครงการ
(Project Approach)
2. ชอ่ื ผเู้ สนอผลงาน นางสาวสลุ ดา เงินลี ตา้ แหน่ง ครูผ้ชู ่วย
โรงเรียน เทศบาล 1 ทรงพลวทิ ยา สังกัด เทศบาลเมืองบ้านโปง่
เบอร์โทร 090 - 4380528 E – mail : [email protected]
3. หลักการเหตผุ ล/ความเป็นมา
จากการท่ีนักเรยี นชน้ั อนบุ าล 3/2 โรงเรียนเทศบาล 1 ทรงพลวิทยา ได้เรียนรู้เร่ืองอาหารดีมีประโยชน์
เกี่ยวกับผัก เด็กได้เรียนรู้ช่ือ ลักษณะ สี รูปร่าง และประโยชน์ของผัก ซ่ึงได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับผักบุ้งเป็น
พิเศษ เน่ืองจากไม่มีกล่ินไม่ฉุน รับประทานง่าย เด็กๆ หลายคนก็ชอบรับประทานอยู่แล้ว ในครั้งนี้เด็กๆ ได้
เรียนรู้ว่าผักบุ้งเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยสามารถนามาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ตาม
คณุ ลักษณะเฉพาะของผกั บุ้งแตล่ ะชนิด ทม่ี ีลกั ษณะแตกต่างกนั ไป เดก็ ๆ ส่วนใหญร่ ูจ้ ักผักบุ้งอยู่บ้างแล้ว แต่ยังไม่
รจู้ กั ชอ่ื แต่ละชนิด ลกั ษณะลาต้น ใบ โดยละเอยี ด
ด้วยความสนใจเกี่ยวกับเร่ืองของผักบุ้ง อยากรู้อยากเห็น และอยากทดลองปลูก ดังน้ัน เด็กๆ และ
คุณครจู ึงไดล้ งความเห็นว่าจะเรียนรู้การปลูกผักบุ้ง โดยใช้วิธีการสอนในรูปแบบโครงการ (Project Approach)
แต่ด้วยสภาพของพื้นที่มีอยู่อย่างจากัด จึงไม่สามารถปลูกผักบุ้งแบบปกติด้วยดินในแปลงปลูกได้ จึงต้อง
ปรับเปลี่ยนวธิ ีการปลูกเพอื่ ประหยดั พน้ื ที่ โดยการสบื ค้นวิธีการใหมๆ่ จากสอ่ื ต่างๆ และค้นพบวิธีการปลูกผักบุ้ง
ลอยนา้ ในกะละมงั ซง่ึ การจัดกิจกรรมน้ีได้สอดคลอ้ งกับจดุ มงุ่ หมายของโรงเรียนเทศบาล 1 ทรงพลวิทยา ในการ
จัดการศึกษาให้เป็นโรงเรียนแห่งการเรียนรู้ นักเรียนใฝ่รู้ใฝ่เรียนมีคุณธรรม มีคุณภาพชีวิต มีการจัดการและ
พัฒนาการท่ีเหมาะสมกับความต้องการของชุมชนและท้องถิ่น “ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ให้เป็นคนดี
คนเกง่ อยใู่ นสังคมไดอ้ ย่างมีความสขุ
การเรียนแบบโครงการ (Project Approach) เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ให้เด็กรูปแบบหน่ึงท่ี ให้โอกาส
เดก็ เลอื กเรยี นรู้ส่งิ ที่เดก็ สนใจในส่ิงแวดล้อมใกล้ตัวเด็ก โดยเช่ือมโยงความรู้เดิมกับความรู้ ใหม่ต้ังคาถามในสิ่งท่ี
ยงั ตอ้ งการเรียนรู้หาคาตอบรวมทง้ั ดาเนินการวางแผนสารวจสืบค้น บันทึกคิด วิเคราะห์สังเคราะห์และคิดอย่าง
มีวิจารณญาณ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลและความรู้ต่างๆ เด็กเรียนรู้ เพ่ิมเติมด้วยประสบการณ์ตรงหลากหลายวิธี
แล้วสุดท้ายเด็กและครูร่วมกันสรุปเรียบเรียงข้ันตอนการ เรียนรู้และสิ่งท่ีเรียนรู้ออกมาเป็นช้ินงานและ
นิทรรศการอันเป็นการสรุปความคิดรวบยอดที่ดี (นภเนตร ธรรมบวร. 2546 : 155) สอดคล้องกับวัฒนา มัคค
สมัน (2554 : 39) กล่าวว่า การจัด ประสบการณ์แบบโครงการ (Project Approach) เป็นการจัดประสบการณ์
ท่ีเปิดโอกาสให้เด็กได้ ศึกษาเรื่องใดเร่ืองหน่ึงอย่างลุ่มลึก โดยเรื่องที่เรียนมาจากความสนใจของเด็ก การจัด
กิจกรรมมุ่งให้ เด็กมีประสบการณ์ตรงกับเร่ืองที่ศึกษาน้ัน โดยเปิดโอกาสให้เด็กสังเกตอย่างใกล้ชิดจากแหล่ง
เรียนรู้เบ้ืองต้น ซึ่งบริบทโรงเรียนเทศบาล ๑ ทรงพลวิทยา มีแหล่งเรียนรู้ท่ีให้ความรู้อาทิ เช่น ศูนย์การเรียนรู้
ฐานผักปลอดสารพิษ ชีวิตพอเพียง เป็นต้น อาจใช้ระยะเวลาที่ยาวนานอย่างเพียงพอตามความสนใจของ เด็ก
เพื่อให้เด็กค้นพบคาตอบแล้วนาความรู้ท่ีได้มาเสนอในรูปแบบต่างๆ โดยนาเสนอความรู้ต่อเพื่อน คุณครู
ผู้ปกครองและคนอนื่ ๆ ทาให้เกดิ ความภาคภูมิใจในความสาเร็จน้ัน เนื่องจากเด็กปฐมวัยเป็น วัยที่อยู่ในช่วงการ
เติบโตควรไดร้ บั การพัฒนาศกั ยภาพ
4. วัตถปุ ระสงค์
1) เพื่อสง่ เสรมิ ให้นักเรียนเกดิ ความชอบในการรับประทานผกั บุ้งมากขนึ้
2) เพื่อส่งเสริมใหน้ ักเรียนรูจ้ ักชนิดของผักบุ้งมากขึ้น
3) เพ่ือส่งเสรมิ ให้นักเรียนเกิดทกั ษะ กระบวนการคิดและการลงมอื ปฏบิ ัตจิ ริง
4) เพื่อจัดกิจกรรมตามความสนใจของผู้เรยี น
5) เพื่อสง่ เสรมิ ใหน้ ักเรยี นได้รู้จักการทางานรว่ มกับผู้อ่นื และมีความรบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ที่
5. แนวคดิ / ทฤษฎีท่เี ก่ียวข้อง
การสอนแบบโครงการหรือแบบโครงงาน Project Approach วงการศึกษาของไทยใช้ชื่อ “การสอน
แบบโครงการ” ในระดบั ปฐมวยั ศึกษาหรอื ระดับอนบุ าลศกึ ษา และใช้ชอ่ื การสอนแบบโครงงาน ในระดับประถม
ศกึ ษาและระดบั มัธยมศึกษา การสอนดังกล่าวเป็นวิธีการหน่ึงในหลายวิธีที่ส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้โดยการ
สร้างความรู้ด้วยตนเอง นับเป็นตัวอย่างที่ดีสาหรับการปฏิบัติท่ีเหมาะสมและการเรียนรู้ท่ีมีความหมายเต็มไป
ด้วยความกระตอื รือร้นของเดก็ ปฐมวยั
ท่ีมาแนวคิด “Project Approach” เร่ิมจากความเคลื่อนไหวของนักการศึกษากลุ่มพิพัฒนนิยม
(Progressive) ในประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วงศตวรรษที่ 19 – 20 จอห์น ดิวอี้ ได้เขียนบทความและหนังสือที่
เกี่ยวกบั การสร้างประสบการณท์ างการศึกษา ทจี่ ะช่วยส่งเสริมใหเ้ ด็กเกิดความตระหนักในชุมชนร่วมกัน และได้
นาโครงการเข้าไปใช้ในโรงเรียนทดลองที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1943 ลูซี่ สปราค มิทเชลล์ (Lucy
Spraque Mitchell) ได้นานักศึกษาของวิทยาลัยการศึกษาแบงก์สตรีท เมืองนิวยอร์ก ออกศึกษาสิ่งแวดล้อม
และได้สอนครูให้รู้จักวิธีการใช้โครงการวิธีสอนที่พัฒนาโดยวิทยาลัยการศึกษาแบงก์สตรีทน้ี มีส่วนคล้ายคลึง
อย่างมากกับการสอนการใช้โครงการวิธีการสอนที่แบบโครงการ ส่วนในช่วง 30 ปี ท่ีผ่านมา ครูโรงเรียนก่อน
ประถมศึกษาเมืองเรกจิโอ เอมิเลีย ประเทศอิตาลี ได้ประสบความสาเร็จในการนาโครงการเข้าไปใช้กับเด็ก
ปฐมวัย แต่ลกั ษณะโครงการสว่ นใหญ่โน้มเอียงไปทางการเรียนรู้ภาษากราฟิก (เขียนภาพลายเส้น) และข้อมูลที่
ขยายการเรียนของเด็กผ่านโครงการรวมท้ังบทบาทของครูและพอ่ แม่ในงานโครงการ
ความหมายของการจัดประสบการณ์แบบโครงการ เป็นการจัดประสบการณ์อีกรูปแบบหนึ่งซ่ึงให้
ความสาคัญกับเด็ก ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคาตอบจากการเรียนรู้เรื่องใดเร่ืองหนึ่งอย่างลุ่มลึก เพื่อสร้างองค์
ความร้ดู ้วยตนเองโดยครูเป็นผู้อานวยความสะดวกให้กับเด็ก มีผู้ให้ความหมายไว้ ดังน้ี สุทธิ์นา ขันอาสา (2550
: 48-49) กลา่ วว่า การจดั ประสบการณ์แบบโครงการเป็นรูปแบบ กระบวนการจัดประสบการณ์ท่ีมุ่งเน้นผู้เรียน
เป็นสาคัญโดยให้ผเู้ รยี นเรยี นรู้อย่างลุ่มลกึ ซ่ึงครูมีหนา้ ท่ี สนับสนุนและร่วมกันวางแผนกับเด็กโดยมีระยะเวลาใน
การจัดการเรียนการสอนตามความสนใจของ เด็กซ่ึงผู้เรียนจะเป็นผู้คิดค้นหาคาตอบด้วยตนเอง เด็กมีการวาง
แผนการทางานรว่ มกันโดยมคี รูเปน็ ผูช้ ว่ ยเหลืออานวยความสะดวกรวมท้งั จัดสภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อการเรียนรู้
ระยะเวลาในการทา กิจกรรมขึ้นอยู่กับความสนใจและความต้องการของเด็กเป็นสาคัญ สุชาดา เปลี่ยนสุภาพ
(2550 : 35) กล่าวว่าเป็นการเรียนรู้อย่างละเอียดลึกซึ้งในเรื่องที่ใกล้ ตัวและเป็นส่ิงที่เด็กให้ความสนใจ การ
เรียนรรู้ ูปแบบนีเ้ ปน็ การบรู ณาการใหเ้ ด็กได้ใช้ทักษะต่างๆ ที่มี อย่างเหมาะสมและเรียนรู้เพ่ิมเติมทักษะวิชาการ
ต่างๆ ดังท่ีกล่าวข้างต้นเด็กมีความสนุกสนานกับการเรียนรู้และประสบความสาเร็จในการทางาน มีความสนใจ
อย่างลุ่มลึกในเรื่องท่ีเรียนรู้ไปได้นาน เด็กเรียนรู้ที่จะต้ังคาถาม หรือข้อสงสัยเหล่านั้นเด็กสามารถได้จากแหล่ง
เรียนรหู้ ลายแหลง่ เด็กๆ สามารถสืบค้นสารวจได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องถามหรือหวังว่าครูจะเป็นผู้ให้คาตอบได้
ในทุกเร่ือง นิภา เกษตรสมบูรณ์ (2558 : 40) สรุปความหมายของการจัดประสบการณ์แบบโครงการ คือเป็น
แนวทางการสอนอีกรูปแบบหนึ่งที่เด็กสืบค้นลงลึกในเร่ืองที่เด็กให้ความสนใจหรือท้ังผู้สอนและ เด็กให้ความ
สนใจมีการท้าทายความสามารถของเด็กกระตุ้นให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติกับกิจกรรมท่ี หลากหลายเพื่อค้นหา
คาตอบท่มี าจากความสนใจและความตอ้ งการของเดก็ โดยเดก็ เป็นผู้ลงมือปฏิบัติ สืบค้นข้อมูลเพ่ือหาคาตอบจาก
คาถามของตนเองภายใตก้ ารช่วยเหลอื แนะนาโดยการอานวย ความสะดวกและการสนับสนนุ จากผ้สู อน
การนา้ แนวคิดการสอนแบบโครงการประยุกต์ใชใ้ นการเรยี นการสอน
ในระดับปฐมวยั ศกึ ษา หรอื การสอนแบบโครงการจะปรากฏกิจกรรม 5 ลักษณะในแต่ละระยะของการ
ทาโครงการ ซ่งึ เสมอื นขั้นตอนการสอนแบบโครงการกิจกรรมทัง้ 5 ลกั ษณะ ประกอบด้วย
1. การอภิปราย ในงานโครงการครูสามารถแนะนาการเรียนรู้ให้เด็ก และช่วยให้เด็กแต่ละคนมีโอกาส
แลกเปลี่ยนสิ่งท่ีตนทากับเพ่ือน การพบปะสนทนากันในกลุ่มย่อย หรือกลุ่มใหญ่ท้ังชั้นทาให้เด็กมีโอกาสท่ีจะ
อภิปรายแลกเปลีย่ นความคิดเหน็ ซึ่งกันและกัน
2. การศึกษานอกสถานท่ี หรืองานในภาคสนาม เป็นกระบวนการที่สาคัญของการทาโครงการ
ประสบการณ์ในระยะแรกครูอาจพาไปศึกษานอกห้องเรียน เรียนรู้สิ่งก่อสร้างต่างๆที่อยู่รอบบริเวณโรงเรียน
เช่น ร้านค้า ถนนหนทาง ป้ายสัญญาณ งานบริการต่างๆ ฯลฯ จะช่วยให้เด็กเข้าใจโลกที่แวดล้อม มีโอกาส
พบปะกับบุคคลที่มีความรู้เช่ียวชาญในหัวเรื่องที่เด็กสนใจ ซ่ึงถือเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ขั้นแรกของงาน
ศึกษาค้นควา้
3. การนาเสนอประสบการณ์เดิม เด็กสามารถทบทวนประสบการณ์เดิมในหัวเรื่องที่น่าสนใจ มีการ
อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ ในประสบการณท์ ีเ่ หมอื นหรอื แตกตา่ งกับเพ่ือน รวมทั้งแสดงคาถามท่ีต้องการสืบค้น
ในหัวเรื่องนั้นๆ นอกจากนี้เด็กแต่ละคนสามารถท่ีจะเสนอประสบการณ์ท่ีตนมีให้เพ่ือนในชั้นได้รู้ด้วยวิธีการอัน
หลากหลายเสมือนเป็นการพัฒนาทักษะเบ้ืองต้น ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ การเขียน การใช้สัญลักษณ์ทาง
คณติ ศาสตร์ การเล่นบทบาทสมมติ และการกอ่ สรา้ งแบบตา่ งๆ
4. การสืบค้น งานโครงการเปิดกว้างให้ใช้แหล่งค้นคว้าข้อมูลอย่างหลากหลายตามหัวเร่ืองที่สนใจเด็ก
สามารถสัมภาษณ์พ่อแม่ ผู้ปกครองของตนเอง บุคคลในครอบครัว เพ่ือนนอกโรงเรียน สามารถหาคาตอบของ
ตนด้วยการศึกษานอกสถานท่ี สัมภาษณ์วิทยากรท้องถิ่นท่ีมีความรอบรู้ในหัวเรื่อง อาจสารวจ วิเคราะห์วัตถุ
ส่ิงของตนเอง เขียนโครงร่าง หรือใช้แว่นขยายส่องดูวัตถุต่างๆ หรืออาจใช้หนังสือในช้ันเรียนหรือในห้องสมุด
ทาการคน้ คว้า
5. การจัดแสดง การจัดแสดงทาได้หลายรูปแบบ อาจใช้ฝาผนังหรือป้ายจัดแสดงงานของเด็ก เป็นการ
แลกเปลย่ี นความคิด ความรูท้ ่ีไดจ้ ากการสบื ค้นแก่เพอื่ นในชั้น ครูสามารถให้เด็กในชั้นได้รับทราบความก้าวหน้า
ในการสบื ค้นโดยจัดให้มีการอภปิ ราย หรือการจัดแสดงทั้งจะเป็นโอกาสให้เด็กและครูได้เล่าเรื่องงานโครงการท่ี
ทาแกผ่ ู้มาเยี่ยมเยยี นโรงเรียนอกี ดว้ ย
ลักษณะทั้ง 5 ประการดังที่กล่าวมา จะปรากฏในแต่ละระยะของงานโครงการ ซึ่งมีอยู่ 3 ระยะ
คือ (พชั รี ผลโยธิน,2551)
ระยะที่ 1 เร่ิมตน้ โครงการ : ทบทวนความรู้และความสนใจของเด็ก เด็กและครูจะใช้เวลาส่วนใหญ่ใน
การอภิปรายเพ่ือเลอื กและปรับหัวเร่ืองท่ีจะทาการสืบค้น หัวเร่ืองอาจเสนอโดยเด็ก หรือครูและเด็กร่วมกันโดย
ใชห้ ลักในการเลือกหัวเรอ่ื งดังน้ี
1) เลือกหัวเรื่องท่ีเก่ียวกับประสบการณ์ท่ีเด็กมีอยู่ทุกวัน อย่างน้อยเด็กประมาณ 2 – 3 คน
ควรคุน้ เคยกบั หวั เร่ือง และจะชว่ ยในการตั้งประเดน็ คาถามเกย่ี วกับหวั เรื่อง
2)ทักษะพื้นฐานทางการรู้หนังสือและจานวน ควรถูกบูรณาการอยู่ในหัวเรื่องที่ทาโครงการ
รวมทัง้
วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์และภาษา เช่น การถามคาถาม การสงั เกต การนบั การทากราฟ การสเก็ตซ์ภาพ การ
ปั้น การประดิษฐ์ ฯลฯ
3) หวั เร่อื งทเ่ี ลอื กควรใช้เวลาทาโครงการได้อยา่ งนอ้ ย 1 สปั ดาห์ และเหมาะที่จะทาการสารวจ
คน้ ควา้ ที่โรงเรียนมากกวา่ ที่บ้านเมื่อไดห้ วั เร่อื งแลว้ ครูควรเร่ิมทาแผนที่ทางความคิด (Mind map) หรือ ใยแมง
มุม(Web) เพ่ือระดมความคิดร่วมกับเด็กในหัวเร่ืองน้ัน และจัดแสดงแผนที่ทางความคิดท่ีทาไว้ภายในช้ันเรียน
ซึ่งข้อมูลต่าง ๆที่ได้สามารถใช้ในการสรุป อภิปราย ระหว่างทาโครงการ และยังสามารถเช่ือมโยงไปยังหัวเร่ือง
ย่อยได้อีกนอกจากน้ี ในช่วงอภิปรายระดมความคิด ครูจะทราบว่าเด็กมีประสบการณ์ในหัวเร่ืองนั้นเพียงใดท่ี
เด็กจะเสนอประสบการณ์และแสดงแนวคิดส่ิงที่ตนเข้าใจในรูปแบบต่างๆ ตามความเหมาะสมของวัย เช่น เด็ก
ปฐมวัยอาจใช้การเขียนภาพ เล่นบทบาทสมมติ ฯลฯ ครูจะเป็นผู้ช่วยให้เด็กเสนอคาถามท่ีต้องการสืบค้น
คาตอบ จดหมายเกี่ยวกับหัวเรื่องท่ีจะสืบค้นถูกส่งไปยังบ้านของเด็ก ครูจะเป็นผู้กระตุ้นให้พ่อแม่พูดคุยกับเด็ก
เก่ียวกับหัวเรื่องเพื่อแลกเปล่ียนประสบการณ์ ครูจะชี้แนะวิธีสืบค้นเพ่ือให้เด็กแต่ละคนได้ทางานตามศักยภาพ
โดยใช้ทักษะพนื้ ฐานทางการสร้าง การวาดภาพ ดนตรี และบทบาทสมมติ
ระ ยะ ท่ี2 พั ฒ นา โ ค ร งก าร : ใ ห้โ อก า สเ ด็ก ค้ นค ว้า แล ะ มีป ระ ส บก าร ณ์ ให ม่เ ป็ นง าน ใ น
ภาคสนาม ประกอบด้วยการสืบค้นตามแหล่งข้อมูลต่างๆ ระยะน้ีถือเป็นหัวใจของโครงการ ครูจะเป็นผู้
จัดหา จัดเตรียมแหล่งข้อมูลให้เด็กสืบค้น ไม่ว่าจะเป็นจริง หนังสือ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ หรือแม้แต่การออก
ภาคสนามหรือไปศึกษานอกสถานท่ี หรือนัดหมายผู้เช่ียวชาญ วิทยากรท้องถ่ิน เพ่ือให้เด็กได้ทาการสืบค้น
สังเกตอย่างใกล้ชิด และบันทึกสิ่งที่พบเห็น เขียนภาพท่ีเกิดจากการสังเกต จัดทากราฟ แผนภูมิ
ไดอะแกรม หรือสร้างแบบต่างๆ สารวจ คาดคะเน มีการอภิปรายเล่นบทบาทสมมติเพ่ือแสดงความเข้าใจใน
ความรูใ้ หมท่ ี่ได้
ระยะที่ 3 สรุปโครงการ : ประเมิน สะท้อนกลับ และแลกเปล่ียนงานโครงการเป็นระยะสรุป
เหตุการณ์ รวมถึงการเตรียมเสนอรายงานและผลท่ีได้ในรูปของการจัดแสดงการค้นพบ และจัดทาสิ่งต่างๆ
สนทนา เลน่ บทบาทสมมติ หรือจัดนาชมส่งิ ที่ไดจ้ ากการกอ่ สร้างครคู วรจดั ให้เดก็ ได้แลกเปล่ยี นส่ิงท่ีตนเรียนรู้กับ
ผู้อื่น เด็กสามารถช่วยกันเล่าเร่ืองการทาโครงการให้ผู้อ่ืนฟังโดยจัดแสดงสิ่งที่เป็นจุดเด่นให้เพื่อนในชั้นเรียน
อื่น ครู พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้บริหารได้เห็น ครูจะช่วยเด็กเลือกวัสดุอุปกรณ์ท่ีจะนามาแสดง ซึ่งการทาเช่นนี้
เท่ากับช่วยให้เด็กทบทวนและประเมินโครงการท้ังหมด ครูอาจเสนอให้เด็กใช้จินตนาการ ความรู้ใหม่ที่ได้ผ่าน
ทางศิลปะ ทางละคร สุดท้ายครูนาความคิดและความสนใจของเด็กไปสู่การสรุปโครงการ และอาจนาไปสู่หัว
เร่อื งใหม่ของโครงการต่อไป
แนวการจัดประสบการณ์แบบโครงการ
การจัดประสบการณ์แบบโครงการ เป็นวิธีการสอนท่ีส่งเสริมให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคล วัตถุ
สภาพแวดล้อม โดยการทเ่ี ด็กไดศ้ ึกษาคน้ คว้าเกี่ยวกบั หัวข้อ ทส่ี นใจอยา่ งลกึ ซ้งึ เน้นให้เด็กมีอิสระในการคิด การ
ค้นวิธีท่ีจะได้คาตอบ จากคาถามท่ีเด็กตั้งขึ้นด้วยวิธีการต่างๆ และนาเสนอสิ่งท่ีได้เรียนรู้ ความรู้ ความเข้าใจ
และประสบการณท์ มี่ เี กย่ี วกับหัวขอ้ ท่ีไดท้ าโครงการ การทาโครงการเด็กอาจจะทาเป็นกลุ่มเล็กๆ ท่ีมีความสนใจ
ร่วมกันหรือเป็นรายบุคคล ในแต่ละโครงการจะใช้เวลานานกว่า 1 สัปดาห์ก็ได้ ข้ึนอยู่กับความสนใจของ
เด็ก โดยลกั ษณะการจดั ประสบการณ์แบบโครงการ แบ่งออกได้ดงั น้ี (จิรภรณ์ วสุวัต, 2540)
ระยะเตรยี มการวางแผนเข้าสูโ่ ครงการ เป็นระยะที่เด็กและครูคัดเลือกหัวข้อท่ีศึกษาในโครงการโดยครู
และเด็กร่วมกันคิดและตัดสินใจเลือกหัวข้อเพื่อนามาทาโครงการร่วมกันและ ช่วยกันระดมสมองทาแผนภูมิ
เครอื ขา่ ยการเรยี นรู้
ระยะท่ี 1 เร่ิมต้นโครงการ เป็นระยะที่เด็กนาประสบการณ์ ที่มีเกี่ยวกับหัวข้อมานาเสนอ แลกเปลี่ยน
ความคดิ เห็นและร่วมกันคิดหาวิธีการที่จะค้นหาคาตอบเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ที่สนใจซึ่งระยะนี้ถือเป็นพื้นฐาน
ของความเขา้ ใจทสี่ าคัญในการพฒั นาโครงการในระยะต่อไป
ระยะท่ี 2 พฒั นาโครงการ เป็นระยะท่ีเป็นหัวใจของโครงการท่ีเด็กได้ศึกษาค้นคว้าหาคาตอบเกี่ยวกับ
หัวข้อในเร่ืองท่ีสนใจ และนามาเสนอความรู้ที่ได้รับออกมาในรูปแบบของกิจกรรมและผลงานต่างๆ ท่ีแสดงให้
เหน็ ถงึ ความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะในการเรยี นรู้
ระยะท่ี 3 สรุปโครงการ เป็นระยะท่ีสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้และนาเสนอผลงานต่างๆ ท่ีได้ทาในโครงการ
เพือ่ ใหผ้ ู้ปกครอง ครู เพอื่ น ผสู้ นใจไดร้ ับทราบและแลกเปลี่ยนความรู้เกีย่ วกบั หวั ข้อที่ทา
6. การด้าเนินงาน / กระบวนการ / วิธปี ฏบิ ัติ
ในการดาเนินการจัดกิจกรรมการปลูกผักบุ้งลอยน้าในกะละมัง โดยใช้วิธีการสอนในรูปแบบโครงการ
(Project Approach) มกี ระบวนการดังตอ่ ไปน้ี
ระยะที่ 1 เริ่มต้นโครงการ
ครูสนทนาซักถามเด็กๆ เรื่องที่เด็กต้องการจะเรียนรู้ เพิ่มเติมนอกเหนือจากสาระการเรียนรู้ตลอดปี
ด้วยการให้เดก็ ๆ ช่วยกนั คดิ เร่อื งท่ีน่าสนใจ
1. เรือ่ ง ผกั บ้งุ (Morning glory)
2. เร่ือง ไอศกรีม (Ice cream)
3. เร่ือง แฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger)
จากหัวข้อท้ังหมด ได้จัดทาแบบสารวจการเรียนรู้ตามความต้องการ โดยให้เด็กๆ เลือกหัวข้อที่จะ
เรยี นรู้เพียงเร่อื งเดียว โดยมผี ลสรุป ดงั นี้
เด็กต้องการเรียนรู้เรื่อง ผักบุ้ง (Morning glory) จานวน 9 คน ไอศกรีม (Ice cream) จานวน 3 คน
และแฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger) จานวน 3 คน ตามลาดบั
สรปุ ผลการเรียนรตู้ ามความต้องการของเด็กนักเรยี นชั้นอนุบาล 3/2 คือ เรื่อง ผักบุ้ง (Morning glory)
เมื่อไดห้ วั ข้อแล้ว ครไู ดจ้ ดั ทาจดหมายส่งให้ผู้ปกครอง เพื่อชี้แจงการทากิจกรรมการเรียนตามความต้องการของ
เด็ก นอกจากน้ี ยังเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้มีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งเรียนรู้ที่ดีท่ีสุด ด้วยการให้
คาปรกึ ษา และใหค้ าชีแ้ นะแก่บตุ รหลาน แนะนาเพมิ่ เตมิ ในส่วนของเน้อื หา
ระยะที่ 2 พัฒนาโครงการ
เด็กเป็นผู้นากาหนดหัวข้อคาถาม และประเด็นปัญหาท่ีเด็กๆ ต้องการเรียนรู้จนค้นพบคาตอบด้วย
ตนเอง โดยมขี ้นั ตอนท่จี ะเกดิ ขึน้ โดยอัตโนมัติตามกระบวนการแกป้ ญั หา 5 ขัน้ ตอน
ขน้ั ตอนที่ 1 เดก็ กาหนดปัญหาท่จี ะศกึ ษากิจกรรมหลัก คือ เด็กรว่ มกันอภิปรายตามหัวข้อของโครงการ
สนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณเ์ ดิมของเด็ก ดังนี้
นอ้ งเนิรท์ - หนอู ยากเรยี นเรอ่ื งผักบ้งุ เพราะหนชู อบกินผักบุ้ง
นอ้ งยนี ส์ - ผกั บงุ้ มตี น้ ยาวๆ
น้องโฟลค์ - ผกั บงุ้ มีสเี ขยี ว
นอ้ งนาวนิ - ผักบุ้งอยู่ในน้า
นอ้ งปรายนา้ - แมห่ นูปลกู ผกั บุ้งไว้กิน
น้องไตร - ดอกผักบ้งุ มีสีขาว
น้องปลืม้ - เอาผกั บุ้งมาทาผกั บงุ้ ไฟแดง
นอ้ งเบ็น - ผักบุ้งใสใ่ นเย็นตาโฟ
นอ้ งอ้อม - ผักบงุ้ มีใบแหลมๆ
ขั้นตอนที่ 2 เด็กตั้งสมมุติฐานเบื้องต้น เด็กตอบคาถามโดยใช้ความรู้เดิมที่มีอยู่ โดยคุณครูช่วยกระตุ้น
ความคดิ ของเด็กใหข้ ยายคาตอบให้มากกว่าเดมิ
คา้ ถามของเด็กมดี งั ต่อไปนี้
- ทาไมผักบงุ้ ขนึ้ ในนา้
- ทาไมผักบุ้งมีหลายแบบ ไม่เหมือนกนั
- ทาไมผกั บงุ้ ปลูกบนดนิ ก็ได้
- ทาไมผกั บงุ้ ถงึ มตี ้นยาว
- ทาไมผกั บุ้งมีสเี ขียว
- ผักบุ้งปลูกยากไหม
- ผักบุ้งทาอาหารอะไรไดบ้ ้าง
นอกจากน้ียงั มคี าถามในภาพรวมทต่ี กลงร่วมมือกนั คอื หากเราไม่สามารถปลูกผักบุ้งบนดินได้แล้ว เรา
จะสามารถปลูกไดด้ ้วยวิธใี ดอีกบา้ งอกี บา้ ง และหากเราจะปลูกผักบุ้งในน้าน้ัน เด็กๆ ต้องการรู้ว่าการปลูกผักบุ้ง
ลอยน้าในกะละมัง ปลูกอย่างไร ผลของคาตอบ คือ ไปดูและลงมือปฏิบัติปลูกผักบุ้งลอยน้า จากน้ันถ่ายภาพ
และวาดรูป
- เดก็ ๆ ดวู ธิ กี ารสาธติ การปลกู ผักบุ้งลอยน้า จากสอ่ื ต่างๆ
- เดก็ ไดร้ ับความรู้และสามารถลงมือปฏบิ ตั ปิ ลูกผกั บุง้ ลอยนา้ ได้
ระยะท่ี 3 รวบรวมสรุป
เป็นระยะสุดทา้ ยของโครงการทีเ่ ดก็ ไดค้ น้ พบคาตอบของปัญหา นอกจากการจดั กิจกรรมตอ่ ไปนี้
1. กิจกรรมการปลูกผกั บ้งุ ลอยนา้ ในกะละมงั โดยการสาธิตจากคุณครูวิทยากร (ครูป้อม) คุณครูประจา
ชั้น
2. กิจกรรมการวาดภาพผักบุ้งลอยน้าในกะละมัง ส่ือออกมาเป็นภาพวาดท่ีชัดเจนก่อนท่ีจะเรียน ซ่ึง
เห็นความแตกต่างอยา่ งชัดเจน
3. กจิ กรรมพูดคยุ กับผู้ปกครองทบ่ี ้าน สอบถามผ้ปู กครองถึงวิธีการปลกู ผักบงุ้ ลอยน้า
3.1 สนทนา ซกั ถาม
3.2 นักเรยี นสนใจและให้ความร่วมมือดี
3.3 กลบั ไปบ้านเด็กอยากปลูกผกั บ้งุ ลอยน้า และทาอาหารรบั ประทานดว้ ยฝมี ือตนเอง
3.4 เดก็ ชว่ ยผปู้ กครองทาอาหารจากผักบุ้งและรบั ประทานอาหารรว่ มกนั
ผลสะท้อนจากผู้ปกครองเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เร่ืองการปลุกผักบุ้งลอยน้าในกะละมัง คือ
ผู้ปกครองภูมิใจท่บี ุตร – หลาน มคี วามรู้เก่ยี วกับการปลูกผักบุง้ ลอยน้า สนใจซกั ถาม มีความคิดแปลกใหม่ ริเร่ิม
สร้างสรรค์ มีความกระตือรือร้นมากยงิ่ ข้นึ
4. กิจกรรมการจัดนิทรรศการเป็นส่ิงที่เด็กๆ จะได้นาผลงานของแต่ละคนมาแสดงให้เพ่ือนๆ ห้องอื่นๆ
ผู้ปกครอง คุณครูในโรงเรียนได้มาชื่นชม แสดงให้เห็นถึงความสาเร็จของการทางาน เด็ก ครู และผู้ปกครองมี
ความพอใจกบั การจดั กจิ กรรมในครง้ั นีเ้ ปน็ อย่างมาก
7. แผนการด้าเนนิ งาน / ระยะเวลาในการด้าเนนิ งาน
ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563
8. ผลการปฏบิ ัตงิ าน
8.1 เดก็ ปฐมวยั
นกั เรียนชัน้ อนุบาล 3/2 จานวน 16 คน ในภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนเทศบาล
1
ทรงพลวิทยา ไดร้ ับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้จากการทากิจกรรมการปลูกผักบุ้งลอยน้าในกะละมัง โดยใช้
วธิ ีการสอนในรูปแบบโครงการ (Project Approach) ซง่ึ ไดร้ บั ผลสาเร็จในการปฏิบัตงิ านตามรูปแบบวิธีปฏิบัติท่ี
ดที ่ีสง่ ต่อผู้เรียน ดังน้ี
1) นกั เรยี นทกุ คนเกดิ ความชอบในการรับประทานผักใบเขียวมากขึน้
2) นักเรยี นทกุ คนเกิดทกั ษะ กระบวนการคดิ และการลงมอื ปฏิบัตจิ รงิ
3) นักเรยี นทุกคนไดท้ ากจิ กรรมตามความสนใจของตนเอง
4) นักเรยี นทุกคนไดร้ ู้จักการทางานรว่ มกับผู้อน่ื และมีความรบั ผดิ ชอบต่อหน้าที่
8.2 ผูป้ กครอง
พ่อแม่ผู้ปกครองให้คว ามร่ว มมือเป็นอย่างดี ในการจัดกิจกรรม การปลูกผักบุ้งลอยน้าใ น
กะละมัง โดยใช้วิธีการสอนในรูปแบบโครงการ (Project Approach) เช่น กิจกรรมพูดคุยกับผู้ปกครองท่ีบ้าน
อีกทั้ง ผู้ปกครองภูมิใจท่ีบุตร – หลาน มีความรู้เกี่ยวกับการปลูกผักบุ้งลอยน้า สนใจซักถาม มีความคิดแปลก
ใหม่ รเิ ริม่ สร้างสรรค์ มคี วามกระตือรือร้นมากยิง่ ข้ึน
8.3 อื่นๆ
คุณครไู ด้ใช้กิจกรรมการปลูกผักบุ้งลอยน้าในกะละมัง เผยแพร่ไปยังครูผู้สอน / ผู้เกี่ยวข้องทั้ง
ภายในโรงเรียนและภายนอกโรงเรียน
9. ปัจจยั ความส้าเรจ็
9.1 นักเรียนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในการร่วมกิจกรรมการปลูกผักบุ้งลอยน้าในกะละมัง โดยใช้
วิธกี ารสอนในรปู แบบโครงการ (Project Approach)
9.2 ผู้บริหาร คณะครู ผู้ปกครอง ให้ความร่วมมือพร้อมสนับสนุนเป็นอย่างดี ในการร่วมกิจกรรมการ
ปลกู ผักบุง้ ลอยน้าในกะละมงั โดยใชว้ ธิ กี ารสอนในรปู แบบโครงการ (Project Approach)
9.3 การวางแผนล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ ทาให้การดาเนินงานกิจกรรมในการร่วมกิจกรรมการปลูก
ผกั บุง้ ลอยน้าในกะละมงั โดยใชว้ ิธกี ารสอนในรูปแบบโครงการ (Project Approach) บรรลุตามวัตถุประสงค์
10. บทเรยี นท่ไี ด้รับ
10.1 เด็กได้นาประสบการณ์ ท่ีมีเก่ียวกับหัวข้อมานาเสนอ แลกเปล่ียนความคิดเห็นและร่วมกันคิดหา
วธิ กี ารทจี่ ะคน้ หาคาตอบเกย่ี วกบั ประเดน็ ตา่ งๆ ทส่ี นใจ ได้ศึกษาค้นคว้าหาคาตอบเกี่ยวกับหัวข้อในเรื่องที่สนใจ
และนามาเสนอความรู้ที่ได้รับออกมาในรูปแบบของกิจกรรมและผลงานต่างๆ ท่ีแสดงให้เห็นถึงความรู้ ความ
เข้าใจ ทกั ษะในการเรียนรู้ เกิดคุณลกั ษณะท่ีประสงค์ตอ่ ผูเ้ รียน
10.2 คุณครูได้ทาหน้าที่กระตุ้นให้นักเรียนคิดหัวข้อเรื่องโครงการ จัดหาสิ่งอานวยความสะดวก วัสดุ
อุปกรณใ์ นการทาโครงการ ติดตามการทางานอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กในวัยอนุบาลควรคานึงถึงความปลอดภัย
เปน็ สงิ่ สาคัญ
ขอ้ เสนอแนะ
ขอ้ เสนอแนะในการจัดกจิ กรรมการปลกู ผกั บุ้งลอยน้าในกะละมัง โดยใช้วิธีการสอนในรูปแบบโครงการ
(Project Approach) ควรจัดให้เป็นกิจกรรมต่อเน่ืองทุกปีการศึกษาเพราะนักเรียนท่ีเข้าร่วมกิจกรรมจะได้
เปล่ยี นบทบาทจาก ผปู้ ฏิบตั ิเป็นผถู้ า่ ยทอดองคค์ วามรูแ้ ละทักษะต่างๆ ใหแ้ กร่ ุ่นนอ้ งในโรงเรยี น
11. การเผยแพร/่ การไดร้ บั การยอมรับ/รางวัลที่ได้รบั
การเผยแพร่ การจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้งานอาชีพในโรงเรียน เร่ือง การปลูกผักบุ้งลอยน้าใน
กะละมงั โดยใช้วิธกี ารสอนในรปู แบบโครงการ (Project Approach)
- ไดม้ กี ารเผยแพร่ให้แกเ่ พ่ือนครภู ายในโรงเรยี นเทศบาล ๑ ทรงพลวิทยา
- ได้มกี ารเผยแพร่ใหแ้ กเ่ พอื่ นครู โรงเรียนในสงั กดั เทศบาลเมืองบา้ นโปง่
- ลงในแฟนเพจเฟซบุ๊กของโรงเรียนเทศบาล 1 ทรงพลวิทยา
https://www.facebook.com/profile.php?id=100004954993215
การไดร้ ับการยอมรับ
การไดร้ บั การยอมรบั ของการจดั กจิ กรรมการปลูกผกั บ้งุ ลอยน้าในกะละมงั โดยใช้วิธีการสอนในรูปแบบ
โครงการ (Project Approach) คือ ได้นาเสนอต่อผู้บริหาร คณะครู และบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียน
เทศบาล ๑ ทรงพลวทิ ยา
12. ภาพกิจกรรม สาหรบั ภาพการจดั กิจกรรมการจัดการเรียนรู้งานอาชพี ในโรงเรียน เรอ่ื ง การปลูกผักบุ้งลอย
นา้
ภาพกจิ กรรม
กิจกรรมการปลกู ผกั บงุ้ ลอยนา้ ในกะละมัง โดยใช้วิธกี ารสอนในรปู แบบโครงการ (Project Approach)
ไปสา้ รวจ “เจ้าผักบุ้ง” นอกห้องเรียนกนั เถอะ
ปลูกผักบุ้งลอยน้าในกะละมัง ไวก้ นิ กนั ดกี วา่
สรา้ งสรรคผ์ ลงาน “ผกั บุ้งนอ้ ย”
พบั ดอกผักบงุ้
เปา่ สี ผักบุ้ง
ป้นั ดินน้ามนั
ผักบุ้ง ผักบุ้ง ทา้ อะไรได้บา้ งเอย่ ?