งอกงามยิ่งขึ้น และสร้างการรับรู้และเรยี นรใู้ ห้เกิดข้ึนในวงกว้าง เพ่ือช่วยยกระดับพลังงานด้านบวกของพื้นท่อี ื่นและสงั คม
โดยรวม ท้งั น้ีผูว้ ิจัยมีขอ้ สังเกตทีน่ า่ สนใจสาหรับความเขม้ ข้นของพลงั งานดา้ นบวกทแ่ี ตกต่างกนั ในแต่ละพ้ืนท่ี คือ
(1) พื้นท่ีศึกษาท่ีผู้นามีลักษณะเป็นผู้นาเด่ียว และการกระทาของผู้นามีอิทธิพลต่อผู้คนและบรรยากาศมากกว่า
การเน้นการมีส่วนร่วม ระดับพลังงานด้านบวกของผู้คนและบรรยากาศในพ้ืนที่นั้นจะน้อยกว่าอย่างชัดเจนเม่ือเทียบกับ
พ้ืนที่ที่ผูน้ าเนน้ การสร้างการมีส่วนรว่ มอยา่ งโปร่งใส ท้งั รว่ มคิด รว่ มทา รว่ มตัดสินใจ และรว่ มรับผลได้ผลเสยี ที่เกิดข้นึ
(2) ในพื้นที่ศึกษาท่ีผูน้ ามีระดับพลงั งานด้านบวกเทา่ กัน พื้นท่ีที่มีแรงสนับสนุนด้านอ่ืนๆเข้ามาในระบบอย่างรอบ
ด้าน เพื่อช่วยให้ระบบเคลื่อนตัวไปขา้ งหน้าและเติบโตต่อไปได้อย่างไมต่ ิดขัด จะช่วยยกระดับพลังงานโดยรวมของพื้นทใี่ ห้
เพิ่มมากขึ้นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านความรู้ เครื่องมือทางาน การสร้างความเข้าใจต่อสถานการณ์
ร่วมกัน การสร้างเป้าหมายร่วม สนับสนุนให้มีการปฏิบัติการจริงและถอดบทเรียนการทางานสม่าเสมอ การมีเงินและ
ทรพั ยากรสนบั สนนุ อย่างเพยี งพอ และการมเี ครือขา่ ยความรว่ มมอื และสนบั สนุนจากภาคส่วนท่หี ลากหลาย
(3) พ้ืนที่ท่ีผู้ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงมีหลากกลุ่ม หลายวัย และหลากหลายความชานาญเข้ามาทางานร่วมกัน
และสามารถมีอิสระในการทดลองสร้างสรรค์แนวทางการทางานใหม่ๆของตนเองได้อย่างสดใหม่และมีความสุข จะพบ
พลงั งานด้านบวกเกดิ ขึ้นในระบบมากกวา่ มากกวา่ อยา่ งชดั เจน
148
149
คาอธิบายคา่ พลังงานท่เี กิดจากแรงจงู ใจระดบั ตา่ งๆ
ระดบั 0 เป็นกลาง
ไม่ใช่แรงจูงใจ แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตของเด็กแรกเกิด หรือเป็นจุดเปล่ียนท่ีข้ามผ่านจากแรงจูงใจลบไปสู่
แรงจงู ใจที่สูงขึน้
ระดับ +1 การสารวจ ค้นพบ
เป็นแรงจูงใจทีเ่ กิดร่วมกับความอยากรู้อยากเห็น ความประหลาดใจ เปิดกว้าง เต็มใจเผชิญกบั ทุกสง่ิ ท่ผี ่านเขา้ มา
ในชีวิต และสะท้อนถึงความต้องการที่จะรู้หนทางหรือสถานการณ์ที่เป็นอยู่ของตน การกระทาจากแรงจูงใจระดับน้ีคือ
การส่ือสารแบบเปิดกับสิง่ แวดลอ้ ม มอง ฟัง และเข้าร่วมกบั สง่ิ ที่เกิดขน้ึ อย่างกระตอื รอื รน้ และเตม็ ใจ มีการแสวงหาความรู้
ความชานาญเพ่ิมขน้ึ และต้อนรบั สถานการณท์ ้าทายท่ผี ่านเข้ามาดว้ ยคาถามว่า “ฉนั จะทาอะไรกบั เรื่องนี้ได้บ้าง” เราจะ
พบแรงจงู ใจระดบั นไ้ี ด้เสมอในเดก็ เลก็ ๆ
ระดบั -1 ความอวดตัว ถือดี
เป็นเงาของการสารวจ เกิดร่วมกับความประมาทและความรู้สึกอยากแข่งขันโดยไม่มีการควบคุม รวมทั้งความ
ภูมิใจในตัวเองมากเกินไปและยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง จนกลายเป็นความก้าวร้าว พยายามอวดสิ่งท่ีตนรู้ ไม่เปิดรับการ
เรียนรู้อย่างแท้จริง และสุดท้ายจะนาไปสู่การทาลายตนเอง ผู้ท่ีมีแรงจูงใจเช่นนี้จะต้องการอานาจหรือสถานภาพ
บางอย่าง ทาให้ขัดแย้งกับคนที่เห็นต่างอย่างชัดเจน และจะมีความสุขก็ต่อเมื่อได้ทาตามท่ีต้องการหรือได้รับการยอมรับ
มากพอ
ระดับ +2 การรวมกลุ่ม ทางานเปน็ ทมี
เกิดจากความต้องการเช่ือมโยงกับผู้อื่น และรู้สึกมีความสุขที่ทาเช่นนั้น ผู้ท่ีมีแรงจูงใจเช่นน้ีจะรู้สึกผูกพันและ
จงรักภักดีต่อกลุ่มที่ตนสังกัดอยู่ ซ่ึงมักเป็นกลุ่มของคนที่ยึดถือคุณค่าและเป้าหมายบางอย่างร่วมกัน การกระทาจาก
แรงจูงใจระดับน้ีคอื การเอาอกเอาใจ ต่อรอง ไกลเ่ กลยี่ และพยายามจัดการความขัดแย้ง ผ้ทู ่ีมีแรงจูงใจนี้มักเข้าใจมุมมอง
คนอ่ืนได้ดี เคารพความคิดผู้อ่ืนอย่างเป็นกลางแม้จะไม่เห็นด้วย เป็นนักฟังที่ดี ดึงพลังสร้างสรรค์จากผู้คนได้ดี และชอบ
เชอ่ื มโยงผู้คนเขา้ หากัน
แรงจูงใจระดับ +1 ร่วมกับ +2 ถือว่าเพียงพอสาหรับการทางานในกลุ่มเล็กๆ ที่ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ แบบเป็น
เส้นตรงและไมซ่ บั ซ้อน ขณะทก่ี ารทางานเพือ่ สรา้ งการเปลย่ี นแปลงจะต้องใชแ้ รงจูงใจระดบั สูงกว่าน้ี
ระดับ -2 ความโกรธ แก้แคน้ จบั ผดิ
ความโกรธเกิดขึ้นเมื่อความรู้สึกต้องการเป็นส่วนหน่ึงของกลุ่มไม่ได้รับการตอบสนอง ถูกทาลายความมั่นใจใน
ตนเอง และต้องการแสดงออกบางอย่างเพื่อกระแทกใหค้ นอ่นื หันมาเห็นคุณค่าของตน ผู้ที่มีแรงจูงใจระดบั น้มี ักเป็นคนเย็น
ชา เก็บกดและตรวจสอบอารมณต์ นเองเสมอ หรือไมก่ ร็ ุม่ รอ้ นจนเหวีย่ งความโกรธไปทว่ั มักโทษคนอนื่ ว่าเปน็ ต้นเหตใุ ห้ตน
โกรธ มักปฏเิ สธกลุ่มหรอื สังคม เห็นคนอ่นื เป็นศตั รู และหาทางแกแ้ คน้ จบั ผดิ และใชว้ ิธสี กปรกทาลายคแู่ ข่ง
150
ระดับ +3 ความสงบ ม่นั คง มีอานาจภายใน
อานาจภายในคืออานาจในการควบคุมตนเอง มีความตั้งมั่นและสุขสงบ และมีปีติเม่ืออยู่ในสภาวะของร่างกาย
และจิตใจที่เลื่อนไหล ไม่ติดขัด ผู้ที่มีอานาจภายในจะรู้ว่าตนเองรักที่จะทาอะไร ให้คุณค่ากับอะไร และลงมือทาเช่นนั้น
อยา่ งชานาญดว้ ยทกั ษะของตน แต่หากไม่เห็นดว้ ยกจ็ ะปฏิเสธอย่างไม่ลงั เล พวกเขามีพฤติกรรมซอื่ ตรง ไวใ้ จได้ รับผดิ ชอบ
บรกิ ารผ้อู ื่นอยา่ งเตม็ ใจ และมักทาส่งิ ตา่ งๆ ใหส้ าเร็จลุล่วงดว้ ยการตดั สนิ ใจเงยี บๆ การร้ซู ึ้งถงึ ทิศทางและคุณคา่ ของตนเอง
ทาให้สามารถเปิดกว้างและอดทนต่อหนทางและคุณค่าอันหลากหลายของผู้อ่ืน และมักสร้างวิธีการเชื่อมโยงความ
หลากหลายใหอ้ ยรู่ ว่ มกันได้
ระดับ -3 ความทะยานอยาก อิจฉา ทุรนทรุ าย
กิเลสหรือความต้องการอย่างรุนแรงเป็นเงาของอานาจภายใน ความว่างเปล่าภายในของผไู้ ร้อานาจภายในแสดง
ออกเป็นอาการทุรนทุรายไม่จบส้ิน รู้สึกไม่เคยพอ พยายามยึดฉวยส่ิงต่างๆไว้กับตัว ผู้ที่รู้สึกว่างเปล่ามักโทษคนอ่ืนว่าไม่
ยอมตอบสนองในสิ่งที่ตนต้องการ หรือเป็นต้นเหตุให้ตนต้องวุ่นวายทาสิ่งต่างๆ ไม่หยุดหย่อน เขามักอิจฉาส่ิงที่คนอื่นมี
อยากได้สิ่งต่างๆ ฟรีๆ ไม่รับผิดชอบ และเป็นคนไว้ใจไม่ได้เมื่อมีส่ิงที่อยากได้อยู่ตรงหน้า แรงจูงใจระดับน้ีเป็นสาเหตุ
พ้ืนฐานของการเสพติดและพฤติกรรมเส่ียงต่างๆ เพ่อื ตอบสนองความพึงพอใจเฉพาะหนา้
ระดับ +4 ความเชย่ี วขาญที่เกิดจากการเชอ่ื มโยงกับพลัง ปญั ญา และทกั ษะของกลมุ่
แรงจูงใจระดับนี้มาจากปัญญาร่วมซึ่งหย่ังรากอยู่ในคุณค่าและทักษะท่ีกว้างกว่าปัจเจกบุคคลมีอยู่ ความ
เช่ียวชาญเกิดจากการทค่ี นคนหนึ่งก้าวออกมาเชื่อมโยงกบั คณุ ค่าและทักษะของผูอ้ ่ืน โดยเฉพาะความชานาญในกลุม่ อาชีพ
จารีตประเพณี และระบบความคิดหรือวิสัยทัศน์ร่วมของสังคม การกระทาจากความเชี่ยวชาญเกิดจากวินัยภายในตนเอง
และสภาวะของความเลอ่ื นไหลทพี่ ัฒนาจากการฝกึ ฝนร่างกายและจิตใจดว้ ยวิธกี ารต่างๆ เช่น การภาวนา สวดมนต์ การฝกึ
ทักษะต่างๆ หรือการทางานศิลปะอย่างต่อเน่ือง บุคคลหรือสังคมที่มีแรงจูงใจระดับน้ีจะเห็นภาพใหญ่ของสถานการณ์
ต่างๆ มองเป้าหมายระยะยาว และสามารถปรบั จนู เป้าหมายให้สอดคลอ้ งกับบรบิ ทใหม่ๆ อยู่เสมอ การเช่ือมต่อกับปญั ญา
ร่วมจะทาให้เห็นโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ๆ ท่ีคนอื่นไม่เห็น ผู้ที่กระทาอย่างเชี่ยวชาญจะสามารถข้ึนเป็นผู้นาของ
วฒั นธรรมแบบหนงึ่ หรอื กลมุ่ อาชพี หนงึ่ ๆ ไดเ้ ป็นอย่างดี
ระดับ -4 ความกลวั ปกปอ้ งตวั เอง ถอนตวั จากสงั คม
เป็นเงาของความเช่ียวชาญและความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ต่างๆ แรงจูงใจระดับน้ีเกิดร่วมกบั ความ
กระสับกระส่าย สงสัย ความอ่อนไหวเกินไป และความรู้สึกว่าถูกคุกคาม ผู้ที่ทาส่ิงต่างๆ ด้วยความกลัวมักปกป้องตนเอง
เห็นโอกาสหรือความท้าทายเป็นการคุกคาม เลือกที่จะถอนตัวออกจากผู้คนหรือส่ิงแวดลอ้ ม เฉอ่ื ยชา ข้ีขลาด ไม่อาสา ไม่
เสี่ยง ซ่อนอารมณ์ความรู้สึก และมักเตรียมพร้อมและมีกระบวนการทดสอบเกินจาเป็นเพื่อหลีกเล่ียงการถูกวิจารณ์และ
ตาหนิ
ระดบั +5 พลงั สรา้ งสรรค์ระดบั นวัตกรรมจากการอทุ ิศตนและรักในสิ่งทที่ า
พลงั สร้างสรรค์ระดับน้ีเกดิ จากความรักหรือหลงใหลในสงิ่ ทที่ า ทาให้เกิดการรังสรรคผ์ ลงานอย่างสนุกสนาน ผู้ท่ี
มีแรงจูงใจเชน่ นจี้ ะมคี วามสขุ อยา่ งยงิ่ กบั ส่งิ ทที่ า งานและชวี ติ กลายเปน็ สิง่ เดียวกัน ทาใหส้ ามารถรงั สรรคส์ ิ่งใหมๆ่ ในหลาย
ทิศทาง เช่นเดียวกับท่ีศิลปินชั้นยอดสร้างงานศิลปะ หรือไอน์สไตน์คิดค้นสูตรคณิตศาสตร์ การกระทาเป็นไปเพื่อการ
151
เรียนรู้และค้นพบ ยินดีและพร้อมเสี่ยงกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้ท่ีมีแรงจูงใจระดับน้ีสามารถเป็นผู้สร้างวัฒนธรรมใหม่และ
กระบวนทัศนใ์ หมใ่ ห้สังคมได้
ระดับ -5 ความโศกตรม ไม่เหน็ ทางออก
เป็นแรงจูงใจที่เกิดจากความรู้สึกสูญเสียหรือไร้ที่พ่ึงพาในการตัดสินใจและทาส่ิงต่างๆ จนทาให้ศักยภาพและ
กระบวนการให้กาเนิดและรังสรรค์สิ่งใหม่ถูกปิดกั้น แรงจูงใจระดับนี้มักเป็นผลของความทุกข์โศกท่ีเยียวยาไม่ได้ หรือการ
จาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ท่ีมองไม่เห็นทางออก ผู้ท่ีโศกตรมย่อมไร้ยุทธวิธี และทุกอย่างดูเป็นไปไม่ได้ ความรู้สึกเช่นน้ี
เปน็ ส่วนสาคัญของการซมึ เศร้า แตก่ ็ยังไมถ่ งึ กับสน้ิ ความหวัง
ระดับ +6 การอุทิศตนเพ่ือผูอ้ น่ื หรอื เปา้ หมายอนั สงู ส่งกวา่ ตนเอง
แรงจูงใจระดับนี้คือแรงจูงใจของผู้นาผู้รับใช้ ซึ่งเป็นภาวะผู้นาสูงสุดท่ีมุ่งมั่นอุทิศตนเพื่อผู้อ่ืน เป็นการทาเพ่ือ
คุณคา่ สูงส่งท่ีไปพ้นจากความเห็นแก่ตัว เช่น ทาเพ่ือพระเจ้า เพ่ือความยุติธรรม ความจริง การขจัดความทุกข์ยาก การไถ่
บาปให้เพื่อนมนุษย์ หรือการช่วยผู้อ่ืนให้บรรลุธรรม ผู้ที่มีแรงจูงใจระดับนี้จะมีความรู้สึกแรงกล้าในการอุทิศตนเพื่อการ
งาน โดยได้ยินเสียงเรียกจากพระเจ้าให้ทาเช่นน้ัน เขาจะพบความสงบท่ีลึกล้าในตนเอง และพบชะตาชีวิตของตนเองใน
การกระทาเพอ่ื ผู้อ่ืน
การกระทาเพื่อเป้าหมายอันสูงส่ง คือการยกระดับและกาหนดทิศทางของพลังการให้กาเนิดและรังสรรค์สิ่งใหม่
อย่างมีเป้าหมายท่ีชัดเจน ผู้นาผู้รับใช้จะทาส่ิงที่คนอ่ืนเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เขาสร้างหนทางใหม่ให้สังคม และ
นาพามนุษยชาติให้เช่ือมโยงเขา้ หากัน เช่น วิถีของพระพุทธเจ้า โมเสส พระเยซู คานธี มาร์ติน ลูเธอร์คงิ แม่ชีเทเรซา เนล
สัน แมนเดลา ทะไลลามะ รวมทง้ั คนธรรมดาๆ อ่ืนๆ ทก่ี ระทาส่ิงต่างๆ จากแรงจูงใจเชน่ เดยี วกันนี้
ชีวิตของผู้นาผ้รู ับใช้จาเป็นตอ้ งข้องเกยี่ วกบั อานาจ แต่เขาจะกระทาอย่างถอ่ มตน ไร้ตัวตน และใช้อานาจที่มีเพอื่
ทาส่ิงที่ทาอยู่ให้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าปกติแล้วการไร้ตัวตนของคนเป็นผู้นาจะเป็นเร่ืองยากย่ิง แต่สิ่งน้ีเกิดขึ้นได้เม่ือเป็นการ
กระทาในนามของพระเจ้า ผู้ที่มีแรงจูงในเช่นน้กี ระทาส่ิงต่างๆ อย่างกล้าหาญ และทาเพ่อื ให้เกดิ ผลกระทบในวงกว้าง เชน่
ทีค่ านธฝี ันถึงอิสรภาพของอินเดียดว้ ยสันตวิ ธิ ี
ระดบั -6 ความหมดอาลยั ตายอยาก ซมึ เศร้าอย่างลกึ
ผู้ที่มีแรงจูงใจระดับน้ีเหลือพลังชีวิตน้อยมาก เขาถูกท่วมทับด้วยความรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่เหลือที่ทางสาหรับเขาอีก
แล้ว เขาไม่สนใจใยดีอะไร ทอดท้ิงตัวเอง ซึ่งเป็นภาวะซึมเศร้าอย่างลึก และอาจเป็นภาวะปกติของประชากรในประเทศ
ยากจน ทีผ่ ูค้ นมีชวี ติ อย่เู หนือระดับความอยู่รอดเพียงเล็กน้อย
ระดับ +7 การละวางอตั ตา และเชอื่ มโยงกับจติ วญิ ญาณสากล
เป็นแรงจูงใจที่เกิดการมองเห็นตนเอง ผู้อ่ืน และธรรมชาติ ในฐานะปรากฏการณ์ของพระเจ้าหรือธรรมะ และ
ความเข้าใจน้ีอาจทาให้บางคนสละชีวิตทางโลกเข้าสู่วิถีของนักบวช ผู้ที่มีแรงจูงใจระดับนี้มีอยู่ราวหนึ่งในล้านคนของ
ประชากรโลก พวกเขาใช้ชีวติ อยา่ งบรสิ ทุ ธ์ิ ละวางอตั ตาตัวตน ทาให้ไปพน้ ข้อจากดั ต่างๆ และเป็นอิสรภาพจากคุกในจิตใจ
ตนเอง เขามกั สัมผัสอยกู่ บั ทพิ ยสภาวะและความเปน็ นิรันดร์ทไ่ี มข่ ้ึนกบั สถานทีแ่ ละกาลเวลาอยู่เสมอ และจิตสานกึ ของเขา
กลายเปน็ จติ สานกึ ร่วมของมนุษยชาติ
152
ระดับ -7 ความรสู้ กึ ผิดอย่างรนุ แรง และไม่สามารถเชือ่ มโยงกบั ส่งิ อนื่ ได้
เป็นความรู้สึกท่ีแทบจะตรงกันข้ามกับผู้ท่ีเข้าถึงจิตวิญญาณสากล ผู้ที่อยู่ในแรงจูงใจระดับน้ีไม่สามารถเช่ือมโยง
ความรู้สึกของตนเองเข้ากับความหมายหรอื ความจริงระดับลกึ ใดๆ ได้เลย เขารู้สึกว่าตนเองไม่มสี ทิ ธิท่ีจะอยู่บนโลกนี้ และ
อยากทาร้ายตัวเองเพราะทนเผชิญความรู้สึกผิดไม่ได้ พบว่าคนกลุ่มนี้มีอัตราการฆ่าตัวตายสูง รวมท้ังมีการทาร้ายตัวเอง
แบบอ่ืน เช่น ติดยาเสพติดหรือมีพฤติกรรมเส่ียงแบบต่างๆ หากความรู้สึกผิดบาปเกิดข้ึนเพราะถูกกระทาจากสังคม พวก
เขาอาจทาร้ายผู้อ่ืนเพอื่ แก้แคน้ เชน่ ทีฮ่ ติ เลอรท์ ีม่ คี วามรสู้ ึกผดิ บาปเปน็ แรงจงู ใจหนึ่ง
ระดบั +8 การเชอ่ื มโยงกบั ธรรมชาติของสรรพส่งิ และบรรลุถงึ ความจริงสงู สดุ ตามความเชือ่ ของตน
เป็นระดับของแรงจูงใจท่ีแทบจะส่ือสารออกมาเป็นถ้อยคาตรงๆ ไม่ได้ คาที่ใช้บ่อยๆ ในการพยายามอธิบาย
สภาวะน้ีก็เช่น “ความเป็นหนงึ่ เดยี ว” “การปราศจากตวั ตน” “สญุ ญตา” ประสบการณ์ของการบรรลุธรรมจะทาใหบ้ ุคคล
เกิดการเปล่ยี นแปลงอยา่ งลกึ ซ้ึง แรงจูงใจดา้ นลบหรอื อกุศลมูลทง้ั หมดจะหายไปจากใจ เกิดความสงบสุขอยา่ งยิ่งในตนเอง
และในปรากฏการณ์ต่างๆ ซ่งึ ลว้ นเปน็ การแสดงตนของธรรมะ
ระดับ -8 การหมดความเปน็ มนษุ ย์ จิตใจแตกสลาย
ผู้เข้าถึงการบรรลุความจริงสูงสุดคือการมีสภาวะของแสงสว่างภายในท่ีไร้เปลือกของกาย ส่วนผู้ท่ีหมดความเป็น
มนุษย์คือการตกอยู่ในสภาวะที่มีแต่เปลือกกลวงๆ โดยไร้แก่นแกน ความรู้สึกเป็น “ฉัน” หายไปเพราะอัตตาแตกสลาย
เป็นโลกภายในของผู้ป่วยจิตเภทในโรงพยาบาลและคนติดยาหรือติดเหล้าที่ไม่มีทางรักษา ซึ่งไม่มีอะไรจะหนักหนากว่านี้
อกี แล้วนอกจากความตาย
2. โครงสร้างและแบบแผนภายในของระบบ – พฒั นาการและความสัมพันธ์ของ 4 เสีย้ วสว่ น
ผวู้ ิจัยพบโครงสร้างและแบบแผนภายในของระบบนิเวศมนุษยเ์ พ่ือพฒั นาพน้ื ทด่ี า้ นคุณธรรมในลักษณะของปัจจยั
4 เสี้ยวส่วนที่สัมพันธ์กัน คือ (1) ผู้นา (2) สมาชิก (3) วัฒนธรรมองค์กร และ (4) เคร่ืองมือ กลไก โครงสร้างการทางาน
และการเช่ือมโยงกับประเด็นทางสังคม โดยแต่ละส่วนมีทั้งลักษณะเฉพาะตัวและสะท้อนความเป็นส่วนอ่ืนๆด้วย และ
ประกอบกนั ขน้ึ อยา่ งเชอื่ มโยงและมีพัฒนาการรว่ มกัน ดังภาพ
ผู้นา สมาชกิ
วัฒนธรรมองคก์ ร เคร่ืองมอื กลไก โครงสร้างการทางาน
และการเช่ือมโยงกับประเดน็ ทางสังคม
ในการศึกษาปัจจัยภายในของระบบนิเวศระดับองค์กร ชุมชน และสังคม ผู้วิจัยพบการเช่ือมโยงกันของ
องค์ประกอบในแต่ละเส้ยี วส่วนแบบมีพัฒนาการเชิงคณุ ภาพ จากความเป็นองค์กร สู่ชุมชน สเู่ ครือข่าย โดยคุณสมบัติของ
153
วงในสุด เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่ระบบนิเวศมนุษย์ท้ังสามมีร่วมกัน และเม่ือระบบนิเวศใหญ่ขึ้น ก็เกิดคณุ สมบัติใหม่ท่ีมาก
ข้ึน และรวมคุณสมบัติในระบบนิเวศเดิมเข้าไว้ในตัว เป็นการแผ่ขยายออกเชิงพัฒนาการและวิวัฒนาการท่ีกว้างขวางและ
ลกึ ซงึ้ ข้ึนในทุกระดบั รวมทั้งหลอมรวมคณุ สมบัติของระดับกอ่ นหนา้ เอาไว้ในตวั ดว้ ย
และเม่ือนาองค์ประกอบภายในท้ัง 4 ปัจจยั 3 ระดับ โมเดลท้งั 3 ระดบั มาต่อรวมกนั เป็นภาพใหญภ่ าพเดยี ว โดย
จินตนาการถึงภาพแผนท่ีท่ีซ้อนกัน 3 ชั้น แต่ละชั้นเป็นวงกลมที่มี 4 เสี้ยวส่วน วงกลมเล็กชั้นในสุดคือปัจจัยสาคัญระดับ
องค์กร วงกลมช้ันกลางคือปัจจัยสาคัญระดับชุมชน และวงกลมชั้นนอกสุดคือปัจจัยสาคัญระดับเครือข่าย เราจะเห็นการ
เช่ือมโยงกันขององค์ประกอบในแต่ละเส้ียวส่วนแบบมีพัฒนาการเชิงคุณภาพที่ทงั้ มีความลึกซ้ึงและกว้างขวางมากขน้ึ จาก
ความเปน็ องคก์ ร สชู่ มุ ชน สเู่ ครอื ขา่ ย โดยคณุ สมบตั ขิ องวงในสดุ เป็นคุณสมบตั พิ ้ืนฐานทรี่ ะบบนิเวศมนษุ ยท์ ัง้ สามมรี ่วมกัน
และเม่ือระบบนิเวศใหญ่ข้ึน ก็เกิดคุณสมบัติใหม่ท่ีมากขึ้น และรวมคุณสมบัติในระบบนิเวศเดิมเข้าไว้ในตัว เป็นการแผ่
ขยายออกเชิงพัฒนาการและวิวัฒนาการท่ีกว้างขวางและลึกซึ้งข้ึนในทุกระดับ รวมทั้งหลอมรวมคุณสมบัติของระดับก่อน
หน้าเอาไว้ในตวั ด้วย ดงั แผนภาพดา้ นล่าง
โดยมีรายละเอยี ดของแตล่ ะระดับและแต่ละเสย้ี วสว่ นดังนี้
154
ในระดบั องค์กร พบปจั จัยแตล่ ะเสยี้ วสว่ นทมี่ คี ุณภาพอย่างน้อยดังน้ี
ผ้นู า สมาชิก
▪ ม่ันคงในจดุ ยนื และหลักการ ▪ ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมหรือองค์กรที่เป็น
▪ เข้มแข็ง ทางานหนัก และมุ่งเป้าเพ่ือความสาเร็จของ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและผ้อู น่ื
องคก์ ร ▪ รับผิดชอบบทบาทหน้าที่ของตนในฐานะสมาชิก
▪ เข้าใจถึงความสุขจากการช่วยเหลือ แบ่งปัน เพ่ือให้ องคก์ ร
เกิดความเจรญิ งอกงามร่วมกนั ▪ ยินดีปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ เงื่อนไข และวัฒนธรรม
องค์กร และเชอ่ื ถือในแนวทางของผ้นู า
วฒั นธรรมองคก์ ร เครอื่ งมือ กลไก โครงสร้างการทางาน
▪ ร่วมแรงร่วมใจ ร่วมทกุ ขร์ ่วมสขุ กบั คนอน่ื ๆในองคก์ ร และการเชอ่ื มโยงกับประเดน็ ทางสังคม
▪ เห็นคุณค่าของการพัฒนาคนและคุณภาพชีวิตแบบ ▪ หลักการ รูปแบบกจิ กรรม โครงสร้างองคก์ ร รวมท้งั
เป็นองค์รวม ท้ังมิติร่างกาย จิตใจ เศรษฐกิจ และ โครงสร้างความสมั พันธ์ ที่ส่งเสริมความเจริญงอกงาม
สงั คม ใหอ้ งค์กรและสมาชิก
▪ ให้ความสาคัญกับการพัฒนาส่ิงแวดล้อมอย่างย่ังยืน ▪ การเอ้อื อานวย (facilitator) และเป็นพี่เล้ยี ง
ควบคไู่ ปกบั การพัฒนาคน (coaching) ในการจดั ประสบการณแ์ ละกระบวนการ
เรยี นรู้ และการเสรมิ ศกั ยภาพใหส้ มาชกิ
▪ การเปดิ พืน้ ทใ่ี หส้ มาชกิ องคก์ รมีสว่ นร่วมในการ
กาหนดทศิ ทางหรอื ใหค้ วามเหน็ สะท้อนกลบั ตอ่
ทศิ ทางขององคก์ ร
▪ การจดั การความรู้ และยกระดบั เป็นแหล่งเรียนรู้ใน
ประเดน็ ทม่ี ศี กั ยภาพ เพ่ือเชอื่ มต่อเครอื ข่ายและขยาย
ผล
▪ การระดมทรัพยากรจากแหลง่ ตา่ งๆเพ่ือสร้างความ
ยัง่ ยืนให้องคก์ ร
▪ การส่ือสาร ประชาสัมพันธ์ เพือ่ เพ่ิมยอดขายหรือการ
รับรขู้ องสงั คมตอ่ องคก์ ร
▪ การเลอื กเชอื่ มโยงกับนโยบายรฐั หรอื เชือ่ มโยงเฉพาะ
พลังภาคประชาชนก็ได้ โดยเนน้ เสนอตวั อยา่ งทดี่ ีใน
การพฒั นาผ่านความสาเรจ็ ทเี่ ปน็ เป็นรูปธรรม
▪ การสรา้ งผนู้ าการเปลยี่ นแปลงเพือ่ ร่วมพัฒนาองค์กร
155
ในระดบั ชมุ ชน พบปัจจยั แต่ละเสี้ยวสว่ นทคี่ ุณภาพเพ่มิ ขึ้นจากระดบั องคก์ รอยา่ งน้อยดังน้ี
ผูน้ า สมาชิก
▪ รู้สึกร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคนในชุมชน เสียสละ ทางาน ▪ รับรู้ถึงศักยภาพของตนในฐานะเป็นส่วนหน่ึงของการ
หนักเพื่อส่วนรวม พัฒนาองค์กร
▪ มองเห็นปัญหาของชุมชน และต้องการแก้ปัญหาให้ ▪ พึงพอใจที่เห็นชุมชนเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางของ
ลลุ ่วง ความเจริญงอกงาม
▪ เชื่อมโยงผู้คน ต้นทุน ทรัพยากร จากคนกลุ่มต่างๆ ให้ ▪ ยินดีสนับสนุนทรัพยากรหรือทักษะความชานาญ
เข้ามาทางานร่วมกันเพื่อแกป้ ัญหาและพฒั นาชุมชน สว่ นตัวเพอ่ื ผลลัพธ์ทเ่ี กิดขึ้นร่วมกนั
วฒั นธรรมองคก์ ร เครือ่ งมอื กลไก โครงสร้างการทางาน
▪ มองเห็นศักยภาพของภาคส่วนต่างๆชุมชน และหาวิธี และการเชือ่ มโยงกับประเด็นทางสงั คม
เช่ือมโยงภาคส่วนต่างๆให้เขา้ มาทางานรว่ มกนั ▪ การหา pain point หรือมองเห็นปัญหารว่ มเพือ่
▪ ให้ความสาคญั กับความเช่ือมั่นและไว้วางใจซ่ึงกันและ ออกแบบการทางาน เชน่ สารวจความต้องการชมุ ชน
กัน ▪ การมีพน้ื ท่ี ประเดน็ หรอื เคร่อื งมอื ในการทางาน
▪ มีส่วนรว่ มและเปน็ ห้นุ ส่วนในการพฒั นา ร่วมกันของกล่มุ คนหรอื ภาคส่วนตา่ งๆ ท้ังรฐั และภาค
ประชาชน
▪ การเสริมพลงั อานาจ (empower) ให้สมาชิก ทัง้ ด้าน
ความรู้ ศกั ยภาพ และเครือข่าย เพ่อื เพ่มิ
ความสามารถในการจดั การและพึง่ ตวั เองอยา่ งยงั่ ยืน
▪ การใหค้ วามสาคญั กบั ตน้ ทุนและจุดแข็งของชมุ ชน
และเลือกรบั ปรับใช้ ตัวอย่างจากทอี่ น่ื ๆใหเ้ หมาะกับ
ชุมชน
▪ การมีนวตั กรรมในการเพ่มิ คณุ คา่ /มลู ค่าใหช้ ุมชน และ
เชื่อมโยงกบั ตลาดท่กี ว้างและหลากหลาย
▪ การสอ่ื สาร ประชาสมั พนั ธ์ เพ่อื เพม่ิ การรับร้ขู องสังคม
และขยายโอกาสใหม่ในการพัฒนาชมุ ชน
▪ การทางานรว่ มแบบสหวทิ ยาการเช่อื มโยงทง้ั ภายใน
และภายนอกชุมชน
▪ การชกั ชวนหรือสร้างคนรนุ่ ใหม่ใหม้ าทางานรว่ มกัน
156
ในระดับเครือข่าย พบปัจจยั แต่ละเสีย้ วสว่ นเพิ่มขนึ้ จากระดับองคก์ รและชมุ ชนอยา่ งน้อยดังน้ี
ผู้นา สมาชกิ
▪ กล้าหาญ พร้อมเผชิญความขัดแย้งกับผู้เห็นต่าง และ ▪ เห็นด้วยกับแนวทาง หลักการ หรืออุดมการณ์ร่วมกัน
แสวงหาทางออกแบบสันติวิธี ของเครือขา่ ย
▪ มองเห็นความเชื่อมโยงของระบบและโครงสร้างต่างๆ ▪ มองเห็นเป้าหมายร่วมในการเปล่ียนแปลงสังคมไปใน
ในสังคม และต้องการการเปลี่ยนแปลงสังคมไปใน ทศิ ทางของความเจรญิ งอกงาม
ทิศทางท่ีเจริญงอกงามมากขึ้น ท้ังในวิถีปฏิบัติ ▪ เป็นผู้เล่นสาคัญในส่วนท่ีตนมีศักยภาพเพื่อให้เกิดผล
นโยบาย หรือโครงสร้างสงั คม ลัพธ์ตามเป้าหมายของเครอื ข่าย
▪ เป็นตัวแทนหรอื สัญลักษณ์ของเครือข่าย
วฒั นธรรมองคก์ ร เคร่ืองมือ กลไก โครงสรา้ งการทางาน
▪ เน้นความสัมพนั ธ์แนวราบ และการเชื่อมโยงกบั ประเด็นทางสงั คม
▪ สรา้ งความสมดุลของอานาจ เสรมิ พลังคนดอ้ ยอานาจ ▪ การจดั ตัง้ และพัฒนาระบบเครอื ขา่ ยแบบแนวราบ
เพ่ือการกระจายอานาจและสร้างการมีสว่ นรว่ มในการ
ลดอานาจคนทก่ี ดทบั คนอ่ืน เพอื่ ให้เกิดการเรียนรู้ ตดั สินใจและกาหนดทิศทางของเครือขา่ ย
รว่ มกนั ▪ มพี ้นื ท่ีปลอดภัยในการแลกเปลีย่ น การกาหนดคณุ คา่
▪ ใหค้ วามสาคัญกบั การตัดสนิ ใจร่วม การใช้อานาจรว่ ม รว่ ม และเติมพลงั ในกลมุ่ คนทางาน
และการเปน็ เจ้าของร่วม ▪ การเกาะติดสถานการณท์ างสงั คม และมีพื้นที่
ปฏบิ ตั กิ ารทางสังคมร่วมกนั เพอื่ สร้างการเปลยี่ นแปลง
ในระดับต่างๆ โดยดาเนินงานคูข่ นานทงั้ ปฏบิ ัตกิ าร
และการขบั เคลอื่ นนโยบาย
▪ การถอดบทเรียน เรยี นรู้จากขอ้ ผิดพลาด ปรบั เปลี่ยน
กลยทุ ธ์ และสรา้ งวงจรการเรียนรอู้ ย่างตอ่ เนอ่ื ง
▪ การรบั ผิดชอบต้นทุนและแบ่งปนั ทรัพยากรร่วมกัน
▪ การทางานพร้อมกับการส่ือสารเพือ่ สร้างกระแสท่ี
เชอ่ื มโยงกบั เป้าหมายของเครอื ข่าย สร้างแรงกดดนั
ต่อผู้กาหนดนโยบาย และการสร้างการตระหนกั รขู้ อง
สาธารณะ (Public awareness)
▪ การตอ่ รองและเสนอนโยบายทางเลอื ก โดยให้
ความสาคัญกบั กระบวนการพฒั นานโยบายสาธารณะ
หรอื การพฒั นานโยบายจากฐานราก
▪ การเชอื่ มโยงกบั ท้งั ฝ่ายนโยบายรัฐและประชาชนคน
เลก็ คนน้อย รวมท้ังเชอื่ มโยงกบั เครอื ข่ายอืน่ ๆเพ่ือ
157
เสริมพลังกันและกนั ในการสร้างการเปลีย่ นแปลงใน
ลักษณะเปน็ ขบวนการทางสงั คม
เม่ือพิจารณาในแต่ละเส้ียวส่วนของทั้ง 3 ระดับ จะพบคุณภาพที่แผ่ขยายกว้างขึ้น โดยระดับถัดไปจะรวม
คุณภาพระดับกอ่ นหน้าไว้ด้วย
เสย้ี วส่วนที่ 1 ผู้นา
องคก์ ร
▪ ม่ันคงในจดุ ยนื และหลักการ
▪ เขม้ แข็ง ทางานหนกั และมุ่งเปา้ เพื่อความสาเร็จขององคก์ ร
▪ เข้าใจถงึ ความสุขจากการชว่ ยเหลอื แบ่งปัน เพอ่ื ใหเ้ กิดความเจรญิ งอกงามรว่ มกัน
ชมุ ชน
▪ ร้สู ึกร่วมทุกขร์ ่วมสุขกับคนในชมุ ชน เสยี สละ ทางานหนักเพอ่ื สว่ นรวม
▪ มองเห็นปัญหาของชมุ ชน และตอ้ งการแก้ปญั หาให้ลลุ ว่ ง
▪ เช่อื มโยงผคู้ น ต้นทนุ ทรัพยากร จากคนกลุม่ ตา่ งๆ ให้เข้ามาทางานรว่ มกันเพือ่ แกป้ ัญหาและพฒั นาชุมชน
เครอื ขา่ ย
▪ กล้าหาญ พรอ้ มเผชิญความขดั แยง้ กบั ผูเ้ ห็นตา่ ง และแสวงหาทางออกแบบสันตวิ ธิ ี
▪ มองเหน็ ความเชอ่ื มโยงของระบบและโครงสรา้ งตา่ งๆในสงั คม และตอ้ งการการเปลีย่ นแปลงสังคมไปในทิศทาง
ทเี่ จริญงอกงามมากข้ึน ทั้งในวิถีปฏบิ ัติ นโยบาย หรอื โครงสรา้ งสงั คม
▪ เปน็ ตวั แทนหรือสญั ลกั ษณ์ของเครือข่าย
158
เสยี้ วส่วนที่ 2 สมาชกิ
องคก์ ร
▪ ต้องการเป็นส่วนหน่ึงของกจิ กรรมหรอื องค์กรที่เปน็ ประโยชนต์ ่อตนเองและผอู้ ืน่
▪ รับผิดชอบบทบาทหนา้ ทข่ี องตนในฐานะสมาชิกองคก์ ร
▪ ยินดปี ฏบิ ัติตามกฎ ระเบยี บ เงื่อนไข และวัฒนธรรมองคก์ ร และเชื่อถอื ในแนวทางของผนู้ า
ชมุ ชน
▪ รบั รู้ถงึ ศกั ยภาพของตนในฐานะเป็นสว่ นหน่งึ ของการพัฒนาองค์กร
▪ พึงพอใจทเี่ หน็ ชุมชนเปลยี่ นแปลงไปในทศิ ทางของความเจริญงอกงาม
▪ ยนิ ดสี นับสนุนทรพั ยากรหรือทกั ษะความชานาญส่วนตวั เพ่ือผลลพั ธ์ทเ่ี กดิ ขึน้ ร่วมกนั
เครือขา่ ย
▪ เหน็ ด้วยกบั แนวทาง หลักการ หรืออดุ มการณร์ ่วมกนั ของเครอื ขา่ ย
▪ มองเหน็ เป้าหมายร่วมในการเปล่ียนแปลงสังคมไปในทิศทางของความเจริญงอกงาม
▪ เป็นผเู้ ลน่ สาคัญในสว่ นทีต่ นมศี ักยภาพเพอื่ ใหเ้ กิดผลลัพธ์ตามเปา้ หมายของเครือขา่ ย
เสีย้ วสว่ นที่ 3 วฒั นธรรมองคก์ ร
องคก์ ร
▪ รว่ มแรงรว่ มใจ ร่วมทกุ ข์ร่วมสุข กับคนอืน่ ๆในองค์กร
▪ เหน็ คุณคา่ ของการพัฒนาคนและคณุ ภาพชวี ติ แบบเป็นองค์รวม ท้งั มติ ิรา่ งกาย จิตใจ เศรษฐกจิ และสงั คม
▪ ใหค้ วามสาคญั กบั การพัฒนาสงิ่ แวดล้อมอยา่ งยั่งยืนควบคูไ่ ปกบั การพัฒนาคน
ชมุ ชน
▪ มองเห็นศกั ยภาพของภาคสว่ นต่างๆชมุ ชน และหาวิธีเชื่อมโยงภาคส่วนต่างๆใหเ้ ขา้ มาทางานรว่ มกัน
▪ ให้ความสาคัญกับความเช่อื มน่ั และไวว้ างใจซึ่งกนั และกนั
▪ มสี ว่ นร่วมและเปน็ ห้นุ สว่ นในการพฒั นา
เครอื ข่าย
▪ เน้นความสัมพันธ์แนวราบ
▪ สร้างความสมดุลของอานาจ เสริมพลังคนด้อยอานาจ ลดอานาจคนท่ีกดทับคนอื่น เพ่ือให้เกิดการเรียนรู้
รว่ มกนั
▪ ใหค้ วามสาคัญกบั การตัดสินใจร่วม การใชอ้ านาจร่วม และการเปน็ เจ้าของร่วม
159
เสีย้ วสว่ นที่ 4 เครอื่ งมือ วธิ ีการ กลไก และโครงสร้างการทางาน
องคก์ ร
▪ หลักการ รูปแบบกิจกรรม โครงสร้างองค์กร รวมทั้งโครงสร้างความสัมพันธ์ ท่ีส่งเสริมความเจริญงอกงามให้
องคก์ รและสมาชิก
▪ การเอื้ออานวย (facilitator) และเป็นพเ่ี ลี้ยง (coaching) ในการจดั ประสบการณ์และกระบวนการเรยี นรู้ และ
การเสรมิ ศกั ยภาพให้สมาชกิ
▪ การเปิดพ้ืนที่ให้สมาชิกองค์กรมีส่วนร่วมในการกาหนดทิศทางหรือให้ความเห็นสะท้อนกลับต่อทิศทางของ
องค์กร
▪ การจัดการความรู้ และยกระดับเปน็ แหล่งเรยี นรู้ในประเด็นท่ีมศี ักยภาพ เพื่อเชื่อมต่อเครอื ขา่ ยและขยายผล
▪ การระดมทรัพยากรจากแหลง่ ตา่ งๆเพอื่ สรา้ งความย่ังยนื ใหอ้ งคก์ ร
▪ การสือ่ สาร ประชาสัมพนั ธ์ เพอื่ เพิ่มยอดขายหรือการรบั รู้ของสังคมต่อองคก์ ร
▪ การเลอื กเชอื่ มโยงกบั นโยบายรฐั หรือเช่อื มโยงเฉพาะพลังภาคประชาชนก็ได้ โดยเนน้ เสนอตวั อยา่ งที่ดใี นการ
พัฒนาผา่ นความสาเรจ็ ทเี่ ป็นเปน็ รูปธรรม
▪ การสรา้ งผู้นาการเปลีย่ นแปลงเพอ่ื รว่ มพฒั นาองค์กร
ชุมชน
▪ การหา pain point หรอื มองเห็นปญั หารว่ มเพอื่ ออกแบบการทางาน เช่น สารวจความตอ้ งการชมุ ชน
▪ การมพี ื้นที่ ประเดน็ หรือเครือ่ งมอื ในการทางานร่วมกันของกลมุ่ คนหรอื ภาคสว่ นตา่ งๆ ทัง้ รัฐและภาค
ประชาชน
▪ การเสริมพลงั อานาจ (empower) ใหส้ มาชิก ทงั้ ด้านความรู้ ศักยภาพ และเครอื ข่าย เพ่อื เพมิ่ ความสามารถ
ในการจัดการและพึ่งตวั เองอยา่ งยงั่ ยนื
▪ การให้ความสาคญั กบั ตน้ ทนุ และจุดแข็งของชมุ ชน และเลือกรับ ปรับใช้ ตวั อย่างจากทอ่ี นื่ ๆให้เหมาะกบั ชมุ ชน
▪ การมนี วตั กรรมในการเพิม่ คณุ คา่ /มลู ค่าใหช้ มุ ชน และเช่อื มโยงกบั ตลาดทีก่ วา้ งและหลากหลาย
▪ การสอื่ สาร ประชาสมั พันธ์ เพือ่ เพิ่มการรับรู้ของสงั คม และขยายโอกาสใหม่ในการพฒั นาชมุ ชน
▪ การทางานร่วมแบบสหวทิ ยาการเช่อื มโยงทง้ั ภายในและภายนอกชมุ ชน
▪ การชกั ชวนหรอื สรา้ งคนร่นุ ใหมใ่ หม้ าทางานรว่ มกัน
เครอื ขา่ ย
▪ การจดั ตัง้ และพัฒนาระบบเครอื ข่ายแบบแนวราบ เพอ่ื การกระจายอานาจและสรา้ งการมสี ่วนร่วมในการ
ตัดสนิ ใจและกาหนดทิศทางของเครือข่าย
▪ มพี ื้นท่ปี ลอดภยั ในการแลกเปลีย่ น การกาหนดคณุ คา่ ร่วม และเตมิ พลังในกล่มุ คนทางาน
▪ การเกาะตดิ สถานการณท์ างสงั คม และมีพน้ื ที่ปฏบิ ัติการทางสังคมรว่ มกันเพอ่ื สรา้ งการเปลย่ี นแปลงในระดบั
ต่างๆ โดยดาเนนิ งานคขู่ นานทง้ั ปฏิบัตกิ ารและการขบั เคลือ่ นนโยบาย
160
▪ การถอดบทเรียน เรียนรจู้ ากขอ้ ผิดพลาด ปรับเปล่ยี นกลยุทธ์ และสรา้ งวงจรการเรียนรอู้ ย่างต่อเน่ือง
▪ การรับผดิ ชอบต้นทุนและแบ่งปันทรัพยากรร่วมกัน
▪ การทางานพรอ้ มกบั การส่อื สารเพื่อสรา้ งกระแสทเี่ ชอื่ มโยงกบั เปา้ หมายของเครือขา่ ย สร้างแรงกดดันตอ่ ผู้
กาหนดนโยบาย และการสรา้ งการตระหนกั รขู้ องสาธารณะ (Public awareness)
▪ การตอ่ รองและเสนอนโยบายทางเลอื ก โดยใหค้ วามสาคัญกับกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะ หรอื การ
พัฒนานโยบายจากฐานราก
▪ การเชอื่ มโยงกบั ทั้งฝ่ายนโยบายรฐั และประชาชนคนเลก็ คนนอ้ ย รวมทัง้ เช่ือมโยงกบั เครอื ข่ายอ่นื ๆเพอ่ื เสรมิ
พลงั กันและกันในการสร้างการเปล่ยี นแปลงในลักษณะเปน็ ขบวนการทางสงั คม
อย่างไรก็ตาม คุณภาพภายในของแต่ละเสี้ยวส่วนและแต่ละระดับถือเป็นแบบแผนร่วมที่พบได้เป็นปกติในพื้นที่
ศึกษา แต่ในบางพื้นท่ี เราพบการมีคุณภาพภายในของแต่ละเส้ียวส่วนที่เติบโตและแผ่ขยายไปมากกว่าระดับของตัวเอง
ด้วย ซ่ึงพบว่ามีท่ีมาจากพลังงานด้านบวกของผู้นาท่ีมากเป็นพิเศษร่วมกับการได้รับการสนับสนุนเข้ามาในระบบอย่าง
เข้มข้น ทาให้เห็นแนวโน้มของการพัฒนาพื้นท่ีน้ันๆได้อย่างมีชีวิตชีวาและมีโอกาสของความยั่งยืนได้มาก รวมท้ังพบ
ศกั ยภาพในการขยายพนื้ ท่กี ารพฒั นาใหใ้ หญข่ ้ึนตามขนาดของคณุ ภาพทม่ี ดี ว้ ย
3. แบบแผนการเดนิ ทางบนเสน้ ทางการพฒั นา – พึง่ ตัวเองได้ ช่วยเหลือผอู้ ื่น และอยู่ในวิถคี ณุ ธรรม
ใน 9 พื้นท่ีศึกษา ผู้วิจัยพบแบบแผนการเดินทางร่วมกันท่ีสาคัญบางประการบนเสน้ ทางของการพัฒนา ท่ีเน้นให้
พื้นท่ีของตนเกิดการการพึ่งตัวเองได้อย่างย่ังยืน สามารถช่วยเหลือผู้อื่นข้างเคียงและสังคมโดยรวมให้เกิดการพัฒนามาก
ข้นึ และอย่ใู นวถิ ขี องการส่งเสริมมิตดิ า้ นคุณธรรม ดงั นี้
(1) มตี น้ ทุนท่ีเป็นทรพั ยากรภายใน ที่สาคัญคอื เรือ่ งผู้นา ผรู้ ่วมการพัฒนา และทรัพยากรของแต่ละพน้ื ที่ คือ
▪ ปัจจยั ภายในของผนู้ า
- มีความรู้ ความสามารถ และความเป็นมอื อาชพี ในวิถีทางของตน จากประสบการณ์ชวี ิตและงานอัน
ยาวนาน
- มคี วามคิด ความเชื่อ และวิถชี ีวิตดา้ นบวกของความเป็นคุณธรรม
- มองเหน็ วกิ ฤตและภัยคกุ คามในสถานการณท์ ่เี กดิ ขน้ึ และมีความปรารถนาอยา่ งมงุ่ มั่นทจี่ ะสรา้ งการ
เปล่ยี นแปลงเพอ่ื การอยู่รอดและอยรู่ ว่ มได้ดขี นึ้ โดยเป็นประเดน็ ท่เี ชือ่ มโยงกับตามความสนใจและความ
มุ่งมั่นทเี่ ปน็ คุณคา่ และความหมายของชวี ติ
- ให้คุณคา่ และความหมายกับความอย่ดู มี สี ุขแบบองค์รวมและสมดุลท้ังของตนเองและผ้อู น่ื
161
▪ ปัจจยั ภายในผรู้ ่วมการพฒั นา และต้นทุนทรพั ยากรของแตล่ ะพน้ื ท่ี
- มที รัพยากรภายในอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ หรอื หลายอย่างร่วมกนั เช่น ฐานทรัพยากรชวี ภาพ ความรแู้ ละภูมิ
ปัญญา ความศรทั ธา ประวตั ิศาสตร์ที่เปน็ เอกลักษณข์ องตนเอง ความสมั พันธ์แบบเครอื ญาตหิ รือ
เครอื ข่ายร่วมอดุ มการณ์ ความชานาญพิเศษ หรือเงนิ และการสนับสนุนเชิงคอนเนคชั่น
- มพี ลงั ของความร่วมมอื จากการเหน็ ปัญหา มีความทุกขห์ รอื ความต้องการรว่ ม มีเป้าหมายรว่ มกันในการ
แก้ปัญหา และเห็นคุณค่าและความหมายในการเดนิ ไปข้างหนา้ ร่วมกัน
- มเี ปา้ หมายและคุณค่าร่วมกันเรอ่ื งความอยู่ดีมีสุขของชีวติ
(2) ได้รับผลกระทบหรือมีประสบการณ์ตรงจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่เป็นทุกขภาวะ
มีความเปลี่ยนแปลงจนเกิดวิกฤติ หรือเผชิญปัญหาท่ีทาให้วิถีชีวิตหรือการปฏิบัติแบบเดิมๆไปต่ออย่าง
ยากลาบาก จนต้องพยายามดนิ้ รนปรบั ตวั เพอ่ื ชว่ ยเหลือตนเองและผอู้ ืน่ ไปพร้อมกนั
(3) ในการเดินทางบนเสน้ ทางพัฒนา พบแบบแผนรว่ มกันดงั นี้
▪ ระดับโลกทศั น์
- ให้ความสาคัญกับการทางานเพื่อเปล่ียนแปลงความคิดเบ้ืองลึก อคติ ความเข้าใจผิด ความเอาเปรียบ
และความไม่เป็นธรรมของผูค้ นและสังคม
- ให้ความสาคัญกับการให้คุณคา่ และความหมายต่อส่งิ ต่างๆ เน้นคุณคา่ ของความจริง และการมีชีวิตทาง
สงั คมร่วมกบั ผอู้ ่นื อย่างเขา้ ใจและกรณุ า
▪ ระดบั วิธีคิด
- ทศิ ทางและเป้าหมายของการขบั เคลอ่ื นการพฒั นาอย่ทู กี่ ารมชี วี ติ ทด่ี ี มีความสขุ และพ่ึงตนเองได้
- มีวิธีคิดเชิงระบบ มองเห็นการเช่ือมโยงและผลสะท้อนซึ่งกันและกันต้ังแต่ภายในตัวเอง สู่ครอบครัว
องคก์ ร เครือข่าย ชมุ ชน สงั คม จนถึงประเทศชาติในภาพใหญ่
▪ ระดบั แบบแผนการทางาน
- มีเครื่องมือและหลักการในการวิเคราะห์ปัญหาและสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึนอย่างชัดเจนทั้งภายในและ
ภายนอก สามารถเหน็ ภาพรวมของขอ้ มลู รู้จุดออ่ นจุดแข็งของตวั เอง และเข้าใจภาพกวา้ ง
- ได้รับการเติมเต็มจากการมองเห็นและสะท้อนมุมมองจากคนนอกที่เข้าใจ มีความรู้และความชานาญ
ดว้ ยท่าทีของกัลยาณมิตร
- ใช้ความรู้ ทักษะ และเทคนิควิธีเฉพาะทาง รวมท้ังความรู้แบบเป็นวิทยาศาสตร์ และภูมิปัญญาทาง
วัฒนธรรมรว่ มกนั
- แสวงหาและได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภายนอกพ้ืนท่ีหลากหลายภาคส่วน ท้ังภาครัฐ เอกชน
มหาวิทยาลัย เอ็นจีโอ และภาคประชาสังคมในมิติต่างๆ เพ่ือให้ได้เงินทุน ทรัพยากร โอกาส ความรู้
นโยบายที่เปดิ กว้างขึ้น และการทางานรว่ มกนั เพอื่ ใหส้ ามารถทางานไดอ้ ย่างยัง่ ยืน
162
- สร้างการมีส่วนร่วมจากหลากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะจากคนเล็กคนน้อยที่เคยถูกมองข้ามไปใน
กระบวนการพัฒนา เช่น นกั บวช ผสู้ ูงอายุ ผู้หญิง เยาวชน ครอบครัว และพลงั ของชุมชนชนบท
- สรา้ งโครงสรา้ ง กระบวนการทางาน หลักการ และกระบวนการเรียนรู้แบบใหม่ โดยเนน้ การใชอ้ านาจ
รว่ ม โปรง่ ใส ตรวจสอบได้ ซอ่ื สัตย์ และสรา้ งความไว้วางใจ ความเชอ่ื มนั่ ในกนั และกนั เพือ่ เอ้อื ใหเ้ กดิ
การทางานแบบใหม่ที่เป็นอสิ ระและกา้ วพ้นขอ้ จากัดเดมิ ที่มี
- สรา้ งโอกาสและใหค้ วามสาคัญกบั การส่ือสารในส่งิ ที่ทาเพ่ือการเรยี นรู้รว่ มกนั ของสงั คม
▪ ระดับวธิ ีการทางาน
- ลองผิดลองถูกด้วยความอดทนและเอาจริงเอาจัง ทาไปเรียนรู้ไป โดยยึดกุมเป้าหมาย หลักการ แต่
ปรบั เปล่ียนวิธกี ารได้
- เน้นการพึ่งตัวเองให้ได้ทางเศรษฐกิจ เช่น ต้ังองค์กรกิจการเพื่อสงั คม วิสาหกิจชุมชน เขียนโครงการขอ
ทุนสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ เป็นพันธมิตรกับผู้มีทรัพยากร หรือการขอมาตรฐานและการรับรอง
จากหน่วยงานการรับรองทไ่ี ดร้ บั การยอมรบั เพ่อื ใหข้ ยายตลาดไดก้ ว้างขึ้น
- สร้างพ้ืนท่แี ละกระบวนการเรยี นรูท้ ี่ง่าย สรา้ งสรรค์ เปิดกวา้ ง และเหมาะกับพืน้ ท่ีของตน เพื่อเสรมิ พลงั
และเชอ่ื มต่ออุดมการณก์ ันระหว่างบุคคล กล่มุ และรุ่น เพื่อเชอื่ มโยงองคาพยพตา่ งๆเขา้ ดว้ ยกันอยา่ ง
พยายามเข้าใจข้อจากดั ของทุกฝ่าย
- สร้างให้เกิดการปฏิบัติและปฏิบัติการที่มีชีวิตชีวา โดยมุ่งเน้นให้เกิดทั้งแรงบันดาลใจ ความรู้ ทักษะ
ความสามารถ และเพ่มิ พูนความสมั พันธท์ ่ีดีของกล่มุ และเครือข่าย
- มกี ารดแู ลกนั ของสมาชกิ แบบทัง้ แบบเป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการและแบง่ บทบาทหน้าท่ีกนั ชดั เจน
- ใช้เคร่ืองมือและวิธีการต่างๆเพ่ือสร้างความรู้และความสมั พันธ์ในกระบวนการทางาน เช่น การวิจัยเชิง
ปฏบิ ัตกิ ารแบบมีสว่ นร่วม การถอดบทเรียนการทางานแบบเสรมิ พลัง และประเมนิ ผลเพือ่ การพัฒนา
- ใชพ้ ลังร่วมของภาคสว่ นต่างๆในระบบ โดยเรม่ิ จากงานเลก็ ๆ เพ่อื สร้างความสาเร็จและพงึ พอใจในการ
ทางานร่วมกัน และเปน็ แรงบันดาลใจใหท้ างานร่วมกันต่อไปในอนาคต
(4) ในพนื้ ที่ศกึ ษา พบสิ่งท่เี กดิ ขนึ้ ระหวา่ งเส้นทางของการเดินทางทีมลี ักษณะรว่ มกันดังนี้
- ความปิติสขุ จากการไดช้ ่วยเหลอื คนอ่นื จากความสามารถของตวั เอง และเหน็ คณุ คา่ ในส่ิงทตี่ วั เองมอี ย่าง
ยงิ่
- ความเชอื่ ม่นั วา่ การเปลี่ยนแปลงเกิดขน้ึ ได้จรงิ และเชอื่ มัน่ ในศกั ยภาพของมนษุ ย์ในการรว่ มกนั สรา้ งการ
เปล่ยี นแปลง
- การเห็นคุณคา่ ของความสามคั คี สมานฉนั ท์ และพ่งึ ตัวเองได้ วา่ เปน็ ฐานท่ีสาคญั ของการพัฒนา
163
- การเห็นความสาคัญและความตอ้ งการการเรียนร้รู ่วมกัน และการพฒั นาศกั ยภาพผู้นาให้เกดิ ปญั ญา
เข้าใจสถานการณ์ซับซ้อนของปญั หา หลอมรวมกับความแตกตา่ งหลากหลายโดยลดอคตแิ ละการยดึ ตดิ
ตวั ตน มศี กั ยภาพและแรงบันดาลใจในการทางานร่วมกันอยา่ งแนว่ แน่
- การสรา้ งสรรคพ์ ้นื ทใ่ี หมๆ่ ท่ีไมเ่ คยเกิดมากอ่ นหลากหลายรูปแบบ ทงั้ พื้นทรี่ ูปธรรมและแพลตฟอร์ม
ออนไลน์ใหมๆ่ วิธกี ารทางานแบบใหม่ การเชอื่ มโยงผ้คู นกล่มุ ใหม่ เครอื่ งมอื ใหม่ๆ และผลลัพธใ์ หมๆ่ ท่ี
ไม่เคยเกิดขึ้นมากอ่ น
- เครือขา่ ยการทางานขา้ มกลุ่ม ขา้ มวัย และมาจากภาคส่วนต่างๆของผมู้ สี ว่ นได้เสยี ที่มเี ป้าหมายร่วม
และทางานรว่ มกนั แบบกลั ยาณมติ ร และเกิดการเปลยี่ นแปลงในทางบวกในทศิ ทางของการพึง่ ตวั เองได้
ในดา้ นต่างๆ
- การตอ้ นรบั และชกั ชวนเยาวชนเขา้ มาเป็นกาลงั สาคญั ในการพฒั นา
- การตอบรับของกลมุ่ คนท่ีกวา้ งขึน้ และมพี นื้ ทกี่ ารทางานขยายขึน้ แต่ยงั ไม่เป็นกระแสหลกั ของสงั คม
- เกิดแรงเคลอื่ นในการทางานไปขา้ งหนา้ อยา่ งตอ่ เนื่อง ไม่หยดุ นิง่ ทา่ มกลางสถานการณ์ทเี่ ปล่ียนแปลง
และโอกาสท่เี ป็นไปได้ โดยพยายามขยายการเชือ่ มโยงกบั ภาครฐั วิชาการ หรือมวลชนวงกว้าง เพื่อ
ผลกระทบที่กวา้ งขนึ้
- การพยายามหาทุน นโยบาย ตวั ช้ีวดั และการสนบั สนนุ ต่างๆเพื่อใหก้ ารพฒั นาจากฐานรากเปน็ ไปได้
อยา่ งยง่ั ยืน
- ในส่วนชมุ ชน ทศิ ทางการพฒั นาสาคัญทีพ่ บรว่ มกนั คือ การท่องเทยี่ วเชิงนเิ วศและวิถีชุมชน การเปน็
แหลง่ เรยี นรู้ การขายผลิตภัณฑช์ ุมชน เพื่อพ่ึงตวั เองไดท้ างเศรษฐกิจ โดยใช้วฒั นธรรมและวถิ ชี ีวิตเป็น
ตัวเพ่ิมมูลคา่
- คุณธรรมสาคญั หลายประการทเี่ จรญิ งอกงามขนึ้ ระหวา่ งเสน้ ทางการพัฒนา เชน่
o การทาหน้าทข่ี องมนษุ ยใ์ ห้สมบูรณ์
o การใช้ชีวติ ท่ถี กู ตอ้ ง และการทางานทถ่ี ูกตอ้ ง
o ความศรทั ธาและมุ่งม่นั ทงั้ ในหลกั ของศาสนาหรอื อุดมการณ์การพัฒนาทเ่ี ขา้ ใจแก่นแท้ และ
มุ่งส่กู ารปฏิบตั ใิ หเ้ กิดผลจริงเพอ่ื ประโยชนสฺ ุขของสว่ นรวม
o ความรกั การไมเ่ บยี ดเบยี น การให้ และการแบง่ ปนั
o การอยูร่ ่วมกนั ของคนกล่มุ ตา่ งๆอยา่ งสุขสมั พันธ์ ดว้ ยความสนับสนนุ ใส่ใจ และดูแลกัน เพอ่ื
ความเจรญิ งอกงาม
o การเดินทางบนเส้นทางการพัฒนาร่วมกนั ของผคู้ นท่ีหลากหลาย
164
ข้อเสนอแนะต่อศูนยค์ ณุ ธรรม
ผู้วิจัยขอเสนอแนวทางสนับสนุนการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์การดาเนินงานของศูนย์คุณธรรรมในการทางานเพ่ือ
สร้างระบบนเิ วศมนุษยเ์ พ่ือพฒั นาพน้ื ทีด่ า้ นคณุ ธรรม 5 ประการ ดังนี้
1. ให้ความสาคัญกับการทางานกับ “คุณธรรม” ซ่ึงเป็นประเด็นนามธรรมและเป็นแก่นแกนของพลังงานด้าน
บวกที่อยู่ในระบบนิเวศหนึ่งๆ อย่างสมดุลกับการให้ความสาคญั กับประเด็นรูปธรรมที่จับต้องได้ง่ายกว่าดังท่ี
ทากันอยู่ในการทางานกระแสหลกั และเชื่อมั่นว่าการทางานร่วมกันของพลงั ท้ังนามธรรมและรปู ธรรมจะทา
ให้เกิดผลลัพธ์ใหม่ที่แตกต่าง มีประสิทธิภาพดีข้ึน คนทางานมีความสุขขึ้น เกิดเป็นระบบมีชีวิตท่ีสามารถ
เคล่ือนตัวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน รวมท้ังสามารถปรับเปล่ียนและรับมือกับสถานการณ์ผันผวนของโลก
ปจั จบุ ันได้ดีกวา่ เดิม
2. เปดิ รับการให้ความหมาย การมีประสบการณ์ และความหลากหลายของประเด็น “คุณธรรมในความหมายที่
กว้างขึ้น” มากกว่าคุณธรรม 5 ประการท่ีเป็นตัวชูโรงในปัจจุบัน โดยให้ความสาคัญเป็นพิเศษกับประเด็น
คุณธรรมท่สี นับสนนุ ใหเ้ กิดการจัดระบบการอยรู่ ว่ มกันแบบสขุ สัมพันธ์ การเชอ่ื มโยงกับการเข้าถงึ คณุ คา่ และ
ความหมายของตนเองและผอู้ ืน่ และการมีพฤติกรรมทีม่ ุ่งสู่ความงอกงาม ความดี และสันติสุขร่วมกันท้งั ของ
ตนเองและสังคม
3. ยอมรับและสนับสนุนความหลากหลายของรูปแบบและประเด็นการพัฒนาที่ก่อตัวข้ึนในพ้ืนที่ต่างๆอย่าง
อิสระ ตามอัตลักษณ์ ประวัติศาสตร์ ต้นทุนทรัพยากร และความต้องการในการพัฒนาของพื้นที่ ในทิศทาง
ของ “การสร้างเจดีย์จากฐานราก” โดยไม่มุ่งเน้นการหาโมเดลกลางเพื่อกระจายเป็นแนวทางการพัฒนา
รปู แบบเดยี วกนั สาหรบั ทกุ พ้ืนทีแ่ ละทุกประเด็น
4. มีบทบาทหลักในการเป็นสะพานประสานเชอ่ื มโยงและสนับสนุนภาคส่วนต่างๆให้เขา้ มารว่ มเป็นหนุ้ ส่วนการ
พัฒนาแบบกัลยาณมิตรในการสร้างระบบนิเวศมนุษย์เพื่อพัฒนาพื้นท่ีด้านคุณธรรม โดยเน้นความเป็นผู้นา
ร่วม การกระจายอานาจ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซ่ือสัตย์ และสร้างความไว้วางใจ ความเชื่อม่ันในกันและกัน
เน่ืองจากในทุกจุดท่ีมีการประสานเชื่อมโยงแบบกัลยาณมิตร คุณธรรมและพลังงานด้านบวกจะเกิดขึ้นที่นั่น
โดยเชอื่ มโยงกบั ฝ่ายตา่ งๆ เชน่
(1) หนว่ ยงานวิชาการ เอน็ จโี อ หรือหนว่ ยงานอืน่ ๆที่ทาหนา้ ท่ีเป็นพีเ่ ลี้ยงในการพัฒนา
- เพื่อสนับสนุนความรู้ เคร่ืองมือ และกระบวนการเรียนรู้ให้กับพ้ืนที่ ในการทาความเข้าใจ
สถานการณ์ที่เป็นอยู่ทั้งภายนอกและภายใน มองเห็นภาพรวม เข้าใจระบบและความซับซ้อนของ
ปัญหาท่ีเผชิญ สร้างพ้ืนที่ให้ฝ่ายต่างมาร่วมคุย ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ มีเป้าหมายร่วม ร่วมกัน
ดาเนินการ รวมทั้งเป็นที่ปรึกษา สะท้อนมุมมอง เสริมศักยภาพผู้นา และร่วมเป็นพี่เลี้ยงในการ
ดาเนนิ งานในพนื้ ท่ที ตี่ ้องการสิ่งเหล่านี้
165
- เพ่ือมองหาและศึกษากรณีตัวอย่างท่ีดี และส่งต่อความรู้กลับสู่พื้นท่ี เครือข่ายร่วมพัฒนา และ
สังคมวงกว้าง เพื่อเสริมพลังด้านบวกใหท้ งั้ พน้ื ที่และภาคส่วนอ่ืนๆด้วย
(2) หน่วยงานสนบั สนุนงบประมาณและทรพั ยากรในกระบวนการทางานของพนื้ ท่ที ่ีต้องการ และสนับสนุน
การสร้างสัมมาชีพเพ่ือดูแลตัวเอง ท้ังจากภาคธุรกิจ หน่วยงานรัฐ และแหล่งทุนต่างๆ เพ่ือทาให้พ่ึงพา
ตนเองได้ สร้างความคลอ่ งตวั ในการทางาน และทางานไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ งและย่งั ยืน
(3) หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานด้านโยบายท้ังสว่ นกลาง ท้องที่ และถ่ิน เพ่ือสร้างความเข้าใจถึงแกน่
แกน หลักการ และวิธีการท่ีมีประสิทธิภาพของสร้างระบบนิเวศมนุษย์เพ่ือพัฒนาพ้ืนท่ีด้านคุณธรรม
และสร้างความเข้าใจให้หน่วยงานต่างๆ มีนโยบายในการสนับสนุนการพัฒนาของพื้นท่ีระดับต่างๆใน
ฐานะห้นุ สว่ นการพฒั นาท่เี ป็นกลั ยาณมิตร
(4) หน่วยงานด้านการส่ือสาร เพ่ือขยายโอกาสและมวลปริมาณของการเรียนรู้ในประเด็นน้ีให้สังคม
ขณะเดียวกันก็เป็นสร้างการเป็นท่ีรู้จักและได้รับการยอมรับให้กับงานของพ้ืนท่ี ซ่ึงเป็นการเสริมพลัง
การทางานไดอ้ ย่างดี
(5) ภาคส่วนอ่ืนๆ โดยเฉพาะจากคนเล็กคนน้อยท่ีเคยถูกมองข้ามไปในกระบวนการพัฒนา เช่น นักบวช
ผู้สูงอายุ ผู้หญิง เยาวชน ครอบครัว และพลังของชุมชนชนบท ให้เข้ามาร่วมกระบวนการทางาน ร่วม
เป็นพลังของเรยี นรูแ้ ละพัฒนาไปพรอ้ มกนั
5. ลงมือทางานระดับพื้นที่ร่วมกับฝา่ ยต่างๆ เพื่อเป็นตัวอย่างพ้ืนที่ปฏบิ ัติการร่วม ทั้งระดับองคก์ ร ชุมชน และ
เครือข่าย อย่างละ 1-2 พื้นท่ี เพ่ือสร้างการเรียนรู้ร่วมกันจากการปฏิบัติจริง ซ่ึงจะพัฒนาให้เกิดความรู้และ
ความชานาญร่วม เกิดความสาเร็จที่ชัดเจนจากการสานพลังการทางาน เกิดความสุขจากการเรียนรู้ร่วมกัน
และการเสรมิ พลงั ซ่งึ กันและกนั ของคนทางาน
ทางไปตอ่ ร่วมกนั
สาหรับผวู้ ิจัย “ส่ิงสาคญั ที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา” หากคอื พลงั งานที่ไหลเวียนและเช่ือมโยงอยู่ในแผนภาพท้ังหมด
เป็นพลังงานท่ีก่อเกิดจากบุคคลท่ีมีปฏิสัมพันธ์กัน ด้วยความพยายามที่จะสร้างโครงสร้างท้ังรูปธรรมและนามธรรมของ
พ้ืนท่ีให้เป็น “สุขสัมพันธ์” เพื่อให้ผู้คนและส่ิงแวดล้อมในพื้นท่ีนั้นๆเติบโตและเจริญงอกงามขึ้นร่วมกัน ผู้วิจัยรับรู้ได้ถึง
พลังงานท่ีแน่วแน่ มั่นคง แต่สามารถเคล่ือนที่เคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียว มีความเหน็ดเหน่ือย แต่ก็ร่าเริง มีปีติ และมี
ความเชื่อมนั่ ในส่งิ ทที่ า เช่ือม่ันในทศิ ทางท่ีกาลังเดินไป และเชื่อมั่นในเพอื่ นร่วมทางท่กี าลังเดินทางไปขา้ งหน้าดว้ ยกัน อาจ
คล้ายเป็นภูเขาลูกโดดที่ปักหลกั อยู่ไม่ไกลกนั ท้ังยังคล้ายหมมู่ วลของสายน้าในลาธารต้นน้าท่ไี หลแรงและมุ่งพัดพาสิง่ ต่างๆ
ไปขา้ งหนา้
166
โมเมนต์สาคญั ท่ีสุดช่วงหน่ึงในการทางานวจิ ัยชนิ้ น้ี เกิดข้ึนเม่ือเกบ็ ขอ้ มูลพนื้ ฐานไปสักระยะหนึ่ง แล้วผวู้ ิจัยพบวา่
การสร้างระบบนิเวศของสังคมสมองส่วนหน้าน้ันต้องทุ่มเททรัพยากรมหาศาลลงไปในระบบ เพ่ือพลิกกระแสของระบบ
นิเวศมนุษย์ที่กาลังวิกฤตในปัจจุบันให้กลับมาเพื่อเป็นระบบท่ีช่วยสร้างจิตสานึกใหม่ให้ผู้คน ผู้วิจัยจึงเฝ้ารอวันท่ีจะได้
สัมภาษณ์พี่แหม่ม คุณนุชนารถ แท่นทอง ท่ีปรึกษาเครือข่ายสลัมส่ีภาค ซึ่งเป็นกลมุ่ ทางานท่ีมีทรัพยากรทุกด้านน้อยท่ีสุด
เมื่อเทียบกับพื้นที่ศึกษาทั้งหมด ด้วยคาถามสาคัญท่ีเตรียมไว้คือ “พ่ีแหม่มและพี่น้องชาวสลัมส่ีภาค ซ่ึงมีต้นทุนชีวิตน้อย
ท่ีสุด มีความป่วยไข้และขาดแคลนมากท่ีสุด ทาอย่างไรจึงจะมีทรัพยากรเพียงพอในการทางานเครือข่าย ซึ่งสามารถเป็น
พื้นท่สี ่งเสริมคุณธรรมดว้ ย”
พ่ีแหม่มยอมรับถึงความมีต้นทุนชีวิตน้อยท่ีสุด และมีความป่วยไข้และขาดแคลนมากที่สดุ และตอบคาถามน้ีด้วย
คาตอบทผี่ วู้ ิจยั แทบไม่เชือ่ หูตวั เอง “พเ่ี ห็นความหวงั อยูท่ ุกที่” และ “เรามองหาอะไรก็จะเหน็ ส่งิ นนั้ ”
คาตอบของพ่ีแหม่ม เป็นคาตอบเดียวกับคาตอบของ นพ.ประเวศ วะสี ท่ีเคยมีคนถามท่านว่า ทาไมท่านจึงยัง
ทางานเพื่อสงั คมมายาวนานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ท่านตอบว่า “ผมเห็นความหวังอยู่ทุกทีท่ ี่ไป โดยเฉพาะในชุมชนข้างล่าง
เพราะชุมชนเป็นที่อย่ขู องศีลธรรมและคุณธรรม”
ท้ังสองคาตอบ จากคนสองคนท่อี ยู่กันคนละปลายสุดของสถานะทางสังคม แต่มีหัวใจเดียวกนั มองหาสิง่ เดียวกัน
และลงมือทาเพื่อเป้าหมายเดียวกัน จึงไม่แตกต่างกันเลย การร่วมกันสร้างพื้นท่ีที่มีสุขสัมพันธ์ ซึ่งเกิดจากการมีส่วนร่วม
ความสมั พันธ์แนวราบ ความเห็นอกเห็นใจและร่วมทุกข์สุข โดยออกแบบกลไก โครงสร้าง นโยบาย และสง่ิ แวดล้อมที่เอ้ือ
ต่อการสง่ เสริมคุณธรรมและความเจริญงอกงามของคนท้ังหมดและสง่ิ แวดลอ้ มทั้งหมดอย่างเป็นองค์รวม จึงเป็นสิง่ สาคัญ
ที่สุด เพราะ “ชีวติ ยอ่ มเป็นไปตามโครงสร้างทร่ี องรบั ชีวติ ไว้”
ข้อค้นพบและข้อเสนอแนะท่ีนาเสนอสาหรับ “การสร้างระบบนิเวศมนุษย์เพื่อขับเคล่ือนคุณธรรม” น้ียังมีที่ว่าง
อีกมากในการเรียนรู้ เติมเต็ม และปรับเปล่ยี นข้อมูลระหว่างการเดินทาง เพื่อให้เหมาะกับเส้นทางและภมู ิประเทศของนกั
เดินทางแต่ละคน แต่ละกลุม่ ในบริบทต่างๆ ซ่ึงจะมีท้ังส่วนร่วมเดียวกันกับแผนท่ีหรือโมเดลน้ี และมีสว่ นต่อเติมเฉพาะตัว
ที่แตกต่างกันออกไป เพื่อสร้างแผนที่และโมเดลท่ีสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ สาหรับสายธารของมวลมิตรท่ีกาลังเดินทางตามมา
อยา่ งตอ่ เน่ือง
ในขบวนการเดินทางน้ี เราอาจเป็นนกั เดนิ ทาง นกั สารวจ นกั เลา่ เรอ่ื ง ผ้สู นบั สนนุ และให้กาลงั ใจ หรอื เป็นส่ิงอนื่ ๆ
ได้อีกมากมายในขบวนอันหลากหลายและกว้างใหญ่น้ี สง่ิ สาคัญคือการตระหนักว่า การเดินทางในการขับเคลื่อนคุณธรรม
และการสร้างระบบนิเวศมนุษย์เพ่ือขับเคลื่อนคณุ ธรรม สามารถเกิดขึ้นได้ทันที ที่น่ี และเดี๋ยวนี้ และจะเติบโต พัฒนาการ
และวิวฒั นาการไปตามแรงผลักธรรมชาตแิ ละการรว่ มกันรดนา้ พรวนดนิ ของเรา
เพราะถา้ ไม่เกิดขน้ึ ทีน่ แี่ ละเดย๋ี วนี้ กจ็ ะไมม่ ที อ่ี ่นื ใดใหเ้ กิดขึ้นอีก
167
บรรณานกุ รม
ภาษาไทย
กรนทั สรุ พัฒน.์ (2556). กระบวนกรแนวจติ ตปัญญาศกึ ษา : การเปลยี่ นแปลงภายในตน บนเส้นทางสชู่ ีวติ ที่หลอมรวม.
(วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบัณฑติ ). มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล.
เกศราภา ถนอมศักด.์ิ (2560). การวจิ ัยนารอ่ งเพอ่ื ศึกษากระบวนการเรียนร้เู พื่อการเปลยี่ นแปลงบนโลกออนไลน์.
(วิทยานิพนธป์ รญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบัณฑติ ). มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล.
คาปรา้ , ฟริตจอ๊ ฟ. (2553). โยงใยท่ีซอ่ นเรน้ [The hidden connections] (พมิ พ์ครัง้ ที่ 3) (วศิ ษิ ฐ์ วงั วิญญู, ณัฐฬส วงั
วิญญู และสวา่ ง พงศ์ศริ พิ ฒั น,์ แปล). กรุงเทพฯ: สวนเงินมมี า.
เครือข่ายวิชาการ PEACE SURVEY. (2563). การแถลงผลการสารวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกระบวนการสันติภาพ
จังหวัดชายแดนภายใต้ ครั้งที่ 5 (เอกสารประกอบ). กรุงเทพฯ: สานักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบัน
พระปกเกล้า.
จารปุ ภา วะสี. (2556). บนเสน้ ทางชวี ติ ภายในของหมอประเวศ เสน้ ทางสคู่ วามสขุ ของคนท้งั หมด. (วิทยานพิ นธ์ปริญญา
ศลิ ปศาสตรมหาบัณฑติ ). มหาวทิ ยาลัยมหิดล.
จิรวุฒิ พงษ์โสภณ. (2561). ความเป็นผู้พ่ายแพ้ในระบบการศึกษา : อัตชาติพันธ์ุวรรณนาผ่านชีวิตผู้วิจัย. (วิทยานิพนธ์
ปริญญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ ). มหาวิทยาลัยมหิดล.
ชรรนิ ชร เสถียร. (2551). การเติบโตภายในบนเส้นทางความเปน็ แมข่ องฉนั . (วทิ ยานพิ นธ์ปริญญาศลิ ปศาสตรมหาบัณฑติ ).
มหาวทิ ยาลัยมหิดล.
ชลลดา ทองทวีและคณะ. (2551). โครงการวจิ ยั และจดั การความรูจ้ ติ ตปญั ญาศกึ ษา. (รายงานผลการวจิ ยั ). นครปฐม:
ศนู ยจ์ ิตตปัญญาศึกษา มหาวทิ ยาลยั มหิดล.
ซายองค์, อาร์เธอร์. (2556). กระบวนการภาวนาศกึ ษา เม่อื ความรแู้ ปรเป็นความรัก [Meditation as contemplative Inquiry
When Knowing becomes Love] (พนิ ทุสร ตวิ ุตานนท์, แปล). กรงุ เทพ: สวนเงินมีมา.
นงนุช ศรีสุข. (2556). เครือข่ายสลัม 4 ภาคกับการเคล่ือนไหวเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตสาหรับคนจนเมืองในเขต
กรุงเทพมหานคร (ปรญิ ญานพิ นธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑติ ). กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั เกริก.
ปกรณ์ สงิ ห์สุริยา. (ม.ป.ป.). คุณธรรมสาหรบั สงั คมไทยปจั จบุ ัน การประยกุ ต์มโนทศั นเ์ ชงิ จริยศาสตร์สมู่ าตรฐานและ
กระบวนการขับเคลอ่ื น (รายงานผลการวจิ ัย). นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล.
ปฏิพัทธ์ อนรุ กั ษธ์ รรม. (2560). หันหน้าหากนั กอ่ นถงึ วันจากลา : การสนทนาเรื่องความตายในครอบครัวของฉนั .
(วิทยานิพนธ์ปรญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลยั มหดิ ล.
ประภาพร อนุมานไพศาล. (2559). ภาพสะท้อนในตวั ฉันผ่านบทสนทนากับผตู้ ้องขงั ชายในโลกบางขวาง. (วทิ ยานพิ นธ์
ปริญญาศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต). มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล.
168
ประเวศ วะสี. (2551). หนงั สอื รวบรวมบทความการประชุมวิชาการประจาปี 2551 เรอื่ งจิตตปัญญาศกึ ษา การศึกษาเพื่อ
พัฒนาความเป็นมนษุ ย์. กรงุ เทพฯ: โครงการศนู ยจ์ ิตตปัญญาศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหิดล.
ประเวศ วะส.ี (2552). กระบวนการนโยบายสาธารณะ (Public Policy Process) (พิมพค์ รงั้ ที่ 3). กรงุ เทพฯ: บรษิ ัท บี
ยอนด์ พบั ลิสชงิ่ จากัด
ปาล์มเมอร์, ปารก์ เกอร์ เจ. (2556). กล้าทจ่ี ะสอน [The Courage to teach: Exploring the Inner Landscape of a
teacher ‘s Life] (เพญ็ นภา หงษท์ อง และณฐั ฬส วงั วญิ ญู, แปล). กรงุ เทพ: สวนเงินมมี า.
พฤติพร จินา, ภูรินท์ ทองแดง, กชกร ดอกแก้วนาค, ทิพย์มณี แก้วหล้า, อัจฉรา บุญมาทอง, ธีธัช ก๋ากาศ, ... พงศกร กา
วิชัย. (2564). โครงการพัฒนาอาสาสมัครเยาวชนนักวิจัยคนรุ่นใหม่เพื่อสนับสนุนงานเศรษฐกิจชุมชนบนฐาน
นิเวศน์ลุม่ น้าแม่ทาอย่างมีส่วนร่วม (รายงานการวิจัย). ม.ป.ท.: สานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสขุ ภาพ
(สสส.) และสานกั งานคณะกรรมการส่งเสริมวทิ ยาศาสตร์วิจยั และนวัตกรรม (สกสว.).
มนทพิ ย์ กิจยง่ิ โสภณ. (2558). ทุนทางสังคมของชมุ ชน : ศกึ ษากรณี หมบู่ ้านแอโก๋-แสนคาลอื อ.ปางมะผา้ จ.แมฮ่ ่องสอน.
(วิทยานิพนธป์ ริญญาศิลปศาสตรมหาบณั ฑติ ). มหาวิทยาลัยมหดิ ล.
มชี ยั วีระไวทยะ. (2561). ไผน่ อกกอ. กรงุ เทพฯ: ซีเอ็ดยเู คชั่น.
ระชา ภุชชงค์, นภนาท อนุพงศ์พัฒน์ และโกมาตร จึงเสถียรทรัพย์. (2556). แพทย์ชนบท ธรรมาภิบาลกับการเมือง
สุขภาพ. นนทบรุ ี: สถาบันวจิ ัยระบบสาธารณสขุ .
รชั นี วศิ ิษฎว์ โรดม. (2556). การพฒั นามติ ิภายในผา่ นกระบวนการฝึกฝนกลองชยั มงคล. (วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาศลิ ปศาสตร
มหาบณั ฑิต). มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล.
รังรอง ทาบุญเมือง. (2559). ขบวนการเคล่ือนไหวเพ่ือคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าขยะ: กรณีศึกษาเครือข่ายลุ่มน้าแม่ทา
อาเภอแม่ทา จังหวัดลาพูน (ประกาศนียบัตรบัณฑติ สาขาวิชาบัณฑติ อาสาสมัคร วิทยาลยั พัฒนศาสตร์ ป๋วย อ๊ึง
ภากรณ)์ . กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร.์
ลอื ชยั ศรเี งนิ ยวง. (ม.ป.ป.). การประเมินเพ่ือการพัฒนา (Developmental Evaluation). ม.ป.ท.: คณะสงั คมศาสตร์และ
มนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล.
ศันสนีย์ ไชยโรจน์, รัตนา เพ็ชรอุไร, ตรีระกา กิจเนตร และมณีรัตน์ จอมพุก. (2554). หนังสือปาฐกถาเกียรติยศ
ศาสตราจารย์นายแพทย์กษาน จาติกวนิช ครั้งท่ี 6 “การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนโดยการปฏิวัติการศึกษา
และการพัฒนาชนบท”. กรงุ เทพฯ: กองบรหิ ารงานวิจัย มหาวิทยาลยั มหิดล.
สมสทิ ธ์ิ อสั ดรนธิ ี. (บรรณาธิการ).( 2552). จิตตปัญญาศกึ ษาคืออะไร (โครงการเอกสารวชิ าการการเรยี นรู้สคู่ วามเปลี่ยนแปลง
ลาดบั ที่ 2). นครปฐม: ศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวทิ ยาลัยมหิดล.
อริสา สุมามาลย์. (2555). การพัฒนาปัญญาด้วยกระบวนการเรยี นรแู้ นวจติ ตปญั ญาศึกษา:
กรณศี กึ ษาโรงพยาบาลน้าเกลยี้ งจงั หวดั ศรษี ะเกษ. (วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ ). มหาวทิ ยาลยั มหิดล.
อารยี า มหาวรมากร. (2557). เส้นทางการเปลย่ี นผา่ นสู่การบริโภคอย่างมีสติ. (วิทยานพิ นธ์ปรญิ ญาศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต).
มหาวิทยาลยั มหดิ ล.
169
อาพล จินดาวฒั นะ. (2552). การสร้างนโยบายสาธารณะเพอ่ื สขุ ภาพแบบมีส่วนร่วม (พมิ พค์ ร้ังที่ 4). กรุงเทพฯ: บรษิ ทั บี
ยอนด์ พบั ลสิ ชงิ่ จากดั
เอกภพ สิทธิวรรณธนะ, ปองกมล สุรัตน์, ฐนิดา อภิชนะกุลชัย และอัจฉรา ตะนะสุข (2562). ชุมชนกรุณา นิมิตใหม่ของ
สงั คมไทย. กรงุ เทพฯ: สานักงานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสริมสุขภาพ.
เอกภพ สทิ ธิวรรณธนะ, ศรินธร รัตน์เจริญขจร, สุวรรณภา คาไร, วรพงษ์ เวชมาลนี นท์ และฐนิดา อภชิ นะกุลชัย (2562).
แนวคดิ ชุมชนกรณุ า หลักสูตรและเอกสารประกอบการอบรม. กรุงเทพฯ: กล่มุ Peaceful Death.
ภาษาองั กฤษ
Bronfenbrenner, U. (1994). Ecological models of human development. In International
Encyclopedia of Education, Vol. 3, 2nd. Ed. Oxford: Elsevier.
Campbell, Joseph. (1949). The Hero with a Thousand Faces. Princeton: Princeton University Press. p.
23.
Dirks, M.J. (2014). The Inner Work of Self-Formation in Work Related Learning: Handbook of Human
Resource Development. United State of America: Wiley.
Wilber, K. (2005). Introduction to integral theory and practice. AQAL. In Journal of Integral Theory and
Practice, 1(1).
Wilber, K. (2007). Integral spirituality. Shambhala Publications.
Zajonc, A. et al. (2002). Transformative and Spiritual Dimensions of Higher Education. Michigan: Fetzer
Institute.
Zohar, D., & Marshall, I. (2004). Spiritual capital: Wealth we can live by. San Francisco: Berrett-Koehler
Publishers.
สอื่ อเิ ล็กทรอนกิ ส์
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนจะรังตาลโตนด (ม.ป.ป.). จะรังตาลโตนด. https://www.facebook.com/%E0%B
8%88%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%
A5%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%94-100511688729700/
กองทุนเพอ่ื ความเสมอภาคทางการศึกษา. (2563, 18 เมษายน). วสิ าหกิจชุมชนแม่ทา SE ผนกึ ความรว่ มมือกับ 4 วสิ าหกิจ
ชุมชนใกล้เคียง เพื่อฝึกทักษะแรงงานด้อยโอกาสตามความถนัด ช่วยสร้างความม่ันคงทางอาชีพ.
https://www.eef.or.th/communities/beginning-63/
170
กองบรรณาธิการ The Active. (2564, 12 สิงหาคม). “ขบวนการหมอชนบท” กู้วิกฤตโควิด-19 กรุงเทพฯ. The Active.
https://theactive.net/data/rural-doctor-society-helped-bkk-from-covid1 9 crisis/?fbclid=IwAR3 N9
CFEtwkQRV 13gDYpA9HZBNtwap112jwl7FFzkQG5gok4Zv8KiWkXPzE
จะรงั แพลทฟอรม์ . (ม.ป.ป.). จะรงั จอื แร แลไหนดี ที่จะรงั ... https://charangplatform.com/gampong
ช ม ร ม แ พ ท ย์ ช น บ ท . ( 2564, 14 ก ร ก ฎ า ค ม ) . แ พ ท ย์ ช น บ ท บุ ก ก รุ ง . Facebook ช ม ร ม แ พ ท ย์ ช น บ ท .
https://www.facebook.com/142436575783508/posts/4820624084631377/
ชมรมแพทย์ชนบท. (2564, 20 กรกฎาคม). แพทย์ชนบทพร้อม บุกกรุงรอบสอง 21-23 กรกฎาคมน้ี. Facebook ชมรม
แพทย์ชนบท. https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=4838901 786136940&id=142
436575783508
ชมรมแพทย์ชนบท. (2564, 1 สิงหาคม). แพทย์ชนบทบุกกรุงครั้งท่ี 3 ปฏิบัติการสร้างความหวัง สู้ภัยโควิด เพ่ือคนกรุง.
Facebook ช ม ร ม แ พ ท ย์ ช น บ ท . https://www.facebook.com/1 4 2 4 3 6 5 7 5 7 8 3 5 0 8 / posts/
4875868479106937/
ไทยพีบีเอส. (2562, 8 ตุลาคม). บัณฑิตอาสาสมัคร บัณฑิตนักพัฒนา รายการก(ล)างเมือง. รายการไทยพีบีเอส.
https://program.thaipbs.or.th/Klangmuang/episodes/63612
ไทยพีบีเอส. (2564, 24 กรกฎาคม). แพทย์ชนบทบุกกรุงฯ ครั้งที่ 2 พบติดเชื้อ 5,086 คน จากกว่า 30,000 คน. ข่าวไทย
พีบีเอส. https://news.thaipbs.or.th/content/306382
มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วิทยาเขตปัตตานี. (ม.ป.ป.). โครงการยกระดบั เศรษฐกิจและสงั คมตาบลจะรัง อาเภอยะหริ่ง
จังหวัดปัตตานี แบบบูรณาการด้านการท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ชุมชน. http://exten.pn.psu.ac.th/
JERAE/?content=Main
เยาชนคนล่าฝันบ้านจะรัง. (ม.ป.ป.). https://m.facebook.com/%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B%
E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0
%B8%B2%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B
8%99%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87-400528190497414/
ศูนย์ข้อมูลประเทศไทย - Thailand Information Center. (ม.ป.ป.). ตาบลจะรัง. http://pattani.kapook.com
/%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87/%
E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87
องค์การบริหารส่วนตาบลจะรัง. (ม.ป.ป.). สภาพและข้อมูลพ้ืนฐาน. http://www.jarang.go.th/html/new-
menu.asp?typemenu=2
องค์การบรกิ ารส่วนตาบาลนาทอน. (ม.ป.ป.). แนะนาตาบลนาทอน. http://www.natorn.go.th/ images/pdf/242.pdf
171
องค์การบริการส่วนตาบาลนาทอน. (ม.ป.ป.). สภาพและข้อมูลพ้ืนฐาน. http://www.natorn.go.th/index.
php/en/2021-12-21-03-22-41/71-2015-11-24-04-31-07
องค์การบริการส่วนตาบาลนาทอน. (ม.ป.ป.). องค์การบริการส่วนตาบาลนาทอน. https://www.niems.go.th/
1/UploadAttachFile/2020/EBook/411157_20200921103205.pdf
MaetaSE กิจการเพือ่ สงั คมแมท่ า. (2565, 28 มกราคม). “สบื สาน สร้างสรรคน์ วตั กรรมชุมชน เพอื่ ยกระดับคณุ ภาพชีวติ
คนลุ่มนา้ ทา เช่อื มโยงภูมิปญั ญาสสู่ ากล” ปรัชญาองคก์ ร กิจการเพ่อื สงั คมแมท่ า SE.
https://www.facebook.com/maetasocialenterprise/
Mechai Bamboo School. (2564, 21 พฤษภาคม). [MPS Reality - EP.1] โรงเรียนแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ!?. Facebook
โรงเรียนมีชัยพัฒนา. https://www.facebook.com/MechaiBambooSchool/ videos/526832318455046
เอกชัย หลงขาว. (2565, 12 มกราคม). คาแถลงนโยบายของนายกองคก์ ารบรหิ ารสวนตาบลนาทอน. องค์การบริการสว่ น
ตาบาลนาทอน. http://www.natorn.go.th/images/pdf/958.pdf
Kamoltip Intano. (2564, 6 มิถุนายน). "ชันชีนาทอน : ประชาธิปไตยยกกาลังสอง". ศูนย์ประสานงานเขตสุขภาพเพื่อ
ประชาชน เขต 12. https://www.ahsouth.com/paper/945
NOW26. (2560, 4 กุมภาพันธ์). ปฏิบัติการ ลุก ปลุก เปล่ียน ตอน ปฏิบัติการ ชันชีนาทอน. Youtube ช่อง Alive.
https://www.youtube.com/watch?v=Ii2ZI9OFgGs
ขอขอบคณุ ผใู้ ห้สมั ภาษณ์
คมสันต์ จันทร์อ่อน. เจ้าหน้าที่ มูลนิธิพัฒนาท่ีอยู่อาศัย และกองเลขา เครือข่ายสลัม 4 ภาค. (6 กันยายน 2564).
สัมภาษณ์.
จรัญญา รังสรรค์. พยาบาลวิชาชีพชานาญการ โรงพยาบาลทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล. (10 ธันวาคม 2564 และ 10
มกราคม 2565). สมั ภาษณ.์
จรีรัตน์ รวมเจริญ. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต
ปัตตาน.ี (25 สิงหาคม 2564). สมั ภาษณ.์
จารุภา ยุภาศ. นกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 โรงเรยี นมีชยั พัฒนา. (24 สิงหาคม 2564). สัมภาษณ.์
จิตตินี คามินทร์. นักศึกษาคณะศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาผู้ประกอบการสังคม สถาบันอาศรมศิลป์. (24 สิงหาคม
2564). สมั ภาษณ์.
ชรญั ญกร อุตสา่ ห.์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร.์ (24 สงิ หาคม 2564). สัมภาษณ์.
ณฐมล แก้วสระแสน. นักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 โรงเรียนมีชยั พฒั นา. (24 สิงหาคม 2564). สมั ภาษณ์.
172
ณัฏฐา ชัยโชตกิจ. นักศึกษาคณะศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาผู้ประกอบการสังคม สถาบันอาศรมศิลป์. (24 สิงหาคม
2564). สัมภาษณ.์
ณฐั ดนัย ตระการศภุ กร. เจ้าของแบรนด์นาผ้งึ ป่า HOSTBEEHIVE. (15 ตลุ าคม 2564). สมั ภาษณ.์
ณชิ าวรี ์ นวลขาว. นักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนมีชยั พฒั นา. (24 สิงหาคม 2564). สัมภาษณ์.
ดอกไม้ ปานพาน. ครูเกษียณ โรงเรียนบ้านแพะยันต์ดอยแช่ และพี่เล้ียงเครือข่ายเยาวชนแม่ทา อ.แม่ทา จ.ลาพูน. ( 26
ธันวาคม 2564). สมั ภาษณ.์
ธนบรู ณ์ สมบูรณ์. ผู้กอ่ ต้งั และผ้บู รหิ าร CreativeMOVE และ greenery.org. (15 กนั ยายน 2564). สมั ภาษณ.์
นงค์ลักษณ์ อัศวสกุลชัย. ประธานกลุ่ม วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปข้าวตาบลบ้านผึ้ง (ข้าวสุข). (14 ตุลาคม 2564).
สัมภาษณ.์
นภาภรณ์ แกว้ เหมือน. พยาบาลวชิ าชีพชานาญการ โรงพยาบาลละงู อ.ละงู จ.สตูล. (10 ธันวาคม 2564). สัมภาษณ์.
นิจฉรา ชผู ล. พยาบาลวชิ าชพี ชานาญการ สานักงานสาธารณสุขอาเภอเทพา จ.สตลู . (10 ธันวาคม 2564). สัมภาษณ์.
นมิ ติ ร์ เทียนอุดม. ผู้อานวยการ มูลนิธเิ ข้าถงึ เอดส์. (8 กนั ยายน 2564). สมั ภาษณ.์
นุชนารถ แท่นทอง. ที่ปรึกษา เครอื ข่ายสลัม 4 ภาค. (20 สิงหาคม 2564). สมั ภาษณ.์
เนอื งนชิ ชดิ นอก. ท่ปี รกึ ษา เครือขา่ ยสลมั 4 ภาค. (13 กนั ยายน 2564). สมั ภาษณ์.
เบ็ญจา ใจสบาย. หัวหนา้ กล่มุ การพยาบาล โรงพยาบาลดา่ นมะขามเตย้ี จ.กาญจนบุรี. (14 ตลุ าคม 2564). สัมภาษณ์.
ปฐมา โอสถาน. พยาบาลวิชาชพี ชานาญการ โรงพยาบาลทงุ่ หวา้ อ.ทุ่งหวา้ จ.สตลู . (10 ธนั วาคม 2564). สัมภาษณ์.
ปญิ ชาดา ผอ่ งนพคุณ. กระบวนกรชุมชน ก.กรณุ าพันท้ายนรสงิ ห์ จ.สมทุ รสาคร. (13 ตลุ าคม 2564). สัมภาษณ์.
พรสวรรค.์ นกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรียนมีชยั พัฒนา. (24 สิงหาคม 2564). สมั ภาษณ์.
พระปลดั ธนั วาคม สญฺญโม. ประธานทพ่ี ักสงฆ์ปา่ ฤทธิ์ยากลุ ต.ทุง่ หวา้ อ.ทุง่ หว้า จ.สตลู . (10 ธนั วาคม 2564). สัมภาษณ์.
พฤติพร จินา. ประธานวิสาหกิจชุมชนแม่ทา และผู้ประสานงานเครือข่ายนิเวศน์ลุ่มน้าแม่ทา อ.แม่ทา จ.ลาพูน. ( 26
ธนั วาคม 2564). สัมภาษณ.์
ภทั รานิษฐ์ ขาวสขุ นกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรยี นมีชยั พัฒนา. (24 สิงหาคม 2564). สมั ภาษณ.์
ภัทราวดี แคนสี. นกั เรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 โรงเรยี นมีชยั พัฒนา. (24 สิงหาคม 2564). สัมภาษณ.์
มิตรชา โต๊ะลาตี. อิหม่ามประจามัสยิดบ้านบารายี ต.นาทอน อ.ทงุ่ หว้า จ.สตลู . (10 ธนั วาคม 2564). สมั ภาษณ์.
มชี ยั วรี ะไวทยะ. ผกู้ อ่ ตัง้ และผอู้ านวนการ โรงเรยี นมีชยั พัฒนา. (24 สงิ หาคม 2564). สัมภาษณ.์
ยามีหล๊ะ ตาหา. ประธาน กลมุ่ วิสาหกิจชมุ ชนตาลจะรงั . (3 กนั ยายน 2564). สัมภาษณ.์
วนิสา วรรณะใจ. นักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 โรงเรยี นมชี ยั พัฒนา. (24 สงิ หาคม 2564). สมั ภาษณ์.
วิมลมาลย์ เอกลคั นารัตน์. ผูเ้ ขา้ รว่ มกิจกรรม Greenery Challenge. (12 ตุลาคม 2564). กลอ่ งขอ้ ความส่วนตัว.
วรรณา จารุสมบรู ณ์. ผู้ประสานงานเครือข่าย ชมุ ชนกรุณา. (2 กันยายน 2564). สัมภาษณ.์
วรวฒั น์ บุญหลาย. กรรมการผ้จู ัดการ บรษิ ทั เมดิฟูดส์ (ประเทศไทย) จากดั . (17 กันยายน 2564). สมั ภาษณ์.
173
สริณา หลงขาว. นกั ธรุ กจิ ต.นาทอน อ.ทุ่งหวา้ จ.สตลู . (10 ธันวาคม 2564). สมั ภาษณ์.
สธุ ลี กั ษณ์ ลาดปาละ. กระบวนกรชุมชนกรณุ าลาปาง จ.ลาปาง. (17 ตลุ าคม 2564). สมั ภาษณ์.
สภุ ทั ร ฮาสุวรรณกจิ . ประธาน ชมรมแพทย์ชนบท. (19 สงิ หาคม 2564). สัมภาษณ์.
สรุ ินทร์ พฒั นจริ างกูร. ผใู้ หญ่บา้ นหมู่ 7 ต.จะรงั อ.ยะหริ่ง จ.ปตั ตาน.ี (3 กนั ยายน 2564). สัมภาษณ์.
อจั ฉรา บญุ มาทอง. เครอื ข่ายเยาวชนแม่ทา อ.แม่ทา จ.ลาพนู . (26 ธันวาคม 2564). สัมภาษณ์.
เอกชยั หลงขาว. นายกองคก์ ารบริหารส่วนตาบลนาทอน อ.ทงุ่ หว้า จ.สตูล. (10 ธันวาคม 2564). สมั ภาษณ.์
RUIBIN YE. CEO & Founder บรษิ ัท ฮารโ์ มนี โกลบอล (ไทยแลนด์) จากัด. (19 ตลุ าคม 2564). สัมภาษณ.์
174
คณะผวู้ จิ ยั
หัวหนา้ โครงการ
รศ.ดร.ลือชัย ศรเี งนิ ยวง
ตาแหน่ง ผูอ้ านวยการ ศนู ย์จติ ตปญั ญาศึกษา มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล ศาลายา อ. พทุ ธมณฑล จ. นครปฐม 73170
Mobile: +66819348454 email [email protected]
นกั วจิ ัย
จารุปภา วะสี
มสั ลิน ศรีตัญญู
อ.ดร. เพรศิ พรรณ แดนศลิ ป์
ประภาพร อนุมานไพศาล
175