สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ตัวชี้วัด • อธิบายการติดตอและวิธีการปองกันการแพรกระจายของโรค (พ ๔.๑ ป.๓/๑) หนวยการเรียนรูที่ ๘ การปองกันโรคติดตอ
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ผังสาระการเรียนรู ความหมายของโรคติดตอ การปองกันโรคติดตอที่สําคัญ โรคไขเลือดออก โรคหัด โรคตาแดง โรคอีสุกอีใส โรคไขหวัดใหญ การปองกันโรคติดตอ
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๑ ความหมายของโรคติดตอ . โรคติดตอ หมายถึง โรคที่เกิดขึ้นกับคนหรือสัตว แลวสามารถติดตอ หรือแพรกระจายจากคนหรือสัตวที่ ปวยเปนโรคสูคนหรือสัตวอื่นได โรคติดตอสามารถแพรกระจายไดทั้งทางตรง คือ ติดจากผูเปนโรคโดยตรง หรือแพรกระจายโดยทางออม คือ ติดจากพาหะนําโรค ซึ่งอาจเปนคนหรือสัตวที่มีเชื้อโรค
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 แตไมแสดงอาการและนําเชื้อโรคนั้นไปสูผูอื่นได ซึ่งเชื้อโรค สามารถเขาสูรางกายไดหลายชองทาง เชน ทางปาก โดยอาจ ปะปนมากับอาหารหรือเครื่องดื่ม ทางจมูก โดยอาจปะปน เขาไปกับลมหายใจพรอมฝุนละออง ทางผิวหนัง โดยอาจเขา ไปทางบาดแผล ทางเพศสัมพันธ จากการมีเพศสัมพันธโดย ไมปองกัน หรือจากแมไปสูลูกในขณะคลอด
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๒. การปองกันโรคติดตอที่สําคัญ ๒.๑ โรคไขหวัดใหญ เกิดจากเชื้อไวรัสไขหวัดใหญ ซึ่งติดตอไดโดยการไอ หรือ จามรดกัน การหายใจเอาเชื้อไวรัสที่แพรกระจายในอากาศเขาไป การใชสิ่งของรวมกับผูปวย โดยเชื้อไวรัสจะปะปนอยูในน้ํามูก น้ําลาย หรือเสมหะของผูปวย สาเหตุและการติดตอ
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 การจามโดยปดปากจะไมทําใหเชื้อไวรัสแพรกระจายไปสูคนอื่น
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 หลังจากไดรับเชื้อไวรัส ๑-๓ วัน จะมีไขสูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกลามเนื้อ ไอ เจ็บคอ โดยอาจมีอาการคลื่นไส อาเจียนและเบื่ออาหาร ผูปวยสวนใหญจะมีอาการ ไมรุนแรง และสามารถรักษา หายได ผูปวยโรคไขหวัดใหญจะมีไขสูง อาการ
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 วิธีปฏิบัติตนเมื่อมีอาการ ๑) เมื่อสงสัยวาเปนหรือมีอาการของโรค ควรใหพอแม ผูปกครองพาไปพบแพทย ดื่มน้ําสะอาดหรือ น้ําตมสุก ไมควรดื่ม น้ําเย็น ๒) เมื่อสงสัยวาปวยเปนโรคไขหวัดใหญ ควรรีบไปพบแพทย
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๓) นอนหลับพักผอนใหเพียงพอ และหมผาใหรางกาย อบอุน รับประทานอาหารที่มีประโยชน เชน ผัก ผลไม และ ๔) อาหารที่ยอยงาย เชน ขาวตม โจก ควรเช็ดตัวเพื่อลดไข ซึ่งสามารถปฏิบัติได ดังนี้ •ควรใชผาขนหนูผืนเล็กชุบน้ําอุนหรือน้ําธรรมดา บิดหมาด ๆ พอควร ๕)
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 • เช็ดบริเวณใบหนาใหทั่ว แลววางพักไวที่หนาผากหรือ ซอกคอสักครู ทําซ้ํา ๓-๔ ครั้ง • ชุบน้ําแลวลูบบริเวณหนาอก พักไวสักครู • เช็ดบริเวณแขน แลวพักไวที่ขอพับและรักแร ทําซ้ํา ๓-๔ ครั้ง • เช็ดบริเวณขาโดยลูบขึ้นแลวพักไวที่ขอพับและขาหนีบ ทําซ้ํา ๓-๔ ครั้ง • ลูบเช็ดตัวบริเวณดานหลังถึงคอ จากนั้นเช็ดตัวใหแหง แลวสวมเสื้อผาที่สบายไมหนาหรือบางจนเกินไป
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 • การเช็ดตัวแตละครั้งควรเช็ดจากดานนอกเขาหาหัวใจ ควรเปลี่ยนน้ําบอย ๆ เพื่อรักษาอุณหภูมิใหคงที่ และ ควรใชเวลาในการเช็ดตัว ๑๐-๒๐ นาที ไมชาหรือเร็ว เกินไป
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 การปองกันการติดตอและแพรกระจายของโรค การใชชอนกลางในการรับประทานอาหาร ชวยปองกันโรคไขหวัดใหญ
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๑) ไมใกลชิด หรือคลุกคลีกับผูปวย ไมใชสิ่งของ เครื่องใชสวนตัว เชน ผาเช็ดหนา ๒) ผาเช็ดตัว แกวน้ํา รวมกับผูอื่น ๓) ใชชอนกลางในการรับประทานอาหารทุกครั้ง
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๔) หมั่นลางมือดวยสบูใหสะอาดและถูกวิธี ตามขั้นตอน ดังนี้ ๑. ฝามือถูกัน ๒. ฝามือถูหลังมือและถูซอกนิ้วมือ
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๔. หลังนิ้วถูฝามือ ๓. ฝามือถูฝามือและนิ้วถูซอกนิ้ว ๕. ถูนิ้วหัวแมมือโดยรอบดวยฝามือ
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๖. ปลายนิ้วถูขวางฝามือ ๗. ฝามือและนิ้วถูรอบขอมือ
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๕) สวมหนากากอนามัยทุกครั้ง เมื่อตองใกลชิดผูปวย หรืออยูในชุมชนที่มีคนจํานวนมาก ผูปวยควรสวมหนากากอนามัย เมื่อตองอยูรวมกับผูอื่นและใช ผาปดปาก ปดจมูกทุกครั้งที่ไอ หรือจาม เพื่อไมใหเชื้อโรคแพร กระจายไปสูผูอื่น ๖) การสวมหนากากอนามัย เพื่อปองกันเชื้อโรคแพรกระจาย
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๒.๒ โรคตาแดง เกิดจากเชื้อไวรัส โดยการใชมือหรือผาที่สกปรก (อานวา สก - กะ - ปรก) เช็ดหรือขยี้ตา การเลนน้ําที่สกปรก ทําใหตา ไดรับเชื้อโรค โรคตาแดงติดตอ กันไดงาย โดยการใชสิ่งของ รวมกับผูปวย สาเหตุและการติดตอ การใชเสื้อเช็ดหรือขยี้ตาจะทําใหเปนโรคตาแดง
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 มีอาการระคายเคืองตา ปวดตา แสบตา มีขี้ตามาก ลืมตา ไมขึ้น ถาโดนแสงแดดจะแสบตามากขึ้น ในรายที่เปนรุนแรงอาจ มีไขดวย อาการตาง ๆ เหลานี้เกิดขึ้นภายใน ๑-๒ วัน และเมื่อเปนตาแดง ที่ตาขางหนึ่งอาจจะลามไป ที่ตาอีกขางหนึ่งได อาการ ผูปวยจะมีอาการตาแดง และรูสึกปวดตา
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 วิธีปฏิบัติตนเมื่อมีอาการ ๑) ใหพอแม ผูปกครองพาไปพบแพทย เพื่อทําการรักษา อยางถูกตอง ลางมือใหสะอาดอยูเสมอ ไมขยี้ตา หรือเกาบริเวณตา ๒) เพราะอาการจะรุนแรงขึ้น ไมใชของใชสวนตัว เชน ผาเช็ดตัว ผาเช็ดหนา ๓) รวมกับผูอื่น
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๔) ระวังไมใหตาโดนแสงแดด หรือฝุนละออง โดยใช ผากอซปดตาขางที่เปน งดการใชสายตาเปนเวลานาน ๆ พักสายตาโดยการ ๕) หลับตาเปนระยะ ๆ การใชผากอซปดตาเพื่อปองกันฝุนละอองเขาตา
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 การปองกันการติดตอและแพรกระจายของโรค ๑) ลางมือใหสะอาดอยูเสมอ ไมใชมือหรือผาที่ไมสะอาด เช็ดหรือขยี้ตา ไมใชสิ่งของเครื่องใชสวนตัว รวมกับผูอื่น และรักษา ความสะอาดสิ่งของ เครื่องใชสวนตัวของตนเอง อยูเสมอ เชน เสื้อผา ผาเช็ดตัว ผาเช็ดหนา การใช้ผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดป้องกัน เชื้อโรคเข้าตา ๒)
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๓) ไมเลนหรือคลุกคลีกับผูปวยโรคตาแดง ๔) ไมเลนน้ําในแมน้ําลําคลองที่สกปรก ๕) ผูปวยโรคตาแดง ควร หยุดเรียนอยูบาน และไม คลุกคลีหรือใชของใช รวมกับผูอื่น เพื่อปองกันไมให เพื่อน ๆ หรือคนที่ใกลชิดติด โรคตาแดง เมื่อเปนโรคตาแดงควรหยุดพัก รักษาตัวที่บานจนกวาจะหายดี
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๒.๓ โรคไขเลือดออก เกิดจากเชื้อไวรัส และ ติดตอโดยมียุงลายเปนพาหะ นําโรค ซึ่งยุงลายมักจะหากิน ในเวลากลางวันและกัดผูปวย ที่เปนโรคไขเลือดออก แลวนํา เชื้อไขเลือดออกไปแพรใหกับ ผูอื่น สาเหตุและการติดตอ ยุงลายเปนพาหะนําโรคไขเลือดออก
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 การติดตอของโรคไขเลือดออก ยุงลายตัวเมีย ยุงลายกัดผูปวย ที่เปนไขเลือดออก ยุงลายมีเชื้อไขเลือดออกกัดคนปกติ คนปกติปวย เปนไขเลือดออก การติดตอของโรคไขเลือดออก
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 มีไขขึ้นสูงอยางรวดเร็ว และนานหลายวัน เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ คลื่นไส อาเจียน ปวดทอง อาจมีจุดเลือดเล็ก ๆ ตาม รางกาย อาจถายอุจจาระเปนสีดําหรือมีเลือดปนออกมา ในชวง ระยะไขลดผูปวยจะมีอาการ กระสับกระสาย มือเทาเย็น รอบปากเขียว อาจมีอาการ ปวดทองมาก กอนจะมี อาการช็อก ชีพจรเบาเร็ว ความดันต่ํา อาการ ผูปวยโรคไขเลือดออกจะมีจุดแดงขึ้นที่ผิวหนัง
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๑) หากมีไขสูงติดตอกัน ๒-๓ วัน และมีอาการคลายอาการของ โรคไขเลือดออก ไมควร กินยาลดไขเอง และควร รีบไปพบแพทย ๒) รับประทานอาหารที่มี ประโยชนและพักผอนให เพียงพอ ๓) ปฏิบัติตนตามคําแนะนํา ของแพทยอยางเครงครัด วิธีการปฏิบัติตนเมื่อมีอาการ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน จะทําใหหายเจ็บปวยไดเร็ว
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 การปองกันการติดตอและแพรกระจายของโรค ๑) ระวังไมใหถูกยุงลายกัด โดยไมเขาไปเลนในที่มืด อับทึบ และ ในหองที่ไมมีมุงลวด ควรนอนกางมุงเสมอ ๒) ทําลายแหลงน้ําขังซึ่งเปน แหลงเพาะพันธุยุงลายใน บริเวณบาน โรงเรียนและ ชุมชน ใสเกลือหรือทรายเคมี อะเบท (abate) ในภาชนะ ที่มีน้ําขังในบาน เชน แจกัน ดอกไม จานรองขาตูกับขาว เพื่อปองกันยุงลายมาวางไข การสํารวจและทําลายแหลงเพาะพันธุยุงลาย ควรทําทุกสัปดาห
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๓) ปฏิบัติตามมาตรการ ๕ ป ของกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้ เปลี่ยน คือ เปลี่ยนน้ําในภาชนะ ที่มีน้ําขังเสมอ เพื่อปองกันยุงลาย วางไข เชน แจกันดอกไม จานรอง กระถางตนไม ๒ ปด คือ ปดฝาภาชนะที่มีน้ําขัง เชน โอง บอซีเมนตในหองน้ํา ๑
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ปรับ คือ ปรับสิ่งแวดลอม ภายในบานใหโปรง สวาง โลง เชน ตัดหญาที่รก ตัดแตงกิ่งตนไม เปดหนาตางในบานใหสวาง ๔ ปลอย คือ ปลอยปลา เชน ปลาสอด ปลาหางนกยูง ลงใน ภาชนะมีน้ําที่ไมสามารถปดฝาได เชน อางบัว บอปลา ๓
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๕ ปฏิบัติคือ ปฏิบัติการกําจัดแหลงเพาะพันธุยุงลาย ทุก ๆ ๗ วัน
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๒.๔ โรคหัด สาเหตุและการติดตอ เปนโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ติดตอไดโดยการไอหรือจาม รดกัน รวมทั้งการสัมผัสกับน้ํามูก น้ําลาย หรือเสมหะของผูปวย จากการใชสิ่งของเครื่องใชสวนตัวรวมกับ ผูปวย หรือเลนคลุกคลีใกลชิดกับผูปวยโรคหัด
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 การไอหรือจามโดยไมปดปาก การดื่มน้ําแกวเดียวกัน และการใชผาเช็ดหนาผาเช็ดตัวรวมกันทําใหติดโรคหัด
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 อาการ เริ่มดวยอาการมีไข น้ํามูกไหล ไอ ตาแดง มีขี้ตามาก ตาแฉะ สูแสงไมคอยได มีจุดสีขาวเล็ก ๆ ในปาก หลังจากนั้น ๓-๕ วัน จะมีผื่นนูนแดงขึ้นที่ ใบหนา ลําตัว แขน ขา ประมาณ ๒-๓ วัน ไขจะเริ่มลดลง และผื่น จะเปลี่ยนเปนสีแดงคล้ํา ใชเวลา ประมาณ ๒ สัปดาห จึงจะ จางหายไป ผูปวยโรคหัดจะมีผื่นขึ้นที่ใบหนา ลําตัว
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 วิธีปฏิบัติตนเมื่อมีอาการ ๑) รับประทานยาลดไข และ หมั่นเช็ดตัวเปนระยะ ถาไขไมลด ๒) นอนพักผอนใหเพียงพอ ๓) ดื่มน้ํามาก ๆ เพื่อปองกันไมใหรางกายขาดน้ํา รับประทานอาหารออน ๆ ที่มีคุณคา เชน โจกใสไข การเช็ดตัวเพื่อใหไขลดลง
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๔) อยูในที่ที่มีแสงสวางนอย เพื่อลดอาการระคายเคืองตา ๕) ใชคาลาไมน (calamine) ทาผิว เพื่อบรรเทาอาการคัน การทาคาลาไมนเพื่อบรรเทาอาการคันจากผดผื่น
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 การปองกันการติดตอและแพรกระจายของโรค แยกผูปวยและแยกสิ่งของ เครื่องใชตาง ๆ ของผูปวย ไมให ปะปนกับผูอื่น ๑ ไมใกลชิดกับผูปวยโรคหัด จนกวา จะแนใจวาหายแลว ๒
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 เมื่อหายปวยควรทําความ สะอาดเครื่องนุงหม ที่นอน ใหสะอาดอยูเสมอ ๓ ดูแลรักษารางกายใหแข็งแรง ดวยการรับประทานอาหาร ที่มีประโยชนและพักผอน อยางเพียงพอ ๔
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๒.๕ โรคอีสุกอีใส สาเหตุและการติดตอ เกิดจากเชื้อไวรัส ติดตอกันไดจากการไอ จาม หรือหายใจ รดกัน การสัมผัสรางกายผูปวย โดยตรง หรือการใชสิ่งของ รวมกับผูปวย การเช็ดผาเช็ดตัวรวมกับผูที่เปนโรคอีสุกอีใส จะทําใหติดโรคอีสุกอีใสได
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 อาการ มีไขต่ํา เบื่ออาหาร ออนเพลีย ปวดเมื่อยตามรางกาย มีผื่นแดงราบขึ้นตามลําตัว แผนหลัง ใบหนา รวมทั้งแขน ขา จากนั้นตุมแดงราบจะ กลายเปนตุมนูนใสมีอาการคัน และตกสะเก็ดในที่สุด เมื่อเปนโรคอีสุกอีใส ผูปวยจะมีตุมนูนใส ขึ้นที่ใบหนาและลําตัว
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 วิธีปฏิบัติตนเมื่อมีอาการ เมื่อมีไขสูงใหรับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อ ลดไข ๑ พักผอนอยางเพียงพอ และดื่มน้ํามาก ๆ ๒
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ๓ ดูแลรักษาผิวหนังใหสะอาดอยูเสมอ ๕ ไมแกะหรือเกาตุมเพราะจะทําใหติดเชื้อได ถามีอาการคันมาก ๆ ควรใช ยาแกคันเพื่อลดอาการคัน ๔
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 การปองกันการติดตอและแพรกระจายของโรค ไมเลนคลุกคลีกับผูปวย เพราะจะทําใหติดโรคได ๑ ดูแลรักษารางกายใหแข็งแรง อยูเสมอ พักผอนใหเพียงพอ ๒
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 ผูปวยควรหลีกเลี่ยงการเขาไปใกลชิดกับผูอื่น และ ปดปากหรือจมูกทุกครั้ง เมื่อ ไอหรือจาม เพื่อปองกันการ แพรกระจายของโรค ๓ ฉีดวัคซีนเพื่อปองกันโรค อีสุกอีใส ๔
สุขศึกษาและพลศึกษา ป.3 โรคติดตอ สามารถปองกันไดดวยการเรียนรูและปฏิบัติตน ในการปองกันโรคอยางถูกตอง รูจักดูแลรักษาสุขภาพของ ตนเองใหแข็งแรงอยูเสมอ