2หน่วยการเรยี นรู้ที่
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
• การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพ (ประกอบด้วย 1. ธรณภี าค 2. บรรยากาศภาค 3. อทุ กภาค 4. ชวี ภาค) ของพ้นื ที่ในประเทศไทยและภมู ภิ าคต่าง ๆ ของโลก
ซง่ึ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากปัจจยั ทางภมู ศิ าสตร์
• การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพท่สี ง่ ผลตอ่ ภูมปิ ระเทศ ภูมอิ ากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ
สณั ฐานและโครงสร้างของโลก
สณั ฐานของโลก
- โลกมรี ปู ทรงสัณฐานเกือบเปน็ ทรงกลม โดยเส้นผ่านศูนยก์ ลางตามแนวขั้วโลกเหนือถงึ ข้วั โลกใต้ ยาว
ประมาณ 12,714 กิโลเมตร เสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง ตามแนวเสน้ ศูนยส์ ตู ร ยาวประมาณ 12,756 กโิ ลเมตร
- มีลกั ษณะภูมปิ ระเทศหลายรปู แบบ เชน่ ภเู ขา หุบเขา ที่ราบ มหาสมุทร รอ่ งลกึ ก้นสมทุ ร
- จุดท่สี ูงสุดของโลก บริเวณเทือกเขาหิมาลยั ยอดเขาเอเวอเรสต์
- จุดลกึ สดุ ของพืน้ มหาสมทุ ร รอ่ งลกึ กน้ สมุทรมาเรยี นา
โครงสรา้ งของโลก ประกอบด้วย
- เปลือกโลก (Crust)
- เนือ้ โลก (Mantle)
- แก่นโลก (Core)
เปลือกโลกช้นั ล่าง ภาคพืน้ มหาสมทุ ร โครงสรา้ งของโลก
เปลอื กโลกชั้นบน ภาคพนื้ ทวปี
ทวีป
เปลือกโลก ธรณภี าค
เนอื้ โลก ฐานธรณภี าค
เนอื้ โลกส่วนล่าง
แก่นโลก แกน่ โลกชน้ั นอก
แก่นโลกชน้ั ใน
เปลือกโลก (Crust)
คือ ส่วนผิวนอกสดุ ของโลก ประกอบด้วยหินและแร่ตา่ ง ๆ ท่ีมีความ
หนาประมาณ 6-40 กิโลเมตร
สามารถแยกได้ 2 ส่วน คือ ชัน้ ไซอัลและชั้นไซมา
1. เปลอื กโลกช้นั บน หรอื ช้ันไซอลั (Sial layer) คือ ชัน้ หินสจี าง
มีแรป่ ระเภท ซิลิกา และ อลมู ินัม เป็นส่วนประกอบหลัก พบไดท้ วั่ ไปบริเวณเปลอื กโลกส่วนทเ่ี ป็นทวปี
โดยมีหินแกรนติ
2. เปลอื กโลกช้นั ล่าง หรือช้ันไซมา (Sima) คอื เปลือกโลกช้นั ท่มี ลี กั ษณะเป็นหินหนดื ประกอบดว้ ย แร่
ซลิ กิ า และแมกนีเซยี ม มีความแข็งกวา่ หินช้ันบน พบทวั่ ไปบริเวณเปลอื กทะเลทเ่ี ปน็ พนื้ มหาสมุทร โดยมี
หนิ บะซอลต์
เน้ือโลก (Mantle)
ชั้นเน้ือโลก เปน็ สว่ นทอี่ ยรู่ ะหวา่ งเปลือกโลกกับแกน่ โลก มีความ
หนาประมาณ 2,895 กโิ ลเมตร มีสว่ นประกอบเป็นของแข็ง ได้แก่
แมกนเี ซยี ม-เหล็ก
ยกเว้น ทคี่ วามลกึ 70-260 กโิ ลเมตร หรอื เรียกวา่ ฐานธรณีภาค
จะประกอบด้วยหินที่อยใู่ นสภาพหลอมละลายหรอื เรยี กวา่ แมกมา
ชัน้ เน้ือโลก มีสภาวะความไมเ่ สถยี ร คือ มีการเคลอื่ นไหว เล่อื นไหลของหินหนดื ตลอดเวลา ซง่ึ เปน็ ปจั จยั ให้
เกดิ พลังงานปริมาณมหาศาลทีส่ ่งตอ่ มาถงึ เปลอื กโลก
ทาให้เกิดปรากฏการณแ์ ผน่ ดินไหว ภเู ขาไฟปะทุ ทวีปเลือ่ นตามบรเิ วณแนวรอยตอ่ ของแผน่ เปลือกโลก
แก่นโลก (Core)
สว่ นของโลกช้ันในสุด ประกอบดว้ ยธาตุเหลก็ และนกิ เกลิ
มคี วามหนาแน่นมาก มีรศั มยี าว 3,475 กิโลเมตร
แบง่ ยอ่ ยเป็น 2 ชน้ั คือ
แก่นโลกชั้นนอก (Outer Core) ประกอบดว้ ยธาตเุ หลก็ และนิกเกิล มสี ภาพเป็นของเหลวที่อยู่
ระดับความลกึ จากผวิ โลก 2,459 กโิ ลเมตร มีอณุ หภมู สิ งู ถงึ 2,200-2,750 องศาเซลเซียส
แกน่ โลกชน้ั ใน (inner Core) ประกอบดว้ ยธาตุเหลก็ และนกิ เกลิ ทอี่ ยู่ระดบั ความลึกจากผวิ โลก
5,115 กโิ ลเมตร มีอณุ หภมู สิ ูงถงึ 4,000 องศาเซลเซยี ส
การเปลี่ยนแปลงทางธรณภี าค
ทฤษฎที วปี เลือ่ น (Continental Drift Theory)
อัลเฟรด เวเกเอร์ (Alfred Wegener) นกั อตุ /ุ ฟิสิกส์ชาวเยอรมนั
เหน็ ความสอดคล้องระหว่างชายฝง่ั ตะวนั ออกทวีปอเมริกาใต้และ
ตะวันตกของทวีปแอฟรกิ า เสนอทฤษฎี การเล่อื นของทวปี เชอื่ ว่า
แผ่นธรณีภาคมีการเล่ือนไหลชา้ ๆ ตลอดเวลามีท้งั การเคลื่อนตวั
ออกจากกนั การเคลือ่ นชนกนั การมุดเข้าหากันของเปลอื กโลก
เมอ่ื 225 ลา้ นปกี ่อน มีแผน่ ดนิ ใหญต่ ดิ ต่อกนั เพยี งผืนแผน่ ดินเดียว
เรยี กวา่ มหาทวีป/พนั เจีย (Pangea) เป็นภาษากรกี แปลวา่
แผ่นดนิ ทงั้ หมด (all land) ดา้ นตะวันตกมีมหาสมุทร เรียกว่า พัน
ทาลัสซา (Panthalassa) ด้านตะวนั ออก มีทะเลเททสิ (Tethys
Sea)
ผืนแผ่นดินพันเจยี ได้แยกออกจากกนั โดยแบ่งเป็น 2 แผน่ คือ
แผ่นซกี โลกเหนือ เรยี กว่า ลอเรเซีย แผน่ ซกี โลกใต้ เรยี กวา่
กอนดว์ านา ยังคงมีมหาสมุทรพนั ทาลสั ซา อยู่ด้านตะวันตกและ
ทะเลเททิส อยู่ดา้ นตะวันออก
แผน่ ดินลอเรเซีย และแผน่ ดินกอนด์วานา เรมิ่ แยกออกจากกนั
แผ่นดินลอเรเซีย แยกออกเป็น ทวีปเอเชีย และอเมรกิ าเหนือ
แผ่นดนิ กอนดว์ านา มีแผ่นดนิ มีแผน่ ดินอเมริกาใต้ และแอฟริกา
แผน่ ดนิ อนิ เดยี มีการเคลื่อนไปยังทศิ เหนือ
แผน่ ออสเตรเลีย ยังติดอยกู่ บั ขัว้ โลกใต้
แผน่ ดินแยกออกจากกันมากขนึ้ เกดิ เป็นแผน่ ดนิ
แผ่นดนิ ยเู รเซีย กบั แผน่ ดินแอฟริกา
สว่ นอเมรกิ าใต้ มกี ารแยกจากแผน่ ดินแอฟริกาอย่างชัดเจน
แผน่ ดนิ อนิ เดยี มกี ารเคลอ่ื นไปยงั ทิศเหนือมากขนึ้
แผ่นออสเตรเลีย ยงั ติดอยูก่ ับข้ัวโลกใต้
***ยคุ นท้ี าให้เกิดมหาสมุทรใหม่เกดิ ข้ึน
แผ่นดนิ อินเดยี เริ่มชนกบั แผน่ ดนิ ยเู รเซยี (เอเชยี ) ทาให้เกิดเทอื กเขา
หิมาลัย
*** ปัจจบุ ันมีแผน่ ธรณภี าคหรือแผ่นเปลอื กโลกใหญ่ ๆ ถงึ 15 แผ่น
การเปลย่ี นแปลงของธรณภี าค
- การเปลย่ี นแปลงภายในโลก
- การเปลยี่ นแปลงภายนอกโลก
กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก
แผน่ เปลือกโลกทั้งหมดไม่หยดุ นิง่ อยูก่ ับที่จะมีการเคลือ่ นทีต่ ลอดเวลาใน 3 แบบ ได้แก่
1. การเคลอ่ื นที่ของแผน่ ธรณภี าคเคลอ่ื นหากนั หรอื ชนกัน
2. การเคล่อื นทข่ี องแผน่ ธรณีภาคแยกจากกนั
3. การเคล่ือนท่ีของแผน่ ธรณภี าคตามแนวระดบั หรอื ผ่านกัน หรือ เฉือนกัน
การเคล่ือนทขี่ องแผน่ ธรณีภาคเคลอ่ื นหากนั หรือ ชนกนั
1. แผ่นทวปี เคล่ือนทเี่ ข้าหาแผน่ สมทุ ร
2. แผน่ สมทุ รเคลื่อนทเ่ี ขา้ หาแผ่นสมุทร
3. แผน่ ทวปี เคลื่อนเข้าหาแผ่นทวปี
1. แผ่นทวีปเคลื่อนที่เข้าหาแผ่นสมุทร แผ่นธรณีมหาสมุทรมีความ
หนาแน่นมากกว่าแผ่นธรณีทวีป แผ่นธรณีมหาสมุทรจะมุด ก่อให้เกิดร่องลึกใกล้
ชายฝั่ง เช่น ร่องลึกเปรู-ชิลีในอเมริกาใต้ นอกจากนี้การมุดของแผ่นสมุทรไปถึงชั้น
เนอื้ โลก เกิดการหลอมละลายเป็นหนิ หนืด (หินหนืดหนาแน่นน้อยกว่าเน้ือโลก) ยก
ตัวข้ึนดันเปลือกโลกทวีปให้กลายเป็นเทือกเขาสูง เกิดแนวภูเขาไฟเรียงรายตาม
ชายฝั่ง
การเคลือ่ นทข่ี องแผน่ ธรณีภาคเคลื่อนหากนั หรอื ชนกนั
2. แผ่นสมุทรเคล่ือนท่ีเข้าหาแผ่นสมุทร เคลื่อนปะทะกันเกิดร่องลึกก้นสมุทร
ลอยตัวขึ้นดันพื้นผิวโลกให้เกิดเป็นหมู่เกาะภูเขาไฟรูปโค้ง เกิดเป็นแนวภูเขาไฟกลาง
มหาสมุทร เช่น หมู่เกาะฟลิ ปิ ปินส์ หม่เู กาะญี่ปุน่
3. แผ่นทวีปเคลื่อนเข้าหาแผน่ ทวีป เม่ือแผ่นทวีปปะทะกัน แผ่นหน่ึงจะมุดตัวลง
สู่ชั้นฐานธรณีภาค อีกแผ่นหนึ่งจะถูกยกเกยสูงข้ึน กลายเป็นเทือกเขาที่สูงมาก เช่น
หมิ าลัย แอลป์
การเปลี่ยนแปลงของแผ่นธรณีภาคแบบเคลอื่ นหากนั
การเคลื่อนหากนั ระหวา่ ง
เปลือกโลกภาคพืน้ มหาสมทุ ร กบั เปลือกโลกภาคพ้นื ทวีป
เหวสมทุ ร
เปลือกโลกภาคพนื้ มหาสมุทร เปลอื กโลกภาคพืน้ ทวีป
เนอ้ื โลกชนั้ บนสดุ เน้ือโลกชัน้ บนสุด
เน้อื โลกส่วนบน
การเปลี่ยนแปลงของแผ่นธรณีภาคแบบเคลือ่ นหากนั
การเคล่ือนหากันระหว่าง
เปลอื กโลกภาคพนื้ มหาสมทุ ร กบั เปลอื กโลกภาคพน้ื มหาสมทุ ร
เปลอื กโลกภาคพน้ื มหาสมทุ ร เหวสมุทร
เนื้อโลกชัน้ บนสุด
เนื้อโลกส่วนบน เปลอื กโลกภาคพื้นทวปี
เนื้อโลกช้นั บนสดุ
การเปลยี่ นแปลงของแผ่นธรณภี าคแบบเคลื่อนหากนั
การเคลอื่ นหากนั ระหว่าง
เปลอื กโลกภาคพ้ืนทวปี กบั เปลอื กโลกภาคพื้นทวีป
เทือกเขา ทร่ี าบสงู
เปลือกโลกภาคพ้นื ทวีป เปลอื กโลกภาคพ้นื ทวปี
เนือ้ โลกชน้ั บนสดุ เนอื้ โลกชน้ั บนสุด
เนื้อโลกส่วนบน เปลือกโลกภาคพ้ืนสมุทรโบราณ
การเปลี่ยนแปลงของแผ่นธรณภี าคแบบเคลื่อนหากนั
การเคลอื่ นหากันระหว่าง การเคลอ่ื นหากนั ระหว่าง การเคลอื่ นหากนั ระหว่าง
เปลือกโลกภาคพนื้ มหาสมุทร เปลอื กโลกภาคพื้นทวปี เปลอื กโลกภาคพื้นมหาสมทุ ร
กบั เปลอื กโลกภาคพื้นมหาสมทุ ร กบั เปลอื กโลกภาคพ้ืนทวปี กบั เปลอื กโลกภาคพ้นื ทวปี
2. การเคลอ่ื นทีข่ องแผน่ ธรณภี าคแยกจากกัน
เกิดขนึ้ เนอื่ งจากแรงดนั ในชนั้ ฐานธรณภี าค ดันใหแ้ ผน่ ธรณีโกง่ ตัวข้นึ จนเกดิ รอยแตก แมกมาอยูภ่ ายใน
ดนั ตัวออก ทาใหแ้ ผ่นธรณเี คล่อื นทแี่ ยกจากกนั การเคล่ือนทขี่ องแผน่ ธรณีในลักษณะน้ที าให้เกิด
แผ่นดนิ ไหวไม่รุนแรง
2. การเคลอื่ นท่ขี องแผน่ ธรณีภาคแยกจากกนั
แผ่นธรณีมหาสมทุ รเคลอ่ื นท่อี อกจากกัน
แรงดนั ในชน้ั ฐานธรณภี าคดนั ให้แผ่นธรณีมหาสมุทรยกตัวขึน้ เปน็
สันเขาใต้สมุทร (Mid oceanic ridge) แล้วเกิดรอยแตกท่ีสว่ นยอด แมก
มาผลกั ใหแ้ ผ่นธรณีมหาสมุทรแยกออกจากกัน ตัวอยา่ งเช่น สนั เขาใต้
มหาสมทุ รแอตแลนตกิ
แผ่นธรณที วปี เคลือ่ นทอี่ อกจากกัน
แรงดันในช้ันฐานธรณีภาคดนั ให้แผ่นธรณีทวีปโก่งตัว สว่ นยอดของ
รอยโก่งยืดตวั ออกและบางลงจนเกิดรอยแตก และทรุดตวั ลงกลายเปน็ "หบุ
เขาทรดุ " (Rift valley) และมีแมกมาผลักให้แผ่นธรณีแยกออกจากกนั
ตวั อย่างเช่น ทะเลสาบมาลาวี ในทวปี แอฟรกิ า และ ทะเลแดง ซ่ึงกน้ั
ระหว่างทวีปแอฟริกากบั คาบสมุทรอาหรบั
การเคลื่อนทขี่ องแผน่ ธรณภี าคแยกจากกัน
การเคลอ่ื นท่แี ยกจากกนั ระหวา่ ง
เปลอื กโลกภาคพ้นื มหาสมทุ ร กับ เปลอื กโลกภาคพ้นื มหาสมุทร
เทอื กเขาแยกจากกันเกดิ หินใหม่ในบริเวณนนั้ ภเู ขาไฟเกดิ ขนึ้ ใกล้แนวเทือกเขา
และแผ่นเปลือกโลกถูกผลักใหแ้ ยกจากกัน
เปลอื กโลกภาคพืน้ สมทุ ร แมกมา
หนิ หลอมเหลวไหลขึน้ ไป
ระหวา่ งแผน่ เปลือกโลก
เคลอ่ื นที่แยกจากกัน
การเคลอื่ นทีข่ องแผน่ ธรณภี าคแยกจากกนั
การเคล่อื นทแ่ี ยกจากกันระหวา่ ง
เปลือกโลกภาคพน้ื ทวปี กับ เปลอื กโลกภาคพ้นื ทวปี
ภูเขาเลงไก หบุ เขาทรดุ ภูเขาคิลมิ นั จาโร
แมกมา
3. การเคล่ือนท่ขี องแผ่นธรณีภาคตามแนวระดับ หรอื ผา่ นกนั หรอื เฉือนกนั
มักเกดิ ใตม้ หาสมุทร ภาคพืน้ ทวปี กม็ ี เนอื่ งจากการเคลอ่ื นตัวของแมกมาในช้นั เน้ือโลกไมเท่ากนั
ทาใหแ้ ผ่นธรณภี าคเคลื่อนทีไ่ ม่เทา่ กนั ด้วย เกดิ การเล่อื นผ่านและเฉอื นกัน เป็นรอยเลื่อนระนาบ
ด้านข้างขนาดใหญ่ มักจะเกดิ แผ่นดินไหวรุนแรงในระดับตน้ื ๆ ตวั อยา่ งการเคลอ่ื นทข่ี องแผ่นธรณี
ภาคตามแนวระดบั เช่น รอยเลอ่ื นซานแอนเดรียส ประเทศสหรัฐอเมรกิ า
การเคลอื่ นท่ีของแผ่นธรณภี าคตามแนวระดบั
การเคล่อื นท่ีตามแนวระดับระหวา่ ง
เปลอื กโลกภาคพนื้ มหาสมุทร กับ เปลอื กโลกภาคพืน้ มหาสมทุ ร
เขตรอยแตก รอยเลือ่ นตามแนวระดับ เขตรอยแตก
การเคลอื่ นทขี่ องแผ่นธรณีภาคตามแนวระดับ
การเคล่อื นทต่ี ามแนวระดบั ระหวา่ ง
เปลอื กโลกภาคพื้นทวีป กับ เปลอื กโลกภาคพ้นื ทวปี
แผ่นเปลอื กโลกเคลือ่ นทต่ี ามแนวระดับ ทาใหเ้ กดิ แผน่ ดนิ ไหว
หินใกล้ขอบแผน่ เปลือกโลกเกิดรอยเลื่อนและเอยี ง
แผนท่แี สดงแผน่ เปลือกโลกสาคัญ
ขอบเขตแผ่นเปลอื กโลก
รอยแยกใต้พน้ื มหาสมทุ ร
ร่องลกึ ก้นสมุทร
ทศิ ทางการเคลอ่ื นที่
ทิศทางการมดุ ตัว
เขตรอยเลือ่ นชนกนั
เขตรอยเล่อื นตามแนวระดบั
การเกดิ แผ่นดนิ ไหว
การเกิดแผน่ ดินไหวเป็นผลสบื เนื่องมาจากการเคลือ่ นตวั ของเปลือกโลกในบริเวณรอยเลื่อนของเปลอื ก
โลก หรอื การปะทขุ องภเู ขาไฟ
บริเวณท่เี กดิ แผ่นดินไหวขนึ้ บอ่ ยครั้ง คือ บริเวณ มหาสมทุ รแปซฟิ กิ หรือทเี่ รยี กว่า แนววงแหวนแหง่
ไฟ ครอบคลุม เทือกเขาแอนดิส ในทวีปอมรกิ าใต้ เทอื กเขาร็อกก้ีและท่ีราบสูงโคลัมเบีย หมู่เกาะญี่ปุน่
หมเู่ กาะฟลิ ปิ ปิน หมู่เกาะอินโดนเซยี ผา่ นลงไปถึงหม่เู กาะแปซิฟกิ ใต้ถึงประเทศนวิ ซแี ลนด์
ในการเกิดแผ่นดินไหวแต่ละคร้ัง เราสามารถวัดความรุนแรงด้วย
เครือ่ งวัดแรงส่ันสะเทือน เรียกวา่ ไซโมกราฟ (Seismograph)
แนวรอยเล่อื นในประเทศไทย
แผนที่แสดงการกระจายของขนาดแผ่นดนิ ไหวของโลก
รอยเลือ่ นแซนแอนเดรยี ส รฐั แคลฟิ อรเ์ นยี
สหรัฐอเมริกา เป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่
ทีม่ พี ลังมากและมีโอกาสเกิดแผน่ ดินไหวรนุ แรง
สังเกตไดว้ ่าแผน่ ดินไหวจะเกดิ ตามแนวรอยตอ่ ของแผน่ เปลอื กโลก โดยเฉพาะรอบแผ่นเปลือกโลกแปซฟิ กิ หรอื วงแหวนแห่งไฟ
การปะทขุ องภเู ขาไฟ
เกิดจากแผ่นเปลอื กโลกแยกจากกันหรอื เคลอ่ื นเขา้ หากัน หรอื เกดิ จากบริเวณทมี่ ีจุดรอ้ น ทาให้แมกมา
ปะทุหรือไหลออกมาเปน็ ลาวา
- ภเู ขาไฟทเี่ กิดบรเิ วณขอบของแผน่ ภาคพ้นื สมทุ รเคลือ่ นท่ีมดุ แผ่นภาคพืน้ ทวปี เชน่ ภเู ขาไฟในชลิ ี เปรู
หรือภาคพื้นสมุทรสอดมดุ ซ่ึงกันและกนั เช่น ภูเขาไฟในญปี่ ุ่น อินโดนีเซีย
- ภเู ขาไฟทเ่ี กิดบริเวณแนวแยกของภาคพนื้ สมุทร เชน่ ภเู ขาไฟในประเทศไอซแ์ ลนด์
- ภูเขาไฟทเี่ กิดบรเิ วณจดุ ร้อน ภเู ขาไฟในหมเู่ กาะฮาวาย
เกิดแก๊สสชู่ นั้ บรรยากาศ เช่น NO2 CO2 SO2
โครงสรา้ งทางธรณีวทิ ยา
การเคลื่อนท่ขี องเปลือกโลกเขา้ หากันทาให้เกดิ แรงอดั ระหว่างเปลอื กโลก ก่อให้เกิดโครงสร้างทางธรณีวทิ ยาและภูมิประเทศของหนิ ตะกอนท่ี
โผล่พ้นผวิ ดินท่ีหลากหลาย
1. โครงสรา้ งรอยเลอ่ื น
2. โครงสร้างคดโคง้
1. โครงสรา้ งรอยเลอื่ น เกิดจากการเคลื่อนทขี่ องเปลือกโลกหรือแผ่นดนิ ในแนวดิง่ หรือแนวระนาบ
1.1 รอยเลอื่ นปกติ (normal fault) เปน็ รอยเลื่อนที่หินเพดานเลอ่ื นลง เม่ือเปรยี บเทียบกบั หิน
พนื้ รอยเลื่อนชนดิ นท้ี าให้เกิดหน้าผา
1.2 รอยเลอ่ื นยอ้ น (reverse fault) เป็นรอยเล่ือนที่หินเพดานเล่ือนขึน้ เมอื่ เปรียบเทยี บกับหิน
พื้น ถา้ รอยเล่อื นยอ้ นมีคา่ มุมเทเท่ากบั หรือนอ้ ยกว่า 45 องศาเซลเซยี ส เรยี กวา่ รอยเลอื่ นย้อนมุมต่า
รอยเล่อื นชนิดน้ีทาใหเ้ กดิ การเกยกันของเปลอื กโลก
1.3 รอยเลอื่ นตามแนวระดับ (strike-slip fault) เปน็ รอยเลือ่ นของหินเปลอื กโลกทเี่ กดิ ตาม
แนวนอน เรยี กอีกอย่างหนึ่งวา่ รอยเลอ่ื นแนวนอน จะไมป่ รากฏเปน็ หนา้ ผาสูง แตจ่ ะเป็นรอยแตก
โครงสรา้ งทางธรณีวทิ ยา
2. โครงสร้างคดโค้ง เปน็ การคดโค้งของหนิ เปลือกโลก ซง่ึ เกิดจากแรงดันภายในโลกบีบอดั ดนั ตวั ทาให้เปลอื กโลกโคง้
โก่งงอเปน็ ภเู ขาหรือเทอื กเขา มีลกั ษณะคดโค้งคล้ายลกู ฟกู หรือแบบโดม หรือ แบบโดมกลับหวั
2.1 หินโค้งรูปประทุนคว่า (Aticlie) หรอื โค้งกระทะคว่า ช้นั หนิ ที่มีอายมุ ากกว่าจะอยู่ด้านใน
2.2 ชน้ั หนิ โคง้ รูปประทุนหงาย (Syclie) หรือโคง้ กระทะหงาย ช้นั หนิ ที่มีอายมุ ากกว่าจะอย่ดู า้ นนอก
กระบวนการปรบั ระดับพื้นผิวโลก
เปน็ การปรบั ระดับผวิ แผน่ ดนิ เพ่ือใหผ้ วิ เปลือกโลกอยใู่ นสภาพสมดลุ พนื้ ท่ที ่ีสงู เชน่ ภเู ขา ที่สูงชันถกู กระบวนการ
ทางธรรมชาติทาให้ระดับตา่ ลง ในขณะทพี่ ้ืนท่ตี า่ เช่น แอ่ง ก็จะมตี ะกอนทบั ถมให้สูงข้ึน
กระบวนการปรับระดับพน้ื ผวิ โลก ประกอบด้วย
การผพุ งั อยกู่ ับท่ี การกรอ่ น การพัดพาและ การเคล่อื นที่
การทบั ถม ของมวล
การผพุ ังอยกู่ บั ท่ี กระบวนการปรบั ระดบั พื้นผวิ โลก
ทางกายภาพ เป็นกระบวนการท่ีทาให้หนิ เกดิ การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพและทางเคมี
ผุกรอ่ น แตกหัก ละลาย เป็นการเปล่ยี นสภาพทอี่ ยู่ ณ ทีเ่ ดิม
ทางเคมี ทางชวี ภาพ
ทางกายภาพ เกิดจากแรงกดดนั และอณุ หภูมิ หนิ และแร่ขยายตัวไม่เทา่ กัน อุณหภูมิท่ีสงู ในเวลา
ทางเคมี กลางวนั อาจทาให้หนิ แตกหักหรอื เป็นแผน่ ได้ ส่วนในเขตหนาวนา้ ทแี่ ทรกอยใู่ นรอ่ งหิน
ทางชีวภาพ จะแขง็ และขยายตัว
เกิดจากการเปล่ียนแปลงทางเคมีของหนิ และแร่ การผุพงั ทางเคมี เช่น การละลาย
กรดคารบ์ อนกิ ซ่ึงละลายปะปนอยู่ในน้าฝนหรือนา้ ใต้ดิน จะทาปฏิกริ ยิ ากับเปลือกโลกที่
เป็นหนิ ปูน ทาให้เกดิ ภมู ิประเทศแบบถ้า รอ่ งหลมุ ยุบ
การผพุ ังทางชวี ะ เกิดจากการกระทาของส่งิ มชี ีวิต เชน่ ต้นไมท้ ี่ข้นึ ตามรอยหนิ แตก ราก
ของมนั จะดนั ให้หนิ แตกหกั เป็นก้อนเล็ก ๆ
การกรอ่ น กระบวนการปรับระดบั พนื้ ผวิ โลก
จากแรงกระแทก เป็นกระบวนการท่หี ินหรือดนิ แตกหกั หรือหลุดเปน็ ก้อนเลก็ จากตัวกระทา
เช่น ธารน้า คลื่น ลม ธารน้าแข็ง
จากการครดู ถู จากการละลาย
จากแรงกระแทก แรงกระแทก เกิดจากการกระทาของน้า ลมหรอื เศษฝุ่นท่กี ระแทกกับผาทาให้เกดิ เปน็
จากการครูดถู โพรง เช่น แกรนดแ์ คนยอน
จากการละลาย
การครดู ถู เกิดจาก ธารนา้ แข็ง หรอื ลม และน้า
ธารน้าแขง็ ครดู ถู ไปกับพน้ื ธาร ทาใหห้ นิ แตกหลุดไปกับธารนา้ แข็ง
ลม พัดกอ้ นกรวดทรายครดู ถผู นังแนวหนิ ทราย เช่น เดอะเวฟ
นา้ เอากรวดทรายครูดถู จนมลี ักษณะเป็นหลุมบอ่ เรยี กว่า กุมภลกั ษณ์ เช่น สามพันโบก
การละลาย เกิดจากนา้ ละลายแร่บางชนดิ ให้หลดุ ลอยหรือละลายไปกับน้าทาให้เกดิ
ภมู ิประเทศแบบคาสต์ เปน็ หลมุ บอ่ ถา้ เช่น ถา้ หลวง-ขุนน้านางนอน
การพัดพาและการทบั ถม กระบวนการปรับระดับพื้นผิวโลก
เป็นกระบวนการท่เี กิดค่กู นั เมื่อมีการพัดพาตะกอนออกไปจากทห่ี นง่ึ
ทาให้เกิดการทบั ถมของตะกอนในอีกทหี่ น่ึง
หนิ ดนิ เหนยี ว
น้า
ทราย ทรายแป้ง แผน่ ดินงอกเกดิ จากแมน่ ้า
พัดพาตะกอนมาทบั ถม
การคัดขนาดตะกอนดว้ ยการพัดพาของน้า
การเคลอ่ื นทีข่ องมวล กระบวนการปรบั ระดับพ้ืนผิวโลก
เม่อื หินหรอื ดนิ มนี า้ หนกั มากและอยูบ่ นท่ีลาดชันมีโอกาสไหลหล่นมาตาม
แรงโน้มถว่ งของโลก อาจมปี จั จยั อื่น ๆ รว่ มดว้ ย เช่น นา้ การส่ันสะเทือน
หิมะถล่ม ดินถลม่ หนิ ถล่ม
? ภาพต่อไปนี้เป็นการเปลยี่ นแปลงทางธรณีกระบวนการใด กิจกรรม
12 4
3 การกรอ่ นจากการครดู ถู 5 โครงสร้างรอยเล่อื น
การกรอ่ นจากการละลายหนิ ปูน การพดั พาและทับถม ทะเลสาบบนปากปล่องภูเขาไฟเกดิ จากภูเขาไฟปะทุ