นางสาวลักษมณ เสงี่ยมงาม ม.6/5 เลขที่ 34 ระบบสุริ สุ ย ริ ะ SYSTEM SOLAR F O R S T U D Y
Fauget News OLAR YTEM MEAN 1 คือคืระบบดาวซึ่งประกอบด้วยดวงอาทิตทิย์และวัตถุอื่นอื่ๆ ที่โที่คจร รอบดวงอาทิตทิย์เนื่องจากแรงโน้มถ่วง ได้แก่ ดาวเคราะห์ 8 ดวง กับกัดวงจันทร์บริวารที่ค้ที่ค้นพบแล้ว 279 ดวง[4] ดาวเคราะห์แคระ 5 ดวงกับกัดวงจันทร์บริวารที่ค้ที่ค้นพบแล้ว 4 ดวง กับกัวัตถุขนาดเล็กล็ อื่นอื่ๆ อีกอีนับล้านชิ้น ซึ่งรวมถึงถึดาวเคราะห์น้อย วัตถุในแถบไค เปอร์ ดาวหาง สะเก็ดก็ดาว และฝุ่นฝุ่ระหว่างดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์ชั้นเอกทั้งทั้8 ดวงในระบบสุริสุริยะ เรียงลำ ดับดัจากใกล้ดวง อาทิตทิย์ที่สุที่ดสุออกไป มีดัมีงดันี้คือคืดาวพุธ ดาวศุกศุร์ โลก ดาวอังอัคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ถึงถึกลางปี ค.ศ. 2008 วัตถุขนาดย่อมกว่าดาวเคราะห์จำ นวน 5 ดวง ได้รับการจัดระดับดัให้เป็นดาวเคราะห์แคระ ได้แก่ ซีรีสในแถบดาว เคราะห์น้อย กับกัวัตถุอีกอี4 ดวงที่โที่คจรรอบดวงอาทิตทิย์อยู่ในย่านพ้น ดาวเนปจูน คือคืดาวพลูโต (ซึ่งเดิมดิเคยถูกจัดระดับดัไว้เป็นดาว เคราะห์) เฮาเมอา มาคีมคีาคี และ เอริส มีดมีาวเคราะห์ 6 ดวงและดาวเคราะห์แคระ 3 ดวงที่มีที่ดมีาวบริวารโคจร อยู่รอบ ๆ เราเรียกดาวบริวารเหล่านี้ว่า "ดวงจันทร์" ตามอย่างดวง จันทร์ของโลก นอกจากนี้ดาวเคราะห์ชั้นนอกยังมีวมีงแหวนดาว เคราะห์อยู่รอบตัวตัอันอั ประกอบด้วยเศษฝุ่นฝุ่และอนุภาคขนาดเล็กล็
Fauget News OLAR YTEM การค้นพบและการสำ รวจ การสำ รวจยุคแรก การสำ รวจระบบสุริสุยริะในยุคยุแรกดำ เนินไปได้ โดยอาศัยศักล้อล้งโทรทรรศน์ เพื่อช่วยนัก ดาราศาสตร์จัร์ดจัทำ แผนภาพท้อท้งฟ้าฟ้แสดง ตำ แหน่งของวัตวัถุที่ถุจ ที่ างเกินกิกว่าว่จะมองเห็นห็ ได้ ด้วด้ยตาเปล่าล่ กาลิเลิลโอ กาลิเลิลอี คือคืผู้แผู้ รกที่ค้ ที่ นค้พบรายละเอียอีด ทางกายภาพของวัตวัถุใถุนระบบสุริสุยริะ เขาค้นค้พบ ว่าว่ผิวผิดวงจันจัทร์นั้ร์ นั้ขรุขรุระ ส่วส่นดวงอาทิตทิย์ก็ย์มีก็ มี จุดจุด่าด่งดำ และดาวพฤหัสหับดีมีดีดมีาวบริวริารสี่ด สี่ วง โคจรไปรอบ ๆ[5] คริสริตียตีาน เฮยเคินคิส์ เจริญริ รอยตามกาลิเลิลโอโดยค้นค้พบ ดาวไททันทัดวง จันจัทร์ขร์องดาวเสาร์ รวมถึงถึวงแหวนของดาว เสาร์ด้ร์วด้ย[6] ในเวลาต่อต่มา จิโจิอวันวันี โดเมนิโก กัสกัสินีสิ นีค้นค้พบดวงจันจัทร์ขร์องดาวเสาร์เร์พิ่มพิ่อีกอี 4 ดวง ช่องว่าว่งในวงแหวนของดาวเสาร์ รวมถึงถึ จุดจุแดงใหญ่บญ่นดาวพฤหัสหับดี 2 Volume 10, Issue 3 March 2003 ปี ค.ศ. 1705 เอ็ดอ็มันมัด์ ฮัลฮัเลย์ ค้นค้พบว่าว่ดาวหาง หลายดวงในบันบัทึกทึประวัติวัศติาสตร์ที่ร์จ ที่ ริงริเป็นป็ดวง เดิมดิกลับลัมาปรากฏซ้ำ ถือถืเป็นป็การพบหลักลัฐาน ชิ้นแรกสำ หรับรัการโคจรรอบดวงอาทิตทิย์ขย์อง วัตวัถุอื่ถุน อื่ นอกเหนือจากดาวเคราะห์[ห์8] ในช่วง ระยะเวลาเดียดีวกันกันี้จึงจึเริ่มริ่มีกมีารใช้คำ ว่าว่ "ระบบ สุริสุยริะ" ขึ้น ขึ้ เป็นป็ครั้งรั้แรก[9] ค.ศ. 1781 วิลวิเลียลีม เฮอร์เร์ชล ค้นค้พบดาวเคราะห์ ดวงใหม่คืม่อคืดาวยูเยูรนัส โดยที่ใที่ นตอนแรกเขาคิดคิ ว่าว่เป็นป็ดาวหาง[10] ต่อต่มาในปี ค.ศ. 1801 จูเจูซ ปเป ปีอัปีซอัซี ค้นค้พบวัตวัถุโถุคจรอยู่รยู่ ะหว่าว่งดาว อังอัคารกับกัดาวพฤหัสหับดี ในตอนแรกเขาคิดคิว่าว่ เป็นป็ดาวเคราะห์ แต่ต่ต่อต่มาจึงจึมีกมีารค้นค้พบวัตวัถุ ขนาดเล็กล็นับเป็นป็ พันดวงในย่าย่นอวกาศนั้น ซึ่งใน เวลาต่อต่มาจึงจึเรียรีกวัตวัถุเถุหล่าล่นั้นว่าว่ดาวเคราะห์ น้อย ไม่อม่าจระบุไบุด้แด้น่ชัดว่าว่ระบบสุริสุยริะถูกถู"ค้นค้พบ" เมื่อมื่ ใดกันกัแน่ แต่กต่ารสังสัเกตการณ์ในช่วงคริสริต์ ศตวรรษที่ 19 สามรายการสามารถบรรยาย ลักลัษณะและตำ แหน่งของระบบสุริสุยริะในเอกภพ ได้อด้ย่าย่งไม่มีม่ข้มีอข้สงสัยสัรายการแรกเกิดกิขึ้น ขึ้ ในปี ค.ศ. 1838 เมื่อมื่ ฟรีดรีดริคริเบสเซล สามารถวัดวัพา รัลรัแลกซ์ของดาวได้ เขาพบว่าว่ตำ แหน่งปรากฏ ของดาวเปลี่ยลี่นแปลงไปตามการเคลื่อลื่นที่ขที่อง โลกที่โที่คจรไปรอบดวงอาทิตทิย์ นี่ไม่เม่ พียงเป็นป็ข้อข้ พิสูจสูน์ทางตรงต่อต่แนวคิดคิดวงอาทิตทิย์เย์ป็นป็ ศูนศูย์กย์ลางจักจัรวาล แต่ยัต่งยัได้เด้ปิดปิเผยให้ทห้ราบถึงถึ ระยะทางมหาศาลระหว่าว่งระบบสุริสุยริะของเรา กับกัดวงดาวอื่นอื่เป็นป็ครั้งรั้แรก ต่อต่มาในปี ค.ศ. 1859 โรเบิร์บิตร์บุนบุเซน และ กุสกุตาฟ เคอร์ชร์อฟฟ์ ได้ใด้ช้สเปกโตรสโคปที่ปที่ระดิษดิฐ์ขึ้ฐ์น ขึ้ ใหม่ตม่รวจวัดวั ค่าค่สเปกตรัมรัจากดวงอาทิตทิย์ และพบว่าว่มันมั ประกอบด้วด้ยธาตุชตุนิดเดียดีวกันกักับกัที่มีที่อมียู่บยู่ นโลก นับเป็นป็ครั้งรั้แรกที่พที่บข้อข้มูลมูทางกายภาพที่เที่กี่ยกี่ว โยงกันกัระหว่าว่งโลกกับกัสวรรค์ หลังลัจากนั้น บาทหลวงแองเจโล เซคคี เปรียรีบ เทียทีบรายละเอียอีดสเปกตรัมรัของดวงอาทิตทิย์กัย์บกั ดาวฤกษ์ดษ์วงอื่นอื่และพบว่าว่มันมัเหมือมืนกันกัทุกทุ ประการ ข้อข้เท็จท็จริงริที่พที่บว่าว่ดวงอาทิตทิย์ก็ย์เก็ป็นป็ ดาวฤกษ์ดษ์วงหนึ่งนำ ไปสู่ข้สู่ อข้สมมุติมุ ฐติานว่าว่ ดาวฤกษ์ดษ์วงอื่นอื่ก็อก็าจมีรมีะบบดาวเคราะห์ขห์อง มันมัเองเช่นกันกัแม้ว่ม้าว่กว่าว่จะค้นค้พบหลักลัฐาน สำ หรับรัข้อข้สมมุติมุ ฐติานนี้จะต้อต้งใช้เวลาต่อต่มาอีกอี กว่าว่ 140 ปี ค.ศ. 1992 มีกมีารค้นค้พบหลักลัฐานแรกที่ส่ที่อส่ถึงถึ ระบบดาวเคราะห์แห์ห่งห่อื่นอื่นอกเหนือจากระบบ ของเรา โคจรอยู่รยู่ อบดาวพัลซาร์ พีเอสอาร์ บี1บี257+12 สามปีต่ปีอต่มาจึงจึพบดาวเคราะห์นห์อก ระบบดวงแรกคือคื 51 เพกาซี บี โคจรรอบ ดาวฤกษ์ลัษ์กลัษณะคล้าล้ยดวงอาทิตทิย์ ตราบจนถึงถึ ปี ค.ศ. 2008 มีกมีารค้นค้พบระบบดาวเคราะห์อื่ห์นอื่ แล้วล้กว่าว่ 221 ระบบ
สำ รวจด้วยยานอวกาศ Fauget News OLAR YTEM การค้นพบและสำ รวจ 3 Volume 10, Issue 3 March 2003 ยุคของการสำ รวจอวกาศด้วยยานอวกาศเริ่มต้นขึ้นขึ้นับแต่ สหภาพโซเวียต (ปัจจุบันบัคือประเทศรัสเซีย) ส่งดาวเทียทีมส ปุตนิก 1 ขึ้นขึ้สู่วสู่งโคจรรอบโลกเมื่อมื่ปี ค.ศ. 1957 โดยได้ โคจรอยู่เป็นเวลา 1 ปี ต่อมายานเอกซ์พลอเรอร์ 6 ของ สหรัฐอเมริกา ขึ้นขึ้สู่วสู่งโคจรในปี 1959 และสามารถถ่าย ภาพโลกจากอวกาศได้เป็นครั้งแรก ยานสำ รวจลำ แรกที่เที่ดินดิทางไปถึงถึวัตถุอื่นอื่ในระบบสุริสุริยะ คือ ยานลูนา 1 ซึ่งเดินดิทางผ่านดวงจันทร์ในปี ค.ศ. 1959 ใน ตอนแรกตั้งตั้ใจกันกัว่าจะให้มันมัตกลงบนดวงจันทร์ แต่ยาน พลาดเป้าหมายแล้วจึงกลายเป็นยานที่สที่ร้างโดยมนุษย์ลำ แรกที่ไที่ด้โคจรรอบดวงอาทิตทิย์ ยานมาริเนอร์ 2เป็นยาน อวกาศลำ แรกที่เที่ดินดิทางไปถึงถึดาวเคราะห์อื่นอื่ในระบบสุริสุริยะ คือไปเยือนดาวศุกศุร์ในปี ค.ศ. 1962 ต่อมายานมาริเนอร์ 4 ได้ไปถึงถึดาวอังอัคารในปี ค.ศ. 1965 และมาริเนอร์ 10 ไป ถึงถึดาวพุธในปี ค.ศ. 1974 ยานอวกาศลำ แรกที่ลงจอดบนที่วัตถุอื่นในระบบ อื่สุริสุริยะ ได้คือยานลูนา 2 ของสหภาพโซเวียต ซึ่งลงจอดบน ดวงจันทร์ได้ในปี ค.ศ. 1959 หลังจากนั้นก็มีก็ยานลงมี จอดบนดาวอื่นไอื่ด้มากขึ้นเขึ้รื่อย ๆ ยานเวเนรา 3 ลง จอดบนพื้นผิวดาวผิศุกศุร์ในปี 1966 ยานมาร์ส 3 ลงถึงถึ พื้นดาวอังคารใน อั ปี 1971 (แต่การลงจอดที่สำที่สำเร็จจร็ริง ๆ คือยานไวกิ้ง กิ้1 ในปี 1976) ยานเนียร์ชูเมกเกอร์ ไปถึงดาวเคราะถึห์น้อย 433 อีรอส อี ในปี 2001 และ ยานดีปดีอิมแพกอิต์ไปต์ถึงดาวหางเทมเพล ถึ1 ในปี 2005 ยานสำ รวจลำ แรกที่ไปที่ถึงระบบถึสุริสุริยะชั้นนอกคือยาน ไพโอเนียร์ 10 ที่เที่ดินทาดิงผ่านดาวพฤหัสบดีในดี ปี ค.ศ. 1973 ต่อมาในปี ค.ศ. 1977 ยานสำ รวจอวกาศในโครงการวอยเอจเจอร์จึงได้ เริ่มต้นการเดินทางคดิรั้งใหญ่ โดยเดินทางดิผ่านดาวพฤหัสบดีในดี ปี 1979 ผ่านดาวเสาร์ในปี 1980-1981 ยานวอยเอจเจอร์ 2 ได้เข้าใกล้ดาวยูเรนัส ในปี 1986 และเข้าใกล้ดาวเนปจูนในปี 1989 ปัจจุบันบันี้ ยานสำ รวจวอย เอจเจอร์ทั้ง ทั้2 ลำ ได้เดินทางออกดิพ้นวงโคจรของดาวเนปจูนไปไกลแล้ว และมุ่งไปบนเส้นทางเพื่อค้นหาและศึกษาศึกำ แพงกระแทก เฮลิโอชีท และ เฮลิโอพอส ข้อมูลล่าสุดจากองสุค์การนาซาแจ้งว่า ยานวอยเอจเจอร์ทั้ง ทั้2 ลำ ได้เดินทางดิผ่านกำ แพงกระแทกไปแล้วที่ระยะที่ห่างประมาณ 93 หน่วยดาราศาสตร์จากดวงอาทิตทิย์ วันที่ 19 มกราคม 2006 นาซาส่งยานสำ รวจแบบบินบิผ่าน นิวฮอไรซันส์ ขึ้นขึ้สู่อวกาศ สู่ซึ่งเป็นยานสำ รวจอวกาศแบบไร้คนขับขัลำ แรกที่จะเที่ดินทางไป ดิ สำ รวจแถบไคเปอร์ ยานมีกำมีกำหนดบินบิผ่านดาวพลูโตในเดือนกรกฎาคมดื 2015 จากนั้นจะเดินทางเดิข้าสู่แถบไคเปอสู่ร์เพื่อสำ รวจวัตถุในพื้นที่นั้ที่นั้ต่อไป
Fauget News OLAR YTEM การกำ เนิดและวิวัวิฒวันาการ ภาพถ่ายแผ่นจานดาวเคราะห์ก่อนเกิดกิ ในเนบิวบิลานายพราน จากกล้องฮับฮัเบิลบิ ระบบสุริสุยริะถือกำ เนิดขึ้นจากการ แตกสลายด้วยแรงโน้มถ่วง ภายในของเมฆโมเลกุลขนาด ยักษ์เมื่อกว่า 4,600 ล้าล้นปีมา แล้วล้เมฆต้นกำ เนิดนี้มีความ กว้างหลายปีแสง และอาจ เป็นป็ต้นกำ เนิดของดาวฤกษ์อื่น อื่ อีกอีจำ นวนมาก เมื่อย่านเนบิวลาก่อนสุริสุยริะ ซึ่ง น่าจะเป็นป็จุดกำ เนิดของระบบ สุริสุยริะเกิดแตกสลายลง โมเมนตัม เชิงมุมที่มีอยู่ทำ ให้มันหมุนตัวไป เร็วร็ยิ่งขึ้น ที่ใจกลางของย่านซึ่ง เป็นป็ศูนย์รวมมวลอันอัหนาแน่นมี อุณอุหภูมิเพิ่มสูงสูมากขึ้นกว่าแผ่น จานที่หมุนอยู่รอบๆขณะที่ เนบิวลานี้หดตัวลง มันก็เริ่มริ่มี ทรงแบนยิ่งขึ้นและค่อย ๆ ม้วน ตัวจนกลายเป็นป็จานดาวเคราะห์ ก่อนเกิด ที่มีเส้นส้ผ่านศูนย์กลาง ราว 200 AU พร้อร้มกับมี ดาวฤกษ์ก่อนเกิดที่หนาแน่นและ ร้อร้นจัดอยู่ ณ ใจกลาง เมื่อการ วิวัฒนาการดำ เนินมาถึงจุดนี้ เชื่อว่าดวงอาทิตย์ได้มีสภาพเป็นป็ ดาวฤกษ์ชนิด T Tauri ผลจาก การศึกษาดาวฤกษ์ชนิด T Tauri พบว่ามันมักมีแผ่นจานของ มวลสารดาวเคราะห์ก่อนเกิดที่มี มวลประมาณ 0.001-0.1 เท่า ของมวลดวงอาทิตย์ กับมวลของ เนบิวลาในตัวดาวฤกษ์เองอีกอี เป็นป็ส่วส่นใหญ่จำ นวนมหาศาล ดาวเคราะห์ก่อตัวขึ้นจากแผ่น จานรวมมวลเหล่าล่นี้ 4 Volume 10, Issue 3 March 2003 ภายในช่วงเวลา 50 ล้าล้นปี ความดันดัและความหนาแน่นของ ไฮโดรเจนที่ใจกลางของดาวฤกษ์ก่ ษ์ อก่นเกิดกิก็มีก็มมีากพอจะทำ ให้ เกิดกิ ปฏิกิริกิยริาการหลอมนิวเคลียลีสขึ้น ขึ้ ได้ ทั้งทั้อุณอุหภูมิภูมิอัตอัราการ เกิดกิ ปฏิกิริกิยริา ความดันดัตลอดจนความหนาแน่นต่าต่งเพิ่มพิ่ขึ้น ขึ้ เรื่อ รื่ ย ๆ จนกระทั่งทั่ถึงถึสภาวะสมดุลดุอุทอุกสถิตถิ โดยมีพมีลังลังาน ความร้อร้นที่มากพอจะต้าต้นทานกับกัการหดตัวตัของแรงโน้มถ่วถ่ง ได้ ณ จุดจุนี้ดวงอาทิตย์จึ ย์ งจึได้วิด้ วัฒนาการเข้าข้สู่แสู่ ถบลำ ดับดัหลักลั อย่าย่งสมบูรบูณ์
Fauget News OLAR YTEM การกำ เนิดและวิวัวิฒวันาการ ดาวแคระขาว วิวัวิฒวันาการของดวงอาทิตทิย์ ระบบสุริสุยริะจะดำ รงสภาพอย่าย่งที่เ ที่ รา รู้จัรู้กจักันกั ในปัจปัจุบัจุนบันี้ไปตราบจน กระทั่งทั่ดวงอาทิตทิย์ไย์ด้วิด้วัวิฒวันาการ จนออกพ้นพ้จากแถบลำ ดับดัหลักลับน ไดอะแกรมของเฮิร์ฮิตร์สปรังรั-รัสรัเซลล์ เมื่อ มื่ ดวงอาทิตทิย์เย์ผาผลาญเชื้อเพลิงลิ ไฮโดรเจนภายในไปเรื่อ รื่ ย ๆ พลังลังาน ที่ค ที่ อยค้ำ จุนจุแกนกลางของดาวอยู่ก็ยู่ ก็ จะลดน้อยถอยลง ทำ ให้มัห้นมัหดตัวตั และแตกสลายลงไป การหดตัวตัจะ ทำ ให้แห้รงดันดัความร้อร้นในแกนกลาง เพิ่มพิ่มากขึ้น ขึ้ และทำ ให้มัห้นมัยิ่งยิ่เผา ผลาญเชื้อเพลิงลิเร็วร็ขึ้น ขึ้ ผลที่เ ที่ กิดกิคือคื ดวงอาทิตทิย์จย์ะส่อส่งสว่าว่งมากยิ่งยิ่ขึ้น ขึ้ โดยมีอัมีตอัราเพิ่มพิ่ขึ้น ขึ้ ประมาณ 10% ใน ทุกทุ ๆ 1,100 ล้าล้นปี 5 Volume 10, Issue 3 March 2003 ในอีกอีประมาณ 5,400 ล้าล้นปีข้างหน้า ไฮโดรเจนในแกนกลางของดวงอาทิตย์จะ เปลี่ย ลี่ นไปเป็นป็ฮีเฮีลียลีมทั้งหมด ซึ่งเป็นป็อันอัจบ กระบวนการวิวัฒนาการบนแถบลำ ดับ หลักลั ในเวลานั้น ชั้นผิวรอบนอกของดวง อาทิตย์จะขยายใหญ่ขึ้นประมาณ 260 เท่าของขนาดเส้นส้ผ่านศูนย์กลางใน ปัจปัจุบัน ดวงอาทิตย์จะกลายเป็นป็ดาวยักษ์ แดง การที่พื้นผิวของดวงอาทิตย์ขยายตัว ขึ้นอย่างมหาศาล ทำ ให้อุณอุหภูมิที่พื้นผิว ของมันเย็นลงยิ่งกว่าที่เคยเป็นป็เมื่ออยู่บน แถบลำ ดับหลักลั (ตำ แหน่งเย็นที่สุดสุคือ 2600 K) สิ่งสิ่ที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ชั้นผิวนอกของ ดวงอาทิตย์จะแตกสลาย กลายไปเป็นป็ดาว แคระขาว คือวัตถุที่มีความหนาแน่นอย่าง ยิ่งยวด มวลประมาณครึ่ง รึ่ หนึ่งของมวล ดั้งเดิมของดวงอาทิตย์จะอัดอัแน่นอยู่ใน พื้นที่ของวัตถุขนาดประมาณเท่ากับโลก การแตกสลายของชั้นผิวรอบนอกของดวง อาทิตย์จะทำ ให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียรีก ว่า เนบิวลาดาวเคราะห์ ซึ่งเป็นป็การส่งส่ คืน สสารต่าง ๆ อันอั ประกอบขึ้นเป็นป็ดวง อาทิตย์กลับลั คืนให้แก่สสารระหว่างดาว
Fauget News OLAR YTEM โครงสร้างและองค์ประกอบ An overflow of water The Rising water องค์ประกอบหลักลัที่สำ คัญของระบบสุริสุยริะ คือ ดวงอาทิตย์ ดาวฤกษ์ในแถบลำ ดับ หลักลั ประเภท G2 ซึ่งมีมวลคิดเป็นป็ 99.86% ของมวลรวมทั้งระบบเท่าที่เป็นป็ที่ รู้จัรู้ จัก และเป็นป็แหล่งล่แรงโน้มถ่วงหลักลัของ ระบบ[27] โดยมีดาวพฤหัสบดีและดาว เสาร์ ซึ่งเป็นป็ วัตถุในวงโคจรใหญ่ที่สุดสุสอง ดวงครอบครองมวลอีกอี 90% ของมวล ส่วส่นที่เหลือลื วัตถุใหญ่ ๆ ในวงโคจรรอบดวงอาทิตย์จะ เคลื่อ ลื่ นที่อยู่บนระนาบใกล้เล้คียงกับระนาบ โคจรของโลก ที่เรียรีกว่า ระนาบสุริสุยริ วิถี ดาวเคราะห์ทั้งหมดจะเคลื่อ ลื่ นที่ใกล้เล้คียง กับระนาบนี้ ขณะที่ดาวหางและวัตถุใน แถบไคเปอร์มัร์ มักเคลื่อ ลื่ นที่ทำ มุมกับระนาบ ค่อนข้างมาก ดาวเคราะห์ทั้งหมดและวัตถุ ส่วส่นใหญ่ในระบบยังโคจรไปในทิศทาง เดียวกับการหมุนรอบตัวเองของดวง อาทิตย์ (ทวนเข็มนาฬิกา เมื่อมองจากมุม มองด้านขั้วเหนือของดวงอาทิตย์) มีเพียง บางส่วส่นที่เป็นป็ข้อยกเว้นไม่เป็นป็ ไปตามนี้ เช่น ดาวหางฮัลฮัเลย์ เป็นป็ต้น 6 Volume 10, Issue 3 March 2003 ตามกฎการเคลื่อ ลื่ นที่ของดาวเคราะห์ของเค็พเพลอร์ อธิบธิายถึงลักลัษณะการโคจร ของวัตถุต่าง ๆ รอบดวงอาทิตย์ กล่าล่วคือ วัตถุแต่ละชิ้นจะเคลื่อ ลื่ นที่ไปตามแนว ระนาบรอบดวงอาทิตย์โดยมีจุดโฟกัสหนึ่งจุด วัตถุที่อยู่ใกล้ดล้วงอาทิตย์มากกว่า (มี ค่ากึ่งแกนเอกน้อยกว่า) จะใช้เวลาโคจรน้อยกว่า บนระนาบสุริสุยริวิถีหนึ่ง ๆ ระยะห่าง ของวัตถุกับดวงอาทิตย์จะแปรผันไปตามเส้นส้ทางบนทางโคจรของมัน จุดที่วัตถุอยู่ ใกล้ดล้วงอาทิตย์ที่สุดสุเรียรีกว่า "จุดใกล้ดล้วงอาทิตย์ที่สุดสุ" (perihelion) ขณะที่ ตำ แหน่งซึ่งมันอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุด สุเรียรีกว่า "จุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดสุ" (aphelion) วัตถุจะเคลื่อ ลื่ นที่ได้ความเร็วร็สูงสูที่สุดสุเมื่ออยู่ในตำ แหน่งใกล้ดล้วงอาทิตย์ ที่สุดสุและเคลื่อ ลื่ นที่ด้วยความเร็วร็ต่ำ สุดเสุมื่ออยู่ในตำ แหน่งไกลดวงอาทิตย์ที่สุดสุ ลักลัษณะของวงโคจรของดาวเคราะห์มีรูปร่าร่งเกือบจะเป็นป็วงกลม ขณะที่ดาวหาง ดาวเคราะห์น้อย และวัตถุในแถบไคเปอร์ มีวงโคจรค่อนข้างจะเป็นป็วงรี
Fauget News OLAR YTEM โครงสร้างและองค์ปค์ ระกอบ กฎของทีททีซีอุซีอุส-โบเดอ กฎของทีทซีอุสอุ–โบเดอ (อังอักฤษ: Titius– Bode law) หรือรืบางแห่งเรียรีกว่า กฎของ โบเดอ คือสมมุติฐานเกี่ยวกับวงโคจรของ วัตถุทางดาราศาสตร์ที่ร์ ที่ค่ากึ่งแกนเอกต่าง ๆ กันกับดวงอาทิตย์ ว่ามีความสัมสัพันธ์ใธ์น ลักลัษณะเอกซ์โพเนนเชียลตามลำ ดับของ ดาวเคราะห์ ได้รับรัการเสนอขึ้นใน ค.ศ. 1766 โดยโยฮันฮัดานีเอล ทีทซีอุสอุนัก ดาราศาสตร์ชร์าวเยอรมัน และต่อมาโยฮันฮั เอเลิร์ลิทร์ โบเดอ ได้นำ มาสรุปเป็นป็กฎขึ้น ใน ภายหลังลัสมมุติฐานนี้ไม่เป็นป็ที่ยอมรับรัเมื่อ การทำ นายวงโคจรของดาวเคราะห์ผิด พลาดไปนับแต่การค้นพบดาวเนปจูนใน ค.ศ. 1846 7 Volume 10, Issue 3 March 2003 เมื่อศึกษาถึงระยะห่างระหว่างดาวเคราะห์ ในที่ว่างมหาศาลของระบบ เราพบว่า ยิ่ง ดาวเคราะห์หรือรืแถบต่าง ๆ อยู่ไกลจาก ดวงอาทิตย์เท่าไร มันก็จะยิ่งอยู่ห่างจาก วัตถุอื่น อื่ ใกล้เล้คียงมากเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ดาวศุกร์มีร์ มีระยะห่างจากดาวพุธประมาณ 0.33 หน่วยดาราศาสตร์ ส่วส่นดาวเสาร์อร์ยู่ ห่างจากดาวพฤหัสบดีไป 4.3 หน่วยดาราศาสตร์ และดาวเนปจูนอยู่ห่าง จากดาวยูเรนัสออกไปถึง 10.5 หน่วยดาราศาสตร์ เคยมีความพยายาม ศึกษาและอธิบธิายถึงระยะห่างระหว่างวง โคจรของดาวต่าง ๆ (ดูรายละเอียอีดใน กฎ ของทีทซีอุสอุ–โบเดอ) แต่จนถึงปัจปัจุบันยัง ไม่มีทฤษฎีใดเป็นป็ที่ยอมรับรั ดาวเคราะห์ส่วส่นมากในระบบสุริสุยริะจะมี ระบบเล็กล็ๆ ของตัวเองด้วย โดยจะมีวัตถุ คล้าล้ยดาวเคราะห์ขนาดเล็กล็ โคจรไปรอบ ตัวเองเป็นป็ดาวบริวริาร หรือรืดวงจันทร์ ดวง จันทร์บร์างดวงมีขนาดใหญ่กว่าดาว เคราะห์เสียสีอีกอีดาวบริวริารขนาดใหญ่เหล่าล่ นี้จะมีวงโคจรที่สอดคล้อล้งกันเป็นป็ส่วส่นใหญ่ คือจะหันหน้าด้านหนึ่งของดาวเข้าหาดาว เคราะห์ดวงแม่ของมันเสมอ ดาวเคราะห์ ใหญ่ที่สุดสุในระบบสุริสุยริะ 4 ดวงยังมี วงแหวนดาวเคราะห์อยู่รอบตัวด้วย เป็นป็ แถบบาง ๆ ที่ประกอบด้วยเศษชิ้นส่วส่นเล็กล็ ๆ โคจรไปรอบ ๆ อย่างเป็นป็อันอัหนึ่งอันอั เดียวกัน
Fauget News OLAR YTEM โครงสร้างและองค์ประกอบ คำ จำ กัดกัความ ดาวเคราะห์แคระ คือวัตถุท้องฟ้าฟ้ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์และมีมวลมากพอจะทำ ให้ตัวเองมีสัณสัฐานกลมเนื่องจากแรงโน้มถ่วง แต่ ไม่สามารถขจัดชิ้นส่วส่นก่อนเกิดดาวเคราะห์ออกไป ทั้งไม่สามารถเป็นป็ดาวบริวริาร จากคำจำ กัดความนี้ ระบบสุริสุยริะจึงมีดาวเคราะห์ แคระที่รู้จัรู้ จักแล้วล้ 5 ดวงคือ ซีรีสรีพลูโลูต เฮาเมอา มาคีมาคีและ เอริสริวัตถุอื่น อื่ ๆ ที่อาจสามารถจัดประเภทเป็นป็ดาวเคราะห์แคระได้ ได้แก่ เซดนา ออร์กัร์ กัส และควาอัวอัร์ ดาวเคราะห์แคระที่โคจรอยู่ในย่านพ้นดาวเนปจูนเรียรีกชื่อรวม ๆ ว่า "พลูตลูอยด์"นอกเหนือจากนี้ วัตถุขนาดเล็กล็อื่น อื่ ๆ ที่โคจรไปรอบดวงอาทิตย์จัดว่าเป็นป็วัตถุขนาดเล็กล็ ในระบบสุริสุยริะ นักวิทยาศาสตร์ดาร์วเคราะห์ใช้คำศัพท์ แก๊ส น้ำ แข็ง และ หิน เพื่ออธิบธิายถึงประเภทองค์ประกอบสสารต่าง ๆ ที่พบตลอดทั่วระบบสุริสุยริะ หิน จะใช้ในการอธิบธิายองค์ประกอบที่มี จุดหลอมเหลวสูงสู (สูงสูกว่า 500 เคลวิน) เช่นพวก ซิลิเลิกต องค์ประกอบหินมักพบได้มากในกลุ่มลุ่ ระบบสุริสุยริะชั้นใน เป็นป็ส่วส่นประกอบ หลักลัของดาวเคราะห์และดาวเคราะห์น้อย แก๊ส เป็นป็สสารที่มีจุดหลอมเหลวต่ำ เช่นอะตอมไฮโดรเจน ฮีเฮีลียลีม และแก๊สมีสกุล มักพบ ในย่านกึ่งกลางระบบสุริสุยริะ เป็นป็ส่วส่นประกอบส่วส่นใหญ่ของดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ น้ำ แข็ง ซึ่งประกอบด้วยน้ำ มีเทน แอมโมเนีย และคาร์บร์อนไดออกไซด์ มีจุดหลอมเหลวเพียงไม่กี่ร้อร้ยเคลวิน เป็นป็องค์ประกอบส่วส่นใหญ่อยู่ในดาวบริวริารของบรรดาดาวแก๊สยักษ์ รวมถึงเป็นป็องค์ประกอบอยู่ในดาวยูเรนัสและดาวเนปจูน (บางครั้งรั้เรียรีกดาวทั้งสองนี้ว่า "ดาวน้ำ แข็งยักษ์") และในวัตถุขนาดเล็กล็ จำ นวนมากที่อยู่พ้นจากวงโคจรดาวเนปจูนออกไป 8 Volume 10, Issue 3 March 2003 ระบบสุริสุยริะสามารถแบ่งออกเป็นป็ย่านต่าง ๆ ได้แบบไม่เป็นป็ทางการ ระบบสุริสุยริะส่วส่น ในประกอบด้วยดาวเคราะห์ 4 ดวงกับแถบ ดาวเคราะห์น้อย ระบบสุริสุยริะส่วส่นนอกคือ ส่วส่นที่อยู่พ้นแถบดาวเคราะห์น้อยออกไป ประกอบด้วยดาวแก๊สยักษ์ 4 ดวงต่อมา เมื่อมีการค้นพบแถบไคเปอร์ จึงจัดเป็นป็ ย่านไกลที่สุดสุของระบบสุริสุยริะ เรียรีกรวม ๆ ว่าเป็นป็ วัตถุพ้นดาวเนปจูน เมื่อพิจารณาจากทั้งแง่กายภาพและการ เคลื่อ ลื่ นที่ วัตถุที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ สามารถแบ่งออกได้เป็นป็สามประเภทคือ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์แคระ และ วัตถุ ขนาดเล็กล็ ในระบบสุริสุยริะ ดาวเคราะห์ไม่ว่า จะมีขนาดใดก็ตามที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ จะมีมวลมากพอจะสร้าร้งตัวเองให้มีรูปร่าร่ง เป็นป็สัณสัฐานกลม และขับไล่ชิ้ล่ ชิ้นส่วส่นเล็กล็ๆ ที่อยู่รอบตัวเองให้ออกไปให้พ้นระยะ จาก คำ จำ กัดความนี้ ดาวเคราะห์ในระบบ สุริสุยริะจึงมี 8 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังอัคาร ดาวพฤหัสบดีดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ส่วส่นดาวพลูโลูต ถูกปลดออกจากตำ แหน่งดาวเคราะห์ เนื่องจากมันไม่สามารถขับไล่วัล่ตถุเล็กล็ๆ อื่น อื่ ๆ ในบริเริวณแถบไคเปอร์อร์อกไปพ้นวงโคจร ของมันได้
Fauget News OLAR YTEM UN ดวงอาทิตทิย์ ดวงอาทิตย์ คือดาวฤกษ์ดวงแม่ที่เป็นป็ หัวใจของระบบสุริสุยริะ มีขนาดประมาณ 332,830 เท่าของมวลของโลก ด้วย ปริมริาณมวลที่มีอยู่มหาศาลทำ ให้ดวง อาทิตย์มีความหนาแน่นภายในที่สูงสูมาก พอจะทำ ให้เกิดปฏิกิริยริาการหลอม นิวเคลียลีสอย่างต่อเนื่อง และปลดปล่อล่ย พลังลังานมหาศาลออกมา โดยมากเป็นป็ พลังลังานที่แผ่ออกไปในลักลัษณะของ คลื่น ลื่ แม่เหล็กล็ ไฟฟ้าฟ้เช่น แสง ดวงอาทิตย์จัดว่าเป็นป็ดาวแคระเหลือลืง ขนาดใหญ่ปานกลาง ทว่าเมื่อเปรียรีบเทียบ กับดาวฤกษ์อื่น อื่ ๆ ที่อยู่ในดาราจักรของเรา ถือได้ว่าดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่และสว่าง มาก การจัดประเภทของดาวฤกษ์นี้เป็นป็ ไป ตามไดอะแกรมของเฮิร์ฮิตร์สปรังรั-รัสรัเซลล์ ซึ่งเป็นป็แผนภูมิของกราฟระหว่างความ สว่างของดาวฤกษ์เทียบกับอุณอุหภูมิพื้นผิว โดยทั่วไปดาวฤกษ์ที่มีอุณอุหภูมิสูงสูกว่ามัก จะสว่างกว่า ซึ่งดาวฤกษ์ใด ๆ ที่มี คุณสมบัติเป็นป็ ไปดังที่ว่ามานี้ก็จะเรียรีกว่า เป็นป็ดาวฤกษ์ที่อยู่ในแถบลำ ดับหลักลัดวง อาทิตย์ของเราก็อยู่บนแถบลำ ดับหลักลั โดย อยู่ในช่วงกึ่งกลางทางด้านขวา แต่มี ดาวฤกษ์จำ นวนไม่มากนักที่จะสว่างกว่า และมีอุณอุหภูมิสูงสูกว่าดวงอาทิตย์ของเรา ส่วส่นมากจะอ่ออ่นแสงกว่าและมีอุณอุหภูมิต่ำ กว่าทั้งนั้น[35] 9 Volume 10, Issue 3 March 2003 เชื่อว่าตำ แหน่งของดวงอาทิตย์บนแถบลำ ดับหลักลันั้นจัดได้ว่าอยู่ใน "ช่วงรุ่งรุ่ โรจน์ของ ยุค" ของอายุดาวฤกษ์ มันยังมีไฮโดรเจนมากเพียงพอที่จะสร้าร้งปฏิกิริยริาการหลอม นิวเคลียลีสไปอีกอีนาน ดวงอาทิตย์กำ ลังลัเพิ่มพูนความสว่างมากขึ้น ในอดีตดวงอาทิตย์ เคยมีความสว่างเพียงแค่ 70% ของความสว่างอย่างที่เป็นป็อยู่ในปัจปัจุบัน[36] ดวงอาทิตย์จัดเป็นป็ดาวฤกษ์ชนิดดารากร 1 ถือกำ เนิดขึ้นในช่วงปลาย ๆ ของวิวัฒนาการ ของเอกภพ มีองค์ประกอบธาตุหนักที่หนักกว่าไฮโดรเจนและฮีเฮีลียลีม (ในภาษา ดาราศาสตร์จร์ะเรียรีกว่า "โลหะ") มากกว่าดาวฤกษ์ชนิดดารากร 2 ซึ่งมีอายุมากกว่า[37] ธาตุหนักเหล่าล่นี้ก่อกำ เนิดขึ้นจากแก่นกลางของดาวฤกษ์โบราณที่ระเบิดออก ดังนั้น ดาวฤกษ์ในยุคแรกเริ่มริ่จึงต้องแตกดับไปเสียสีก่อนจึงจะทำ ให้เอกภพเต็มไปด้วยอะตอม ธาตุเหล่าล่นี้ได้ดาวฤกษ์ที่มีอายุเก่าแก่มาก ๆ จะไม่ค่อยมีองค์ประกอบโลหะมากนัก ขณะ ที่ดาวฤกษ์ที่เกิดในยุคหลังลัจะมีโลหะมากกว่า สันสันิษฐานว่า การมีองค์ประกอบโลหะ จำ นวนมากนี้น่าจะเป็นป็สาเหตุสำ คัญที่ทำ ให้ดวงอาทิตย์สามารถสร้าร้งระบบดาวเคราะห์ ของตัวเองขึ้นมาได้เพราะดาวเคราะห์ก่อตัวขึ้นมาจากการรวมตัวกันของธาตุหนักเหล่าล่ นั้น
Fauget News OLAR YTEM สสารระหว่างดาวเคราะห์ ภาพจำ ลองโครงสร้าง แผ่นกระแสเฮลิโอสเฟียร์ นอกเหนือจากแสง ดวงอาทิตย์ยังแผ่รังรัสีที่สี ที่ ประกอบด้วยกระแสของประจุอนุภนุาค จำ นวนมากต่อเนื่องกัน (เป็นป็พลาสมาชนิด หนึ่งที่รู้จัรู้ จักกันในชื่อ ลมสุริสุยริะ) กระแสประจุ นี้แผ่ออกไปด้วยความเร็วร็ประมาณ 1.5 ล้าล้นกิโลเมตรต่อชั่วโมง[39] ทำ ให้เกิดชั้น บรรยากาศบาง ๆ ขึ้น เรียรีกว่า เฮลิโลิอ สเฟียร์ ที่แผ่ปกคลุมลุทั่วระบบสุริสุยริะออกไป เป็นป็ระยะทางอย่างน้อย 100 หน่วยดาราศาสตร์ (ดูเพิ่มที่ เฮลิโลิอพอส) ทั้งหมดนี้เป็นป็สิ่งสิ่ที่เรียรีกกันว่า สสาร ระหว่างดาวเคราะห์ พายุแม่เหล็กล็ ไฟฟ้าฟ้ที่ เกิดขึ้นบนพื้นผิวดวงอาทิตย์เช่น โซลาร์ แฟลร์ หรือรืลำ อนุภนุาคโคโรนา จะทำ ให้เกิด การรบกวนต่อเฮลิโลิอสเฟียร์ และสร้าร้ง สภาวะที่เรียรีกว่า space weather ขึ้น สนามแม่เหล็กล็ของดวงอาทิตย์ที่หมุนวนไป สร้าร้งผลกระทบต่อสสารระหว่างดาว เคราะห์ ทำ ให้เกิดแผ่นกระแสเฮลิโลิอ สเฟียร์ (heliospheric current sheet) ขึ้น ซึ่งถือเป็นป็ โครงสร้าร้งที่ใหญ่ที่สุดสุใน ระบบสุริสุยริะ สนามแม่เหล็กล็ของโลกชวยป้อป้งกันชั้น บรรยากาศเอาไว้มิให้เกิดปฏิกิริยริากับลม สุริสุยริะ ขณะที่ดาวศุกร์กัร์ กับดาวอังอัคารไม่มี สนามแม่เหล็กล็ลมสุริสุยริะจึงสามารถขับไล่ ชั้นบรรยากาศของดาวทั้งสองออกสู่ อวกาศไปทีละน้อยได้ การปะทะระหว่าง ลมสุริสุยริะกับสนามแม่เหล็กล็ของโลกทำ ให้ เกิดปรากฏการณ์ออโรรา หรือรืแสงเหนือแสงใต้ ที่พบเห็นบริเริวณใกล้ขั้ล้ ขั้วโลก 10 Volume 10, Issue 3 March 2003 รังรัสีคสีอสมิก มีกำ เนิดมาจากห้วงอวกาศอื่น อื่ นอกระบบสุริสุยริะ เฮลิโลิอสเฟียร์ทำร์ ทำหน้าที่ ปกป้อป้งระบบสุริสุยริะเอาไว้ส่วส่นหนึ่ง โดย สนามแม่เหล็กล็ของดาวเคราะห์ (สำ หรับรั ดวงที่มี) ก็ช่วยทำ หน้าที่ป้อป้งกันรังรัสีด้ สีวย อีกอีส่วส่นหนึ่ง ความหนาแน่นของ รังรัสีคสีอสมิกในสสารระหว่างดาวกับความ เข้มของสนามแม่เหล็กล็ของดวงอาทิตย์จะ เปลี่ย ลี่ นแปลงไปเมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ ดัง นั้นระดับของการแผ่รังรัสีคสีอสมิกในระบบ สุริสุยริะจึงไม่แน่ไม่นอน แต่จะมีอยู่เป็นป็ ปริมริาณเท่าใดไม่อาจระบุได้ สสารระหว่างดาวเคราะห์เป็นป็แหล่งล่กำ เนิด ของย่านแผ่นจานฝุ่นฝุ่คอสมิกอย่างน้อย 2 แห่ง แห่งแรกคือเมฆฝุ่นฝุ่จักรราศีซึ่งอยู่ใน ระบบสุริสุยริะชั้นในและเป็นป็ต้นเหตุการเกิด แสงจักรราศี โดยมากเป็นป็เศษชิ้นส่วส่นใน แถบดาวเคราะห์น้อยที่เกิดขึ้นจากการ ปะทะกับดาวเคราะห์ แผ่นจานฝุ่นฝุ่แห่งที่ สองแผ่ครอบคลุมลุพื้นที่ตั้งแต่ระยะ 10 หน่วยจนถึง 40 หน่วยดาราศาสตร์ ซึ่งน่า จะเกิดขึ้นจากการปะทะในลักลัษณะ เดียวกันในแถบไคเปอร์
Fauget News OLAR YTEM ดาวเคราะห์ชั้นชั้ ใน ดาวพุธ ความหมาย 11 Volume 10, Issue 3 March 2003 ดาวเคราะห์ชั้นในหรือรืดาวเคราะห์ใกล้โล้ลก มี 4 ดวง โดยมากประกอบด้วยส่วส่นประกอบหิน มีความหนาแน่นสูงสูมีดวงจันทร์ น้อยหรือรือาจไม่มีเลย และไม่มีระบบวงแหวนรอบตัวเอง สสารที่เป็นป็องค์ประกอบมักเป็นป็แร่ธร่าตุที่มีจุดหลอมเหลวสูงสูเช่นซิลิ เกตที่ชั้นเปลือลืกและผิว หรือรื โลหะ เหล็กล็นิเกิล ที่เป็นป็แกนกลางของดาว สามในสี่ข สี่ องดาวเคราะห์กลุ่มลุ่ นี้ (ดาวศุกร์ โลก และ ดาวอังอัคาร) มีชั้นบรรยากาศที่เห็นได้ชัด พื้นผิวมีร่อร่งรอยของหลุมลุบ่อที่เกิดจากการปะทะโดยชิ้นส่วส่นจากอวกาศ และมีความ เปลี่ย ลี่ นแปลงทางธรณีวิทยาที่พื้นผิวด้วยเช่น การแยกตัวของร่อร่งหุบเขาและภูเขาไฟ ดาวพุธ (0.4 AU) คือดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดล้วงอาทิตย์มากที่สุดสุและเป็นป็ ดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กล็ที่สุดสุ (0.055 เท่าของมวลโลก) ดาวพุธไม่มีดาว บริวริารของตัวเอง สภาพพื้นผิวที่มีนอกเหนือจากหลุมลุบ่อจากการปะทะ ก็ จะเป็นป็สันสัเขาสูงสูชัน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในช่วงยุคการก่อตัวในช่วงเริ่มริ่แรก ของประวัติศาสตร์ ชั้นบรรยากาศของดาวพุธเบาบางมากจนแทบจะเรียรีก ได้ว่าไม่มีบรรยากาศ ประกอบด้วยอะตอมที่ถูกลมสุริสุยริะพัดพาขับไล่ไล่ ปจน เกือบหมด แกนกลางของดาวเป็นป็เหล็กล็ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่มาก ต่อมา เป็นป็ชั้นเปลือลืกบาง ๆ ที่ยังไม่สามารถอธิบธิายได้อย่างชัดเจน ทฤษฎีเกี่ยว กับชั้นเปลือลืกของดาวจำ นวนหนึ่งอธิบธิายถึงชั้นผิวรอบนอกที่ถูกฉีกออก ด้วยการปะทะครั้งรั้ใหญ่ บ้างก็ว่ามันถูกกีดกันจากการพอกรวมของชั้นผิว เนื่องจากพลังลังานมหาศาลของดวงอาทิตย์อันอัเยาว์
ดาวอังอัคาร Fauget News OLAR YTEM ดาวศุกร์ ดาวศุกศุร์ (0.7 AU) มีขนาดใกล้เล้คียคีงกับกั โลก (0.815 เท่าท่ของมวลโลก) และมี ลักลัษณะคล้าล้ยโลกมาก มีชั้นเปลือลืกซิลิเลิกตอย่าย่งหนาปกคลุมลุรอบแกนกลางของ ดาวซึ่งเป็นป็เหล็กล็ มีชั้นบรรยากาศ และมีหลักลัฐานแสดงถึงถึความเปลี่ย ลี่ นแปลงทาง ธรณีวิทวิยาภายในของดาว ทว่าว่ดาวศุกศุร์แร์ห้งห้แล้งล้กว่าว่ โลกมาก ชั้นบรรยากาศของ มันก็หก็นาแน่นกว่าว่ โลกถึงถึกว่าว่ 90 เท่าท่ดาวศุกศุร์ไร์ม่มีม่ดมีาวบริวริารของตัวตัเอง กล่าล่ว ได้ว่ด้าว่ดาวศุกศุร์เร์ป็นป็ดาวเคราะห์ที่ห์ร้ ที่ อร้นที่สุ ที่ ดสุด้วด้ยอุณอุหภูมิภูพื้มิน พื้ ผิวผิสูงสูถึงถึกว่า 400 °C ซึ่งเป็นป็ผลจากปริมริาณแก๊สก๊เรือรืนกระจกที่มี ที่ อยู่เยู่ ป็นป็จำ นวนมากในชั้นบรรยากาศ ในปัจปัจุบัจุนบั ไม่มีการตรวจพบการเปลี่ย ลี่ นแปลงทางธรณีวิทวิยาใหม่ ๆ บนดาวศุกศุร์ อีกอีแล้วล้แต่ดต่าวศุกศุร์ไร์ม่มีสนามแม่เหล็กล็ของตัวตัเองที่จ ที่ ะช่วยป้อป้งกันการสูญสูเสียสีชั้น บรรยากาศ ดังดันั้นการที่ด ที่ าวศุกศุร์ยัร์งยัรักรัษาชั้นบรรยากาศของตัวตัเองไว้ไว้ด้จึด้งจึคาด ว่าว่น่าจะเกิดกิจากการระเบิดบิของภูเขาไฟ 12 Volume 10, Issue 3 March 2003 โลก (1.0 AU) เป็นป็ดาวเคราะห์ที่ค่อนข้างใหญ่และมีความหนาแน่นมาก ที่สุดสุในกลุ่มลุ่ ดาวเคราะห์ชั้นใน เป็นป็ดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวที่พบว่ายังมี ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาอยู่ และเป็นป็ดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวเท่าที่ ทราบว่ามีสิ่งสิ่มีชีวิต โลกเป็นป็ดาวเคราะห์ที่มีน้ำ มาก เป็นป็เอกลักลัษณ์ที่แตก ต่างจากกลุ่มลุ่ ดาวเคราะห์ใกล้โล้ลกทั้งหมด และยังเป็นป็ดาวเคราะห์เพียง ดวงเดียวที่ยังมีการเปลี่ย ลี่ นแปลงของเปลือลืกโลกอยู่ ชั้นบรรยากาศของ โลกค่อนข้างจะแตกต่างกับดาวเคราะห์ดวงอื่น อื่ เนื่องจากการที่มีสิ่งสิ่มีชีวิต อาศัยอยู่ ในบรรยากาศจึงมีออกซิเจนอิสอิระอยู่ถึง 21% โลกมีดาวเคราะห์ บริวริารหนึ่งดวง คือ ดวงจันทร์ ซึ่งเป็นป็ดาวเคราะห์บริวริารขนาดใหญ่เพียง ดวงเดียวในเขตระบบสุริสุยริะชั้นใน ดาวอังอัคาร (1.5 AU) มีขนาดเล็กล็กว่าโลกและดาวศุกร์ (0.107 เท่าของมวล โลก) มีชั้นบรรยากาศเจือจางที่เต็มไปด้วยคาร์บร์อนไดออกไซด์ พื้นผิวของ ดาวอังอัคารระเกะระกะด้วยภูเขาไฟจำ นวนมาก เช่น ภูเขาไฟโอลิมลิ ปัสปัและ หุบเขาลึกลึชันมากมายเช่น Valles Marineris แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ย ลี่ นแปลงทางธรณีวิทยาที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ สีขสีองดาวอังอัคารที่เรา เห็นเป็นป็สีแสีดง เป็นป็เพราะสนิมที่มีอยู่ในพื้นดินอันอัเต็มไปด้วยเหล็กล็ดาว อังอัคารมีดวงจันทร์บร์ริวริารขนาดเล็กล็สองดวง (คือ ไดมอส กับ โฟบอส) ซึ่ง คาดว่าน่าจะเป็นป็ดาวเคราะห์น้อยที่บังเอิญอิถูกแรงดึงดูดของดาวอังอัคารจับ ตัวเอาไว้ ดาวโลก
ซีรีซีสรี Fauget News OLAR YTEM ดาวเคราะห์น้อย ดาวเคราะห์น้ห์ น้อย คือคืวัตวัถุขถุนาดเล็กล็ ในระบบสุริสุยริะที่ปที่ ระกอบด้วด้ยหินหิและธาตุโตุลหะที่ไที่ ม่รม่ะเหย แถบดาวเคราะห์น้ห์ น้อยหลักลักินกิพื้น พื้ ที่ว ที่ งโคจรที่อ ที่ ยู่รยู่ ะหว่าว่งดาวอังอัคารกับกัดาวพฤหัสหับดี ประมาณ 2.3 ถึงถึ 3.3 หน่วยดาราศาสตร์จร์ากดวงอาทิตทิย์ เชื่อกันกัว่าว่น่าจะเป็นป็เศษชิ้นส่วส่น จากการก่อก่ตัวตัของระบบสุริสุยริะในช่วงแรกที่ก่ ที่ อก่ตัวตัไม่สำม่สำเร็จร็เนื่องจากแรงโน้มถ่วถ่งรบกวนจาก ดาวพฤหัสหับดี ดาวเคราะห์น้ห์ น้อยมีขมีนาดต่าต่ง ๆ กันกัตั้งตั้แต่หต่ลายร้อร้ยกิโกิลเมตรไปจนถึงถึเศษหินหิเล็กล็ๆ เหมือมืนฝุ่นฝุ่ ดาวเคราะห์น้ห์ น้อยทั้งทั้หมดนอกเหนือจากดาวเคราะห์น้ห์ น้อยขนาดใหญ่ที่ญ่สุ ที่ ดสุคือคืซีรีสรีจัดจัว่าว่เป็นป็ วัตวัถุขถุนาดเล็กล็ ในระบบสุริสุยริะ แต่ดต่าวเคราะห์น้ห์ น้อยบางดวงเช่น เวสต้าต้และ ไฮเจียจีอาจจัดจัว่าว่ เป็นป็ดาวเคราะห์แห์คระได้ ถ้าถ้มีหมีลักลัฐานว่าว่มันมัมีคมีวามสมดุลดุของความกดของน้ำ มากเพียพีงพอ แถบดาวเคราะห์น้ห์ น้อยประกอบด้วด้ยวัตวัถุขถุนาดเส้นส้ผ่าผ่นศูนศูย์กย์ลางใหญ่กญ่ว่าว่ 1 กิโกิลเมตรเป็นป็ จำ นวนหลายหมื่น มื่ ดวง หรือรือาจจะถึงถึล้าล้นดวง[56] ถึงถึกระนั้น มวลรวมทั้งทั้หมดของแถบหลักลั ก็ยัก็งยัมีเมีพียพีงประมาณหนึ่งในพันพัของมวลโลกเท่าท่นั้น แถบหลักลัมีปมีระชากรอยู่อยู่ ย่าย่งค่อค่นข้าข้ง เบาบาง ยานอวกาศหลายลำ ได้เด้ดินดิทางผ่าผ่นแถบนี้ไปได้โด้ดยไม่มีม่อุมีบัอุติบัเติหตุเตุกิดกิขึ้น ขึ้ เลย ดาว เคราะห์น้ห์ น้อยที่มี ที่ ขมีนาดเส้นส้ผ่าผ่นศูนศูย์กย์ลางระหว่าว่ง 10 ถึงถึ 10-4 เมตร จะเรียรีกว่าว่สะเก็ดก็ดาว 13 Volume 10, Issue 3 March 2003 ซีรีสรี (2.77 AU) เป็นป็ วัตถุขนาดใหญ่ที่สุดสุในแถบดาวเคราะห์น้อย และได้รับรัการจัด ประเภทให้เป็นป็ดาวเคราะห์แคระ มีขนาดเส้นส้ผ่านศูนย์กลางประมาณเกือบ ๆ 1,000 กิโลเมตร ซึ่งใหญ่พอจะสร้าร้งแรงโน้มถ่วงของตัวเองเพื่อสร้าร้งรูปทรงให้เป็นป็ทรงกลม ได้ ในตอนที่ค้นพบครั้งรั้แรกในคริสริต์ศตวรรษที่ 19 ซีรีสรีถูกเข้าใจว่าเป็นป็ดาวเคราะห์ แต่ต่อมาได้รับรัการจัดประเภทใหม่ให้เป็นป็ดาวเคราะห์น้อยในช่วงคริสริต์ทศวรรษ 1850 เมื่อการสังสัเกตการณ์เพิ่มเติมพบดาวเคราะห์น้อยดวงอื่น อื่ ๆ อีกอี [59] ครั้นรั้ถึงปี ค.ศ. 2006 จึงได้รับรัการจัดประเภทใหม่ให้เป็นป็ดาวเคราะห์แคระ ดาวเคราะห์น้อยในแถบหลักลัจะแบ่งออกเป็นป็กลุ่มลุ่ และตระกูลต่าง ๆ โดยพิจารณา จากคุณลักลัษณะการโคจรของพวกมัน ดวงจันทร์ดาร์วเคราะห์น้อย คือดาวเคราะห์ น้อยที่โคจรรอบดาวเคราะห์น้อยดวงอื่น อื่ ที่ใหญ่กว่า มันไม่ได้ถูกจัดประเภทให้เป็นป็ ดวงจันทร์บร์ริวริารของดาวเคราะห์ เพราะบางครั้งรั้มันมีขนาดใหญ่เกือบเท่าดาว เคราะห์น้อยดวงแม่ของมันด้วยซ้ำ ในบริเริวณแถบดาวเคราะห์น้อยยังมีดาวหางใน แถบหลักลัซึ่งอาจเป็นป็ต้นกำ เนิดของน้ำ มหาศาลบนโลกก็ได้ ดาวเคราะห์น้อยโทรจันตั้งอยู่ใกล้เล้คียงกับตำ แหน่งลากรองจ์ L4 หรือรื L5 ของดาว พฤหัสบดี(คือย่านที่แรงโน้มถ่วงค่อนข้างเสถียร ทำ ให้ดาวเคราะห์น้อยในบริเริวณนี้ สามารถอยู่ในวงโคจรได้) คำ ว่า "โทรจัน" หรือรื "แห่งทรอย" นี้ยังใช้กับวัตถุขนาด เล็กล็ ในระบบดาวเคราะห์หรือรืระบบบริวริารอื่น อื่ ที่อยู่ในตำ แหน่งลากรองจ์ด้วย ดาว เคราะห์น้อยตระกูลฮิลฮิดาอยู่ที่ระยะการสั่นสั่พ้อง 2:3 กับดาวพฤหัสบดี นั่นหมายถึง กลุ่ มันจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ 3 รอบ ต่อการโคจรของดาวพฤหัสบดี 2 รอบ ลุ่มดาวเคราะห์น้อย
Fauget News OLAR YTEM ดาวเคราะห์ชั้นชั้นอก ดาวพฤหัสหับดี 14 Volume 10, Issue 3 March 2003 ดาวเคราะห์ชั้นนอก 4 ดวง หรือรืดาวแก๊สยักษ์ (บางครั้งรั้เรียรีกว่า ดาวเคราะห์โจเวียน) มีมวลรวมกันถึงกว่า 99% ของ มวลสารทั้งหมดที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ ดาวพฤหัสบดีกับดาวเสาร์มีร์ มีองค์ประกอบเต็มไปด้วยไฮโดรเจนและฮีเฮีลียลีม ดาวยูเรนัสกับดาวเนปจูนมีองค์ประกอบส่วส่นใหญ่เป็นป็น้ำ แข็ง นักดาราศาสตร์จำร์ จำนวนหนึ่งเห็นว่าดาวสองดวงหลังลันี้ ควรจัดเป็นป็ ประเภทเฉพาะของมันเอง คือ "ดาวน้ำ แข็งยักษ์"ดาวแก๊สยักษ์ทั้งสี่มี สี่ มีวงแหวนอยู่รอบตัว แม้เมื่อมองจาก โลกจะเห็นได้ชัดแต่เพียงวงแหวนของดาวเสาร์เร์ท่านั้น ดาวพฤหัสบดี(5.2 AU) มีมวลประมาณ 318 เท่าของมวลโลก นับเป็นป็ มวลมหาศาลถึง 2.5 เท่าของมวลรวมทั้งหมดของดาวเคราะห์ที่เหลือลืรวม กัน ประกอบด้วยก๊าซไฮโดรเจนและฮีเฮีลียลีมจำ นวนมาก ความร้อร้นที่สูงสู มากภายในของดาวทำ ให้เกิดคุณลักลัษณะแบบกึ่งถาวรหลายประการใน สภาพบรรยากาศของดาว เช่นแถบเมฆ และจุดแดงใหญ่ ดาวพฤหัสบดี มีดวงจันทร์บร์ริวริารที่รู้จัรู้ จักแล้วล้ทั้งสิ้นสิ้ 67 ดวง ดวงที่ใหญ่ที่สุดสุ4 ดวงคือ แก นิมีด คัลลิสลิ โต ไอโอ และยูโรปา มีลักลัษณะคล้าล้ยคลึงลึกับลักลัษณะของดาว เคราะห์ใกล้โล้ลก เช่นมีภูเขาไฟ และมีกระบวนการความร้อร้นภายในของ ดาว ดวงจันทร์แร์กนิมีดเป็นป็ดาวบริวริารที่ใหญ่ที่สุดสุในระบบสุริสุยริะ มีขนาด ใหญ่กว่าดาวพุธเสียสีอีกอี
ยูเรนัสนั Fauget News OLAR YTEM เนปจูน ดาวเสาร์ (9.5 AU) เป็นป็ดาวเคราะห์ที่โดดเด่นเนื่องจากระบบวงแหวนขนาดใหญ่ที่ เห็นได้ชัด ลักลัษณะของดาวรวมถึงสภาพบรรยากาศคล้าล้ยคลึงลึกับดาวพฤหัสบดี แต่มีมวลน้อยกว่ามาก โดยมีมวลโดยประมาณ 95 เท่าของมวลโลก ดาวเสาร์มีร์ มีด วงจันทร์บร์ริวริารที่รู้จัรู้ จักแล้วล้ 63 ดวง ในจำ นวนดวงจันทร์ทั้ร์ ทั้งหมดมีอยู่ 2 ดวงคือ ไท ทันและเอนเซลาดัส แสดงให้เห็นสัญสัญาณของการเปลี่ย ลี่ นแปลงทางธรณีวิทยา แม้ว่าองค์ประกอบส่วส่นใหญ่จะเป็นป็น้ำ แข็งก็ตาม ดวงจันทร์ไร์ททันมีขนาดใหญ่กว่า ดาวพุธ และเป็นป็ดวงจันทร์บร์ริวริารเพียงดวงเดียวในระบบสุริสุยริะที่มีชั้นบรรยากาศ 15 Volume 10, Issue 3 March 2003 ดาวยูเรนัส (19.6 AU) มีขนาดประมาณ 14 เท่าของมวลโลก เป็นป็ดาวเคราะห์มวล น้อยที่สุดสุในระบบสุริสุยริะชั้นนอก ลักลัษณะการโคจรของดาวยูเรนัสไม่เหมือนดาว เคราะห์ดวงอื่น อื่ มันจะโคจรรอบดวงอาทิตย์แบบตะแคงข้าง โดยมีความเอียอีงของ แกนมากกว่า 90 องศาเมื่อเทียบกับระนาบสุริสุยริวิถี ทำ ให้ดูเหมือนดาวยูเรนัสกลิ้งลิ้ ไปบนทางโคจร แกนกลางของดาวค่อนข้างเย็นกว่าดาวแก๊สยักษ์ดวงอื่น อื่ ๆ และ แผ่ความร้อร้นออกมาสู่อสู่ วกาศภายนอกเพียงน้อยนิด ดาวยูเรนัสมีดวงจันทร์บร์ริวริาร ที่รู้จัรู้ จักแล้วล้ 27 ดวง กลุ่มลุ่ ของดวงจันทร์ขร์นาดใหญ่ได้แก่ ไททาเนีย โอบิรอน อัมอัเบรี ยล เอเรียรีล และมิรันรัดา ดาวเนปจูน (30 AU) แม้จะมีขนาดเล็กล็กว่าดาวยูเรนัส แต่มีมวลมากกว่า คือ ประมาณ 17 เท่าของมวลโลก ดังนั้นมันจึงเป็นป็ดาวที่มีความหนาแน่นมาก ดาวเนปจูนแผ่รังรัสีคสีวามร้อร้นจากแกนกลางออกมามาก แต่ก็ยังน้อยกว่า ดาวพฤหัสบดีหรือรืดาวเสาร์ เนปจูนมีดวงจันทร์บร์ริวริารที่รู้จัรู้ จักแล้วล้ 13 ดวง ดวงที่ใหญ่ที่สุดสุคือ ไทรทัน มีสภาพการเปลี่ย ลี่ นแปลงทางธรณีวิทยาอยู่ เช่น มีน้ำ พุร้อร้นไนโตรเจนเหลว และเป็นป็ดาวบริวริารขนาดใหญ่เพียงดวงเดียวที่มี วงโคจรย้อนถอยหลังลัดาวเนปจูนยังส่งส่ดาวเคราะห์เล็กล็ๆ จำ นวนหนึ่งหรือรื เนปจูนโทรจัน เข้าไปในวงโคจรของดวงจันทร์ไร์ทรทันด้วย โดยมีการสั่นสั่พ้อง ของวงโคจรแบบ 1:1 กับดวงจันทร์ ดาวเสาร์
Fauget News OLAR YTEM เซนทอร์ ดาวหาง เป็นป็ วัตถุขนาดเล็กล็ ในระบบสุริสุยริะ โดยมากมีขนาดเพียงไม่กี่ ดาวหาง กิโลเมตรในแนวขวาง ประกอบด้วยสสารจำ พวกน้ำ แข็งระเหยง่าย เป็นป็ส่วส่นใหญ่ วงโคจรของดาวหางจะเบี้ยวมาก จุดใกล้ดล้วงอาทิตย์ ที่สุดสุมักเข้าไปถึงชั้นวงโคจรของดาวเคราะห์ชั้นใน ส่วส่นจุดไกลดวง อาทิตย์ที่สุดสุอาจออกไปไกลพ้นจากดาวพลูโลูต เมื่อดาวหางโคจรผ่าน เข้ามาในระบบสุริสุยริะชั้นใน ผลกระทบจากดวงอาทิตย์ทำ ให้พื้นผิวน้ำ แข็งของมันระเหยและแตกตัวเป็นป็ ประจุ ทำ ให้เกิดเป็นป็ โคมา คือหาง ขนาดยาวประกอบด้วยแก๊สและฝุ่นฝุ่ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าล่ ดาวหางคาบสั้นสั้มีวงโคจรประมาณไม่ถึง 200 ปี ส่วส่นดาวหางคาบ ยาวมีวงโคจรนานถึงหลายพันปี เชื่อว่าดาวหางคาบสั้นสั้มีกำ เนิดมา จากแถบไคเปอร์ ขณะที่ดาวหางคาบยาวเช่นดาวหางเฮล-บอปป์ น่า จะมีกำ เนิดมาจากแถบเมฆออร์ตร์มีตระกูลของดาวหางอยู่หลาย ตระกูล เช่น ดาวหางเฉียดดวงอาทิตย์ตระกูล Kreutz เกิดขึ้นจาก การแตกตัวออกมาของดาวหางดวงแม่ ดาวหางบางดวงที่มีวงโคจร แบบไฮเพอร์โร์บลิกลิอาจจะมีกำ เนิดมาจากห้วงอวกาศภายนอกของ ระบบสุริสุยริะ แต่การคำ นวณเส้นส้ทางโคจรที่แน่นอนของพวกมันทำ ได้ ยากมาก ดาวหางโบราณที่องค์ประกอบอันอัระเหยได้ได้ถูกขับออกไป จนหมดเนื่องจากความร้อร้นของดวงอาทิตย์ อาจกลายสภาพไปเป็นป็ ดาวเคราะห์น้อยได้ 16 Volume 10, Issue 3 March 2003 เซนทอร์ คือวัตถุน้ำ แข็งคล้าล้ยดาวหางที่มีค่ากึ่งแกนเอกมากกว่าดาว พฤหัสบดี (5.5 AU) แต่น้อยกว่าดาวเนปจูน (30 AU) เซนทอร์ที่ร์ ที่ มี ขนาดใหญ่ที่สุดสุเท่าที่รู้จัรู้ จัก คือ 10199 ชาริโริคล มีขนาดเส้นส้ผ่าน ศูนย์กลางประมาณ 250 กิโลเมตร เซนทอร์ชิ้ร์ ชิ้นแรกที่ค้นพบคือ 2060 ไครอน ซึ่งเมื่อแรกถูกจัดประเภทว่าเป็นป็ดาวหาง (95P) เพราะมันมี หางโคมาเหมือนกับที่ดาวหางเป็นป็เมื่อเคลื่อ ลื่ นเข้าใกล้ดล้วงอาทิตย์ นัก ดาราศาสตร์บร์างกลุ่มลุ่ จัดประเภทเซนทอร์ใร์ห้เป็นป็วัตถุในแถบไคเปอร์ที่ร์ ที่ กระจายตัวอยู่รอบใน โดยมีวัตถุแถบไคเปอร์อีร์กอีจำ นวนหนึ่งกระจายตัว ทางรอบนอกออกไปจนถึงแถบหินกระจาย
Fauget News OLAR YTEM ย่านพ้น พ้ ดาวเนปจูน ดาวพลูโต แถบไคเปอร์ ย่าย่นอวกาศที่อ ที่ ยู่เยู่ ลยดาวเนปจูนจูออกไป หรือรื "ย่าย่นพ้นพ้ดาวเนปจูนจู" ยังยัเป็นป็พื้น พื้ ที่ที่ ที่ ไที่ ม่ค่ม่อค่ยได้รัด้บรัการสำ รวจ มากนัก เท่าท่ที่ท ที่ ราบดูเดูหมือมืนจะเป็นป็บริเริวณที่เ ที่ ต็มต็ ไปด้วด้ยโลกเล็กล็ๆ (วัตวัถุขถุนาดใหญ่ที่ญ่สุ ที่ ดสุในย่าย่นนี้มีเมีส้นส้ผ่าผ่น ศูนศูย์กย์ลางราวหนึ่งในห้าห้ของโลก และมีมมีวลน้อยกว่าว่มวลของดวงจันจัทร์)ร์ที่ปที่ ระกอบขึ้น ขึ้ ด้วด้ยหินหิกับกัน้ำ แข็งข็ บางครั้งรั้ก็เก็รียรีกย่าย่นนี้ว่าว่ "ย่าย่นระบบสุริสุยริะรอบนอก" ซึ่งจะคล้าล้ยกับกัความหมายของวัตวัถุที่ถุอ ที่ ยู่เยู่ ลยจากแถบ ดาวเคราะห์น้ห์ น้อย 17 Volume 10, Issue 3 March 2003 แถบไคเปอร์ คือบริเริวณของการก่อตัวครั้งรั้แรกในระบบ มีลักลัษณะเป็นป็แถบ วงแหวนมหึมาของเศษวัตถุกระจัดกระจายคล้าล้ยกับแถบดาวเคราะห์น้อย แต่ ส่วส่นมากวัตถุเหล่าล่นั้นเป็นป็น้ำ แข็ง ครอบคลุมลุพื้นที่ช่วงที่ห่างดวงอาทิตย์ออกมา ตั้งแต่ 30-50 หน่วยดาราศาสตร์ สมาชิกในแถบไคเปอร์ส่ร์วส่นมากเป็นป็วัตถุขนาด เล็กล็ ในระบบสุริสุยริะ แต่ก็มีวัตถุขนาดใหญ่จำ นวนหนึ่งในแถบไคเปอร์ เช่น ควาอัวอัร์ วารูนา และ ออร์กัร์ กัส ที่สามารถจัดประเภทเป็นป็ดาวเคราะห์แคระ ประมาณว่า มี วัตถุในแถบไคเปอร์มร์ากกว่า 100,000 ชิ้นที่มีเส้นส้ผ่านศูนย์กลางมากกว่า 50 กิโลเมตร แต่มวลรวมของวัตถุในแถบไคเปอร์ทั้ร์ ทั้งหมดมีเพียงประมาณ 1 ใน 10 หรือรือาจเพียง 1 ใน 100 เท่าของมวลโลกเท่านั้น วัตถุในแถบไคเปอร์จำร์ จำนวนมาก ที่มีดาวบริวริารของตัวเองหลายดวง และส่วส่นใหญ่จะมีวงโคจรที่อยู่นอกระนาบ สุริสุยริ วิถี วัตถุในแถบไคเปอร์สร์ามารถแบ่งได้อย่างหยาบ ๆ เป็นป็ 2 พวก คือ "แถบดั้งเดิม" และ "กลุ่มลุ่ สั่นสั่พ้อง" กลุ่มลุ่ สั่นสั่พ้องมีวงโคจรที่เชื่อมโยงกับดาวเนปจูน (เช่น 2 รอบ ต่อ 3 รอบโคจรของเนปจูน หรือรื 1 รอบต่อ 2) โดยที่การสั่นสั่พ้องของวงโคจรครั้งรั้ แรกเกิดขึ้นในวงโคจรของดาวเนปจูนเอง แถบดั้งเดิมประกอบด้วยวัตถุที่ไม่มีการ สั่นสั่พ้องของวงโคจรกับดาวเนปจูน มีย่านโคจรอยู่ระหว่าง 39.4 - 47.7 หน่วยดาราศาสตร์.ร์การจัดประเภทสมาชิกแถบไคเปอร์ดั้ร์ ดั้งเดิมว่าเป็นป็พวกคิวบิ วาโน เกิดขึ้นหลังลัจากมีการพ้นพบสมาชิกดวงแรกในกลุ่มลุ่ นี้ คือ 15760 1992 QB1 เมื่อวันที่ 30 สิงสิหาคม ค.ศ. 1992 ดาวพลูโลูต (39 AU โดยเฉลี่ย ลี่ ) เป็นป็ดาวเคราะห์แคระ และเป็นป็วัตถุใน แถบไคเปอร์ที่ร์ ที่ใหญ่ที่สุดสุเท่าที่เป็นป็ที่รู้จัรู้ จัก เมื่อแรกที่ค้นพบดาวพลูโลูตใน ปี ค.ศ. 1930 มันถูกจัดว่าเป็นป็ดาวเคราะห์ดวงที่เก้า แต่ในปี ค.ศ. 2006 มีการจัดประเภทใหม่หลังลัจากที่มีการกำ หนดคำจำ กัดความ ของ "ดาวเคราะห์" อย่างเป็นป็ทางการ ดาวพลูโลูตมีความเยื้อง ศูนย์กลางของวงโคจรประมาณ 17 องศาเทียบกับระนาบสุริสุยริวิถี มี จุดใกล้ดล้วงอาทิตย์ที่สุดสุที่ 29.7 AU (ในระดับวงโคจรของดาวเนปจูน) และมีจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดสุที่ 49.5 AU
Fauget News OLAR YTEM ฮาเมอากับกัมาคีมคีาคี คารอน คารอน เป็น ป็ ดวงจันทร์บ ร์ ริวริารขนาดใหญ่ที่สุดสุของดาวพลูโลูต แต่ยังยัไม่มีม่ มีการยืนยันยัชัดเจนว่ามันมัจะยังสามารถจัดประเภท เป็น ป็ ดาวเคราะห์แ ห์ คระได้หรือรื ไม่ ทั้งพลูโลูตและคารอนมีจุด ศูนศูย์ร ย์ วมแรงโน้มถ่วงในการโคจรอยู่ระหว่างกันและกัน ทำ ให้ดูเหมือนว่า พลูโลูตกับกัคารอนเป็น ป็ ระบบดาวคู่ ยังมีดวง จันทร์ข ร์ นาดย่อมกว่าว่อีกอี 2 ดวงคือคืนิกซ์ และ ไฮดรา โคจร รอบพลูโลูตกับกัคารอน วงโคจรของดาวพลูโลูตอยู่ในแถบการสั่นสั่พ้อง มีค่าสั่นสั่พ้อง วงโคจรกับดาวเนปจูนที่ 3:2 หมายความว่า พลูโลูตโคจร รอบดวงอาทิตย์ 2 รอบต่อการโคจรของดาวเนปจูน 3 รอบ วัตวัถุในแถบไคเปอร์ที่ ร์ ที่ ร่วร่มอยู่ในวงโคจรการสั่นสั่พ้องจะเรียรีก ว่าว่เป็น ป็ พวก พลูติลูติโน 18 Volume 10, Issue 3 March 2003 ฮาเมอา (43.34 AU โดยเฉลี่ย ลี่ ) และมาคีมาคี (45.79 AU โดยเฉลี่ย ลี่ ) เป็น ป็ วัตวัถุดั้งเดิมดิ ในแถบไคเปอร์ที่ ร์ ที่ใหญ่ ที่สุ ที่ ดสุเท่าท่ที่เ ที่ ป็น ป็ ที่รู้ ที่ จัรู้กจัเฮาเมอามีรูมีปรูสัณสัฐานเหมือนไข่ มีด วงจันจัทร์บ ร์ ริวริาร 2 ดวง มาคีมคีาคีเคีป็น ป็ วัตถุสว่างที่สุดสุใน แถบไคเปอร์ร ร์ องจากดาวพลูโลูต แต่เดิมดาวทั้งสองมีชื่อ รหัสหัว่าว่ 2003 EL61 และ 2005 FY9 ตามลำ ดับ ต่อมา จึงจึมีกมีารตั้งชื่อดาว (พร้อร้มทั้งทั้ยกสถานะเป็น ป็ ดาวเคราะห์ แคระ) ในปี ค.ศ. 2008 วงโคจรของดาวทั้งสองยิ่งยิ่มี ความเยื้อ ยื้ งมากกว่าว่ดาวพลูโลูตเสียสีอีกอี (ที่ 28° และ 29°) [77] แต่ดาวทั้งทั้สองนี้ไม่ได้รัด้บรัผลกระทบจากวงโคจรของ ดาวเนปจูนจูเพราะอยู่ใยู่ นย่าย่นที่เ ที่ ป็น ป็ สมาชิกดั้งเดิมของ แถบไคเปอร์ แถบหินหิกระจาย
Fauget News OLAR YTEM เอริสริ แถบหินหิกระจาย แถบหินหิกระจายมีย่มีาย่นคาบเกี่ย กี่ วกันกักับกัแถบไคเปอร์ แต่แต่ผ่ตัผ่วตัออกไป ทางด้าด้นนอกของระบบเป็นป็บริเริวณกว้าว้ง เชื่อว่าว่ ในแถบหินหิกระจายนี้ เป็นป็ต้นต้กำ เนิดของบรรดาดาวหางคาบสั้นสั้วัตวัถุใถุนแถบหินหิกระจาย ถูกถูแรงโน้มถ่วถ่งรบกวนจากดาวเนปจูนจูในยุคยุต้นต้ๆ ผลักลั ไปมาจน ทำ ให้มีห้วมีงโคจรที่ไที่ ม่แม่น่นอน โดยมากจะมีจุมีดจุโคจรใกล้ดล้วงอาทิตทิย์ ที่สุ ที่ ดสุอยู่ใยู่ นย่าย่นของแถบไคเปอร์ ส่วส่นจุดจุไกลดวงอาทิตทิย์ที่ย์สุ ที่ ดสุอาจอยู่ ห่าห่งออกไปถึงถึ 150 หน่วยดาราศาสตร์ วงโคจรของวัตวัถุใถุนแถบหินหิ กระจายยังยัมีคมีวามเอียอีงระนาบสูงสูมากเมื่อ มื่ เทียทีบกับกัระนาบสุริสุยริวิถีวิ ถี บางครั้งรั้ถึงถึกับกัตั้งตั้ฉากกับกัระนาบนี้เลยก็เก็ป็นป็ ได้ นักดาราศาสตร์บร์าง กลุ่มลุ่ จัดจั ให้แห้ถบหินหิกระจายเป็นป็อีกอีย่าย่นหนึ่งของแถบไคเปอร์ และ เรียรีกวัตวัถุใถุนแถบหินหิกระจายว่าว่ "วัตวัถุกถุระจายในแถบไคเปอร์ 19 Volume 10, Issue 3 March 2003 เอริสริ (68 AU โดยเฉลี่ย ลี่ ) เป็นป็วัตวัถุใถุนแถบหินหิกระจายขนาดใหญ่ ที่สุ ที่ ดสุเท่าท่ที่รู้ ที่ จัรู้กจัเป็นป็ต้นต้เหตุขตุองการถกเถียถีงกันกัเรื่อ รื่ งคุณคุสมบัติบัขติอง การเป็นป็ดาวเคราะห์ เพราะมันมัมีขมีนาดใหญ่กญ่ว่าว่ดาวพลูโลูตอย่าย่ง น้อย 5% โดยมีเมีส้นส้ ผ่านศูนศูย์กย์ลางประมาณ 2,400 กิโกิลเมตร (1,500 ไมล์)ล์ถือถืเป็นป็ดาวเคราะห์แห์คระขนาดใหญ่ที่ญ่สุ ที่ ดสุที่เ ที่ ป็นป็ที่ รู้จัรู้กจั [ เอริสริมี ลักลัษณะวงโคจรมีค่มีาค่ความเยื้อ ยื้ งศูนศูย์กย์ลางค่อค่นข้าข้ง สูงสูเหมือมืนกับกัดาวพลูโลูต จุดจุใกล้ดล้วงอาทิตทิย์ที่ย์สุ ที่ ดสุอยู่ที่ยู่ ปที่ ระมาณ 38.2 AU (ประมาณระยะวงโคจรของดาวพลูโลูต) ส่วส่นจุดจุไกลดวง อาทิตทิย์ที่ย์สุ ที่ ดสุอยู่ปยู่ ระมาณ 97.6 AU มีคมีวามเอียอีงกับกัระนาบสุริสุยริวิถีวิ ถี สูงสูมาก
Fauget News OLAR YTEM ย่านไกลที่สุดของระบบ เฮลิโลิอพอส เราไม่อม่าจระบุไบุด้แด้น่ชัดว่า ระบบสุริสุยริะสิ้นสิ้สุดสุที่จุ ที่ ดจุไหน หรือรือวกาศระหว่าว่งดาวเริ่มริ่ต้นต้ขึ้น ขึ้ ที่ จุดจุไหน เพราะขอบเขตรอบนอกของระบบเป็นป็ ไปด้วด้ยอิทอิธิพธิลของแรง 2 ชนิดที่แตกต่าต่งกันกั คือคืลมสุริสุยริะ และแรงโน้มถ่วถ่งของดวงอาทิตย์ อิทอิธิพธิลด้าด้นนอกสุดสุของลมสุริสุยริะกินกิเนื้อที่ ออกไปประมาณ 4 เท่าของระยะห่างจากดวงอาทิตย์ถึ ย์ งถึดาวพลูโลูต เรียรีกว่าว่ขอบเขตเฮลิโลิอ พอส ซึ่งอาจนับเป็นป็จุดจุเริ่มริ่ต้นต้ของสสารระหว่าว่งดาวก็ไก็ด้[ด้80] อย่าย่งไรก็ดีก็ ดีเชื่อว่าว่ทรงกลมร อชของดวงอาทิตย์ซึ่ ย์ ซึ่ งเป็นป็เนื้อที่ภายใต้อิต้ทอิธิพธิลแรงโน้มถ่วถ่งของดวงอาทิตย์ กินกิพื้น พื้ ที่ไกล ออกไปมากกว่านั้นถึงถึกว่าหนึ่งพันพัเท่า 20 Volume 10, Issue 3 March 2003 บริเริวณของเฮลิโลิอสเฟียฟีร์สร์ามารถแบ่งบ่ออกได้เด้ป็นป็ 2 ย่าย่น ลม สุริสุยริะเคลื่อ ลื่ นที่ไที่ ปด้วด้ยความเร็วร็ประมาณ 40,000 กิโกิลเมตร/วินวิาที จนกระทั่งทั่มันมัสลายตัวตัลงด้วด้ยกระแสของ พลาสมาในสสารระหว่าว่งดาว การสลายตัวตันี้เกิดกิขึ้น ขึ้ ที่ กำ แพงกระแทกซึ่งอยู่ที่ยู่ ร ที่ ะยะประมาณ 80-100 AU จาก ดวงอาทิตทิย์ใย์นทิศทิทางย้อย้นกระแสลม และประมาณ 200 AU จากดวงอาทิตทิย์ใย์นทิศทิทางตามกระแสลม[81] ที่บ ที่ ริเริวณ นี้กระแสของลมจะอ่ออ่นลง มวลสารเกาะกลุ่มลุ่ หนาแน่นขึ้น ขึ้ แล้วล้กลายเป็นป็ลมหมุนมุ [81] ทำ ให้เห้กิดกิ โครงสร้าร้งรูปรูไข่ขข่นาด ใหญ่เญ่รียรีกว่าว่เฮลิโลิอชีท (heliosheath) หรือรื ฝักฝัสุริสุยริะ ซึ่ง มีหมีน้าตาและพฤติกติรรมคล้าล้ยคลึงลึกับกัหางของดาวหาง คือคื ทอดแผ่ตัวตัออกไปไกลถึงถึ 40 AU ทางฝั่งฝั่ทวนกระแสลม ถ้าถ้ เป็นป็ด้าด้นตามกระแสลมจะยิ่งยิ่แผ่ออกไปไกลกว่าว่นั้น ทั้งทั้ยา นวอยเอจเจอร์ 1 และ วอยเอจเจอร์ 2 ต่าต่งรายงานกลับลัมา ว่าว่ ได้ผ่ ด้านบริเริวณกำ แพงกระแทกไปแล้วล้และได้เด้ข้าข้สู่บสู่ ริเริวณ เฮลิโลิอชีท ที่ร ที่ ะยะประมาณ 94 และ 84 AU ตามลำ ดับดั.[14] [82] ขอบด้าด้นนอกสุดสุของทรงกลมเฮลิโลิอสเฟียฟีร์ หรือรืเฮลิ โอพอส เป็นป็จุดจุที่ก ที่ ระแสของลมสุริสุยริะสิ้นสิ้กำ ลังลัลง และเป็นป็ จุดจุเริ่มริ่ต้นต้ย่าย่นอวกาศระหว่าว่งดาว[80]
Fauget News OLAR YTEM เฮลิโลิอสเฟียร์ ลักลัษณะรูปร่าร่งและทรงของขอบนอกของเฮลิโลิอสเฟียร์เร์ป็นป็ ผลจากการถูกกระทบด้วยปฏิกิริยริาพลศาสตร์ขร์องไหล จากสสารระหว่างดาว[81] และจากสนามแม่เหล็กล็สุริสุยริะที่ มีอยู่อย่างมากในทางตอนใต้ ทางซีกด้านบนจะเป็นป็ทรง มนมีความกว้างประมาณ 9 AU (ราว 900 ล้าล้นไมล์) ล์ซึ่ง กว้างกว่าครึ่ง รึ่ ซีกล่าล่ง พ้นจากเขตแดนเฮลิโลิอพอส ที่ระยะ ประมาณ 230 AU เป็นป็ตำ แหน่งโบว์ชอค ซึ่งพลาสมาจาก ดวงอาทิตย์จะละทิ้งระบบและเดินทางไปในดินแดนอื่น อื่ ใน ทางช้างเผือก[83] 21 Volume 10, Issue 3 March 2003 ยังไม่เคยมียานอวกาศลำ ใดเดินทางพ้นออกไปจากเฮลิโลิอพอส เลย จึงไม่อาจรู้ไรู้ด้แน่ชัดถึงสภาวะเงื่อนไขในอวกาศระหว่างดาว คาดว่ายานอวกาศวอยเอจเจอร์ขร์ององค์การนาซาจะเดิน ทางออกจากเฮลิโลิอพอสในราวหนึ่งทศวรรษข้างหน้า และจะส่งส่ ข้อมูลอันอัมีค่าเกี่ยวกับระดับของรังรัสีแสีละลมสุริสุยริะกลับลัมายังโลก เพราะความเข้าใจเกี่ยวกับการที่เกราะเฮลิโลิอสเฟียร์ ช่วย ปกป้อป้งระบบสุริสุยริะเอาไว้จากรังรัสีคสีอสมิกยังมีอยู่น้อยมาก ทีม งานหนึ่งได้รับรัเงินทุนสนับสนุนนุจากนาซาได้พัฒนาแนวคิด โครงการ "Vision Mission" ขึ้น มีภารกิจหลักลัเกี่ยวกับการส่งส่ ยานอวกาศไปในเฮลิโลิอสเฟียร์ เมฆออร์ตร์เป็นป็ข้อสมมุติฐานถึงกลุ่มลุ่ มวลขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยวัตถุ น้ำ แข็งนับล้าล้นล้าล้นชิ้น ที่เชื่อว่าเป็นป็แหล่งล่กำ เนิดของดาวหางคาบยาว และครอบคลุมลุบริเริวณรอบนอกของระบบสุริสุยริะเอาไว้ในระยะทาง ประมาณ 50,000 AU (ประมาณ 1 ปีแสง) หรือรือาจกว้างได้ถึง 100,000 AU (1.87 ปีแสง) เชื่อว่าองค์ประกอบของมันคือดาวหางที่ถูก ดีดออกมาจากระบบสุริสุยริะชั้นใน ด้วยปฏิกิริยริาแรงโน้มถ่วงกับดาว เคราะห์ชั้นนอก วัตถุในเมฆออร์ตร์มีการเคลื่อ ลื่ นที่ต่ำ มาก และอาจถูก กระทบกระทั่งเส้นส้ทางด้วยเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก เช่น การปะทะ แรงโน้มถ่วงรบกวนจากดาวที่เคลื่อ ลื่ นผ่าน หรือรืแรงดึงดูด ระหว่างดาราจักร เช่นแรงไทดัลของทางช้างเผือก
Fauget News OLAR YTEM เซดนา รอบนอก ยังมีสิ่งสิ่ต่าง ๆ อีกอีมากมายในระบบสุริสุยริะที่ เรายังไม่รู้จัรู้ จัก ประมาณว่า สนามแรงโน้ม ถ่วงของดวงอาทิตย์มีอิทอิธิพธิลครอบคลุมลุ ดาวฤกษ์ต่าง ๆ ในย่านใกล้เล้คียงเป็นป็ระยะ ทางราว 2 ปีแสง (125,000 AU) รัศรัมีต่ำ สุดสุของเมฆออร์ตร์ที่ประมาณกันไว้น่าจะไม่ ต่ำ กว่า 50,000 AU[91] แม้จะมีการค้น พบที่น่าประหลาดใจเช่นการค้นพบเซดนา แต่ย่านอวกาศระหว่างแถบไคเปอร์กัร์ กับเมฆ ออร์ตร์ซึ่งกินเนื้อที่กว้างในรัศรัมีหลายหมื่น หน่วยดาราศาสตร์ก็ร์ ก็ยังไม่สามารถสำ รวจ และจัดทำ แผนผังออกมาได้ นอกจากนี้ยัง มีการศึกษาสำ รวจเพิ่มเติมสำ หรับรั ดินแดน ระหว่างดาวพุธกับดวงอาทิตย์[92] เรา อาจจะได้ค้นพบวัตถุต่าง ๆ อีกอีมากในย่าน ต่าง ๆ ของระบบสุริสุยริะที่ยังไม่ได้จัดทำ แผนผังเอาไว้ 22 Volume 10, Issue 3 March 2003 90377 เซดนา (525.86 AU โดยเฉลี่ย ลี่ ) เป็นป็ วัตถุขนาดใหญ่คล้าล้ยดาวพลูโลูต มีสี แดง และมีวงโคจรวงรีขรีนาดใหญ่มากที่มี จุดใกล้ดล้วงอาทิตย์ที่สุดสุที่ 76 AU ส่วส่นจุด ไกลที่สุดสุอยู่ที่ 928 AU ใช้เวลาในการโคจร รอบละ 12,050 ปี ไมเคิล อี.อีบราวน์ เป็นป็ผู้ ค้นพบดาวนี้เมื่อปี ค.ศ. 2003 เขาคิดว่า มันไม่น่าจะเป็นป็สมาชิกทั้งของแถบหิน กระจายหรือรืแถบไคเปอร์ เพราะจุดใกล้ ดวงอาทิตย์ที่สุดสุยังอยู่ห่างเกินกว่าจะเป็นป็ วัตถุที่ถูกดีดออกมาด้วยแรงโน้มถ่วงของ ดาวเนปจูน เขากับนักดาราศาสตร์คร์นอื่น อื่ เห็นว่ามันน่าจะเป็นป็ วัตถุชิ้นแรกในกลุ่มลุ่ ประชากรใหม่ของระบบ ซึ่งน่าจะรวมถึง 2000 CR105 ซึ่งมีจุดใกล้ดล้วงอาทิตย์ ที่สุดสุที่ 45 AU และจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดสุ ที่ 415 AU มีรอบการโคจร 3,420 ปี[89] บราวน์เรียรีกประชากรใหม่ของระบบเหล่าล่ นี้ว่า "เมฆออร์ตร์กลุ่มลุ่ ใน" เพราะมันอาจมี ลักลัษณะเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะอยู่ใกล้ดล้วง อาทิตย์มากกว่าก็ตาม[90] มีความเป็นป็ ไป ได้ที่เซดนาจะเป็นป็ดาวเคราะห์แคระ แม้จะ ยังต้องพิสูจสูน์ถึงสัณสัฐานของมันเสียสีก่อน
Fauget News OLAR YTEM ย่านใกล้เคียคีง ย่านใกล้เล้คียงในดาราจักรที่อยู่ติดกันกับดารา จักรของเรา มีชื่อเรียรีกว่า เมฆระหว่างดาวท้อง ถิ่น (Local Intersteller Cloud) หรือรื ฟลัฟลั ฟ์ ท้องถิ่น (Local Fluff) เป็นป็บริเริวณที่มีเมฆหนา แน่นซึ่งตั้งอยู่ใน ฟองท้องถิ่น อันอัเป็นป็ห้วง อวกาศที่ค่อนข้างโปร่งร่รูปร่าร่งคล้าล้ยนาฬิกา ทรายอยู่ในสสารระหว่างดาว กินเนื้อที่กว้าง ประมาณ 300 ปีแสง ในฟองท้องถิ่นนี้เต็มไป ด้วยพลาสมาอุณอุหภูมิสูงสูซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นป็ ส่วส่นที่หลงเหลือลือยู่จากซูเปอร์โร์นวาครั้งรั้ล่าล่สุดสุ ที่เกิดขึ้น[98] ทิศทางที่ดวงอาทิตย์เคลื่อ ลื่ นไปในอวกาศ ระหว่างดาวเรียรีกว่า โซลาร์เร์อเพกซ์ (solar apex) อยู่ใกล้กัล้ กับกลุ่มลุ่ ดาวเฮอร์คิ ร์วลีสลี ใน ทิศทางเดียวกับตำ แหน่งปัจปัจุบันของดาวเวก า[99] 23 Volume 10, Issue 3 March 2003 มีดาวฤกษ์อยู่ค่อนข้างน้อยในช่วงระยะ 10 ปีแสง (ประมาณ 95 ล้าล้นล้าล้น กิโลเมตร) จากดวงอาทิตย์ ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ที่ล้ ที่ สุดสุคือระบบดาวสามดวง แอลฟาคนครึ่ง รึ่ ม้า ซึ่งอยู่ห่างออกไป 4.4 ปีแสง แอลฟาคนครึ่ง รึ่ ม้า เอ และ บี เป็นป็ดาวคู่ที่มีลักลัษณะคล้าล้ยดวงอาทิตย์ มีดาวแคระแดงขนาดเล็กล็ชื่อ แอลฟาคนครึ่ง รึ่ ม้า ซี (หรือรืดาวพร็อร็กซิมาคนครึ่ง รึ่ ม้า) โคจรรอบดาวคู่ทั้ง สองนั้นที่ระยะห่าง 0.2 ปีแสง ดาวฤกษ์อื่น อื่ ที่อยู่ใกล้ดล้วงอาทิตย์ในลำ ดับ ถัดออกไปได้แก่ดาวแคระแดงบาร์นร์าร์ดร์ (5.9 ปีแสง) ดาววูลวูฟ์ 359 (7.8 ปีแสง) และ ดาวลาลังลัเดอ 21185 (8.3 ปีแสง) ดาวฤกษ์ดวงใหญ่ที่สุดสุใน ระยะ 10 ปีแสงจากดวงอาทิตย์ได้แก่ ดาวซิริอุริสอุเป็นป็ดาวฤกษ์สว่างบน แถบลำ ดับหลักลัที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ราว 2 เท่า มีดาวแคระขาว ชื่อ ซิริอุริสอุบี โคจรอยู่รอบ ๆ ห่างจากดวงอาทิตย์ของเราไป 8.6 ปีแสง ระบบอื่น อื่ ๆ ที่มีอยู่ในระยะ 10 ปีแสง
Fauget News OLAR YTEM การสำ รวจระบบสุริยริะ 24 Volume 10, Issue 3 March 2003 ยานไพโอเนียร์ 10 เป็น ป็ ยานอวกาศลำ แรกที่บินผ่านดาวพฤหัสบดี ยานไพโอเนียร์ 11 เป็น ป็ ยานอวกาศลำ แรกที่บินผ่านดาวเสาร์
Fauget News OLAR YTEM การสำ รวจระบบสุริยริะ 25 Volume 10, Issue 3 March 2003 ยานมารีนรีเนอร์ 10 เป็น ป็ ยานอวกาศลำ แรกที่บินผ่านดาวพุธ ยานเฮลีโลีอส 2 เป็น ป็ ยานอวกาศที่บิ ที่ บินเข้าใกล้ดล้วงอาทิตย์ที่ ย์ ที่ สุดสุ
Fauget News OLAR YTEM การสำ รวจระบบสุริยริะ 26 Volume 10, Issue 3 March 2003 ยานมารีนรีเนอร์ 10 เป็น ป็ ยานอวกาศลำ แรกที่บินผ่านดาวพุธ ยานเฮลีโลีอส 2 เป็น ป็ ยานอวกาศที่บิ ที่ บินเข้าใกล้ดล้วงอาทิตย์ที่ ย์ ที่ สุดสุ
Fauget News OLAR YTEM การสำ รวจระบบสุริยริะ 27 Volume 10, Issue 3 March 2003 ยานวอยเอจเจอร์ 2 เป็น ป็ ยานอวกาศลำ แรกที่บินผ่านดาวยูเรนัสและดาวเนปจูน อินอิเตอร์แ ร์ นชชันแนล คอมเม็ต ม็ ทารี เอ็ก อ็ ซ์พลอเรอร์ เป็น ป็ ยานอวกาศลำ แรกที่บินผ่านดาวหาง
Fauget News OLAR YTEM การสำ รวจระบบสุริยริะ 28 Volume 10, Issue 3 March 2003 ยานกาลิเลิลโอ เป็น ป็ ยานอวกาศลำ แรกที่บินผ่านดาวเคราะห์น้อย และเป็น ป็ ยานอวกาศลำ แรกที่โที่ คตรรอบดาวพฤหัสบดี เนียร์ชู ร์ชูเมกเกอร์ เป็น ป็ ยานอวกาศลำ แรกที่โคจรรอบดาวเคราะห์น้อยและลงจอดบนดาว เคราะห์น้ ห์ น้อย
Fauget News OLAR YTEM การสำ รวจระบบสุริยริะ 29 Volume 10, Issue 3 March 2003 มาร์ส ร์ แพทไฟน์เดอร์ เป็น ป็ หุ่นหุ่ ยนต์สำ รวจลำ แรกบนดาวอังอัคารที่ประสบความสำ เร็จ ร็ กัสกัซีนี–เฮยเคินส์ เป็น ป็ ยานลำ แรกที่โคจรรอบดาวเสาร์
Fauget News OLAR YTEM การสำ รวจระบบสุริยริะ 30 Volume 10, Issue 3 March 2003 เฮยเคินคิส์ เป็น ป็ ยานสำ รวจลำ แรกที่ล ที่ งจอดบนดวงจันทร์ไร์ ททัน จีเจีนซิส เป็น ป็ ยานอวกาศลำ แรกที่เ ที่ ก็บตัวอย่างลมสุริสุยริะกลับลัมาที่โลก
Fauget News OLAR YTEM การสำ รวจระบบสุริยริะ 31 Volume 10, Issue 3 March 2003 ดีพดีอิมอิแพค เป็น ป็ ยานอวกาศลำ แรกที่พุ่งชนดาวหาง
YOU THANK