นาฏศิลป์อินเดีย ภารตนาฏยัม เป็นนาฏศิลป์ของอินเดียตอนใต้มีลีลาการใช้จังหวะเท้าที่รวดเร็ว มีความหมายในท่ารําใช้ศิลปะการร่ายรําตามตํารานาฏยศาสตร์ เป็นการฟ้อนรําเพื่อบูชาเทพเจ่าใช้ผู้หญิงเเสดงนิยมเเสดงเดี่ยว การเเต่งกาย หญิงจะสวมเสื้อเข้ารูปคอกว้างเเขนสั้นตัวสั้นถึงใต้อกห่มส่าหรี เกล้ามวยตํ่าหรือสูงประดับด้วยดอกไม้เเละเครื่องประดับผม เจิมหน้าจุดสีเเดงกลางหน้าผาก
กถัก เป็นนาฏศิลป์ของอินเดียตอนเหนือนิยมเเสดงเดี่ยวผู้เเสดงอาจ เป็นหญิงหรือชายก็ได้ลักษณะเด่นคือการหมุนตัวมีลีลาท่ารํารวด เร็วมีบทร้องเกี่ยวกับเทพเจ้าของฮินดู การเเต่งกาย ตัวละครผู้หญิงจะสวมเสื้อคอกว้างเเขนสั้นเอวลอยห่มส่าหรี เกล้าผมมวยใช้ส่าหรีคลุมผมเเล้วปล่อยชายยาวลงล่าง ตัวละครผู้ชายคล้ายกันใช้ผ้าโพกศรีษะ
กถกฬิหรือ รื กถักกฬิ เป็นนาฏศิลป์พื้นเมืองของอินเดียตอนใต้ส่วนใหญ่จะเล่น เป็นเรื่องเเบบละครใช้ผู้ชายเเสดงล้วนการเเต่งหน้าที่ประณีต ใช้สีธรรมชาติเขียนลงบนใบหน้า การเเต่งกาย จะนุ่งกระโปรงยาวคาดริ้วตามขวางที่ชายกระโปรงใส่สุ่มด้านใน เครื่องประดับศรีษะเป็นมงกฏใหญ่มีรัสมีวงกลมใหญ่
ละครโนะ เป็นละครที่เก่าเเก่ที่สุดละครโนะเกิดขึ้นจากศาสนา เเต่เดิมจัดเเสดงตามวิหารจะสวมหน้ากากสร้างด้วย ความประณีตงดงามท่าทางเคลื่อนไหวล้วนมีความ หมายจัดฉากง่ายๆเขียนรูปต้นสนเเละไม่ไผ่ไว้ห่าง เเละมีสนสามกิ่งยื่นออกมาเพื่อรักษาสภาพเดิม ที่เคยเเสดงใต้ร่มไม้เเม้คนจะไม่นิยมดู นาฏศิลป์ญี่ปุ่น ปุ่
ละครคาบูกิ เป็นละครที่ได้รับความนิยม มากผสมผสานระหว่างละ การเเสดงมีทั้งการร้องเเละการพากย์ใช้ผู้ชายเเสดง ครโนะเเละหุ่นบุรากุ กําหนดว่าสีใดเป็นของตัวละครใดเช่นหน้าสีนํ้าเงิน พระเอกหน้าสีขาวเป็นต้น
ละครเคียวเง็น เป็นการเเสดงละครตลกสลับฉากลักษณะ คล้ายกับจําอวดของไทยสะท้อนให้เห็น ความเรียบง่ายของมนุษย์เป็นละครเสียดสีเรื่องราวชวนหัวทั้งคําพูดเเละการเเสดง
นาฏศิลป์จีน งิ้วเป็นการเเสดงที่ผสมผสานการขับร้องเเละการ เจรจาประกอบกับลีลาท่าทางของนักเเสดงให้ออกมาเป็น เรื่องราวโดยนําเหตุการณ์ต่างๆมาเเสดงเป็นเรื่อง ราวงิ้วที่ยอมรับเป็นงิ้วที่สมบูรณ์เเบบ
งิ้วปักกิ่ง งิ้วปักกิ่งของจีนถูกขนานนามว่าเป็น อุปรากรเเห่งบูรพานับเป็นมรดกทาง วัฒนธรรมเเห่งชาติขนานเเท้ของ จีนเพราะเกิดขึ้นในปักกิ่งจึงมีชื่อเรียกกันว่า จิงจวี้ที่เเปลเป็นไทยว่างิ้วปักกิ่งงิ้วปักกิ่ง มีประวัติกว่า200ปีเเล้ว
งิ้วเหอเป่ย เป็นประเภทหลักของอุปรากรจีนที่เล่นกันในมณฑลเหอเป่ย ในประเทศจีนเคยเป็นที่นิยมอย่างมากในสมันราชวงศ์ชิง ซึ่งรูปเเบบในการเเต่งหน้าของนักเเสดงจะสะท้อนให้เห็น ถึงตัวตนสถานะบุคคลิกภาพเเละบทบาทต่างๆของตัวละคร
นาฏศิลป์อินโดนีเซีย การเเสดงเชิดหุ่นเงาหรือ รื วายัง เป็นนาฏศิลป์ประจําชาติที่เก่าเเก่ที่สุด เเต่เดิมหุ่นทําด้วยหนังสัตว์จึงเรียกว่า วายัง กุลิต(ตัวหุ่นเป็นภาพวาดเหมือนภาพ วาดการ์ตูนบนกระดาษเรื่องที่ใช้ในการเเสดง วายังคือ รามายณะ
นาฏศิลป์ชวา เป็นการเเสดงที่มีพื้นฐานมาจากการ ร่ายรําในราชสํานักมีลีลาร่ายรําที่นุ่ม นวลประณีตจังหวะที่ใช้ในการร่ายรํา จะช้า การเเต่งกาย จะนุ่งผ้าถุงรัดรูปเเบบยอกยาการ์ตาโดยปล่อยทิ้ง ชายยาวไว้ด้านข้างปูกผ้าสไบไว้ที่เอว
นาฏศิลป์บาหลี เป็นนาฏศิลป์ที่มีความเก่าเเก่ได้รับอารย ธรรมมาจากศาสนาฮินดูเเละพระพุทธ ศาสนาจากอินเดียจึงมีการร่ายรําเพื่อ บวงสรวงเเละบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นส่วน ส่วนใหญ่ผู้เเสดงเป็นหญิงล้วนถือถาด ถาดดอกไม้เเละโปรยดอกไม้ไปรอบๆ การเเต่งกาย จะมีสีสันสวยงามหญิงนุ่งผ้าถุงเต็มตัวตัวเอกจะพันผ้า ถุงชายยาวลากพื้นปัดไปด้านหลัง
นาฏศิลป์เขมร ละครบาสสัก เป็นละครพูดมีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความรักซึ่งตัวละครชนิดนี้ได้รับอิทธิพล มาจากเวียดนาม การเเต่งกาย ลักษณะการเเต่งกายในนาฏศิลป์ของเขมรในเเต่ ละชุดจะมีความใกล้เคียงกับไทยมาก
ละโคนโขล เป็นนาฏกรรมสวมหน้ากาก อย่างหนึ่งในประเทศกัมพู ชามีลักษณะใกล้เคียงกับการเเสดงโขนของประ ไทยเนื่องจากได้รับการถ่ายทอดไป
ตํานานพระทองนางนาค เป็นเรืี่องเเต่งขึ้นของชาวกัมพูชาโดยมีบัน ทึกจากราชทูชจีนที่ได้เดินทางมายังเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่ามีเเรงบันดาลใจมา จากจารึกเกี่ยวกับราชวงศ์ปัลละของอินเดีย ใต้กล่าวถึง อัศวัตถามันผู้เป็นบุตรเเห่งโทรณา จาร์ย
นาฏศิลป์พม่า ละครนิพัตขิ่น เป็นละครที่ผูกเป็นเรื่องมีท่าทางเเละบท เจรจาประกอบเเละภายหลังได้เพิ่มบท ตลกลงไปด้วย การเเต่งกาย ชายใส่เสื้อเเขนยาว นุ่งโสร่งหรือกางเกงคลุมเข่า ประดับด้วยเลื่อมหญิงใส่เสื้อรัดอกสวมเสื้อเเขนยาว ไม่มีกระดุมเปิดให้เห็นเสื้อตัวใน
หุ่นสายพม่า มีต้นกําหนดเมื่อประมาณ500-600ปีที่ เเล้วทําจากไม้เเกะเป็นชิ้นส่วนต่างๆเเล้ว นํามาร้อยต่อกันเป็นตัวหุ่นเเละใส่สาย สําหรับเชิด เพิ่มข้อความในส่วนเนื้อหาเล็กน้อ
ระบําพม่า-มอญ ใช้ประกอบการเเสดงระครเรื่องรา ชาธิราชระหว่างพระเจ้าราชาธิราช เเห่งอาณาจักรหงสาวดีของมอญ กับพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องเเห่งอาณาจักรอังวะของพม่า นักเเสดงใช้ผู้หญิงล้วนเเบ่งเป็น2กลุ่ม
จัดทําโดย ด.ญ.ธมนวรรณ อินทร์เส้ง ม.2/3เลขที่25