The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ปี 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by laddawan.chaiworn, 2022-09-18 09:39:00

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ปี 2565

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ปี 2565

หน่วย ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / เวลา นำ้ หนักคะแนน
(ช่วั โมง ) ( 100 )
การเรยี นร้ทู ่ี และสาระการเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด
15 10
4 เสยี งในภาษา ท 4.1
10 10
- อธบิ ายลักษณะของ ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3
เสยี งในภาษาไทย 1 20
1 30
- การสร้างคำ 60 100
- การวิเคราะห์ชนดิ ของ

คำ หน้าท่ขี องคำ

5 วรรณคดี และวรรณกรรม ท 5.1

- สรุปเน้ือหาจาก ม.1/1, ม.1/4, ม.1/5

วรรณคดี และ

วรรณกรรม

- วิเคราะห์วรรณคดี
- อธิบายคณุ คา่ ทไ่ี ดร้ บั

จากวรรณคดี และ

วรรณกรรม
- ทอ่ งจำบทอาขยาน

และบทร้อยกรองท่ี

สนใจ

สอบกลางภาค

สอบปลายภาค

รวมทั้งสน้ิ ตลอดภาคเรยี น

โครงสรา้ งรายวชิ าไทยพน้ื ฐาน

รหัสวชิ า ท21102 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1
ภาคเรียนท่ี 2
เวลา 3 ชั่วโมง /สปั ดาห์ คะแนน 100 คะแนน
เวลา น้ำหนกั คะแนน
จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ (ช่ัวโมง ) ( 100 )
10 10
หนว่ ย ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ /
12 10
การเรียนรทู้ ่ี และสาระการเรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด
13 10
1 การอ่าน ท 1.1

- อา่ นตคี วาม ม.1/5, ม.1/6, ม.1/7,

- อ่านเพอ่ื ระบุข้อสงั เกต ม.1/8, ม.1/9
ของงานเขียน โนม้

นา้ วใจ

- อา่ นเพื่อปฏิบัตติ าม
คูม่ อื ของเครื่องมือ

เครอ่ื งใช้
- วเิ คราะหค์ ุณค่าท่ี

ได้รบั จากการอา่ น

- มารยาทในการอ่าน

2 การเขยี น ท 2.1

- เขยี นแสดงความ ม.1/6, ม.1/7, ม.1/8,

คดิ เหน็ ม.1/9
- เขยี นจดหมายกจิ ธุระ
- เขยี นรายงาน
- มีมารยาทในการเขียน

3 การพูด ท 3.1

- พดู สรปุ ใจความสำคญั ม.1/1, ม.1/4, ม.1/5,
- พูดแสดงความคิดเพื่อ ม.1/6

ประเมินความ
นา่ เชอื่ ถอื ของส่ือ

- พดู รายงาน

หนว่ ย ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / เวลา นำ้ หนักคะแนน
การเรียนรทู้ ่ี และสาระการเรียนรู้ ตวั ชี้วัด (ชว่ั โมง) ( 100 )

4 หลักการใช้ภาษาไทย ท 4.1 13 10

- วเิ คราะหค์ วาม ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6 10 10

แตกตา่ งของภาษาพูด 1 20
1 30
และภาษาเขียน 60 100

- แตง่ กลอนสภุ าพ

- แตง่ กาพยย์ านี 11

- สำนวน, สภุ าษติ

คำพงั เพย

5 สรปุ เนือ้ หาวรรณคดี และ ท 5.1

วรรณกรรม ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3,

- สรปุ เน้อื หาจาก ม.1/4

วรรณคดี และ

วรรณกรรม

- วเิ คราะหว์ รรณคดี

- สรุปขอ้ คิดจากการ

อ่านวรรณคดี และ

วรรณกรรม

สอบกลางภาค

สอบปลายภาค

รวมทงั้ ส้ินตลอดภาคเรยี น

คำอธิบายรายวชิ าภาษาไทยพืน้ ฐาน

รหัสวชิ า ท 22101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2

เวลา 3 ชวั่ โมง /สัปดาห์ ภาคเรยี นท่ี 1

จำนวน 1.5 หน่วยกิต เวลา 60 ชั่วโมง/ภาคเรียน

คำอธบิ ายรายวิชา

อา่ นออกเสียงรอ้ ยแกว้ ร้อยกรอง จับใจความสำคัญ สรปุ ความจากเร่ืองทอ่ี า่ น เขียนสรุปผัง

ความคดิ แสดงความเขา้ ใจเนือ้ หา อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นข้อโต้แยง้ จากเรอื่ งทอี่ ่าน วิเคราะหจ์ ำแนก
ขอ้ เทจ็ จริงข้อมลู สนับสนุนและขอ้ คิดเห็นจากเรือ่ งท่อี า่ น ระบขุ ้อสงั เกตการชวนเชอื่ การโน้มน้าวใจหรอื ความ

สมเหตุสมผลของการเขยี น อา่ นหนงั สือบทความหรอื คำประพันธอ์ ยา่ งหลากหลายและประเมนิ คณุ ค่าหรือ
แนวคิดจากการอา่ นและมีมารยาทในการอ่าน

คดั ลายมอื ตวั บรรจงครง่ึ บรรทัดตามแบบการเขียนอกั ษรไทย เขยี นบรรยายและพรรณนา เขยี น

เรยี งความ เขียนยอ่ ความ เขียนรายงานการศึกษาจากการค้นควา้ เขียนจดหมายกิจธรุ ะ เขียนวิเคราะห์
วิจารณ์และแสดงความรู้ ความคดิ เหน็ หรอื โต้แย้งในเรอื่ งทอ่ี า่ นอยา่ งมเี หตผุ ลและมมี ารยาทในการเขยี น

พดู สรุปใจความสำคญั จากการฟัง การดู วเิ คราะหข์ อ้ เทจ็ จริงและวิจารณเ์ รื่องท่ีฟังดู อยา่ งมี
เหตุผล พดู ในโอกาสต่างๆได้ตรงตามจดุ ประสงค์ พดู รายงานจากการศึกษาคน้ คว้า การฟงั
การดแู ละการสนทนา และมีมารยาทในการฟงั การดูและการพูด

สรา้ งคำในภาษาไทย วเิ คราะห์โครงสรา้ งประโยค แตง่ บทร้อยกรองประเภทกลอนสุภาพ ใช้คำ
ราชาศพั ทไ์ ดถ้ กู ตอ้ งตามฐานะของบุคคล อธิบายความหมายของคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย

วิเคราะห์ วจิ ารณ์ อธิบายคณุ คา่ สรปุ วรรณคดีวรรณกรรม วรรณกรรมท้องถิน่ และสามารถ
นำมาประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ ท่องจำบทอาขยานที่กำหนดและบทร้อยกรองทม่ี ีคุณคา่ น่าสนใจ มีความชื่นชม
และรักความเป็นไทย มวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ มีความมุ่งมั่นในการทำงานด้วยความซือ่ สตั ยส์ จุ ริต มีความเป็นอยู่

อยา่ งพอเพียง มจี ิตสาธารณะ มีความรัก หวงแหน และธำรงไวซ้ งึ่ ชาติ ศาสนา กษัตริย์
รหสั ตัวชว้ี ัด

ท 1.1ม 2/1, ม2/2, ม2/3, ม2/4, ม2/8
ท 2.1 ม2/1, ม.2/2 ม2/3, ม2/4, ม2/8
ท 3.1 ม 2/1, ม2/2, ม2/3, ม2/6

ท 4.1 ม 2/1, ม2/2, ม2/3
ท 5.1 ม 2/1, ม.2.2, ม2/3, ม2/4, ม2/5

รวม 21 ตัวช้วี ัด

คำอธิบายรายวชิ าภาษาไทยพ้นื ฐาน ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2
รหัสวิชา ท 22102 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
ภาคเรยี นที่ 2
เวลา 3 ช่ัวโมง /สปั ดาห์ เวลา 60 ชั่วโมง/ภาคเรียน
จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต

คำอธิบายรายวิชา

อ่านออกเสยี งรอ้ ยแกว้ รอ้ ยกรอง จบั ใจความสำคัญ สรุปความจากเร่ืองท่ีอา่ น เขยี นสรปุ ผงั

ความคิดแสดงความเข้าใจเนือ้ หา อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ ขอ้ โต้แย้งจากเร่ืองท่ีอา่ น วิเคราะห์จำแนก
ข้อเท็จจริงข้อมูลสนับสนุนและข้อคิดเห็นจากเรอื่ งทอ่ี ่าน ระบุขอ้ สงั เกตการชวนเชอื่ การโนม้ น้าวใจหรือความ

สมเหตุสมผลของการเขียน อ่านหนงั สอื บทความหรือคำประพนั ธ์อยา่ งหลากหลายและประเมินคณุ ค่าหรอื
แนวคิดจากการอา่ นและมมี ารยาทในการอ่าน

คัดลายมอื ตัวบรรจงครึ่งบรรทัดตามแบบการเขียนอักษรไทย เขยี นบรรยายและพรรณนา เขยี น

เรยี งความ เขยี นย่อความ เขียนรายงานการศกึ ษาจากการคน้ ควา้ เขยี นจดหมายกจิ ธุระ เขียนวิเคราะห์
วจิ ารณแ์ ละแสดงความรู้ ความคดิ เหน็ หรอื โตแ้ ยง้ ในเร่ืองทอี่ ่านอยา่ งมีเหตุผลและมีมารยาทในการเขยี น

พดู สรุปใจความสำคัญจากการฟงั การดู วิเคราะหข์ ้อเท็จจรงิ และวจิ ารณเ์ ร่ืองทฟี่ ังดู อย่างมี
เหตผุ ล พูดในโอกาสต่างๆได้ตรงตามจุดประสงค์ พูดรายงานจากการศกึ ษาคน้ คว้า การฟงั การดูและการ
สนทนา และมีมารยาทในการฟัง การดแู ละการพูด

สร้างคำในภาษาไทย วิเคราะห์โครงสร้างประโยค แต่งบทรอ้ ยกรองประเภทกลอนสุภาพ ใช้คำ
ราชาศพั ท์ได้ถกู ตอ้ งตามฐานะของบคุ คล อธิบายความหมายของคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย

วิเคราะห์ วิจารณ์ อธบิ ายคุณค่า สรปุ วรรณคดวี รรณกรรม วรรณกรรมท้องถ่ินและสามารถ
นำมาประยุกต์ใช้ในชีวติ จริง ท่องจำบทอาขยานท่ีกำหนดและบทรอ้ ยกรองทมี่ คี ณุ คา่ น่าสนใจ มคี วามชื่นชม
และรักความเปน็ ไทย มวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ มีความมุ่งม่นั ในการทำงานด้วยความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ มคี วามเปน็ อยู่

อย่างพอเพียง มจี ิตสาธารณะ มีความรัก หวงแหน และธำรงไว้ซงึ่ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์

รหัสตวั ชีว้ ดั
ท 1.1ม 2/1, ม2/2, ม2/5, ม2/6, ม2/7, ม2/8
ท 2.1 ม2/3, ม2/5, ม2/6, ม2/7 ม2/8

ท 3.1 ม 2/4, ม2/5, ม2/6
ท 4.1 ม 2/4, ม2/5

ท 5.1 ม 2/1, ม.2.2, ม2/3, ม2/4, ม2/5
รวม 21 ตวั ช้วี ัด

โครงสรา้ งรายวชิ าภาษาไทยพ้ืนฐาน ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2
รหัสวชิ า ท 22101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ 1
เวลา 60 ช่ัวโมง / ภาค
จำนวน 1.5 หน่วยกติ คะแนน 100 คะแนน

หน่วย ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / เวลา นำ้ หนักคะแนน
การเรียนรทู้ ี่ และสาระการเรียนรู้ ตัวชว้ี ดั ( ช่วั โมง ) ( 100 )

1 การอ่าน ท 1.1 9 10

- ร้อยแกว้ ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, 12 10

- ร้อยกรอง ม.2/4, 11 8

- ผงั ความคดิ ม.2/8 13 12

- อา่ นจับใจความสำคัญ

2 การเขียน ท 2.1

- การคดั ลายมือ ม 2/1, ม.2/2, ม.2/3,

-การเขยี นบรรยายและพรรณนา ม.2/4, ม.2/8

- การเขยี นเรียงความ

- การเขียนย่อความ

- การมมี ารยาทในการเขียน

3 การฟังการดแู ละการพูด ท 3.1

- การพูดสรปุ ความ ม 2/1, ม.2/2, ม.2/3,

- วิเคราะห์ขอ้ เท็จจริง ม.2/6

ข้อคิดเหน็

- มารยาทในการฟังการดูและ

การพดู

4 หลกั การใช้ภาษา ท 4.1

- สรา้ งคำในภาษาไทย ม 2/1 – ม 2/3

- ลักษณะของประโยค

- กลอนสภุ าพ

หน่วย ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้ีวดั เวลา นำ้ หนักคะแนน
การเรียนรทู้ ี่ และสาระการเรยี นรู้ (ช่วั โมง ) ( 100 )

5 วรรณดคีและวรรณกรรม ท 5.1 13 10
-สรุปเนื้อหาจากวรรณคดี ม 2 /1 – ม 2 /5
และวรรณกรรม 1 20
-วิเคราะหว์ รรณคดี 1 30
-อธบิ ายคุณค่าที่ได้รบั จาก 60 100
วรรณคดี และวรรณกรรม
-ทอ่ งจำบทอาขยานและ
บทร้อยกรองท่สี นใจ
สอบกลางภาค
สอบปลายภาค
รวมทั้งสน้ิ ตลอดภาคเรียน

โครงสร้างรายวชิ าภาษาไทยพื้นฐาน ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2
รหัสวิชา ท 22102 กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ภาคเรยี นท่ี 2
เวลา 60 ชั่วโมง / ภาค
จำนวน 1.5 หน่วยกิต คะแนน 100 คะแนน

หน่วย ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้ีวัด เวลา นำ้ หนักคะแนน
การเรียนรู้ที่
และสาระการเรยี นรู้ ( ช่วั โมง ) ( 100 )

1 การอา่ น ท 1.1 9 10
10
- ร้อยแก้ว ม.2/1, ม.2/2, ม.2/5, ม. 8

- ร้อยกรอง 2/6,

-วเิ คราะหข์ ้อเท็จจรงิ ม.2/7 ,ม.2/8

ข้อคดิ เหน็ เร่อื งท่ีอ่าน

-ประเมินคุณค่าเรือ่ งที่อา่ น

-มมี ารยาทในการอ่าน

2 การเขียน ท 2.1 12

- การเขียนเรียงความ ม.2/3, ม.2/5, ,.2/6, ม.2/7

-เขยี นรายงานการศกึ ษา ม.2/8

คน้ คว้า

- การเขียนจดหมายกิจ

ธรุ ะ

- เขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์

- การมมี ารยาทในการ

เขยี น

3 การฟังการดแู ละการพดู ท 3.1 11

- การพูดในโอกาสต่าง ๆ ม 2/4, ม.2/5, ม.2/6

- การพดู รายงาน

- มารยาทในการฟังการดู

และการพดู

หน่วย ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วดั เวลา น้ำหนักคะแนน
การเรียนรู้ท่ี และสาระการเรียนรู้ (ชวั่ โมง ) ( 100 )

4 หลักการใชภ้ าษา ท 4.1 13 12

5 - ราชาศพั ท์ ม 2/4 – ม 2 /5 13 10

- คำภาษาต่งประเทศท่ีใช้ 1 20
1 30
ในภาษาไทย 60 100

วรรณดคีและวรรณกรรม ท 5.1

-สรปุ เน้ือหาจากวรรณคดี ม 2/1 – ม 2/5

และวรรณกรรม

-วเิ คราะหว์ รรณคดี

-อธบิ ายคณุ ค่าทไี่ ด้รบั จาก

วรรณคดี และวรรณกรรม

-ท่องจำบทอาขยานและ

บทร้อยกรองท่ีสนใจ

สอบกลางภาค

สอบปลายภาค

รวมท้ังสน้ิ ตลอดภาคเรยี น

คำอธิบายรายวิชาภาษาไทยพืน้ ฐาน

รหัสวิชา ท 23101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3

เวลา 3 ชวั่ โมง /สปั ดาห์ ภาคเรยี นที่ 1

จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ เวลา 60 ช่ัวโมง/ภาคเรียน

คำอธิบายรายวิชา

อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ยกรองใหไ้ ด้ถกู ตอ้ งเหมาะสมกับเรอ่ื งที่อ่าน และสามารถจบั

ใจความสำคัญ สามารถสร้างกรอบแนวคดิ กรอบแนวคิดหรอื ผงั ความคิด และวจิ ารณ์เรอ่ื งท่อี า่ น พร้อมทัง้
อธบิ ายคำศพั ทแ์ ละคำที่มีหลายความหมาย ในบริบทตา่ ง ๆ

เขยี นบรรยาย ส่ือสาร เรียงความ ย่อความ คำขวัญ คำคม คำอวยพร เขียนอธิบาย
โฆษณา เขียนแสดงความคิดเห็น เขยี นจดหมาย

การพูดแสดงความคิดเห็นและประเมนิ และสามารถพดู วิเคราะหว์ ิจารณ์จากเรื่องที่ฟังที่ดู และ

สามารถพดู รายงานการศกึ ษาคน้ คว้าเก่ยี วกบั ภูมิปัญญาท้องถิน่
ศกึ ษาการสรา้ งคำไทย การนำภาษาต่างประเทศมาใชใ่ นภาษาไทย ประโยคสามัญ ประโยคซบั ซอ้ น

การใชภ้ าษาพูดและภาษาเขียนของบุคคลในวงการตา่ ง ๆ
มคี วามชื่นชมและรกั ความเปน็ ไทย มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ มคี วามมุ่งมั่นในการทำงานด้วยความซอ่ื สตั ย์

สุจรติ มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง มจี ิตสาธารณะ มีความรัก หวงแหนและธำรงไวซ้ งึ่ ชาติ ศาสนา

พระมหากษตั รยิ ์

รหัสตัวชว้ี ดั

ท 1.1 ม. 3/1 ม. 3/2 ม.3/3 ม.3/4
ท 2.1 ม. 3/1 ม. 3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม. 3/5

ท 3.1 ม. 3/1 ม. 3/2 ม.3/3
ท 4.1 ม. 3/1 ม. 3/2 ม.3/3
ท 5.1 ม. 3/1 ม. 3/2

รวม 17 ตัวชี้วัด

คำอธิบายรายวชิ าภาษาไทยพื้นฐาน

รหสั วชิ า ท 23102 กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3

เวลา 3 ชว่ั โมง /สปั ดาห์ ภาคเรียนท่ี 2

จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต เวลา 60 ชั่วโมง/ภาคเรียน

คำอธบิ ายรายวิชา

จากการอา่ นตีความ ขยายความ คำยากในเอกสารวชิ าการโดยพจิ ารณาจากบรบิ ท วิเคราะห์

วิจารณง์ านเขยี น เปรยี บเทียบถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ตรวจสอบ เลอื กอา่ นหนังสอื และมีมารยาทในการ
อ่าน

รายงาน โครงงาน คัดลายมือและมีมารยาทในการเขยี น
พดู ในโอกาสตา่ ง ๆ เล่าเรอ่ื ง แสดงความคิดเหน็ ประเมินคา่ รายงานประเดน็ ที่ศกึ ษาคน้ ควา้
จากการฟัง การดู และการพดู

สามารถใช้ราชาศัพท์ถกู ต้องตามฐานะของบคุ คล ศกึ ษาประวตั แิ ละผลงานของบคุ คล ภูมิปญั ญา
ท้องถิน่ แต่งบทรอ้ ยกรองประเภท กาพย์ กลอน โคลง เพลงพืน้ บา้ น เพลงกลอ่ มเดก็

นำความรู้ ข้อคดิ ท่ไี ด้จากการอ่านไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ ทอ่ งจำบทอาขยานทกี่ ำหนดและบท
รอ้ ยกรองทสี่ นใจและมีความช่ืนชมและรักความเป็นไทย มวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ มีความมงุ่ ม่ันในการทำงานด้วย
ความซอื่ สัตยส์ ุจริต มีความเป็นอยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง มจี ติ สาธารณะ มีความรัก หวงแหนและธำรงไวซ้ ึง่ ชาติ

ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์

รหัสตัวชี้วดั

ท 1.1 ม. 3/5 ม. 3/6 ม.3/7 ม.3/8 ม.3/9 ม.3/10
ท 2.1 ม. 3/5 ม. 3/6 ม.3/7 ม.3/8 ม.3/9 ม.3/10

ท 3.1 ม. 3/4 ม. 3/5 ม. 3/6
ท 4.1 ม. 3/4 ม. 3/5 ม. 3/6
ท 5.1 ม. 3/3 ม.3/4

รวม 20 ตัวช้ีวัด

โครงสร้างรายวิชาภาษาไทยพ้ืนฐาน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3
รหัสวชิ า ท 23101 กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ภาคเรียนที่ 1
เวลา 3 ชว่ั โมง /สปั ดาห์
จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ คะแนน 100 คะแนน

หนว่ ย ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชีว้ ัด เวลา นำ้ หนกั คะแนน
การเรียนรู้ที่ และสาระการเรยี นรู้ (ชั่วโมง ) ( 100 )

1 การอา่ น ท 1.1 10 10
-ร้อยแกว้ ม.3/1 ม. 3/2 ม.3/3
-ร้อยกรอง ม.3/4
-อ่านจบั ใจความสำคญั
-อ่านวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ ท 2.1 12 10
ม. 3/1 ม. 3/2 ม.3/3
2 การเขยี น ม.3/4 ม. 3/5
-การคดั ลายมือ
-การเขียนข้อความ ท 3.1 11 8
-การเขียนประวตั ิ ม.3/1 ม. 3/2 ม.3/3
-การเขยี นย่อความ
-การเขยี นจดหมาย

3 การฟัง การดแู ละการพูด
-ฟงั เร่ืองท่กี ำหนดให้
-ดู วเิ คราะห์ วิจารณ์
เรอ่ื งท่ีกำหนดให้
-พดู แสดงความคดิ เห็น
-พูดวเิ คราะหว์ ิจารณ์

หน่วย ช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / เวลา นำ้ หนักคะแนน
การเรียนรทู้ ่ี ( ช่ัวโมง ) ( 100 )
และสาระการเรยี นรู้ ตัวช้วี ัด
4 13 12
หลกั ภาษา ท 4.1
5 12 10
-คำภาษาต่างประเทศ ม.3/1 ม. 3/2 ม.3/3
1 20
-โครงสร้าง 1 30
60 100
ประโยคซบั ซอ้ น

-ระดบั ภาษา

วรรณคดี/วรรณกรรม ท 5.1

-วรรณคดแี ล วรรณกรรม ม.3/1 ม. 3/2

ทอ้ งถิ่นเกยี่ วกับ

-ศาสนา ประเพณี

-พิธกี รรม

-สุภาษิต คำสอน

-เหตุการณ์ใน

ประวัตศิ าสตร์

วเิ คราะห์คณุ คา่ วรรณคดี

และวรรณกรรม

สอบกลางภาค

สอบปลายภาค

รวมทง้ั สน้ิ ตลอดภาคเรยี น

โครงสรา้ งรายวชิ า ภาษาไทยพื้นฐาน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3
รหสั วชิ า ท23102 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ภาคเรยี นที่ 2
เวลา 3 ชว่ั โมง /สัปดาห์
จำนวน 1.5 หน่วยกิต คะแนน 100 คะแนน

หน่วย ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชีว้ ัด เวลา น้ำหนักคะแนน
การเรียนร้ทู ี่ และสาระการเรยี นรู้ ท 1.1 ( ช่วั โมง ) ( 100 )
ม. 3/5 ม. 3/6 ม.3/7, ม.
1 การอา่ น 3/8 10 10
-อ่านวิเคราะห์ วิจารณ์ ม.3/9, ม.3/10 12 10
-อา่ นตีความ ท 2.1
มายาทในการอ่าน ม. 3/5 ม. 3/6 ม.3/7 11 8
ม.3/8 ม. 3/9, ม.3/10
2 การเขียน
-กาเขยี นจดหมาย ท 3.1
-การเขียนอธิบาย ม. 3/4 ม. 3/5 ม.3/6
-การเขยี นวเิ คราะห์
วิจารณ์
-การเขียนกรอกแบบ
สมคั รงาน
-การเขียนรายงาน
การศกึ ษาค้นคว้าและ
โครงงาน
มมี ารยาทในการเขียน

3 การฟัง การดแู ละการพูด
-การพูดในโอกาสต่าง ๆ
-การพดู โน้มนา้ วใจ
-มีมารยาทในการฟงั
การดแู ละการพูด

หน่วย ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / เวลา นำ้ หนักคะแนน
( ช่วั โมง ) ( 100 )
การเรยี นรู้ และสาระการเรยี นรู้ ตัวชีว้ ัด
13 12
ท่ี
12 10
4 หลกั ภาษา ท 4.1
1 20
-คำทับศพั ทแ์ ละศัพท์ ม. 3/4 ม. 3/5 ม.3/6 1 30
60 100
บญั ญัติ

-แต่งบทรอ้ ยกรอง

5 วรรณคด/ี วรรณกรรม ท 5.1

-สรปุ ความรู้ ข้อคดิ จาก ม. 3/3 ม. 3/4

วรรณคดีและวรรณกรรม

-ทอ่ งจำบทอาขยาน

สอบกลางภาค

สอบปลายภาค

รวมทง้ั สิน้ ตลอดภาคเรยี น

เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลการเรยี น

๑. การตัดสินผลการเรยี น
๑.๑ ระดบั ประถมศึกษา

(๑) ผเู้ รยี นตอ้ งมีระดับผลการเรียนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้งั หมด
(๒) ผู้เรยี นตอ้ งได้รบั การประเมนิ ทุกตัวชี้วัดและผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากำหนด
(๓) ผ้เู รียนตอ้ งได้รับการตดั สินผลการเรยี นทุกรายวชิ า

(๔) ผู้เรียนต้องผ่านการทดสอบปลายภาคเรียนทุกรายวชิ า
(๕) ผเู้ รยี นต้องไดร้ ับการประเมนิ และมีผลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด

ในการอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคแ์ ละกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน
๑.๒ ระดับมัธยมศึกษา
(๑) ตัดสินผลการเรยี นเปน็ รายวิชา ผเู้ รยี นต้องมเี วลาเรยี นตลอดภาคเรยี นไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐

ของเวลาเรียนทั้งหมดในรายวิชาน้ัน ๆ
(๒) ผเู้ รยี นต้องได้รบั การประเมินทกุ ตัวชี้วดั และผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด

(๓) ผเู้ รยี นตอ้ งได้รับการตดั สินผลการเรียนทุกรายวิชา
(๔) ผูเ้ รยี นตอ้ งผ่านการทดสอบปลายภาคเรียนทกุ รายวิชา
(๕) ผู้เรยี นต้องไดร้ บั การประเมิน และมผี ลการประเมินผ่านตามเกณฑท์ ่ีสถานศกึ ษากำหนด

ในการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ละกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น
การพิจารณาเลื่อนช้ันท้งั ระดบั ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ถ้าผู้เรียนมขี อ้ บกพร่องเพยี งเล็กนอ้ ย

และสถานศึกษาพิจารณาเหน็ ว่าสามารถพฒั นาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยู่ในดุลยพินจิ ของสถานศกึ ษา
ทีจ่ ะผ่อนผันใหเ้ ลอื่ นชน้ั ได้ แตถ่ ้าผ้เู รียนไมผ่ ่านรายวชิ าเปน็ จำนวนมากและมแี นวโน้มวา่ จะเป็นปญั หา
ตอ่ การเรยี นในระดบั ชนั้ ทสี่ ูงขน้ึ สถานศกึ ษาจะตงั้ คณะกรรมการพิจารณาใหเ้ รยี นซำ้ ชนั้ ได้ ทัง้ นี้จะคำนึงถงึ

วุฒิภาวะและความรู้ของผเู้ รียนเป็นสำคัญ
๒. การให้ระดบั ผลการเรียน

๒.๑ ระดบั ประถมศกึ ษา
ในการตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชาสถานศกึ ษาจะให้ระดับผลการเรียนหรือระดบั คณุ ภาพ

ของผู้เรียนเป็นระบบตวั เลข ๘ ระดบั

การประเมนิ การอ่าน คิด วิเคราะห์และเขยี น และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ให้มรี ะดับ
ผลการประเมนิ เปน็ ดีเยี่ยม ดี ผ่านและไมผ่ า่ น

การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี นจะต้องพจิ ารณาทง้ั เวลาการเข้ารว่ มกิจกรรม การปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
และผลงานของผู้เรียนตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากำหนดและให้ผลการเข้ารว่ มกิจกรรมเป็นผ่านและไมผ่ ่าน

๒.๒ ระดบั มัธยมศึกษา

ในการตดั สนิ เพ่อื ใหร้ ะดับผลการเรยี นรายวชิ าจะใชต้ วั เลขแสดงระดบั ผลการเรยี นเป็น ๘ ระดบั
การประเมินการอา่ น คิด วเิ คราะหแ์ ละเขยี น และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ให้มีระดับ

ผลการประเมินเปน็ ดีเยย่ี ม ดี ผา่ นและไม่ผ่าน
การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นจะตอ้ งพจิ ารณาทง้ั เวลาการเข้ารว่ มกิจกรรม การปฏิบตั กิ ิจกรรม

และผลงานของผู้เรียนตามเกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษากำหนดและให้ผลการเขา้ รว่ มกิจกรรมเปน็ ผา่ นและไม่ผ่าน

การใหร้ ะดบั ผลการเรยี น
การตดั สนิ ผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้ใชร้ ะบบตัวเลข แสดงระดับ

ผลการเรยี นในแตล่ ะกลุม่ สาระ ดังน้ี

ระดับผลการเรยี น ความหมาย ช่วงคะแนนร้อยละ
๔ ผลการเรยี นดเี ยีย่ ม ๘๐ - ๑๐๐
๓.๕ ผลการเรียนดมี าก ๗๕ - ๗๙
๓ ๗๐ - ๗๔
๒.๕ ผลการเรียนดี ๖๕ - ๖๙
๒ ผลการเรียนคอ่ นข้างดี ๖๐ - ๖๔
๑.๕ ผลการเรียนนา่ พอใจ ๕๕ - ๕๙
๑ ๕๐ - ๕๔
๐ ผลการเรียนพอใช้ ๐ - ๔๙
ผลการเรยี นผ่านเกณฑ์ข้นั ต่ำ
ผลการเรียนตำ่ กว่าเกณฑ์

การประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น เป็นผ่านและไมผ่ ่าน ถ้ากรณที ่ีผา่ น กำหนดเกณฑ์
การตดั สินเป็นดีเยยี่ ม ดี และผ่าน

ดเี ยีย่ ม หมายถงึ มผี ลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น
ท่ีมีคณุ ภาพดีเลิศอยเู่ สมอ

ดี หมายถึง มีผลงานท่แี สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน
ทมี่ ีคุณภาพเป็นทย่ี อมรับ

ผ่าน หมายถึง มผี ลงานท่แี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น
ท่มี ีคุณภาพเป็นทย่ี อมรบั แต่ยงั มีขอ้ บกพร่องบางประการ

ไม่ผ่าน หมายถงึ ไม่มผี ลงานทแี่ สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์
และเขียน หรือถ้ามีผลงาน ผลงานน้ันยงั มขี อ้ บกพร่องที่ต้องไดร้ ับการปรับปรงุ แกไ้ ขหลายประการ

การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รวมทกุ คุณลกั ษณะเพอ่ื การเล่อื นช้ัน และจบการศึกษา
เป็นผ่านและไม่ผา่ น ในการผ่าน กำหนดเกณฑก์ ารตัดสินเปน็ ดีเย่ียม ดี และผ่าน และความหมาย
ของแต่ละระดับ ดังนี้

ดเี ย่ียม หมายถึง ผู้เรียนปฏิบตั ิตนตามคณุ ลักษณะจนเป็นนิสัย และนำไปใช้ในชีวิตประจำวนั
เพอ่ื ประโยชนส์ ุขของตนเองและสงั คม โดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ดเี ย่ยี ม จำนวน ๕ - ๘
คณุ ลักษณะ และไมม่ ีคณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ต่ำกว่าระดับดี

ดี หมายถงึ ผเู้ รยี นมีคุณลกั ษณะในการปฏบิ ัติตามกฎเกณฑ์ เพอื่ ให้เปน็ การยอมรบั ของสังคม
โดยพิจารณาจาก

๑) ได้ผลการประเมินระดับดีเย่ยี มจำนวน ๑ - ๔ คุณลักษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใด

ไดผ้ ลการประเมินต่ำกวา่ ระดบั ดี หรือ

๒) ได้ผลการประเมินระดับดี เยย่ี มจำนวน ๔ คุณลกั ษณะ และไม่มีคณุ ลกั ษณะใดได้ผล

การประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดบั ผ่านหรือ

๓) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี จำนวน ๕ - ๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลกั ษณะใดได้ผล

การประเมินต่ำกว่าระดับผา่ น

ผา่ น หมายถึง ผ้เู รยี นรบั รแู้ ละปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์และเงอ่ื นไขท่สี ถานศึกษากำหนด

โดยพิจารณาจาก

๑) ได้ผลการประเมนิ ระดับผ่าน จำนวน ๕ - ๘ คณุ ลักษณะ และไม่มีคณุ ลกั ษณะใดได้ผล

การประเมินตำ่ กว่าระดับผ่าน หรอื

๒) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดี จำนวน ๔ คุณลกั ษณะ และไมม่ คี ณุ ลกั ษณะใดได้ผล

การประเมินตำ่ กวา่ ระดับผ่าน

ไม่ผา่ น หมายถึง ผู้เรียนรบั รู้และปฏบิ ัติไดไ้ ม่ครบตามกฎเกณฑแ์ ละเง่อื นไขทส่ี ถานศกึ ษา

กำหนดโดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับไม่ผา่ นตง้ั แต่ ๑ คณุ ลักษณะ

๓. การรายงานผลการเรยี น
การรายงานผลให้ผู้ปกครองและนกั เรียนทราบถงึ ความกา้ วหน้าในการเรียน สถานศึกษาจะสรุปผล

การประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผปู้ กครองทราบเป็นระยะอยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ ครงั้
๔. เกณฑก์ ารจบการศึกษา

๔.๑ เกณฑ์การจบระดบั ประถมศึกษา
(๑) ผู้เรยี นเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน และรายวชิ า/กิจกรรมเพิ่มเตมิ โดยเปน็ รายวิชาพน้ื ฐานตามโครงสร้าง

เวลาเรียนท่หี ลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐานกำหนด และรายวิชา/กิจกรรมเพ่ิมเติมตามที่สถานศกึ ษา
กำหนด

(๒) ผูเ้ รยี นต้องมผี ลการประเมินรายวิชาพนื้ ฐานผา่ นเกณฑก์ ารประเมินตามทส่ี ถานศึกษากำหนด
(๓) ผู้เรยี นต้องผ่านการทดสอบปลายภาคเรียนทุกรายวิชา
(๔) ผู้เรยี นมีผลการประเมิน การอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขียน ในระดบั ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินตามที่
สถานศกึ ษากำหนด
(๕) ผเู้ รียนมีผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ในระดับผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตามท่ี
สถานศึกษากำหนด
(๖) ผูเ้ รยี นเขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นและมีผลการประเมนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมินตามท่ี
สถานศึกษากำหนด
๔.๒ เกณฑ์การจบระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น
(๑) ผเู้ รียนเรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวชิ า/กจิ กรรมเพิ่มเติม โดยเป็นรายวิชาพนื้ ฐานตามโครงสร้าง
เวลาเรยี นที่หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานกำหนด และรายวิชา/กิจกรรมเพ่มิ เติมตามที่สถานศึกษา
กำหนด
(๒) ผเู้ รียนตอ้ งไดห้ น่วยกติ ตลอดหลักสูตรไมน่ ้อยกว่า ๗๗ หน่วยกติ โดยเป็นรายวชิ าพื้นฐาน ๖๖
หน่วยกิต และรายวิชาเพิม่ เตมิ ไม่น้อยกวา่ ๑๔ หน่วยกติ

(๓) ผู้เรยี นต้องผ่านการทดสอบปลายภาคเรียนทุกรายวิชา
(๔) ผเู้ รียนมีผลการประเมิน การอา่ น คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดบั ผา่ นเกณฑ์การประเมินตามท่ี
สถานศึกษากำหนด
(๕) ผู้เรยี นมผี ลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศึกษากำหนด
(๖) ผู้เรยี นเข้ารว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นและมผี ลการประเมนิ ผา่ นเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศกึ ษากำหนด
๕. การเลือ่ นชน้ั
เมอ่ื สิน้ ปีการศกึ ษา ผเู้ รยี นจะได้รบั การเล่อื นชั้น เม่ือมีคุณสมบตั ิตามเกณฑด์ งั ต่อไปน้ี

(๑) ผู้เรียนตอ้ งมเี วลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทง้ั หมด

(๒) ผูเ้ รยี นต้องได้รบั การประเมนิ ทุกตัวชีว้ ัด และผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของจำนวน

ตัวชวี้ ัด

(๓) ผู้เรียนต้องไดร้ ับการตัดสินผลการเรียนทกุ รายวชิ า ไม่น้อยกวา่ ระดบั “ ๑ ” จงึ จะถือวา่
ผา่ นเกณฑต์ ามท่ีสถานศึกษากำหนด

(๔) นักเรยี นต้องไดร้ ับการประเมิน และมีผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์และเขียน

ในระดบั “ ผ่าน ” ข้นึ ไป มีผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ในระดับ“ ผา่ น ” ขนึ้ ไป และมีผล

การประเมนิ กิจกรรมพฒั นานักเรียน ในระดบั “ ผา่ น ”

ท้งั น้ี ถ้าผู้เรียนมขี อ้ บกพร่องเพียงเลก็ นอ้ ย และพิจารณาเห็นวา่ สามารถพัฒนาและสอน
ซ่อมเสริมได้ใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาท่ีจะผ่อนผันใหเ้ ลอื่ นชน้ั ได้

อนง่ึ ในกรณที ่ีผูเ้ รียนมีหลักฐานการเรียนรูท้ แ่ี สดงว่ามคี วามสามารถดเี ลิศ สถานศึกษา

อาจใหโ้ อกาสผูเ้ รยี นเลื่อนชัน้ กลางปีการศึกษา โดยสถานศกึ ษาแต่งต้ังคณะกรรมการประกอบด้วยฝา่ ยวิชาการ

ของสถานศึกษาและผแู้ ทนของเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษาหรือตน้ สงั กดั ประเมนิ ผเู้ รียนและตรวจสอบคณุ สมบัติ

ให้ครบถ้วนตามเงอื่ นไขทัง้ ๓ ประการต่อไปน้ี
๑. มีผลการเรียนในปีการศึกษาที่ผ่านมาและมีผลการเรียนระหว่างปีท่กี ำลงั ศกึ ษา

อยู่ในเกณฑด์ ีเยีย่ ม

๒. มีวุฒภิ าวะเหมาะสมที่จะเรยี นในชัน้ ท่สี ูงขึ้น

๓. ผา่ นการประเมินผลความรูค้ วามสามารถทุกรายวชิ าของช้นั ปีทเ่ี รียนปจั จุบนั และความรู้

ความสามารถทุกรายวชิ าในภาคเรียนแรกของช้นั ปีท่ีจะเลอื่ นขึน้
การอนุมตั ิให้เลอ่ื นชนั้ กลางปีการศกึ ษาไปเรยี นช้ันสงู ข้ึนได้ ๑ ระดับชั้นน้ี ต้องได้รบั

การยินยอมจากผเู้ รยี นและผูป้ กครองและต้องดำเนินการให้เสรจ็ ส้ินกอ่ นเปิดภาคเรยี นท่ี ๒ ของปกี ารศึกษา

น้ัน สำหรบั ในกรณีที่พบว่ามีผู้เรยี นกลมุ่ พเิ ศษประเภทตา่ งๆ มปี ัญหาในการเรยี นรูใ้ หส้ ถานศกึ ษาดำเนนิ งาน

รว่ มกับสำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษาเฉพาะความพกิ ารหาแนวทางการแกไ้ ขและพฒั นา

๖. การสอนซ่อมเสริม
การสอนซอ่ มเสริม เป็นการสอนเพอ่ื แก้ไขขอ้ บกพรอ่ ง กรณีท่ีผเู้ รียนมคี วามรู้ ทกั ษะ กระบวนการ

หรอื คณุ ลักษณะไม่เปน็ ไปตามเกณฑ์ทกี่ ำหนด จะตอ้ งจดั สอนซ่อมเสรมิ เพื่อพฒั นาการเรยี นรขู้ องผเู้ รียน
เต็มตามศกั ยภาพ การสอนซ่อมเสรมิ เปน็ การสอนเพ่ือแกไ้ ขข้อบกพร่องกรณที ่ผี ูเ้ รียนมคี วามรู้ ทกั ษะ
กระบวนการ หรือเจตคติ/คุณลกั ษณะไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากำหนด สถานศึกษาตอ้ งจดั สอน
ซ่อมเสรมิ เปน็ กรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามปกตเิ พ่ือพฒั นาใหผ้ ู้เรียนสามารถบรรลุตามมาตรฐาน
การเรียนร้/ู ตัวช้วี ัดที่กำหนดไว้เปน็ การให้โอกาสแก่ผู้เรียนไดเ้ รยี นรู้และพฒั นา โดยจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
ท่หี ลากหลายและตอบสนองความแตกต่างระหว่างบคุ คล
๗. การเปล่ียนผลการเรยี น

การเปลีย่ นผลการเรียน“๐”
สถานศึกษาจดั ใหม้ ีการสอนซอ่ มเสริมในมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้วี ดั ท่ผี ู้เรยี นสอบไม่ผา่ นกอ่ น

แลว้ จึงสอบแก้ตวั ไดไ้ ม่เกิน ๒ ครง้ั ถา้ ผู้เรียนไมด่ ำเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาท่ีสถานศกึ ษากำหนดให้
อยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาทจ่ี ะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอกี ๑ ภาคเรียน สำหรับภาคเรยี นท่ี ๒
ต้องดำเนินการให้เสร็จสิน้ ภายในปกี ารศกึ ษานนั้

ถา้ สอบแก้ตัว ๒ ครง้ั แลว้ ยงั ไดร้ ะดับผลการเรียน “๐” อีก ใหส้ ถานศึกษาแต่งต้ัง
คณะกรรมการดำเนินการเกี่ยวกับการเปลีย่ นผลการเรยี นของผู้เรยี นโดยปฏบิ ตั ิดงั นี้

๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพื้นฐานให้เรยี นซำ้ รายวชิ านน้ั
๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเตมิ ให้เรยี นซ้ำหรือเปลยี่ นรายวชิ าเรยี นใหม่ ทง้ั น้ใี หอ้ ยใู่ น
ดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษา ในกรณีที่เปลย่ี นรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตใุ นระเบยี น แดงผลการเรียน
ว่าเรียนแทนรายวชิ าใด
๘. การเปล่ียนผลการเรยี น“ร”
การเปล่ียนผลการเรียน“ร” ให้ดำเนนิ การดงั น้ี ใหผ้ ้เู รียนดำเนินการแก้ไข “ร” ตามสาเหตุ
เม่ือผู้เรยี นแก้ไขปัญหาเสร็จแลว้ ให้ไดร้ ะดบั ผลการเรียนตามปกติ (ต้งั แต่ ๐ - ๔) ถ้าผู้เรยี นไมด่ ำเนินการแก้ไข
“ร” กรณที สี่ ่งงานไม่ครบแต่มีผลการประเมนิ ระหวา่ งภาคเรียนและปลายภาคให้ผสู้ อนนำขอ้ มูลที่มีอยูต่ ัดสิน
ผลการเรียนยกเว้นมีเหตุสุดวิสยั ให้อยู่ในดลุ ยพินจิ ของสถานศกึ ษาท่ีจะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอกี
ไม่เกิน ๑ ภาคเรียนสำหรบั ภาคเรียนที่ ๒ ตอ้ งดำเนนิ การใหเ้ สร็จสิน้ ภายในปกี ารศึกษานน้ั เม่อื พ้นกำหนดนี้
แลว้ ให้เรยี นซ้ำ หากผลการเรียนเป็น “๐” ใหด้ ำเนินการแก้ไขตามหลักเกณฑ์
การเปลี่ยนผลการเรียน “มส”
๙. การเปลย่ี นผลการเรยี น“มส” มี ๒ กรณี ดังนี้
๑) กรณีผเู้ รยี นได้ผลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรยี นไมถ่ ึงรอ้ ยละ ๘๐ แตม่ ีเวลาเรียน
ไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ ของเวลาเรียนในรายวชิ านนั้ ใหจ้ ดั ให้เรยี นเพมิ่ เตมิ โดยใชช้ ่ัวโมงสอนซ่อมเสริม
หรอื ใชเ้ วลาว่าง หรอื ใช้วนั หยุดหรือมอบหมายงานใหท้ ำจนมเี วลาเรียนครบตามท่ีกำหนดไวส้ ำหรับรายวชิ านน้ั
แล้วจงึ ใหว้ ัดผลปลายภาคเปน็ กรณพี ิเศษ

๒) ผลการแก้ “มส” ใหไ้ ด้ระดบั ผลการเรยี นไมเ่ กนิ “๑” การแก้
“มส” กรณีน้ใี ห้กระทำใหเ้ สรจ็ สิน้ ภายในปกี ารศึกษาน้นั ถา้ ผเู้ รยี น ไมม่ าดำเนินการแก้
“มส” ตามระยะเวลาทีก่ ำหนดไวน้ ้ใี ห้เรียนซ้ำ ยกเว้นมีเหตสุ ดุ วิสยั ใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศึกษา
ทจ่ี ะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีกไมเ่ กิน ๑ ภาคเรียน แตเ่ มือ่ พ้นกำหนดนี้แลว้ ให้ปฏิบัติดังนี้

(๑) ถา้ เป็นรายวิชาพ้นื ฐานให้เรยี นซำ้ รายวชิ านน้ั
(๒) ถ้าเปน็ รายวชิ าเพ่มิ เติมให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ใหเ้ รียนซำ้ หรือเปล่ียน
รายวิชาเรียนใหม่
๓) กรณีผเู้ รียนไดผ้ ลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรยี นน้อยกวา่ ร้อยละ ๖๐ ของเวลา
เรยี นทงั้ หมดใหส้ ถานศกึ ษาดำเนนิ การดังนี้

(๑) ถ้าเปน็ รายวชิ าพนื้ ฐานให้เรยี นซ้ำรายวิชาน้ัน
(๒) ถ้าเป็นรายวชิ าเพ่ิมเติมใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษา ให้เรยี นซำ้ หรอื เปล่ยี น
รายวิชาเรยี นใหม่ ในกรณีทีเ่ ปลย่ี นรายวิชาเรียนใหมใ่ ห้หมายเหตใุ นระเบยี นแสดงผลการเรยี นวา่ เรยี นแทน
รายวิชาใด
๑๐. การเรยี นซ้ำรายวชิ า ผู้เรียนที่ได้รับการสอนซอ่ มเสรมิ และสอบแกต้ วั ๒ คร้ังแล้วไม่ผ่านเกณฑ์การ
ประเมินใหเ้ รยี นซ้ำรายวิชานน้ั ทง้ั นใ้ี หอ้ ยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจดั ใหเ้ รยี นซำ้ ในชว่ งใดช่วงหนึง่ ที่
สถานศกึ ษาเห็นว่าเหมาะสม เช่น พกั กลางวัน วนั หยุด ชว่ั โมงวา่ งหลงั เลิกเรียน ภาคฤดรู ้อนเป็นต้น
ในกรณีภาคเรยี นท่ี ๒ หากผ้เู รยี นยังมีผลการเรยี น “๐” “ร” “มส” ใหด้ ำเนนิ การให้เสร็จสิน้
กอ่ นเปิดเรียนปกี ารศึกษาถดั ไป สถานศกึ ษาอาจเปดิ การเรียนการสอนในภาคฤดรู อ้ นเพอื่ แกไ้ ขผลการเรียน
ของผเู้ รยี นได้
๑๑. การเปลี่ยนผล“มผ”
กรณีทผี่ เู้ รยี นได้ผล “มผ” สถานศกึ ษาตอ้ งจดั ซ่อมเสรมิ ให้ผู้เรยี นทำกจิ กรรมในสว่ นท่ีผู้เรียน
ไมไ่ ดเ้ ข้ารว่ มหรอื ไมไ่ ดท้ ำจนครบถ้วน แล้วจงึ เปลี่ยนผลจาก “มผ”เปน็ “ผ” ได้ ท้ังน้ีดำเนินการให้เสรจ็ สิ้น
ภายในภาคเรยี นนัน้ ๆ ยกเวน้ มีเหตสุ ุดวิสัยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษาท่จี ะพิจารณาขยายเวลา
ออกไปอกี ไม่เกนิ ๑ ภาคเรยี น สำหรับภาคเรยี นที่ ๒ ตอ้ งดำเนินการใหเ้ สรจ็ สนิ้ ภายในปกี ารศกึ ษาน้นั
๑๒. การเรยี นซำ้ ชั้น
ผเู้ รยี นท่ไี มผ่ า่ นรายวิชาจำนวนมากและมแี นวโน้มวา่ จะเปน็ ปัญหาต่อการเรียนในระดับช้ัน
ทีส่ งู ขนึ้ สถานศึกษา ต้องตัง้ คณะกรรมการพจิ ารณาใหเ้ รียนซำ้ ช้นั ได้ ท้ังนใ้ี หค้ ำนึงถึงวุฒภิ าวะและความรู้
ความสามารถของผเู้ รียนเปน็ สำคัญ
ผเู้ รียนทไี่ มม่ ีคุณสมบตั ิตามเกณฑ์การเล่อื นชัน้ สถานศึกษาควรให้เรียนซำ้ ช้ัน ทง้ั นี้ สถานศึกษา
อาจใช้ดลุ ยพินิจให้เล่ือนชั้นได้ หากพิจารณาวา่ ผู้เรยี นมคี ณุ สมบัติขอ้ ใดข้อหนึ่ง ดงั ต่อไปน้ี
๑) มีเวลาเรยี นไม่ถึงรอ้ ยละ ๘๐ อันเน่ืองจากสาเหตุจำเปน็ หรอื เหตุสดุ วิสยั แตม่ ีคุณสมบตั ิ
ตามเกณฑ์การเลือ่ นชัน้ ในข้ออนื่ ๆ ครบถว้ น
๒) ผู้เรยี นมผี ลการประเมนิ ผา่ นมาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวชว้ี ัดไมถ่ งึ เกณฑ์ตามท่ี

สถานศึกษากำหนดในแต่ละรายวิชา แต่เห็นว่าสามารถสอนซ่อมเสริมได้ในปกี ารศกึ ษานัน้ และมคี ุณสมบตั ิ
ตามเกณฑ์การเล่ือนช้ันในขอ้ อื่น ๆ ครบถว้ น

๓) ผเู้ รยี นมีผลการประเมนิ รายวชิ าในกล่มุ สาระภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
สังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรมอย่ใู นระดับผา่ น

กอ่ นที่จะให้ผเู้ รียนเรียนซ้ำชั้น สถานศึกษาตอ้ งแจ้งให้ผปู้ กครองและผู้เรียนทราบเหตุผล
ของการเรียนซ้ำชั้น

เอกสารหลักฐานการศึกษา
เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา เปน็ เอกสารสำคัญทบ่ี ันทกึ ผลการเรยี น ขอ้ มลู และสารสนเทศท่ีเก่ียวข้อง

กับพัฒนาการของผ้เู รียนในดา้ นตา่ ง ๆ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดงั น้ี
๑. เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาทก่ี ระทรวงศึกษาธิการกำหนด

๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียน
ของผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูล
และออกเอกสารนใี้ ห้ผูเ้ รยี นเป็นรายบคุ คล เมอ่ื ผูเ้ รียนจบการศึกษาระดับประถมศกึ ษา

๑.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายชื่อ
และข้อมลู ของผจู้ บการศกึ ษาระดับประถมศกึ ษา
๒. เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษากำหนด

เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับ
ผเู้ รียน เชน่ แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทกึ ผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรอง
ผลการเรียน และ เอกสารอื่นๆ ตามวัตถปุ ระสงคข์ องการนำเอกสารไปใช้

การเทียบโอนผลการเรียน
สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา

การเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษา
จากต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทยี บโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์
จากแหลง่ การเรยี นร้อู ืน่ ๆ เชน่ สถานประกอบการ สถาบนั ศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การจดั การศกึ ษา
โดยครอบครัว

การเทียบโอนผลการเรยี นควรดำเนินการในช่วงกอ่ นเปดิ ภาคเรียนแรก หรือตน้ ภาคเรียนแรก
ทส่ี ถานศกึ ษารบั ผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรยี น ท้งั นี้ ผ้เู รยี นที่ได้รับการเทยี บโอนผลการเรยี นต้องศึกษาต่อเนือ่ ง
ในสถานศึกษาทรี่ บั เทยี บโอนอยา่ งน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศึกษาที่รบั ผเู้ รียนจาก
การเทียบโอนควรกำหนดรายวชิ า/จำนวนหนว่ ยกิตท่จี ะรบั เทยี บโอนตามความเหมาะสม

การพจิ ารณาการเทยี บโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดงั น้ี
๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถ
ของผู้เรียน
๒. พจิ ารณาจากความรู้ ความสามารถของผ้เู รียนโดยการทดสอบด้วยวธิ กี ารตา่ งๆ ทงั้ ภาคความรู้
และภาคปฏิบัติ
๓. พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏบิ ัตใิ นสภาพจริง
การเทยี บโอนผลการเรียนให้เปน็ ไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏบิ ตั ิ ของกระทรวงศึกษาธกิ าร
การบรหิ ารจัดการหลักสตู ร
ในระบบการศึกษาที่มกี ารกระจายอำนาจให้ท้องถ่นิ และสถานศึกษามบี ทบาทในการพฒั นาหลักสูตร
นั้น หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับสถานศึกษา
มีบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม การใช้และพัฒนาหลักสูตรให้เป็นไป
อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การดำเนินการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอน
ของสถานศึกษามีประสิทธภิ าพสูงสุด อันจะส่งผลใหก้ ารพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรยี นรู้
ท่ีกำหนดไว้ในระดบั ชาตคิ ณุ ภาพของของผเู้ รยี นทสี่ ำคญั และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ระดับท้องถิ่น ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอื่น ๆ เป็นหน่วยงาน
ที่มบี ทบาทในการขบั เคลอื่ นคุณภาพการจดั การศึกษา เปน็ ตวั กลางท่จี ะเช่ือมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐานที่กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำ
หลักสูตรของสถานศึกษา ส่งเสริมการใช้และพัฒนาหลักสูตรในระดับสถานศึกษา ให้ประสบความสำเร็จ
โดยมีภารกจิ สำคญั คอื กำหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น ในระดบั ท้องถ่ินโดยพิจารณา
ใหส้ อดคล้องกบั สิง่ ท่ีเปน็ ความต้องการในระดบั ชาติ พัฒนาสาระ การเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่ ประเมินคณุ ภาพการศึกษา
ในระดบั ท้องถ่นิ รวมท้ังเพ่มิ พนู คณุ ภาพการใช้หลกั สูตรด้วยการวจิ ยั และพฒั นา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน
สง่ เสรมิ ตดิ ตามผล ประเมินผล วเิ คราะห์ และรายงานผลคณุ ภาพของผเู้ รียน

สถานศกึ ษามีหน้าท่ีสำคญั ในการพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษา การวางแผนและดำเนนิ การใช้หลักสูตร
การเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรจัดทำระเบียบ
การวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายละเอียดที่เขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัดอื่นๆ ในระดับท้องถิ่น
ได้จัดทำเพิ่มเติม รวมทั้ง สถานศึกษาสามารถเพ่ิมเติมในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม
ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความต้องการของผู้เรียน โดยทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร
สถานศึกษา

การจัดการเรยี นรู้
การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง

การศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ของผูเ้ รยี น เป็นเปา้ หมายสำหรับพฒั นาเดก็ และเยาวชน

ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการ
เรียนรู้ จดั การเรียนร้โู ดยชว่ ยใหผ้ ูเ้ รยี นเรยี นรู้ผ่านสาระที่กำหนดไว้ในหลกั สูตร ๘ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ รวมทั้ง
ปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อันเป็นสมรรถนะสำคัญให้ผู้ เรียนบรรลุ
ตามเปา้ หมาย

๑. หลักการจดั การเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ
และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ตามทีก่ ำหนดไวใ้ นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน โดยยึดหลักว่า
ผูเ้ รยี นมีความสำคญั ท่สี ุด เชอ่ื ว่าทกุ คนมีความสามารถเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองได้ ยึดประโยชน์ท่ีเกดิ กบั ผ้เู รยี น
กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผูเ้ รียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คำนึงถึง
ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลและพัฒนาการทางสมองเนน้ ให้ความสำคญั ท้ังความรู้ และคุณธรรม
๒. กระบวนการเรียนรู้
การจดั การเรยี นรทู้ ี่เน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ ผเู้ รยี นจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ทหี่ ลากหลาย
เป็นเครื่องมือที่จะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน
อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม
กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ
ลงมือทำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง
กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัย กระบวนการเหล่านีเ้ ป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการ
ฝกึ ฝนพัฒนา เพราะจะสามารถช่วยใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การเรียนรไู้ ดด้ ี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผสู้ อน
จึงจำเป็นตอ้ งศกึ ษาทำความเข้าใจในกระบวนการเรียนรูต้ ่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใชใ้ นการจัดกระบวนการ
เรียนรู้ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ

๓. การออกแบบการจัดการเรยี นรู้
ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสำคัญ
ของผู้เรียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกบั ผู้เรียน แลว้ จึงพิจารณาออกแบบ
การจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อให้
ผเู้ รยี นไดพ้ ัฒนาเตม็ ตามศกั ยภาพและบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด
๔. บทบาทของผสู้ อนและผูเ้ รียน
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียน
ควรมบี ทบาท ดังนี้
๔.๑ บทบาทของผูส้ อน

๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผน
การจัดการเรยี นรู้ ท่ที า้ ทความสามารถของผ้เู รยี น

๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ
ทเ่ี ปน็ ความคดิ รวบยอด หลกั การ และความสัมพนั ธ์ รวมทัง้ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
และพฒั นาการทางสมอง เพอ่ื นำผเู้ รียนไปสเู่ ปา้ หมาย

๔) จัดบรรยากาศท่ีเอือ้ ต่อการเรียนรู้ และดูแลช่วยเหลอื ผู้เรยี นใหเ้ กดิ การเรียนรู้
๕) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยี
ท่ีเหมาะสมมาประยกุ ต์ใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน
๖) ประเมินความก้าวหน้าของผูเ้ รยี นดว้ ยวธิ ีการท่หี ลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ
ของวชิ าและระดับพัฒนาการของผูเ้ รียน
๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุง
การจดั การเรยี นการสอนของตนเอง
๔.๒ บทบาทของผูเ้ รยี น
๑) กำหนดเปา้ หมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นรู้ของตนเอง
๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถงึ แหล่งการเรยี นรู้ วเิ คราะห์ สังเคราะหข์ อ้ ความรู้ ตัง้ คำถาม คิดหา
คำตอบหรอื หาแนวทางแก้ปญั หาด้วยวิธกี ารตา่ งๆ
๓) ลงมอื ปฏบิ ัติจริง สรปุ ส่งิ ท่ีไดเ้ รยี นรดู้ ้วยตนเอง และนำความรู้ไปประยกุ ต์ใชใ้ นสถานการณ์
ต่างๆ
๔) มีปฏสิ ัมพันธ์ ทำงาน ทำกจิ กรรมร่วมกับกล่มุ และครู
๕) ประเมนิ และพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของตนเองอยา่ งตอ่ เนือ่ ง

สือ่ การเรยี นรู้
สื่อการเรียนรู้เปน็ เครือ่ งมือส่งเสริมสนบั สนนุ การจดั การกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้

ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มี
หลากหลายประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพมิ พ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ตา่ งๆ ที่มีในท้องถิ่น
ก าร เลือก ใช้สื่อควร เลือก ให้มีความเหมาะสมก ับร ะดับพัฒนาก าร และ ลีลาก าร เร ียนรู้
ทีห่ ลากหลายของผูเ้ รียน

การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้
อย่างมีคุณภาพจากสื่อต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมและ
ส่ือสารใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ โดยสถานศกึ ษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพ่อื พฒั นาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้
อย่างแท้จริง สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีหน้าที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ควรดำเนนิ การดงั น้ี

๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์การเรียนรู้ ระหวา่ งสถานศึกษา ท้องถ่นิ ชุมชน สังคมโลก

๒. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรบั การศึกษาคน้ คว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทัง้
จัดหาส่งิ ทมี่ ีอยูใ่ นทอ้ งถิน่ มาประยกุ ตใ์ ช้เปน็ สอื่ การเรียนรู้

๓. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับวิธี
การเรยี นรู้ ธรรมชาติของสาระการเรยี นรู้ และความแตกตา่ งระหว่างบุคคลของผ้เู รยี น

๔. ประเมินคุณภาพของส่ือการเรยี นรทู้ ่ีเลือกใชอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ
๕. ศึกษาค้นคว้า วิจยั เพ่อื พัฒนาสอ่ื การเรยี นรู้ใหส้ อดคลอ้ งกบั กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรยี น
๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อ
การเรยี นรู้เปน็ ระยะๆ และสม่ำเสมอ
ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา
ควรคำนึงถึงหลักการสำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้
การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย
ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง รูปแบบการนำเสนอ
ท่เี ข้าใจงา่ ย และนา่ สนใจ

การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้
การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ของผ้เู รยี นตอ้ งอยู่บนหลักการพ้ืนฐานสองประการ คือ

การประเมนิ เพื่อพัฒนาผ้เู รยี นและเพ่ือตดั สินผลการเรยี น ในการพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นรู้ของผู้เรียน
ให้ประสบผลสำเร็จนนั้ ผูเ้ รยี นจะต้องไดร้ ับการพฒั นาและประเมนิ ตามตวั ช้ีวดั เพอ่ื ใหบ้ รรลุ
ตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะทอ้ นสมรรถนะสำคญั และคุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผ้เู รียนซง่ึ เปน็ เป้าหมาย
หลักในการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรใู้ นทุกระดบั ไม่ว่าจะเปน็ ระดับช้ันเรยี น ระดับสถานศึกษา ระดับเขต
พ้นื ทกี่ ารศกึ ษา และระดบั ชาติ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ เปน็ กระบวนการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี นโดยใช้
ผลการประเมินเปน็ ขอ้ มลู และสารสนเทศทแ่ี สดงพฒั นาการ ความกา้ วหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของ
ผ้เู รยี น ตลอดจนข้อมลู ที่เปน็ ประโยชน์ต่อการสง่ เสริมให้ผ้เู รยี นเกดิ การพฒั นาและเรียนรู้อย่างเตม็ ตาม
ศกั ยภาพ

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา
ระดบั เขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษา และระดับชาติ มรี ายละเอยี ด ดังน้ี

๑. การประเมินระดับชั้นเรยี น เป็นการวัดและประเมินผลทอ่ี ย่ใู นกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผสู้ อน
ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น
การซักถาม การสังเกต การตรวจการบา้ น การประเมินโครงงาน การประเมินชิน้ งาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสม
งาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อน
ประเมินเพอ่ื น ผูป้ กครองรว่ มประเมิน ในกรณีท่ไี มผ่ ่านตวั ช้วี ดั ให้มีการสอนซอ่ มเสริม

การประเมนิ ระดบั ช้นั เรยี นเปน็ การตรวจสอบว่า ผ้เู รยี นมพี ฒั นาการความกา้ วหน้าในการเรียนรู้
อนั เปน็ ผลมาจากการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากนอ้ ยเพียงใด มสี ่งิ ที่จะตอ้ งไดร้ ับการพัฒนา
ปรับปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนของตนด้วย
ทง้ั น้ีโดยสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชีว้ ัด

๒. การประเมนิ ระดบั สถานศกึ ษา เป็นการประเมนิ ที่สถานศึกษาดำเนินการเพอ่ื ตัดสนิ ผล การเรยี น
ของผูเ้ รยี นเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น คุณลักษณะ อนั พงึ ประสงค์
และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น นอกจากนเี้ พ่ือให้ไดข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั การจัดการศกึ ษา ของสถานศกึ ษา วา่ สง่ ผล
ต่อการเรยี นรขู้ องผ้เู รยี นตามเปา้ หมายหรอื ไม่ ผเู้ รียนมจี ุดพัฒนาในด้านใด รวมทัง้ สามารถนำผลการเรียน
ของผเู้ รยี นในสถานศึกษาเปรยี บเทยี บกับเกณฑ์ระดบั ชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเปน็ ข้อมลู
และสารสนเทศเพ่อื การปรับปรุงนโยบาย หลักสตู ร โครงการ หรอื วิธกี ารจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพอื่
การจดั ทำแผนพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาของสถานศกึ ษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ
รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา สำนกั งาน
คณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน ผู้ปกครองและชมุ ชน

๓. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นที่
การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน
ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดย

ประเมินคุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา
หรือด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัด ในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบ
ทบทวนข้อมูลจากการประเมินระดับสถานศึกษาในเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษา

๔. การประเมนิ ระดับชาติ เปน็ การประเมินคุณภาพผู้เรยี นในระดบั ชาตติ ามมาตรฐานการเรียนรู้
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สถานศึกษาตอ้ งจัดให้ผู้เรียนทกุ คนทเี่ รยี น ในชน้ั ประถมศึกษา
ปีท่ี ๓ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เขา้ รบั การประเมนิ ผลจากการประเมนิ ใช้เปน็ ข้อมูลในการเทยี บเคียงคุณภาพ
การศกึ ษาในระดบั ต่าง ๆ เพอื่ นำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจดั การศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมลู
สนบั สนุนการตัดสนิ ใจในระดับนโยบายของประเทศ

ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวน
พฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียน ถอื เปน็ ภาระความรบั ผิดชอบของสถานศกึ ษาทจี่ ะต้องจดั ระบบดูแลชว่ ยเหลือ ปรบั ปรุง
แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคล
ท่ีจำแนกตามสภาพปญั หาและความตอ้ งการ ได้แก่ กลุ่มผูเ้ รียนทั่วไป กลุ่มผู้เรยี นทมี่ คี วามสามารถพเิ ศษ กลุ่ม
ผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธ
โรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูล
จากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอกาสให้
ผเู้ รยี นได้รับการพัฒนาและประสบความสำเรจ็ ในการเรยี น

สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผล
การเรียนของสถานศึกษาใหส้ อดคลอ้ งและเปน็ ไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบตั ิทเี่ ป็นขอ้ กำหนดของหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน เพอื่ ใหบ้ ุคลากรทเ่ี ก่ยี วขอ้ งทกุ ฝ่ายถอื ปฏบิ ัตริ ่วมกนั

ผเู้ รยี นท่ไี มม่ ีคณุ สมบัตติ ามเกณฑ์การเลอ่ื นช้นั สถานศึกษาควรให้เรยี นซำ้ ช้ัน ทง้ั น้ี สถานศกึ ษา
อาจใช้ดุลยพนิ จิ ให้เลอ่ื นช้ันได้ หากพจิ ารณาว่าผ้เู รียนมีคุณสมบัติข้อใดข้อหนงึ่ ดังตอ่ ไปน้ี

๑) มีเวลาเรยี นไมถ่ ึงร้อยละ ๘๐ อันเนอ่ื งจากสาเหตุจำเปน็ หรอื เหตสุ ดุ วิสัย แตม่ ี
คณุ สมบัติตามเกณฑก์ ารเล่อื นชัน้ ในขอ้ อ่ืนๆ ครบถ้วน

๒) ผูเ้ รียนมผี ลการประเมนิ ผา่ นมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชีว้ ัดไม่ถงึ เกณฑ์ตามที่
สถานศกึ ษากำหนดในแตล่ ะรายวชิ า แต่เหน็ วา่ สามารถสอนซ่อมเสริมไดใ้ นปกี ารศึกษาน้นั และมคี ุณสมบตั ิ
ตามเกณฑก์ ารเลอ่ื นชั้นในข้ออื่น ๆ ครบถว้ น

๓) ผเู้ รยี นมีผลการประเมนิ รายวิชาในกล่มุ สาระภาษาไทย คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
สงั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรมอยู่ในระดับผา่ น

กอ่ นที่จะใหผ้ เู้ รยี นเรียนซำ้ ชน้ั สถานศึกษาตอ้ งแจง้ ใหผ้ ปู้ กครองและผู้เรยี นทราบเหตุผลของ
การเรยี นซ้ำชน้ั

เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา
เอกสารหลักฐานการศกึ ษา เป็นเอกสารสำคญั ทบ่ี นั ทกึ ผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศท่ีเก่ียวข้อง

กับพฒั นาการของผูเ้ รยี นในด้านตา่ ง ๆ แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ดังนี้
๑. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาท่กี ระทรวงศึกษาธิการกำหนด

๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ
ผู้เรยี นตามรายวชิ า ผลการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขียน ผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
ของสถานศึกษา และผลการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น สถานศกึ ษาจะต้องบนั ทึกข้อมูลและออกเอกสารน้ี
ให้ผู้เรยี นเปน็ รายบุคคล เม่อื ผ้เู รยี นจบการศึกษาระดบั ประถมศึกษา

๑.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมตั ิการจบหลกั สูตรโดยบันทึกรายชื่อและ
ขอ้ มลู ของผูจ้ บการศึกษาระดับประถมศึกษา

๒. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาท่ีสถานศึกษากำหนด
เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับ

ผู้เรยี น เช่น แบบรายงานประจำตวั นกั เรยี น แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบยี นสะสม ใบรับรอง
ผลการเรยี น และ เอกสารอื่นๆ ตามวตั ถปุ ระสงค์ของการนำเอกสารไปใช้
การเทยี บโอนผลการเรยี น

สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรยี นของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ
เปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก
ตา่ งประเทศและขอเข้าศกึ ษาตอ่ ในประเทศ นอกจากน้ี ยังสามารถเทยี บโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จาก
แหล่งการเรียนร้อู ืน่ ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบนั ศาสนา สถาบันการฝกึ อบรมอาชีพ การจัดการศึกษาโดย
ครอบครัว

การเทียบโอนผลการเรยี นควรดำเนนิ การในช่วงกอ่ นเปิดภาคเรียนแรก หรือตน้ ภาคเรยี นแรก ที่
สถานศึกษารับผขู้ อเทียบโอนเป็นผู้เรียน ทัง้ นี้ ผู้เรียนท่ีได้รบั การเทียบโอนผลการเรยี นต้องศึกษาต่อเนือ่ งใน
สถานศึกษาทร่ี ับเทียบโอนอยา่ งน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศกึ ษาทร่ี ับผู้เรยี นจาก
การเทียบโอนควรกำหนดรายวชิ า/จำนวนหน่วยกติ ทจี่ ะรบั เทียบโอนตามความเหมาะสม

การพิจารณาการเทยี บโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดงั น้ี
๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของ
ผู้เรยี น
๒. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผเู้ รียนโดยการทดสอบด้วยวธิ กี ารตา่ งๆ ทัง้ ภาคความรู้
และภาคปฏิบัติ
๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏบิ ัตใิ นสภาพจรงิ
การเทยี บโอนผลการเรยี นให้เป็นไปตาม ประกาศ หรอื แนวปฏิบัติ ของกระทรวงศึกษาธิการ

การบรหิ ารจดั การหลักสูตร
ในระบบการศกึ ษาทีม่ กี ารกระจายอำนาจใหท้ อ้ งถ่นิ และสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนาหลักสูตร

นั้น หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับสถานศึกษา มี
บทบาทหน้าที่ และความรบั ผิดชอบในการพฒั นา สนบั สนุน สง่ เสริม การใช้และพฒั นาหลักสูตรให้เปน็ ไปอย่าง
มีประสิทธิภาพ เพ่อื ให้การดำเนินการจัดทำหลักสูตรสถานศกึ ษาและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา
มีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ใน
ระดับชาตคิ ุณภาพของของผเู้ รยี นทสี่ ำคัญ และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

ระดับท้องถิ่น ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอื่น ๆ เป็นหน่วยงานที่มี
บทบาทในการขบั เคลอื่ นคุณภาพการจัดการศกึ ษา เปน็ ตวั กลางทจ่ี ะเชือ่ มโยงหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พื้นฐานที่กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำ
หลักสูตรของสถานศกึ ษา ส่งเสริมการใชแ้ ละพัฒนาหลักสูตรในระดบั สถานศกึ ษา ให้ประสบความสำเร็จ โดยมี

ภารกิจสำคัญ คือ กำหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในระดับท้องถิ่นโดยพิจารณาให้

สอดคล้องกบั ส่งิ ที่เป็นความตอ้ งการในระดบั ชาติ พัฒนาสาระ การเรยี นรทู้ อ้ งถ่ิน ประเมนิ คุณภาพการศกึ ษาใน

ระดับท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน

สง่ เสรมิ ตดิ ตามผล ประเมินผล วเิ คราะห์ และรายงานผลคุณภาพของผ้เู รียน

สถานศกึ ษามีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้หลักสูตร

การเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรจัดทำระเบียบ

การวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสูตรแกนกลาง

การศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายละเอียดที่เขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัดอื่นๆ ในระดับท้องถิ่นได้

จดั ทำเพ่ิมเติม รวมทั้ง สถานศึกษาสามารถเพม่ิ เติมในส่วนทเ่ี ก่ียวกบั สภาพปัญหาในชมุ ชนและสงั คม ภมู ปิ ญั ญา

ทอ้ งถนิ่ และความตอ้ งการของผู้เรยี น โดยทุกภาคสว่ นเข้ามามสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษา

๓. การรายงานผลการเรยี น
การรายงานผลใหผ้ ู้ปกครองและนกั เรยี นทราบถึงความก้าวหนา้ ในการเรยี น สถานศึกษาจะสรุปผล

การประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะอย่างนอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ ครง้ั
๔. เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา

๔.๑ เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา
(๑) ผูเ้ รียนเรียนรายวชิ าพื้นฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพม่ิ เติม โดยเปน็ รายวิชาพนื้ ฐานตามโครงสร้าง

เวลาเรียนท่ีหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานกำหนด และรายวิชา/กจิ กรรมเพมิ่ เตมิ ตามท่ีสถานศึกษา
กำหนด

(๒) ผเู้ รยี นต้องมผี ลการประเมินรายวิชาพื้นฐานผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่สถานศึกษากำหนด
(๓) ผเู้ รยี นต้องผ่านการทดสอบปลายภาคเรยี นทุกรายวชิ า
(๔) ผเู้ รียนมีผลการประเมิน การอา่ น คดิ วเิ คราะห์และเขยี น ในระดบั ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตามที่
สถานศึกษากำหนด
(๕) ผู้เรียนมีผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผา่ นเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศึกษากำหนด
(๖) ผเู้ รยี นเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียนและมผี ลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศึกษากำหนด
๔.๒ เกณฑ์การจบระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้
(๑) ผู้เรยี นเรยี นรายวิชาพื้นฐาน และรายวชิ า/กิจกรรมเพิ่มเติม โดยเป็นรายวชิ าพนื้ ฐานตามโครงสร้าง
เวลาเรยี นท่หี ลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานกำหนด และรายวชิ า/กจิ กรรมเพิม่ เติมตามที่สถานศึกษา
กำหนด
(๒) ผเู้ รยี นต้องไดห้ น่วยกติ ตลอดหลกั สูตรไม่น้อยกวา่ ๗๗ หน่วยกติ โดยเปน็ รายวชิ าพนื้ ฐาน ๖๖
หน่วยกติ และรายวิชาเพ่มิ เตมิ ไมน่ อ้ ยกว่า ๑๔ หนว่ ยกิต
(๓) ผู้เรยี นต้องผา่ นการทดสอบปลายภาคเรียนทกุ รายวิชา
(๔) ผู้เรยี นมผี ลการประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขยี น ในระดับผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตามที่
สถานศกึ ษากำหนด
(๕) ผู้เรยี นมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ในระดบั ผ่านเกณฑก์ ารประเมินตามที่
สถานศกึ ษากำหนด

(๖) ผู้เรียนเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี นและมีผลการประเมินผา่ นเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศกึ ษากำหนด

การจดั การเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง

การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐานเป็นหลกั สูตรท่มี มี าตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของ
ผูเ้ รยี น เปน็ เปา้ หมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน

ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการ
เรยี นรู้ จดั การเรยี นรโู้ ดยช่วยใหผ้ เู้ รียนเรยี นร้ผู า่ นสาระท่กี ำหนดไว้ในหลกั สูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมท้ัง
ปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะตา่ งๆ อันเป็นสมรรถนะสำคัญให้ผู้เรียนบรรลุตาม
เปา้ หมาย

๑. หลกั การจดั การเรยี นรู้
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ
และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคต์ ามที่กำหนดไวใ้ นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน
โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมคี วามสำคัญทสี่ ดุ เชอื่ ว่าทกุ คนมคี วามสามารถเรยี นรู้และพฒั นาตนเองได้
ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติ
และเต็มตามศกั ยภาพ คำนึงถึงความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลและพัฒนาการทางสมองเน้น
ให้ความสำคญั ทงั้ ความรู้ และคณุ ธรรม
๒. กระบวนการเรยี นรู้
การจดั การเรยี นรทู้ เ่ี น้นผู้เรียนเปน็ สำคญั ผู้เรียนจะตอ้ งอาศัยกระบวนการเรยี นรู้
ที่หลากหลาย เป็นเครื่องมือที่จะนำพาตนเองไปสูเ่ ป้าหมายของหลกั สูตร กระบวนการเรียนรูท้ ี่จำเป็นสำหรบั
ผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทาง
สังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการ
ปฏิบัติ ลงมือทำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง
กระบวนการพัฒนาลกั ษณะนสิ ัย
กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ
สามารถช่วยให้ผ้เู รียนเกดิ การเรยี นรไู้ ดด้ ี บรรลุเปา้ หมายของหลกั สตู ร ดังนั้น ผสู้ อน
จึงจำเป็นตอ้ งศึกษาทำความเขา้ ใจในกระบวนการเรยี นรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใชใ้ นการจัดกระบวนการ
เรยี นรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

๓. การออกแบบการจัดการเรียนรู้
ผู้สอนต้องศึกษาหลกั สูตรสถานศกึ ษาให้เขา้ ใจถึงมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสำคญั ของ
ผเู้ รียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรยี นรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรยี น แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ
จดั การเรยี นรโู้ ดยเลือกใช้วธิ ีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ การวัดและประเมินผล เพ่ือให้ผู้เรียน
ไดพ้ ัฒนาเต็มตามศกั ยภาพและบรรลุตามเปา้ หมายทกี่ ำหนด
๔. บทบาทของผสู้ อนและผู้เรยี น
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียน
ควรมีบทบาท ดงั น้ี
๔.๑ บทบาทของผสู้ อน

๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผน
การจดั การเรียนรู้ ทท่ี ้าทความสามารถของผู้เรียน

๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ
ท่ีเป็นความคดิ รวบยอด หลกั การ และความสัมพันธ์ รวมทงั้ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
และพฒั นาการทางสมอง เพอ่ื นำผเู้ รยี นไปสเู่ ปา้ หมาย

๔) จัดบรรยากาศท่เี อ้อื ตอ่ การเรยี นรู้ และดูแลชว่ ยเหลือผูเ้ รียนใหเ้ กดิ การเรียนรู้
๕) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีท่ี
เหมาะสมมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน
๖) ประเมินความกา้ วหน้าของผู้เรยี นด้วยวิธีการทหี่ ลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ
ของวชิ าและระดบั พฒั นาการของผู้เรียน
๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุงการ
จดั การเรียนการสอนของตนเอง
๔.๒ บทบาทของผ้เู รียน
๑) กำหนดเปา้ หมาย วางแผน และรบั ผิดชอบการเรียนรขู้ องตนเอง
๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถงึ แหล่งการเรยี นรู้ วเิ คราะห์ สังเคราะหข์ ้อความรู้ ต้งั คำถาม คิดหา
คำตอบหรือหาแนวทางแก้ปญั หาด้วยวิธกี ารตา่ งๆ
๓) ลงมือปฏิบตั ิจรงิ สรุปส่ิงทไี่ ด้เรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง และนำความรไู้ ปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์
ต่างๆ
๔) มปี ฏิสัมพันธ์ ทำงาน ทำกจิ กรรมร่วมกับกลุ่มและครู
๕) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรยี นรูข้ องตนเองอย่างต่อเนื่อง

สือ่ การเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรยี นรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้

ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มี
หลากหลายประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ที่มีในท้องถ่นิ
ก าร เลือก ใช้สื่อควร เลือก ให้มีความเหมาะสมก ับร ะดับพัฒนาก าร และ ลีลาก าร เร ียนรู้
ทหี่ ลากหลายของผเู้ รียน

การจัดหาส่ือการเรียนรู้ ผเู้ รยี นและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่าง
มคี ุณภาพจากสอ่ื ตา่ งๆ ทีม่ ีอยูร่ อบตัวเพอื่ นำมาใช้ประกอบในการจดั การเรยี นรทู้ ส่ี ามารถส่งเสริมและส่ือสารให้
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่าง
แท้จริง สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีหน้าที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควร
ดำเนนิ การดงั นี้

๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน
ประสบการณก์ ารเรียนรู้ ระหวา่ งสถานศกึ ษา ท้องถนิ่ ชุมชน สังคมโลก

๒. จัดทำและจัดหาสือ่ การเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นควา้ ของผูเ้ รียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทั้ง
จดั หาส่ิงทมี่ ีอยู่ในทอ้ งถิ่นมาประยุกต์ใช้เป็นสื่อการเรยี นรู้

๓. เลือกและใชส้ ือ่ การเรยี นรทู้ มี่ คี ณุ ภาพ มีความเหมาะสม มคี วามหลากหลาย สอดคลอ้ ง กับวธิ กี าร
เรียนรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกต่างระหวา่ งบคุ คลของผ้เู รยี น

๔. ประเมนิ คณุ ภาพของสอ่ื การเรียนรทู้ ีเ่ ลอื กใช้อยา่ งเป็นระบบ
๕. ศกึ ษาค้นควา้ วิจัย เพอื่ พัฒนาสือ่ การเรยี นร้ใู หส้ อดคล้องกับกระบวนการเรียนรูข้ องผูเ้ รียน
๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อ
การเรียนรเู้ ปน็ ระยะๆ และสม่ำเสมอ
ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา
ควรคำนึงถงึ หลักการสำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลกั สูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การ
ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้ องและทันสมัย
ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง รูปแบบการนำเสนอ
ที่เขา้ ใจงา่ ย และน่าสนใจ

การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรูข้ องผ้เู รยี นต้องอยูบ่ นหลกั การพนื้ ฐานสองประการ คอื

การประเมนิ เพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพ่ือตัดสนิ ผลการเรยี น ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนร้ขู องผเู้ รียน
ให้ประสบผลสำเร็จน้นั ผเู้ รียนจะตอ้ งได้รบั การพัฒนาและประเมินตามตัวชวี้ ดั เพ่ือให้บรรลุตามมาตรฐาน
การเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคณุ ลักษณะอันพึงประสงคข์ องผู้เรยี นซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัด
และประเมินผลการเรยี นรใู้ นทุกระดบั ไมว่ า่ จะเปน็ ระดับชนั้ เรียน ระดับสถานศึกษา ระดบั เขตพื้นท่ีการศึกษา
และระดบั ชาติ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ เปน็ กระบวนการพฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รยี นโดยใช้ผลการประเมิน
เปน็ ข้อมูลและสารสนเทศท่ีแสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเรจ็ ทางการเรยี นของผเู้ รยี น
ตลอดจนข้อมูลทีเ่ ป็นประโยชน์ตอ่ การส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนเกดิ การพัฒนาและเรยี นรอู้ ย่างเตม็ ตามศกั ยภาพ

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา
ระดับเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษา และระดบั ชาติ มรี ายละเอยี ด ดงั น้ี

๑. การประเมนิ ระดับชน้ั เรียน เป็นการวดั และประเมนิ ผลท่อี ยู่ในกระบวนการจดั การเรยี นรู้ ผ้สู อน
ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น
การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสม
งาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อน
ประเมนิ เพื่อน ผูป้ กครองรว่ มประเมิน ในกรณีทไ่ี ม่ผ่านตวั ชวี้ ดั ให้มกี ารสอนซ่อมเสริม

การประเมินระดับชน้ั เรียนเปน็ การตรวจสอบว่า ผ้เู รยี นมพี ฒั นาการความกา้ วหน้าในการเรียนรู้
อนั เป็นผลมาจากการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากนอ้ ยเพยี งใด มีสง่ิ ท่ีจะต้องได้รับการพัฒนา
ปรับปรุงและสง่ เสริมในด้านใด นอกจากน้ียังเป็นข้อมลู ให้ผสู้ อนใชป้ รับปรุงการเรียนการสอนของตนดว้ ย ทั้งน้ี
โดยสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวดั

๒. การประเมนิ ระดับสถานศกึ ษา เปน็ การประเมินทส่ี ถานศกึ ษาดำเนนิ การเพอื่ ตัดสนิ ผล การเรียน
ของผเู้ รยี นเป็นรายป/ี รายภาค ผลการประเมนิ การอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะ อนั พึงประสงค์
และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน นอกจากนเี้ พอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มูลเก่ียวกับการจัดการศกึ ษา ของสถานศึกษา ว่าสง่ ผลต่อ
การเรยี นรูข้ องผเู้ รยี นตามเปา้ หมายหรอื ไม่ ผ้เู รียนมจี ดุ พฒั นาในด้านใด รวมทง้ั สามารถนำผลการเรียนของ
ผเู้ รยี นในสถานศกึ ษาเปรียบเทยี บกับเกณฑ์ระดบั ชาติ ผลการประเมินระดบั สถานศึกษาจะเปน็ ข้อมูลและ
สารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลกั สูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพ่ือการ
จดั ทำแผนพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาและการ
รายงานผลการจดั การศกึ ษาตอ่ คณะกรรมการสถานศกึ ษา สำนกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษา สำนกั งาน
คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน ผู้ปกครองและชุมชน

๓. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นที่
การศกึ ษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน เพื่อใชเ้ ปน็ ข้อมลู พนื้ ฐานในการ
พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมนิ
คุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานทีจ่ ัดทำและดำเนินการโดยเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา หรือด้วย

ความรว่ มมือกับหน่วยงานต้นสงั กดั ในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังไดจ้ ากการตรวจสอบทบทวนข้อมูล
จากการประเมนิ ระดับสถานศึกษาในเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษา

๔. การประเมนิ ระดบั ชาติ เปน็ การประเมินคุณภาพผเู้ รยี นในระดับชาตติ ามมาตรฐานการเรียนรู้
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน สถานศกึ ษาต้องจดั ให้ผู้เรยี นทกุ คนทเ่ี รยี น ในชน้ั ประถมศึกษาปี
ที่ ๓ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เข้ารับการประเมนิ ผลจากการประเมนิ ใชเ้ ปน็ ข้อมลู ในการเทียบเคียงคุณภาพ
การศึกษาในระดบั ต่าง ๆ เพอื่ นำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคณุ ภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูล
สนับสนุนการตัดสินใจในระดับนโยบายของประเทศ

ขอ้ มูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เปน็ ประโยชน์ตอ่ สถานศกึ ษาในการตรวจสอบทบทวน
พฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี น ถอื เปน็ ภาระความรับผิดชอบของสถานศกึ ษาทจ่ี ะต้องจดั ระบบดแู ลช่วยเหลือ ปรับปรุง
แก้ไข สง่ เสริมสนบั สนนุ เพื่อให้ผเู้ รยี นได้พัฒนาเต็มตามศกั ยภาพบนพ้นื ฐานความแตกต่างระหวา่ งบคุ คลที่
จำแนกตามสภาพปญั หาและความตอ้ งการ ได้แก่ กลมุ่ ผูเ้ รียนทั่วไป กล่มุ ผู้เรยี นที่มคี วามสามารถพเิ ศษ กลุ่ม
ผู้เรยี นทม่ี ีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรยี นท่มี ีปญั หาด้านวนิ ัยและพฤตกิ รรม กลมุ่ ผเู้ รยี นที่ปฏเิ สธ
โรงเรียน กลุ่มผู้เรยี นทีม่ ีปญั หาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพกิ ารทางร่างกายและสตปิ ญั ญา เปน็ ตน้ ข้อมลู
จากการประเมนิ จงึ เป็นหวั ใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผเู้ รยี นได้ทนั ทว่ งที ปิดโอกาสให้
ผูเ้ รยี นไดร้ ับการพฒั นาและประสบความสำเร็จในการเรียน

สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมนิ ผล
การเรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์และแนวปฏิบตั ิทเี่ ปน็ ข้อกำหนดของหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน เพื่อใหบ้ คุ ลากรทเี่ กีย่ วขอ้ งทุกฝา่ ยถอื ปฏบิ ตั ิร่วมกัน

บรรณานุกรม

กรมวิชาการ. (๒๕๕๕). พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๔๕ และพระราชบัญญตั ิการศึกษาภาคบังคบั พ.ศ. ๒๕๔๕. กรุงเทพฯ : อักษรไทย,

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (๒๕๔๕). หลกั สูตรการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๕. กรงุ เทพ ฯ :
คุรสุ ภาลาดพร้าว.

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (๒๕๕๐ ก). แนวทางการจัดท่าหน่วยการเรียนรูแ้ บบบรู ณาการปรัชญาของเศรษฐกจิ
พอเพยี งช่วงช้ันท่ี ๑ (ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๑-๓). กรงุ เทพฯ : ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่ง
ประเทศไทย จำกดั .

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (๒๕๕๐ ข). แนวทางการจัดท่าหนว่ ยการเรียนรแู้ บบบูรณาการปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี งช่วงชนั้ ที่ ๒(ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔-๖). กรงุ เทพฯ : ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่
ประเทศไทย จำกดั .

กระทรวงศึกษาธกิ าร. (๒๕๕๑). หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ :
ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จา่ กดั .

สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน. (๒๕๕๗, ๒๙ กันยายน). แนวปฏบิ ตั ิเกยี่ วกบั ค่านิยมหลัก ๑๒
ประการสกู่ ารปฏิบตั ิ. กรงุ เทพ ฯ : ผู้แตง่ .

สำนกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๕๑). แนวทางการบริหารจดั การหลกั สูตร. กรงุ เทพฯ :
ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จ่ากัด.

สำนักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา. (๒๕๕๑). ตวั ช้วี ดั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลางกลมุ่ สาระการเรียนรู้
ภาษาไทย. กรงุ เทพ ฯ : ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทยจำกดั .

ภาคผนวก

คำสั่งโรงเรยี นชมุ ชนวดั สุวรรณรังสรรค์
ท่ี / ๒๕๖๕

เร่ือง แตง่ ตง้ั คณะกรรมการบริหารหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
*********************************

ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐานพุทธศกั ราช ๒๕๕๑ เร่อื งการปรับปรุงโครงสร้างเวลา

เรยี น ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ เพอื่ ให้การจัดการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน

สอดคลอ้ งกบั การเปล่ยี นแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และความร้ทู างวิทยาศาสตร์

และเทคโนโลยีท่ีเจรญิ ก้าวหนา้ อย่างรวดเร็ว เป็นการพฒั นาและเสริมสรา้ งศักยภาพของคนของชาตใิ หม้ ี

คณุ ภาพและมาตรฐานสากล สอดคล้องกับประเทศไทย ๔.๐ โลกศตวรรษท่ี ๒๑ และทัดเทียมกับนานาชาติ

ดำรงชวี ิตอยา่ งสร้างสรรค์ในประชาคมโลก ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

เพ่อื ใหก้ ารบรหิ ารหลักสตู รกลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทยเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ สอดคล้อง

กบั พระราชบัญญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แกไ้ ขเพิม่ เติม(ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา

๑๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบยี บบรหิ ารราชการ กระทรวงศึกษาธิการพ.ศ. ๒๕๔๖ โรงเรยี นชมุ ชนวดั สุวรรณ

รังสรรค์จึงแต่งตั้งคณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทยตามหลักสตู รแกนกลาง

การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานพทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ๒๕๖๔) ของโรงเรียนชุมชนวัดสุวรรณรังสรรค์ ดังนี้

๑. นางพัณณ์ชิตา กนกพงษ์เสถียร ผอู้ ำนวยการโรงเรียนชมุ ชนวดั สุวรรณรังสรรค์ ประธานกรรมการ

๒. นางสาวยุภารตั น์ เชยี่ วชาญ รองผู้อ่านวยการโรงเรียนชุมชนวัดสุวรรณรงั สรรค์ รองประธานกรรมการ

๓. นางสาวธนภรณ์ ซ่อนกลิ่น หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย กรรมการ

๔. นางสาวรพีการย์ กลั ปจ์ ริ าพงศ์ ครกู ลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย กรรมการ

๕. นางสาววิไลภรณ์ ทองอดุ ร ครกู ล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย กรรมการ

๖. นางสาวธนดั ดา วงษ์ดวง ครูกลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย กรรมการ

๗. นางสาววรรณกานต์ สายม่ัน ครูกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย กรรมการ

๘. นางสาวลัดดาวัลย์ ชยั วร ครกู ลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย กรรมการและเลขานกุ าร

หน้าท่ี
๑. วางแผนการด่าเนนิ งานวชิ าการ ก่าหนดสาระรายละเอยี ดของหลักสูตรระดับสถานศึกษา และแนว

การจัดสดั สว่ นสาระการเรยี นรู้และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นของสถานศึกษา ให้สอดคลอ้ งกบั หลักสตู รการศึกษา
ขัน้ พ้ืนฐาน สอดคล้องกบั การเปลีย่ นแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรม สภาพแวดลอ้ ม และความรู้
ทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีทเี่ จริญกา้ วหน้าอยา่ งรวดเรว็ เป็นการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของคน
ของชาตใิ หม้ ีคณุ ภาพและมาตรฐานสากล สอดคล้องกับประเทศไทย ๔.๐ โลกศตวรรษท่ี ๒๑ และทัดเทยี ม
กบั นานาชาติ ด่ารงชวี ติ อยา่ งสร้างสรรค์ ในประชาคมโลก ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

๒. จดั ท่าคูม่ อื การบริหารหลักสูตรและงานวชิ าการของสถานศึกษา นิเทศ กา่ กับ ตดิ ตาม
คา่ ปรึกษาเกีย่ วกบั การพฒั นาหลกั สูตร การจดั กระบวนการเรยี นรู้ การวดั ผลและประเมนิ ผล และการแนะแนว
ใหส้ อดคลอ้ งและเป็นไปตามมาตรฐานหลกั สูตรการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน

๓. ส่งเสริมสนับสนนุ การพฒั นาบุคลากรเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร การจดั กระบวนการเรยี นรู้
การวดั ผลและประเมนิ ผลและการแนะแนวใหเ้ ป็นไปตามจุดหมายและแนวทางการดา่ เนนิ การของหลักสตู ร

๔. ประสานความรว่ มมอื จากบคุ คล หนว่ ยงาน องคก์ รตา่ ง ๆ และชมุ ชน เพื่อให้การใชห้ ลกั สตู ร
เปน็ ไปอยา่ งมีประสิทธิภาพและคุณภาพ

๕. ประชาสมั พนั ธ์หลักสูตร และการใชห้ ลักสตู รแกน่ กั เรยี น ผปู้ กครอง ชุมชนและผู้เกี่ยวข้อง
และน่าข้อมลู ป้อนกลับจากฝ่ายตา่ ง ๆ มาพจิ ารณาเพอื่ การปรับปรุงพฒั นาหลักสตู รสถานศกึ ษา

๖. สง่ เสริมสนบั สนุนการวิจยั เกยี่ วกบั การพัฒนาหลักสตู รและกระบวนการเรียนรู้
๗. ตดิ ตามผลการเรียนรูข้ องนักเรยี นเปน็ รายบคุ คลระดับชว่ งชน้ั และระดบั กลุ่มสาระการเรียนรู้
ในแต่ละปีการศึกษาเพ่ือปรับปรงุ และพัฒนาการด่าเนนิ งานด้านต่างๆของสถานศึกษา
๘. ตรวจสอบ ทบทวน ประเมนิ มาตรฐานการปฏิบตั ิงานของครู และการบริหารหลักสูตรระดับ
สถานศกึ ษาในรอบปีทีผ่ ่านมา แล้วใชผ้ ลการประเมินเพอื่ วางแผนพัฒนาการปฏิบัตงิ านของครแู ละการบรหิ าร
หลักสตู รในปกี ารศึกษาต่อไป
๙. รายงานผลการปฏิบตั ิงานและผลการบรหิ ารหลกั สูตรของสถานศกึ ษา โดยเน้นผลการพัฒนา
คณุ ภาพนักเรยี นตอ่ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รระดับเหนือ
สถานศกึ ษา สาธารณชนและผเู้ กีย่ วขอ้ ง
๑๐.ให้ดา่ เนินการประชมุ คณะกรรมการอยา่ งนอ้ ยภาคเรียนละ ๒ คร้ัง

ใหค้ ณะกรรมการทไ่ี ดร้ ับการแต่งตงั้ ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ตามท่ไี ด้รับมอบหมายอย่างเตม็ กำลังความสามารถ
สำเรจ็ ตามวัตถปุ ระสงค์ เกดิ ประสิทธภิ าพและบงั เกดิ ผลดีแก่ทางราชการตอ่ ไป
ทั้งนี้ ตงั้ แตบ่ ดั น้เี ปน็ ตน้ ไป

สงั่ ณ วนั ท่ี ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕

(นางพัณณ์ชติ า กนกพงษเ์ สถยี ร)
ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นชุมชนวดั สวุ รรณรังสรรค์

คณะผจู้ ดั ทำ

๑. นางพณั ณช์ ิตา กนกพงษเ์ สถียร ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนชมุ ชนวดั สวุ รรณรังสรรค์ ประธานกรรมการ

๒. นางสาวยุภารตั น์ เช่ียวชาญ รองผู้อ่านวยการโรงเรยี นชุมชนวดั สุวรรณรงั สรรค์ รองประธานกรรมการ

๓. นางสาวธนภรณ์ ซ่อนกลิน่ หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กรรมการ

๔. นางสาวรพีการย์ กัลป์จิราพงศ์ ครูกล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย กรรมการ

๕. นางสาววิไลภรณ์ ทองอดุ ร ครกู ลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย กรรมการ

๖. นางสาวธนดั ดา วงษด์ วง ครูกลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย กรรมการ

๗. นางสาววรรณกานต์ สายมน่ั ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กรรมการ

๘. นางสาวลัดดาวลั ย์ ชยั วร ครกู ล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย กรรมการและเลขานกุ าร

คณะทำงานในการรวบรวมรูปเลม่

๑. นางพณั ณ์ชิตา กนกพงษ์เสถียร ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนวัดสวุ รรณรงั สรรค์
๒. นางสาวยุภารัตน์ เชยี่ วชาญ รองผู้อา่ นวยการโรงเรยี นชมุ ชนวัดสวุ รรณรังสรรค์
๓. นางสาวธนภรณ์ ซอ่ นกล่ิน ตำแหน่ง ครู อบั ดบั คศ.๒
๔. นางสาวรพีการย์ กลั ปจ์ ริ าพงศ์ ตำแหนง่ ครู อับดบั คศ.๓
๕. นางสาววไิ ลภรณ์ ทองอุดร ตำแหนง่ ครู อบั ดับ คศ.๑
๖. นางสาวธนัดดา วงษ์ดวง ตำแหน่ง ครู อับดับ คศ.๑
๗. นางสาววรรณกานต์ สายม่ัน ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย
๘. นางสาวลัดดาวลั ย์ ชัยวร ตำแหนง่ ครู อบั ดบั คศ.๑

ปรบั ปรุงลา่ สดุ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕


Click to View FlipBook Version