E-BOOK
กาพย์เห่เรือ
เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศรไชยเชษสุริยวงศ์
จัดทำโดย
นางสาวสุวิณี บุญทัน เลขที่๒๑
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๑
วิชาภาษาไทย ท๓๓๑๐๑
ภาคเรียนที่๑/๒๕๖๕
โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา
บทเห่ชมกระบวนเรือ
โคลง ชลาไลย
ปางเสด็จประเวศด้าว กิ่งแก้ว
ทรงรัตนพิมานไชย แหนแห่
พรั่งพร้อมพวกพลไกร
เรือกระบวนต้นแพร้ว เพลิศพริ้งพายทอง ฯ
ช้าลวะเห่
พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย พายอ่อนหยับจับงามงอน
นาวาแน่นเป็นขนัด ล้วนรูปสัตว์แสนยากร
เรือลิ่วปลิวธงสลอน สาครสั่นครั้นครื้นฟอง
เรือครุฑยุดนาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาผันผยอง
พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอ้เห่มา
สรมุขมุขสี่ด้าน เพียงพิมานผ่านเมฆา
ม่านกรองทองรจนา หลังคาแดงแย่งมังกร
สมรรถไชยไกรกาบแก้ว แสงแวววับจับสาคร
เรียบเรียงเคียงคู่จร ดังร่อนฟ้ามาแดนดิน
สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์
เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ ลินลาศเลือนเตือนตาชม
เรือไชยไวว่องวิ่ง รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม
เสียงเส้าเร้าระดม ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน ฯ
บทเห่ชมกระบวนเรือ
มูละเห่
คชสีทีผาดเผ่น ดูดังเป็นเห็นขบขัน
ราชสีห์ทียืนยัน คั่นสองคู่ดูยิ่งยง
เรือม้าหน้ามุ่งน้ำ แล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง
เพียงม้าอาชาทรง องค์พระพายผายผันผยอง
เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน โจนตามคลื่นฝืนฝาฟอง
ดูยิ่งสิงห์ลำพอง เป็นแถวท่องล่องตามกัน
นาคาหน้าดังเป็น ดูขะเม่นเห็นขบขัน
มังกรถอนพายพัน ทันแข่งหน้าวาสุกรี
เลียงผาง่าเท้าโผน เพียงโจนไปในวารี
นาวาหน้าอินทรีย์ ที่ปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม
ดนตรีมี่อึงอล ก้องกาหลพลแห่โหม
โห่ฮึกครึกครื้นโครม โสมนัสชื่นรื่นเริงพล
ค กรีฑาหมู่นาเวศ จากนคเรศโดยสาชล
เหิมหื่นชื่นกระมล ยลมัจฉาสารพันมี ฯ
D
WYKER
gez.Jörg Wichmann
บทเห่ชมกระบวนเรือ
เรือครุฑยุดนาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาฝันผยอง
พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอ้เห่มา
เรือมีโขนเป็นรูปครุฑจับนาค เรื่องนี้ปรากฏในวรรณคดีอินเดีย
ว่า ครุฑกับนาคเป็นลูก บิดาเดียวกันคือพระกัศยป แต่ต่างมารดา
กัน มารดาของครุฑถูกมารดาของนาคแกล้งจน ได้ตกเป็นทาส
ครุฑจึงผูกใจเจ็บ ภายหลังครุฑได้พรจากพระนารายณ์ให้จับนาค
กิน เรื่องครุฑจับนาคจึงปรากฏอยู่ในศิลปะ และวรรณคดี ตกทอด
มาถึงไทยเราด้วย
บทเห่ชมกระบวนเรือ
สรมุขมุขสี่ด้าน เพียงพิมานผ่านเมฆา
ม่านกรองทองรจนา หลังคาแดงแย่งมังกร
ในตำนานพระเวสสันดร มีตอนหนึ่งกล่าวถึงไกรสรราชสีห์ ใน
เรื่องบรรยายว่าเป็นสัตว์ทรงพลัง กายเป็น สิงห์ มีบนแผงคอ ริม
ฝีปาก บนทางและเล็บเป็น สีแดงดั่งผ้ารีตนกัมพล ไกรสรราชสีห์
เป็น ใน ๔ ราชสีห์ แห่งป่าหิมพานต์ ในตำนานกล่าวว่าไกรสร
ราชสีห์เป็นสัตว์ที่มีพละกำลังแรงกล้า เป็นนักล่าชั้นเยี่ยมและ กิน
สัตว์ใหญ่น้อยเป็นอาหาร
บทเห่ชมกระบวนเรือ
สมรรถไชยไกรกาบแก้ว แสงแวววับจับสาคร
เรียบเรียงเคียงคู่จร ดังร่อนฟ้ามาแดนดิน
เรือพระที่นั่งนี้มีมานานแล้วแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาปรากฏในตำราริ้วกระบวน
แห่พยุหยาตราชลมารคสมเด็จ พระนารายณ์มหาราชเป็นเรือกิ่งพื้น และมี
ปรากฏชื่อในโคลงพระราชพิธีทวาทศมาสในรัชกาลที่ ๔แห่งกรุง
รัตนโกสินทร์ด้วยเป็นเรือพระที่นั่งสำหรับทรงเปลื้องเครื่องเพราะมีการตั้ง
บัลลังก์บุษบกอัญเชิญ พระชฎามหากฐินนำหน้าเรือพระที่นั่งลำทรงตั้งเครื่อง
สูงด้านหน้าฉัตร ๓ ชั้น ๙ องค์ ฉัตร ๕ ชั้น ๒องค์ ด้านหลังบุษบกตั้งฉัตร ๒
ชั้น ๑ องค์ฉัตร ๕ ชั้น ๒ องค์บ้านบุษบกเป็นผ้าตาดมีตำรวจประจำเรือ ๕
นายนักสราชนั่งเชิญธงด้านหน้าและด้านหลังด้านละ ๑
บทเห่ชมกระบวนเรือ
สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์
เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม
เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ลำปัจจุบัน สร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อ
พุทธศักราช ๒๔๕๔ โดยตั้งชื่อตามเรือพระที่นั่งโบราณของสมเด็จพระ
มหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา คือ เรือศรีสุพรรณหงส์ หรือ เรือพระที่นั่ง
ชัยสุพรรณหงส์ สร้างขึ้นเมื่อพุทธศักราช ๒๐๙๑ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอน
ปลายมีชื่อเรือพระที่นั่ง สุวรรณหงส์ สมัยรัชกาลที่ ๑ (พุทธศักราช ๒๓๒๕ -
๒๓๕๒) ปรากฏชื่อเรือพระที่นั่ง สุวรรณหงส์ และ รัชกาลที่ ๓(พุทธศักราช
๒๓๖๗- ๒๓๙๔) ปรากฏชื่อเรือพระที่นั่ง ศรีสุพรรณหงส์
บทเห่ชมกระบวนเรือ
เรือไชยไวว่องวิ่ง รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม
เสียงเส้าเร้าระดม ห่มท้ายเป็นเดินคู่กัน ฯ
เรือเอกไชยเหินหาว หรือเอกไชยเหิรหาวนั้นเป็นเรือพื้นดำ ยาว ๑๔
วา ๑ ศอก ๕ นิ้ว กว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ ๑๐ นิ้ว ลึก ๑ ศอก ๓ นิ้ว กำลังที่ฝีพาย
สามารถพายให้เรือแล่นไปได้สำหรับการพาย ๑ ครั้ง ๕ ศอก ๔ นิ้ว เรือเดิม
ถูกระเบิดเสียหายเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๗ กรมศิลปากรได้เก็บหัวเรือและท้ายเรือ
ไว้เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราช
พิธี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ สำหรับลำปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ วันที่ ๒๑ เมษายน
พ.ศ. ๒๕๐๘ มีน้ำหนัก ๖.๙๓ ตัน กว้าง ๑.๙๗ เมตร ฝีพาย ๓๘ คน นาย
ท้าย ๒ คน
บทเห่ชมกระบวนเรือ
คชสีทีผาดเผ่น ดูดังเป็นเห็นขบขัน
ราชสีห์ทียืนยัน คั่นสองคู่ดูยิ่งยง
เรือคชสีห์ เป็นเรือที่มีหัวเรือเป็นรูปสัตว์ คชสีห์ เป็นสิงห์
ผสมที่มีกายเป็นสิงห์ และมีช่วงหัวเป็นช้าง ตามตำรากล่าวว่า
คชสีห์มีพลังเทียบเท่าช้างและสิงห์รวมกัน ซึ่งนับได้ว่าเป็น
สัตว์ที่น่าเกรงขาม คชสีห์มีลักษณะคล้ายสัตว์หิมพานต์อีก
ชนิดหนึ่งชื่อทักทอ
บทเห่ชมกระบวนเรือ
เรือมาหน้ามุ่งน้ำ แล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง
เพียงม้าอาชาทรง องค์พระพายผายผันผยอง
เป็นเรือที่มีโขนเรือเป็นรูปม้าเพราะโดยทั่วไปของม้าจะเป็น
สัตว์กีบ เดี่ยว รูปร่างสูงใหญ่ ขายาว ทางเป็นพู่มีแผงคอยาว
จึงนิยมนำมา ทําเป็นพาหนะ
บทเห่ชมกระบวนเรือ
ราชสีห์ทียืนยัน คั่นสองคู่ดูยิ่งยง
เป็นเรือที่มีหัวโขนเรือเป็นรูปสิงโต เป็นสัตว์ที่มีกำลังมาก เมื่อโต
เต็มวัยจะมีขน สร้อยคอยาว(ตัวผู้) ราชสีห์หรือสิงโต มีปรากฏใน
นิยายจีน และในป่าหิมพานท์เรือ ราชสีห์เป็นเรือที่มีหัวโขนเรือเป็น
รูปสิงโต เป็นสัตว์ที่มีกำลังมาก เมื่อโตเต็มวัยจะมี ขนสร้อยคอ
ยาว(ตัวผู้) ราชสีห์หรือสิงโต มีปรากฏในนิยายจีน และในป่า
หิมพานต์
บทเห่ชมกระบวนเรือ
นาคาหน้าด้งเป็น ดูขะเม่นเห็นขบขัน
นาคนี้ มักเรียกกันว่าพญานาคของพวกนาค และยังมีชื่อที่เรียกกัน
เป็นอย่างอื่นก็มาก เช่น ภุชงค์ วาสุกหรือวาสุกรี นาค นาคา อนันต
นาครหรือเศษนาค เป็นต้น ตามความ หมายที่เข้าใจกันมาวา นาด
ตัวยาวๆอย่างงูในบาลีลิปิกรมว่ามีหน้าเป็นคนทางเป็นลูเป็นพวกกิ่ง
เทวดาเมืองที่อยู่เรียกว่า บาดาล ซึ่งเข้าใจกันว่าอยู่ใต้แผ่นดินที่เรา
อยู่กัน เดี๋ยวนี้ตามตำนานอุปปาติกะพญานาคนี้เป็นโอรสพระกัศช
เทพบิดร
บทเห่ชมกระบวนเรือ
มังกรถอนนายพัน ทันแข่งหน้าวาสุกรี
เป็นสัตว์วิเศษที่รู้จักกันในวรรณคดี มีรูปร่างลักษณะ จัดอยู่ใน
ประเภทสัตว์เลื้อยคลานหรืองู แต่มีเท้า มีเขา คาดว่าน่าจะมาจาก
สัตว์ในนิยายของจีน
บทเห่ชมกระบวนเรือ
เลียงผาง่าเท้าโผน เพียงโจนไปในวารี
เป็นเรือที่ยากยากมากในปัจจุบัน แต่พอจะทราบได้ว่า ตัวเลียงผานั้น
เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง ชนิด Capricornis sumatraensis วงศ์
Bovidae รูปร่างมีความคล้ายคลึงกับแพะ ขนสีดำ แต่บางตัวก็มีสีขาว
แซม ขาวยาวและแข็งแรง ความสูงที่ไหล่ 85 - 94 ช.ม. หนัก
ประมาณ 85 - 140 ก.ก. อาศัยอยู่ตามภูเขาที่มีหน้าผา หรือถ้ำตื้น
ว่องไวและปราดเปรียวมาก สามารถว่าย น้ำข้ามระหว่างเกาะและแผ่น
ดินได้ มีประสาทตา หู และรับกลิ่นได้ดีมาก
บทเห่ชมกระบวนเรือ
นาวาหน้าอินทรีย์ ที่ปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม
ดนตรีมี่อึงอล ก้องกาหลพลแห่โหม
เป็นเรือชนิดที่มีหัวเป็นนกอินทรี ทั้งนี้ เพราะอินทรีได้ชื่อว่าเป็น สัตว์ที่
มีพละกำลังมากกรงเล็บแข็งแรง จึงเหมาะแก่การนำเอามา เป็น
หัวโขนเรือรูปสัตว์ในประเทศไทยนั้น มีอินทรี ๓ ชนิดคือ อินทรี
น้ำตาล อินทรีดำ และอินทรี-ปักลาย
บทเห่ชมกระบวนเรือ
เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน โจนตามคลื่นฝืนฝาฟอง
ดูยิ่งสิงห์ลำพอง เป็นแถวท่องล่องตามกัน
เรือพระที่นั่ง มีโขนเป็นรูปหงส์ทอง เรียกสั้น ๆ ว่า เรือหงส์ คำว่า
สุวรรณ เป็นคำนาม หมายถึง ทอง ส่วน หงส์ นั้น หมายถึง นกในนิ
ยายนที่ ถือว่าเป็นกในตระกูลสูง มีเสียง ไพเราะ และเป็นพาหนะของ
พระพรหม เราจะเห็นว่าใน วรรณคดีส่วนใหญ่ จะอ้างการเดินที่
งดงามอ่อนช้อยว่า เดินเหมือนหงส์