The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1. Definition and Importance of Landscaping

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sri Narin, 2019-06-04 00:35:31

1. Definition and Importance of Landscaping

1. Definition and Importance of Landscaping

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจดั และดแู ลสวน 1

บทท่ี 1

ความรทู๎ ว่ั ไปเกย่ี วกับการจดั สวน

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู๎

1. อธิบายความสาคญั ของการจัดสวนได๎
2. อธิบายความหมายของการจัดสวนได๎
3. อธิบายประโยชนท์ ่ีได๎รบั จากการจัดสวนได๎ถกู ต๎อง
4. อธิบายรูปแบบของการจดั สวนได๎

ความสาคัญของการจัดสวน

จากอดีตท่ีผํานมา มนุษย์อาศัยอยูํกับธรรมชาติอยํางลงตัว โดยอยูํรํวมกับ ต๎นไม๎ ภูเขา ป่า
ไม๎ ซ่ึงส่ิงเหลํานี้เป็นสํวนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ท่ีไมํสามารถแยกออกจากกันได๎ แตํแล๎วเม่ือความ
เจริญก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยี รวมถึงความก๎าวหน๎าด๎านสังคมและวัตถุได๎เจริญข้ึนอยํางสูงสุด การ
ดาเนินชีวิตของผู๎คนเร่ิมถอยหํางจากธรรมชาตแิ ละในบางครั้งการดาเนินชีวิตและกิจกรรมบางอยํางได๎
สํงผลกระทบตอํ ธรรมชาติและสิง่ แวดล๎อม และยงั สงํ ผลกระทบในดา๎ นจิตใจ ชวี ติ ความเป็นอยูํ

ดังน้ัน การจัดภูมิทัศน์ การจัดแตํงสวน การปลูกต๎นไม๎ การจัดบริเวณบ๎านหรืออาคารท่ีพัก
อาศยั และสถานท่ตี ํางๆ เร่ิมมคี วามจาเป็นมากข้นึ การจดั สวนเพ่ือสรา๎ งสภาพแวดล๎อมให๎สวยงาม เป็น
การเสริมสร๎างความสงํางามให๎กับอาคารและสร๎างความนําอยูํอาศัยให๎กับตัวอาคาร ทาให๎เกิดความ
เป็นสํวนตวั การจัดสวนชํวยอาพรางสภาพแวดลอ๎ มที่ไมนํ ําดู ชํวยเสริมหรือแก๎ไขสํวนที่ไมํสวยงามของ
ตัวอาคารให๎ดขี ึน้ ลดปัญหาฝุ่นละอองท่มี อี ยใูํ นบรรยากาศ ลดเสียงรบกวนจากผู๎คนและยวดยานตํางๆ
บนทอ๎ งถนน และเป็นทพ่ี ักผอํ นคลายเครียดยามกลับมาจากทางาน

การจัดสวนในปัจจุบันจึงต๎องปรับเปลี่ยนรูปแบบให๎ตอบสนองความต๎องการของคนยุคใหมํ
ที่ ไมคํ ํอยมเี วลา และใช๎ชีวติ อยาํ งเรงํ รีบ โดยพยายามนาเอาธรรมชาติเข๎ามาใกล๎ตัวให๎มากที่สุด ดังน้ัน
รปู แบบสวนในปัจจบุ ัน จึงเนน๎ ความสะดวก สบาย สะอาด ประหยัดเวลา ประหยัดงบประมาณ และท่ี
สาคัญคอื ดแู ลรักษางาํ ย สวนบางรูปแบบอาจนาเสนอส่ิงสร๎างสรรค์การใช๎ประติมากรรมแบบสมัยใหมํ

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจดั และดแู ลสวน 2

ซึ่งมีความเป็นตัวตนและมีเอกลักษณ์ของผู๎ออกแบบที่ชัดเจน ในพ้ืนท่ีบางแหํงท่ีมีปัญหา
สภาพแวดล๎อม การจัดสวนสามารถแก๎ไขปัญหาของพ้ืนที่ได๎และสามารถปรับระบบนิเวศและรักษา
สภาพแวดล๎อมได๎ดีย่ิงขึ้น

ภาพท่ี 1.1 สวนสมยั ใหมํ
ทีม่ า : ศรีนรนิ ทร์ ริยาพนั ธ์ (2560)

ความหมายการจัดสวน

สวน คือพ้ืนท่ีหรือสถานท่ีภายนอกอาคารที่ได๎รับการออกแบบอยํางดี ผสมผสานความ
สวยงามของรูปรํางหรือรูปทรงของวัสดุจากธรรมชาติ อันได๎แกํ ต๎นไม๎ รวมถึงวัสดุท่ีได๎จากธรรมชาติ
อืน่ ๆ วสั ดุทใ่ี ชใ๎ นการตกแตํงสวนนั้นอาจไมํได๎นามาจากธรรมชาติเพียงอยํางเดียว หากแตํรวมถึงวัสดุ
ที่มนษุ ย์สร๎างข้ึน ผู๎คนทั่วไปมักเข๎าใจวําการจัดสวนใช๎เพื่อประดับตกแตํงท่ีอยูํอาศัยให๎สวยงามเทําน้ัน
แตํในความเป็นจริงแล๎วการจัดสวนยังรวมถึงการปลูกต๎นไม๎ประดับภายใต๎ต๎นไม๎ใหญํ การจัดสวนผัก
สมนุ ไพร สวนผลไม๎ หรือแมก๎ ระทงั่ ในสวนสัตว์ ซึ่งเอาสัตว์ตํางๆมารวมเข๎ากับสวน ซ่ึงสวนเหลํานั้นถูก
สร๎างขน้ึ มาให๎สัมพันธ์กับสัตว์แตํละชนิด ในท่ีน้ีเรียกสวนสัตว์ (สมจิต โยธะคงและนารีรัตน์ สีระสาร ,
2553)

การจดั สวน (Landscaping) เป็นวทิ ยาศาสตรแ์ ละศลิ ปะในการสร๎างสรรค์เพื่อประโยชน์สุข
ของมวลมนุษย์ โดยนาหลักวิชาการ ความร๎ู เทคนิค ศิลปะและประสบการณ์มาผสมผสานเข๎าด๎วยกัน
เพื่อสร๎างหรือพัฒนาให๎เกิดประโยชน์ เกิดทัศนียภาพท่ีมีความงดงามสูงสุด อาจจะเป็นการสร๎าง
ธรรมชาติรูปแบบใหมํ หรือลอกเลียนธรรมชาติ ลอกเลียนศิลปกรรมในอดีตนามาดัดแปลงให๎เข๎ากับ
ความต๎องการของบุคคล และสภาพสังคมในปัจจุบัน เพื่ออานวยสุขทั้งทางรํางกายและจิตใจแกํผ๎ูเป็น
เจ๎าของและผู๎มาเยี่ยมเยียน ตอบสนองความต๎องการใกล๎ชิดธรรมชาติ ในขณะท่ีธรรมชาติกาลังถูก

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจัดและดแู ลสวน 3

ทาลายและเสื่อมสลายด๎วยมลพิษ การจัดสวนเพื่อสรรค์สร๎างธรรมชาติที่บริสุทธิ์จึงมีความสาคัญมาก
ข้นึ ทกุ ขณะ การจดั สวนยงั จะต๎องมกี ารวางแผนลวํ งหนา๎ ระยะยาว คานึงถึงสภาพหรือรูปแบบของสวน
ในอนาคต ความสมดุลของธรรมชาตแิ ละการดูแลรักษาให๎สวนอยูํในสภาพที่สมบูรณ์ได๎ในระยะเวลาท่ี
ยาวนาน (อดุ มลักษณ์ มัจฉาชพี , 2537)

การจัดสวน คือกิจกรรมที่เป็นศาสตร์ศิลป์และงานฝีมือที่เก่ียวกับการปลูกและดูแลพืช
รวมถึงสภาพแวดล๎อมเพื่อสร๎างบรรยากาศที่สวยงาม โดยทั่วไปแล๎วจะเป็นกิจกรรมในบริเวณที่อยูํ
อาศยั ในบริเวณทีเ่ รียกวาํ สวน (สารานกุ รมเสรี, 2560)

การจัดสวน หมายถึง การจัดตกแตํง และปรับปรุงพ้ืนที่ให๎เกิดความสวยงาม ควบคุม และ
เสริมสร๎างใหส๎ ภาพแวดล๎อมเหมาะสมเพื่อเอื้อประโยชน์และความสะดวกสบายในการดาเนินกิจกรรม
ตาํ ง ๆ (ขวัญชยั จิตสารวย, 2540)

ดงั ที่ไดก๎ ลําวมาแลว๎ ถงึ ความหมายของการจัดสวน อาจสรุปได๎วํา การจัดสวน หมายถึง การ
จัดตกแตํง และปรับปรุงพ้ืนที่ท่ีต๎องใช๎ความรู๎ทางด๎านศิลป์โดยผํานกระบวนการคิด การออกแบบ
สร๎างสรรค์ รวมถึงต๎องมีความร๎ูด๎านวิทยาศาสตร์ ซ่ึงมีความเกี่ยวข๎องกับการปลูกและดูแลพืช เพื่อ
สร๎างสภาพแวดล๎อมและบรรยากาศที่สวยงาม มีการนาพันธุ์ไม๎และจัดวางวัสดุอุปกรณ์ตําง ๆ ท่ี
เก่ียวข๎องมาจัดวางให๎อยํูในตาแหนํงให๎เหมาะสมอยํางมีระเบียบ เพ่ือให๎เกิดประโยชน์ในการใช๎งาน
ตามวัตถุประสงค์

ประโยชน์ของการจัดสวน

การจัดสวนทาให๎มนุษย์มีความใกล๎ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น และยังสํงผลในด๎านจิตใจ
ความรู๎สึกและอารมณ์ ทั้งยังเป็นการสร๎างบรรยากาศและสภาพแวดล๎อมให๎สวยงาม อีกทั้งยังเป็น
แหลํงเรียนร๎ู และสรา๎ งเสริมคุณภาพชีวิตให๎ดีข้ึน ดงั น้นั การจัดสวนจึงมีประโยชน์และสาคัญตํอมนุษย์
มาก ดงั นี้

1. การจัดสวนโดยใชพ๎ นั ธุ์ไม๎ จะชํวยกรองฝุ่นละอองในบรรยากาศ หญ๎าและพันธุ์ไม๎ประดับ
ชํวยลดฝุ่นละอองที่เกดิ จากการฟงุ้ กระจายของหนา๎ ดิน

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจดั และดูแลสวน 4

ภาพท่ี 1.2 การจดั สวนชวํ ยลดฝนุ่ ละอองทเี่ กดิ จากการฟุ้งกระจายของหน๎าดิน
ทม่ี า : ศรีนรินทร์ รยิ าพันธ์ (2558)

2. เปน็ การสร๎างอาณาเขตให๎กับพ้ืนท่ี เกิดความเป็นสัดสํวน สร๎างความรู๎สึกปลอดภัยให๎กับ
ผใ๎ู ชพ๎ ้ืนท่ี

ภาพที่ 1.3 การจดั สวนชวํ ยสรา๎ งขอบเขตให๎กบั พน้ื ท่ี เกิดความเป็นสัดสํวน
ทม่ี า : ศรีนรินทร์ รยิ าพันธ์ (2560)

3. เพ่อื จัดแตํงบางตาแหนงํ ของสวนเพ่อื ปิดบังสภาพแวดลอ๎ มทไ่ี มเํ หมาะสมของบรเิ วณ
ใกลเ๎ คียง และปิดบังสภาพไมํนําดูได๎ เชนํ บริเวณหอ๎ งน้า ที่ท้งิ ขยะ

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจดั และดแู ลสวน 5

ภาพท่ี 1.4 การจัดสวนชวํ ยปดิ บงั โครงสร๎างคอนกรตี ทไ่ี มํสวยงาม
ท่มี า : ศรนี รนิ ทร์ รยิ าพนั ธ์ (2552)

4. ชํวยลดการพังทลายของหน๎าดิน รากของต๎นไม๎ รากหญ๎าสามารถเกาะยึดดินไมํให๎ดิน
เคลื่อนตัวไปกบั นา้ ไหลบํา ทาให๎การไหลของนา้ ชา๎ ลง หน๎าดนิ ไมถํ ูกชะล๎าง

ภาพที่ 1.5 การจัดสวนจะชํวยยึดพืน้ ผวิ หน๎าดนิ
ทม่ี า : ศรนี รนิ ทร์ รยิ าพันธ์ (2558)

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจดั และดูแลสวน 6

5. ต๎นไม๎จะชํวยกรองแสงแดดจากดวงอาทิตย์ ลดแสงสะท๎อนและความร๎อน ทาให๎ความ
ร๎อนและแสงสํองผํานถึงพ้ืนดินได๎น๎อย เกิดความร๎ูสึกสบายตา และยังสร๎างรํมเงาให๎กับพ้ืนที่ ชํวยใน
การลดอณุ หภูมทิ งั้ ภายในและภายนอกอาคารใหเ๎ ยน็ ลง

ภาพที่ 1.6 ตน๎ ไมจ๎ ะชํวยกรองแสงแดด ชวํ ยลดอณุ หภมู ทิ ้งั ภายในและภายนอกอาคาร
ที่มา : ศรนี รินทร์ ริยาพนั ธ์ (2557)

6. ชํวยกรองเสียงท่ีเกิดขึ้นจากยวดยานพาหนะ เสียงรบกวนจากเพ่ือนบ๎าน หรือบริเวณ
พ้นื ทีข่ า๎ งเคยี ง มักจะใช๎พํมุ หนาหรือไม๎ยนื ต๎น

ภาพที่ 1.7 การจดั สวนสองข๎างถนนชํวยกรองเสียง และลดแสงสะท๎อน
ท่ีมา : ศรีนรินทร์ รยิ าพนั ธ์ (2558)

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจดั และดแู ลสวน 7

7. ทาใหม๎ พี ื้นท่ีเฉพาะเป็นสัดสํวน มีขอบเขต เกิดความอิสระในการประกอบกิจกรรม มีมุม
สงบสํวนตวั

ภาพท่ี 1.8 การจัดสวนชํวยสรา๎ งมุมพักผอํ นสวํ นตวั
ที่มา : ศรีนรนิ ทร์ ริยาพันธ์ (2560)

8. ชวํ ยทาให๎เกิดความสงาํ งามแกอํ าคารสถานที่ สํงเสริมให๎ตัวอาคารสถานท่ีดูเดํน สวยงาม
มากขน้ึ ชวํ ยลดความแข็งกระดา๎ งของตวั อาคารและสิ่งปลกู สร๎างท่อี ยํูภายในพ้นื ท่ี

ภาพท่ี 1.9 สวนแนวตง้ั สร๎างความโดดเดํนและชวํ ยลดความแขง็ กระดา๎ งของอาคาร
ที่มา : ศรนี รนิ ทร์ รยิ าพันธ์ (2559)

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจดั และดูแลสวน 8

9. ทาให๎สภาพแวดล๎อมดีขึ้น บริเวณพื้นที่สะอาด ลดมลภาวะ มีอากาศบริสุทธ์ิ การทา
สนามหญ๎าให๎เปิดกว๎าง เพื่อชํวยกรองฝุ่นละออง ลดการกระจายของเช้ือโรค และให๎ความรํมเย็นแกํ
พืน้ ทีน่ ั้น ทาให๎เกดิ ความเปน็ ธรรมชาติมากขึ้น

ภาพท่ี 1.10 สนามหญ๎าเปดิ กว๎างชวํ ยในการกรองฝุ่นละอองชวํ ยลดมลภาวะทางอากาศ
ทม่ี า : ศรีนรนิ ทร์ รยิ าพนั ธ์ (2559)

10. ทาใหเ๎ กดิ อาชีพตําง ๆ ทเ่ี กยี่ วข๎องกบั ธุรกจิ การจัดสวน เชํน ร๎านจาหนํายพรรณไม๎ วัสดุ
อปุ กรณ์ในการจัดสวน อาชีพรับจ๎างดูแลสวน ขุดล๎อมต๎นไม๎ การจาหนํายวัสดุองค์ประกอบสวนอ่ืน ๆ
เชนํ ระบบอปุ กรณ์การใหน๎ ้า ระบบนา้ พุ และการใหค๎ าปรกึ ษาด๎านการจดั และดูแลสวน

ภาพที่ 1.11 อาชพี จาหนาํ ยไม๎ดอกไมป๎ ระดบั
ท่ีมา : ศรีนรินทร์ รยิ าพันธ์ (2560)

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจดั และดูแลสวน 9

11. การจดั สวนชํวยสํงเสริมการออกกาลงั กาย สร๎างความสามัคคีให๎กบั บคุ คลในครอบครัว
และหมํคู ณะ ชํวยทาใหส๎ ขุ ภาพจิตดขี ้นึ กํอให๎เกดิ การเรียนร๎ู เกิดความเพลิดเพลินในการทากจิ กรรม
และกํอให๎เกิดทักษะเก่ยี วกบั การจัดสวน การปฏิบัติและดูแลรกั ษาสวน

ภาพท่ี 1.12 การจดั สวนทาใหเ๎ กดิ การเรียนร๎แู ละทักษะ
ที่มา : ศรนี รนิ ทร์ ริยาพนั ธ์ (2560)

รปู แบบการจดั สวน

ในการจัดสวนให๎เกิดความสวยงามนั้น สามารถจัดได๎หลายรูปแบบ การจัดสวนแตํละ
รูปแบบควรเน๎นถึงวัตถุประสงค์ของการจัดสวน ซึ่งสามารถนาไปประยุกต์ใช๎ให๎เหมาะสมกับสถานท่ี
แตํละแหลํง วําควรมีการจัดในรูปแบบอยํางไร จึงจะเกิดประโยชน์และเหมาะสมตํอผู๎ใช๎สถานท่ีน้ัน
เม่ือจัดสวนแล๎วจะทาใหบ๎ รเิ วณพื้นทแี่ ละอาคารสํงเสริมซึ่งกันและกัน

เออื้ มพร วีสมหมาย (2530) กลาํ ววาํ การจัดสวนโดยท่วั ไปแบํงออกเปน็ 2 ชนดิ ใหญํ ๆ คือ
1. สวนแบบประดษิ ฐ์ (Formal Style) เป็นการจดั สวนทว่ี างรปู แบบแปลนโดยอาศยั รูปทรง
เรขาคณิตเป็นหลักมีจุดเน๎นที่แปลงไม๎ดอกไม๎ประดับเป็นรูปรํางตําง ๆ ตัดแตํงต๎นไม๎เป็นรูปทรง
เรขาคณิต หรืออาจทาเป็นรูปสัตว์ สนามหญ๎าราบเรียบและคํอนข๎างแคบ ลักษณะการจัดวาง
องค์ประกอบ เปน็ แบบสมดลุ กนั ท้ังทางด๎านซา๎ ยและขวา นยิ มประดบั สวนดว๎ ยรปู ปัน้ น้าพุ น้าตก สระ
นา้ และประตมิ ากรรมบางชนดิ เพือ่ ให๎เป็นจุดเดํนของพนื้ ท่ี

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจัดและดูแลสวน 10

ภาพท่ี 1.13 สวนประดษิ ฐ์รอบพระเมรมุ าศจาลอง
ทม่ี า : ศรีนรนิ ทร์ ริยาพนั ธ์ (2560)

ลักษณะแปลนสวนแบบประดิษฐ์ เนน๎ จดุ เดนํ ทส่ี ุดในสวนกํอน ซง่ึ อาจเปน็ น้าตก รูปป้ัน
นา้ พุ หรือตน๎ ไม๎ใหญํ โดยจัดไวท๎ ่จี ดุ ศูนย์กลางของพื้นที่ แบํงพน้ื ที่ออกเปน็ สวํ น ๆ เทําๆกันอาจมี 2
สวํ น 4 สวํ น หรอื 6 สวํ น กไ็ ด๎รูปทรงของแปลนเปน็ แบบเรขาคณติ ขอบแปลงจะถูกล๎อมรอบด๎วยไม๎
พํมุ เตย้ี เพ่ือทจ่ี ะเนน๎ ให๎เห็นรูปราํ งของแปลนได๎อยาํ งชัดเจน

ภาพที่ 1.14 ตัวอยาํ งแปลนสวนแบบประดษิ ฐ์พระเมรุมาศจาลอง จังหวัดลาพูน
ทม่ี า : ศรีนรนิ ทร์ รยิ าพันธ์ (2560)

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจัดและดแู ลสวน 11

รูปทรงของแปลน สามารถออกแบบได๎หลายลักษณะเชํน การทาแปลงเป็นรูปรํางของ
ดอกไม๎ ใบไม๎ หรือลายเถาใบไม๎ หรือรูปรํางท่ีแสดงออกถึงลักษณะประจาชาติ เชํน ลายไทย นามาใช๎
ในการจัดสวนแบบประดษิ ฐไ์ ด๎ รปู รํางของแปลง อาจทาใหด๎ ูอํอนหวาน โดยการหักมมุ ตรงเหลี่ยม หรือ
ใช๎ผสมกันระหวํางรูปรํางของ วงกลม วงรี สามเหลี่ยม หรือสี่เหลี่ยม ลักษณะของทางเดินในสวน
ประดิษฐ์จะมองเห็นได๎ชัดเจน เพราะต๎องกาหนดไปพร๎อมๆกับการทาแปลน ทางเดินจะมีอยูํรอบๆ
สวนและแทรกไปแตํละแปลงที่ถูกแบํงแยก ลักษณะทางเดินมักจะแคบ ราบเรียบ ไมํเป็นเนินสูงหรือ
ตา่ และแทรกไปตามแปลงต๎นไม๎

ภาพที่ 1.15 ทางเดนิ ภายในสวนแทรกไปตามต๎นไม๎
ที่มา : ศรนี รนิ ทร์ รยิ าพันธ์ (2559)

รูปแบบของต๎นไม๎ที่ใช๎ในสวนแบบประดิษฐ์น้ันควรเป็นพันธุ์ไม๎ที่สามารถตัดแตํงให๎สวยงาม
ได๎ตลอด ตามกาลเวลา ลักษณะต๎นไม๎แบํงออกออกเป็น 2 สํวนคือ ต๎นไม๎สํวนสูง จะอยูํตรงกลางของ
รูปทรงตํางๆหรือมุมของแปลงไม๎ดอกและให๎ความรู๎สึกท่ีเคลื่อนไหว เพราะแปลงดอกไม๎สํวนใหญํจะ
แบนราบ ต๎นไม๎ท่ีใช๎ในการจัดเชํน สนชนิดตําง ๆ ขํอย ตะโก แก๎ว โมก และจะไมํใช๎ต๎นไม๎ขนาดใหญํ
เชนํ จามจรุ ี นนทรี เป็นต๎น ตน๎ ไม๎สวํ นเตย้ี ได๎ถกู นามาใช๎เพ่อื แสดงรปู ทรงของลวดลายที่ได๎ออกแบบไว๎
การเลือกต๎นไม๎จะพิจารณาเรื่องสี พุํมใบ รวมทั้งการเจริญเติบโตไมํควรแตกตํางกันมากนัก สาหรับ
สนามหญ๎าของสวนแบบประดษิ ฐ์น้ัน ลกั ษณะของสนามหญ๎ากว๎าง เป็นแปลงสี่เหล่ียมขนาดใหญํและ
ราบเรียบ มีต๎นไม๎ตามขอบและมุมสนามเทํานั้น สระน้า น้าตก และน้าพุนั้น เป็นตัวประกอบที่สาคัญ
เพราะชํวยให๎บรรยากาศของสวนชุํมช้ืน มีชีวิตชีวา ควรจัดวางตาแหนํงให๎อยํูตรงกลางหรือบริเวณท่ี
เป็นจุดเดํนในสวน สํวนรูปปั้นในสวนประดิษฐ์น้ัน สํวนมากจะมาจากเร่ืองราวในเทพนิยาย ซ่ึงอาจใช๎
รวํ มกับน้าพุ นา้ ตก และประดบั ตกแตํงด๎วยพันธไ์ุ ม๎

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจัดและดแู ลสวน 12

ภาพท่ี 1.16 รปู ป้ันภายในสวน
ทมี่ า : ศรีนรินทร์ ริยาพันธ์ (2559)

การออกแบบศาลาท่ีพักในสวนแบบประดิษฐ์ จะถูกออกแบบให๎ประณีต สวยงาม และมี
รูปแบบเขา๎ กับตัวบ๎านและบรรยากาศของสวน การประดับด๎วยซุ๎มไม๎เลื้อย จะอยูํตามมุมสวน ทาเป็น
ทน่ี ่งั พักเล็ก ๆ โดยปลูกไม๎เลอื้ ยคลุมซ๎ุมไม๎ระแนง สํวนหลงั คามีลักษณะโค๎ง

2.สวนแบบธรรมชาติ (Informal Style) คือ การจัดสวนท่ีไมํอาศัยรูปทรงเรขาคณิตเป็น
หลัก แตํอาศยั การเลียนแบบธรรมชาติดว๎ ยจังหวะและความสมดุลในการจัดวางแทน มีจุดเน๎นที่สนาม
หญ๎ากว๎างใหญํ ปลูกต๎นไม๎หรือไม๎ดอกเป็นกลุํม ๆ แล๎วปลํอยให๎ต๎นไม๎เจริญเติบโตในรูปทรงที่เป็น
ธรรมชาติ ไมํต๎องตัดแตํงเป็นรูปทรงเรขาคณิต และนาเอาวัสดุท่ีเป็นธรรมชาติเข๎ามาตกแตํงสวนเพิ่ม
มากขนึ้ เชํน ตอไมห๎ รือซากไม๎แห๎ง และหินประดบั เป็นต๎น

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจดั และดแู ลสวน 13

ภาพท่ี 1.17 แปลนการจดั สวนแบบธรรมชาติ
ทีม่ า : ศรีนรนิ ทร์ รยิ าพนั ธ์ (2557)

โดยท่ัวไปการวางแปลนในสวนแบบธรรมชาติน้ันจะคานึงถึงประโยชน์ใช๎สอยเป็นหลัก
ลกั ษณะรปู ราํ งเลียนแบบธรรมชาติ การกาหนดต๎นไมล๎ งในแปลนมีการแบํงต๎นไม๎ที่จะปลูกเป็น 32 ชั้น
ได๎แกํ ช้ันบนสดุ จะเป็นไมย๎ ืนต๎นใหญํ กาหนดไว๎ตามจุดที่ต๎องการให๎รํมเงา ซ่ึงเปรียบเสมือนกับหลังคา
บา๎ นเพือ่ บงั แสง หรือเพอ่ื ลดการสะท๎อนของแสง และไมคํ วรมีมากเกินไปเพราะจะทาให๎สวนมืดทึบชั้น
ที่สอง เปน็ ไม๎พํุมทง้ั ชนิดทมี่ ดี อกสวยงามหรือใบสวยงาม ไมํสูงมากนัก อาจมีความสูงอยูํระหวําง1.00 -
2.00 เมตร ไม๎ในช้ันน้ีเปรียบเสมือนผนัง หรือฝาบ๎าน ซึ่งควรพิจารณาชนิดของต๎นไม๎ให๎เหมาะกับ
สภาพของแสง และประโยชน์ใช๎สอยด๎วย ชั้นท่ีสาม จะเป็นไม๎คลุมดินหรือไม๎พํุมเตี้ย ซึ่งเปรียบเสมือน
สํวนพื้นของบ๎าน ซ่ึงมีทั้งที่เป็นที่วําง ทางเดิน ลวดลายตําง ๆ ที่เกิดจากการใช๎ไม๎คลุมดิน สนามหญ๎า
หรอื พ้ืนผิวขององค์ประกอบสวนอ่ืน ๆ สํวนรปู แบบของทางเดิน นั้นจะไมํใช๎เส๎นตรง แตํจะทาเป็นเส๎น
โค๎งลดเลยี้ วไปมาตามเนินหญา๎ ซ่งึ จะให๎ความร๎สู ึกออํ นชอ๎ ย

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจดั และดแู ลสวน 14

ภาพท่ี 1.18 สวนเลียนแบบธรรมชาติ
ทีม่ า : ศรีนรินทร์ รยิ าพันธ์ (2560)

การออกแบบต๎นไมใ๎ นสวนแบบธรรมชาติน้ัน มักจะมีจุดเดํนท่ีไม๎ใหญํ และมีรูปทรงสวยงาม
ตามธรรมชาติ มีดอกสวยงาม และปลูกรวมกันกันเป็นกลํุม ๆ ภายในบริเวณสนาม มีการตัดแตํงไม๎
ใหญํ แตํจะตัดแตํงเฉพาะก่ิงท่ีแห๎งตายและท่ีผิดรูปรํางเทํานั้น สํวนไม๎พุํมนิยมใช๎ชนิดพันธ์ุที่มีดอก
ตลอดท้งั ปีการออกแบบสนามหญา๎ ในสวนแบบธรรมชาติจะกวา๎ งใหญํ มองเห็นได๎ชัดจากทุกมุม และ
นิยมทาเป็นเนินสูงต่า ไมํแบนเรียบ สระน้า น้าตกและน้าพุ รูปแบบหรือรูปรํางของสระน้า น้าพุ
จาลองแบบมาจากธรรมชาติ ตกแตงํ ทั้งบํอให๎สวยด๎วยต๎นไม๎และก๎อนหิน สํวนน้าพุนิยมใช๎กับบึงขนาด
ใหญํ มีน้าน่ิง ๆ แตใํ นบางครั้งน้าพุอาจนามาใชใ๎ นบอํ เล็ก ๆ ที่ทันสมัยไวข๎ ๎างอาคารก็ได๎

รูปป้นั และวสั ดุตกแตํงอื่น ๆ ลักษณะของรูปปั้นจะทันสมัยขึ้นตามกาลเวลา รูปปั้นจะอยูํใน
ที่ที่เป็นจุดเดํนกลางสนามหญ๎า และไมํนิยมตกแตํงฐานรูปป้ันด๎วยไม๎ดอกไม๎ประดับเหมือนสวนแบบ
ประดษิ ฐ์ วัสดอุ นื่ ที่ถกู นามาใช๎ในการแตงํ สวน เชํน ตอไม๎หรือรากไม๎ โอํง ไหโบราณ หินและกรวด

ศาลาที่พัก นิยมนาวัสดุธรรมชาติ เชํน ฟาง หญ๎า หรือปีกไม๎ มาใช๎ในการทาศาลา การ
ออกแบบไมํพิถีพถิ ันมากนกั ซ๎ุมไม๎เลอื้ ย ไม๎เลือ้ ยอาจปลูกคลุมศาลา หรืออาจจะทาเป็นซ๎ุมไม๎เล้ือยเพ่ือ
โชว์เฉพาะตามจดุ ตาํ ง ๆ กไ็ ด๎

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจดั และดแู ลสวน 15

ภาพที่ 1.19 ศาลาไมภ๎ ายในสวน
ที่มา : ศรนี รินทร์ ริยาพนั ธ์ (2560)

จากท่ีได๎นาเสนอข๎อมูลของสวนท้ังสองแบบทาให๎ทราบถึงข๎อดี และข๎อเสียของสวนทั้งสอง
รปู แบบหากมคี วามต๎องการในการจัดสวน ควรมีข๎อคิดดังนี้

ขอ๎ ดีของสวนประดษิ ฐ์
1. สงํางาม เป็นระเบยี บเรียบร๎อยเหมาะกบั สถานทร่ี าชการ หรืออาคารที่ต๎องการ

สวน เพือ่ เสรมิ ความสงํางามนําเกรงขาม หรอื มพี ้ืนทีข่ นาดจากัด
ขอ๎ เสยี ของสวนประดษิ ฐ์
1. ใชต๎ น๎ ไมเ๎ ปน็ ปรมิ าณมาก ทาใหต๎ อ๎ งลงทุนสงู
2. การดูแลรกั ษาลาบาก เพราะต๎องตัดแตงํ อยเํู สมอ
3. ไมํเหมาะกบั สภาพแวดล๎อมในธรรมชาติ

แนวทางในการออกแบบสวนแบบประดษิ ฐ์
1. ออกแบบสวนให๎เรียบงํายข้ึน ใช๎ต๎นไม๎เทําที่จาเป็น ขยายสนามหญ๎าให๎กว๎าง

ขน้ึ
2. เลือกใช๎ต๎นที่คงทนถาวร ถ๎าต๎องการสีสันควรใช๎ไม๎ดอกยืนต๎นท่ีมีดอกตลอดปี

หรือใชไ๎ ม๎ใบสีสดแทนไมด๎ อกลม๎ ลกุ ซงึ่ ต๎องเปลี่ยนบํอย ๆ
ข๎อดีของสวนธรรมชาติ
1. กลมกลืนกับสภาพแวดล๎อม เหมาะกับอาคารที่ต๎องการบรรยากาศธรรมชาติ

เชนํ ทพี่ ักตากอากาศ บา๎ นพักอาศัย สถานทที่ อํ งเที่ยว

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจัดและดูแลสวน 16

2. การดูแลรกั ษาตา่ กวาํ สวนแบบประดิษฐ์
3. มคี วามงามทีเ่ ปล่ยี นไปตามการเจรญิ เตบิ โตของพรรณไม๎ และตามฤดกู าล
ขอ๎ เสยี
1. ผอ๎ู อกแบบต๎องมีความสามารถทางศลิ ปะและการใช๎ต๎นไม๎ เพ่ือจัดวางตาแหนํง
ชนดิ พรรณไม๎ใหส๎ วยงามเหมาะตามหลกั สมดุลแบบ 2 ข๎างไมเํ ทํากนั

สวนแบบรวํ มสมยั หรือสวนสมัยใหมํ (Contemporary or Modern style)

รูปแบบของสวนรํวมสมัย เป็นการจัดสวนท่ีประยุกต์เอาสวนแบบประดิษฐ์ และสวนแบบ
ธรรมชาติเขา๎ มาผสมผสานเข๎าดว๎ ยกัน ปจั จุบันกาลังเป็นท่ีนิยมจัดกันมากในประเทศไทยโดยเฉพาะใน
พนื้ ทบี่ ริเวณกว๎างๆ เชํน รีสอร์ท สนามกอล์ฟ บ๎านพักอาศัย เป็นงานศิลปะยุคใหมํไมํจากัดและยึดติด
อยูํกับรูปแบบ เช่ือกันวํารูปแบบการจัดสวนแบบนี้ได๎รับอิทธิพลมาจากศิลปะแบบแอบส์แทรกต์
(Abtract) หรือแบบนามธรรมมาสํวนหน่ึง จนบางทีเรียกสวนแบบน้ีวํา สวนแบบ “Abtract style ”
สาหรบั การออกแบบน้นั มหี ลายรูปแบบซงึ่ ขน้ึ อยํกู ับวตั ถปุ ระสงคข์ องผู๎ใชง๎ าน ลักษณะการจัดจะใช๎เส๎น
สายที่คานึงถึงความเป็นระเบียบ ตรงจุดใดท่ีเป็นมุมหักหรือเป็นเส๎นตรง จะออกแบบลบมุมท่ีแข็ง
กระดา๎ งดว๎ ยองคป์ ระกอบทางภมู ิสถาปตั ย์ เชํน กอ๎ นหิน โคมไฟ รปู ปั้นประติมากรรม หรือวัสดุตกแตํง
ประเภทอ่ืนๆ เป็นรูปแบบสมัยใหมํ การออกแบบเน๎นความตํอเน่ืองเช่ือมโยงจากกลุํมหน่ึงไปยังอีก
กลุํมหนึ่ง การตัดแตํงพรรณไม๎มีทั้งรูปทรงแบบเรขาคณิต และคงลักษณะรูปทรงธรรมชาติเดิมไว๎ มี
การใช๎พรรณไม๎ที่หลากหลายชนิด โดยเฉพาะพรรณไม๎ขนาดกลาง ไม๎พุํม ไม๎คลุมดิน และไม๎ยืนต๎น
โดยจดั ให๎มรี ูปทรงและสีสนั สมั พันธ์กลมกลืนซึ่งกันและกัน โดยยึดหลักการทางศิลปะ เพื่อจุดประสงค์
2 ประการ คอื ประการแรกเพ่ือสร๎างความสมบูรณ์ด๎านองค์ประกอบของสวน อีกประการหน่ึงเพื่อส่ือ
แนวคิดอิสระของผลงาน ในปัจจุบันจะเห็นวํามีแนวคิดที่จะจัดสวนควบคูํไปกับการจัดแสดงผลงาน
ประตมิ ากรรม เพอื่ ให๎ผู๎ชมได๎เกิดความรบั ร๎ู ความสะเทือนใจ ในอารมณ์ศิลปะ

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจัดและดแู ลสวน 17

ภาพท่ี 1.20 สวนแบบสมัยใหมํ
ท่ีมา : ศรนี รนิ ทร์ ริยาพนั ธ์ (2558)

สวนในยคุ ปจั จุบนั ไทยแลนด์ 4.0
สาหรับแนวคิดการออกแบบสวนในยุคปัจจุบัน เกิดจากแนวคิดของคนยุคน้ีที่ดาเนินชีวิต

ตามกระแสโลกอันเรํงรีบ กระบวนการคิดจึงถูกตีกรอบด๎วยการใช๎สอยพ้ืนท่ีให๎เกิดประโยชน์สูงสุด
และส่ิงสาคัญคือการลดระยะเวลาและข้ันตอนการดูแลรักษาสวนให๎น๎อยลงแตํสวนยังคงสภาพ
สวยงามไวไ๎ ด๎ดงั นน้ั การแกป๎ ญั หาคอื การกาหนดพื้นที่ในการปลูกต๎นไม๎น๎อยลง และออกแบบด๎วยวัสดุ
ตกแตํงสวนประเภทอ่ืนๆหรือท่ีเรียกวํา ฮาร์ดสเคปให๎มากข้ึน ซึ่งสํวนใหญํเน๎นเป็นพ้ืนท่ีใช๎งาน มีการ
เลือกปลูกพรรณไม๎ท่ีดูแลรักษางําย ทนทานตํอสภาพแวดล๎อม มีการเพ่ิมไฟสาหรับใช๎งานในสวนยาม
ค่าคืน ทาให๎เพ่ือให๎สอดคล๎องกับวิถีชีวิตของคนเมืองที่กลางวันไปทางาน และชํวงเวลากลางคืนเป็น
เวลาพักผํอน ดังน้ันการใช๎ไฟ และระบบตํางๆ เชํนระบบพํนหมอก น้าพุ น้าตก หรือการใช๎หินเทียม
ล๎วนแล๎วแตํเป็นส่ิงที่สร๎างข้ึนมาใหมํทั้งส้ิน สวนที่มีคุณสมบัติตามแนวคิดน้ีจึงเรียกวํา สวนโมเดิร์น
นอกจากนี้สวนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเน๎นการใช๎ประโยชน์บนความเรียบงํายแล๎ว ยังเน๎น
แนวคิด (Concept)ที่ต๎องการสอดแทรกหรือสื่อความหมายให๎ชัดเจนยิ่งข้ึน สํวนรายละเอียดจะ
แตกตํางกนั บ๎างข้ึนอยูกํ ับความชอบของแตลํ ะบุคคลทจี่ ะเพ่ิมรายละเอียดลูกเลํนตํางๆ เฉพาะเข๎าไปใน
สวนเพอ่ื บงํ บอกความเปน็ ตวั ตนและเกดิ ความสวยงาม

1. สวนโมเดริ ์น
เป็นสวนที่เน๎นการใช๎แนวเส๎นและรูปทรงเรขาคณิตที่เรียบงํายในการออกแบบ เน๎นการใช๎
สอยและเพิ่มประโยชน์การใชพ๎ ้ืนท่ี ทงั้ ลดปัญหาการดูแลรักษาทย่ี ํุงยาก เลือกใชพ๎ รรณไม๎น๎อยชนิดและ
นิยมปลูกรวมกันเป็นกลุํมขนาดใหญํ ไมํควรปลูกคละชนิดหรือปะปนกัน สํวนไม๎ประธานท่ีปลูกเพ่ือ

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจัดและดแู ลสวน 18

สร๎างจุดเดํนควรเลือกต๎นที่มีรูปทรงสวยงามสะดุดตา และเลือกใช๎วัสดุตกแตํงท่ีดูทันสมัยเข๎ามา
ประกอบ เชํน ซีเมนต์เปลือย โมเสก รูปประติมากรรมตํางๆ ฯลฯ เพื่อสื่อถึงสิ่งท่ีต๎องการเน๎นภายใน
สวน จุดเดํนของสวนสไตล์นี้จึงมักมีแนวคิดของสวนที่ชัดเจน จากความเป็นมาของสวนสมัยใหมํ
(Modern Garden) ข๎างต๎น ทาให๎เห็นวําลักษณะของสวนได๎มีการพัฒนาข้ึนเรื่อยๆ จนมี
ลักษณะเฉพาะของสวนที่แสดงถึง Modern Garden คือ ความแตกตํางของลายเส๎น สัญลักษณ์และ
เรื่องราวหลักของสวนรูปแบบนี้คือ การตัดทอนรายละเอียดให๎เหลือน๎อยท่ีสุด เหลือเพียงเส๎นสาย
แนวตงั้ และแนวนอนรวมทั้งรูปแบบการแสดงด๎วยเสน๎ (Graphic) ตํางๆ รวมถึงการใช๎วสั ดุสมัยใหมํมา
ประดับตกแตํงเป็น Hardscape ในสวน ผู๎ท่ีจะทาสวนแบบนี้ต๎องมีความชานาญในเรื่ององค์ประกอบ
เพื่อแบํงสัดสํวนของเส๎นสายและสีสันให๎ออกมาได๎อยํางนําสนใจและในขณะเดียวกันก็ต๎องตอบสนอง
ความต๎องการไดอ๎ ยาํ งสมบรู ณ์ (อศิ รา แพงสี, 2554)

2. ลักษณะเดนํ ของสวนโมเดริ น์
2.1 มีรูปทรงโดนเดํนเฉพาะตัว สวนโมเดิร์นสํวนใหญํมักนารูปทรงเรขาคณิตซ่ึงเป็นรูปทรง
พ้ืนฐานมาเป็นองค์ประกอบในสวน ท้ังงานสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และพรรณไม๎ บํงบอกถึง
ความเรียบงําย ไมํยุํงยากซับซ๎อน ท้ังยังอาจแปลได๎วํา องค์ประกอบที่นามาตกแตํงแตํละชิ้นล๎วนมี
ความงามอยใํู นตัวเองทัง้ สน้ิ

ภาพที่ 1.21 ระเบยี งไม๎และทางเดินเทา๎ ใชร๎ ปู ทรงเรขาคณติ
ที่มา : ศรนี รินทร์ รยิ าพันธ์ (2560)

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจัดและดแู ลสวน 19

2.2 สีสันเดํนสะดุดตา การเลือกใช๎สีท่ีหลากหลายนอกจากสีของธรรมชาติแล๎วน้ัน มักมี
วัตถุประสงค์ในการใช๎แตกตํางกัน เชํน เลือกใช๎สีสันสดใสเพื่อเน๎นจุดสนใจแตํหากต๎องการความเรียบ
งาํ ยกลมกลนื ควรเลอื กโทนสขี รมึ เชํน ขาว เทา และดา หรือสีทก่ี ลมกลนื ไปกับธรรมชาตริ อบข๎างได๎

ภาพที่ 1.22 แสดงลกั ษณะการใช๎สีสนั ในการจัดสวนโมเดริ น์
ทีม่ า : ศรนี รินทร์ รยิ าพนั ธ์ (2560)
2.3 โชว์ผิวสัมผัสการทาผิวสัมผัสท่ีหลากหลายเป็นการเพ่ิมลูกเลํนให๎สวนไมํดูเรียบ
จนเกินไป แตํการโชว์ผิวสัมผสั ควรเน๎นความแตกตํางของผิวสัมผัสให๎ชัดเจน เพ่ือดึงจุดเดํนให๎นําสนใจ
ย่งิ ขึ้น

ภาพที่ 1.23 แสดงความแตกตาํ งของผวิ สัมผสั ท่ีมเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะตัว
ท่ีมา : ศรีนรนิ ทร์ รยิ าพนั ธ์ (2554)

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจดั และดแู ลสวน 20

2.4 เสน๎ สายทช่ี ัดเจน ในการออกแบบสวนท่ัวไปนยิ มใชเ๎ ส๎นตรงหรือเส๎นโค๎ง โดยเฉพาะสวน
โมเดิร์นมักเน๎นเส๎นสายชัดเจนกวําสวนรูปแบบอ่ืน เพื่อนาสายตาให๎รับร๎ูความหมายหรือจุดมุํงหมาย
ของการออกแบบ ซงึ่ บํงบอกสไตล์และสร๎างลวดลายให๎สวนดูนาํ สนใจ

ภาพที่ 1.24 แสดงเส๎นสายทช่ี ัดเจน
ที่มา : ศรีนรินทร์ ริยาพันธ์ (2560)
2.5 ซํอนไฟสร๎างมิติ การจัดแสงสวํางในสวนนอกจากให๎ความรู๎สึกปลอดภัยในการใช๎งาน
แลว๎ ยงั เพ่มิ มนตเ์ สนํห์ของสวนยามค่าคืนไดเ๎ ปน็ อยํางดี สีของแสงไฟท่ีตํางกันบํงบอกถึงสไตล์ของสวน
ไดเ๎ ชนํ กัน สวนที่มรี ูปแบบทันสมยั สํวนใหญมํ กั เลือกใชแ๎ สงไฟเพอ่ื ส่ือถงึ แนวคดิ ในการออกแบบ

ภาพที่ 1.25 แสดงไฟชํวยสร๎างมติ ิ
ที่มา : ศรนี รนิ ทร์ ริยาพันธ์ (2560)

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจดั และดูแลสวน 21

2.6 เลนํ ระดับเพ่ิมลกู เลนํ ระดบั ท่ีแตกตาํ งกันของสวนชํวยเพ่ิมมิติของมุมมองท้ังในแนวราบ
และแนวตั้งได๎เป็นอยํางดี การยกระดับของพื้นราบสามารถทาได๎หลากหลายรูปแบบ ทั้งลักษณะของ
ข้นั บนั ไดหรือทาเปน็ ลูกคลื่น สํวนการเลํนระดับในแนวตั้งอาจทาได๎โดยการกรุผิวผนังกาแพงให๎ตื้นลึก
แตกตาํ งกัน ซ่งึ สามารถใช๎เปน็ ฉากหลงั ของสวนไดเ๎ ชนํ กัน

ภาพที่ 1.26 การเลํนระดบั ของพนื้ ชํวยเพม่ิ มิติและความนําสนใจใหส๎ วนได๎
ท่ีมา : ศรีนรินทร์ รยิ าพันธ์ (2560)
2.7 เรียบงําย เน๎นการออกแบบท่ีส่ือถึงแนวคิดของสวนได๎ชัดเจน มีรูปแบบที่เรียบงําย ไมํ
ซับซ๎อน ครอบคลมุ การใชง๎ านและดแู ลงาํ ย สวนรปู แบบนี้มักเลือกใช๎วสั ดพุ ืชพรรณนอ๎ ยชนิด

ภาพท่ี 1.27 มีรูปการปลูกพรรณไมเ๎ รียบงําย ไมซํ ับซอ๎ น
ที่มา : ศรนี รินทร์ ริยาพนั ธ์ (2560)

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจดั และดแู ลสวน 22

2.8 พรรณไม๎น๎อยชนิด สวนแบบทันสมัยนิยมเลือกใช๎พรรณไม๎น๎อยชนิดเพื่อลดปัญหาการ
ดูแลรักษาทีย่ ุํงยาก และนิยมปลูกเป็นแปลงขนาดใหญํ พรรณไม๎ท่ีเลือกใช๎สํวนใหญํเป็นพืชพ้ืนถ่ินหรือ
เป็นชนิดที่ดูแลงําย ไมํต๎องตัดแตํงมาก สํวนพรรณไม๎ท่ีมีรูปทรงโดดเดํนก็มักปลูกโชว์ความงามเฉพาะ
ต๎น ไมํนิยมปลกู รวมกันเป็นกลํุม

2.9 เนน๎ ประโยชน์การใชง๎ าน การออกแบบเนน๎ ประโยชนก์ ารใช๎สอยเป็นหลักเพ่ือให๎ใช๎พ้ืนท่ี
ได๎อยํางคุ๎มคํา โดยแบํงพื้นท่ีสวนออกเป็นสัดสํวนชัดเจน ท้ังพ้ืนท่ีใช๎งานท่ีควรปูวัสดุรองรับ เชํน ทีนั่ง
พกั ผํอน ลานกิจกรรม และสวํ นปลูกต๎นไม๎

ภาพท่ี 1.28 แสดงบรเิ วณลานที่น่ังพักผอํ น
ท่ีมา : ศรนี รนิ ทร์ ริยาพันธ์ (2560)

2.10 ดูแลงํายไมํยุํงยาก พื้นท่ีใช๎งานในสวนสํวนใหญํมักนิยมปูพ้ืนแข็งที่สามารถทาความ
สะอาดงําย มั่นคงแข็งแรง ทนทาน เชํน แผํนปูนเปลือย แผํนสาเร็จรูปแบบตํางๆ กรวดล๎าง ทราย
ล๎าง แผํนหินทราย หรือโรยกรวด แตํไมํนิยมใช๎กระเบ้ืองปูพื้น เพราะบางชนิดมีผิวหน๎าล่ืนและเม่ือ
ชารุดมักมีคม เป็นอันตรายได๎งําย สํวนพรรณไม๎ให๎เลือกชนิดท่ีปลูกเล้ียงงําย ไมํต๎องตัดแตํงบํอยหรือ
ต๎องทะนุถนอมมากนกั

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจดั และดูแลสวน 23

ภาพที่ 1.29 พื้นท่ใี ช๎งานทางเดนิ ปแู ผํนคอนกรตี สาเรจ็
ทม่ี า : ศรีนรนิ ทร์ ริยาพันธ์ (2560)

สวนแนวตงั้ Vertical Garden

ปจจุบันพ้ืนท่ีอยูอาศัยหรืออาคารสานักงานตางๆ มีพื้นที่คํอนข๎างจากัดท้ังเรื่องของราคา
ทด่ี นิ ราคาสงิ่ กอสราง แตเพ่ือสรา๎ งความสวยงามใหก๎ ับอาคารและเป็นการเพ่ิมคุณคําให๎กับสถานท่ีและ
ยงั ทาใหผูอยูอาศยั รูสกึ ผอนคลายการจัดสวนก็นับวามีความจาเปนอยางยิ่ง สวนแนวตั้งเปนอีกวิธีการ
หน่ึงที่ชํวยในการสรางพื้นท่ีสีเขียวใหกับอาคารที่มีพ้ืนที่คํอนข๎างจากัด ใหเกิดความสวยงามรํมร่ืน
ดังนั้นสวนแนวต้ัง จึงเปนการจัดสวนรูปแบบใหมที่ตอบสนองความต๎องการของคนยุคปัจจุบันได๎เป็น
อยาํ งดี

ภาพที่ 1.30 สวนแนวตั้งภายในอาคารเมอื งทองธานี
ทมี่ า : ศรนี รนิ ทร์ ริยาพันธ์ (2555)

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจัดและดแู ลสวน 24

การจัดสวนแนวต้ัง ที่มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษวํา Vertical Garden กาลังได๎รับความนิยม
อยาํ งมาก โดยเฉพาะในเมอื งใหญํทม่ี ีพนื้ ทีค่ ํอนขา๎ งจากัด และมีราคาแพง โดยเฉพาะบ๎านในพื้นที่เมือง
ในสังคมยุคใหมํ รวมถึงอาคาร ห๎างร๎านห๎องพัก คอนโดมิเนียมตํางๆ ซ่ึงมีขนาดและพ้ืนที่คับแคบและ
จาเป็นต๎องเน๎นประโยชน์ใช๎สอยในบริเวณพื้นท่ีอยํางสูงสุด ดังน้ันการท่ีจะสร๎างพื้นท่ีสีเขียวให๎เกิดขึ้น
จึงเป็นไปได๎ยาก ดังนั้นสวนแนวต้ังจึงเป็นทางเลือกท่ีดีอีกทางหนึ่งท่ีจะชํวยให๎มนุษย์ใกล๎ชิดกับ
ธรรมชาติและผลจากการจัดสวนแนวตั้งยังสํงผลตํอสภาพแวดล๎อม โดยเฉพาะเหตุการณ์สภาวะโลก
รอ๎ นท่เี กดิ ข้ึนในปัจจุบัน การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในรูปแบบสวนแนวตั้ง จะเป็นเสมือนการสร๎างรั้วชีวภาพ
ทช่ี ํวยลดอณุ หภูมิความรอ๎ น ชวํ ยเพ่ิมอากาศบริสุทธิ์ชํวยดูดซับและชํวยกรองฝุ่นควัน และมลพิษตํางๆ
ในอากาศรวมทัง้ เพม่ิ ทัศนียภาพที่สวยงามให๎กบั พนื้ ที่โดยรอบอกี ด๎วย

ภาพที่ 1.31 สวนแนวต้ังบนอาคาร
ที่มา : ศรีนรินทร์ ริยาพนั ธ์ (2559)

สาหรับการจัดสวนในบ๎านท่ีมีพื้นท่ีขนาดเล็กนอกจากน้ีการสร๎างรั้วต๎นไม๎ หรือการสร๎างร้ัว
ในลักษณะทท่ี าโครงสาหรบั ให๎ไม๎เลื้อยเกาะยึด กจ็ ดั วําเปน็ สวนแนวตั้ง นอกจากนี้ก็สามารถจัดสวนบน
พน้ื ทแ่ี นวตัง้ โดยใช๎ผนังกาแพงอฐิ หรอื ตารางไมร๎ ะแนง สาหรบั วางหรอื แขวนกระถางไม๎ประดบั ตํางๆ
สง่ิ แรกทนี่ ักจดั สวนตอ๎ งคานึงถงึ คือ การปลูกตน๎ ไม๎ในแนวตัง้ จะมผี ลกบั ต๎นไม๎ เพราะตามปกติ ต๎นไม๎จะ
เจริญเตบิ โตหนีแรงโนม๎ ถํวงของโลก เพ่อื ใหย๎ อดต้ังข้ึนเหมือนการเจริญเติบโตตามปกติ จึงควรเลือกใช๎
พรรณไม๎ที่มีพํุมแนํน เพ่ือให๎ใบลงมาปรกทับสํวนก๎านที่ต้ังข้ึน หรือใช๎ต๎นท่ีมีการเจริญเติบโตช๎า เชํน
สับปะรดสี ซ่ึงจะดูไมํเสียรูปทรงมากนัก สวนไม๎เลื้อยท่ีมีรูปทรงห๎อยย๎อย สามารถปลูกได๎ดีเหมาะกับ
การจดั สวนแนวต้งั มากท่ีสุด

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจดั และดแู ลสวน 25

ส่ิงที่ต๎องพิจารณาคือสภาพของสถานที่ ที่จะนาต๎นไม๎ไปติดตั้งวําพื้นที่น้ันต้ังอยํูภายในหรือ
ภายนอกอาคาร รวมท้ังขนาดของพ้ืนที่ ระดับของพ้ืนท่ี ความสูงของบริเวณที่ต๎องการจัด เพราะจะมี
ผลตํอการให๎น้า รวมถึงการดูแลรักษาเป็นกรณีพิเศษ ในกรณีที่มีการจัดสวนแนวตั้งไว๎ภายในอาคาร
ต๎องมีระบบการให๎น้าและระบายน้า เพื่อไมํให๎บริเวณน้ันเปียก แตํหากอยูํนอกอาคารก็สามารถให๎น้า
ได๎ตามปกติ หากมีการติดตั้งไว๎บริเวณพื้นที่สูงและลมแรง อาจต๎องติดตั้งระบบการให๎น้าเข๎ามาด๎วย
ขณะเดียวกันต๎องคานึงถึงความชื้นท่ีจะเกิดกับผนัง โดยเฉพาะผนังด๎านที่ติดกับตัวอาคาร เพราะอาจ
ทาใหค๎ วามชืน้ ผาํ นไปยงั ผนงั อีกดา๎ น จนเกิดคราบเชือ้ ราได๎ รวมไปถึงโครงการสร๎างที่จะรองรับน้าหนัก
ของตน๎ ไม๎ วัสดุ และน้าดว๎ ย เพื่อไมใํ ห๎พงั เสียหายในภายหลงั

ภาพท่ี 1.32 การสรา๎ งสวนแนวตงั้ เพอื่ เปน็ สถานที่ทํองเทยี่ ว Garden by the Bay
ทม่ี า : ศรนี รินทร์ ริยาพันธ์ (2559)

การเลือกพรรณไม๎ ควรเลือกชนิดท่ีดูแลงําย ทนทาน การเจริญเติบโตไมํเร็วเกินไป เพราะ
จะทาให๎ดูแนํนและรกงําย ในกรณีท่ีต๎องการให๎จัดเสร็จแล๎วดูสวยงามทันที อาจปลูกต๎นไม๎ให๎ถ่ีหนํอย
แตํหากต๎องการให๎สวยได๎นานๆ ก็ปลูกเว๎นระยะหําง เพ่ือให๎ต๎นไม๎คํอยๆ เจริญเติบโต ควรเลือกพรรณ
ไม๎ตามสภาพแสงของพ้ืนที่ทาผนังต๎นไม๎ เชํน ในบริเวณท่ีรํมก็เลือกไม๎ทนรํมได๎ดี ดูแลงํายไมํเนํางําย
ควรเน๎นพวกรากอากาศหรือไม๎อิงอาศัย ควรใช๎พรรณไม๎ที่มีใบแนํน ไมํโปรํงและยืดยาวเกินไป ทั้งนี้
ขนาดของตน๎ ไมค๎ วรใชข๎ นาดเล็กท่ีสุด เพื่อให๎งํายตํอการปลูก แตํในกรณีท่ีเป็นไม๎โตช๎า ควรใช๎ขนาดโต
ตามต๎องการเลย สํวน ไม๎รากอากาศหรือใม๎อิงอาศัยท่ีสามารถตัดแตํงรากออกได๎ ก็เลือกใช๎ต๎นไม๎ท่ีมี
ขนาดใหญํกวาํ ท่สี าคญั ตอ๎ งคานึงถงึ ความสูงของตน๎ ไม๎ เม่ือปลกู ไปแล๎วควรมขี นาดไลํเลี่ยกัน สูงบ๎างต่า

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจัดและดูแลสวน 26

บา๎ งให๎เกดิ มติ ิ แตํไมมํ ขี นาดแตกตํางกนั มาก พรรณไม๎ท่ีเหมาะกบั การจัดสวนบนกาแพง ได๎แกํ ลิปสติก
สบั ปะรดประดบั เฟิร์น เดป ไกํลาย ไกํแดง โฮยา พลู หนา๎ วัวใบ ฟิโลเดนดรอน บีโกเนีย เป็นต๎น

การจัดต๎นไม๎สาหรับสวนแนวตั้งจะต๎องคานึงถึงสัดสํวนตํอพ้ืนที่ เนื่องการจัดสวนในแนวต้ัง
เปน็ สวนทอี่ ยูํในระดบั ของสายตาผ๎ูใช๎งาน จงึ ควรเน๎นรายละเอียดและคานึงถึงพ้ืนท่ีด๎วย หากเป็นพื้นที่
ขนาดใหญํควรจัดโดยใช๎ต๎นไม๎ชนิดเดียวกันเรียงเป็นกลุํมใหญํ จะดีกวําการใช๎พรรณไม๎หลายชนิด
ปะปนกนั เพราะจะทาให๎เกิดรายละเอียดมากจนดูรก

ภาพท่ี 1.33 สวนแนวต้ังในรํมจัดโดยชมรมวิชาชีพภูมทิ ัศน์ สอศ.
ทมี่ า : ศรนี รินทร์ รยิ าพนั ธ์ (2556)

ทิศทางของแสงและทิศทางลมเป็นสิ่งสาคัญและจะเป็นตัวกาหนดชนิดของพันธ์ุไม๎ หากอยํู
ในพื้นท่ีหรือตาแหนํงท่ีลมแรง อาจทาให๎ต๎นไม๎สูญเสียน้าได๎งําย และจะทาให๎พวกที่มีใบห๎อยย๎อย
เสยี หายได๎งาํ ย หากพ้นื ท่ีสวนอยํใู นรมํ กค็ วรจะมีการดูแลรดนา้ เป็นชวํ งเวลาตามชนิดของพันธุ์ไม๎เพราะ
ถ๎ารดน้าทุกวันในปริมาณมากอาจสํงผลให๎พันธ์ุไม๎ท่ีปลูกไมํคงทนถาวร อาจเนําเสียหรือเกิดความ
เสียหายตํอสวนได๎ การเลือกใช๎วัสดุปลูก ควรเป็นวัสดุที่อ๎ุมน้าได๎ดี น้าหนักเบา วัสดุปลูกท่ีดีสาหรับ
บ๎านเราคอื กาบมะพร๎าวสับและขุยมะพร๎าว ซึ่งควรใสํป๋ยุ ละลายช๎าผสมลงไปด๎วย เพ่ือให๎มีธาตุอาหาร
เพียงพอกับต๎นไม๎ การบารุงรักษา ในกรณีที่ปลูกต๎นไม๎ขนาดใหญํและสูง ควรดูแลวิธีรด
น้าต๎นไม๎ รวมถึงการดูแลรักษา ท้ังการถอดเปลี่ยนต๎นไม๎ การให๎ปุ๋ย ฯลฯ ในอนาคตด๎วย
(www.livingdd.com/vertical-garden,2560 )

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจดั และดูแลสวน 27

สวนดาดฟ้า หรอื สวนหลังคา Roof Garden

ปัจจุบันความเจริญของเมืองตํางๆมีการขยายตัวอยํางรวดเร็ว ทาให๎ราคาท่ีดินของเมือง
เหลําน้ีล๎วนขยับปรับตัวสูงขึ้นอยํางรวดเร็ว เมืองตํางๆเหลํานี้จึงต๎องมีการกํอสร๎างอาคารสูงทดแทน
และกระจายไปทั่วพื้นที่ของเมือง สํงผลให๎พื้นที่ท่ีเป็นสีเขียวของเมืองมีน๎อยลง และพื้นที่ภายนอก
อาคารในการทากจิ กรรมกลางแจ๎งลดลงไปด๎วย ดังนั้นเมืองตํางๆจึงพยายามหาพ้ืนที่สีเขียวสํวนอื่นท่ี
โดยการนาพ้ืนหลังคาดาดฟ้า (Roof slab) ของอาคารมาปรับเปลี่ยนเป็นพ้ืนที่สีเขียวให๎เป็นลาน
กิจกรรมแทน หรือที่เรียกวํา สวนดาดฟ้า (Roof garden) คือสวนที่อยูํบนดาดฟ้าหรือหลังคาของ
อาคาร และมีประโยชน์ตํอการให๎ความรํมรื่นแกํอาคาร ประโยชน์ของสวนดาดฟ้านั้นมีมากมาย ไมํวํา
จะเปน็ ประโยชนท์ างด๎านเศรษฐกิจ ด๎านสังคมด๎านสิ่งแวดล๎อม และด๎านทัศนียภาพ หากมองอยํางผิว
เผินจะเข๎าใจวํา การทาสวนดาดฟ้าคือ การนาต๎นไม๎มาวางบนอาคารหรือหลังคาอาคาร ซ่ึงไมํมีความ
ซบั ซ๎อนอะไร แตํในความเป็นจริงการทาสวนดาดฟา้ น้นั ต๎องพจิ ารณาปจั จัยตํางๆมากมาย

ภาพที่ 1.34 สวนหลงั คา
ที่มา : ศรีนรนิ ทร์ รยิ าพนั ธ์ (2558)

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจัดและดูแลสวน 28

ภาพท่ี 1.35 การปลกู ไม๎ยืนตน๎ บนสวนดาดฟ้า ชั้นท่ี 22 อาคารเซ็นทรัลเวลิ ด์ ปทุมวนั กทม.
ทม่ี า : ศรีนรนิ ทร์ รยิ าพนั ธ์ (2552)

การทาสวนดาดฟ้า มีความแตกตํางจากการทาสวนในระดับพ้ืนดินเป็นอยํางมากเนื่องจาก
เป็นสวนที่อยูํบนอาคาร ควรคานึงถึงการรับน้าหนักสวน ของโครงสร๎างอาคาร การป้องกันน้าทํวมขัง
การป้องกนั น้าร่ัวซมึ ลงสํหู อ๎ งดา๎ นลาํ ง การจัดวางตาแหนํงต๎นไม๎ขนาดใหญํท่ีถูกต๎อง การป้องกันดินชะ
ล๎างออกจากหลุมปลูก เปน็ ตน๎ ดงั นั้นการทาสวนบนดาดฟ้า จงึ มรี ายละเอยี ดมากกวําสวนระดับพ้ืนดิน
(พชร เลศิ ปติ วิ ัฒนา, 2558)

สาหรับรูปแบบของการจัดสวนบนดาดฟ้าน้ันจะต๎องพิจารณาถึงความเรียบงํายท้ังการ
กอํ สรา๎ งและการดูแลรักษา พรรณไม๎ที่เลือกใช๎ ควรเป็นไม๎ที่ชอบอากาศร๎อนทนลม ทนตํอสภาพพ้ืนท่ี
กลางแจ๎งและทนแล๎งได๎พอสมควรรวมถึงต๎องสามารถเจริญเติบโตได๎ในพื้นท่ีจากัดเชํนในกระบะหรือ
ในกระถาง (มหาวทิ ยาลัยแมํโจ๎, 2560)

1. หลักการพจิ ารณาเลอื กใช๎อุปกรณ์ในการจดั สวนดาดฟ้า
1.1 น้าหนกั ของวสั ดุอุปกรณท์ ีใ่ ช๎ ควรมีน้าหนักเบา เชํน ถ๎าเป็นพวกหินประดับก็

ควรเป็นหินเทียมที่ผลิตจากไฟเบอร์กลาสซึ่งมีน้าหนักเบา แตํถ๎าหาไมํได๎ก็ควรวางหินประดับให๎
กระจายทว่ั บริเวณของพนื้ ท่ี เพือ่ ลดแรงกดของนา้ หนักมากเกินไปตรงจดุ ใดจดุ หน่ึง

1.2 ชนิดของพรรณไม๎ ควรเป็นต๎นไม๎ที่ไมํทาลายโครงสร๎างของตัวอาคารและมี
ระบบรากต้ืนหรือพวกรากฝอยให๎มากๆท้ังน้ีเพื่อเป็นประโยชน์ตํอการยึดลาต๎นของตัวมันเองทาให๎ไมํ
โคํนล๎มงํายพรรณไม๎ที่ทาลายโครงสร๎างสํวนใหญํเป็นพวกตระกูลไทร สํวนพรรณไม๎ที่มีระบบรากดี
ได๎แกพํ วกตระกูลปาล์ม เป็นต๎น

1.2.1 ขนาดและทรงพุํมของต๎นไม๎ไมํควรเลือกพรรณไมํที่มีการ
เจริญเติบโตได๎อยํางรวดเร็วและมีความสูงใหญํมากเกินไปเชํน ชมพํูพันธุ์ทิพย์ หูกวาง จามจุรี ประดูํ
เหลือง

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจัดและดแู ลสวน 29

1.2.2 ระบบของรากควรเลือกพรรณไม๎ท่ีมีระบบรากเป็นรากฝอยจะ
ดีกวําจากพวกที่มีระบบรากแก๎ว ดังน้ันการใช๎ต๎นไม๎ใหญํ ควรเลือกจากการปลูกด๎วยกิ่งตอนเป็นสํวน
ใหญํ

1.2.3 ลักษณะกิ่ง กา๎ น ใบ ของพรรณไม๎ควรเลือกพรรณไม๎ท่ีมีลักษณะ
ใบหนา ละเอียด เล็ก ท้ังน้ีเพื่อป้องกันการพัดของลมท่ีจะทาให๎ใบไม๎ฉีกขาดได๎งําย รวมถึงการมี
ก่งิ กา๎ นสาขาทแี่ ขง็ แรงด๎วย เพราะวําพืน้ ทที่ าการจัดสวนดาดฟ้า สวํ นใหญํจะได๎รับลมแรงตลอดและรับ
แสงแดดจัด ซึ่งจะทาให๎ต๎นไม๎น้ันได๎รับอันตรายจากการฉีกขาดหรือหักจากแรงลมได๎ ตัวอยํางเชํน
กล๎วยพดั จะเห็นวํามีลักษณะของใบเป็นใบพายต๎านทางลมได๎ดี เมื่อเป็นเชํนน้ีก็จะทาให๎ใบน้ันฉีกขาด
ได๎งํายย่งิ ข้ึน

2. ข๎อควรคานงึ ในการจัดสวนดาดฟา้
หากตอ๎ งการปลกู ตน๎ ไม๎บนหลงั คาหรือทีเ่ รียกวําสวนลอยฟ้า (Roof garden) น้ัน มีหลายส่ิง
ที่ควรคานึงถึง ตั้งแตํการเตรียมโครงสร๎าง พ้ืนที่ พันธุ์ไม๎ การดูแลรักษา การป้องกันลมและสภาพ
ภมู ิอากาศซึ่งตอ๎ งวางแผนและจัดการให๎ดีโดยมีข๎อควรคานึงดังน้ี(www.scgbuildingmaterials.com,
2560)

2.1 โครงสร๎างบ๎านและอาคารมีความแข็งแรงเพียงพอ โดยปกติแล๎ว โครงสร๎าง
พ้ืนฐานที่วิศวกรคานวนจะรับน้าหนกั ได๎ประมาณ 200 - 400 กิโลกรัม/ตร.ม. แตํหากเป็นสวนดาดฟ้า
หรอื สวนลอยฟา้ แล๎ว ควรให๎วิศวกรคานวนพ้ืนท่ีเตรียมไว๎ประมาณ 700 – 1500 กิโลกรัม/ตร.ม. เพื่อ
รองรับนา้ หนักทั้งดิน หิน ทราย กระถาง อุปกรณส์ วน และนา้ ทีจ่ ะนามารด

2.2. เตรียมความลึกสาหรับดิน โดยมีความลึกอยํางน๎อย 0.40 - 1.00 เมตร
สาหรับต๎นไม๎ท่ีมีรากยาว และเพ่ือป้องกันแรงลมมากระทาซ่ึงอาจสํงผลให๎ต๎นไม๎โอนเอนหรือปลิว
ออกไปได๎ (แรงลมอาจมคี วามแรงถึง 180 กิโลกรมั /ตร.ม.)

2.3. ระบบน้า ทั้งการรดน้าต๎นไม๎ โดยต๎องติดตั้งระบบน้า หรือหัวก๏อกจํายน้าใน
จุดที่สะดวกตํอการใช๎งาน เพ่ือความสะดวก ไมํเลอะเทอะ รวมถึงการระบายน้าท่ีคลํองตัว มีรูระบาย
น้าเพยี งพอในตาแหนงํ ทเี่ หมาะสม ป้องกนั นา้ อดุ ตนั ซึ่งจะทาให๎รากตน๎ ไม๎เนําได๎

2.4. ข้ันตอนการขนย๎าย ทั้งการย๎ายต๎นไม๎ ดิน กรวด ปุ๋ย ข้ึนลงในบ๎านหรือใน
อาคาร และอุปกรณส์ าหรับบารงุ รกั ษาตน๎ ไมซ๎ ึง่ จะต๎องวางแผนจัดการใหด๎ ี

2.5 ควรมีการวางแผนจดั ทาระบบกนั ซมึ บนดาดฟา้ เนอื่ งจากมีความสาคัญหากไมํ
มีการวางแผนในการทาระบบกันซมึ อาจทาให๎น้าร่ัวซึม อาจสํงผลกระทบ ตํอผพู๎ ักอาศยั ในระยะยาวได๎

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจัดและดแู ลสวน 30

สวน Tropical Rainforest

Tropical rain forest มีความหมายไวว๎ าํ ปา่ ดิบช้ืน หรือ ป่าฝนเขตร๎อน จัดเป็นป่าประเภท
ไมํผลัดใบ เป็นป่าที่มีสีเขียวตลอดท้ังปี ต๎นไม๎จะไมํผลัดใบในชํวงฤดูแล๎ง เน่ืองจากปริมาณน้าฝน
คํอนข๎างมาก ต๎นไม๎ไมํมีความจาเป็นต๎องผลัดใบเพ่ือลดการคายน้า (สารานุกรมเสรี, 2560) สาหรับ
นิตยสารบ๎านและสวนได๎ให๎ความหมายไว๎วํา สวนทรอปิคัลหรือสวนเมืองร๎อน หมายถึง สวนในเขต
อากาศร๎อนชื้น มีลักษณะเฉพาะอยํูที่ชนิดของพรรณไม๎ท่ีปลูกในสวน ซ่ึงเต็มไปด๎วยพืชพรรณในเขต
ร๎อนช้ืน ภาพรวมจึงเน๎นโทนสีเขียวของไม๎ใบเป็นหลัก แม๎จะมีพรรณไม๎ผลัดใบ ไม๎ดําง ไม๎ใบหลากสี
หรอื ไม๎ทีใ่ หด๎ อกสสี ดใสแซมอยูํบ๎าง แตํก็เปน็ สํวนน๎อย (www.book.baanlaesuan.com, 2560)

รูปแบบในการจัดสวน Tropical Rainforest นั้นเน๎นการจัดเลียนแบบธรรมชาติ สวน
รูปแบบนี้เหมาะกับผู๎ต๎องการความรํมรื่น ชอบธรรมชาติ เพราะมีการจัดวางจังหวะต๎นไม๎และ
องค์ประกอบตํางๆคลา๎ ยกับการเตบิ โตของต๎นไม๎ในป่าดบิ ชนื้ ซง่ึ มักขึ้นเป็นกลุํมใกล๎ชิดกัน หากในสวน
มีต๎นไม๎ใหญํอยูํแล๎ว และเป็นพื้นที่มีแสงแดดสํองลงมาได๎น๎อย หรือได๎รํมเงาเกือบตลอดทั้งวันก็ย่ิง
เหมาะมาก พืชพรรณท่ใี ช๎ควรเปน็ ชนดิ ทเ่ี หมาะกับสภาพรํมราไร ชอบความชื้นสูง ควรเลือกใช๎ไม๎ท่ีไมํ
ผลัดใบให๎สีเขียวตลอดท้ังปี และดอกมีสีไมํฉูดฉาดมากนักควรปลูกเป็นกลุํมใกล๎ชิดกัน เชํน ไคร๎ย๎อย
จกิ นา้ สวํ นไม๎ระดับลาํ งไดแ๎ กํ เฟนิ พลูชนดิ ตํางๆ เนน๎ ไมใ๎ บสีสวํางหรอื มีดอกสีสันสดใสเพื่อให๎สวนดูดูมี
มิติ สํวนสาคัญของสวนที่ขาดไมํได๎คือ การปลูกมอสส์ตามก๎อนหินเพ่ือเป็นการเพิ่มบรรยากาศและ
ความชํุมฉ่าของสวนมากยิ่งข้ึน นอกจากนี้ยังใช๎วัสดุที่ให๎ผิวสัมผัสและสีสันเป็นธรรมชาติเชํน ไม๎ อิฐ
มอญ ดนิ เผา ศลิ าแลง หนิ ธรรมชาติ และกรวดแมํน้า (วรวุฒิ แกว๎ สกุ , 2555)

ภาพท่ี 1.36 การจดั สวนแบบร๎อนชืน้
ทม่ี า : ศรนี รนิ ทร์ รยิ าพันธ์ (2560)

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจัดและดูแลสวน 31

สวนเมืองร๎อนสมัยใหมํ

ด๎วยข๎อจากัดของพ้ืนท่ีบ๎านเรือนและอาคารตํางๆในปัจจุบัน ท่ีมีราคาสูงและการจัดสวนใน
รูปแบบสวนเมืองร๎อน Tropical rain forest ต๎องใชง๎ บประมาณจานวนมาก ทงั้ ในเร่ืองข้ันตอนการจัด
สวนและการดูแลรักษาสภาพของสวนให๎คงสภาพธรรมชาติ ดังนั้นจึงเกิดแนวคิดในการจัดสวนเมือง
ร๎อนสมัยใหมํข้ึน หรือเรียกวํา Tropical modern forest ก็เพื่อตอบสนองความต๎องการผ๎ูท่ีรักความ
เป็นธรรมชาติ แตํต๎องการที่จะลดคําใช๎จํายและงบประมาณในการดูแลรักษาสวน ซึ่งรูปแบบสวนนี้มี
แนวคิดในการจัดสวนในพื้นท่ีไมํใหญํ เน๎นประโยชน์ใช๎สอย ดูแลรักษางําย รูปแบบของสวนจะมีการ
กาหนดตาแหนงํ ตาํ งๆ ที่เน๎นพื้นท่ีในการใช๎งานเป็นหลัก เชํน ตาแหนํงนั่งเลํน มุมสวน หรือน้าตก บํอ
น้า มีการเลือกใช๎องค์ประกอบท่ีเลียนแบบธรรมชาติ แตํไมํต๎องเหมือนจริง ลดทอนรายละเอียดตํางๆ
ให๎เรียบงํายไมํซับซ๎อน ชนิดของพรรณไม๎อาจไมํหลากหลายนัก อาจเลือกใช๎ไม๎กระถาง หรือพรรณไม๎
ตดั แตํงมาประกอบบ๎าง จากดั โทนสใี ห๎เรยี บงําย ใชเ๎ สน๎ สายและรูปทรงเรขาคณิตเป็นหลัก เส๎นโค๎งเป็น
ลักษณะโค๎งแบบตั้งใจ ไมํต๎องการแสดงความเป็นธรรมชาติเหมือนจริง มีการเลํนกับเส๎นสาย รูปทรง
และผวิ สัมผัส เพื่อทาให๎สวนดนู าํ สนใจ มากกวําจานวนพรรณไม๎ วัสดุอุปกรณ์ที่นามาใช๎ตกแตํงจะเป็น
รปู แบบเรียบงาํ ย ทันสมยั เน๎นวสั ดโุ ครงสรา๎ ง เชนํ ทางเท๎า อํางนา้ โคมไ ระเบียงไม๎ตํางๆ มีการตกแตํง
พ้ืนที่วํางโดยใช๎กรวด เพื่อทดแทนการปูหญ๎า หรือในบางสวนอาจมีการใช๎หญ๎าเทียมเพื่อลดการดูแล
สวน มีการหินประดับในการตกแตํง และอาจมีการใช๎หินเทียมท่ีทาจากวัสดุตํางๆ ทั้งจากปูนซีเมนต์
ไฟเบอร์ และวัสดุชนดิ อืน่ ๆ มาใช๎ในการประดับตกแตงํ สวน

ดังนั้นเมื่อมีการใช๎วัสดุตํางๆในการประดับตกแตํงสวนมากข้ึน ก็จะทาให๎จานวนและชนิด
ของพรรณไม๎น๎อยลง ก็ชํวยทาให๎การดูแลสวนงํายข้ึน และเหมาะสมกับเวลาอันจากัดของคนในยุค
ปจั จุบัน

ภาพที่ 1.37 การจดั สวนแบบรอ๎ นช้ืนสมยั ใหมํ
ทม่ี า : ศรนี รินทร์ รยิ าพันธ์ (2560)

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจดั และดแู ลสวน 32

สวนองั กฤษ

โดยหลักการจัดสวนอังกฤษโดยทั่วไปนั้นจะให๎ความสาคัญกับภูมิทัศน์โดยรอบ เน๎นความ
เป็นธรรมชาติอันเรยี บงาํ ย สะท๎อนใหเ๎ ห็นลักษณะเดํนของภมู ิประเทศท่ีมีเนินเขาคล๎ายลูกคลื่นปกคลุม
ด๎วยทํุงหญ๎า มีพรรณไม๎หลากสีสันผลัดกันผลิใบอวดความงามตามฤดูกาลตลอดปี ดังนั้นสีสันที่
แตกตํางในชํวงของการเปลี่ยนฤดูจึงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสวนอังกฤษก็วําได๎ (อิสรา แพงสี
,2551)

ปัจจุบันรูปแบบสวนสไตล์อังกฤษ ได๎รับความนิยมเป็นอยํางมาก สังเกตจาก รีสอร์ท
โรงแรม บ๎านพัก และร๎านอาหารตํางๆ นิยมการจัดสวนในรูปแบบอังกฤษเน่ืองจากรูปแบบของสวนมี
ลักษณะสวยงาม อํอนหวาน โดยลักษณะของสวนนั้นมีการการใช๎รูปทรงแบบอิสระ และเส๎นสายคด
โคง๎ และมกี ารปลกู พรรณไม๎ท่มี ีลักษณะขน้ึ เองในธรรมชาติ แตํโดยรวมๆ จะเน๎นการทาสนามหญ๎า ทา
เนิน ปลูกตน๎ ไม๎เปน็ กลมํุ และสร๎างให๎เกิดบรรยากาศแบบโรแมนติค ชวนฝัน การจัดองค์ประกอบของ
สวน ทาเหมือนกับการวาดภาพทิวทัศน์ หรือที่เรียกวํา “Picturesque Garden” โดยจะต๎องกาหนด
จุดท่ีตั้งใจให๎ชมสวน เชํน บริเวณระเบียง ศาลา หรือจากหน๎าตํางห๎องใดห๎องหน่ึง ภาพท่ีมองจากจุดท่ี
กาหนดจะประกอบด๎วยฉากหน๎า (Foreground ) จุดสนใจ (Focal Point) และฉากหลัง (Back
Ground) ตัวจุดสนใจมักเป็นส่ิงกํอสร๎างหรืออาคารเล็กๆ รูปแบบข้ึนอยํูกับบรรยากาศของสวนที่
ตอ๎ งการ

สาหรบั รูปแบบสวนอังกฤษในเมอื งไทยนน้ั ควรเข๎าใจถึงองค์ประกอบ จุดเดํน และธรรมชาติ
ของสวนอังกฤษกํอนท่ีจะลงมือจัดสวน อีกทั้งควรคานึงถึงรูปแบบของสวนท่ีเหมาะสมและขนาดของ
พ้ืนที่ รวมไปถึงสภาพแวดล๎อมที่เหมาะสมการเจริญเติบโตของพืชพรรณด๎วย เพราะสภาพแวดล๎อม
ของเมืองไทยมคี วามแตกตํางจากแถบยุโรป สง่ิ เหลําน้ีเป็นปัจจัยสาคัญในการออกแบบและจัดรูปแบบ
ของสวน สาหรับการเลือกใช๎พรรณไม๎ เน๎นดอกไม๎สีสันสดใสท่ีดูคล๎ายเหมือนขึ้นเองตามธรรมชาติ
นอกจากน้ีแล๎วสวนสไตล์อังกฤษ ยังแบํงออกเป็นหลายรูปแบบด๎วยกัน อันได๎แกํ Formal
Garden (สวนแบบสมมาตร) , Country Garden (สวนชนบท) , English Cottage Garden
(สวนกระทํอม) และ Modern Vintage Garden (สวนสมัยใหมํในบรรยากาศวินเทจ) เป็นต๎น
(www.baanlaesuan.com/blogs/englishgarden, 2560 )

ปัจจัยสาคัญในการออกแบบและกาหนดรปู แบบของสวนอังกฤษแบบ Formal Garden นั้น
ไมํจาเป็นต๎องมีพื้นที่กว๎าง แตํก็สามารถสร๎างสวนลักษณะนี้ได๎ เพราะเป็นสวนท่ีเน๎นการแบํงพ้ืนท่ีของ
สนามทางเดิน หรือแนวแปลงดอกไม๎ให๎เป็นระเบียบ ดูเรียบร๎อยและเกิดความสมดุลกัน อาจหมาย
รวมถึงสวนวงกตหรือสวนกล และสวนตัดแตํงเลํนลายที่ปลูกไม๎ตัดแตํงเป็นแนว เชํน เทียนทอง ชา
ฮกเกี้ยน ไทร โมก หรือเข็ม แล๎วเว๎นชํองสาหรับโรยกรวดสีเพ่ือชํวยให๎แนวเส๎นดูเดํนชัดขึ้น หรือปลูก

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจัดและดแู ลสวน 33

ไม๎ดอกสสี ดแทน แตํสวนแบบนี้อาจดูไมํเป็นธรรมชาติ และต๎องหม่ันดูแลตัดแตํงอยูํเสมอเพ่ือไมํให๎เสีย
รูปทรง ในปัจจุบันรูปแบบสวนอังกฤษที่มีการตัดแตํงรูปทรงของพรรณไม๎นั้น นิยมนาไปออกแบบ
รํวมกบั บ๎านรูปแบบสมัยใหมํ มีการนาวัสดุในการตกแตํงเชํน กระถาง รูปปั้น น้าพุ เก๎าอี้ ม๎าน่ัง ตํางๆ
เขา๎ ไปเปน็ องคป์ ระกอบของสวน มกี ารเลือกใช๎พรรณไม๎ท่ีสามารถตัดแตํงบังคับทรงพุํมได๎งําย รูปแบบ
ของสวนเนน๎ การใช๎เส๎นที่เรียบงําย มีการจัดวางอุปกรณ์ในการประดับตกแตํงเทําท่ีจาเป็น ทาให๎สวน
เรียบงาํ ยแลดูสะอาดตา ลดการดูแลรกั ษา ซึง่ ทาให๎สวนรูปแบบน้เี ปน็ ท่ีนิยมอยํางมาก

ภาพที่ 1.38 สวนอังกฤษสมยั ใหมํ
ท่ีมา : ศรีนรนิ ทร์ รยิ าพนั ธ์ (2560)

ภาพที่ 1.39 สวนชนบท (Country Garden)
ท่ีมา : ศรนี รนิ ทร์ รยิ าพันธ์ (2560)

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจัดและดูแลสวน 34

สวนชนบทองั กฤษ (English Country Garden )
เป็นสวนท่ีมีขอบเขตกว๎าง มีรูปแบบเรียบงํายไมํตายตัวเลือกใช๎พันธ์ุไม๎พื้นเมืองปลูกเป็น
แปลงคละกันคล๎ายสวนดอกไม๎ ไม๎ดอกหรือวัชพืชบางชนิดท่ีขึ้นเองตามธรรมชาติก็สามารถนามาใช๎ใน
สวนรูปแบบนี้ได๎ปลูกไม๎ดอกและต๎นไม๎คล๎ายขึ้นเองตามชนบท โดยปลูกเป็นทุํง เชํน ดาวกระจาย
ต๎อยติง่ หญา๎ ประดบั และไม๎หัวตํางๆ เชํน ดาวกระจาย หญ๎าแดง และหญ๎าดําง ชํวยสร๎างบรรยากาศ
ของสวนอังกฤษได๎ดี เพ่ิมสีสันให๎ตัวกระทํอมด๎วยไม๎เลื้อยชนิดตํางๆ ข้ึนเป็นซ๎ุมเกาะกาแพงรอบประตู
หรือหน๎าตําง อาจปรับเปล่ียนผิวสัมผัสด๎วยชาฮกเกี้ยนตัดแตํงท่ีปลูกในกระถาง และวางของประดับ
สวนอยํางอาํ งนา้ นกหรอื วสั ดุท่ีมีสไี มํโดดเดํน แขํง กับสสี นั ของดอกไม๎เสริมบรรยากาศสวน
สวนกระทอํ ม (English Cottage Garden)
ให๎บรรยากาศเชํนเดียวกับสวนชนบท แตํมีขนาดเล็กกวํา ลองนึกถึงกระทํอมหลังน๎อยใน
ชนบททีม่ แี ปลงดอกไมบ๎ านสะพรงั่ ในสวนขนาดเล็ก ซ่ึงเจ๎าของลงมือปลูกและดูแลด๎วยตนเอง มีแปลง
ไม๎ดอกสีผสม (Mixed border) ข้ึนปะปนกันอยํางเป็นธรรมชาติ ทั้ง พืชผัก สมุนไพร ปลูกไม๎เล้ือย
อยาํ งกุหลาบแซมบ๎าง หรอื มเี ถาไอวีไ่ ตํไปตามผนังภายนอกบ๎าน เพ่ือเช่ือมตํอบ๎านและสวนเข๎าด๎วยกัน
อยํางเป็นธรรมชาติ มีไม๎พุํมและไม๎คลุมดินเพื่อปกปิดรอยตํอตํางๆของบ๎านกับสวน ทางเดินโรยด๎วย
กรวดหรือวัสดุธรรมชาติ มีไม๎ยืนต๎นขนาดไมํใหญํนักเป็นประธานในสวน วางไม๎กระถาง ตลอดจนใช๎
ภาชนะและของเหลือใช๎แทนกระถาง แทรกด๎วยของตกแตํง เชํน ตุ๏กตารูปสัตว์ คน อํางน้านก น้าพุ
บา๎ นนก งานศลิ ปะในสวน

ภาพที่ 1.40 สวนสมัยใหมํในบรรยากาศวินเทจ
ทีม่ า : ศรีนรนิ ทร์ ริยาพนั ธ์ (2560)

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจัดและดแู ลสวน 35

สวนสมัยใหมํในบรรยากาศวนิ เทจ (Modern vintage garden)
เป็นสวนในยุคปัจจุบันที่นาลักษณะเดํนของสวนอังกฤษในรูปแบบตํางๆ มาผสมผสานกัน
ลดทอนรายละเอียดในสวนรวมถึงกาหนดโทนสีของสวนให๎สอดคล๎องและกลมกลืนกับสถาปัตยกรรม
สมัยใหมํ มีฮาร์ดเสคปที่เอื้อกับการใช๎งานในยุคปัจจุบันมากข้ึน ตกแตํงสวนด๎วยวัสดุจาพวกซีเมนต์
และเหล็ก เพราะสื่อบรรยากาศรํวมสมัยได๎ดี และใช๎ของตกแตํงย๎อนยุค อยํางชุดน่ังเลํน และกระถาง
แบบวินเทจรํวมกับพรรณไม๎ ใช๎ไม๎ดอกเล็กๆนํารักๆ สีสันของวัสดุท่ีนิยมนามาตกแตํง คือ สีขาว และ
ดา
สรุปจากการที่ได๎นาเสนอสวนแตํละรูปแบบน้ัน ทาให๎ทราบวําสวนแตํละรูปแบบขึ้นอยํูกับ
วัตถุประสงค์ของการจัด การจะเลือกใช๎รูปแบบสวนประเภทใดนั้น ขึ้นอยํูกับความเหมาะสมของ
สภาพพ้ืนท่ี ความต๎องการและวตั ถุประสงคห์ ลักของการจดั ส่ิงสาคญั คืองบประมาณในการจัดสวน ซ่ึง
จะต๎องสอดคล๎องกัน และสิ่งท่ีจะทาให๎สวนมีความสวยงามคงทนคือ การดูแลรักษาสวนอยําง
สม่าเสมอ ซ่ึงผ๎ูออกแบบควรแนะนาให๎ผ๎ูวําจ๎างหรือเจ๎าของงาน มีความเข๎าใจในรูปแบบของสวน
เพื่อทจ่ี ะรักษาความงามของสวนให๎เกิดความย่ังยืน

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจดั และดูแลสวน 36

แบบฝกึ หดั
บทที่ 1
.………………………………………………………………………………………………………………………

จงตอบคาถามตํอไปนี้ใหถ๎ ูกต๎อง (10 คะแนน)
1. จงอธิบายความสาคญั ของการจัดสวน (1 คะแนน)
2. จงอธิบายความหมายของการจดั สวน (1 คะแนน)
3. จงอธิบายประโยชนท์ ไี่ ด๎รบั จากการจัดสวน (1 คะแนน)
4. จงอธิบายรูปแบบของการจดั สวนแบบประดษิ ฐ์ (1 คะแนน)
5. จงอธบิ ายรูปแบบของการจัดสวนแบบธรรมชาติ (1 คะแนน)
6. จงอธิบายรปู แบบของการจัดสวนแบบรํวมสมัย (1 คะแนน)
7. จงอธิบายรปู แบบของการจดั สวนหลงั คา (1 คะแนน)
8. จงอธบิ ายรูปแบบของการจดั สวนแบบโมเดนิ (1 คะแนน)
9. จงอธิบายรปู แบบของการจัดสวนแนวตง้ั (1 คะแนน)
10.จงอธบิ ายรูปแบบของการจดั สวนแบบองั กฤษ (1 คะแนน)

เอกสารประกอบการสอน วิชาการจัดและดแู ลสวน 37

เอกสารอ๎างองิ

กรมอาชวี ศึกษา. 2533. คมูํ อื การสอน ชกษ 3144 การจดั สวน. หนํวยศึกษานิเทศน์ กรม
อาชีวศึกษา.

ขวัญชัย จิตสารวย. 2540. การออกแบบ เขียนแบบการจดั สวน. กรงุ เทพมหานคร : โสภณการ
พมิ พ์.

พชร เลศิ ปติ ิวฒั นา. 2558. วารสารวชิ าการ ศลิ ปะสถาปตั ยกรรมศาสตร์ปที ี่ 6 ฉบบั ท่ี 2
กรกฎาคม – ธนั วาคม 2558 . มหาวทิ ยาลัยนเรศวร.

วรวฒุ ิ แก๎วสุก. 2555. Tropical Rainforest & European Garden. กรุงเทพมหานคร :
สานกั พมิ พ์บ๎านและสวน.

สมจิต โยธะคง. 2538. การวางผังตกแตงํ บรเิ วณ. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท รวมสาสน์ (1977)
จากัด.

สมจติ โยธะคงและนารรี ตั น์ สีระสาร. 2553. เอกสารการสอนชดุ วชิ าพชื สวนประดบั ในการจดั ภูมิ
ทศั น์ หนวํ ยท่ี 1-7. มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี : สานักพิมพ์มหาวทิ ยาลัย
สโุ ขทยั ธรรมาธิราช.

สวนแนวตั้ง. 2560. Vertical Garden [ออนไลน]์ . URL http://www.livingdd.com/vertical-
garden-3/(สืบค๎นเมอื่ วนั ท่ี 17 เมษายน 2560)

สวนดาดฟา้ . 2560. Roof Garden [ออนไลน]์ . URL http://www. faed.mju.ac.th/download
/get_file (สืบค๎นเมอื่ วันท่ี 17 เมษายน 2560)

สวนชืน้ . 2560. Tropical rain forest [ออนไลน์]. URL http://www. baanlaesuan.com
/blogs/tropicalgarden. (สบื คน๎ เม่อื วันที่ 17 เมษายน 2560)

สวนหลงั คา. 2560. Roof-garden [ออนไลน์]. URL http://www. scgbuildingmaterials.com
/th/LivingIdea/NewBuild (สืบคน๎ เมอ่ื วันที่ 17 เมษายน 2560)

สวนองั กฤษ. 2560. Englishgarden [ออนไลน]์ . URL http://www. baanlaesuan.com
/blogs/ englishgarden. (สบื คน๎ เม่ือวันท่ี 18 เมษายน 2560)

สารานุกรมเสร.ี 2560. การจดั สวน [ออนไลน์]. URL http://th.wikipedia.org/wiki/ (สบื ค๎นเมื่อ
วนั ที่ 20 เมษายน 2560)

อดุ มลักษณ์ มจั ฉาชพี . 2537.การจดั สวน. กรุงเทพมหานคร : สานักพมิ พ์แพรํพิทยา.

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการจดั และดแู ลสวน 38

อศิ รา แพงสี. 2551. พรรณไมใ๎ นสวนองั กฤษ. กรงุ เทพมหานคร : บริษัท อมรนิ ทร์พร้ินติ้ง แอนด์
พับลชิ ช่งิ จากัด (มหาชน).

___________ . 2554. มือใหมจํ ดั สวนโมเดริ น์ . กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท อมรนิ ทร์พรน้ิ ต้งิ แอนด์
พบั ลชิ ชงิ่ จากดั มหาชน.

เออื้ มพร วีสมหมาย. 2530. หลกั การจัดสวนในบ๎าน. กรงุ เทพมหานคร : โอ.เอส.พร้ินติง้ เฮ๎าส์
จากัด.


Click to View FlipBook Version