แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 9
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รหสั ว31221 รายวชิ า เคมี 1 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
ชอื่ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 อะตอมและสมบตั ขิ องธาตุ เวลา 28 ชั่วโมง
เรือ่ งยอ่ ยที่ 4 เรื่อง ตารางธาตุและสมบัติของธาตหุ มหู่ ลกั เวลา 3 ชวั่ โมง
(พลังงานไอออไนเซชนั สัมพรรคภาพอเิ ล็กตรอน และอิเลก็ โทรเนกาตวิ ติ ี)
ผ้สู อน นางสาวณัฐธดิ า ดวงสมร
1. มาตรฐานการเรยี นรู้และทกั ษะกระบวนการ
มาตรฐาน ว 5.1 เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจดั เรียงธาตุในตารางธาตุ สมบตั ิของธาตุ พันธะเคมีและ
สมบัติของสาร แกส๊ และสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบตั ิของสารประกอบอินทรีย์และพอลเิ มอร์ รวมทัง้ การ
นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
2. ผลการเรยี นรู้
5. วเิ คราะหแ์ ละบอกแนวโน้มสมบตั ิของธาตเุ รพรเี ซนเททฟี ตามหมูแ่ ละตามคาบ
3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ธาตุเรพรีเซนเททีฟในหมู่เดียวกันมีจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากัน และธาตุที่อยู่ในคาบเดียวกนั มี
เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนในระดับพลังงานหลกั เดียวกนั ธาตเุ รพรเี ซนเททฟี มีสมบัติทางเคมคี ล้ายคลงึ กนั ตามหมู่ และ
มีแนวโนม้ สมบตั บิ างประการเป็นไปตามหมูแ่ ละตามคาบ เช่น ขนาดอะตอม รศั มไี อออน พลงั งานไอออไนเซชนั
อเิ ลก็ โทรเนกาตวิ ติ ี สัมพรรคภาพอเิ ลก็ ตรอน
4. จดุ ประสงค์
4.1 วเิ คราะหแ์ ละสรุปแนวโนม้ สมบัตติ ่าง ๆ ของธาตุตามหมแู่ ละคาบท่ีเก่ียวกบั พลงั งานไอออไนเซชัน
สัมพรรคภาพอิเลก็ ตรอน และอเิ ล็กโทรเนกาตวิ ติ ี (K)
5. สาระการเรยี นรู้
พลังงานไอออไนเซชนั (ionization energy , IE) พลงั งานปริมาณนอ้ ยท่สี ดุ ทที่ ำให้อิเล็กตรอนหลุด
จากอะตอมในสถานะแก๊ส
ตามคาบพบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามเลขอะตอม เนื่องจากธาตุในคาบเดียวกันมีจำนวน
โปรตอนในนิวเคลียสเพิ่มขึ้นและมีขนาดอะตอมเลก็ ลง แรงดึงดูดระหว่างนิวเคลียสกับวาเลนซ์อิเล็กตรอนจงึ
เพมิ่ ข้นึ อิเล็กตรอนจงึ หลุดจากอะตอมไดย้ าก
ตามหมู่พบว่า มีแนวโน้มลดลงเมื่ออะตอมเพิ่มขึ้น เนื่องจากระยะระหว่างนิวเคลียสกับวา
เลนซ์อิเลก็ ตรอนเพิ่มขึน้ ทำให้แรงดึงดูดระหว่างนวิ เคลยี สกับเวเลนซ์อเิ ล็กตรอนลดลงอิเล็กตรอนจึงหลุดจาก
อะตอมไดง้ ่าย
สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน(Electron affinity, EA) พลังงานที่ถูกคายออกมาเมื่ออะตอมในสถานะ
แก๊สไดร้ ับอเิ ลก็ ตรอน 1 อิเลก็ ตรอน เขียนสมการแสดงการเปล่ียนแปลงได้ดงั นี้
A (g) + e- → A- (g)
ถ้าค่าสัมพรรคภาพอิเล็กตรอนมีค่าเป็นบวก หมายความว่า อะตอมคายพลังงานเมื่อได้รับ
อิเล็กตรอน แสดงว่าอะตอมของธาตุนัน้ มีแนวโน้มที่จะรับอิเลก็ ตรอนได้ดี ความสามารถในการรับอิเล็กตรอน
ของแต่ละธาตมุ ีความแตกตา่ งกนั
ถ้าค่าสัมพรรคภาพอิเล็กตรอนเป็นลบแปลว่าต้องใส่พลงั งานเพิ่มเข้าไปเพื่อให้รกั อิเลก็ ตรอน
อกี 1 อิเล็กตรอน
เมื่อพิจารณาตามคาบพบว่า ค่าสัมพรรคภาพอิเล็กตรอนของธาตอุ โลหะ(ยกเว้นหมู่ VIIIA) มี
ค่ามากกว่าโลหะ แสดงว่าธาตุอโลหะมีแนวโน้มที่จะรับได้ดีกว่าธาตุโลหะ เมื่อพิจารณาโดยภาพรวมทั้งหมด
พบวา่ ธาตุ VIIA มีคา่ สมั พรรคภาพอิเลก็ ตรอนสงู สุดแสดงว่ามีแนวโน้มในการรับอิเล็กตรอนได้ดีกว่าธาตุหมู่อื่น
ที่เปน็ เชน่ นอี้ ธบิ ายได้วา่ การรับ 1 อิเล็กตรอนของธาตุในหมูน่ ้ีจะทำใหอ้ ะตอมมกี ารจัดเรียงอิเล็กตรอนเหมือน
ธาตหุ มู่ VIIIA หรอื แกส๊ มสี กุลซง่ึ มคี วามเสถยี รมาก
อิเลก็ โทรเนกาติวติ ี (Electronegativity, EN) คือ ความสามารถของอะตอมในการดึงดดู อิเลก็ ตรอน
ค่ทู ่ีใชร้ ่วมกันในโมเลกลุ ของสาร
เมื่อพิจารณาอิเล็กโทรเนกาติวิตีของธาตุในคาบเดียวกันพบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามเลข
อะตอมเนื่องจากในคาบเดียวกันอะตอมของธาตุหมู่ IA มีขนาดใหญ่สุด และหมู่ VIIA มีขนาดเล็กที่สุด
ความสามารถในการดึงดูดอเิ ล็กตรอนตามคาบจึงเพิม่ ขึ้นจากหมู่ IA ไปหมู่ VIIA ดังนั้นในคาบเดยี วกนั ธาตหุ มู่
IA จึงมีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีต่ำที่สุด ส่วนธาตุหมู่ VIIA มีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีสูงสุด ธาตุในหมู่เดียวกันมี
แนวโน้มของค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีลดลงเมื่อเลขอะตอมเพิ่มขึ้น เนื่องจากขนาดอะตอมที่เพิ่มขึ้นเป็นผลให้
นวิ เคลียสดงึ ดดู อเิ ล็กตรอนลดลง
6. ทกั ษะ/กระบวนการ
6.1 เขียนแผนภาพแสดงแนวโน้มของพลังงานไอออไนเซชัน สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน และอิเล็ก
โทรเนกาตวิ ติ ีได้ (P)
7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
8. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง ซอื่ สัตยส์ ุจรติ
ม่งุ มัน่ ในการทำงาน มีวินยั รักความเปน็ ไทย
ใฝเ่ รยี นรู้ มีจิตสาธารณะ
9. หลักฐานการเรียนรู้
9.1 ช้ินงาน/ภาระงาน
- ชิน้ งาน Mind Map
- เอกสารประกอบการเรยี น เร่ือง พลังงานไอออไนเซชนั สมั พรรคภาพอิเลก็ ตรอน และอเิ ลก็
โทรเนกาตวิ ติ ี
10. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ : วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ขั้นที่ 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ
1. ครูทบทวนความรู้ของเรือ่ งท่ีเรยี นไปคาบที่แลว้ โดยการถามคำถาม และสุ่มนกั เรยี นตอบ
โดยคำถามท่ีถามนกั เรยี นมีดังน้ี
ครู : คาบท่แี ลว้ เราเรียนเรอื่ งอะไรกนั บา้ ง
แนวคำตอบ : ขนาดอะตอม ขนาดไอออน
ครู : Li กับ F ธาตุไหนมขี นาดใหญก่ ว่ากนั
แนวคำตอบ : ธาตุ Li มีขนาดใหญก่ ว่าธาตุ F
ครู : ทำไม Li ถงึ มขี นาดใหญก่ วา่ F
แนวคำตอบ : ตามคาบขนาดของอะตอมจะมแี นวโน้มเพ่ิมขึ้นตามเลขอะตอม เพราะย่ิงมีเลข
อะตอมแรงดึงดูดระหว่างนวิ เคลียสกบั วาเลนซ์อิเล็กตรอนก็จากมากขน้ึ ทำให้อะตอมของธาตุนั้นมีขนาดเล็กลง
ซ่งึ Li มเี ลขอะตอมเทา่ กบั 3 ส่วน F มีเลขอะตอมเท่ากับ 9 ธาตุ Li จงึ มีจึงมีขนาดใหญ่กว่า ธาตุ F
2. ครูตงั้ คำถามวา่ “ในการทดลองการศกึ ษาเส้นสเปกตรมั ของธาตทุ ีผ่ ่านมา ขณะสงั เกตเห็น
สเปกตรมั ของธาตุ ธาตนุ ้ันอยูใ่ นสถานะใด และอิเลก็ ตรอนของธาตุน้นั ดูดหรือคายพลังงาน” (แนวคำตอบ ธาตุ
อย่ใู นสถานะแกส๊ และเป็นการคายพลงั งานของอิเลก็ ตรอน)
3. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภิปรายว่า การทำให้อิเล็กตรอนเปลย่ี นแปลงระดับพลังงานกับการ
ทำให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอม การกระทำใดจะใชพ้ ลังงานมากกว่ากัน (แนวคำตอบว่า เส้นสเปกตรัม
เกิดจากอเิ ลก็ ตรอนคายพลงั งานออกมาเม่อื เปลี่ยนจากสภาวะกระตนุ้ ไปสู่สภาวะพ้นื แต่อิเล็กตรอนไม่ได้หลุด
ออกจากอะตอม ดังนั้นการทำให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอมในสถานะแก๊สต้องใช้พลังงานสูงกว่าการท่ี
อิเล็กตรอนเปล่ียนระดับพลังงาน)
ข้ันที่ 2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา
4. ครูให้นักเรยี นจับคู่และให้นกั เรยี นแต่ละคนู่ ำกระดาษขน้ึ มา 1 แผน่ แล้วสืบค้นข้อมูลจาก
ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 เลม่ 1 โดยหวั ขอ้ ที่นักเรียนตอ้ งสืบค้นมี
ดงั น้ี
- พลงั งานไอออไนเซชัน คืออะไร มแี นวโนม้ ตามหมู่ตามคาบเปน็ อย่างไร และลองยกตวั อย่าง
ธาตุมาเปรียบเทยี บกันว่าธาตใุ ดมีพลังงานไอออไนเซชัน มากกว่ากนั 2 ตวั อย่าง
- สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน คืออะไร มีแนวโน้มตามหมู่ตามคาบเป็นอย่างไร และลอง
ยกตวั อยา่ งธาตุมาเปรยี บเทยี บกันวา่ ธาตุใดมคี า่ สัมพรรคภาพอเิ ล็กตรอนมากกวา่ กัน 2 ตัวอยา่ ง
- อิเล็กโทรเนกาติวิตี คืออะไร มีแนวโน้มตามหมู่ตามคาบเป็นอย่างไร และลองยกตัวอย่าง
ธาตุมาเปรียบเทียบกันว่าธาตุใดมคี า่ อิเลก็ โทรเนกาติวิตีมากกวา่ กัน 2 ตวั อย่าง
5. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 3 คู่ นำเสนอข้อมูลที่สืบค้นมา โดยนำเสนอคู่ละ 1 เรื่อง พร้อม
ตัวอย่าง จากนนั้ ครูนำอภปิ รายอกี คร้ัง
ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป
6. ครูให้ความรู้เรื่องพลังงานไอออไนเซชัน ซึ่งเป็นพลังงานปริมาณน้อยที่สุดที่ทำให้
อเิ ลก็ ตรอนหลุดออกจากอะตอมในสถานะแกส๊ ถ้ามคี า่ นอ้ ยแสดงว่าทำให้เปน็ ไอออนบวกได้งา่ ย แตถ่ ้ามีค่ามาก
แสดงว่าทำใหเ้ ปน็ ไอออนบวกได้ยาก
7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภปิ รายเพื่อทำนายแนวโน้มของคา่ พลังงานไอออไนเซชันลำดับที่
1 ของธาตุ ตามคาบและตามหมู่ รวมทัง้ เหตุผลสนับสนนุ แล้วเปรยี บเทียบผลการอภปิ รายกับรูป 2.26 จากนั้น
ศึกษาเหตุผลคำอธิบายใต้ภาพเพื่อตรวจสอบสิ่งที่อภิปราย ควรสรุปได้ว่าค่า IE1 มีความสัมพันธ์กับขนาด
อะตอม โดยค่า IE1 จะมีค่าเพิม่ ข้นึ เมอ่ื ขนาดอะตอมลดลง
8. ครูถามคำถามว่า “ถ้าอะตอมของธาตุมีการรับอิเล็กตรอนจะมีการเปลี่ยนแปลงพลังงาน
อยา่ งไร” เพ่อื นำเขา้ สูห่ ัวข้อสัมพรรคภาพอเิ ล็กตรอน
9. ครใู ห้ความรู้เรือ่ งสัมพรรคภาพอิเลก็ ตรอนว่า เปน็ พลงั งานทีค่ ายออกเมื่ออะตอมในสถานะ
แก๊สได้รบั อิเล็กตรอน 1 อิเลก็ ตรอน อะตอมท่ีสามารถรับอิเล็กตรอนได้ดีจะมีสมั พรรคภาพ อิเล็กตรอนสูงกว่า
อะตอมทรี่ ับอิเล็กตรอนได้ยาก
10. ใหน้ ักเรยี นพจิ ารณารูป 2.27 เพือ่ ศกึ ษาแนวโนม้ ของค่าสัมพรรคภาพอเิ ล็กตรอนของธาตุ
ในตารางธาตุ แลว้ ร่วมกนั สรุปสาระสำคญั โดยอาจสรุปได้วา่
“เมื่อพิจารณาธาตุตามคาบ ธาตุโลหะหมู่ IA IIA และ IIIA มีแนวโน้มที่จะรับอิเล็กตรอนยาก
โดยเฉพาะธาตุในหมู่ IIA จะรับอิเล็กตรอนยากทีส่ ุด ส่วนธาตุในหมู่ IVA VA VIA และ VIIA มีแนวโน้มที่จะรับ
อิเล็กตรอนสูงโดยเฉพาะหมู่ VIIA จะรับอิเลก็ ตรอนได้ดีทีส่ ุด สำหรับธาตุหมู่ VIIIA มีค่า EA เป็นลบ ซึ่งได้จาก
การคำนวณแสดงให้เห็นว่าถ้าต้องการให้ธาตุหมู่นั้นรับอิเล็กตรอนนอกจากจะไม่คายพลังงานแล้ว ยังต้องใส่
พลงั งานแก่อะตอมเพิ่มด้วย”
11. ครูใหค้ วามหมายของค่าอิเลก็ โทรเนกาตวิ ีตวี ่าเป็นความสามารถของอะตอมในการดึงดูด
อิเลก็ ตรอนท่ใี ชร้ ่วมกนั ในโมเลกุลของสาร
12. จากนัน้ ใหน้ ักเรียนศึกษารูป 2.28 แลว้ รว่ มกนั สรุปแนวโน้มคา่ อเิ ลก็ โทรเนกาติวติ ีของธาตุ
ในตารางธาตุ ซึ่งควรได้ว่าธาตใุ นคาบเดียวกันมีคา่ เพิ่มขึ้นเมื่อเลขอะตอมเพิ่มข้ึน เนื่องจากขนาดของอะตอม
เลก็ ลง ธาตุในหม่เู ดยี วกันส่วนใหญ่มคี ่าลดลง เนอ่ื งจากขนาดของอะตอมใหญ่ข้ึน
ขัน้ ที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้
13. ครยู กตัวอย่างเพิ่มเตมิ และใหน้ กั เรยี นในหอ้ งรว่ มกนั เปรยี บเทียบ คา่ พลังงานไอออไนเซ
ชัน ค่าสัมพรรคภาพอเิ ลก็ ตรอน และ อเิ ลก็ โทรเนกาติวติ ีของธาตุ
14. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปความหมายของค่าพลังงานไอออไนเซชัน ค่าสัมพรรคภาพ
อิเล็กตรอน และอิเล็กโทรเนกาตวิ ิตี
ขัน้ ท่ี 5 ขั้นประเมินผล
15. ให้นักเรียนทำโจทย์ในเอกสารประกอบการเรียนเรื่อง ค่าพลังงานไอออไนเซชัน ค่าสัม
พรรคภาพอเิ ลก็ ตรอน และอเิ ล็กโทรเนกาติวติ ี
16. ครใู ห้นกั เรยี นทำ Mind Map สรปุ สมบัติของธาตหุ มหู่ ลักตามหมู่ตามคาบ
10. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
10.1 เอกสารประกอบการเรยี น เรื่อง ขนาดอะตอม ขนาดไอไอออน
10.2 สอื่ การสอน PowerPoint
10.3 Mind Map สมบัติของธาตหุ มู่หลัก
10.4 หนงั สือเรยี นรายวิชาเพม่ิ เติมวทิ ยาศาสตร์ เคมีเล่ม 1 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
(ฉบบั ปรังปรงุ พ.ศ.2560)
11. การวัดและประเมนิ ผล
เปา้ หมาย วธิ ีวัด เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การประเมิน
ด้านความรู้
วิเคราะห์และสรุปแนวโน้ม การอภปิ รายระหวา่ งเรยี น เอกสารประกอบการเรียน ผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ 60
สมบัติต่าง ๆ ของธาตุตาม และตรวจเอกสาร
หมู่และคาบ ท่ีเกี่ยว กั บ ประกอบการเรยี น
พลังงานไอออไนเซชัน สัม
พรรคภาพอเิ ลก็ ตรอน และอิ
เล็กโทรเนกาตวิ ิตี (K)
ด้านทักษะ/กระบวนการ
เ ข ี ย น แ ผ น ภ า พ แ ส ด ง ตรวจเอกสารประกอบการ เอกสารประกอบการเรยี น ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60
แนวโน้มของพลังงานไอออ เรยี น
ไนเซชัน สัมพรรคภาพ
อิเลก็ ตรอน และอเิ ล็กโทรเน
กาติวิตไี ด้ (P)
ด้านคณุ ลักษณะอนั พึง
ประสงค์
ใฝ่เรียนรู้ 1. ประเมนิ จากการสังเกต 1. แบบประเมนิ พฤติกรรม ระดับคุณภาพพอใชข้ น้ึ ไป
พฤตกิ รรมในชนั้ เรยี น ในช้ันเรยี น (ผา่ นเกณฑ์)
เปา้ หมาย วธิ ีวดั เครอ่ื งมอื วัด เกณฑ์การประเมิน
มงุ่ มนั่ ในการทำงาน 1. ประเมินจากการสงั เกต
มวี ินยั พฤตกิ รรมในช้ันเรยี น 1. แบบประเมินพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพพอใชข้ ึ้นไป
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของ 1. ประเมินจากการสงั เกต
ผู้เรยี น พฤตกิ รรมในช้นั เรียน ในชั้นเรียน (ผ่านเกณฑ์)
ความสามารถในการสอ่ื สาร
1. ประเมนิ จากแบบ 1. แบบประเมินพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพพอใช้ขึน้ ไป
ความสามารถในการคิด ประเมนิ สมรรถนะ ด้าน
ความสามารถในการ ในช้ันเรียน (ผ่านเกณฑ์)
ความสามารถในการใช้ สอื่ สาร
ทกั ษะชีวิต 1. ประเมนิ จากแบบ 1. แบบประเมินสมรรถนะ ระดับคณุ ภาพพอใช้ขน้ึ ไป
ประเมินสมรรถนะ
ความสามารถในการ ความสามารถในการคิด สำคัญของผ้เู รยี น (ผา่ นเกณฑ์)
แก้ปัญหา 1. ประเมินจากแบบ
ประเมนิ สมรรถนะ 1. แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดับคุณภาพพอใช้ขึ้นไป
ความสามารถในการใช้
ทกั ษะชวี ิต สำคัญของผู้เรยี น (ผา่ นเกณฑ์)
1. ประเมินจากแบบ
ประเมนิ สมรรถนะ 1. แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดบั คณุ ภาพพอใช้ข้ึนไป
ความสามารถในการ
แกป้ ญั หา สำคญั ของผเู้ รยี น (ผา่ นเกณฑ์)
1. แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดบั คุณภาพพอใช้ขึ้นไป
สำคญั ของผเู้ รยี น (ผา่ นเกณฑ์)
บันทกึ หลังสอน
1. ผลการสอน
⬜ สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้
⬜ สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจดั การเรียนรู้ เน่ืองจาก .................................................................
................................................................................................................................................................................
2. ผลการเรียนของนกั เรยี น
⬜ จำนวนนักเรียนที่ผ่านการประเมนิ .......................... คน คิดเปน็ รอ้ ยละ .........................
⬜ จำนวนนกั เรยี นท่ไี มผ่ ่านการประเมิน ....................... คน คดิ เป็นร้อยละ ........................
⬜ อ่ืนๆ .................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค
⬜ กิจกรรมการจดั การเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
⬜ มีนักเรียนทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา
⬜ มนี ักเรียนท่ีไม่สนใจเรยี น
⬜ อื่นๆ ...................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
⬜ ควรนำแผนไปปรบั ปรุง เรื่อง ............................................................................................
...............................................................................................................................................................................
⬜ แนวทางแก้ไขนกั เรยี นท่ีไมผ่ ่านการประเมิน .....................................................................
................................................................................................................................................................................
⬜ ไมม่ ีข้อเสนอแนะ
ลงช่อื ...................................................... ผูบ้ ันทึก
(นางสาวณฐั ธิดา ดวงสมร)
ครผู สู้ อน
บันทึกหลังการสอน ตามแผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ ได้รับการพิจารณาจากแผนกวิชาและฝ่าย
วชิ าการแล้ว
ลงช่ือ ......................................................
(นางสาวอักษรวดี มณพี รหม)
กลุ่มงานบริหารวชิ าการ
ลงชอื่ ....................................................
(นายพรศกั ด์ิ ทวีรส)
ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นตะกว่ั ทงุ่ งานทววี ิทยาคม
แบบประเมินพฤติกรรมในชนั้ เรียน
วิชา ......................................... แผนการจดั การเรียนรู้ที่ .............................................................................
ภาคเรียนท.่ี ...............................ปีการศึกษา.....................................ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่................................
ครูผู้สอน……….......………..…………………………………..........................วันทีป่ ระเมนิ ………........……………………
คำชี้แจง : ใหค้ รูบันทกึ โดยใช้เคร่ืองหมาย ✓ = แสดงพฤติกรรมที่พึงประสงคต์ ามคาดหวัง = ไม่แสดง
พฤติกรรมทพ่ี งึ ประสงคต์ ามคาดหวงั
มงุ่ มนั่ ใน
เลขท่ี ชื่อ-สกุล ใฝเ่ รียนรู้ การ มวี นิ ยั รวมคะแนน (9)
ทำงาน
123123123
ลงชื่อ.....................................................ผู้ประเมนิ
()
เกณฑ์การประเมนิ
พฤติกรรมสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมมขี อ้ บกพรอ่ งบางสว่ น ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมมขี อ้ บกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
7 - 9 ดี
4 - 6 พอใช้
ต่ำกว่า 4 ปรบั ปรงุ
4 คะแนนขึน้ ไป ผา่ นเกณฑ์
แบบการประเมินสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
วิชา ......................................... แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี .............................................................................
ภาคเรียนท่.ี ...............................ปีการศึกษา.....................................ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี................................
ครผู ูส้ อน……….......………..…………………………………..........................วนั ทปี่ ระเมนิ ………........……………………
คำชี้แจง : ให้ครูสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน และเขียนคะแนน 3, 2, 1 ลงในช่องสมรรถนะสำคัญของ
ผเู้ รยี น
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน
ความสามารถใน รวม
การ ่ืสอสาร
เลขท่ี ช่อื -นามสกลุ คะแนน
ความสามารถใน
การ ิคด (12)
ความสามารถใน
การใ ้ช ัทกษะ ีชวิต
ความสามารถใน
การแก้ ัปญหา
ลงช่อื .....................................................ผู้ประเมนิ
()
เกณฑ์การประเมิน 3 ระดบั คะแนน 1
สมรรถนะสำคัญของ มีการรบั -ส่งสาร การ 2 มีการรบั -สง่ สาร แต่ใช้ภาษา
ผูเ้ รยี น ถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ ในการถา่ ยทอดความรู้
โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม มกี ารรับ-ส่งสาร การ ความคิด และเลอื กวธิ ีการ
ความสามารถในการ และเลอื กวิธกี ารสื่อสารที่ ถ่ายทอดความรู้ ความคดิ สื่อสารท่ีไมเ่ หมาะสม
สือ่ สาร เหมาะสม โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม
สามารถคิดวิเคราะห์ แตเ่ ลอื กวิธีการส่ือสารยังไม่ สามารถคิดวเิ คราะห์
ความสามารถในการคิด สังเคราะห์ มีการคดิ นอก เหมาะสม สังเคราะห์ คดิ อย่างมี
กรอบอย่างสร้างสรรค์ คิด สามารถคิดวเิ คราะห์ วิจารณญาณ แตไ่ มม่ กี ารคดิ
ความสามารถในการใช้ อย่างมีวจิ ารณญาณ สงั เคราะห์ มีการคดิ นอก นอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์
ทักษะชีวิต และมีความสามารถสรา้ ง กรอบอย่างสร้างสรรค์ คดิ และขาดความสามารถใน
องค์ความรู้ อยา่ งมวี ิจารณญาณ การสร้างองคค์ วามรู้
ความสามารถในการ เรียนรูด้ ้วยตนเองได้ดี แตย่ ังไม่สามารถสรา้ งองค์ เรียนรดู้ ้วยตนเองไดด้ ี
แกป้ ญั หา สามารถทำงานกลมุ่ ร่วมกับ ความรู้ได้ สามารถทำงานกล่มุ ร่วมกบั
ผู้อ่ืนได้ และจัดการปัญหา เรยี นรู้ด้วยตนเองไดด้ ี ผ้อู น่ื ได้ แตจ่ ัดการปัญหา
ความขดั แย้งไดเ้ หมาะสม สามารถทำงานกลมุ่ ร่วมกับ ความขดั แยง้ ไมไ่ ด้
สามารถแกป้ ัญหาและ ผู้อ่ืนได้ แต่จดั การปัญหา สามารถแก้ปัญหาและ
อปุ สรรคต่างๆ ได้ มกี าร ความขดั แย้งไดไ้ มเ่ หมาะสม อปุ สรรคต่างๆ ได้ แต่ขาด
แสวงหาความรู้มาใช้ในการ สามารถแก้ปัญหาและ การแสวงหาความรู้มาใช้ใน
แกไ้ ขปัญหา และสามารถ อปุ สรรคตา่ งๆ ได้ มีการ การแก้ไขปัญหา และไม่
ตัดสินใจได้เหมาะสม แสวงหาความรู้มาใชใ้ นการ สามารถตัดสินใจได้
แกไ้ ขปญั หา แต่ขาดการ เหมาะสม
ตัดสนิ ใจที่เหมาะสม
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ระดบั คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ดี
9 - 12 พอใช้
5-8 ปรับปรงุ
ต่ำกวา่ 5 ผา่ นเกณฑ์
5 คะแนนข้ึนไป