แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 7
กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รหัส ว31221 รายวชิ า เคมี 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
เวลา 28 ชว่ั โมง
ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 อะตอมและสมบตั ิของธาตุ เวลา 2 ชวั่ โมง
เรอื่ งยอ่ ยท่ี 4 เรื่อง ตารางธาตุและสมบตั ิของธาตุหมู่หลกั
(วิวัฒนาการและกลุ่มของธาตุในตารางธาต)ุ
ผ้สู อน นางสาวณัฐธดิ า ดวงสมร
1. มาตรฐานการเรียนรู้และทักษะกระบวนการ
มาตรฐาน ว 5.1 เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจดั เรยี งธาตใุ นตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและ
สมบตั ขิ องสาร แกส๊ และสมบตั ิของแกส๊ ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลเิ มอร์ รวมทั้งการ
นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
2. ผลการเรยี นรู้
4. ระบหุ มู่ คาบ ความเป็นโลหะ อโลหะ และกงึ่ โลหะ ของธาตเุ รพรเี ซนเททีฟ และธาตุแทรนซิชันใน
ตารางธาตุ
3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ตารางธาตุในปัจจุบันจัดเรียงธาตุตามเลขอะตอมและสมบัตทิ ี่คล้ายคลึงกนั เป็นหมู่และคาบ โดยอาจ
แบ่งธาตุในตารางธาตเุ ปน็ กลุ่มธาตุโลหะ กึง่ โลหะ และอโลหะ นอกจากนีอ้ าจแบง่ เป็นกลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ
และกลมุ่ ธาตแุ ทรนซิชนั
4. จุดประสงค์
4.1 อธิบายวิวฒั นาการของตารางธาตุในยคุ ตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วกับการจดั ธาตุเปน็ หมวดหมู่จนได้เป็นตาราง
ธาตุ (K)
5. สาระการเรยี นรู้
ววิ ัฒนาการของตารางธาตุ
ปี พ.ศ.2360 โยฮันน์ เดอเบอไรเนอร์ นกั เคมีคนแรกท่พี ยายามจัดธาตุเป็นกลุ่มๆ ละ 3 ธาตตุ ามสมบัติ
ที่คล้ายคลึงกนั เรียกว่า ชุดสาม และพบว่าธาตุกลางจะมีมวลอะตอมเป็นค่าเฉลี่ยของมวลอะตอมของอีกสอง
ธาตทุ ี่เหลือ
ปี พ.ศ. 2407 จอหน์ อเล็กซานเดอร์ รีนา นวิ แลนด์ส นกั เคมีชาวอังกฤษพบว่าถ้านำธาตุมาเรียงตาม
มวลอะตอมจากน้อยไปมากแล้ว จะพบว่าธาตุที่ 8 จะมีสมบัติทางเคมีและกายภาพคล้ายธาตุที่ 1 และจะ
เกิดขึน้ ทกุ ๆ ช่วงของธาตุที่ 8 เรียกการจดั นี้ว่า Law of Octaves กฎนีไ้ ม่เป็นทย่ี อมรับ
ปี พ.ศ. 2412 – 2413 ดิมิทรี อิวาโนวิช เมนเดเลเอฟ นักเคมีชาวรัสเซียได้เสนอกฎทีเรียกว่า
กฎพิริออดิก ซึ่งเป็นกฎที่สำคัญทางเคมีเกี่ยวกับการจัดตารางธาตุเมนเดเลเอฟได้นำธาตุเรียงกันตามมวล
อะตอม โดยเวน้ ท่วี า่ งสำหรับธาตุท่ยี ังไมพ่ บในขณะนัน้
ต่อมาปี พ.ศ. 2546 เฮนรี่ กวิน เจฟฟรสี โ์ มสลีย์ พบวา่ การเรียงธาตตุ ามเลขอะตอม (จำนวนโปรตอน
หรืออเิ ล็กตรอน) จะสอดคล้องกับกฎพิรอิ อดกิ โดยไมต่ อ้ งสลบั ท่ธี าตกุ นั เหมอื นการเรียงตามมวลอะตอม และได้
นำมาใชก้ ารจัดตารางธาตุในปจั จุบัน
หลกั การจัดเรียงธาตใุ นตารางธาตุ
ปัจจุบันจึงจัดตารางธาตุโดยเรียงตามเลขอะตอมจากน้อยไปมากโดย แบ่งธาตุในแนวตั้งออกเป็น 18
แถวหรือ 18 หมู่ โดยธาตุทั้งหมด 18 แถวแบ่งเป็น 2 กล่มุ ใหญ่ ๆ คอื กลุม่ A และ B กลุ่ม A มี 8 หมู่ คอื หมู่ IA
ถงึ VIIIA ส่วนกลุ่ม B ซงึ่ อยู่ระหวา่ งหมู่ IIA และ IIIA มี 8 หมู่เชน่ เดยี วกัน คอื หมู่ IB ถงึ VIIIB (แต่มี 10 แนวตั้ง)
เรียกธาตุกลุ่ม B วา่ ธาตทุ รานซิชัน
- หมู่ IA มีชื่อว่า โลหะอัลคาไล (alkalai metals) มีสมบัติเป็นโลหะที่มีความว่องไวใน
ปฏิกิรยิ ามาก มีอิเล็กตรอนวงนอกสดุ 1 ตวั
- หมู่ IIA มีชื่อว่า โลหะอัลคาไลน์เอิร์ท (alkalaine earth metals) มีสมบัติเป็นโลหะ มี
อเิ ลก็ ตรอนวงนอกสดุ 2 ตัว ธาตทุ ว่ี ่องไวในปฏิกิรยิ าที่สดุ ในหมู่น้ีคอื เรเดียม ( Ra )
- หมู่ IIIA ประกอบด้วยโลหะและอโลหะ มีอิเลก็ ตรอนวงนอกสดุ 3 ตัว
- หมู่ IVA มีอเิ ล็กตรอนวงนอกสุด 4 ตวั
- หมู่ VA มอี เิ ลก็ ตรอนวงนอกสุด 5 ตวั
- หมู่ VIA ตอนต้นหมจู่ ะมธี าตุทีม่ ีสมบตั ิเป็นอโลหะ แล้วค่อย ๆ เป็นโลหะ
- หมู่ VIIA มชี ่ือวา่ แฮโลเจน ( Halogens ) ธาตุหมูน่ ้ีเป็นอโลหะท่ีวอ่ งไวตอ่ ปฏิกริ ิยามาก
กลุ่ม B มี 8 หมู่ คอื IB ถงึ VIIIB เรยี กว่า ธาตทุ รานซชิ นั ( Transition elements ) ได้แก่
- Lanthanide series ประกอบด้วยธาตุทมี่ เี ลขอะตอม 57 – 71 เปน็ ธาตทุ ่หี ายากมาก
- Actinide series ประกอบดว้ ยธาตุที่มเี ลขอะตอม 89 – 103 ธาตหุ ม่นู ี้มคี ณุ สมบัติเป็นสาร
กัมมนั ตรงั สี
6. ทกั ษะ/กระบวนการ
6.1 จำแนกกล่มุ ของธาตุในตารางธาตไุ ด้ (P)
7. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน
ความสามารถในการสือ่ สาร ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแก้ปญั หา ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
8. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ อยู่อย่างพอเพียง ซอ่ื สัตยส์ ุจริต
มุง่ ม่ันในการทำงาน มวี นิ ัย รักความเป็นไทย
ใฝเ่ รียนรู้ มจี ิตสาธารณะ
9. หลกั ฐานการเรยี นรู้
9.1 ช้นิ งาน/ภาระงาน
- งานกลุม่ ศึกษาแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์
- เอกสารประกอบการเรียน เรอ่ื ง ววิ ฒั นาการและกลุ่มของธาตุในตารางธาตุ
10. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ : วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ขั้นที่ 1 ขนั้ สร้างความสนใจ
1. ครูใหน้ กั เรยี นดตู ารางธาตปุ จั จบุ นั และถามคำถามนักเรียนเพ่อื นำเขา้ ส่บู ทเรียนเกีย่ วกบั
ตารางธาตุ โดยการตง้ั คำถามกระต้นุ ความคดิ ดงั นี้
- จากรปู ในปัจจบุ ันมธี าตุที่ถกู ค้นพบแลว้ ทัง้ หมดกชี่ นดิ
(แนวตอบ : ในปัจจุบันมีธาตุที่ถูกค้นพบแล้วประมาณ 118 ธาตุ โดยมีเพียง 94 ธาตุแรก
เท่านั้นที่เชื่อว่าเกดิ ข้ึนเองตามธรรมชาติ นอกนัน้ เปน็ ธาตทุ ่เี กิดจากการสงั เคราะห์ขนึ้ )
- จากรูป นกั เรียนคดิ ว่าใชอ้ ะไรเป็นเกณฑ์ในการจำแนกธาตุออกเปน็ โลหะหมู่ A โลหะแทรน
ซิชัน กง่ึ โลหะ อโลหะ ธาตแุ ลนทาไนด์ และธาตุแอกทิไนด์
(แนวตอบ : ใชส้ มบตั ิเป็นเกณฑ์ในการจำแนก โดยธาตุท่ีมสี มบัติคล้ายคลึงกันจะถูกจัดให้อยู่
ในกลุ่มเดียวกัน)
- นกั เรียนคดิ วา่ ตารางธาตุคืออะไร และมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร
(แนวตอบ : ตารางธาตุ คือ ตารางที่นำธาตุที่มีสมบัติคล้ายคลึงกันมาจัดเรียงไว้ในกลุ่ม
เดียวกัน ซงึ่ มปี ระโยชน์ตอ่ การศึกษาสมบตั ทิ างเคมแี ละกายภาพของธาตุตา่ ง ๆ เนือ่ งจากการเขา้ ใจเรื่องตาราง
ธาตุจะช่วยให้เข้าใจวิธีการศึกษาสมบัติดังกล่าว และการใช้ตารางธาตุได้อย่างถูกต้องจะช่วยให้เข้าใจข้อมูล
ตา่ งๆ ของธาตุได้ดี ยงิ่ กวา่ นน้ั ตารางธาตุจะทำให้สามารถทำนายสมบัติทางเคมขี องธาตุได้ เพราะผู้ท่ีใช้ตาราง
ธาตุได้อยา่ งถูกตอ้ งจะสามารถทำนายได้วา่ ธาตุชนดิ หนงึ่ ควรจะมีสมบัติคล้ายคลงึ กับธาตุใด และถา้ ธาตุมีสมบัติ
คล้ายกนั แลว้ สารประกอบประเภทเดยี วกันของธาตเุ หลา่ นัน้ ก็นา่ จะมสี มบตั ิคล้ายคลงึ กนั ดว้ ย)
2. ครตู ้ังคำถามเพอื่ ให้นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายว่า “เพราะเหตุใดจงึ ตอ้ งจัดธาตุเป็นหมวดหมู่
ถา้ ใช้เกณฑ์การจัดกลุ่มแตกต่างกนั จะไดธ้ าตุในกลุม่ เหมือนกันหรือไม่” (แนวคำตอบ เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษา
และจดจำ การจัดกล่มุ ดว้ ยเกณฑท์ ่แี ตกต่างกนั จะได้ธาตุในกลมุ่ ไมเ่ หมือนกนั ) จากน้นั นำเขา้ สเู่ ร่อื งววิ ัฒนาการ
ของการสรา้ งตารางธาตุ
ขน้ั ที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา
3. แบง่ นกั เรียนเปน็ 4 กลุม่ ให้แตล่ ะกลุ่มศกึ ษาแนวคิดของนกั วทิ ยาศาสตร์แต่ละคนท่ีใช้จัด
ธาตเุ ป็นหมวดหมู่ แล้วนำเสนอผลการศึกษาในรปู แบบตา่ ง ๆ ตามความคิดของกลุ่มให้เพือ่ นรับฟังและซักถาม
4. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาตารางธาตุจากปกหนังสือเรียน หรือจากโปสเตอร์แสดงตารางธาตุที่อยู่
ในชั้นเรียน จากนั้นตั้งคำถามเพื่อการอภิปรายว่า “แถวของธาตุในแนวตั้งและแนวนอนมีกี่แถว ในกรอบ
สีเ่ หลย่ี มที่ล้อมรอบธาตุไฮโดรเจน ธาตุฮเี ลียมหรอื ธาตุอน่ื ๆ มขี อ้ มูลเรอ่ื งใดบ้าง และมีข้อมูลน้ันเหมือนกันทุก
กรอบหรอื ไม่ ธาตุในตารางธาตจุ ากซ้ายไปขวาเรียงลำดบั ตามสิง่ ใด”
ขนั้ ท่ี 3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป
5. ครูอธิบายว่าเรียงตามเลขอะตอมจากซ้ายไปขวา แถวธาตุในแนวตั้งเรียกวา่ หมู่ มีจำนวน
18 หมู่ นอกจากนี้ยังแบ่งได้เป็นหมู่ A และ หมู่ B โดยธาตุบางหมู่มีชื่อเรียกเฉพาะ เช่น ธาตุหมู่ 1 หรือ IA
ยกเว้น H คือโลหะแอลคาไลน์ ธาตุหมู่ 18 หรือ VIIIA ยกเว้น Og คือแก๊สมีสกุล ส่วนธาตุในแนวนอนเรยี กว่า
คาบ มีทงั้ หมด 7 คาบ ธาตใุ นกรอบส่ีเหลี่ยมมีขอ้ มลู ต่าง ๆ เช่น สญั ลักษณธ์ าตุ เลขอะตอม มวลอะตอม และ
สมบตั คิ วามเป็นโลหะ
6. ครูตั้งคำถามว่า “ถ้านำความรู้เรื่องการจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอมมาใช้เป็นเกณฑ์
แบ่งกลุม่ ธาตุ จะไดธ้ าตุกี่กลุ่ม ในแต่ละกลุ่มมธี าตุใดบา้ ง” ครูให้นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายแล้วนำผลการอภิปราย
ไปเปรียบเทยี บกบั รูป 2.20 ซงึ่ แบ่งกลมุ่ ในตารางธาตุเปน็ 4 กลมุ่ คือกลุ่ม s p d และ f
7. ครูให้ความรู้เก่ียวกับสมบัตคิ วามเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะของธาตุ รวมถึงตำแหนง่
ของกลุ่มธาตุเหล่านั้นในตารางธาตุ ทั้งนี้ควรนำตารางธาตุที่มีการจำแนกกลุ่มธาตุด้วยสีต่าง ๆ กันมาใช้
ประกอบการอธบิ ายด้วย
ขั้นท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้
8. ครตู ัง้ ประเดน็ คำถามวา่ “ความรูเ้ รอื่ งตารางธาตสุ ามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อยา่ งไร”
9. ครูให้นกั เรยี นร่วมกนั ทอ่ งตารางธาตหุ มู่ 1A ถึง หมู่ 8A พรอ้ มกัน เพอื่ ฝกึ การจำตารางธาตุ
ข้นั ที่ 5 ขน้ั ประเมินผล
10. ให้นักเรียนทำโจทย์ในเอกสารประกอบการเรียนเรื่อง วิวัฒนาการและกลุ่มของธาตุใน
ตารางธาตุ
10. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
10.1 เอกสารประกอบการเรยี น เร่อื ง วิวัฒนาการและกลุ่มของธาตใุ นตารางธาตุ
10.2 สื่อการสอน PowerPoint
10.3 หนังสือเรยี นรายวชิ าเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์ เคมเี ลม่ 1 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4
(ฉบบั ปรังปรุง พ.ศ.2560)
11. การวัดและประเมนิ ผล
เป้าหมาย วิธีวดั เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน
ด้านความรู้
อธิบายวิวัฒนาการของ การอภิปรายระหวา่ งเรยี น เอกสารประกอบการเรยี น ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60
ตารางธาตุในยุคต่าง ๆ ท่ี และตรวจเอกสาร
เกี่ยวกับการจัดธาตุเป็น ประกอบการเรียน
หมวดหมู่จนได้เป็นตาราง
ธาตุ (K)
ด้านทกั ษะ/กระบวนการ
จำแนกกลุ่มของธาตุใน ตรวจเอกสารประกอบการ เอกสารประกอบการเรียน ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 60
ตารางธาตไุ ด้ (P) เรยี น
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึง
ประสงค์
ใฝ่เรียนรู้ 1. ประเมนิ จากการสงั เกต 1. แบบประเมินพฤติกรรม ระดับคณุ ภาพพอใช้ขน้ึ ไป
พฤติกรรมในชน้ั เรียน ในชนั้ เรยี น (ผ่านเกณฑ์)
มุ่งมนั่ ในการทำงาน 1. ประเมินจากการสงั เกต 1. แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ระดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป
พฤตกิ รรมในชั้นเรยี น ในชั้นเรียน (ผ่านเกณฑ์)
มวี ินัย 1. ประเมินจากการสังเกต 1. แบบประเมินพฤติกรรม ระดบั คุณภาพพอใชข้ ึ้นไป
พฤตกิ รรมในชน้ั เรียน ในช้ันเรียน (ผ่านเกณฑ์)
ด้านสมรรถนะสำคญั ของ
ผเู้ รยี น
ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. ประเมนิ จากแบบ 1. แบบประเมินสมรรถนะ ระดับคุณภาพพอใชข้ น้ึ ไป
ประเมินสมรรถนะ ดา้ น สำคญั ของผู้เรียน (ผา่ นเกณฑ์)
ความสามารถในการ
สอ่ื สาร
ความสามารถในการคิด 1. ประเมินจากแบบ 1. แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดับคุณภาพพอใชข้ ึ้นไป
ประเมนิ สมรรถนะ สำคญั ของผูเ้ รยี น (ผ่านเกณฑ์)
ความสามารถในการคดิ
เป้าหมาย วธิ ีวดั เครื่องมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ
ความสามารถในการใช้ 1. ประเมนิ จากแบบ
ทักษะชวี ติ ประเมินสมรรถนะ 1. แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดบั คณุ ภาพพอใช้ขนึ้ ไป
ความสามารถในการใช้
ความสามารถในการ ทกั ษะชีวติ สำคญั ของผเู้ รยี น (ผา่ นเกณฑ์)
แกป้ ัญหา 1. ประเมนิ จากแบบ
ประเมนิ สมรรถนะ 1. แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดับคณุ ภาพพอใช้ขึ้นไป
ความสามารถในการ
แกป้ ญั หา สำคญั ของผ้เู รยี น (ผา่ นเกณฑ์)
บันทกึ หลังสอน
1. ผลการสอน
⬜ สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้
⬜ สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ เน่ืองจาก .................................................................
................................................................................................................................................................................
2. ผลการเรียนของนกั เรยี น
⬜ จำนวนนักเรียนทผ่ี ่านการประเมนิ .......................... คน คิดเปน็ ร้อยละ .........................
⬜ จำนวนนกั เรยี นที่ไมผ่ ่านการประเมิน ....................... คน คดิ เป็นร้อยละ ........................
⬜ อ่ืนๆ .................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค
⬜ กิจกรรมการจดั การเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
⬜ มีนักเรียนทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา
⬜ มนี ักเรียนท่ีไม่สนใจเรียน
⬜ อื่นๆ ...................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
⬜ ควรนำแผนไปปรบั ปรงุ เร่ือง ............................................................................................
...............................................................................................................................................................................
⬜ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไ่ี มผ่ า่ นการประเมิน .....................................................................
................................................................................................................................................................................
⬜ ไมม่ ีข้อเสนอแนะ
ลงช่อื ...................................................... ผูบ้ นั ทกึ
(นางสาวณฐั ธิดา ดวงสมร)
ครผู สู้ อน
บันทึกหลังการสอน ตามแผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ ได้รับการพิจารณาจากแผนกวิชาและฝ่าย
วชิ าการแล้ว
ลงช่ือ ......................................................
(นางสาวอักษรวดี มณพี รหม)
กลุ่มงานบริหารวชิ าการ
ลงชอื่ ....................................................
(นายพรศกั ด์ิ ทวีรส)
ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นตะกวั่ ทงุ่ งานทววี ิทยาคม
แบบประเมินพฤตกิ รรมในชัน้ เรยี น
วิชา ......................................... แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ .............................................................................
ภาคเรยี นท.่ี ...............................ปีการศึกษา.....................................ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี................................
ครผู ้สู อน……….......………..…………………………………..........................วนั ทป่ี ระเมนิ ………........……………………
คำชี้แจง : ใหค้ รูบันทกึ โดยใชเ้ ครื่องหมาย ✓ = แสดงพฤติกรรมทพ่ี ึงประสงค์ตามคาดหวัง = ไมแ่ สดง
พฤติกรรมที่พึงประสงคต์ ามคาดหวัง
มุ่งม่ันใน
เลขท่ี ชื่อ-สกุล ใฝ่เรียนรู้ การ มวี นิ ยั รวมคะแนน (9)
ทำงาน
123123123
ลงชอื่ .....................................................ผ้ปู ระเมนิ
()
เกณฑก์ ารประเมนิ
พฤติกรรมสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน
พฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องบางสว่ น ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมมขี ้อบกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
7 - 9 ดี
4 - 6 พอใช้
ต่ำกวา่ 4 ปรับปรงุ
4 คะแนนขนึ้ ไป ผา่ นเกณฑ์
แบบการประเมินสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
วิชา ......................................... แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี .............................................................................
ภาคเรียนท่.ี ...............................ปีการศึกษา.....................................ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี................................
ครผู ูส้ อน……….......………..…………………………………..........................วนั ทปี่ ระเมนิ ………........……………………
คำชี้แจง : ให้ครูสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน และเขียนคะแนน 3, 2, 1 ลงในช่องสมรรถนะสำคัญของ
ผเู้ รยี น
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน
ความสามารถใน รวม
การ ่ืสอสาร
เลขท่ี ช่อื -นามสกลุ คะแนน
ความสามารถใน
การ ิคด (12)
ความสามารถใน
การใ ้ช ัทกษะ ีชวิต
ความสามารถใน
การแก้ ัปญหา
ลงช่อื .....................................................ผู้ประเมนิ
()
เกณฑ์การประเมิน 3 ระดบั คะแนน 1
สมรรถนะสำคัญของ มีการรบั -ส่งสาร การ 2 มีการรบั -สง่ สาร แต่ใช้ภาษา
ผูเ้ รยี น ถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ ในการถา่ ยทอดความรู้
โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม มกี ารรับ-ส่งสาร การ ความคิด และเลอื กวิธีการ
ความสามารถในการ และเลอื กวิธกี ารสื่อสารที่ ถ่ายทอดความรู้ ความคดิ สื่อสารท่ีไมเ่ หมาะสม
สือ่ สาร เหมาะสม โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม
สามารถคิดวิเคราะห์ แตเ่ ลอื กวิธีการส่ือสารยังไม่ สามารถคิดวเิ คราะห์
ความสามารถในการคิด สังเคราะห์ มีการคดิ นอก เหมาะสม สังเคราะห์ คดิ อย่างมี
กรอบอย่างสร้างสรรค์ คิด สามารถคิดวเิ คราะห์ วิจารณญาณ แตไ่ มม่ กี ารคดิ
ความสามารถในการใช้ อย่างมีวจิ ารณญาณ สงั เคราะห์ มีการคดิ นอก นอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์
ทักษะชีวิต และมีความสามารถสรา้ ง กรอบอย่างสร้างสรรค์ คดิ และขาดความสามารถใน
องค์ความรู้ อยา่ งมวี ิจารณญาณ การสร้างองคค์ วามรู้
ความสามารถในการ เรียนรูด้ ้วยตนเองได้ดี แตย่ ังไม่สามารถสรา้ งองค์ เรียนรดู้ ้วยตนเองไดด้ ี
แกป้ ญั หา สามารถทำงานกลมุ่ ร่วมกับ ความรู้ได้ สามารถทำงานกล่มุ ร่วมกบั
ผู้อ่ืนได้ และจัดการปัญหา เรยี นรู้ด้วยตนเองไดด้ ี ผ้อู น่ื ได้ แตจ่ ัดการปัญหา
ความขดั แย้งไดเ้ หมาะสม สามารถทำงานกลมุ่ ร่วมกับ ความขดั แยง้ ไมไ่ ด้
สามารถแกป้ ัญหาและ ผู้อ่ืนได้ แต่จดั การปัญหา สามารถแก้ปัญหาและ
อปุ สรรคต่างๆ ได้ มกี าร ความขดั แย้งไดไ้ มเ่ หมาะสม อปุ สรรคต่างๆ ได้ แต่ขาด
แสวงหาความรู้มาใช้ในการ สามารถแก้ปัญหาและ การแสวงหาความรู้มาใช้ใน
แกไ้ ขปัญหา และสามารถ อปุ สรรคตา่ งๆ ได้ มีการ การแก้ไขปัญหา และไม่
ตัดสินใจได้เหมาะสม แสวงหาความรู้มาใชใ้ นการ สามารถตัดสินใจได้
แกไ้ ขปญั หา แต่ขาดการ เหมาะสม
ตัดสนิ ใจที่เหมาะสม
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ระดบั คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ดี
9 - 12 พอใช้
5-8 ปรับปรงุ
ต่ำกวา่ 5 ผา่ นเกณฑ์
5 คะแนนข้ึนไป