แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รหัส ว31221 รายวชิ า เคมี 1 ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4
เวลา 28 ช่วั โมง
ช่อื หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 อะตอมและสมบัติของธาตุ เวลา 2 ชว่ั โมง
เรือ่ งย่อยที่ 2 เรอ่ื ง อนุภาคในอะตอมและไอโซโทป
ผู้สอน นางสาวณฐั ธดิ า ดวงสมร
1. มาตรฐานการเรียนรู้และทักษะกระบวนการ
มาตรฐาน ว 5.1 เขา้ ใจโครงสรา้ งอะตอม การจดั เรียงธาตุในตารางธาตุ สมบตั ิของธาตุ พันธะเคมีและ
สมบัตขิ องสาร แก๊สและสมบตั ขิ องแก๊ส ประเภทและสมบัตขิ องสารประกอบอินทรยี แ์ ละพอลเิ มอร์ รวมทงั้ การ
นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
2. ผลการเรยี นรู้
2. เขียนสัญลักษณน์ ิวเคลียร์ของธาตุ และระบจุ ำนวนโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนของอะตอม
จากสญั ลกั ษณน์ วิ เคลียร์ รวมทั้งบอกความหมายของไอโซโทป
3. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
สัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ ประกอบด้วยสัญลักษณ์ธาตุ เลขอะตอม ซึ่งแสดงจำนวนโปรตอนและ
เลขมวลซึ่งแสดงผลรวมของจำนวนโปรตอนกับนิวตรอน อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันที่มีจำนวนโปรตอน
เทา่ กัน แต่มีจำนวนนิวตรอนต่างกนั เรยี กว่าไอโซโทป
4. จุดประสงค์
4.1 อธิบายความหมายและยกตวั อย่างไอโซโทปของธาตุ (K)
5. สาระการเรยี นรู้
สญั ลกั ษณ์นวิ เคลยี ร์ จะบอกจำนวนโปรตอนนวิ ตรอนและอิเลก็ ตรอนของธาตชุ นดิ ตา่ งๆ
X เปน็ สัญลกั ษณธ์ าตุ
A เป็นเลขมวล (atomic mass) ซึ่งบอกถึงจำนวนโปรตอนและนิวตรอนที่มีอยู่ในนิวเคลียส
รวมกนั
Z เป็นเลขอะตอม (atomic number) ซึ่งบอกถึงจำนวนโปรตอนในนิวเคลียส (และ
อิเลก็ ตรอนในสภาพท่เี ป็นกลางทางไฟฟา้ )
ไอโซโทป คือ ธาตุชนิดเดียวกันซึ่งมีเลขอะตอมเท่ากันแต่มีเลขมวลและนิวตรอนต่างกัน เช่น ธาตุ
ไฮโดรเจนมี 3 ไอโซโทปดงั น้ี H1 H2 H3
1 1 1
ไอโซโทป (Isotope) คอื ธาตุชนดิ เดียวกนั ทม่ี ีจำนวนนวิ ตรอนไม่เทา่ กัน
ไอโซโทน (Isotone) คอื ธาตตุ ่างชนดิ กนั ที่มจี ำนวนนิวตรอนเทา่ กนั
ไอโซบาร์ (Isobar) คือ ธาตตุ ่างชนดิ กนั ทม่ี เี ลขมวลเท่ากนั
มวลอะตอมและน้ำหนักอะตอม การหามวลอะตอม เป็นการเปรียบเทยี บระหวา่ งมวล 1 อะตอมของ
ธาตุนน้ั กับ 1/12 ของมวล C-12 1 อะตอม เนื่องจากธาตุหนง่ึ ๆ ท่พี บในธรรมชาตมิ อี ยูห่ ลายไอโซโทปดังนั้นถ้า
ต้องการกลา่ วถงึ มวลอะตอมของธาตุน้ันจะต้องเฉลี่ยมวลอะตอมจากทุก ๆ ไอโซโทปและตอ้ งเฉลย่ี น้ำหนักด้วย
ร้อยละทีพ่ บได้ในธรรมชาติเพราะวา่ แตล่ ะไอโซโทปมีปริมาณไม่เท่ากันในธรรมชาติซึ่งเรียกคา่ มวลอะตอมเฉล่ีย
นีว้ ่าน้ำหนกั อะตอม
6. ทักษะ/กระบวนการ
6.1 เขียนและแปลความหมายสญั ลักษณน์ ิวเคลยี รข์ องธาตุได้ (P)
7. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น
ความสามารถในการส่อื สาร ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
8. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ อยู่อย่างพอเพียง ซ่อื สตั ย์สุจริต
มุ่งมัน่ ในการทำงาน มีวินยั รักความเปน็ ไทย
ใฝ่เรยี นรู้ มจี ิตสาธารณะ
9. หลักฐานการเรยี นรู้
9.1 ชนิ้ งาน/ภาระงาน
- สืบคน้ ข้อมลู สรุปลงในกระดาษบรฟู๊
- เอกสารประกอบการเรยี น เรื่อง อนุภาคในอะตอมและไอโซโทป
10. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ : วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ขนั้ ท่ี 1 ข้ันสร้างความสนใจ
1. ครทู บทวนความรู้เดิมว่าจากการทดลองของทอมสันทำให้ทราบว่าอิเลก็ ตรอนมีประจุเป็น
ลบ จากนั้นถามคำถามวา่ “เมอื่ ทราบคา่ ประจตุ ่อมวลของอิเลก็ ตรอนแล้วนกั วิทยาศาสตร์นำข้อมูลเหล่านั้นมา
ใช้หาค่าประจุและมวลของอิเล็กตรอนได้อย่างไร” เพื่อร่วมกันอภิปรายและนำนักเรียนเข้าสู่การศึกษาการ
ทดลองของมลิ ลิแกน
2. ครูตงั้ คำถามว่า “อนภุ าคในอะตอมที่เรียนรู้มาแล้วมีอนุภาคใดบ้าง” ซ่ึงนักเรียนควรตอบ
ได้ว่า อิเล็กตรอน และอนุภาคทีม่ ีประจเุ ป็นบวก
3. ครูตง้ั คำถามว่า “นอกจากอิเล็กตรอนและโปรตอนแลว้ ยังมีอนุภาคชนดิ อืน่ ๆ ในอะตอม
อีกหรือไม่” จากนัน้ ใหค้ วามรู้ว่านอกจากอเิ ล็กตรอนและโปรตอนแล้ว ในอะตอมยงั มอี นภุ าคนวิ ตรอน ซ่ึงอยู่ใน
นิวเคลียสและเปน็ กลางทางไฟฟา้
ขัน้ ที่ 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา
4. ใหน้ ักเรียนแบง่ กลมุ่ ให้นักเรียนแต่ล่ะกลมุ่ สืบคน้ หาความรตู้ ามหัวข้อทค่ี รกู ำหนด ดังน้ี
- สัญลักษณ์ธาตุ
- ไอโซโทป
- มวลอะตอม
- นำ้ หนกั อะตอม
จากนั้นใหน้ กั เรยี นสรปุ ลงกระดาษบรู๊ฟตามความเขา้ ใจ
5. หลังจากสืบค้นขอ้ มูลเรียบร้อย ครูสมุ่ นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ออกมาหน้าช้ันเรยี นอธิบายข้อมูล
ทีไ่ ด้จากการสบื ค้น ตามประเดน็ หวั ข้อ
ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป
6. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปข้อมูล โดยครเู ป็นคนนำอภิปรายตามข้อมูลทนี่ ักเรียนนำเสนอ
อกี ครั้ง
7. ครูตั้งคำถามให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า “จำนวนอนุภาคในอะตอมของธาตุชนิด
เดียวกันแตกตา่ งกันไดห้ รอื ไม่ อย่างไร” ซง่ึ ควรสรุปได้ว่ามจี ำนวนนวิ ตรอนแตกตา่ งกนั ได้
8. ครูถามคำถามเพื่อใหน้ กั เรียนอภิปรายว่า “การที่ธาตุมจี ำนวนนิวตรอนแตกต่างกนั มีผล
ต่อเลขอะตอมและเลขมวลของธาตุหรอื ไม่ อย่างไร” ซึ่งควรไดข้ ้อสรุปวา่ จำนวนนวิ ตรอนมผี ลตอ่ เลขมวลของ
ธาตุ
9. ครอู ธบิ ายว่าสญั ลกั ษณน์ วิ เคลยี รข์ องธาตมุ อี งค์ประกอบใดบ้าง และอธิบายวิธีการเขียนได้
อยา่ งไร ซ่งึ ควรสรุปไดว้ า่ สญั ลกั ษณ์นวิ เคลียร์ของธาตุ สามารถแปลความหมายเป็น จำนวนโปรตอน นิวตรอน
อเิ ลก็ ตรอนและชนิดของธาตไุ ด้ จากนัน้ ให้ความรู้นักเรยี นว่าธาตุชนิดเดียวกันแต่มีเลขมวลแตกต่างกันจัดเป็น
ไอโซโทปกัน
ขนั้ ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้
10. ครถู ามคำถามเพอื่ เชือ่ มโยงส่ิงทีน่ กั เรยี นไดเ้ รียนรู้ไปใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจำวันดงั น้ี
คำถาม : จงอ่านชอื่ ธาตตุ ่อไปน้ี He P Zn Cu Au Ag Pb
แนวคำตอบ : ฮีเลียม (Helium) ฟอสฟอรัส (Phosphorus) สังกะสี (Zinc) ทองแดง (Copper)
ทอง (Aurum) เงนิ (Argentum) ตะก่ัว (Lead หรอื Plumbum) ตามลำดบั
คำถาม : ธาตุท่ีมีเลขอะตอม 107 มีช่อื ว่าอย่างไร
แนวคำตอบ : อูนนลิ เซปเทียม (Unnilseptium) หรือโบเรียม (Bohrium)
คำถาม : องคก์ รทีเ่ ปน็ ผู้กำหนดหลกั เกณฑใ์ นการอ่านชอื่ ธาตคุ อื องคก์ รใด
แนวคำตอบ : IUPAC หรอื International Union of Pure and Applied Chemistry
คำถาม : สญั ลกั ษณธ์ าตปุ ระกอบด้วยอะไรบา้ ง
แนวคำตอบ : ชอ่ื ยอ่ ของธาตุ เลขมวล และเลขอะตอม
คำถาม : ไอโซโทปของธาตคุ ืออะไร
แนวคำตอบ : ไอโซโทปของธาตุคอื ธาตุชนดิ เดยี วกนั ทีม่ จี ำนวนโปรตอนเทา่ กนั แต่จำนวนนิวตรอน
ไมเ่ ทา่ กัน
คำถาม : ส่ิงทีต่ ่างกันของธาตทุ ่เี ป็นไอโซโทปกันคอื ข้อใดบ้าง
แนวคำตอบ : เลขมวลจำนวนนวิ ตรอนมวลอะตอมสัญลกั ษณ์ธาตุ
คำถาม : ธาตุทีเ่ ปน็ ไอโซโทปกนั จะมสี มบัติทางกายภาพและทางเคมีเหมือนหรอื ตา่ งกันอย่างไร
แนวคำตอบ : เหมือนกันเพราะเปน็ ธาตชุ นิดเดียวกนั
คำถาม : ปริมาณของธาตทุ ีเ่ ป็นไอโซโทปกันที่พบในธรรมชาติจะมปี รมิ าณเท่ากันหรือไม่
แนวคำตอบ : ไมเ่ ท่ากันสามารถกำหนดได้เป็นค่าร้อยละที่พบในธรรมชาติ
ขัน้ ท่ี 5 ขั้นประเมินผล
11. ให้นักเรยี นทำโจทยใ์ นเอกสารประกอบการเรยี นเรอ่ื ง อนภุ าคในอะตอมและไอโซโทป
10. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้
10.1 เอกสารประกอบการเรยี น เร่อื ง อนุภาคในอะตอมและไอโซโทป
10.2 สื่อการสอน Powerpoint
10.3 หนังสอื เรียนรายวิชาเพม่ิ เติมวทิ ยาศาสตร์ เคมีเล่ม 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
(ฉบับปรังปรุง พ.ศ.2560)
11. การวัดและประเมินผล
เปา้ หมาย วิธวี ดั เครอื่ งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ
ด้านความรู้
อธิบายความหมายและ การอภปิ รายระหวา่ งเรยี น เอกสารประกอบการเรียน ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 60
ยกตัวอย่างไอโซโทปของ และตรวจเอกสาร
ธาตุ (K) ประกอบการเรียน
ดา้ นทักษะ/กระบวนการ
เขียนและแปลความหมาย ตรวจเอกสารประกอบการ เอกสารประกอบการเรยี น ผ่านเกณฑ์ประเมนิ 60%
สญั ลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ เรียน
ได้ (P)
ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ
ประสงค์
ใฝ่เรยี นรู้ 1. ประเมินจากการสงั เกต 1. แบบประเมินพฤตกิ รรม ระดบั คณุ ภาพพอใช้ข้นึ ไป
พฤตกิ รรมในชัน้ เรียน ในชั้นเรียน (ผ่านเกณฑ์)
มงุ่ มั่นในการทำงาน 1. ประเมินจากการสงั เกต 1. แบบประเมนิ พฤติกรรม ระดบั คุณภาพพอใช้ขน้ึ ไป
พฤตกิ รรมในช้ันเรียน ในช้นั เรียน (ผา่ นเกณฑ์)
มีวินัย 1. ประเมนิ จากการสงั เกต 1. แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพพอใชข้ ึ้นไป
พฤตกิ รรมในช้นั เรียน ในชน้ั เรยี น (ผา่ นเกณฑ์)
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของ
ผู้เรยี น
ความสามารถในการสื่อสาร 1. ประเมนิ จากแบบ 1. แบบประเมินสมรรถนะ ระดับคุณภาพพอใชข้ ึ้นไป
ประเมินสมรรถนะ ดา้ น สำคญั ของผเู้ รยี น (ผ่านเกณฑ์)
ความสามารถในการ
สอื่ สาร
ความสามารถในการคดิ 1. ประเมินจากแบบ 1. แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดบั คุณภาพพอใช้ขน้ึ ไป
ประเมินสมรรถนะ สำคญั ของผู้เรียน (ผา่ นเกณฑ์)
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการใช้ 1. ประเมนิ จากแบบ 1. แบบประเมินสมรรถนะ ระดับคณุ ภาพพอใช้ขนึ้ ไป
ทักษะชวี ติ ประเมนิ สมรรถนะ สำคัญของผเู้ รียน (ผา่ นเกณฑ์)
เปา้ หมาย วิธีวดั เครือ่ งมือวดั เกณฑก์ ารประเมิน
ความสามารถในการใช้
ความสามารถในการ ทักษะชีวติ 1. แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดับคณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป
แกป้ ัญหา 1. ประเมนิ จากแบบ
ประเมินสมรรถนะ สำคญั ของผู้เรยี น (ผ่านเกณฑ์)
ความสามารถในการ
แก้ปญั หา
บันทกึ หลังสอน
1. ผลการสอน
⬜ สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้
⬜ สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ เน่ืองจาก .................................................................
................................................................................................................................................................................
2. ผลการเรียนของนกั เรยี น
⬜ จำนวนนักเรียนทผ่ี ่านการประเมนิ .......................... คน คิดเปน็ ร้อยละ .........................
⬜ จำนวนนกั เรยี นที่ไมผ่ ่านการประเมิน ....................... คน คดิ เป็นร้อยละ ........................
⬜ อ่ืนๆ .................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค
⬜ กิจกรรมการจดั การเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
⬜ มีนักเรียนทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา
⬜ มนี ักเรียนท่ีไม่สนใจเรียน
⬜ อื่นๆ ...................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
⬜ ควรนำแผนไปปรบั ปรงุ เร่ือง ............................................................................................
...............................................................................................................................................................................
⬜ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไ่ี มผ่ า่ นการประเมิน .....................................................................
................................................................................................................................................................................
⬜ ไมม่ ีข้อเสนอแนะ
ลงช่อื ...................................................... ผูบ้ นั ทกึ
(นางสาวณฐั ธิดา ดวงสมร)
ครผู สู้ อน
บันทึกหลังการสอน ตามแผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ ได้รับการพิจารณาจากแผนกวิชาและฝ่าย
วชิ าการแล้ว
ลงช่ือ ......................................................
(นางสาวอักษรวดี มณพี รหม)
กลุ่มงานบริหารวชิ าการ
ลงชอื่ ....................................................
(นายพรศกั ด์ิ ทวีรส)
ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นตะกวั่ ทงุ่ งานทววี ิทยาคม
แบบประเมินพฤตกิ รรมในชัน้ เรยี น
วิชา ......................................... แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ .............................................................................
ภาคเรยี นท.่ี ...............................ปีการศึกษา.....................................ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี................................
ครผู ้สู อน……….......………..…………………………………..........................วนั ทป่ี ระเมนิ ………........……………………
คำชี้แจง : ใหค้ รูบันทกึ โดยใชเ้ ครื่องหมาย ✓ = แสดงพฤติกรรมทพ่ี ึงประสงค์ตามคาดหวัง = ไมแ่ สดง
พฤติกรรมที่พึงประสงคต์ ามคาดหวัง
มุ่งม่ันใน
เลขท่ี ชื่อ-สกุล ใฝ่เรียนรู้ การ มวี นิ ยั รวมคะแนน (9)
ทำงาน
123123123
ลงชอื่ .....................................................ผ้ปู ระเมนิ
()
เกณฑก์ ารประเมนิ
พฤติกรรมสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน
พฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องบางสว่ น ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมมขี ้อบกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
7 - 9 ดี
4 - 6 พอใช้
ต่ำกวา่ 4 ปรับปรงุ
4 คะแนนขนึ้ ไป ผา่ นเกณฑ์
แบบการประเมินสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
วิชา ......................................... แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี .............................................................................
ภาคเรียนท่.ี ...............................ปีการศึกษา.....................................ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี................................
ครผู ูส้ อน……….......………..…………………………………..........................วนั ทปี่ ระเมนิ ………........……………………
คำชี้แจง : ให้ครูสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน และเขียนคะแนน 3, 2, 1 ลงในช่องสมรรถนะสำคัญของ
ผเู้ รยี น
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน
ความสามารถใน รวม
การ ่ืสอสาร
เลขท่ี ช่อื -นามสกลุ คะแนน
ความสามารถใน
การ ิคด (12)
ความสามารถใน
การใ ้ช ัทกษะ ีชวิต
ความสามารถใน
การแก้ ัปญหา
ลงช่อื .....................................................ผู้ประเมนิ
()
เกณฑ์การประเมิน 3 ระดบั คะแนน 1
สมรรถนะสำคัญของ มีการรบั -ส่งสาร การ 2 มีการรบั -สง่ สาร แต่ใช้ภาษา
ผูเ้ รยี น ถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ ในการถา่ ยทอดความรู้
โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม มกี ารรับ-ส่งสาร การ ความคิด และเลอื กวิธีการ
ความสามารถในการ และเลอื กวิธกี ารสื่อสารที่ ถ่ายทอดความรู้ ความคดิ สื่อสารท่ีไมเ่ หมาะสม
สือ่ สาร เหมาะสม โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม
สามารถคิดวิเคราะห์ แตเ่ ลอื กวิธีการส่ือสารยังไม่ สามารถคิดวเิ คราะห์
ความสามารถในการคิด สังเคราะห์ มีการคดิ นอก เหมาะสม สังเคราะห์ คดิ อย่างมี
กรอบอย่างสร้างสรรค์ คิด สามารถคิดวเิ คราะห์ วิจารณญาณ แตไ่ มม่ กี ารคดิ
ความสามารถในการใช้ อย่างมีวจิ ารณญาณ สงั เคราะห์ มีการคดิ นอก นอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์
ทักษะชีวิต และมีความสามารถสรา้ ง กรอบอย่างสร้างสรรค์ คดิ และขาดความสามารถใน
องค์ความรู้ อยา่ งมวี ิจารณญาณ การสร้างองคค์ วามรู้
ความสามารถในการ เรียนรูด้ ้วยตนเองได้ดี แตย่ ังไม่สามารถสรา้ งองค์ เรียนรดู้ ้วยตนเองไดด้ ี
แกป้ ญั หา สามารถทำงานกลมุ่ ร่วมกับ ความรู้ได้ สามารถทำงานกล่มุ ร่วมกบั
ผู้อ่ืนได้ และจัดการปัญหา เรยี นรู้ด้วยตนเองไดด้ ี ผ้อู น่ื ได้ แตจ่ ัดการปัญหา
ความขดั แย้งไดเ้ หมาะสม สามารถทำงานกลมุ่ ร่วมกับ ความขดั แยง้ ไมไ่ ด้
สามารถแกป้ ัญหาและ ผู้อ่ืนได้ แต่จดั การปัญหา สามารถแก้ปัญหาและ
อปุ สรรคต่างๆ ได้ มกี าร ความขดั แย้งไดไ้ มเ่ หมาะสม อปุ สรรคต่างๆ ได้ แต่ขาด
แสวงหาความรู้มาใช้ในการ สามารถแก้ปัญหาและ การแสวงหาความรู้มาใช้ใน
แกไ้ ขปัญหา และสามารถ อปุ สรรคตา่ งๆ ได้ มีการ การแก้ไขปัญหา และไม่
ตัดสินใจได้เหมาะสม แสวงหาความรู้มาใชใ้ นการ สามารถตัดสินใจได้
แกไ้ ขปญั หา แต่ขาดการ เหมาะสม
ตัดสนิ ใจที่เหมาะสม
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ระดบั คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ดี
9 - 12 พอใช้
5-8 ปรับปรงุ
ต่ำกวา่ 5 ผา่ นเกณฑ์
5 คะแนนข้ึนไป