The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือให้คำแนะนำการเรียนภาษา
เรียนภาษาอย่างไรให้เข้าใจ เรียนอย่างไรให้เก่ง จากนิสิตคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Natcha Thadatheerasakoon, 2023-02-19 14:01:37

Go On Next Level

หนังสือให้คำแนะนำการเรียนภาษา
เรียนภาษาอย่างไรให้เข้าใจ เรียนอย่างไรให้เก่ง จากนิสิตคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

"Go On Next Level" พิมพ์ครั้งที่ 1 หนังสือให้คำ แนะนำ การเรียนภาษา เรียนภาษาอย่างไรให้เข้าใจ? เรียนอย่างไรให้เก่ง ? จากนิสิตคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร


คำ นำ หนังสืออิเล็กทรอนิสก์ (e-book) ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจค “The Zero Project from passion to mission” รายวิชาศึกษาทั่วไป รหัส 001237 ทักษะ ชีวิต โดย ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ สว่างเมฆ ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก โดยคณะนิสิตคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่นและสาขาวิชาภาษาจีน เพื่อให้เหล่าผู้อ่านทุกเพศ ทุกวัยที่สนใจในการเรียนภาษาที่สามรวมถึงภาษาต่าง ประเทศนั้น มีแรงบันดาลใจในการร่ำ เรียนภาษาต่างประเทศ เรียนภาษาอย่างไรเก่ง ขึ้นทีละขั้น รวมถึงสามารถนำ วิธีการเรียนภาษาอย่างไรให้เข้าใจ หรือนำ วิธีต่าง ๆ ใน หนังสือฉบับนี้ไปใช้ในการเรียนได้จริง คณะผู้จัดทำ


บทนำ บทที่ 1 ความสำ คัญของภาษาต่างประเทศ บทที่ 2 บทสัมภาษณ์ วิธีการเรียนภาษาต่างประเทศจากนิสิตมอนอ -ข้อที่ 1 แพสชั่นเกี่ยวกับภาษาที่สาม มีมาตั้งแต่ตอนไหน ยังไง? -ข้อที่ 2 เคยมีพื้นฐานมาก่อนจะเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยไหม? -ข้อที่ 3 รู้สึกชอบภาษาที่สามตรงไหน? -ข้อที่ 4 ความยากง่ายของภาษาที่สาม -ข้อที่ 5 เคยท้อกับการเรียนภาษาที่สามไหม? -ข้อที่ 6 อะไรเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาที่สาม? -ข้อที่ 7 Trick หรือวิธีในการเรียนภาษาแบบของตัวเองที่อยาก แบ่งปันให้ผู้อ่าน ประเมินหนังสือ Go On Next Level หน้า 1 2 3 3 5 6 7 9 10 11 13 สารบัญ หัวข้อ


เชื่อหรือไม่ว่าภาษาต่างประเทศนั้น มีความสำ คัญมากกว่าที่ใครหลาย ๆ คนคิด กัน แม้ปัจจุบันโลกเราจะเปิดกว้างมากขึ้นในด้านของภาษา แต่ใช่ว่าทุกคนจะมอง เห็นถึงความสำ คัญของภาษาต่างประเทศกันทุกคน ดังนั้นนิสิตมอนออย่างพวกเราจึง ขอใช้โอกาสนี้ในการบอกถึงความสำ คัญของภาษากัน! บทนำ 1


บทที่ 1 ความสำ คัญของภาษาต่างประเทศ ในปัจจุบันการเรียนวิชาภาษาต่างประเทศนั้นมีความสำ คัญไม่ต่างจากวิชา คณิตศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์เลย โลกของเรานั้นเปิดกว้างมากขึ้น ส่งผลให้มีชาว ต่างชาติมากมาย หลากหลายประเทศนั้นเข้ามามีอิทธิพลทั้งในชีวิตประจำ วัน เศรษฐกิจ การทำ งานรวมถึงวัฒนธรรมของเราด้วย นั่นเป็นเหตุให้ในประเทศของเรานั้นเริ่มมี โรงเรียนหลากหลายแห่งเริ่มมีการเปิด สอนวิชาภาษาต่างประเทศอื่นๆ ที่มากไปกว่าภาษาอังกฤษเพื่อขยายขอบเขตการ เรียนรู้ของนักเรียนในประเทศของเรามากขึ้น คนเริ่มสนใจภาษาต่างประเทศอื่น ๆ ที่ นอกเหนือจากภาษาอังกฤษที่เดิมนั้นบังคับเรียนในโณงเรียน ประเทศไทยเริ่มมีการ ก่อตั้งบริษัทสัญชาติชาวต่างชาติ ซึ่งเปิดรับพนักงานที่มีความสามารถในการสื่อสาร ภาษาอื่น ๆ เพิ่มเติม และทางบริษัทนั้นจะเลือกพิจารณาผู้ที่มีความสามารถในการ สื่อสารภาษาสัญชาติของบริษัทนั้น ๆ มากเป็นพิเศษ แน่นอนว่าบุคคลที่มีคุณภาพและคุณสัมบัติตามที่บริษัทต้องการเช่นนี้มักได้รับ รายได้มากตามคุณภาพของบุคคลนั้น ๆ จึงไม่แปลกเลยที่คนส่วนใหญ่เริ่มเห็นความ สำ คัญของภาษาต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังไม่มีท่าทีที่จะหยุดจนปัจจุบัน 2


บทที่ 2 บทสัมภาษณ์ วิธีการเรียนภาษาต่างประเทศจากนิสิตมอนอ ข้อที่ 1 แพสชั่นเกี่ยวกับภาษาที่สาม มีมาตั้งแต่ตอนไหน ยังไง? นางสาวณัชชา ธาดาธีระสกุล (ต้นข้าว) "ตัวเราชอบภาษาญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วค่ะ เริ่มแรกมาจากอนิเมะ การ์ตูน ญี่ปุ่นสมัยนั้นพวก เซเลอร์มูนอะไรประมาณนั้นค่ะ ต้องตื่นมาดูตอนเช้าทุกวัน เรา ชอบการที่ได้เห็นชุดนักเรียนญี่ปุ่นในเรื่องค่ะ ชอบบ้านเมือง บรรยากาศความเป็น ญี่ปุ่นทั้งหมดในเรื่อง แต่นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ เพราะยิ่งเราโตขึ้น เรามองหาอนิ เมะใหม่ ๆ ทุก ๆ วัน เมื่อก่อนจะดูแต่พากย์ไทยเพราะยังไม่มีความรู้เรื่องภาษาขนาด นั้น จนช่วงที่เราขึ้นชั้นประถม เราเริ่มดูอนิเมะซับไทยค่ะ พอได้ลองฟังเสียงภาษา ญี่ปุ่นจริง ๆ เรารู้สึกชอบวิธีการออกเสียงของมันมาก ๆ ดูน่ารัก ยิ่งฟังยิ่งอยากออก เสียงตาม ยิ่งดูเรายิ่งจำ คำ บางคำ อย่างเช่นคำ ว่า โอฮาโยโกไซัส ที่แปลว่าสวัสดีตอน เช้า ที่อนิเมะส่วนใหญ่มักมีคำ นี้อยู่แทบทุกเรื่อง หรือบางเรื่องก็มีทุกตอนจนจำ ได้ หลังจากนั้นเป็นต้นมาเราก็แทบไม่ได้ดูอนิเมะพากย์ไทยเลยค่ะ เราดูแต่อนิเมะซับ ไทย นั่งฟังภาษาญี่ปุ่นทุก ๆ วันและหลงใหลไปกับมันทุกครั้งที่ดู ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่า เป็นภาษาที่มีสเน่ห์มาก ๆ จนเราเริ่มมีความคิดที่จะเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นค่ะ" นายบูชพงษ์ ประดิษฐ (บู) "ด้วยความที่ตอนเด็ก ๆ ผมนั้นเป็นคนที่ติดโทรทัศน์มาก ชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่นใน ช่องแก๊งการ์ตูน กับการ์ตูนคลับเป็นประจำ ทำ ให้ผมมีความสนใจในการ์ตูนญี่ปุ่น แรก ๆ ผมก็ดูแต่การ์ตูนพากย์ไทย พอขึ้นมัธยมปลายผมถึงเริ่มดูการ์ตูนซับไทย ครับ พอได้ดูไปเรื่อย ๆ ผมเริ่มเรียนรู้ทั้งภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นไปด้วย จนเกิด เป็นความชอบครับ มันทำ ให้ผมเริ่มคิดที่จะเรียนภาษาญี่ปุ่นดูครับ" 3


นางสาวพิชามญชุ์ สมแสง (ออมพลอย) "แพชชั่นในการเรียนภาษาที่สามเกิดขึ้นตอนเรียนมัธยมต้น ระหว่างที่กำ ลังลังเล ใจว่าควรเรียนต่อมัธยมปลายในแผนการเรียนไหน คุณแม่ก็บอกว่าลองเรียนภาษา จีนดูมั้ย มีคนรู้จักของแม่อยากสอนพิเศษให้เป็นคลาสไพรเวทเลย เราในตอนนั้นที่ เรียนสายวิทย์รวมถึงเพื่อน ๆ ในห้องส่วนมากที่ต้องการเรียนต่อสายวิทย์ ทำ ให้เรา ลังเลใจมากการเรียนกับสิ่งที่คุ้นเคยหรือการเรียนในสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยคิดจะลอง เลย แต่ก็ไปลองเรียนเพราะคิดว่ามันไม่เสียหาย สุดท้ายกลับรู้สึกว่าภาษาจีนน่า สนใจมาก ตัวเราในตอนนั้นทำ ได้ดีมากกว่าสายวิทย์ที่เคยคิดจะเรียนต่อ สุดท้าย เลยเลือกเรียนภาษาจีน" นางสาวเบญญาภา มัฏฐาพันธ์ (แก้ม) "จริงๆแล้วแพชชั่นเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นเนี่ยมีมาตั้งแต่ตอนอนุบาล 3 สาเหตุก็ เพราะว่าคุณแม่เนี่ยทำ งานอยู่ที่บริษัทของญี่ปุ่น แล้วมีโอกาสได้ไปดูงานที่ประเทศ ญี่ปุ่นแล้วซื้อของฝากกลับมาให้เป็นชุดยูกาตะ ตอนนั้นรู้สึกชอบมาก ๆ เลยตั้ง ความฝันไว้ว่าจะต้องได้ไปประเทศญี่ปุ่นจึงรู้สึกชอบในวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น แล้วก็อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา" 4


ข้อที่ 2 เคยมีพื้นฐานมาก่อนจะเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยไหม? นางสาวณัชชา ธาดาธีระสกุล (ต้นข้าว) "เรามีพื้นฐานมาก่อนเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ แต่ของเรา เราขอเรียกว่า พื้นฐานทิพย์ แล้วกันนะคะ ฮ่า ๆ เราเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นก่อนเข้ามหาวิทยาลัยก็จริง แต่เราไม่ได้ มีพื้นฐานที่ดีเท่าเพื่อนคนอื่น ๆ ในสาขาด้วยกันเองค่ะ ที่เราพอรู้ก็มีแค่ตัวอักษรกับไว ยกรณ์ง่าย ๆ อย่าง ฉันคืออะไร แค่นั้นเองช่วงมัธยมปลายเราเลือกเรียนแผนการ เรียนศิลป์ภาษาญี่ปุ่นก็จริง แต่ที่โรงเรียนของเราแทบไม่ได้สอนเลยค่ะ เรารู้สึก เป็นการเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ไม่แฮปปี้เท่าไหร่ แต่เราก็ยังอยากเรียนมันอยู่ เรารู้สึก โชคดีมากที่ติดสาขาภาษาญี่ปุ่น ไม่งั้นคงไม่ได้เรียนต่อแน่ ๆ ค่ะ" นายบูชพงษ์ ประดิษฐ (บู) "ไม่เคยครับ อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ในข้อแรก ตัวผมพึ่งจะมีแพชชั่น ความ ชอบภาษาญี่ปุ่นช่วงมัธยมปลายนี่เอง ที่โรงเรียนเองก็ไม่มีสายศิลป์ภาษาญี่ปุ่นใน เลือกเรียนด้วยครับ ศิลป์ภาษาที่โรงเรียนมีแต่ภาษาจีน ช่วงมัธยมปลายผมเรียน แผนการเรียนวิทย์-คณิตมาครับ พึี่งจะได้มีโอกาศเรียนภาษาญี่ปุ่นก็ตอนที่เข้า มหาวิทยาลัยมาแล้วนี่แหละครับ" นางสาวพิชามญชุ์ สมแสง (ออมพลอย) "ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยมีพื้นฐานภาษาจีนมาก่อนแล้ว เพราะเรียนมัธยมปลายใน แผนการเรียนภาษาจีนคลุกคลีอยู่กับภาษาจีนมาประมาณหนึ่ง" นางสาวเบญญาภา มัฏฐาพันธ์ (แก้ม) "มีค่ะ เราเรียนศิลป์ภาษาญี่ปุ่นตอนมัธยมปลายค่ะ" 5


ข้อที่ 3 รู้สึกชอบภาษาที่สามตรงไหน? นางสาวณัชชา ธาดาธีระสกุล (ต้นข้าว) "ชอบการออกเสียงกับตัวอักษรค่ะ รู้สึกว่ามันมีสเน่ห์และเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ " นายบูชพงษ์ ประดิษฐ (บู) "เสียงในภาษายี่ปุ่นมันไม่เหมือนใครดีครับ" นางสาวพิชามญชุ์ สมแสง (ออมพลอย) "ถ้าตอนเริ่มเรียนเรารู้สึกว่ามันน่าสนใจเพราะตัวอักษรจีนเป็นอักษรภาพ ตัว อักษรจีนหนึ่งตัวอาจจะประกอบไปด้วยหลายส่วนซึ่งแต่ละส่วนมีความหมายใน ตนเองเมื่อนำ มาประกอบคำ อาจจะมีได้หลายความหมายคล้ายคลึงกัน เป็นส่วนที่ น่าสนใจและยากในการเรียนภาษาจีน" นางสาวเบญญาภา มัฏฐาพันธ์ (แก้ม) "ชอบตรงที่การเรียงประโยคหรือไวยากรณ์แตกต่างกับภาษาไทย ซึ่งเป็นความ ท้าทายอย่างหนึ่งในการเรียนภาษาเลยค่ะ" 6


ข้อที่ 4 ความยากง่ายของภาษาที่สาม นางสาวณัชชา ธาดาธีระสกุล (ต้นข้าว) "รู้สึกว่าภาษาญี่ปุ่นยากตรงไวยกรณ์ค่ะ เพราะการเรียงประโยคมันไม่เหมือน ภาษาไทย เวลาเราจะเขียนหรือแปลประโยคก็จะสับสนง่าย อีกอย่างหนึ่งที่รู้สึก ว่ายากก็คือการผันคำ ค่ะ อย่างภาษาไทยเราแค่ต้องขยายคำ ประเภทนั้น ๆ แต่ภาษา ญี่ปุ่นเราต้องผันคำ ค่ะ ไม่ว่าจะคำ นาม คำ กริยา คำ คุณศัพท์ส่วนใหญ่ต้องผันรูปแทบ ทั้งหมดเลยค่ะ ส่วนความง่าย ไม่มีเลยค่ะ 555+" นายบูชพงษ์ ประดิษฐ (บู) "สำ หรับผมความยากของภาษาญี่ปุ่นมันเป็นเพราะ ผมไม่เคยเรียนมันมาก่อน ครับ ทั้งไวยกรณ์ที่ต่างจากภาษาไทยเอามาก ๆ การออกเสียงแต่ละคำ ที่เราต้องเรียน ใหม่ตั้งแต่ต้นเองก็ด้วยครับ ส่วนความง่ายของมันผมมองว่ามันไม่มีหรอกครับ ส่วน ใหญ่ที่เรารู้สึกว่ามันเหมือนจะง่ายเพราะเราเริ่มเข้าใจภาษาที่เราเลือกเรียนมากขึ้น เรื่อย ๆ มากกว่า ส่วนตัวผมไม่เคยมองว่าการที่เรียนภาษาอื่นเพิ่มเติมเป็นสิ่งที่ง่าย ครับ ขนาดภาษาอังกฤษที่โรงเรียนบังคับเรียนผมยังไม่เคยรู้สึกว่ามันง่ายเลย TwT" นางสาวพิชามญชุ์ สมแสง (ออมพลอย) "ภาษาจีนค่อนข้างยากสำ หรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นหรือสนใจในการเรียน เพราะอักษร จีนเป็นอักษรภาพซึ่งหมายถึงต้องจำ เท่านั้นไม่สามารถนำ มาประกอบเป็นพยัยชนะ สระ ตัวสะกดเหมือนภาษาไทย แล้วก็การออกเสียงในภาษาจีนจะมีพยัญชนะที่ออก เสียงคล้ายกันแต่ต่างกันที่การม้วนลิ้น เมื่อออกเสียงผิดสามารถทำ ให้คำ ที่ต้องการ สื่อสารออกไปผิดเปลี่ยนความหมายจากเดิม เมื่อเรียนมาถึงจุดหนึ่งจะรู้สึกว่ามัน ยากกว่าเดิมเพราะตอนมัธยมปลายเราเรียนแค่การฟังพูดอ่านเขียนคือพื้นฐานของ การสื่อสารแหละ แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยมาเราจะต้องมาเรียนรู้ว่าทำ ไมคำ นี้ถึง ประกอบแบบนี้ เป็นมายังไงเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งกว่าที่เคยคิดไว้มาก" 7


นางสาวเบญญาภา มัฏฐาพันธ์ (แก้ม) "ถือว่าไม่ยากเกินความสามารถและความพยายามของเราค่ะ" 8


ข้อที่ 5 เคยท้อกับการเรียนภาษาที่สามไหม? นางสาวณัชชา ธาดาธีระสกุล (ต้นข้าว) "ไม่เหลือค่ะ ;w; เราท้อกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นบ่อยมาก ๆ โดยเฉพาะช่วงมัธยม ปลายเพราะอย่างที่บอก ที่โรงเรียนเราแทบไม่ได้เรียนอะไรเลย เรียนเองแบบไม่รู้ อะไรเลย เต็มที่เราก็มีดีแค่จำ ตัวอักษรได้ คำ ศัพท์เป็นจุดอ่อนของเราเลยค่ะ เราอ่อน เรื่องการจำ คำ ศัพท์มากที่สุด บางทีจำ ไม่ได้แล้วเครียดจนร้องไห้บ้างก็มีค่ะ" นายบูชพงษ์ ประดิษฐ (บู) "เคยครับ จนตอนนี้ก็ยังท้ออยู่ 555+ ด้วยความที่ไม่เคยเรียนมันมาก่อนด้วย ผมเลยมีปัญหาในการเรียนภาษามากกว่าคนอื่น ๆ ในสาขาครับ ผมต้องพยายาม มากกว่าคนอื่นหลายเท่าเพื่อให้ตามคนอื่น ๆ ทันและเรียนให้ทัน ผมต้องจำ ทั้งตัว อักษร คำ ศัพท์ ไวยกรณ์ในเวลาเดียวกันจำ นวนมาก ๆ ครับ มันค่อนข้างลำ บากมาก เลยทีเดียวครับ T-T ผมถือคติ จงมีความสุขในนรกที่ตัวเองเลือกครับ แหะ ๆ " นางสาวพิชามญชุ์ สมแสง (ออมพลอย) "เคยท้อ ตอนนี้ก็ยังท้ออยู่แต่เหมือนเราเลือกมันแล้ว เราก็อยากเต็มที่กับมัน มากกว่า เราเคยได้ยินมาว่าเรียนภาษาเมื่อรู้สึกว่ามันยากแสดงว่าเรากำ ลังมาถูกทาง วันหนึ่งเมื่อเราหางานเราอาจจะขอบคุณตัวเองที่เลือกเรียนภาษานี้ก็ได้นะ 5555" นางสาวเบญญาภา มัฏฐาพันธ์ (แก้ม) "เคยค่ะ 555" 9


ข้อที่ 6 อะไรเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาที่สาม? นางสาวณัชชา ธาดาธีระสกุล (ต้นข้าว) "สำ หรับเรา ความรู้สึกชอบภาษาของเรานี่แหละค่ะที่เป็นแรงบันดาลใจและแรง ผลักดันในการเรียนของเรา เพราะถ้าเราชอบมันเราจะไม่มีวันหยุดทำ มันค่ะ วันไหนที่ เราท้อเราแค่ให้เวลากับตัวเอง ลองนึกถึงเป้าหมายของเรา นึกถึงสิ่งที่เราชอบและมัน เกี่ยวกับภาษาที่เราเลือกเรียน เราจะกลับมาฮึดได้ในที่สุดค่ะ อย่างเช่นฟังเพลงภาษ ญี่ปุ่น ดูอนิเมะ ดูซี่รี่ย์ ภาพยนต์ต่าง ๆ นา ๆ ไอดอล ดารา นักกีฬา ทุกอย่างที่เรา บอกมามันช่วยได้จริง ๆ นะคะ ถ้าใครมาว่าอะไร เราก็จะไม่สั่นคลอนไปตามพวกคน ที่มาพูดเป่าหูเราค่ะ เพราะเราชอบมันด้วยใจจริงของเรา" นายบูชพงษ์ ประดิษฐ (บู) "อนิเมะ มังงะ การ์ตูน เพลง ซีรี่ย์และหนังครับ ผมชอบดูอนิเมะมาตั้งแต่เด็ก มัน ไม่เคยทำ ให้ผมหยุดชอบภาษาญี่ปุ่นเลยครับ ถึงมันจะยากแต่อย่างที่บอก ผมชอบ มัน แค่นี้ก็เรียนต่อได้แล้วครับ=w= " นางสาวพิชามญชุ์ สมแสง (ออมพลอย) "สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการเรียนของเราคือการหางานเนี่ยแหละ เราคิดว่า ทักษะนี้ที่ติดตัวไปสามารถเพิ่มมูลค่าของเรซูเม่ได้อะ แล้วการเรียนภาษาถึงจะไม่ได้ ทำ งานตรงสายแต่อย่างน้อยไปเที่ยวก็ยังสามารถนำ ทักษะนี้มาใช้ได้อยู่อะ สรุปคือ เรียนไปยังไงก็ใช้แน่ๆ55555" นางสาวเบญญาภา มัฏฐาพันธ์ (แก้ม) "คุณแม่ของเราค่ะ" 10


ข้อที่ 7 Trick หรือวิธีในการเรียนภาษาแบบของตัวเองที่อยากแบ่งปันให้ผู้อ่าน นางสาวณัชชา ธาดาธีระสกุล (ต้นข้าว) "วิธีของเรามันไม่ใช่เคล็ดลับหรืออะไรหรอกค่ะ ภาษาทุกภาษา รวมถึงภาษาไทย ถ้าเราอยากจำ ให้ได้ พูดให้คล่อง เขียนให้ได้ เราต้องขยันทำ มันบ่อย ๆ ค่ะ จำ ศัพท์ บ่อย ๆ พูดบ่อย ๆ เขียนบ่อย ๆ ไม่เข้าใจอะไรตรงไหนถามอาจารย์ไม่ก็เพื่อนที่เรียน เก่ง ๆ ไปเลยค่ะ อยากเก่งเราก็ต้องเข้าใจในสิ่งที่เรียนไปด้วย ไม่มีใครขี้เกียจแล้ว จะทำ ได้หรอกค่ะ " นายบูชพงษ์ ประดิษฐ (บู) "ส่วนตัวตอนนี้ยังไม่มีครับ ที่ผมทำ ก็มีแค่จำ ศัพท์บ่อย ๆ ทำ ความเข้าใจบ่อย ๆ แค่นั้นเลยครับ เพราะถ้าจำ ไม่ได้ก็ทำ ไม่ได้ครับ" นางสาวพิชามญชุ์ สมแสง (ออมพลอย) "วิธีการที่เราคิดว่าดีที่สุดในการจดจำ ศัพท์คือการคัดในกระดาษ คัดจนกว่าจะจำ ได้แหละถ้าอยากฝึกสื่อสารก็สื่อสารกับอาจารย์ไปเลยไม่ต้องกลัวผิด ถ้าผิดอาจารย์ เขาแก้แกรมม่าให้ด้วย การมีความกล้าคือจุดเริ่มต้นสำ คัญในการสื่อสารกับชาวต่าง ชาติเลย ยิ่งผิดมากก็จะยิ่งเข้าใจมากขึ้นในอนาคตก็จะผิดน้อยลงแล้ว การเสพสื่อ ต่างๆของประเทศนั้นๆก็ช่วยนะเช่นเราเรียนภาษาจีนเราฟังเพลงจีน ดูหนังจีนบ่อยๆ ก็ช่วยได้เป็นฝึกการฟัง ท้ายสุดคือการคลุกคลีกับภาษานั้นบ่อยๆมันจะเกิดความ เคยชินเอง" 11


นางสาวเบญญาภา มัฏฐาพันธ์ (แก้ม) "เวลาจะจำ คำ ศัพท์ ให้ดูผ่านๆตาก่อน1-2รอบ หลังจากนั้น ค่อยปิดคำ แปลภาษา ไทยแล้วเขียนออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่น ถ้าคำ ไหนไม่ได้ให้เอาปากกาสีเน้นคำ นั้นเอาไว้ แล้วคัดคำ นั้นจนกว่าจะจำ ได้ ถ้าเป็นไวยากรณ์ให้อ่านทำ ความเข้าใจหลายๆรอบ เพราะไวยากรณ์ของภาษาญี่ปุ่นค่อนข้างที่จะยากและการทำ ความเข้าใจจึงต้องใช้เวลา มากๆ หมั่นฝึกฝนทำ แบบฝึกหัดไวยากรณ์ให้มาก ถ้าผิดตรงไหนให้นั่งวิเคราะห์ข้อนั้น ว่าทำ ไมถึงผิด และทำ ไมคำ ตอบถึงต้องตอบแบบนี้ แล้วจดจำ ข้อผิดพลาดนั้น" 12


13 ประเมินหนังสือ Go On Next Level


Thank you for Reading <3


Click to View FlipBook Version