The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นวัตกรรมในการบริหารโรงเรียนแม่จริม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by patcharapha, 2022-09-03 05:16:24

นวัตกรรม Smart Borwa 5G Model

นวัตกรรมในการบริหารโรงเรียนแม่จริม

Keywords: ิborwa

รายงานนวัตกรรมด้านการจดั การเรียนรู้
การจดั การเรยี นรเู้ ชิงรกุ (Active Learning)
โดยใช้สื่อเทคโนโลยดี ิจทิ ัล เพ่อื พฒั นานักเรยี น
โรงเรียนแมจ่ ริมใหเ้ ป็น Smart Student

ตามรูปแบบ SMART BORWA 5G MODEL
ผา่ นกระบวนการ BTLARI

โรงเรยี นแม่จรมิ อำเภอแม่จรมิ จงั หวัดน่ำน

สำนักงำนเขตพน้ื ทกี่ ำรศึกษำมัธยมศกึ ษำนำ่ น กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร
สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพืน้ ฐำน

รายงานนวัตกรรมด้านการจดั การเรียนรู้
การจดั การเรยี นรเู้ ชิงรกุ (Active Learning)
โดยใช้สื่อเทคโนโลยดี ิจทิ ัล เพ่อื พฒั นานักเรยี น
โรงเรียนแมจ่ ริมใหเ้ ป็น Smart Student

ตามรูปแบบ SMART BORWA 5G MODEL
ผา่ นกระบวนการ BTLARI

โรงเรยี นแม่จรมิ อำเภอแม่จรมิ จงั หวัดน่ำน

สำนักงำนเขตพน้ื ทกี่ ำรศึกษำมัธยมศกึ ษำนำ่ น กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร
สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพืน้ ฐำน



คำนำ

รายงานนวัตกรรมด้านการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง “การจัดการเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning) โดยใช้
สือ่ เทคโนโลยีดิจิทลั เพ่ือพัฒนานกั เรียนโรงเรียนแม่จริมใหเ้ ป็น Smart Student ตามรูปแบบ SMART BORWA
5G MODEL ผา่ นกระบวนการ BTLARI”ฉบบั น้ีจัดทำข้นึ เพื่อ นำเสนอตอ่ คณะกรรมการคดั เลอื กนวตั กรรมตาม
โครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2565

รายงานฉบับนี้สำเร็จได้เพราะความร่วมแรงร่วมใจของคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียน
แม่จริม ที่ได้ร่วมกันพัฒนานวัตกรรมจนประสบผลสำเร็จ สามารถนำผลงานนวัตกรรมเผยแพร่ แก่โรงเรียน
เครือข่ายอื่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งสร้างผลงานใหเ้ ป็นทีย่ อมรับของชุมชน และผู้ปกครองนักเรยี น
ตลอดจนหน่วยงานตน้ สงั กัด

ขอขอบคุณคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนแม่จริมเป็นอย่างสูง ที่ร่วมสร้างสรรค์
ผลงานการบริหารจัดการคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนแม่จริม อันล้ำค่าให้เป็นท่ี ยอมรับของชุมชนและ
บคุ คลทัว่ ไป

โรงเรียนแมจ่ ริม

สารบัญ ข

คำนำ หน้า
ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หา ก
วตั ถปุ ระสงค์ 1
กลุ่มเปา้ หมาย 4
แนวคดิ และทฤษฎี 5
การออกแบบวตั กรรม 6
วิธีการดำเนนิ การ 12
ผลการสร้างและพัฒนานวัตกรรม 12
การเผยแพร่นวัตกรรม 14
บรรณานุกรม 23
ภาคผนวก 24
26

สารบญั ภาพ ค

แผนภาพท่ี 1 องคป์ ระกอบของ SMART BOWAR 5 G model หน้า
แผนภาพที่ 2 แสดงรายละเอยี ดขน้ั ตอนการพฒั นาครู 10
11
กระบวนการพฒั นาผูเ้ รยี นแบบ BTLARI

1

1. ชอ่ื นวัตกรรม การจัดการเรยี นรูเ้ ชิงรุก (Active Learning) โดยใช้สอื่ เทคโนโลยีดิจิทัลเพอื่ พัฒนานกั เรียน
โรงเรยี นแม่จรมิ ใหเ้ ปน็ Smart Student ตามรปู แบบ SMART BORWA 5G MODEL ผ่านกระบวนการ BTLARI

2. ช่ือผู้สร้างนวัตกรรม
โรงเรียน แมจ่ ริม อำเภอ แม่จริม จังหวัด นา่ น โทรศัพท์ 054719800
E-mail Address : [email protected]

3. แนวทางการคดิ ค้นนวัตกรรม
แสวงหานวัตกรรม/แบบอยา่ งท่ีดีจากแหลง่ ต่างๆที่เคยมีผู้สร้างหรือทำไว้แลว้ แลว้ นำมาปรบั ปรงุ หรอื พฒั นา

ใหมใ่ ห้สอดคล้องกบั บรบิ ทของโรงเรยี น

4. ประเภทของนวัตกรรม  การจัดการเรียนรู้  การนเิ ทศการศกึ ษา
 การบริหารจดั การศึกษา

5. ความเป็นมาและความสำคัญของปญั หา
ปัจจุบันก้าวเขา้ สู่ยุคศตวรรษที่ 21 ซ่ึงทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเรว็ ทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง

สังคม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบโดยตรงต่อ คนไทย โลกที่กำลังเผชิญเข้าสู่ยุคข้อมูลข่าวสาร
ศตวรรษท่ี 21 ซึ่งเป็นยุคที่ต้องอาศัยการคิด และการเรียนรู้ของสมองเปน็ อย่างมาก โดยเฉพาะด้านการจัดการเรียนรู้
เพอ่ื พฒั นาให้เกิดกระบวนการคิด ซ่ึงถอื ว่าเปน็ องค์ประกอบที่สำคญั ของความฉลาด และเป็นทกั ษะที่จำเป็นสำหรับการ
ดำเนินชีวิตในยุคข้อมูลขา่ วสาร การจะดำเนินชวี ิตในยคุ นี้จำเป็นตอ้ งเป็นคนที่มคี วามรู้และมีความสามารถทางการคิด
ไมว่ า่ จะเปน็ ความคิดเป็น คิดวเิ คราะห์ คิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ และคิดเชงิ สร้างสรรค์ ส่งิ ที่สำคญั คือการมีทักษะในการ
คดิ วิเคราะห์ ดังจะเหน็ ได้จากการจัดการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาคนให้มีคุณภาพจึงเปน็ เร่ืองจำเปน็ อย่างยิ่ง (สรปัญญาสุข สุข
กรินทร์, 2560, น. 1)
ซึ่งสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่มุ่งพัฒนา ผู้เรียนให้มีคุณภาพตาม
มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด การพฒั นาผู้เรยี นใหบ้ รรลุมาตรฐาน/ตวั ชี้วัด ทกี่ ำหนดน้นั จะชว่ ยใหผ้ เู้ รียนเกิดสมรรถนะ
ที่สำคญั 5 ประการ คอื 1) ความสามารถในการสอ่ื สาร 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการแก้ปญั หา 4)
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และ 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551 : 4) การ
สอนการคิดเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งในการจัดการศึกษาเพื่อให้ประชากรมีคุณภาพสูง สอดคล้องกับ ประเวศ วะสี
(2541 : 4) ได้กลา่ ววา่ การสอนเพอ่ื พัฒนาความสามารถด้านการคิด เป็นการค้นพบทางการศึกษาทยี่ ง่ิ ใหญ่ในศตวรรษ
ที่ 21 เพราะเป็นการสอนที่พัฒนาผู้เรียนให้คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาได้ด้วยตนเองและในระบบกลุ่ม เนื่องจากเป็น
องคป์ ระกอบทส่ี ำคญั สำหรับ การปรับตวั ของผู้เรยี นเพ่อื รองรับการเปล่ียนแปลงทางสังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี
ต่างๆ เข้ามา เกย่ี วขอ้ งมากมาย เพราะวา่ สงิ่ ที่ผ้เู รียนได้รับการถ่ายทอดจากครนู น้ั อาจใช้การไม่ได้ แต่สำหรับการเรียน
เพ่อื พฒั นาความสามารถในดา้ นการคดิ เป็นสงิ่ ทตี่ ดิ ตัวผเู้ รยี นไปตลอดชีวติ อาทิ วธิ ีการคิด กระบวนการคิด กระบวนการ

2

แสวงหาความรู้ ความสามารถในการกลา้ คดิ กลา้ ทำ ซึ่งคุณสมบตั ิ เหล่านี้ จะเปลยี่ นเปน็ ลกั ษณะนสิ ัยของผู้เรียนในการ
นำไปส่กู ารพัฒนาตนเอง สังคมและประเทศชาติ ต่อๆไป เช่นเดียวกับที่ วชั รา เล่าเรยี นดี (2555 : 1) กล่าวถงึ ความ
สำคัญของทักษะการคิดในยคุ ศตวรรษที่ 21 ว่าทักษะที่สำคัญท่ีสุดคือ ทักษะการคิดของบุคคลและทักษะชีวิต เพื่อจะ
สามารถ ดำรงชวี ติ อยไู่ ด้อย่างสันติสุขในสังคมโลกท่มี กี ารเปล่ยี นแปลงอยา่ งรวดเร็วในทกุ ด้าน นอกจากนี้ พิมพันธ์ เดชะ
คปุ ต์ และพเยาว์ ยนิ ดสี ขุ , 2557 : 44) ไดก้ ล่าววา่ เป้าหมายการศึกษาของประเทศไทย ในปัจจบุ นั เนน้ ทกั ษะการคิดเพื่อ
สร้างความรู้ ค้นหาความรู้จากแหล่งตา่ งๆ มีความคิดอย่าง มีวิจารณญาณในการเลือก การตัดสินใจในเรื่องต่างๆอยา่ ง
ถูกต้องและเปน็ ประโยชนต์ อ่ สว่ นรวม การปฏริ ปู การเรียนรู้เป็นหวั ใจของการปฏิรูปการศึกษา การเรยี นรู้ที่มีความหมาย
คือการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมอย่างถาวร หรือมีความรู้ความเข้าใจ และสามารถนำความรู้ไปใช้ได้ สามารถถ่ายโยง
ความรู้ สู่ชีวิตจริงได้ กระบวนการเรยี นรู้ที่มีความหมาย คือ การให้ผู้เรยี นใช้กระบวนการเพือ่ สร้างความรู้ด้วย ตนเอง
ผู้เรียนจะไดเ้ รียนรู้ไดผ้ ลดีมากย่ิงข้ึน ถ้าผู้สอนใชแ้ นวคอนสตรัคติวิสต์ คือการใหผ้ ูเ้ รียน ได้สร้าง ความรู้ด้วยตนเอง ถ้า
ผสู้ อนใช้แนวคอนสตรัคตวิ ิสต์ในการจัดการเรียนการสอน ย่อมแสดงวา่ ผ้สู อน ได้เห็นประโยชน์อนั จะเกิดข้ึนกับผู้เรียน
เพราะการท่ีผู้เรียนจะสามารถสร้างความรู้ไดน้ ั้นผู้เรียนต้องใช้ ทักษะการคิด และกระบวนการคิดเป็นเครื่องมือในการ
สร้างองค์ความรู้ ซึง่ ถือเปน็ ขั้นตอนสำคัญ ในกระบวนการเรยี นรู้ของผ้เู รยี น การคดิ เชงิ วเิ คราะห์ชว่ ยให้เรา รู้ข้อเท็จจริง
รู้เหตุผลเบื้องหลังของ 4 สิ่งที่เกิดขึ้น เข้าใจความเป็นมาเป็นไปของเหตุการณ์ต่างๆ รู้ว่า เรื่องนั้นมีองค์ประกอบ
อะไรบ้าง รู้ว่า อะไรเป็นอะไร ทำให้เราได้ข้อเท็จจริงที่เป็นฐานความรู้ในการนำไปใช้ในการตัดสินใจแก้ปัญหาการ
ประเมินและการตัดสินใจเรื่องต่างๆได้อย่างถูกต้อง (เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์,2549 : 30) ดังนั้นจึง กล่าวได้ว่า
กระบวนการคิดวิเคราะห์มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการแก้ปัญหาต่างๆของมนุษย์ การคิดวิเคราะห์จะช่วยให้เรา
มองเห็นปัญหา ทำความเข้าใจปัญหา รู้จักปัญหาอย่างแท้จริง และ สุดท้ายจะสามารถแก้ปัญหาที่พบเจอได้ (น้องนาง
ปรอื งาม, 2554 : 38)

ปัญหาการจัดการเรียนรขู้ องโรงเรียนแมจ่ รมิ สังกัดสำนกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษานา่ น จาก
การ PLC เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของคณะครูทุกกลุม่ สาระการเรียนรู้ พบว่า นักเรียนส่วนใหญข่ าดทักษะ
กระบวนอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน ซงึ่ เปน็ ปจั จยั สำคญั ท่ีส่งผลต่อคณุ ภาพผู้เรียน และจากการวิเคราะห์ผลผลสัมฤทธิ์
ทางการเรยี น ผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียนของนกั เรียน รวมถึงการสะทอ้ นผลในการจัดการเรียนการ
สอนของครผู ู้สอน พบว่า กระบวนการคิดของนักเรียนต้องได้รับการพัฒนา ส่งเสริมเพิ่มมากขึน้ อีกทั้งผลการประเมิน
การทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติขั้นพื้นฐาน (ONET) 5 ปี ยอ้ นหลงั พบว่า ระดบั ชัน้ ม.3 มแี นวโน้มลดลง และ ยัง
อยใู่ นระดบั ต่ำ 3 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คอื กล่มุ สาระวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ ภาษาอังกฤษ

3

และผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขน้ั พ้นื ฐาน (ONET) 5 ปี ยอ้ นหลงั พบว่า ระดับช้ัน ม.6 มีผลสัมฤทธ์ิอยู่ใน
ตำ่ 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คือ กลมุ่ สาระวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ ภาษาองั กฤษ

ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาวิจัย หรือการติดตามผลการใช้หลักสูตร รวมทั้งข้อคิดของนักการศึกษาต่างๆระบุว่า
ปัจจบุ ันผู้เรียนทกุ ระดบั ขาดความสามารถในการคิด คิดไมเ่ ป็น แกป้ ญั หาไม่เปน็ ดังน้ันควรให้ความสำคัญกบั การจัดการ
เรียนการสอน วิธีการวัดผลและประเมินผลที่มุ่งส่งเสริมพัฒนาการคิด (ศศิธร พงษ์โภคา, 2557 : 6) นอกจากน้ี วัชรา
เล่าเรียนดี (2555 : 1) ได้กล่าวว่า การส่งเสริมทักษะการคิด หรือความสามารถในการคิดยังไม่ประสบผลสำเร็จ
เทา่ ท่คี วร จากการประเมนิ มาตรฐานโรงเรยี นสว่ นใหญ่ผ้เู รียนมคี วามสามารถในการคดิ ขน้ั สูง (Higher order thinking)
ที่ประกอบด้วยทักษะการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์และประเมนิ ค่า รวมทง้ั ทักษะการคิดแก้ปัญหาอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็น
เรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษาทุกฝ่ายจะต้องใหค้ วามสนใจมาก เพราะทักษะและความสามารถในการคิดจะส่งผลถงึ
การพัฒนาประเทศชาตใิ นทกุ ด้าน

จากสภาพปัญหาดงั กลา่ วโรงเรียนแมจ่ ริม จึงได้ศึกษาและพฒั นารปู แบบการจดั กจิ กรรมการเรยี นเรยี นรู้ โดยใช้
สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning เพื่อพัฒนานักเรียนโรงเรียนแม่จริมให้เป็น
Smart Student ตามรูปแบบ SMART BORWA 5G MODEL ซึ่งแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้มีการออกแบบและจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ แบบ Active Learning โดยครูผู้สอนเลือกใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่สอดคล้องกับบริบทเน้ือหาตาม
ธรรมชาตขิ องแตล่ ะวชิ า ดังน้ี

1. กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย จดั การเรยี นการสอนเพอ่ื พัฒนาทกั ษะการคิด วเิ คราะห์ โดยใช้เกม
การศึกษา Wordwall และเทคนิคการสอน Think-Pair-Share

2. กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ จัดการเรยี นการสอนวชิ าคณิตศาสตรโ์ ดยใช้ คลิปการสอนดว้ ย
YOUTUBE ช่องครูก่อกฤษณ์กรณ์สอนเลข

3. กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จดั กจิ กรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบสืบเสาะหาความรู้
5 ขน้ั ตอน (5Es) ผา่ นส่ือการจัดการเรียนการสอนออนไลน์

4. กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม จัดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยกระบวนการเรยี นรู้ 5
ขน้ั (5STEPs) ผ่านสอื่ อิเล็กทรอนกิ ส์

5. กลมุ่ สาระการเรียนรู้สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา จดั กิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้ส่อื จาก YouTube
ประกอบการปฏิบัติ

6. กล่มุ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง จังหวะจาก Body Percussion โดยใช้สอ่ื การ
สอน Visual musical minds

4

7. กลุ่มสาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชส้ ่อื จาก YouTube ส่กู ารลงมือปฏบิ ัติ
จรงิ

8. กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ การฝึกพูดคำศัพท์ภาษาอังกฤษขั้น
พื้นฐาน ผา่ นกจิ กรรม Speak Out Online

6. วตั ถปุ ระสงค์
6.1 เพื่อพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรแู้ บบ Active Learning
6.2 เพื่อพัฒนานักเรยี นโรงเรียนแมจ่ รมิ ใหเ้ ป็น Smart Student ตามรูปแบบ SMART BORWA 5G MODEL

ผ่านกระบวนการ BTLARI

7. กลุม่ เป้าหมาย
ประชากร / กลุ่มตวั อยา่ ง

7.1 ประชากร
นักเรียนโรงเรยี นแมจ่ ริม จำนวน 412 คน

7.2 กล่มุ ตัวอย่าง
นกั เรยี นโรงเรยี นแมจ่ ริม จำนวน 412 คน

8. หลกั การแนวคิดทฤษฎที ีใ่ ช้
การจัดการเรียนร้เู ชงิ รกุ (Active Learning) โดยใชส้ ่ือเทคโนโลยีดิจทิ ลั เพื่อพฒั นานักเรียนโรงเรยี นแม่จรมิ ให้

เปน็ Smart Student ตามรูปแบบ SMART BORWA 5G MODEL ผา่ นกระบวนการ BTLARI คณะผู้จัดทำไดศ้ กึ ษา
เอกสารและงานวจิ ัยท่เี กี่ยวข้องเพื่อเป็นพนื้ ฐานสำหรับการวจิ ยั ดังนี้

8.1 เอกสารทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การจัดการเรียนรแู้ บบ Active Learning
8.1.1 ความหมายของการจัดการเรยี นรูแ้ บบ Active Learning
8.1.2 ลักษณะของการจดั การเรยี นรู้แบบ Active Learning
8.1.3 บทบาทของผู้สอนการจัดการเรยี นรู้แบบ Active Learning
8.1.4 ตวั อยา่ งเทคนคิ การจัดการเรยี นรแู้ บบ Active Learning

8.2 แนวคดิ และทฤษฎีทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั กระบวนการคิด
8.2.1 ความหมายของการคิด
8.2.2 ความหมายของทักษะการคดิ
8.2.3 กรอบการนำทกั ษะการคิดสกู่ ารพัฒนาผเู้ รียนให้สอดคลอ้ งตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา

ขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551
8.1 เอกสารท่เี กีย่ วข้องกับการจดั การเรยี นรู้แบบ Active Learning

5

8.1.1 ความหมายของการจดั การเรยี นรูแ้ บบ Active Learning

Active Learning (สถาพร พฤฑฒกิ ุล, 2558) เปน็ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ตามแนวคดิ การสรา้ งสรรค์
ทางปญั ญา (Constructivism) ที่เนน้ กระบวนการเรยี นรู้มากกว่าเนื้อหาวชิ า เพื่อช่วยให้ผู้เรยี นสามารถเชอื่ มโยงความรู้
หรอื สร้างความรู้ใหเ้ กิดขนึ้ ในตนเอง ดว้ ยการลงมือปฏิบัติจริงผ่านสือ่ หรือกิจกรรมการเรยี นรู้ ทม่ี คี รูผูส้ อนเป็นผ้แู นะนำ
กระตนุ้ หรอื อำนวยความสะดวก ใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรียนรขู้ ้ึน โดยกระบวนการคดิ ขั้นสูง กล่าวคอื ผู้เรียนมกี าร
วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และการประเมินค่าจากส่งิ ที่ไดร้ บั จากกจิ กรรมการเรยี นรู้ ทำใหก้ ารเรยี นรูเ้ ป็นไปอย่างมี
ความหมายและนำไปใช้ในสถานการณอ์ ่นื ๆได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ

8.1.2 ลักษณะของการจดั การเรยี นรแู้ บบ Active Learning

ลกั ษณะของการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning เป็นดงั น้ี (ไชยยศ เรอื งสุวรรณ, 2553)
1. เปน็ การเรียนการสอนท่ีพัฒนาศกั ยภาพทางสมอง ไดแ้ ก่ การคดิ การแก้ปัญหา และการนำความรไู้ ป
ประยกุ ต์ใช้
2. เป็นการเรยี นการสอนที่เปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นมีสว่ นรว่ มในกระบวนการเรียนรู้สงู สุด
3. ผูเ้ รียนสร้างองคค์ วามรู้และจัดกระบวนการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง
4. ผูเ้ รยี นมสี ่วนร่วมในการเรียนการสอนท้ังในด้านการสร้างองคค์ วามรู้ การสร้างปฏิสัมพนั ธร์ ว่ มกนั ร่วมมอื กนั
มากกวา่ การแข่งขนั
5. ผ้เู รียนเรยี นรคู้ วามรบั ผิดชอบรว่ มกนั การมีวนิ ยั ในการทำงาน และการแบง่ หน้าท่คี วามรบั ผิดชอบ
6. เปน็ กระบวนการสร้างสถานการณ์ใหผ้ ู้เรียนอา่ น พดู ฟงั คดิ อยา่ งลมุ่ ลกึ ผ้เู รียนจะเปน็ ผ้จู ัดระบบการเรียนรู้
ด้วยตนเอง
7. เปน็ กจิ กรรมการเรยี นการสอนท่ีเนน้ ทกั ษะการคดิ ขน้ั สูง
8. เปน็ กิจกรรมทีเ่ ปดิ โอกาสให้ผู้เรียนบรู ณาการข้อมลู ขา่ วสาร หรือสารสนเทศ และหลกั การความคดิ รวบยอด
9. ผู้สอนจะเป็นผอู้ ำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้ เพ่อื ใหผ้ ูเ้ รียนเป็นผปู้ ฏบิ ัติดว้ ยตนเอง
10. ความรเู้ กดิ จากประสบการณ์ การสร้างองค์ความรู้ และการสรุปทบทวนของผูเ้ รยี น
8.1.3 บทบาทของผสู้ อนการจดั การเรยี นรู้แบบ Active Learning

บทบาทของอาจารย์ผู้สอน ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามแนวทางของ Active Learning ดงั น้ี
(ณชั นัน แก้วชยั เจรญิ กจิ , 2550) จดั ใหผ้ ู้เรียนเป็นศนู ย์กลางของการเรยี นการสอน กิจกรรมตอ้ งสะทอ้ นความ
ตอ้ งการในการพัฒนาผเู้ รียนและเนน้ การนำไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ จริงของผูเ้ รยี น
1. สรา้ งบรรยากาศของการมีส่วนร่วม และการเจรจาโตต้ อบท่สี ่งเสริมให้ผู้เรยี นมปี ฏิสมั พนั ธ์ทดี่ ี
กับผ้สู อนและเพอ่ื นในช้ันเรียน
2. จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนใหเ้ ป็นพลวตั สง่ เสรมิ ใหผ้ ้เู รยี นมีส่วนร่วมในทกุ กิจกรรมรวมทง้ั
กระตุ้นให้ผูเ้ รยี นประสบความสำเร็จในการเรยี นรู้
3. จัดสภาพการเรยี นรแู้ บบรว่ มมือ สง่ เสริมให้เกิดการร่วมมอื ในกลมุ่ ผเู้ รยี น
4. จัดกิจกรรมการเรยี นการสอนให้ท้าทาย และให้โอกาสผ้เู รียนไดร้ ับวธิ ีการสอนทหี่ ลากหลาย

6

5. วางแผนเก่ยี วกบั เวลาในจดั การเรยี นการสอนอย่างชดั เจน ท้ังในส่วนของเนื้อหา และกิจกรรม
6. ครผู สู้ อนตอ้ งใจกวา้ ง ยอมรบั ในความสามารถในการแสดงออก และความคิดเของที่ผเู้ รียน
8.1.4 ตวั อย่างเทคนิคการจดั การเรยี นรูแ้ บบ Active Learning

การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สามารถสร้างให้เกิดข้ึนไดท้ ้ังในหอ้ งเรียนและนอกห้องเรยี น รวมท้งั
สามารถใชไ้ ดก้ ับนักเรียนทุกระดบั ท้งั การเรียนรเู้ ป็นรายบุคคล การเรยี นรแู้ บบกลุม่ เลก็ และการเรียนรู้แบบกลมุ่
ใหญ่ McKinney (2008) ไดเ้ สนอตัวอยา่ งรปู แบบหรือเทคนิค การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ทีจ่ ะช่วยใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การ
เรยี นรูแ้ บบ Active Learning ไดด้ ี ไดแ้ ก่

1. การเรียนรู้แบบแลกเปลีย่ นความคิด (Think-Pair-Share) คือการจัดกิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ีให้
ผูเ้ รยี นคิดเกี่ยวกบั ประเดน็ ทีก่ ำหนดแตล่ ะคน ประมาณ 2-3 นาที (Think) จากน้ันให้แลกเปลย่ี นความคดิ กับเพ่อื นอกี
คน 3-5 นาที (Pair) และนำเสนอความคดิ เหน็ ต่อผเู้ รียนทงั้ หมด (Share)

2. การเรียนรแู้ บบร่วมมอื (Collaborative learning group) คอื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ใี่ ห้
ผู้เรียนไดท้ ำงานรว่ มกบั ผู้อ่นื โดยจัดเป็นกลุม่ ๆ ละ 3-6 คน

3. การเรยี นร้แู บบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions) คอื การจดั กจิ กรรมการ
เรียนรู้ทเี่ ปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รยี นไดท้ บทวนความร้แู ละพิจารณาข้อสงสยั ตา่ ง ๆ ในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ โดยครูจะ
คอยช่วยเหลอื กรณีท่มี ปี ญั หา

4. การเรียนรแู้ บบใชเ้ กม (Games) คือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ผ่ี ูส้ อนนำเกมเขา้ บรู ณาการใน
การเรียนการสอน ซึง่ ใช้ไดท้ งั้ ในขั้นการนำเข้าส่บู ทเรยี น การสอน การมอบหมายงาน และหรอื ขนั้ การประเมนิ ผล

5. การเรียนรู้แบบวเิ คราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos) คอื การจดั กจิ กรรมการ
เรียนร้ทู ใ่ี หผ้ เู้ รียนไดด้ วู ดี โี อ 5-20 นาที แล้วให้ผ้เู รียนแสดงความคดิ เหน็ หรือสะทอ้ นความคิดเกย่ี วกับสง่ิ ทไี่ ด้ดู อาจโดย
วธิ กี ารพดู โตต้ อบกัน การเขยี น หรอื การรว่ มกันสรุปเปน็ รายกลมุ่

6. การเรียนร้แู บบโตว้ าที (Student debates) คอื การจดั กิจกรรมการเรียนรูท้ ่ีจดั ใหผ้ ูเ้ รยี นได้
นำเสนอขอ้ มูลทีไ่ ดจ้ ากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพ่ือยืนยันแนวคิดของตนเองหรือกลมุ่

7. การเรยี นรู้แบบผู้เรยี นสรา้ งแบบทดสอบ (Student generated exam questions) คือการ
จัดกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ี่ให้ผู้เรียนสร้างแบบทดสอบจากสิง่ ที่ได้เรียนรูม้ าแล้ว

8. การเรียนรูแ้ บบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project) คอื การจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ที่องิ กระบวนการวจิ ัย โดยใหผ้ เู้ รยี นกำหนดหวั ข้อที่ต้องการเรยี นรู้ วางแผนการเรยี น เรยี นรู้ตามแผน
สรปุ ความร้หู รอื สรา้ งผลงาน และสะทอ้ นความคิดในสงิ่ ท่ไี ดเ้ รยี นรู้ หรืออาจเรยี กว่าการสอนแบบโครงงาน(project-
based learning) หรือ การสอนแบบใช้ปญั หาเป็นฐาน(problem-based learning)

9. การเรยี นร้แู บบกรณีศกึ ษา (Analyze case studies) คือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ใี่ หผ้ ู้เรียน
ได้อ่านกรณตี ัวอย่างที่ตอ้ งการศกึ ษา จากน้ันให้ผู้เรียนวิเคราะหแ์ ละแลกเปล่ยี นความคดิ เห็นหรอื แนวทางแกป้ ญั หา
ภายในกล่มุ แลว้ นำเสนอความคิดเหน็ ตอ่ ผู้เรยี นท้งั หมด

10. การเรียนรแู้ บบการเขียนบนั ทกึ (Keeping journals or logs) คือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ี่

7

ผ้เู รยี นจดบันทึกเรอ่ื งราวตา่ งๆ ท่ไี ดพ้ บเห็น หรอื เหตกุ ารณ์ทเี่ กิดขน้ึ ในแตล่ ะวัน รวมท้ังเสนอความคิดเพม่ิ เตมิ เก่ยี วกบั
บันทึกทเี่ ขียน

11. การเรยี นรูแ้ บบการเขียนจดหมายขา่ ว (Write and produce a newsletter) คือการจัด
กิจกรรมการเรียนร้ทู ี่ใหผ้ เู้ รียนรว่ มกันผลิตจดหมายข่าว อันประกอบดว้ ย บทความ ข้อมลู สารสนเทศ ขา่ วสาร และ
เหตกุ ารณท์ ่ีเกดิ ขน้ึ แล้วแจกจา่ ยไปยงั บุคคลอน่ื ๆ

12. การเรยี นรูแ้ บบแผนผังความคิด (Concept mapping) คอื การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้
ผเู้ รียนออกแบบแผนผังความคดิ เพอื่ นำเสนอความคดิ รวบยอด และความเชอ่ื มโยงกันของกรอบความคิด โดยการใชเ้ ส้น
เป็นตวั เชอื่ มโยง อาจจัดทำเปน็ รายบคุ คลหรืองานกลมุ่ แล้วนำเสนอผลงานต่อผู้เรียนอ่นื ๆ จากนนั้ เปดิ โอกาสให้ผเู้ รียน
คนอืน่ ได้ซกั ถามและแสดงความคดิ เห็นเพ่ิมเตมิ

8.2 แนวคิดและทฤษฎที เ่ี กี่ยวข้องกับการกระบวนการคิด
การคิดเปน็ กระบวนการทางสมองของมนุษย์ซง่ึ มศี กั ยภาพสูงมาก และเป็นสว่ นทท่ี ำให้มนษุ ย์แตกต่างไปจาก

สัตวโ์ ลกอื่นๆ ผูม้ ีความสามารถในการคดิ สงู สามารถแก้ปญั หาต่างๆ ให้ลุล่วงไปได้ และมกี ารพัฒนาชีวติ ของตนให้เจริญ
งอกงามยง่ิ ๆ ขึ้นไป ผู้มีความสามารถในการคิด จงึ มักได้รบั การยกย่องใหเ้ ป็นผนู้ ำในองค์กรหรอื กล่มุ ต่างๆ การคิดมี
ความสำคญั อยา่ งยงิ่ เนือ่ งจากการคดิ เป็นปัจจัยภายในทม่ี ีอทิ ธพิ ลต่อการกระทำและการแสดงออกของบุคคลดงั นั้นการ
พฒั นาความสามารถในการคิดจงึ เป็นจดุ ม่งุ หมายสำคญั ของการจดั การ

8.2.1 ความหมายของการคิด
พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 (2546 : 251) ให้ความหมายคำวา่ “คิด”หมายความว่า ทำให้

ปรากฏเปน็ รปู หรอื ประกอบให้เปน็ รูปหรือเป็นเร่ืองข้ึนในใจใคร่ครวญ ไตรต่ รอง เชน่ เรอื่ งนี้ยากยงั คดิ ไมอ่ อกคาดคะเน
เชน่ คดิ ว่าเย็นนฝ้ี นอาจจะตกคำนวณ เช่น คิดเลขในใจมุง่ จงใจ ต้ังใจ เชน่ อยา่ คิดร้ายเขาเลยนึก เช่น คดิ ละอาย

8.2.2 ความหมายของทักษะการคิด
ทิศนา แขมมณีและคณะ (2544) ทักษะการคิด หมายถงึ ความสามารถย่อยๆ ในการคดิ ลักษณะต่างๆซงึ่ เป็น

องคป์ ระกอบของการคิดท่สี ลับซับซอ้ น
แบง่ การคดิ ได้เป็น 3 ระดบั ดงั นี้
1. ทกั ษะการคิดข้นั พืน้ ฐาน (Basic Thinking Skills) หมายถึง ทกั ษะการคดิ ทเี่ ปน็ พื้นฐานเบือ้ งต้น

ตอ่ การคดิ ในระดบั ท่ีสงู ขึน้ ซบั ซอ้ นข้นึ ซง่ึ ส่วนใหญจ่ ะเป็นทักษะการสอ่ื ความหมายท่บี คุ คลทกุ คนจำเป็นตอ้ งใช้ในการ
ส่อื สารความคิด ของตนไดแ้ ก่ ทักษะการฟงั พูด อ่าน เขยี น

2. ทักษะการคดิ ท่เี ป็นแกนสำคญั หรือทักษะการคดิ ท่วั ไป (Core or General Thinking Skills)หมายถงึ
ทกั ษะการคิดทจ่ี ำเป็นตอ้ งใช้อยู่เสมอในการดำรงชีวติ ประจำวัน และ เปน็ พื้นฐานของการคิดขนั้ สูงที่มคี วามสลบั ซับซ้อน
ซึง่ บคุ คลจำเปน็ ตอ้ งใช้ในการเรียนรูเ้ น้ือหาวิชาต่างๆตลอดจนใช้ในการดำรงชีวิตอยา่ งมคี ุณภาพ

8

3. ทกั ษะการคิดขนั้ สูง หรอื ทกั ษะการคิดท่ีซับซ้อน (Higher Order or More Complexed Thinking Skills)
หมายถงึ ทักษะการคดิ ที่มขี นั้ ตอนหลายชั้น และตอ้ งอาศยั ทักษะการส่อื ความหมายและทักษะการคิดท่เี ป็นแกนหลายๆ
ทกั ษะในแต่ละข้นั เช่น ทกั ษะการต้งั สมมติฐาน ทักษะการทำนาย ทักษะการนยิ าม ทักษะการวิเคราะห์ ทกั ษะการ
จดั ระบบ จดั โครงสร้างหาแบบแผน และการหาความเช่อื พนื้ ฐาน เป็นต้น

8.2.3 กรอบการนำทกั ษะการคดิ สกู่ ารพัฒนาผู้เรยี นใหส้ อดคล้องตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน
พทุ ธศักราช 2551

1. ทกั ษะการคดิ ขัน้ พืน้ ฐาน
1.1 ทักษะการคิดท่ใี ชใ้ นการสือ่ สาร ได้แก่ ทกั ษะการฟัง ทักษะการพดู ทกั ษะการอา่ น ทักษะการเขยี น
1.2 ทักษะการคิดทเี่ ปน็ แกน ได้แก่ ทกั ษะการสังเกต ทักษะการสำรวจ ทักษะการสำรวจค้นหา ทักษะการตัง้

คำถาม ทักษะการระบุ ทักษะการรวบรวมขอ้ มูล ทักษะการเปรียบเทียบ ทักษะการคดั แยก
ทักษะการจัดกล่มุ ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการเรียงลำดับ ทกั ษะการแปลความ ทกั ษะการตีความ ทักษะการ
เชอื่ มโยง ทักษะการสรุปย่อ ทักษะการสรปุ อา้ งอิง ทักษะการใหเ้ หตุผล ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้

2. ทกั ษะการคดิ ขั้นสูง
2.1 ทักษะการคิดซับซ้อน ได้แก่ ทักษะการให้ความกระจ่าง ทักษะการสรุปลงความเห็น ทักษะการให้คำ

จำกัดความ ทักษะการวเิ คราะห์ ทักษะการสังเคราะห์ ทักษะการประยุกตใ์ ช้ความรู้ ทักษะการจดั ระเบียบ ทักษะการ
สร้างความรู้ ทักษะการจัดโครงสร้าง ทกั ษะการปรับโครงสร้าง ทกั ษะการหาแบบแผน ทักษะการพยากรณ์ ทักษะการ
หาความเชื่อพื้นฐาน ทักษะการตั้งสมมติฐาน ทักษะการพิสูจน์ความจริง ทักษะการทดสอบสมมติฐาน ทักษะการตั้ง
เกณฑ์ ทักษะการประเมนิ

2.2 ทักษะพัฒนาลักษณะการคดิ ได้แก่ ทกั ษะการคดิ คล่อง ทักษะการคดิ หลากหลาย ทกั ษะการคิดละเอียด
ทักษะการคิดชดั เจน ทักษะการคิดอย่างมีเหตผุ ล ทกั ษะการคดิ ถกู ทาง ทักษะการคดิ กวา้ ง ทกั ษะการคดิ ไกล ทกั ษะการ
คดิ ลึกซงึ้

2.3 ทักษะกระบวนการคิด ไดแ้ ก่ ทักษะกระบวนการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ ทักษะกระบวนการคิดตัดสินใจ
ทักษะกระบวนการคดิ แกป้ ัญหา ทักษะกระบวนการวิจยั ทักษะกระบวนการคดิ สร้างสรรค์
จุดเน้นการพัฒนาผเู้ รียนด้านทักษะการคดิ

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำหนดจุดเน้นการพัฒนาผู้เรียนด้านทักษะการคิดไว้
ดังนี้

ทกั ษะการคิดขนั้ พื้นฐาน (ป.1 – ป.6)
ป. 1 ทักษะการสังเกต ทักษะการจัดกลมุ่
ป. 2 ทักษะการเปรียบเทียบ ทกั ษะการจำแนกประเภท
ป. 3 ทกั ษะการรวบรวมข้อมลู ทักษะการเชอื่ มโยง
ป. 4 ทักษะการตัง้ คำถาม ทกั ษะการใหเ้ หตผุ ล
ป. 5 ทกั ษะการแปลความ ทกั ษะการตีความ
ป. 6 ทกั ษะการสรปุ อา้ งอิง ทักษะการนำความรู้ไปใช้

9

ม. 1 ทกั ษะการวเิ คราะห์ ทักษะการประเมนิ ทักษะการสรุปลงความเห็น
ม. 2 ทักษะการสังเคราะห์ ทกั ษะการประยกุ ต์ใช้ความรู้
ม. 3 ทักษะการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ ทักษะกระบวนการคดิ สร้างสรรค์
ม. 4–ม.6 ทกั ษะการคิดแก้ปัญหาอย่างสรา้ งสรรค์

10

รูปแบบ SMART BORWA 5G Model

BTLARI

SMART
S = Strategy การวางกลยทุ ธ์ ในการพัฒนาองค์กร
M = Management มกี ารบริหารจัดการแบบมีส่วนรว่ ม โดยใช้โรงเรยี นเปน็ ฐาน SBM
A = Activity สง่ เสรมิ การทำงานและการจัดการเรียนรู้ แบบ Activity base learning
R= Responsibility โดยเน้นจิตสำนึกรบั ผิดชอบ สรา้ งความรับผดิ ชอบร่วมกัน
T= Technology สง่ เสรมิ การนำเทคโนโลยมี าใชใ้ นการทำงาน และการจดั การเรียนรู้

โดยมีหัวใจในการทำงาน ดว้ ยค่านยิ มองคก์ ร แบบ BORWA
B = Be professional ทำงานอย่างมืออาชพี
O = Opportunity รว่ มกนั สร้างโอกาส
R = Respectful มคี วามเคารพซ่ึงกนั และกนั
W = Wisdom รว่ มสรา้ งนักเรียนใหม้ ปี ญั ญา
A = Achievement มุ่งหน้าสู่ความสำเรจ็

สร้างผลลพั ธ์ 5G
G1 = Good Leader มีผู้นำทด่ี ี
G2 = Good System มรี ะบบท่ีดี
G3 = Good Network มีเครือขา่ ยที่ดี
G4 = Good Master ครูทีเ่ ปน็ แบบอย่างท่ีดี
G5 = Good Practice มีแนวปฏบิ ตั ทิ ดี่ ี

11
ขับเคลอ่ื นองคก์ ร ดว้ ยกระบวนการ PDCA สู่เป้าหมายปลายทาง คอื Smart Student นักเรยี นมคี ณุ ลักษณะอนั พงึ
ประสงคแ์ ละมผี ลสัมฤทธ์ิตามเปา้ หมาย

S = Skills มีทักษะในการแสวงหาความรู้ ทักษะการทำงาน ทกั ษะการสอ่ื สาร
M = Moral มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
A = Achievement มีผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นสงู ขน้ึ ตามเป้าหมาย
R = Reading Writing & Thinking มีทกั ษะการอา่ น การเขียน และวิเคราะห์
T = Technology ใช้เทคโนโลยีในการแสวงหาความรู้

กระบวนการพฒั นาผู้เรยี นแบบ BTLARI

1. Brain Storming : ระดมความคิดและกำหนดวธิ ีดำเนนิ การ
2. Teacher Development : พัฒนาครู
3. Learning Management : การจดั การเรียนรู้โดยใช้เทคโนโลยี
4. Assessment : การประเมนิ การจดั การเรียนรู้
5. Refection : การสะท้อนผลการจัดการเรียนรู้
6. Improve Skills : ส่งเสรมิ การพฒั นาทักษะอย่างรอบดา้ น

12

9. การออกแบบนวตั กรรม

1. ประชุม PLC ครูและบคุ ลากร เพอ่ื สะทอ้ นปญั หา อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ วเิ คราะห์ขอ้ มลู ท่เี ก่ยี วข้อง
และกำหนดปัญหาท่ีต้องแก้ไขและพัฒนา

2. ศึกษาข้อมูลและหาแนวทางในการแกป้ ญั หา โดยพจิ ารณาเลือกแนวทางทเ่ี หมาะสมกบั บริบทของผู้เรียน
และโรงเรยี น โดยใชก้ รอบรูปแบบ SMART BORWA 5G Model ผา่ นกระบวนการ BTLARI

3. วางแผนการพัฒนาความพร้อมของครู ดา้ นเทคโนโลยดี จิ ทิ ัล และการจัดการเรยี นรูแ้ บบ Active Learning
เพอ่ื พัฒนานกั เรียนไปสู่ Smart Student ตามรูปแบบ SMART BORWA 5G Model ผ่านกระบวนการ BTLARI

4. ครูแตล่ ะกล่มุ สาระการเรียนรูอ้ อกแบบการจดั การเรยี นรู้แบบ Active Learning โดยเน้นการนำเทคโนโลยี
ดจิ ทิ ัลมาใช้ในการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน

5. จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ตามรปู แบบการจัดกิจกรรมที่ออกแบบไว้
6. วดั และประเมินผลการจัดการเรยี นรู้
7. สรปุ และรายงานผล

10. วธิ ีดำเนนิ การ

ในการดำเนินการสรา้ งนวตั กรรม ทางโรงเรยี นแมจ่ ริมได้ใชร้ ูปแบบ SMART BORWA 5G Model เป็นกรอบใน
การดำเนนิ งาน โดยมีกระบวนพัฒนาการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ BMTLARI เพือ่ พฒั นาผู้เรยี นให้เปน็ Smart Student
ซึ่งมีข้ันตอนในการดำเนินงานดงั นี้

B : Brain Storming (ระดมความคิดและกำหนดวิธดี ำเนินการ)

จัดอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารสรุปผลการจดั การเรียนการสอนในภาคเรยี นที่ 2/2564 โดยครทู กุ คนได้เสนอผลการ
ดำเนนิ งาน ปัญหา อุปสรรค เพอ่ื เปน็ แนวทางในการแกป้ ญั หาในการจัดการเรียนการสอนในปกี ารศึกษา 2565 มีการ
วเิ คราะหข์ ้อมลู การอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี นของผ้เู รยี น ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน ผล O-NET ของนักเรียน 3 ปี
ย้อนหลัง วิเคราะหห์ ลกั สูตรสถานศึกษา หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้และหลกั สูตรชน้ั เรยี น

จากการวิเคราะห์ข้อมูล สามารถสรุปผล เพือ่ นำไปสู่ประเดน็ ปญั หาในการพัฒนานกั เรียนในปีการศกึ ษา 2565
คือ นักเรยี นควรไดร้ บั พัฒนาใหม้ คี ณุ ลักษณะอันพึงประสงค์และมผี ลสัมฤทธ์ิ ให้เป็น Smart Student ผ่านการจัดการ
เรียนรู้แบบ Active Learning โดยมีการใช้ส่อื เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรยี นการสอน

13

T : Teacher Development (พัฒนาครู)

1. ครูจัดทำแผนพัฒนาตนเองด้านสมรรถนะดจิ ิทลั เพื่อวางแผนการพัฒนาตนเองในช่วงปดิ ภาคเรียนเกยี่ วกบั
เนอื้ หาดา้ นเทคโนโลยีดิจิทลั ในการจัดการเรียนรู้

2. ครูเขา้ รว่ มอบรมพัฒนาตนเองตามแผนพัฒนาสมรรถนะดิจิทลั และนำเสนอผลการพัฒนารวมถงึ องคค์ วามรู้
ท่ไี ดร้ ับจากการอบรม ในการประชุม PLC กอ่ นเปิดภาคเรียน เพอ่ื ใชเ้ ป็นแนวทางในการวางแผนการออกแบบการ
จัดการเรียนร้ใู นภาคเรียนท่ี 1/2565

3. ครูแตล่ ะกลุ่มสาระการเรยี นรู้ประชุมเพือ่ วางแผนการขับเคล่ือน นวตั กรรมการจดั การเรียนรเู้ ชิงรุก (Active
Learning) โดยใช้สื่อเทคโนโลยีดจิ ิทลั เพอื่ พัฒนานกั เรยี นโรงเรียนแมจ่ ริมให้เป็น Smart Student ตามรปู แบบ SMART
BORWA 5G MODEL ผ่านกระบวนการ BTLARI

4. ครูจดั ทำแผนการจดั การเรียนรู้ทเ่ี น้นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning มีการนำสอื่
เทคโนโลยีดิจทิ ัลมาใช้ในกิจกรรม โดยมีฝ่ายครวู ชิ าการและผู้บริหารโรงเรยี นคอยใหค้ ำปรึกษาและกำกบั ตดิ ตาม

L : Learning Management By Technology (การจัดการเรียนรูโ้ ดยใชเ้ ทคโนโลยี)

1. ครจู ัดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบ Active Learning ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ โดยใชส้ ือ่ เทคโนโลยีดิจิทัลใน
การจดั การเรียนการสอน มกี ารบนั ทึกวิดีโอการจดั การเรียนการสอนในชนั้ เรียน เพ่อื ใชเ้ ป็นแหลง่ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ของ
ครูในโรงเรียน ผ่าน Line Open Chat : แม่จริมแลกเปลย่ี นเรยี นรู้

2. นกั เรยี นพฒั นาทักษะ ความรู้ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ จากกจิ กรรมการเรียนการสอนผ่านสื่อเทคโนโลยี
ดจิ ิทัล โดยใช้รูปแบบ Active Learning

A : Assessment : (การประเมนิ การจดั การเรียนรู้)

1. ครูประเมนิ ผลการเรียนรขู้ องนักเรียนตามท่กี ำหนดไวใ้ นแผนการจดั การเรยี นรู้
2. ครูผสู้ อนไดร้ บั การนิเทศการสอน ในห้องเรียน และผา่ นระบบออนไลน์
3. ครูเขา้ รับการนเิ ทศติดตาม การจัดการเรยี นการสอนของสหวทิ ยาเขต เวียงภเู พยี ง โดยการส่งแผนการ
จดั การเรียนรแู้ บบ Active Learning พรอ้ มคลปิ วิดโี อประกอบการสอน ทางระบบออนไลน์ เพ่ือรับการนิเทศติดตาม
จากครูผู้นเิ ทศและคณะกรรมการนิเทศการเรยี นการสอน

R : Refection (สะทอ้ นผลการจดั การเรยี นรู้)

1. ครูได้รับคำแนะนำจากการสะทอ้ นผลการนิเทศติดตามของครผู นู้ เิ ทศและคณะกรรมการนเิ ทศภายในเพอ่ื
เติมเต็มในการวางแผนการจดั การเรียนรใู้ นคร้ังต่อไป

2. ครูมกี ารสะท้อนผลการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ในคาบ PLC และใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลในการ
ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนในครงั้ ต่อไป

14

I : Improve Skills (ส่งเสรมิ พัฒนาทักษะอย่างรอบด้าน)

สง่ เสริมศกั ยภาพผู้เรียนให้เป็น Smart Student อย่างรอบดา้ น ด้วยการฝึกทกั ษะและส่งเขา้ รว่ มการแขง่ ขนั
ศลิ ปหัตถกรรมนกั เรยี นมธั ยมศกึ ษาจังหวัดนา่ น รวมถงึ เวทีวชิ าการอืน่ ๆ และส่งเสริมการนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน โดย
บูรณาการกบั ทุกรายวชิ า

11. ผลการสร้างหรือพฒั นานวัตกรรม

ผลจากการดำเนนิ การใช้การจัดการเรยี นรูเ้ ชิงรกุ (Active Learning) โดยใชส้ ือ่ เทคโนโลยีดิจทิ ัลเพื่อพฒั นา
นักเรยี นโรงเรยี นแมจ่ ริมใหเ้ ป็น Smart Student ตามรปู แบบ SMART BORWA 5G MODEL โดยใช้กระบวนการ
BTLARI

1. ครูมีความสามารถในการจัดการเรยี นรูเ้ ชงิ รุก (Active Learning)

15

2. นกั เรียนไดร้ บั การสง่ เสริม พัฒนาทักษะอย่างรอบดา้ น ให้มคี ุณลกั ษณะเปน็ Smart Student ตามรูปแบบ
SMART BORWA 5G MODEL ดงั น้ี
S = Skills มีทักษะในการแสวงหาความรู้ ทักษะการทำงาน ทกั ษะการสือ่ สาร

16

M = Moral มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

17

A = Achievement มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสงู ขึ้นตามเปา้ หมาย
1) รอ้ ยละของนกั เรยี นทม่ี ีเกรดเฉลยี่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนแต่ละรายวชิ าในระดับ 2 ขึน้ ไประดับ
มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1-6
ปีการศึกษา 2563

120.00 ม. 1
100.00 ม. 2
80.00 ม. 3
60.00 ม. 4
40.00 ม. 5
20.00 ม. 6

0.00

กลุ่มสาระการ ม. 1 ม. 2 ม. 3 ม. 4 ม. 5 ม. 6
เรียนรู้

ภาษาตา่ งประเทศ 81.48 80.65 95.16 80.39 87.10 92.11

การงานอาชพี ฯ 87.65 83.87 88.71 100.00 100.00 100.00

ศิลปะ 85.48 100.00 88.71 100.00 100.00 100.00

สุขศกึ ษา 91.36 93.55 91.94 100.00 100.00 100.00

สังคมศึกษาฯ 76.52 75.81 83.06 91.18 93.55 100

วทิ ยาศาสตร์ 88.28 97.58 80.65 96.08 93.55 89.48

คณิตศาสตร์ 46.91 43.55 59.68 64.71 58.06 89.47

ภาษาไทย 98.77 85.48 96.77 96.08 90.32 92.11

18

2) ร้อยละของนักเรยี นทีม่ เี กรดเฉลีย่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนแตล่ ะรายวิชาในระดบั 2 ขน้ึ ไประดบั
มธั ยมศึกษาปีท่ี 1-6
ปีการศกึ ษา 2564

150.00
100.00
50.00

0.00

ม. 1 ม. 2 ม. 3 ม. 4 ม. 5 ม. 6

กลุม่ สาระฯ ม. 1 ม. 2 ม. 3 ม. 4 ม. 5 ม. 6
ภาษาต่างประเทศ 92.55 67.07 79.10 85.45 95.33 96.67
การงานอาชีพฯ 100.00 100.00 100.00 95.45 98.00 85.71
ศิลปะ 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00
สุขศึกษา 100.00 74.39 100.00 100.00 100.00 100.00
สงั คมศกึ ษาฯ 96.08 84.55 81.36 90.3 99.33 96.67
วิทยาศาสตร์ 82.35 90.24 96.61 97.27 97.00 100.00
คณิตศาสตร์ 91.76 89.63 69.49 61.82 92.14 91.67
ภาษาไทย 88.24 81.71 93.31 90.01 94.00 90.00

19

3) เปรยี บเทียบผลรอ้ ยละสมั ฤทธทิ์ างการเรียนแตล่ ะรายวชิ าในระดับ 2 ขึ้นไประดบั มัธยมศึกษาปที ี่ 1-6
ประจำปีการศกึ ษา 2563-2564

150

100

50

0 ปีการศกึ ษา 2564

ปีการศกึ ษา 2563

ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3

ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6

ระดบั ชนั้ ร้อยละของแตล่ ะรายวิชาในระดับ 2 ข้นึ ไป ผลตา่ ง
ปกี ารศกึ ษา 2563 ปกี ารศกึ ษา 2564
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 15.30
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 78.52 93.82 -1.56
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 84.57 83.01 5.34
ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 84.19 89.53 -0.60
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 90.32 89.72 5.04
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 91.84 96.88 2.68
93.75 96.43 8.73
เฉล่ยี 87.20 95.93

100.00 95.93
90.00 87.20

80.00

เปรียบเทยี บเฉลีย่ ร้อยละ เกรด 2 ข้ึนไป

ปีการศกึ ษา 2563 ปกี ารศกึ ษา 2564

20

R = Reading Writing & Thinking มที กั ษะการอ่าน การเขียน และวเิ คราะห์

21

T = Technology ใช้เทคโนโลยใี นการแสวงหาความรู้

22

3. นกั เรียนได้รบั การสง่ เสรมิ ศกั ยภาพอยา่ งรอบด้าน และไดร้ บั รางวลั ในระดับต่างๆ จากการแข่งขนั ในเวที
ต่างๆ ดังนี้

23

12. การเผยแพรน่ วัตกรรม

12.1 โรงเรียนแม่จรมิ
12.2 โรงเรียนในสหวิทยาเขตเวยี งภเู พยี ง
12.3 สพม.นา่ น
12.4 โรงเรียนในเขตพ้ืนท่ีบรกิ ารอำเภอแม่จริม

ลงชอ่ื ผรู้ ายงาน

นางพชั ราภา ผาแสง
ตำแหน่ง ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นแมจ่ รมิ

24

บรรณานุกรม

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551.
กรุงเทพ ฯ : โรงพมิ พช์ ุมนุมการเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด.

เกรียงศักด์ิ เจรญิ วงศ์ศกั ดิ์. (2549). การคิดเชิงวิเคราะห์ ANALYTICAL THINKING. พมิ พ์คร้ังที่ 5.
กรงุ เทพมหานคร : ซัคเซสมเี ดีย.

นอ้ งนาง ปรืองาม. (2554). "การพฒั นาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น รายวิชาเคมี
เรื่อง กรด-เบส ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 โดยการจัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน".
วทิ ยานพิ นธ์ปริญญาศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ .

ประเวศ วะสี. (2541). แนวคดิ ปฏิรูปการศึกษายกเคร่ืองทางปัญญา ทางรอดจากหายนะ.
กรงุ เทพมหานคร: มูลนิธโิ กมลคมี ทอง.

พเยาว์ ยนิ ดสี ุข พมิ พนั ธ์ เดชะคุปต์. (2557). การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. กรงุ เทพฯ :โรงพิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั .

ดร.สถาพร พฤฑฒิกุล (3 ธันวาคม 2558) เอกสารประกอบการฝกึ อบรม “คณุ ภาพผู้เรยี น.....เกิดจากกระบวนการ
เรียนรู้”

คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยบูรพาวทิ ยาเขตสระแกว้
ราชบัณฑติ ยสถาน. (2554). พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 (พิมพ์ครง้ั ท่ี 2).

กรุงเทพฯ : บริษัท ศริ วิ ฒั นาอนิ เตอร์พรนิ้ ท์ จากัด (มหาชน).
วัชรา เล่าเรียนดี. (2555). รปู แบบและกลยุทธก์ ารจดั การเรยี นรู้เพื่อพฒั นาทักษะการคิด(พิมพค์ รง้ั ที่9).

นครปฐม: คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศิลปากร วิทยาเขตพระราชวงั สนามจนั ทร์.
วชั รา เล่าเรียนดี และคณะ. (2560). กลยทุ ธ์การจัดการเรียนรู้เชงิ รุกเพ่อื พัฒนาการคิดและยกระดบั คุณภาพ
การศกึ ษา

สำหรับศตวรรษท่ี 21. นครปฐม: บรษิ ัท เพชรเกษมพริ้นติ้ง กรุ๊ป จำกัด.

ศศิธร พงษ์โภคา. (2557). “การพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปญั หา ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่6
โดยการจัดกาเรยี นรดู้ ้วยเทคนคิ การแก้ปญั หาอนาคตรว่ มกบั แผนผงั ความคิด". วทิ ยานิพนธ์
ปรญิ ญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑตฺ สาขาวชิ าหลักสูตรและการนเิ ทศ บัณฑติ วิทยาลัยมหาวิทยาลยั ศิลปากร.

สรปญั ญาสขุ สุขกรนิ ทร์. (2560). รายงานผลการพัฒนาบทเรยี นสาเรจ็ รูป ชุดบันไดหา้ ขั้น สร้างสรรคบ์ ทกลอน
สาหรับนกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านในสอย.แม่ฮ่องสอน : โรงเรยี นบ้านในสอย.

สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน. (2554). แนวทางการพัฒนาการคิดของชาติ.
กรงุ เทพฯ : สานกั งานคณะกรรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน.

สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาติ. (2554). แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นการสอนท่ีเน้นผเู้ รียนเป็น

25

สำคญั . กรุงเทพฯ : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน.
สำนกั งานรับรองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน). (2555). คู่มือการประเมินคณุ ภาพ
ภายนอก

รอบสาม (2554 - 2558) ระดบั อุดมศกึ ษา ฉบบั สถานศกึ ษา. กรงุ เทพฯ :
สำนกั งานรับรองมาตรฐานและประเมิน คณุ ภาพการศึกษา (องค์การมหาชน).

26

ภาคผนวก

27

1. การประชมุ เชงิ ปฏิบตั ิการ(PLC)ของครแู ละบุคลากรโรงเรยี นแม่จรมิ ก่อนเปดิ ภาคเรยี น เพอ่ื วาง
แผนการสรา้ งนวัตกรรมการจดั การเรยี นร้ตู ามทักษะดจิ ทิ ลั ของทกุ กลุ่มสาระ

28

2. ครแู ละบุคลากรโรงเรียนแมจ่ ริม ร่วมสรปุ ผลการดำเนนิ งาน สะท้อนปญั หาการจัดการเรียนรูแ้ ละจัดทำ
แผนพัฒนาตนเองทักษะดิจทิ ลั

2.1 ครแู ละบุคลากรรว่ มสะทอ้ นปญั หาการ วเิ คราะห์ผู้เรียนและวางแผนการจัดการเรยี นรู้แบบ Active
Learning

29

2.2 ครจู ัดทำแผนพฒั นาตนเองรายบุคคล(Individual Development Plan : ID PLAN

30

3. ประชุมวางแผนเพอ่ื พฒั นาครดู า้ นเทคโนโลยีทักดิจิทัลและการเรยี นรแู้ บบ Active Learning การนำเสนอ
สือ่ นวัตกรรมที่ครสู นใจเพ่ือเปน็ แนวทางในการจดั กจิ กรรมสง่ เสริมทักษะผู้เรยี นของกลุ่มสาระการเรียนรู้

31

4. ประชมุ เชิงปฏิบัตกิ ารของกลุ่มสาระการเรียนร้เู พ่ือเลอื กวธิ ี เครือ่ งมอื และรูปแบบการพฒั นาผ้เู รียนตาม
ทักษะดจิ ิทลั โดยใช้กระบวนการ PLC

5. การจดั การเรียนรู้เชงิ รุก (Active Learning) โดยใชส้ ือ่ เทคโนโลยีดิจิทัลเพือ่ พฒั นานักเรียนโรงเรียนแม่จริม
ให้เป็น Smart Student ตามรูปแบบ SMART BORWA 5G MODEL ผ่านกระบวนการ BTLARI

5.1 สื่อการจดั การเรียนรู้

ส่อื ประกอบการสอน ส่อื ประกอบการสอน สื่อประกอบการสอน
เร่อื ง องค์ความรู้ทางประวตั ศิ าสตร์ ประกอบรายวิชาคณติ ศาสตร์ รายวชิ าภาษาไทย

32

5.2 Google Site การจดั การเรยี นการสอนของครโู รงเรยี นแมจ่ ริม

33

6. ผลการสรา้ งหรือพัฒนานวัตกรรม

6.1. ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ นั้ พ้ืนฐาน (O-NET)

6.1.1. ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาตขิ ัน้ พ้ืนฐาน (O-NET) ประจำปีการศึกษา 2564

ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติข้นั พน้ื ฐาน (O-NET) ม.3

ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ

คะแนนเฉลี่ยของโรงเรยี น 55.30 22.16 30.86 31.69

คะแนนเฉล่ียของจงั หวัด 56.74 28.29 31.61 35.30

คะแนนเฉล่ียของ สพฐ. 55.18 34.14 25.82 30.17

คะแนนเฉลีย่ ของประเทศ 54.29 25.46 29.89 34.38

ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ม.6

คะแนนเฉล่ยี ของโรงเรียน ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สงั คมศกึ ษาฯ
คะแนนเฉลี่ยของจงั หวดั 39.06 24.05 29.70 22.85 34.44
คะแนนเฉล่ียของ สพฐ. 46.34 27.82 31.61 28.86 37.50
คะแนนเฉลีย่ ของประเทศ 45.22 26.33 30.17 29.73 36.32
44.36 26.04 29.89 29.94 35.93

6.1.2. ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติขั้นพ้นื ฐาน (O-NET) ประจำปกี ารศกึ ษา 2564

ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาตขิ นั้ พน้ื ฐาน (O-NET) ม.3

คะแนนเฉลี่ยของโรงเรยี น ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ
คะแนนเฉล่ียของจังหวดั 55.30 22.06 30.75 31.69
คะแนนเฉลีย่ ของ สพฐ. 54.09 26.38 33.30 30.95
คะแนนเฉลี่ยของประเทศ 52.13 24.75 31.67 30.75
51.19 24.47 31.45 31.11

ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติข้ันพื้นฐาน (O-NET) ม.6

ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาองั กฤษ สงั คมศกึ ษาฯ
22.75 41.03
คะแนนเฉล่ียของโรงเรยี น 53.16 25.42 30.58 28.62 39.93
25.83 37.45
คะแนนเฉลยี่ ของจังหวดั 51.84 26.59 31.46 25.56 36.87

คะแนนเฉลย่ี ของ สพฐ. 47.74 21.83 29.04

คะแนนเฉลี่ยของประเทศ 46.40 21.28 28.65

34

7. การนิเทศการจดั การเรยี นการสอนออนไลน์ 8 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ โรงเรยี นแมจ่ ริม

8. ผลที่เกิดขึน้ จากการพฒั นาผูเ้ รยี นโดยใช้สือ่ นวัตกรรม

35

36

เกยี รตบิ ตั รและผลงานนักเรียนในเวทตี ่างๆ

37

รำยงำนนวตั กรรมดำ้ นกำรจดั กำรเรียนรู้

กำรจัดกำรเรยี นกำรสอนเชงิ รุก (Active Learning)
โดยใชส้ ื่อเทคโนโลยดี ิจทิ ัล เพอ่ื พัฒนำนกั เรียนโรงเรียนแม่จริม
ใหเ้ ป็น Smart Student ตำมรปู แบบ SMART BORWA 5G MODEL

ผ่ำนกระบวนกำร BTLRAI

โรงเรยี นแมจ่ ริม

สำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำมัธยมศึกษำนำ่ น


Click to View FlipBook Version