The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สูจิบัตร นายพิชยะวัสส์ ดิษยรัชฐากรณ์ 6240119123 ปี 3 หมู่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phitchayawat.d2540, 2021-09-29 06:15:56

สูจิบัตร นายพิชยะวัสส์ ดิษยรัชฐากรณ์ 6240119123 ปี 3 หมู่ 1

สูจิบัตร นายพิชยะวัสส์ ดิษยรัชฐากรณ์ 6240119123 ปี 3 หมู่ 1

สูจิบัตร

งานมหกรรมท่องเที่ยววิถีไทย

ตามรอยอารยธรรม ๔ ภาค

THAI WAY OF TOURISM EXHIBITION FOLLOW IN THE FOOTSTEPS OF 4 CIVILIZATIONS

ORGANIIZED BY NAKHONRATCHASIMA



กำหนดการ

งานมหกรรมท่องเที่ยววิถีไทย ตามรอยอารยธรรม ๔ ภาค
วันเสาร์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔

ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

เวลา ๑๗.๐๐ - ๑๗.๓๐ น. ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน
เวลา ๑๗.๓๐ - ๑๘.๐๐ น. พิธีเปิดงานมหกรรมท่องเที่ยววิถีไทยฯ

- นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

(ประธานในพิธี)
เวลา ๑๘.๐๐ - ๑๙.๐๐ น. การแสดงชุดที่ ๑ ฟ้อนขันดอก

การแสดงชุดที่ ๒ ฟ้อนสาวไหม

การแสดงชุดที่ ๓ รำกลองยาว

เวลา ๑๙.๐๐ - ๒๐.๐๐ การแสดงชุดที่ ๔ เต้นกำรำเคียว
การแสดงชุดที่ ๕ รำกระทบไม้ ลายอีสาน

การแสดงชุดที่ ๖ เซิ้งกะโป๋

การแสดงชุดที่ ๗ ระบำตารีกีปัสราหนะ

การแสดงชุดที่ ๘ ผืนไท

หมายเหตุ : กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

ดำเนินการโดย จังหวัดนครราชสีมา

จังหวัดนครราชสีมา ได้กำหนดจัดงานมหกรรมท่องเที่ยววิถีไทย ตามรอยอารยธรรม
๔ ภาค ในวันเสาร์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทย ตามนโยบายด้านการท่องเที่ยว ประจำปี
๒๕๖๔ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวและการส่งเสริมทางวัฒนธรรมให้แก่ประชาชนทั่วไปใน
จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดอื่น ๆ ให้เกิดความสนใจในการท่องเที่ยว และภาคภูมิใจใน
วิถีชีวิตของความเป็นไทยตามนโยบายรัฐบาลโดยภายในงานจะมีอาหาร สินค้านานาชนิดที่
มีความหลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละภูมิภาคนอกจากนี้ยังพบกับการ
แสดงของทั้ง ๔ ภาค ที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและอารยธรรมของแต่ละภาคใน
ประเทศไทย

ภาคเหนือ

ภาคเหนือ เป็นภูมิภาคที่อยู่ด้านบนสุดของไทยมีลักษณะภูมิประเทศอันประกอบไปด้วย
เทือกเขาสลับซับซ้อนต่อเนื่องมาจากทิวเขาชานในประเทศพม่าและประเทศลาวภาคเหนือมี
ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าสะวันนาเหมือนกับพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศการที่มีพื้นที่อยู่เหนือ
ระดับน้ำทะเลและมีเส้นละติจูดอยู่ตอนบนทำให้สภาพอากาศของภาคเหนือเปลี่ยนแปลงตาม
ฤดูกาลอย่างเห็นได้ชัด เช่น มีฤดูหนาวที่หนาวเย็นกว่าภูมิภาคอื่น ๆ

จังหวัดในภาคเหนือ ๙ จังหวัด
จังหวัดเชียงราย
จังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดน่าน
จังหวัดพะเยา
จังหวัดแพร่
จังหวัดแม่ฮ่องสอน
จังหวัดลำปาง
จังหวัดลำพูน
จังหวัดอุตรดิตถ์

ภาคกลาง

ภาคกลาง เป็นภูมิภาคตอนกลางของประเทศไทยมีพื้นที่ครอบคลุมที่ราบลุ่มแม่น้ำ
เจ้าพระยาติดต่อกับภาคเหนือทางทิศเหนือ ติดต่อกับภาคตะวันออก และภาคอีสานทาง
ทิศตะวันออกโดยมีทิวเขาเพชรบูรณ์กั้น ติดต่อกับภาคตะวันตก ทิศเหนือติดต่อกับทิวเขา
ผีปันน้ำพื้นนี้เคยเป็นดินแดนที่สำคัญของอาณาจักรอยุธยา และยังเป็นพื้นที่ที่สำคัญของ
ประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบันภาคกลางเป็นภูมิภาคที่มีกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของ
ประเทศไทยตั้งอยู่

จังหวัดในภาคกลาง ๒๑ จังหวัด ๑ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
กรุงเทพมหานคร (อปท.)
กำแพงเพชร
ชัยนาท
นครนายก
นครปฐม
นครสวรรค์
นนทบุรี
ปทุมธานี
พระนครศรีอยุธยา
พิจิตร
พิษณุโลก
เพชรบูรณ์
ลพบุรี
สมุทรปราการ
สมุทรสงคราม
สมุทรสาคร
สระบุรี
สิงห์บุรี
สุโขทัย
สุพรรณบุรี
อ่างทอง
อุทัยธานี

ภาคอีสาน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ภาคอีสาน เป็นภูมิภาคหนึ่งในประเทศไทย ตั้งอยู่บน
แอ่งโคราชและแอ่งสกลนครมีแม่น้ำโขงกั้นประเทศลาวทางทิศเหนือและตะวันออกของ
ภาคทางทิศใต้มีเทือกเขาพนมดงรักกั้นประเทศกัมพูชาและภาคตะวันออกของ
ประเทศไทย และมีทิวเขาเพชรบูรณ์และทิวเขาดงพญาเย็นเป็นแนวกั้นทางตะวันตกแยก
จากภาคกลาง

จังหวัดในภาคอีสาน ๒๐ จังหวัด
จังหวัดกาฬสินธุ์
จังหวัดขอนแก่น
จังหวัดชัยภูมิ
จังหวัดนครพนม
จังหวัดนครราชสีมา
จังหวัดบึงกาฬ
จังหวัดบุรีรัมย์
จังหวัดมหาสารคาม
จังหวัดมุกดาหาร
จังหวัดยโสธร
จังหวัดร้อยเอ็ด
จังหวัดเลย
จังหวัดศรีสะเกษ
จังหวัดสกลนคร
จังหวัดสุรินทร์
จังหวัดหนองคาย
จังหวัดหนองบัวลำภู
จังหวัดอำนาจเจริญ
จังหวัดอุดรธานี
จังหวัดอุบลราชธานี

ภาคใต้

ภาคใต้ เป็นภูมิภาคหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่บนคาบสมุทรมลายู ขนาบด้วยอ่าว
ไทยทางฝั่ งตะวันออก และทะเลอันดามันทางฝั่ งตะวันตกมีเนื้อที่รวม ๗๐,๗๑๕.๒
ตารางกิโลเมตร ความยาวจากเหนือจรดใต้ประมาณ ๗๕๐ กิโลเมตร ทุกจังหวัดของ
ภาคมีพื้นที่ติดชายฝั่ งทะเล ยกเว้นจังหวัดยะลาและจังหวัดพัทลุง

จังหวัดในภาคใต้ ๑๔ จังหวัด
จังหวัดกระบี่
จังหวัดชุมพร
จังหวัดตรัง
จังหวัดนครศรีธรรมราช
จังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี
จังหวัดพังงา
จังหวัดพัทลุง
จังหวัดภูเก็ต
จังหวัดยะลา
จังหวัดระนอง
จังหวัดสงขลา
จังหวัดสตูล
จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ชุดการแสดงใน
งานมหกรรมท่องเที่ยววิถีไทย
ตามรอยอารยธรรม ๔ ภาค

ชุดที่ ๑ ฟ้อนขันดอก

ประวัติความเป็นมา​

ฟ้อนขันดอก เป็นฟ้อนประดิษฐ์ใหม่ มีลีลาท่าฟ้อนได้มาจากการใส่ขันดอกบูชาเสาอิน
ทขิล ซึ่งเป็นเสาหลักเมืองเชียงใหม่ ช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ปัจจุบันฟ้อนชนิดนี้ใช้
ฟ้อนในงานพิธีมงคล เพลงที่ใช้ในการประกอบการแสดงใช้เพลงกุหลาบเชียงใหม่ ลีลาท่า
ฟ้อนอ่อนช้อยเข้ากับความอ่อนหวานของท่วงทำนองเพลงพ่อครูมานพ ยาระนะ ศิลปิน
แห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นผู้ประดิษฐ์ท่าขึ้น โดยมีจุด
ประสงค์ในการแสดงเพื่อเป็นการฟ้อนรำบูชาพระรัตนตรัยเพื่อให้บังเกิดความสงบร่มเย็น
ให้แก่บ้านเมืองโดยมีอุปกรณ์ประกอบการแสดงเป็นขันดอก หรือพานไม้ใส่ดอกไม้แบบ
ล้านนา ซึ่งใช้ตบแต่งเพื่อบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในงานบุญทางศาสนา การ
ฟ้อนได้ถือว่าเป็นการแสดงออกถึงวัฒนธรรมและขนบประเพณีชาวเหนือ

ชุดที่ ๒ ฟ้อนสาวไหม

ประวัติความเป็นมา​

ฟ้อนสาวไหม เป็นการฟ้อนพื้นเมืองที่เลียนแบบมาจากการทอผ้าไหมของชาวบ้าน การ
ฟ้อนสาวไหมเป็นการฟ้อนรำแบบเก่า เป็นท่าหนึ่งของฟ้อนเจิงซึ่งอยู่ในชุดเดียวกับการ
ฟ้อนดาบ ลีลาการฟ้อนเป็นจังหวะที่คล่องแคล่วและรวดเร็ว (สะดุดเป็นช่วง ๆ เหมือนการ
ทอผ้าด้วยกี่กระตุก) ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐ คุณบัวเรียว รัตนมณีกรณ์ ได้คิดท่ารำขึ้นมา
โดยอยู่ภายใต้การแนะนำของบิดา ท่ารำนี้ได้เน้นถึงการเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องและนุ่มนวล
ซึ่งเป็นท่าที่เหมาะสมในการป้องกันไม่ให้เส้นไหมพันกัน ในปี พ.ศ. ๒๕๐๗ คุณพลอยศรี
สรรพศรี ช่างฟ้อนเก่าในวังของเจ้าเชียงใหม่องค์สุดท้าย (เจ้าแก้วนวรัฐ) ได้ร่วมกับคุณบัว
เรียว รัตนมณีกรณ์ได้ขัดเกลาท่ารำขึ้นใหม่ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะอาจารย์วิทยาลัย
นาฏศิลป์เชียงใหม่ ได้คิดท่ารำขึ้นมาเป็นแบบฉบับของวิทยาลัยเอง

ชุดที่ ๓ รำกลองยาว

ประวัติความเป็นมา​

รำกลองยาว ประเพณีการเล่นเทิงบ้องกลองยาว หรือ เถิดเทิง มีผู้เล่าให้ฟังเป็นเชิง
สันนิษฐานว่าเป็นของพม่านิยมเล่นกันมาก่อนเมื่อครั้งที่พม่ามาทำสงครามกับไทยใน
สมัยกรุงธนบุรีหรือสมัยต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์เวลาพักรบพวกทหารพม่าก็จะเล่น
สนุกสนานกันด้วยการเล่นต่าง ๆ ซึ่งทหารพม่าบางพวกก็เล่น “กลองยาว” พวกไทยเรา
ได้เห็นก็จำมาเล่นกันบ้างเมื่อชาวไทยเห็นว่ารำกลองยาวเป็นการเล่นที่สนุกสนาน และ
เล่นได้ง่ายก็นิยมเล่นกันไปแทบ ทุกบ้านทุกเมืองมาจนทุกวันนี้

ชุดที่ ๔ เต้นกำรำเคียว

ประวัติความเป็นมา​

เต้นกำรำเคียว เป็นการแสดงพื้นเมืองที่เก่าแก่ของชาวชนบทในภาคกลาง แถบ
จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งชาวชนบทส่วนมากมีอาชีพการทำนาเป็นหลัก และด้วยนิสัยรัก
สนุกกับการเป็นเจ้าบทเจ้ากลอน จึงได้เกิดการเต้นกำรำเคียวขึ้น ในเนื้อเพลงจะสะท้อน
ให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ลักษณะการรำ จะเน้นความสนุกเป็นใหญ่ มีทั้ง
เต้นและรำควบคู่กันไป ในมือของผู้รำข้างหนึ่งจะถือเคียว อีกข้างหนึ่งถือข้าวที่เกี่ยว
แล้ว จึงเรียกการแสดงนี้ว่า "เต้นกำรำเคียว" จะเล่นกันในฤดูเกี่ยวข้าว

ชุดที่ ๕ รำกระทบไม้ ลายอีสาน

ประวัติความเป็นมา​

“ลาว-กระทบไม้” เป็นสิ่งซึ่งผู้คนโดยมากรับรู้ว่าเป็นการละเล่นพื้นบ้าน ที่พัฒนามาจาก
การละเล่นดั้งเดิมที่เรียกว่า “เต้นสาก” เป็นการละเล่นที่ต้องอาศัยจังหวะการ “กระทบไม้”
นิยมเล่นกันช่วงว่างเว้นหลังฤดูเก็บเกี่ยวตามวิถีชาวนาไทยลาวสองฝั่ งแม่น้ำโขง ว่ากันว่า
ไทยนำ “เต้นสาก” ของลาวมาดัดแปลงคิดท่ารำใส่ดนตรีแล้วเรียก “ลาวกระทบไม้” แต่ยัง
อีกหลายชาติที่มีการละเล่นกระทบไม้อยู่ในวัฒนธรรมของตน จึงมี “เรือมอันเร” หรือ
“เขมรกระทบไม้” ของชาวเขมร

ชุดที่ ๖ เซิ้งกะโป๋

ประวัติความเป็นมา​

เซิ้งกะโป๋ เป็นการแสดงที่ได้ดัดแปลงมาจากการละเล่นของชาวอีสานใต้ ซึ่งได้แก่ใน
บริเวณจังหวัด สุรินทร์ บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ เป็นการแสดงที่มีความสนุกสนานรื่นเริง โดย
ใช้กะลาที่ขัดผิวจนมันเป็นอุปกรณ์หลักในการประกอบจังหวะ และที่น่าสังเกตคือ ประเทศ
ต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กัมพูชา และมาเลเซีย ก็มีการ
ละเล่นเกี่ยวกับการเคาะกะลาเช่นเดียวกัน

ชุดที่ ๗ ตารีกีปัสราหนะ

ประวัติความเป็นมา​

ระบำกีปัสราหนะ เป็นการฟ้อนรำของชาวไทยมุสลิมทางภาคใต้ เป็นการแสดงอวดลีลา
การเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยใช้ กีปัส หรือ ฆีปัส ในสำเนียงมาลายู ปัตตานี ที่หมายถึง
“พัด” มาเป็นองค์ประกอบ ด้วยเครื่องแต่งกายสวยงาม อันเป็นเอกลักษณ์ของชาวมุสลิม
ประกอบกับลีลาอันพริ้วไหวในการใช้พัดร่ายรำ เข้าจังหวะกับเครื่องดนตรีพื้นเมืองภาคใต้
ทำให้เป็นการแสดงที่มีความสวยงามและสนุกสนาน ครบครัน และมีประวัติความเป็นมา
รูปแบบการแสดงที่ปรับเปลี่ยนมาจากการแสดงระบำตารีกีปัส

ชุดที่ ๘ ผืนไท

ประวัติความเป็นมา​

ผู้คนทุกภาคส่วนของประเทศจึงมีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของชาติไทยโดยมี
ศิลปวัฒนธรรมเป็นอาภรณ์ที่งดงามแสดงความเป็นชาติอารยะภายใต้ร่มพระบารมีภาย
ใต้ผืนธงไทยจึงเป็นแรงบันดาลใจให้คณะศิลปะหน้าตาดุริยางค์ตระหนักถึงความสำคัญ
ความสำนึกตระหนักในคุณของแผ่นดินอันเป็นที่เกิดที่อาศัยแสดงการร้อยเรียงเรื่องราว
ของคนไทยทุกภูมิภาครวมใจเป็นหนึ่งอนุรักษ์สืบสานสร้างสรรค์งานศิลป์เป็นที่ประจักษ์
และภาคภูมิใจว่าปวงชนชาวไทยทุกภาคทุกท้องถิ่นมีความสุขสรรค์สร้างศิลปวัฒนธรรม
อันงดงามของแผ่นดินภายใต้ร่มพระบารมีร่มธงไทยด้วยความจงรักภักดีและสำนึกใน
“ผืนไทย” การแสดงสร้างสรรค์ชุด “ผืนไท” เป็นการแสดงสร้างสรรค์ ของนักศึกษา
คณะนาฏดุริยางค์ วิทยาลัยนาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม

คณะกรรมการอำนวยการ

ประธานกรรมการ
นายกอบชัย บุญอรณะ
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

กรรมการ กรรมการ
นายกรกต ธำรงวงศ์สวัสดิ์ นายชรินทร์ ทองสุข
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

กรรมการ กรรมการและเลขานุการ
นายจรัสชัย โชคเรืองสกุล นายไชยนันท์ แสงทอง
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา

คณะกรรมการดำเนินงาน

ประธานกรรมการดำเนินงาน
นายพิชยะวัสส์ ดิษยรัชฐากรณ์

รองประธานกรรมการ กรรมการ กรรมการ
นางสาวทวิพัน สร้างสวน นางสาวนภัสรพี เค้ามูล นางสาวปิยธิดา กล้ากลาง

กรรมการ กรรมการและเลขานุการ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
นางสาววิสุธาทิพย์ เทพสถิตย์ นางสาวมนัสวี นิลบัวลา นางสาวธิดารัตน์ เฉยเฉลียง

สนับสนุนโดย



โทรศัพท์ : ๐-๔๔๒๔-๓๗๙๘
โทรสาร : ๐-๔๔๒๕-๕๐๗๐
E-mail : Nakhonratchasima @moi.go.th

เวลาทำการ ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. (เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์)


Click to View FlipBook Version