The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัยการเปรียบเทียบความสามารถทางการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ชลดา บัวสูง, 2024-04-03 22:27:51

วิจัยการเปรียบเทียบความสามารถทางการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย

วิจัยการเปรียบเทียบความสามารถทางการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย

41 บทที่ 3 วิธีด าเนินการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ ประเด็นการศึกษาของผู้วิจัยส่วนใหญ่มีขอบเขตอยู่ที่การจัดประสบการณ์เพื่อ เปรียบเทียบทักษะคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย หลังได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทาน ประกอบการปั้น ผู้วิจัยที่ได้กำหนดหัวข้อการดำเนินการวิจัยตามลำดับ ดังนี้ 1. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 2. การเก็บรวบรวมข้อมูล 3. วิธีสร้างและตรวจสอบเครื่องมือ 4. การวิเคราะห์ข้อมูล 5. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ผู้วิจัยได้ใช้เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนี้ 1. แผนการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาทักษะคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยโดย ใช้กิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น จำนวน 24 แผน แผนละ 45 นาที 2. แบบทดสอบวัดทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับ การเก็บรวบรวมข้อมูล การจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นครั้งนี้ ดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 เป็น เวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน ได้แก่ วันจันทร์ วันอังคาร และวันพุธ กิจกรรมละ 45 นาที โดยมีขั้นตอน ดังนี้ 1. ผู้วิจัยทำการทดสอบก่อนการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น (Pre-test) และทำ การทดสอบหลังการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น (Posttest) ด้วยแบบทดสอบวัดทักษะการคิดเชิง เหตุผลตามเกณฑ์ที่กำหนด 2. เก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้จากคะแนนแบบทดสอบวัดทักษะการคิดเชิงเหตุผลก่อนและหลัง


42 การจัดกิจกรรมศิลปะการปั้น ไปวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติ 3. ระหว่างการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบปั้น ผู้วิจัยทำการส่งเสริมทักษะการคิดเชิง เหตุผลของเด็กปฐมวัย โดยการซักถาม สนทนา พูดคุยกับเด็ก และให้เด็กอธิบายสิ่งที่กำลังกระทำและบันทึก รายละเอียดเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการสังเกตทักษะการคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัยแต่ละคน วิธีสร้างและตรวจสอบเครื่องมือ 1. แผนการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น ผู้วิจัยได้ดำเนินการดังนี้ 1.1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาในระดับปฐมวัย หลักสูตร การศึกษาปฐมวัย 2560 การจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นเพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดเชิงเหตุผล ด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยและการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการ เขียนแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้น เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการ เรียงลำดับของเด็กปฐมวัย 1.2 สร้างแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้น เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิด เชิงเหตุผลด้านการเรียงลำกับของเด็กปฐมวัย จำนวน 24 แผน


43 ตารางที่ 2 แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้น สัปดาห์ที่ วัน นิทานเรื่อง ทักษะการคิดเชิงเหตุผล 1 วันจันทร์ หมาป่ากับนกกระเรียน วันพุธ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) การเรียงลำดับ วันศุกร์ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) 2 วันจันทร์ ห่านไข่เป็นทอง วันพุธ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) การเรียงลำดับ วันวันศุกร์ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) 3 วันจันทร์ ม้ากับลาย วันพุธ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) การเรียงลำดับ วันวันศุกร์ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) 4 วันจันทร์ ชายตัดฟืนกับเทพารักษ์ วันพุธ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) การเรียงลำดับ วันวันศุกร์ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) 5 วันจันทร์ สุนัขล่าเนื้อ วันพุธ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) การเรียงลำดับ วันวันศุกร์ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) 6 วันจันทร์ แม่นม วันพุธ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) การเรียงลำดับ วันวันศุกร์ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) 7 วันจันทร์ โอ๊ะโอ ฟันหายไปไหน วันพุธ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) การเรียงลำดับ วันวันศุกร์ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) 8 วันจันทร์ แพะสองตัว วันพุธ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน) การเรียงลำดับ (เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน)


44 1.3 นำแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้น เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดเชิงเหตุผล ด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย ที่คณะผู้วิจัยสร้างขึ้นมาเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน เพื่อประเมินแผนการ จัดกิจกรรมและพิจารณาความถูกต้องเหมาะสมของการจัดกิจกรรม ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้ 1.3.1 นางจันทร์เพ็ญ เมืองฮาม ครูประจำชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านตาด 1.3.2 นางสาววิมล ศรีขาว ครูประจำชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนบ้านตาด 1.3.3 นางสาวสิริยากร หล่อนจำปา ครูประจำชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านโนนเดื่อ โดยแบบประเมินแผนการจัดกิจกรรมนั้นเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ตามวิธีของ ลิเคอร์ท (Likert) (บุญชม ศรีสะอาด. 2545: 99 - 100) คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และ น้อยที่สุด ได้กำหนดน้ำหนักคะแนน ดังนี้ แปลความหมาย คะแนน เหมาะสมมากที่สุด ให้ 5 คะแนน เหมาะสมมาก ให้ 4 คะแนน เหมาะสมปานกลาง ให้ 3 คะแนน เหมาะสมน้อย ให้ 2 คะแนน เหมาะสมน้อยที่สุด ให้ 1 คะแนน 1.4 นำคะแนนจากแบบประเมินแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้นเพื่อ เปรียบเทียบทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย ที่ผู้เชี่ยวชาญประเมินเสร็จเรียบร้อย แล้วมาหาค่าเฉลี่ย โดยใช้เกณฑ์การแปลความหมายค่าเฉลี่ย ดังนี้ คะแนน แปลความหมาย ค่าเฉลี่ย 4.51 - 5.00 อยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 3.51 – 4.50 อยู่ในระดับเหมาะสมมาก ค่าเฉลี่ย 2.51 - 3.50 อยู่ในระดับเหมาะสมปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.51 - 2.50 อยู่ในระดับเหมาะสมน้อย ค่าเฉลี่ย 1.00 - 1.50 อยู่ในระดับเหมาะสมน้อยที่สุด


45 และทำการปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำ 1.5 ปรับปรุงแก้ไขแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้นเพื่อเปรียบเทียบทักษะ การคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ 1.6 นำแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้นเพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดเชิง เหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยที่ปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญไปทดลองใช้ (Try out) กับเด็กนักเรียนในระดับชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนบ้านโนนเดื่อ ซึ่งไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อ ปรับปรุงแผนการจัดกิจกรรมให้เหมาะสม ซึ่งพบว่าเด็กสามารถทำกิจกรรมได้ตามขั้นตอน เด็กให้ความสนใจ และให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม 1.7 นำแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้นเพื่อเปรียบเทียบทักษะคิดเชิง เหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย ไปทดลองจัดกิจกรรมกับเด็กปฐมวัยระดับชั้นอนุบาล 3 ที่เป็นกลุ่ม ตัวอย่างจำนวน 28 คน โดยใช้เวลาใน การทดลองกิจกรรมจำนวน 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 45นาที ซึ่งใช้การจัดกิจกรรมทั้งสิ้น 24 แผน ดังตารางต่อไปนี้ 2. การสร้างและการหาคุณภาพแบบทดสอบวัดทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงล าดับ ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้สร้างแบบทดสอบวัดทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับ เพื่อให้เด็กได้รับการทดสอบก่อนและหลังการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น ซึ่งมีขั้นตอนการสร้างดังนี้ 2.1 ศึกษาแบบทดสอบจากงานวิจัย ตำรา และเอกสารสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวข้องกับทักษะการ คิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัยของ เยาวพา เดชะคุปต์ (2536) นิตยา ประพฤติกิจ (2537) ชาติ แจ่มนุช (2545) ฆนัท ธาตุทอง (2554) กรมวิชาการ (2546) กุลยาตันติผลาชีวะ (2547) และกันยา แสงสุวรรณ (25 32) และ เลือกแบบทดสอบที่ต้องการใช้ในการทำวิจัย จากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผู้วิจัยพบว่าการทดสอบนั้นมี หลายรูปแบบ เช่น การทดสอบแบบอัตนัย การทดสอบแบบปรนัย และการทดสอบภาคปฏิบัติ ผู้วิจัยจึงเลือก การทดสอบภาคปฏิบัติ โดยมีความมุ่งหมายเพื่อให้เด็กได้สัมผัส ได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง มีปฏิสัมพันธ์กับครู และสิ่งแวดล้อม จากประสบการณ์ตรงนี้จะช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัย ในด้าน ทักษะ การจำแนก ทักษะการเรียงลำดับ และทักษะการแก้ปัญหา เนื่องจากเด็กได้เห็นรูปร่าง ลักษณะ ได้สัมผัส ได้ คิดค้น แก้ปัญหา ได้ใช้จินตนาการ และลองผิดลองถูกด้วยตนเองซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดและทฤษฎีของ เพีย เจต์ (Piajet) บรูเนอร์ (Bruner)และ จอห์น ดิวอี้ (John Dewey) หลังจากนั้นผู้วิจัยได้นำแนวทางการสร้าง แบบทดสอบที่ได้ศึกษาแล้วไปออกแบบชุดทดสอบของตนเอง ซึ่งผู้วิจัยได้ออกแบบชุดทดสอบที่เน้นรูปภาพ


46 ประกอบ และสื่อวัสดุอุปกรณ์จริงบางส่วนสำหรับการทดสอบทักษะการคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัย เช่น เมล็ดพืชต่างๆ กระดุม ถุงพลาสติก ขวดพลาสติก และถุงดำ ผู้วิจัยได้ออกแบบชุดทดสอบวัดทักษะการคิดเชิง เหตุผลด้านการเรียงลำดับจำนวน 1 ชุด ซึ่งแต่ได้กำหนดให้มี10 ข้อ 2.2 กำหนดเกณฑ์การให้คะแนนของแบบทดสอบวัดทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการ เรียงลำดับออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับคะแนน 1 และระดับคะแนน 0 คะแนน 3 – บันทึกเมื่อเด็กสามารถเรียงลำดับเหตุการณ์ก่อน-หลังได้ถูกต้องทั้งหมด คะแนน 2 – บันทึกเมื่อเด็กสามารถเรียงลำดับเหตุการณ์ก่อน – หลัง ได้ถูกต้อง 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 4 หรือ 4 ใน 5 ของภาพ คะแนน 1 - บันทึกเมื่อเด็กสามารถเรียงลำดับเหตุการณ์ก่อน – หลัง ได้ถูกต้อง 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 4 หรือ 1 ใน 5 ของภาพ คะแนน 0 – บันทึกเมื่อเด็กไม่สามารถเรียงลำดับเหตุการณ์ได้ 2.3 นำแบบทดสอบวัดทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นไป ทดลองใช้กับเด็ก ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนบ้านโนนเดื่อ ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 16 คน แล้วนำคะแนนที่ได้มาหาค่าอำนาจจำแนกรายข้อ และเลือกค่าอำนาจจำแนกที่มีค่าระหว่าง .336 - .753 หลังจากนั้นผู้วิจัยได้หาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดทักษะการคิดเชิงเหตุผลทั้งฉบับ และ รายด้าน โดยหาค่าความเชื่อมั่นโดยวิธีสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Cronbach.1951: 185) จากการหา ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบได้ค่าความเชื่อมั่นของข้อสอบทั้งฉบับเท่ากับ 79 และได้ค่าความเชื่อมั่นราย ด้าน ดังนี้ด้านการจำแนกมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .51 ด้านการเรียงลำดับมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .60 และ ด้านการแก้ปัญหามีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .64 2.4 นำแบบทดสอบทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ ด้านการศึกษาปฐมวัย เพื่อหาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) ซึ่ง มีผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้ 2.4.1 นางจันทร์เพ็ญ เมืองฮาม ครูประจำชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านตาด 2.4.2 นางวิมล ศรีขาว ครูประจำชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนบ้านตาด 2.4.3 นางสาวสิริยากร หล่อนจำปา ครูประจำชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านโนนเดื่อ


47 ผลการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่าน ลงความเห็นและให้คะแนน โดยใช้เกณฑ์ค่าดัชนีความ สอดคล้องของแบบทดสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้ (IOC) มากกว่าหรือเท่ากับ .05 ขึ้นไปถือเป็นเกณฑ์ที่ เหมาะสม เมื่อหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบแล้ว ผู้วิจัยได้เลือกค่าดัชนีความสอดคล้องที่มีค่า IOC ระหว่าง 0.60-1.00 โดยคัดเลือกข้อสอบที่ผ่านเกณฑ์เหลือชุดละ 10 ข้อ 3.6 ปรับปรุงแบบทดสอบ และคู่มือดำเนินการทดสอบตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่าน ได้แนะนำให้ปรับปรุง แก้ไขแบบทดสอดังนี้ 3.6.1 ปรับรูปภาพให้เหมาะสมกับวัยของเด็กปฐมวัย ใช้ภาพที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเด็ก เช่น ภาพผักฮ้องเต้ ให้เปลี่ยนเป็นภาพผักบุ้ง 3.6.2 ปรับภาษาให้เหมาะสมกับเด็ก ให้ใช้ภาษาง่ายๆ จะทำให้เด็กเข้าใจ ไม่ควรใช้ภาษา ทางการในแบบทดสอบ และปรับเกณฑ์การให้คะแนนให้เหมาะสม 3.7 นำแบบทดสอบที่ผ่านการวิเคราะห์แล้ว ไปทดสอบกับเด็กปฐมวัยอายุระหว่าง 5-6ปี ที่กำลังศึกษา อยู่ชั้นอนุบาล 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนบ้านโนนเดื่อที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 16 ค แบบแผนการทดลอง ตาราง 3 แบบแผนการทดลอง ก่อนการทดลอง ทำการทดลอง หลังการทดลอง T1 X T2 เมื่อ T1 แทน การทดสอบทักษะคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับก่อนการทดลอง X แทน การจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้น T2 แทน การทดสอบทักษะคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับหลังการทดลอง


48 การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยครั้งนี้ มีรายละเอียด ดังนี้ 1. นำคะแนนระหว่างเรียนและหลังเรียนมาวิเคราะห์เพื่อหาประสิทธิภาพของกิจกรรมเล่านิทาน ประกอบการปั้นของเด็กปฐมวัย โดยใช้การหาประสิทธิภาพเชิงประจักษ์ E1/E2 ตามเกณฑ์ 80/80 2. นำคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาทักษะคิดเชิงเหตุผลด้านการ เรียงลำดับของเด็กปฐมวัยโดยใช้กิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น โดยใช้สูตรคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้นำข้อมูล ที่ได้จากการทดลองวัดความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ของเด็กปฐมวัยมาวิเคราะห์ โดยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. สถิตที่ใช้ในการหาคุณภาพของเครื่องมือรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1.1 หาค่าความตรงรายข้อของแบบทดสอบโดยใช้ผู้เชี่ยวชาญ เรียกว่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC : Index of Item Objective Congruence) เป็นความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับจุดประสงค์ โดยอาศัย ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก มีสูตรในการคำนวณ ดังนี้ (นฤมล แสงพรหม. 2563: 153) R IOC N เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับจุดประสงค์ R แทน ผลรวมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทุกคน N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด 2. สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS for windows ทำการวิเคราะห์ ข้อมูล


49 2.1 วิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย (Mean) ของคะแนน ใช้สูตร (นฤมล แสงพรหม. 2563: 213) X X = n เมื่อ X แทน ค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง X แทน ผลรวมทั้งหมดของคะแนน n แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 2.2 วิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยก่อนทำการทดลองและหลังการ ทดลอง โดยคำนวณจากสูตร t-test แบบ Dependent 3. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของกิจกรรม ตามเกณฑ์ 80/80 วิเคราะห์โดยใช้ สูตร E1/E2 ดังนี้ (ชัยยงค์ พรหมวงศ์. 2556 : 10) X N E = × A 1 100 F N E = × B 2 100 เมื่อ E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ X แทน คะแนนรวมของแบบฝึกหัดปฏิบัติ กิจกรรมหรืองานที่ทำ ระหว่างเรียน F แทน คะแนนรวมของผลลัพธ์ของการประเมินหลังเรียน


50 A แทน คะแนนเต็มของแบบฝึกปฏิบัติทุกชิ้นรวมกัน B แทน คะแนนเต็มของการประเมินสุดท้าย (การสอบหลังเรียน) N แทน จำนวนผู้เรียน 4. สถิติเชิงอ้างอิง (เพื่อใช้อ้างอิงข้อมูลที่ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง เพื่ออธิบายข้อมูลจากประชากร) ให้นำคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนมาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนและหลัง เรียน โดยมีการทดสอบสมมติฐานโดยใช้การทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t-test for Dependent Samples)


51 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลและเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังต่อไปนี้ 1. สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 2. ลำดับขั้นในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล X แทน ค่าเฉลี่ย n แทน จำนวนนักเรียน S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ DS แทน คะแนนร้อยละของพัฒนาการ ล าดับขั้นในการน าเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังต่อไปนี้ 1. ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของกิจกรรมเล่านิทานปะกอบการปั้นที่ส่งเสริมทักษะคิดเชิง เหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย โดยใช้มาตรฐาน E1/E2 ตามเกณฑ์ 80/80 2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นที่ส่งเสริมทักษะคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็ก ปฐมวัยระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน


52 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 1. ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นที่ส่งเสริมทักษะคิดเชิง เหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย ผู้วิจัยได้วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นที่ส่งเสริมทักษะคิดเชิง เหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย โดยนำคะแนนระหว่างเรียนและคะแนนหลังเรียนมาวิเคราะห์ ปรากฏผลดังตารางที่ 1 ตารางที่ 4 ประสิทธิภาพของกิจกรรมการปั้นที่ส่งเสริมการเตรียมความพร้อมทางภาษาด้านการเขียนของเด็ก ปฐมวัย คะแนน คะแนนเต็ม X S.D. ร้อยละของคะแนนเฉลี่ย - ระหว่างเรียน (E1 ) - หลังเรียน (E2 ) 30 30 16.64 27.71 3.58 1.18 55.46 92.37 จากตารางที่ 1 พบว่า คะแนนเฉลี่ยระหว่างเรียนมีค่าเท่ากับ 16.64 คิดเป็นร้อยละ 55.46 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนมีค่าเท่ากับ 27.71 คิดเป็นร้อยละ 92.37 ซึ่งแสดงว่า กิจกรรมการเล่านิทาน ประกอบปั้นที่ส่งเสริมทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมี ประสิทธิภาพเท่ากับ 55.46/92.37 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบทักษะคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยได้รับการจัด กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นที่ส่งเสริมทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการ เรียงลำดับของเด็กปฐมวัยระหว่างเรียนและหลังเรียน ผู้วิจัยได้วิเคราะห์เปรียบเทียบทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย ระหว่างเรียนและหลังเรียน ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเล่า นิทานประกอบการปั้นที่ส่งเสริมทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย โดยนำคะแนน แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนมาวิเคราะห์ ปรากฏผลดังตารางที่ 2


53 ตารางที่ 5 การวิเคราะห์เปรียบเทียบทักษะคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย ที่ได้รับการจัด กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นที่ส่งเสริมทักษะการคิดเชิงเหตุผล ด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย คนที่ คะแนนทดสอบ (60 คะแนน) คะแนนความแตกต่าง คะแนนพัฒนาการ สัมพัทธ์ ก่อนเรียน (30) หลังเรียน (30) 1 18 27 9 75 2 17 29 12 92.31 3 14 26 12 75 4 16 26 10 71.43 5 18 29 11 91.67 6 16 29 13 92.86 7 14 28 14 87.50 8 14 27 13 81.25 9 19 28 9 81.82 10 15 29 14 93.33 11 20 28 8 80 12 17 27 10 76.92 13 16 27 11 78.57 14 17 29 12 92.31 15 14 27 13 92.85 16 16 29 13 92.86 17 15 26 11 73.33 18 19 28 9 81.82 19 18 29 11 91.67 20 15 27 12 80


54 21 19 29 10 90.9 22 20 27 7 70 23 16 26 10 71.43 24 19 28 9 81.82 25 15 29 14 93.33 26 14 25 11 68.75 27 18 29 11 91.67 28 17 28 11 84.61 รวม 466 776 310 233.01 เฉลี่ย 16.64 27.71 11.07 83.40 จากตารางที่ 2 พบว่า นักเรียนชั้นปฐมวัย ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเล่า นิทานประกอบการปั้นที่ส่งเสริมทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย มีคะแนน พัฒนาการสัมพัทธ์เฉลี่ยเท่ากับ 83.40 แสดงว่า นักเรียนแต่ละคนมีคะแนนพัฒนาการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยคิดเป็น ร้อยละ 11.07 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์พัฒนาการระดับสูง


55 บทที่ 5 สรุปผลการวิจัย อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง ศึกษาเกี่ยวกับผลของการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการ ปั้นที่มีต่อทักษะคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย และนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ วัตถุประสงค์ของการวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาผลของการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นที่มีต่อทักษะ คิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยโดยรวม รายบุคคลที่ ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังที่ ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น สรุปผลการวิจัย กิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้นของเด็กปฐมวัยมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 / 80 ทักษะ การคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยหลังจากที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น มีทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 อภิปรายผล การวิจัยในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัย โดยรวม รายบุคคลที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และ เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังที่ได้รับการจัด กิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น ผลการวิจัยพบว่าทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็ก ปฐมวัยก่อนและหลังที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นสูงขึ้นภายหลังการทดลองอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทั้งนี้เนื่องมาจาก


56 1. เปรียบเทียบทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังที่ได้รับการจัด กิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์พบว่าทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับ ของเด็กปฐมวัย ภายหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองเนื่องจาก การเปรียบเทียบทักษะการคิดเชิงเหตุผล ด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น ที่จัดขึ้นมี ความเหมาะสมสอดคล้องกับพัฒนาการ และเป็นกิจกรรมที่เด็กมีความสนใจซึ่งในการจัดกิจกรรมการเล่านิทาน เด็กจะได้เรียนรู้ผ่านการปั้นง่ายๆไปจนถึงการไปหายากหรืออาจสลับกันไปมาทำให้เด็กได้ใช้ทักษะในการสังเกต และการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ได้ลงมือปฏิบัติผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ดังในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 กระทรวงศึกษาธิการ (2546: 31-43) กล่าวไว้ว่าในการจัดกิจกรรมหรือการจัดประสบการณ์ สำหรับเด็กปฐมวัยต้องจัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการคือเหมาะกับอายุ วุฒิภาวะ และ ระดับพัฒนาการ เพื่อให้เด็กทุกคนได้พัฒนาเต็มศักยภาพเด็กได้ลงมือกระทำเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้ เคลื่อนไหว สำรวจ เล่น สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง มีการวางแผนตัดสินใจลงมือ กระทำ และนำเสนอความคิด โดยผู้สอนเป็นผู้สนับสนุนอำนวยความสะดวกและเรียนรู้เรียนรู้ร่วมกับเด็ก และ สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นมีความสุข และเรียนรู้การทำกิจกรรมแบบร่วมมือในลักษณะต่างๆ อีกทั้งกิจกรรมการ เล่านิทานประกอบการปั้น ทำให้เด็กได้เรียนรู้ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณะต่างๆของดินน้ำมัน ฝึก การเรียงลำดับเหตูการณ์ของนิทาน แล้วได้พูดคุยซึ่งกันและกันระหว่างกลุ่ม การได้ฝึกความกล้าแสดงออก การ นำเสนอร่วมกันในห้อง รวมถึงการชมเชยในผลงานของกลุ่มตนเองและของกลุ่มเพื่อนในห้อง ซึ่งที่กล่าวมานั้น ล้วนสำคัญกับเด็กปฐมวัยโดยสิ้นเชิง เป็นสิ่งที่เด็กปฐมวัยจะต้องเรียนรู้และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ 2. การเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้น ผู้วิจัยได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างทำ กิจกรรม ดังนี้ สัปดาห์ที่ 1-2 ผู้วิจัยสังเกตุเห็นว่าเด็กยังใหม่ต่อการทำกิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่ม การทำงานร่วมกัน เป็นกลุ่มค่อนข้างยาก มีการยื้อแย่งดินน้ำมันกัน ไม่รู้จักแบ่งปันกันใช้ของ อีกทั้งยังไม่สามารถอธิบายสิ่งที่ ตนเองปั้นออกมาได้เท่าที่ควร สิ่งที่ปั้นนั้นสามารถใช้การคาดเดาได้เป็นบางสิ่ง บางสิ่งที่ปั้นออกมาก็ไม่สามารถ แยกแยะได้ ส่วนเรื่องของการเรียงลำดับเหตุการณ์ในนิทานยังไม่ค่อยเรียงออกมาได้ดีเท่าที่ควร ต้องคอยพูด กระตุ้นบ่อยๆซ้ำๆหลายรอบจึงจะทำได้ สัปดาห์ที่ 3-4 ผู้วิจัยสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง เด็กเริ่มมีพฤติกรรมการแบ่งปัน การปั้นสามารถปั้น แล้ววางลงบนถาดปั้นของกลุ่มได้ การปั้นตัวละครเริ่มมีความชัดเจน ถูกต้องสามารถทำให้เพื่อนและตนเองมอง


57 ภาพออกโดยไม่ต้องใช้การคาดคะเน ส่วนการนำเสนอการเรียงลำดับสามารถทำได้ดีขึ้นมากกว่า 2 สัปดาห์ที่ ผ่านมา แต่ยังมีบางคนที่ยังไม่ค่อยกล้าพูดและนำเสนอร่วมกับเพื่อน สัปดาห์ที่5-8เด็กเริ่มให้ความสนใจในกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น เด็กเริ่มมีการปรึกษาพูดคุย กันมากขึ้นในกลุ่มของตนเอง การแบ่งปันสิ่งของ ดินน้ำมันต่างๆสามารถแบ่งกันใช้ได้เป็นอย่างดี ไม่มีปัญหา เกิดขึ้นระหว่างกลุ่ม การปั้นดินน้ำมันสามารถทำให้ผู้อื่นมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องคาดคะเน คุณครูให้คำแนะนำเพียงเล็กน้อยแต่เด็กนั้นสามารถทำกิจกรรมไปเองได้ ส่วนเรื่องของการนำเสนอ การ เรียงลำดับต่างๆเป็นไปได้อย่างดีเยี่ยม เด็กกล้าพูดกล้าแสดงออกและเล่าออกมาเป็นเรื่องเป็นราวได้เป็นอย่างดี ข้อเสนอแนะ 1. ในการทำกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น ควรเปิดโอกาสให้เด็กได้ปั้นอย่างอิสระตาม จินตนาการและตามความคิดของตนเอง 2. ควรมีการยืดหยุ่นเรื่องของเวลาในการทำกิจกรรม ไม่ควรเร่งรัดการทำงานของเด็ก เพราะเด็ก แต่ละคนก็มีความสามารถแตกต่างกันไป บางคนอาจทำงานได้เร็วมาก บางคนอาจทำงานได้ช้ามาก หรือ อาจจะไม่ได้ชิ้นงานเลย ครูควรให้เด็กได้ทำงานอย่างอิสระให้มากที่สุด เด็กจะได้รู้สึกสบายใจ มีอารมณ์ที่ดี ครู คอยให้การสนับสนุนกระตุ้นเด็กให้เกิดทักษะการคิดเชิงเหตุผล โดยการพูดคุย สนทนา ตั้งคำถามต่างๆ ที่ ขึ้นต้นด้วย"ทำไม และอย่างไร" และให้คำชมเชยเด็กเสมอ 3. ควรมีการศึกษาการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นกับทักษะด้านอื่นๆ เช่น ด้านการ คิดแก้ปัญหา ด้านการจำแนก ด้านมิติสัมพันธ์ฯลฯ


58 บรรณานุกรม


59 บรรณานุกรม เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. (2545). การพัฒนาทักษะการคิด. [ออนไลน์]. ได้จาก http://advisor.anamai.moph.go.th/download/think02.html. [สืบค้นเมื่อ 11 สิงหาคม 2566] กุลยา ตันติผลาชีวะ. (2551). การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ส าหรับเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มิตรสัมพันธ์ กราฟฟิค. กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด พิมพ์ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๐ [ออนไลน์]. ได้จาก https://academic.obec.go.th/images/document/1590998426_d_1.pdf [สืบค้นเมื่อ 16 สิงหาคม 2566] คำวัง สมสุวรรณ. (2551). การส่งเสริมพัฒนาการทางด้านกล้ามเนื้อเล็กของเด็กปฐมวัยโดยการจัด กิจกรรมการปั้นดิน. [ออนไลน์]. ได้จาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ear_Chi_Ed/Khamwang_S.pdf [สืบค้นเมื่อ 11 สิงหาคม 2566] ฆนัท ธาตุทอง (2554: 30-38) ทักษะการคิด [ออนไลน์]. ได้จาก http://courseware.npru.ac.th/admin/files/20231031144602_a5f5a84a2a39755393dcc0 77bc5c76a4.pdf [สืบค้นเมื่อ - สิงหาคม 2566] จารุณี ศรีเผือก (2554 :17) ความหมายของนิทาน [ออนไลน์]. ได้จาก https://worldfable.wordpress.com/category [สืบค้นเมื่อ 5 สิงหาคม 2566] จีรวรรณ นนทะชัย. (2555). ความสามารถด้านการพูดของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์เล่า นิทานประกอบการวาดภาพ. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโร ฒ. ชนาธิป บุปผามาศ (2553). การคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานอีสบ ประกอบค าถาม [ออนไลน์]. ได้จาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ear_Chi_Ed/Chanatip_B.pdf [สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2566]


60 ชูศรี วงศ์รัตนะ; และองอาจ นัยพัฒน์. (2551). แบบแผนการวิจัยเชิงทดลองและสถิติวิเคราะห์: แนวคิดพื้นฐานและวิธีการ. กรุงเทพฯ: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ปทมา แจงจํารัส. (2548). ความสามารถดานการคิดของเด็กปฐมวัยที่ท ากิจกรรมปนแปงโดแข็งชนิดแข็ง [ออนไลน์]. ได้จาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ear_Chi_Ed/Puttama_J.pdf [สืบค้นเมื่อ 29 สิงหาคม 2566] พจมาน เทียนมนัส. (2539). ความเชื่อมั่นในตนเองของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์การเล่า นิทานประกอบการแสดงละครสร้างสรรค์และประกอบการวาดภาพ . [ออนไลน์]. ได้จาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ear_Chi_Ed/Potchaman_T.pdf [สืบค้นเมื่อ 16 กันยายน 2566] พัชรี กัลยา. (2551). ความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมเกม การศึกษามิติสัมพันธ์. [ออนไลน์]. ได้จาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ear_Chi_Ed/Phatcharee_K.pdf [สืบค้นเมื่อ 15 กันยายน 2566] พัชรี คุ้มชาติ(2553).การคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัยที่ฟังนิทานประกอบการปั้น [ออนไลน์]. ได้จาก: http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ear_Chi_Ed/Phatcharee_Kh.pdf [สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2566] เยาวพา เดชะคุปต์. (2551). การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ส าหรับเด็กปฐมวัย.กรุงเทพฯ: เบรส-เบส บุ๊คส์. รวีวรรณ สุวรรณเจริญ.(2554). การคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรม ศิลปะสร้างสรรค์ ด้วยแป้งโดกับลูกกลิ้งหลายลาย.[ออนไลน์]. ได้จาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ear_Chi_Ed/Raweewan_S.pdf [สืบค้นเมื่อ 15 กันยายน 2566] ระภา เอี่ยมสุธึ (2557) การพัฒนาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยการเล่านิทานประกอบงานศิลปะที่ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัย [ออนไลน์]. ได้จาก http://www.edu.nu.ac.th/th/news/docs/download/2018_05_28_16_37_44.pdf [สืบค้น เมื่อ 29 สิงหาคม 2566] ลัดดา นีละมณี. (ม.ป.ป.) คู่มือครูอนุบาล, นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษาศูนย์การเรียนกิจกรรมเสรี ระดับวัยก่อนประถมศึกษา. กรุงเทพฯ: บรรณกิจ.


61 วรเกียรติ ทองไทย.(2553). ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่าเรื่องจาก หนังสือภาพ. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. วรรณี สิริสุนทร. (2552) ความหมายของการปั้น. [ออนไลน์]. ได้จาก http://www.digitalschool.club/digitalschool/art/art1_2/lesson3/content3_1/pemtem5. [สืบค้น เมื่อ 15 สิงหาคม 2566] วรรณวัฒก็ ปวุตตานนท์ (2556:) [ออนไลน์]. ได้จาก http://202.29.22.172/fulltext/2559 [สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2566] วัลย์ ตนะสอน (3:2559) ได้ทำการวิจัยเรื่อง การจัดประสบการณ์การเล่านิทานประกอบกิจกรรมศิลปะ เพื่อ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์[ออนไลน์]. ได้จาก http://fulltext.rmu.ac.th/fulltext/2559/121329/Lawan%20Tanasawn.pdf [สืบค้นเมื่อ 29 สิงหาคม 2566] วิชชุลดา นุชนงค์ (2564) ผลการจัดกิจกรรมการปั้นที่มีต่อความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็ก ปฐมวัย ชั้นบริบาล โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์[ออนไลน์]. ได้จาก http://satit.bru.ac.th/download/รายงานการวิจัยในชั้นเ-10/ [สืบค้น เมื่อ 29 สิงหาคม 2566] ศรัญญา พิมเสน(2562 : 1) การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์โดยการเล่านิทานแบบเล่าไปวาดไปของนักเรียน ชั้นอนุบาลปีที่ 3 [ออนไลน์]. ได้จาก http://www.ska2.go.th/reis/data/research/25640707_095623_6402.pdf [สืบค้น เมื่อ 29 สิงหาคม 2566] สุปราณี งามหลอด (2557).ผลการจัดกิจกรรมศิลปะการปั้นที่มีต่อทักษะการคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัย [ออนไลน์]. ได้จาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ear_Chi_Ed/Supranee_N.pdf [สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2566] อาทิตยา วงศ์มณี (2553:94) ผลของการจัดกิจกรรมการปั้นที่มีต้อทักษะกล็ามเนื้อมัดเล็กของเด็กปฐมวัย [ออนไลน์]. ได้จาก https://www.chonburi.spu.ac.th/journal/booksearch/upload/222- 12_EFFECTS.pdf [สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2566]


62 ภาคผนวก


63 ภาคผนวก ก - รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจเครื่องมือ - ค่า IOC


64 รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจเครื่องมือ 1. นางสาวญาณี ช่อสูงเนิน อาจารย์สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 2. นางจันทร์เพ็ญ เมืองฮาม ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านตาด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุดรธานี เขต 1 3. นางสาววิมล ศรีมล ครูชำนาญการ โรงเรียนบ้านตาด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุดรธานี เขต 1


65 ตารางผนวกที่ 6 ค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับ ของเด็กปฐมวัย ข้อ คิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ รวม IOC การแปล ความหมาย คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1 1 1 1 3 1 ใช้ได้ 2 1 1 1 3 1 ใช้ได้ 3 1 1 1 3 1 ใช้ได้ 4 1 1 1 3 1 ใช้ได้ 5 1 1 1 3 1 ใช้ได้ 6 1 1 1 3 1 ใช้ได้ 7 1 1 1 3 1 ใช้ได้ 8 1 1 1 3 1 ใช้ได้ 9 1 1 1 3 1 ใช้ได้ 10 1 1 1 3 1 ใช้ได้


66 ภาคผนวก ข - คู่มือการใช้แผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้น เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิง เหตุผลด้านการเรียนลำดับของของเด็กปฐมวัย - ตัวอย่างแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้น เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิง เหตุผลด้านการเรียนลำดับของของเด็กปฐมวัย จำนวน 3 แผน


67 คู่มือการใช้แผนการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียนล าดับของของเด็กปฐมวัย หลักการและเหตุผล การจัดกิจกรรมเล่านิทานปะการปั้น เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียนลำดับ เป็นกิจกรรม ที่ให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง เปิดโอกาสให้เด็กได้คิดอย่างอิสระ โดยครูเป็นผู้กระตุ้นด้วยคำถามที่สอดคล้องกับชุด กิจกรรมในแต่ละชุด เพื่อให้เด็กได้คิด เรียงลำดับเหตุการณ์ หาคำตอบ คิดตัดสินใจ และแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ทำให้เด็กได้พัฒนาทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียนลำดับ เนื่องจากในกระบวนการจัดกิจกรรมนั้น เด็กจะต้อง ใช้ความคิดเชิงเหตุผลประกอบ ครูเป็นผู้วางแผนการจัดกิจกรรม สร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับ การเรียนรู้ เตรียมสื่อและอุปกรณ์ รวมถึงการตั้งคำถามต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เด็กเกิดทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้าน การเรียงลำดับอย่างมีประสิทธิภาพ จุดมุ่งหมาย 1. เพื่อให้เด็กได้สร้างผลงานตามความคิดและจินตนาการของตนเองได้ 2. เพื่อให้เด็กได้ฝึกทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับ ผ่านการเล่านิทานประกอบการปั้นให้ สอดคล้องและต่อเนื่องกันได้ 3. เพื่อให้เด็กฝึกการเรียงลำดับเหตุการณ์ในนิทานได้ การด าเนินการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น การวิจัยครั้งนี้ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น ดังนี้ 1. ใช้ระยะเวลาในการทดลองเป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วันได้แก่ วันอังคาร วันพุธ และวันพฤหัสบดี วันละ 45 นาที 2. กำหนดเนื้อหาของกิจกรรมเอาไว้ 24 กิจกรรมดังนี้ 2.1 นิทานเรื่อง หมาป่ากับนกกระเรียน 2.2 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.3 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.4 นิทานเรื่อง ห่านไข่เป็นทอง 2.5 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน


68 2.6 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.7 นิทานเรื่อง ม้ากับลาย 2.8 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.9 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.10 นิทานเรื่อง ชายตัดฟืนกับเทพารักษ์ 2.11 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.12 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.13 นิทานเรื่อง สุนัขล่าเนื้อ 2.14 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.15 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.16 นิทานเรื่อง แม่นม 2.17 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.18 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.19 นิทานเรื่อง โอ๊ะโอ ฟันหายไปไหน 2.20 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.21 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.22 นิทานเรื่อง แพะสองตัว 2.23 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 2.24 เด็กร่วมกันตั้งชื่อนิทาน 3. การปฏิบัติกิจกรรมดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้ 3.1 ขั้นนำ นำเด็กเข้าสู่กิจกรรมด้วยการสนทนา คำคล้องจอง เพลง หรือกิจกรรมอื่นๆให้ สอดคล้องกับเรื่องที่จะเรียนรู้ และร่วมกันสร้างข้อตกลงในการทำกิจกรรมร่วมกัน 3.2 ขั้นดำเนินกิจกรรม ดำเนินกิจกรรมด้วยการสนทนาใช้คำถามกระตุ้นให้เด็กคิด ให้เด็กสังเกต ปกหนังสือนิทานและทายชื่อเรื่อง เล่านิทานให้เด็กฟังด้วยการใช้สื่อต่างๆประกอบการเล่า เมื่อเล่านิทานจบแล้วใช้ คำถามกระตุ้นให้เด็กคิด และให้เด็กร่วมกันลงมือปั้นพร้อมตกแต่งผลงาน ทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ควรเก็บอุปกรณ์ให้ เข้าที่ หลังทำกิจกรรมเสร็จแล้วเด็กล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง


69 3.3 ขั้นสรุป ให้เด็กร่วมกันเล่าผลงาน เรียงลำดับเหตุการณ์ ครูจดบันทึกคำพูดของเด็ก การประเมินผล 1. สังเกตการสร้างผลงานตามความคิดและจินตนาการ 2. สังเกตเล่านิทานประกอบการปั้นให้สอดคล้องและต่อเนื่องกัน 3. สังเกตการเรียงลำดับเหตุการณ์ในนิทาน บทบาทของครู 1. ศึกษาแผนการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นให้เข้าใจ 2. จัดเตรียมสื่อและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปั้นให้เพียงพอกับเด็ก บทบาทเด็ก 1. ปฏิบัติกิจกรรมศิลปะการปั้นด้วยความสนุกสนาน มีอิสระในการใช้ความคิดและจินตนาการเพื่อ สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างสวยงาม 2. ตอบคำถามต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา และร่วมสนทนากับครูและเพื่อนๆ ยอมรับความคิดเห็นของคน อื่นอย่างเสมอภาคกัน 3. นำเสนอผลงานเป็นกลุ่ม หรือรายบุคคล


70 แผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้น เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงล าดับของเด็กปฐมวัย สัปดาห์ที่ 1 กิจกรรมที่ 1 (นิทานเรื่อง หมาป่ากับนกกระเรียน) เวลา 45 นาที ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สาระส าคัญ การเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้จากนิทานและการปั้น เป็นการพัฒนาทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับ โดยผ่านการเล่านิทานประกอบการปั้นจะทำให้เด็กได้เกิดการคิดเชิงเหตุผล เรียงลำดับเหตุการณ์หรือเรื่องราวใน นิทานเป็นลำดับขั้นตอนและเกิดจินตนาการในการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้เมื่อเด็กร่วมกิจกรรมจนจบกระบวนการนี้แล้วเด็กจะสามารถ 1. สร้างผลงานตามความคิดและจินตนาการของตนเองได้ 2. เล่านิทานประกอบการปั้นให้สอดคล้องและต่อเนื่องกันได้ 3. เรียงลำดับเหตุการณ์ในนิทานได้ ขั้นตอนการด าเนินกิจกรรม ขั้นน า 1. ครูท่องคำคล้องจอง “ป่าแสนสวย” ให้เด็กฟัง 1 รอบ จากนั้นพาเด็กอ่านทีละวรรค จำนวน 1 รอบ รอบสุดท้ายครูและเด็กร่วมกันท่องคำคล้องจอง ป่าแสนสวย พร้อมสนทนาเกี่ยวกับคำคล้องจอง 2. ครูและเด็กร่วมกันสร้างข้อตกลงในการทำกิจกรรมร่วมกัน ขั้นด าเนินกิจกรรม 3. ครูแนะนำกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นให้เด็กฟังและสนทนาเกี่ยวกับนิทาน โดยใช้คำถาม ดังนี้ - เด็กๆคิดว่านิทานคืออะไร - เด็กๆเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับนิทานอย่างไรบ้าง 4. ครูให้เด็กสังเกตปกหนังสือนิทานและทายชื่อเรื่อง 5. ครูเริ่มเล่านิทาน หมาป่ากับนกกระเรียน พร้อมให้เด็กคอยแสดงความคิดเห็นและแต่งนิทานต่อจากเนื้อ เรื่องที่ครูเล่า ให้สอดคล้องและต่อเนื่องกัน 4. ครูสนทนาเกี่ยวกับกิจกรรมการปั้นพร้อมกับให้เด็กสังเกตอุปกรณ์


71 6. ครูให้เด็กมารับอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมและเริ่มให้เด็กร่วมกันปั้นอิสระ โดยมีครูคอยให้คำแนะนำ เมื่อเด็กต้องการความช่วยเหลือ ขั้นสรุป 7. เมื่อปั้นดินน้ำมันเสร็จ เด็กออกมานำเสนอผลงานโดยให้ร่วมกันเล่านิทานประกอบการปั้น พร้อมเปิด โอกาสให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นและชื่นชมผลงานร่วมกัน สื่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ 1. คำคล้องจอง ป่าแสนสวย 2. นิทานเรื่อง หมาป่ากับนกกระเรียน 3. ดินน้ำมัน 4. แผ่นรองปั้น 5. ถาดใส่ผลงาน การวัดและการประเมินผล สังเกต 1. การสร้างผลงานตามความคิดและจินตนาการ 2. เล่านิทานประกอบการปั้นให้สอดคล้องและต่อเนื่องกัน 3. การเรียงลำดับเหตุการณ์ในนิทาน


72 ค าคล้องจอง ป่าแสนสวย ไม่ทราบนามผู้แต่ง ป่าไม้แสนสวย ต้องช่วยรักษา อย่าทำลายป่า คุณค่ามากมี ดินน้ำพืชสัตว์ ผูกมัดโลกนี้ ร่มเย็นทุกที่ อยู่ดีสุขสบาย นิทาน หมาป่ากับนกกระเรียน ผู้เขียน ฝ้าย เจริญสุข ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าอันอุดมสมบูรณ์ หมาป่าตัวหนึ่งกำลังขย้ำเหยื่อที่มันเพิ่งล่ามาได้ ทันใดนั้น กระดูกชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งที่นิดอยู่ในเนื้อก็ขวางคอ กลืนก็ไม่ได้คายก็ไม่ออก มันพยายามเอากระดูกชิ้นนั้นออกจาก คอจนเจ็บปวดไปหมด เจ้าหมาป่าทรมาณมาก ได้แต่วิ่งวนไปวนมาและเห่าหอนอย่างน่าสงสาร มันพยายามหา ใครก็ได้มาช่วยเอากระดูกออกจากคอของมัน เจ้าหมาป่าเจ็บปวดจนต้องอ้อนวอนออกมาว่า “ถ้าใครช่วยเอา กระดูกออกจากคอข้าได้ ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม เจ้านกกระเรียนที่เดินผ่านได้ยินดันนั้นก็เสนอตัวเข้าช่วยเหลือ เจ้าหมาป่า โดยบอกให้หมาป่าอ้าปากค้างเอาไว้ เเล้วนกกระเรียนก็โก่งคอเล็กเรียวของตนลงไปในคอของเจ้าหมา ป่า เเล้วใช้จะงอยปากคาบกระดูกชิ้นนั้นออกจากคอเจ้าหมาป่าได้อย่างง่ายดาย หมาป่าดีใจมากที่หายจากอาการ เจ็บปวด “ไหนล่ะะรางวัลที่ท่านสัญญาว่าจะให้ข้า” เจ้านกกระเรียนทวงถามเมื่อทำงานเสร็จ เจ้าหมาป่าแสยะ เขี้ยวและพูดว่า “เจ้าได้ไปแล้วนี่ การที่เจ้ายื่นหัวลงไปในคิข้าและข้าก็ไม่เขมือบเจ้าเป็นอาหาร นั่นยังไม่พออีกหรือ เจ้ายังจะมาทวงรางวัลอะไรจากข้าอีกล่ะ” เจ้าหมาป่าพูดพร้อมกับเดินจากเจ้านกกระเรียนไปอย่างสบายอารมณ์ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “อย่าคาดหวังสิ่งตอบแทนจากการช่วยเหลือคนชั่ว”


73 แผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้น เพื่อเปรียบเทียบความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัย สัปดาห์ที่ 1 กิจกรรมที่ 2 (เด็กร่วมกันตั้งชื่อเรื่องนิทาน) เวลา 45 นาที ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สาระส าคัญ การเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้จากนิทานและการปั้น เป็นการพัฒนาทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับ โดยผ่านการเล่านิทานประกอบการปั้นจะทำให้เด็กได้เกิดการคิดเชิงเหตุผล เรียงลำดับเหตุการณ์หรือเรื่องราวใน นิทานเป็นลำดับขั้นตอนและเกิดจินตนาการในการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้เมื่อเด็กร่วมกิจกรรมจนจบกระบวนการนี้แล้วเด็กจะสามารถ 1. สร้างผลงานตามความคิดและจินตนาการของตนเองได้ 2. เล่านิทานประกอบการปั้นให้สอดคล้องและต่อเนื่องกันได้ 3. เรียงลำดับเหตุการณ์ในนิทานได้ ขั้นตอนการด าเนินกิจกรรม ขั้นน า 1. ครูร้องเพลง โปเลโปลา ให้เด็กฟัง 1 รอบ จากนั้นพาเด็กอ่านทีละวรรค จำนวน 1 รอบ รอบสุดท้ายครู และเด็กร่วมกันร้องเพลง โปเลโปลา พร้อมท่าประกอบ 2. ครูและเด็กร่วมกันสร้างข้อตกลงในการทำกิจกรรมร่วมกัน ขั้นด าเนินกิจกรรม 3. ครูแนะนำกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นให้เด็กฟังและสนทนาเกี่ยวกับนิทาน โดยใช้คำถาม ดังนี้ - เด็กๆคิดว่านิทานคืออะไร - เด็กๆเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับนิทานอย่างไรบ้าง 4. ครูแนะนำอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรมให้เด็กฟัง พร้อมสาธิตวิธีการทำกิจกรรมเล่านิทาน ประกอบการปั้น 5. ครูนำตัวละครมาให้เด็กดู 8-10 ตัว พร้อมให้เด็กทุกคนร่วมกันเลือกตัวละครหลัก 5 ตัวและตั้งชื่อนิทาน 1 เรื่อง


74 6. ครูให้เด็กมารับอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมและเริ่มให้เด็กร่วมกันปั้นตัวละครในนิทานที่ร่วมกันตั้งขึ้น 7. เด็กออกมานำเสนอผลงานโดยการร่วมกันเล่านิทานประกอบการปั้น ให้เนื้อเรื่องสอดคล้องและ ต่อเนื่องกัน โดยมีครูคอยกระตุ้นเด็กและให้ความช่วยเหลือ ขั้นสรุป 8. เด็กและครูร่วมกันสรุปนิทานที่ได้ร่วมกันเล่านิทานประกอบการปั้น พร้อมเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดง ความคิดเห็น เรียงลำดับเหตุการณ์คร่าวๆในนิทานและชื่นชมผลงานร่วมกัน สื่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ 1. เพลง โปเลโปลา 2. รูปภาพตัวละคร 8-10 ตัว 3. ดินน้ำมัน 4. แผ่นรองปั้น 5. ถาดใส่ผลงาน การวัดและการประเมินผล สังเกต 1. การสร้างผลงานตามความคิดและจินตนาการ 2. เล่านิทานประกอบการปั้นให้สอดคล้องและต่อเนื่องกัน 3. การเรียงลำดับเหตุการณ์ในนิทาน


75 เพลง โปเลโปลา โปเล โปเล โปลา โปเล โปเล โปลา เด็กน้อยยื่นสองแขนมา มือซ้ายขวาทำเป็นคลื่นทะเล ปลาวาฬว่ายน้ำเป็นฝอย ปลากเล็กปลาน้อยว่ายตาม ปลาวาฬนับ 1 2 3 ใครว่ายตามปลาวาฬจับตัว


76 แผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้น เพื่อเปรียบเทียบความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัย สัปดาห์ที่ 1 กิจกรรมที่ 3 (เด็กร่วมกันตั้งชื่อเรื่องนิทาน) เวลา 45 นาที ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สาระส าคัญ การเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้จากนิทานและการปั้น เป็นการพัฒนาทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับ โดยผ่านการเล่านิทานประกอบการปั้นจะทำให้เด็กได้เกิดการคิดเชิงเหตุผล เรียงลำดับเหตุการณ์หรือเรื่องราวใน นิทานเป็นลำดับขั้นตอนและเกิดจินตนาการในการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้เมื่อเด็กร่วมกิจกรรมจนจบกระบวนการนี้แล้วเด็กจะสามารถ 1. สร้างผลงานตามความคิดและจินตนาการของตนเองได้ 2. เล่านิทานประกอบการปั้นให้สอดคล้องและต่อเนื่องกันได้ 3. เรียงลำดับเหตุการณ์ในนิทานได้ ขั้นตอนการด าเนินกิจกรรม ขั้นน า 1. ครูร้องเพลง เร็วเข้าซี ให้เด็กฟัง 1 รอบ จากนั้นพาเด็กอ่านทีละวรรค จำนวน 1 รอบ รอบสุดท้ายครู และเด็กร่วมกันร้องเพลง เร็วเข้าซี พร้อมท่าประกอบ ขั้นด าเนินกิจกรรม 3. ครูแนะนำกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้นให้เด็กฟังและสนทนาเกี่ยวกับนิทาน โดยใช้คำถาม ดังนี้ - เด็กๆคิดว่านิทานคืออะไร - เด็กๆเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับนิทานอย่างไรบ้าง 4. ครูแนะนำอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรมให้เด็กฟัง พร้อมสาธิตวิธีการทำกิจกรรมเล่านิทาน ประกอบการปั้น 5. ครูแบ่งกลุ่มเด็กออกเป็น 2 กลุ่ม โดยการจับฉลากหลอดสี 6. ครูนำตัวละครมาให้เด็กดู 8-10 ตัว พร้อมให้เด็กทุกคนร่วมกันเลือกตัวละครหลัก 5 ตัวและตั้งชื่อนิทาน 1 เรื่อง


77 7. ครูให้เด็กมารับอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมและเริ่มให้เด็กแต่ละกลุ่มร่วมกันปั้นตัวละครในนิทานที่ ร่วมกันตั้งขึ้น 8. เด็กออกมานำเสนอผลงานโดยแต่ละกลุ่มร่วมกันเล่านิทานประกอบการปั้น ให้เนื้อเรื่องสอดคล้องและ ต่อเนื่องกัน โดยมีครูคอยกระตุ้นเด็กและให้ความช่วยเหลือ ขั้นสรุป 9. เด็กและครูร่วมกันสรุปนิทานที่ได้ร่วมกันเล่านิทานประกอบการปั้น พร้อมเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดง ความคิดเห็น เรียงลำดับเหตุการณ์คร่าวๆในนิทานและชื่นชมผลงานร่วมกัน สื่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ 1. เพลง เร็วเข้าซี 2. รูปภาพตัวละคร 8-10 ตัว 3. ดินน้ำมัน 4. แผ่นรองปั้น 4. ฉลากหลอดสี 5. ถาดใส่ผลงาน การวัดและการประเมินผล สังเกต 1. การสร้างผลงานตามความคิดและจินตนาการ 2. เล่านิทานประกอบการปั้นให้สอดคล้องและต่อเนื่องกัน 3. การเรียงลำดับเหตุการณ์ในนิทาน


78 เพลง เร็วเข้าซี เร็วเข้าซี เร็วเข้าซี นับดีดี นับให้ดังดัง นกฝูงหนึ่งมากมายเสียจัง นับดังดัง นับให้ดีดี 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10


79 ตัวอย่างภาพประกอบการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการปั้น เด็กเริ่มปั้นดินน้ำมันช่วยกันอย่างกระตือรือร้น เด็กปั้นตัวละครและฉากประกอบในนิทานเป็นรูปเป็นร่างขึ้น


80 เด็กวางแผนและออกแบบตัวละครจากนิทานตามจินตนาการ เด็กเริ่มปั้นตัวละครจากนิทานเป็นรูปเป็นร่างขึ้น เด็กปั้นดินน้ำมันและออกแบบฉากประกอบนิทานอย่างสนุกสนาน


81 ผลงานปั้นดินน้ำมันของเด็กกลุ่มที่ 1 จากนิทานเรื่อง หมาป่ากับนกกระเรียน ผลงานผลงานปั้นดินน้ำมันของเด็กกลุ่มที่ 4 จากนิทานที่เด็กๆร่วมกันตั้งชื่อ (เรื่อง หมาป่ากับนายพราน) ผลงานปั้นดินน้ำมันของเด็กกลุ่มที่ 3 จากนิทานเรื่อง ชายตัดฟืนกับเทพารักษ์


82 เด็กออกมานำเสนอผลงานผ่านการเล่านิทาน เรื่อง หมาป่ากับนกกระเรียน เด็กออกมานำเสนอผลงานผ่านการเล่านิทาน เรื่อง ชายตัดฟืนกับเทพารักษ์ เด็กออกมาทบทวนตัวละครและเรียงลำดับเหตุการณ์จากนิทานที่ร่วมกันตั้งชื่อ


83 ภาคผนวก ค - คู่มือการใช้แบบทดสอบวัดทักษะการคิดเหตุผลด้านการเรียงลำดับสำหรับเด็กปฐมวัย - ตัวอย่างแบบทดสอบวัดทักษะการคิดเหตุผลด้านการเรียงลำดับสำหรับเด็กปฐมวัย


84 คู่มือด าเนินการทดสอบวัดทักษะการคิดเชิงเหตุผล หลักการและเหตุผล การคิดมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองของเด็กปฐมวัย การคิดช่วยให้เด็กรู้จักการวิเคราะห์แจกแจงสิ่ง ต่างๆ และแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน การคิดที่ควรส่งเสริมและพัฒนาอีกประการหนึ่งคือ การคิดเชิงเหตุผล หาก เด็กปฐมวัย ได้รับการฝึกฝนทักษะการคิดเชิงเหตุผลอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เด็กเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ สามารถแก้ปัญหา และมีชีวิตรอดอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ค าชี้แจง 1. แบบทดสอบที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นแบบทดสอบกึ่งปฏิบัติ ครูจะถามคำถามจากภาพที่กำหนดให้ และเด็กจะตอบคำถามจากครู หรือเด็กจะฟังคำสั่งจากครู และลงมือปฏิบัติตาม ครูบันทึกคะแนน ตามความ เหมาะสม 2. ข้อสอบมี 1 ชุด จำนวน 10 ข้อ โดยข้อสอบแต่ละข้อมีคะแนนตั้งแต่ 0 - 1 คะแนน 3. ระยะเวลาในการทำข้อสอบ ข้อสอบละ 3 นาที เริ่มจับเวลาเมื่อเสร็จสิ้นคำถามแต่ละข้อ ความมุ่งหมายของการวิจัย ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ตั้งความมุ่งหวังไว้ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาระดับทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยโดยรวม รายบุคคลที่ได้รับ การจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังที่ได้รับการ จัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น ขอบเขตของการวิจัย กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาครั้งนี้เป็นเด็กปฐมวัยชาย - หญิง อายุระหว่าง 5-6 ปีที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาล 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนบ้านตาด ซึ่งทางโรงเรียนได้จัดการศึกษาระดับปฐมวัย แบ่งออกเป็น 3 ชั้นเรียนคือ ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 และปีที่ 3 แต่ละระดับชั้นเรียนมี 1 ห้องเรียน ดังนั้นการศึกษาวิจัยครั้งนี้จึง เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงมา 1 ห้องเรียน จำนวนเด็กปฐมวัย 28 คน


85 ตัวแปรที่ศึกษา ตัวแปรอิสระคือ กิจกรรมเล่านิทานประกอบการปั้น ตัวแปรตามคือ ทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับ นิยามศัพท์เฉพาะ เด็กปฐมวัย หมายถึง เด็กนักเรียนชาย – หญิง ที่มีอายุระหว่าง 5-6 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาล 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเขต 1 นิทาน หมายถึง เรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาเพื่อให้เด็กเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินและความ บันเทิง มีการสอดแทรกคติธรรม คุณธรรมและจริยธรรม สามารถนำความรู้มาปรับเปลี่ยนประยุกต์ใช่ใน ชีวิตประจำวัน และเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตได้ การปั้น หมายถึง การนำวัสดุที่เป็นเนื้ออ่อนที่สามารถเปลี่ยนรูปได้ เช่น ขี้ผึ้ง ดินเหนียว ดินน้ำมัน กระดาษผสมกาว ขี้เลื่อยผสมกาว ปูนปลาสเตอร์ เป็นต้น มาผ่านกระบวนการในการเพิ่มวัสดุให้เกิดเป็นรูปทรงตาม ต้องการโดยใช้มือ และวัสดุอุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ ช่วยในการสร้างงานปั้น นอกจากนี้ งานปั้นยังเป็นงานศิลปะที่ สามารถสัมผัสกับส่วนลึก ตื้น หนา หรือบางได้ตามความเป็นจริง ไม่เหมือนงานจิตรกรรมที่มีลักษณะเป็น 2 มิติ ที่ ผู้ชมจะสัมผัสกับความลึกตื้น หนา บาง ได้จากความรู้สึกเท่านั้น ทักษะการคิดเชิงเหตุผล หมายถึง ความสามารถของเด็กปฐมวัยกลุ่มตัวอย่างที่สามารถอธิบาย บอกถึง การคิดเชิงเหตุผลของตนเองต่อเหตุการณ์ที่ตนเองปฏิบัติอยู่ ตลอดจนสามารถตอบข้อสงสัย ข้อซักถาม หรือเหตุผล ในการแก้ปัญหาต่างๆ ภายใต้การสนับสนุนและกระตุ้นจากครูผู้สอน ซึ่งจะนำไปสู่ทักษะการคิดให้เหตุผลเชิง ตรรกะ และเชิงสถานการณ์ การให้เหตุผลเชิงตรรกะนั้นเป็นการให้เหตุผลภายใต้เงื่อนไขและข้อตกลงร่วมกัน ระหว่างครูและเด็กว่าจะจำแนก หรือเรียงลำดับตามรูปร่าง ลักษณะอย่างไร และการให้เหตุผลเชิงสถานการณ์นั้น เป็นการให้เหตุผลการแก้ปัญหาของเด็กแต่ละคนที่เกิดขึ้นในขณะปฏิบัติกิจกรรม ซึ่งในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้แบ่ง การคิดเชิงเหตุผลออกเป็น 3 ด้านคือ 2.1 ด้านการจ าแนก หมายถึง การที่เด็กปฐมวัยมีความสามารถในการแบ่งประเภทการจัด หมวดหมู่ เปรียบเทียบ สังเกตความเหมือนหรือแตกต่างกันในด้านลักษณะ รูปร่าง สี ลายและรูปทรงของสิ่งของ สัตว์ พืช หรือคน


86 2.2 ด้านการเรียงล าดับ หมายถึง การที่เด็กปฐมวัยมีความสามารถในการลำดับเรื่องราว และ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนิทาน ลำดับสิ่งของ สัตว์ ของเล่นที่ปั้น ภาพต่างๆ สี และลำดับเรื่องราว หรือเหตุการณ์ที่เด็ก ได้ทำผ่านมาในระหว่างการปฏิบัติกิจกรรมศิลปะการปั้น 2.3 ด้านการแก้ปัญหา หมายถึง การที่เด็กปฐมวัยมีความสามารถ ในการคิดหาคำตอบ หา แนวทาง ในการแก้ไขปัญหาในรูปแบบต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นได้สำเร็จ วิธีด าเนินการทดสอบ การดำเนินการทดสอบในครั้งนี้เป็นการทดสอบแบบกึ่งปฏิบัติ (ตัวต่อตัว) 1. ศึกษาแบบทดสอบและคู่มือให้เข้าใจ ซึ่งข้อสอบที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้คือ ด้านการเรียงลำดับ จำนวน 1 ชุด 10 ข้อ แต่ละข้อคะแนนเต็ม 3 คะแนน ควรอ่านคู่มือและตรวจสอบความเรียบร้อยของแบบทดสอบ ทุกหัวข้อให้ครบถ้วนก่อนนำไปใช้ในการทดสอบจริง 2. จัดสถานที่สำหรับใช้ในการทดสอบให้เหมาะสมกับผู้ถูกทดสอบ สถานที่ควรเป็นที่โล่งอากาศ ถ่ายเทได้สะดวก จัดบรรยากาศในการทดสอบมีความเป็นกันเอง ทำให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย ควรจัดเก้าอี้ ให้เด็ก สามารถนั่งพูดคุยและตอบคำถามในการทำแบบทดสอบได้อย่างสะดวก 3. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับใช้ในการทดสอบ อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ ได้แก่สถานการณ์ใน เหตุการณ์ต่างๆ ใบบันทึกคะแนน ใบเกณฑ์การประเมินวัดทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงลำดับ ดินสอ ยางลบ และจัดวางชุดทดสอบแต่ละชุดไว้บนโต๊ะ โดยแต่ละชุดข้อสอบให้วางไว้โต๊ะละ 1 ชุด เพื่อไม่ให้อุปกรณ์ กระจัดกระจาย 4. ให้ผู้ถูกทดสอบนั่งในที่ที่ได้จัดเตรียมไว้ และทำใจให้สบาย เด็กอาจมีความตื่นเต้นก่อนการสอบ ครู ควรพูดคุยกับเด็กถึงสิ่งที่กำลังจะทำ ให้เด็กรู้สึกว่าการสอบไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ให้เด็กทำเท่าที่สามารถทำได้ 5. เขียนชื่อของผู้ถูกทดสอบลงในใบบันทึกคะแนนให้เรียบร้อย 6. ถามคำถามในแบบทดสอบทีละ 1 ข้ออย่างช้าๆ 1-2 รอบ 7. ให้เวลาเด็กคิดและตอบคำถามทีละข้อ เมื่อครูถามคำถามเสร็จแล้ว ครูจะให้เวลาเด็กในการตอบ คำถาม และอธิบายเหตุผล เป็นเวลา 3 นาทีต่อหนึ่งข้อคำถาม 8. ถาม- ตอบ คำถามในแบบทดสอบจนกระทั่งเสร็จสิ้นข้อคำถามในแบบทดสอบ 9. ผู้ทำการทดสอบฟังคำตอบทีละข้อและให้คะแนนตามความเหมาะสม 10.ทำเช่นนี้จนกระทั่งเสร็จสิ้นการทดสอบครบทุกคน


87 วิธีการบันทึกคะแนน การบันทึกคะแนนด้านการเรียงลำดับให้บันทึกคะแนน ดังนี้ คะแนน 3 – บันทึกเมื่อเด็กสามารถเรียงลำดับเหตุการณ์ก่อน-หลังได้ถูกต้องทั้งหมด คะแนน 2 – บันทึกเมื่อเด็กสามารถเรียงลำดับเหตุการณ์ก่อน – หลัง ได้ถูกต้อง 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 4 หรือ 4 ใน 5 ของภาพ คะแนน 1 - บันทึกเมื่อเด็กสามารถเรียงลำดับเหตุการณ์ก่อน – หลัง ได้ถูกต้อง 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 4 หรือ 1 ใน 5 ของภาพ คะแนน 0 – บันทึกเมื่อเด็กไม่สามารถเรียงลำดับเหตุการณ์ได้


88 ทักษะการคิดเชิงเหตุผลด้านการเรียงล าดับ แบบทดสอบวัดทักษะการคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัย (อายุ 5-6 ปี) ค าสั่ง: ให้เด็กปฏิบัติตามคำสั่งและตอบคำถามที่กำหนดให้ ข้อ 1: ครูแจกภาพเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อมให้เด็ก 1 ชุด พูด: "ครูจะให้หนูเรียงลำดับเหตุการณ์จากภาพที่ครูแจกให้ว่าเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นก่อนหลัง นะคะ" (ให้เด็กปฏิบัติ - ให้เวลา 3 นาที) ข้อ 2: แจกภาพของต้นผักบุ้งในกระถาง 3 ภาพให้เด็ก 1 ชุด พูด: "ครูจะให้หนูเรียงลำดับการเจริญเติบโตของต้นผักบุ้งว่าภาพไหนเกิดขึ้นก่อนหลังนะคะ" (ให้เด็กปฏิบัติ - ให้เวลา 3 นาที)


89 ข้อ 3: แจกภาพเด็กชายที่เพิ่งเล่นเตะบอลเสร็จ 4 ภาพให้เด็ก 1 ชุด พูด: "ครูจะให้หนูเรียงลำดับเหตุการณ์จากที่ครูแจกให้ว่าภาพไหนเกิดขึ้นก่อนหลังนะคะ" (ให้เด็กปฏิบัติ - ให้เวลา 3 นาที) ข้อ 4: แจกภาพวัฎจักรวงจรชีวิตของผีเสื้อ 4 ภาพให้เด็ก 1 ชุด พูด: "ครูจะให้หนูเรียงลำดับวัฏจักรวงจรชีวิตของผีเสื้อว่าภาพไหนเกิดขึ้นก่อนหลังนะคะ" (ให้เด็กปฏิบัติ - ให้เวลา 3 นาที) ข้อ 5: แจกภาพของต้นแอปเปิ้ล 5 ภาพให้เด็ก 1 ชุด พูด: "ครูจะให้หนูเรียงลำดับการเจริญเติบโตของต้นแอปเปิ้ลว่าภาพไหนเกิดขึ้นก่อนหลังนะคะ" (ให้เด็กปฏิบัติ - ให้เวลา 3 นาที)


90 ข้อ 6: แจกภาพเกี่ยวกับกิจวัตรประจ าวัน 5 ภาพให้เด็ก 1 ชุด พูด: "ครูจะให้หนูเรียงลำดับกิจวัตรประจำวันว่าภาพไหนเกิดขึ้นก่อนหลังนะคะ" (ให้เด็กปฏิบัติ - ให้เวลา 3 นาที) ข้อ 7: แจกภาพเหตุการณ์เด็กเล่นต่อบล็อก 5 ภาพให้เด็ก 1 ชุด พูด: "ครูจะให้หนูเรียงลำดับเหตุการณ์จากภาพที่ครูแจกให้ว่าเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นก่อนหลังนะคะ" (ให้เด็กปฏิบัติ - ให้เวลา 3 นาที) ข้อ 8: แจกภาพเกี่ยวกับการท านา 5 ภาพให้เด็ก 1 ชุด พูด: "ครูจะให้หนูเรียงลำดับการทำนาว่าภาพไหนเกิดขึ้นก่อนหลังนะคะ" (ให้เด็กปฏิบัติ - ให้เวลา 3 นาที)


Click to View FlipBook Version